วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761




    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาดูหนังพระนเรศวรภาคสอง เห็นน้ำใจของท่านที่ไม่ยอมทิ้งประชาชนและบริวารแล้ว มันตื้นตันอย่างที่สุด อารมณ์ข้างในรู้สึกว่าหึกเหิมขึ้นอย่างมาก
    เมื่อมาเทียบกับที่คุณคณานันท์กล่าวถึง ที่สาวกและบริวาร ต้องเคว้งคว้างเมื่อพุทธภูมิลาเสียแล้ว
    อ่านแล้วสะท้อนใจมากครับ เกิดคำถามแก่ตนเองว่า ถ้าเป็นเรา เราจะทำได้ลงคอเชียวหรือ ....
    ขอบพระคุณมากครับที่ทำให้เกิดกำลังใจเพิ่มขึ้นอีก

    อนุโมทนาบุญอย่างยิ่งครับ
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่วนคำอธิฐานใช้หนี้พุทธภูมินั้น ก็คงยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหมู่สัตว์ทั้งปวง ด้วยบารมี ด้วยช่วงเวลา ด้วยวาระ ที่ยังพึงมีก่อนที่ท่านผู้ลาพุทธภูมิผู้นั้น จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    "ด้วยบารมีอันข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาเพื่อปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้ขอลาพุทธภูมิ และขอเป็นสาวกภูมิ ในพระศาสนาแห่งองค์พระสมณะโคดมผู้ประเสริฐ

    ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบารมีที่ได้บำเพ็ญมาในอดีตกาล จนถึงปัจจุบันบูชาคุณแห่งพระพุทธเจ้าและศาสนาของพระองค์ ขอให้บารมีแห่งข้าพเจ้าและเหล่าบริวารทั้งหลาย เป็นบุญหนุนนำค้ำจุน พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองดั่งสมัยพุทธกาล มากด้วย พระอริยะเจ้า พระสุปฏิปันโน และ พระโพธิสัตว์ มวลพุทธบริษัททั้งปวงล้วนเข้าถึงธรรมได้ถูกต้องเป็นสัมมาทิษฐิ เข้าใจในธรรมตามพุทธประสงค์แห่งองค์พระศาสดา

    และตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ขอทำหน้าที่พุทธภูมิมีกำลังใจทำงานรับใช้พระบวรพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง เป็นกำลังใจส่งเสริม พุทธภูมิท่านอื่นๆในการบำเพ็ญบารมีสืบต่อไป เพื่อสานต่องานรื้อขนสรรพสัตว์สู่พระนิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์นับเนื่องจากสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้นมา ด้วย เทอญ

    ด้วยอานิสงค์และบารมีที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วนั้น ขอให้ข้าพเจ้าและเหล่า สาวก บริวารทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานอย่างง่ายดายในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ"
     
  3. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    เด็กอนุบาลขอรายงานผลการปฏิบัติธรรมประจำวันต่อคุณคณานันท์ครับ

    4:30-6:00am ผมตื่นนอนมาไหว้พระแล้วทำอานาปานสติไล่ลมหยาบตามลมละเอียดตามที่คุณแนะนำ ตอนทำรู้สึกมีความคืบหน้าขึ้นจับลมละเอียดได้เร็วขึ้น ต่อเนื่องขึ้น รู้สึกตึงๆที่บริเวณหน้าแถวๆจมูก แล้วเวลาหายใจเข้าออกรู้สึกถึงแรงตึงนี้เสมอๆ จริงๆอาการนี้เมื่อก่อนจะมาตั้งใจรักษาศีลห้าปฏิบัติธรรมไม่เคยเป็น ผมไปผิดทางหรือเปล่าครับ คุณคณานันท์
    6:00-7:00am ผมเดินจงกรมที่บึงหลังหมู่บ้าน ระหว่างเดินก็สวดมนต์ไปด้วยแล้วทำอานาปานสติต่อ แล้วก็แผ่เมตตา แล้วเดินทำอานาปาต่อ แล้วไปนั่งริมบึงคลายสมาธิมาพิจารณาตัดขันธ์ห้า ทำมโนฯครึ่งกำลังขอบารมีพระพุทธเจ้ายกอาทิสมานกาย ขึ้นไปกราบพระ, สวดมนต์ถวายพระ, และแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญบนพระนิพพานให้เจ้ากรรม, เทพยดา, และอธิษฐานขอให้ได้มานิพพานในชาตินี้ ถ้าคุณคณานันท์จะกรุณาถามพระท่านให้ผมหน่อยว่า ผมมีอะไรจะต้องปรับปรุงใจอีกบ้างเพื่อความก้าวหน้าในทางธรรมจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง เพราะผมกลัวว่าการเจอพระของผมไม่ใช่ของจริง เนื่องจากจิตผมยังเลวไปเข้าไม่ถึงพระท่าน
    7:00am-8:30am เข้าweb เปิดเทปหลวงพ่อฤาษีให้คุณพ่อ คุณแม่ และตัวเองฟัง สำหรับคุณพ่อดูจะไม่ค่อยตั้งใจฟังเลยแต่คุณแม่วันนี้ดูตั้งใจฟังมาก ผมรู้สึกชื่นใจจริงๆ แต่คุณแม่เองก็ยังมีข้อสงสัยอยู่มาก เหมือนท่านยังไม่ค่อยรับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่งเท่าไหร่ ท่านยังคิดว่าเกิดมามีทุกข์บ้างมีสุขบ้างเป็นธรรมดา คุณคณานันท์มีคำแนะนำให้ผมโน้มน้าวใจคุณแม่บ้างมั๊ยครับ วันนี้ฟังเทปเรื่องพระพุทธเจ้าทรงสอนหลวงพ่อให้บรรลุธรรมโดยสอนให้เข้าใจตัวทุกข์ คือให้คิดให้ได้ตลอดวันว่าใดๆในโลกนี้ที่เราได้พบเจอหรือรู้สึก ล้วนแล้วแต่นำทุกข์มาให้เราทั้งนั้น ผมรู้สึกว่าซึ้งในสิ่งที่ท่านสอนมากจนต้องเอาปากกาจดกับกระดาษ กันลืมครับ
    8:30 am- ขับรถมาทำงานตามปกติแล้วระหว่างวันก็พยายามฝึกตามลมละเอียดตามที่คุณแนะนำ ทำได้บ้างเผลอไปบ้าง พออ่านเจอว่าคุณแนะนำให้จินตนาการว่าลมเข้าออกเป็นใยไหมไหลเข้าออก รู้สึกปฏิบัติตามแล้วถูกจริตครับ ระหว่างวันที่ว่างก็ไล่อ่านบทความที่คุณและเพื่อนๆได้ post ใน web หลายสิบหน้า ชอบในหลายๆเรื่องเลยครับในความมุ่งมั่นของหลายๆท่านที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด

    เด็กอนุบาลขออนุโมทนาในธรรมทานอันประเสริฐที่หลายท่านได้แบ่งปันให้ใน web นี้ครับ ถ้ามีอะไรที่พอจะให้ผมช่วยงานคุณคณานันท์ได้ ขอให้แจ้งผมด้วยครับ ผมยินดีช่วยอย่างเต็มกำลัง ผมอยากได้มีโอกาสช่วยงานคุณ เพราะผมตระหนักดีว่าผู้ที่ตั้งใจจริงในความเป็นพุทธภูมิมีภาระหน้าที่ๆหนักมาก

    ที่ผมพอจะช่วยได้ก็คือพวกงานพิมพ์ต่างที่เกี่ยวกับธรรมทาน งานที่บริจาคทานบารมีทุกประเภท,งานติดต่อประสานงาน, งานแปลเอกสาร,ทำ presentation slide, แปลภาษาไทย<-->อังกฤษ ครับ ผมอยากมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันเพื่อทำความดีให้ถึงที่สุดตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนครับ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณเด็กอนุบาลครับ

    อาการตึงๆบริเวณใบหน้าเป็นอาการ ที่จิตเริ่มรวมตัวกันในตำแหน่งนี้ครับ โดยรัศมีที่มีอาการเสียวตึงจะครอบคลุมประมาณ กลางหน้าผากลงมาถึงริมฝีปากล่าง เป็นสิ่งที่ดีครับ ไม่ต้องไปพะวงกับมันหรืออาการที่เกิดขึ้นให้มุ่งอยู่ที่ลมหายใจเพียงอย่างเดียว

    ส่วนที่ให้ช่วยถามพระให้นั้นที่จริงพระท่านบอกว่าคุณก็รู้คำตอบที่พระท่านบอกมาอยู่แก่ใจตนเองอยู่แล้ว นั่นก็คือ การรักษาศีลให้บริสุทธ์ สามชั้น (ลองไปค้นคว้าดู) และอีกประการก็คือ การทรงพรหมวิหารสี่ ให้เป็นปกติ

    มีที่เพิ่มเติมในส่วนของคุณและคุณแม่ก็คือ

    "เห็นธรรม เห็นทุกข์ และจงเห็นความเป็นธรรมดา จึงจะไม่ทุกข์ "

    ปฏิบัติธรรมแล้วจงมีใจที่ผ่องแผ้ว อย่าได้เศร้าหมอง เห็นทุกข์แล้วปล่อยวาง จะทำให้ใจเราทุกข์น้อยลง

    ส่วนเสียงธรรมมะนั้นขอให้ส่งที่อยู่ไปขอรับดีวีดีเสียงธรรมได้ฟรีเป็นธรรมทานจากน้องนาคามูระครับ จะได้สะดวกยิ่งขึ้น ในการปฏิบัติ

    ขอโมทนาในการปราวรณาในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมเช่นกันครับ
     
  5. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ความเข้าใจของเด็กอนุบาลต่อการปฏิบัติศีล 3ชั้น

    ขอบคุณคุณคณานันท์ที่ให้ธรรมทานครับ ผมค้นคว้าเรื่องศีล 3 ชั้น มาได้หลายแบบครับ จึงอยากเรียนถามว่า แบบไหนคือศีล 3ชั้นที่คุณคณานันท์หมายถึง
    1. ศีลบารมี ศีลอุปบารมี ศีลปรมัตถ์บารมี= รักษ์ศีลกว่าของนอกกาย กว่าอวัยวะ กว่าชีวิตตามลำดับ
    2. ไม่ยอมทำผิดศีล->ไม่ยุยงให้คนอื่นทำผิดศีล--> ไม่ยินดีที่คนอื่นทำผิดศีล
    3. นอกจากจะไม่ละศีลแล้วยังส่งเสริมศีล เช่น ไม่ฆ่าสัตว์-->ไม่เบียดเบียนให้สัตว์เดือดร้อน-->มีเมตตาช่วยเหลือสัตว์ที่เดือดร้อนให้พ้นทุกข์
    4. ไม่ยอมให่กายผิดศีล-->ไม่ยอมให้วาจาผิดศีล-->ไม่ยอมให้ใจคิดผิดศีล
    ส่วนการเจริญพรหมวิหารสี่นั้น ผมจะใช้แนวทางของหลวงพ่อเกษม ที่ท่านสอนให้อธิษฐานเบิกบุญโดยตั้งจิตอธิษฐานตามนี้ ทุกๆที่ ทุกเวลาดีไหมครับ
    "ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้โปรดบันดาลบุญที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ปฏิบัติมาดีแล้วในทุกชาติ ให้สำเร็จแด่"
    ครั้งที่1 พระรัตนตรัย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    ครั้งที่2 เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เพื่อให้ทุกท่านอโหสิกรรมและมีนิพพานเป็นสุคติ
    ครั้งที่3 เทพยดาฟ้าดินทั้งหลาย ทั้งท่านที่รักษาข้าพเจ้าก็ตาม ไม่ได้รักษาข้าพเจ้าก็ตาม ทั้งท่านพระยายมราชก็ตาม ขอให้ทุกท่านโมทนาบุญนี้และมีนิพพานเป็นสุคติ
    ครั้งที่4 ดวงวิญญาณใดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับข้าพเจ้า ขอให้ทุกท่านโมทนาบุญนี้
    ถ้าคุณคณานันท์มีคำแนะนำอื่นๆในการตั้งจิตที่เป็นพรหมวิหารที่ง่ายๆแต่ได้ผลในการปฏิบัติธรรมเร็ว ได้โปรดช่วยสงเคราะห์ผมและเพื่อนๆที่เข้ามาดูกระทู้ครับ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรื่องศีลสามชั้น นั้น วิสัชนามาได้ไม่ธรรมดาครับ จำแนกแตกออกไปได้พิสดารและกว้างดีครับ นับเป็นการจำแนกข้อธรรมให้กว้างขวางออกไปได้

    ทำให้เป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อื่นได้อีกมาก

    ส่วนพรหมวิหารสี่นั้น การปฏิบัติจริงให้ได้ผล ก็คือการแผ่เป็นความรู้สึกออกมาจากดวงจิตของเรา อย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ลองศึกษาใน "เมตตาอัปปันนาณญาณ" เมื่อทำได้แล้ว

    -จิตใจเราก็จะเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งความเมตตาต่อสรรพสัตว์อย่างไม่รู้จักเหือดแห้ง

    -จิตของเราจะเต็มอิ่มบริบูรณ์ในพรหมวิหารสี่

    -บารมีจะเต็มเร็วขึ้น ญาณทัศนะจะเปิดออกมากกว่าคนสามัญทั่วไปหลายสิบ หลายร้อยเท่า

    -กำลังสมาธิจะเข้าสู่ฌานสี่ละเอียด โดยอัตโนมัติ ขณะนั้น

    -ตายไปย่อมจุติในพรหมโลก

    เหล่านี้เป็นอานิสงค์เพียงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งแห่งการเจริญเมตตาอัปปันนาณญาณ

    อานิสงค์ที่ปรากฏแก่ส่วนรวมก็คือ

    -เป็นการเติมพลังงานด้านบวกสู่จิตใจของสรรพสัตว์ ทั้งสามภพภูมิ

    -เหนี่ยวนำ โน้มน้าวดวงจิตทั้งหลายให้เคลื่อนเข้าสู่กุศลกรรม และสัมมาทิษฐิ

    -เป็นการสร้างสันติภาพ สันติสุขสู่มหาจักรวาลน้อยใหญ่


    ไม่ยากเกินกำลังใจของคุณเด็กอนุบาลและทุกๆท่านครับ

    ขอความเจริญงอกงามในธรรมแห่งพระพุทธชินสีห์จงมีแด่ทุกๆท่าน ตลอดไปครับ
     
  7. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    เด็กอนุบาลรายงานผลการปฏิบัติธรรมประจำวันนี้

    ขอบคุณคุณ kananun ที่ให้กำลังใจผมครับ ผมเองคิดว่าพอจะรู้อะไรบ้างในทางทฤษฎี แต่ในเชิงปฏิบัติธรรมผมยังเพิ่งเริ่มทำจริงจัง ผมเลยตั้งชื่อตัวเองว่า "เด็กอนุบาล" (ในทางธรรม) ครับ
    ประมาณตีสี่: ผมตื่นมาฝึกไล่ลมหยาบ จับลมละเอียดเหมือนเดิม วันนี้รู้สึกว่าจะทำได้ดีกว่าทุกวัน คือจิตใจเริ่มจดจ่อกับลมละเอียดได้ดีขึ้น จากจินตนาการที่คุณได้แนะนำ ผมลองประยุกต์ไปด้วยว่าเหมือนมีขนนกเบาหวิว ไหลเข้ามากับลมเข้าและถูกพัดปลิวออกจากท้อง อก คอ จมูก ตอนหายใจออก คิดอย่างนี้รู้สึกว่าทำความรู้สึกว่าลมหายใจเข้าออกมันเบาได้ดีครับ พอทำได้ดีแล้ว ธรรมชาติผมเป็นคนใจร้อนครับ ผมเลยเล่นทำควบกับคำภาวนา นะมพะธะ บ้าง พุทโธบ้าง ตอนนี้จิตเลย สู้กัน 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกจะปูเบสิคให้แน่นจับลมอย่างเดียวก่อน ฝ่ายทีสองก็จะภาวนาควบไปด้วย อันนี้เป็นข้อเสียหลักของผมที่ผมพยายามจะปรับปรุงโฟกัสตัวเองให้เป็นคนเอาจริงไปซักเรื่องจนกว่าจะรู้จริงเรื่องนั้นๆครับ
    ตอนเช้าหลังจากเดินรอบบึงหลังหมู่บ้าน : วันนี้คุณแม่ผมท่านเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นครับ ท่านชักจะอยากปฏิบัติธรรมมากขึ้น ยอมตั้งเป้าหมายว่าต้องการพระนิพพานและรับปากว่าจะยุ่งกับเรื่องทางโลกน้อยลง ผมขอยกความดีทั้งหมดนี้ให้กับการที่ผมเปิดเทปธรรมมะให้คุณแม่ฟัง คุณ kananun คิดว่าเป็นเพราะเหตุนี้ หรือเพราะพระท่านมาช่วยดลใจคุณแม่ครับ? weekend นี้ครอบครัวเราเลยจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์กันทั้งครอบครัว ผมปลื้มใจมากครับ คุณคนานันท์มีคำแนะนำให้ผมวางอารมณ์ใจตอนไปไหว้พระปฐมเจดีย์อย่างถูกต้อง?
    ตอนช่วงบ่ายๆ: ผมเคลียร์งานช่วงเช้าเรียบร้อย ตอนบ่ายก็มีเวลาเข้าไปดูเมล์เรื่องการบอกบุญถวายวิหารทานสมเด็จองค์ปฐมท่าน ผมเลยโทรไปหาพระอาจารย์ที่ร้อยเอ็ด ท่านก็ได้ไหว้วานให้ผมช่วยบอกบุญต่อให้มากๆพระยังขาดปัจจัยสร้างวิหารอีกมากเหมือนกัน ผมเลยเขียน email ไปถึงท่านผู้บริหารในองค์กรที่ผมเคารพเพื่อชักชวนให้ท่านทำบุญนี้และ บอกบุญต่อๆไปเพราะท่านกว้างขวางกว่าผมมาก
    เมื่อคืนอยู่ดีๆผมก็ได้คิดขึ้นมาว่า ทำไมเราจึงควรทำบุญถวายต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงใคร่ขอเล่าความคิดให้เพื่อนๆได้ทราบครับ
    ผมมาคิดได้ว่าทุกวันนี้ผมมีชีวิตอยู่ได้ด้วยดีตามอัตภาพเพราะบุญคุณของใคร?
    แล้วผมก็ได้คิดว่า
    1. ถ้าพระท่านไม่สอนให้ผมให้ทานในชาติก่อนๆ ผมคงไม่มีปัญญาคิดเองเป็น และชาตินี้ผมคงเป็นขอทานที่ยากจนเข็ญใจ
    2. ถ้าพระท่านไม่สอนให้ผมรักษาศีลในชาติก่อนๆ ชาตินี้ผมคงพิกล พิการ อาจมีโรครุมเร้า หรือ อาจจะอายุสั้นเพราะผลของการทำปาณาติปาต หรืออาจเกิดมาเป็นคนบ้าๆบอๆ มีแต่คนประนามหยามเหยียด
    3. ถ้าพระท่านไม่สอนให้ผมภาวนาจิตเป็นในชาติก่อนๆ ชาตินี้ผมคงเกิดมาโง่บัดซบ ชีวิตหาความดีอะไรไม่ได้

    ดังนั้น สิ่งดีๆที่ประสบในชีวิตผมในทุกๆชาติที่ผ่านมาเป็นเพราะความรู้ที่พระท่านให้มาทั้งสิ้น พระท่านมีแต่ให้กับผม ทำให้ผมมีสิ่งดีๆในชีวิตมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว แต่นี่ตัวผมเองกลับไม่ค่อยได้ทำอะไรให้ท่านเลย นี่ผมอกตัญญูต่อพระคุณท่านได้ขนาดนี้เชียวหรือ Y_Y

    ดังนั้นผมจึงตั้งใจว่า ถ้าผมพอจะใช้ร่างกายห่วยๆของผม ตอบแทนพระคุณอะไรให้พระท่านได้บ้าง ผมก็พร้อมที่จะทำไปตลอดชีวิต พอคิดถึงตอนนี้ก็มีอารมณ์ประมาณว่าผมยอมตายแทนพระผู้มีพระคุณของผมได้(พระรัตนตรัย)

    ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ คิดคล้ายๆผม ช่วยกันตอบแทนพระคุณสมเด็จองค์ปฐมฯท่านที่มีแต่ให้สิ่งดีๆกับพวกเรามาตลอดโดยช่วยกันถวายปัจจัยเพื่อสร้างวิหารให้องค์ท่านได้ประดิษฐานอยู่อย่างสมพระเกียรติ เถิดนะครับ :) พระอาจารย์ ประพล ท่านบอกผมว่ายังขาดปัจจัยทุนอีกมาก

    ผู้ศรัทธาร่วมทำบุญนี้โปรดโอนเงินเข้าบัญชี
    "ร่วมสร้างวิหารสมเด็จองค์ปฐม"กับพระอาจารย์ ประพล อติพโล
    ธ. กรุงไทย สาขาเสลภูมิ ร้อยเอ็ด
    บัญชีเลขที่ 429-0040640
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    โมทนาสาธุในบุญที่คุณเด็กอนุบาลจะมาช่วยในการจัดสร้างวิหารสมเด็จองค์ปฐมที่ร้อยเอ็ดด้วยครับ

    เรื่องการทำสมาธิในส่วนของสมถะนั้น เหตุที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทั้งจับลม กำหนดคำภาวนา และกำหนดภาพนิมิตรต่างๆไปนั้น

    ที่จริงเป็นอุบายในการผูกจิตให้เป็นสมาธิ หากสังเกตุดู ทางสายพุทธเรานั้น ท่านจะผูกไว้ สามเสมอ ให้เราลอง อุปมาดูเหมือนเชือก การผูกเงื่อนทบกันสามชั้นย่อม มั่นคงแน่นหนากว่าผูกเงื่อนเพียงชั้นเดียวฉันนั้น ดูอย่างเวลาเราว่า ไตรสรณะคมม์เป็นต้น

    ส่วนการ ทำสมาธินั้น พอสมาธิเริ่มละเอียดขึ้นเป็นฌานสูงขึ้น คำภาวนาก็จะหายไปเอง ลมหายใจละเอียดเบาลงเรื่อยๆ จนถึงลมหายใจหายไป แต่หายก็ให้มีสติรู้ว่าหาย (แต่พอสติเราละเอียด จิตจะเห็นอณูของปราณ ที่ซึมเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย) ดังนั้นหากคำภาวนาหายก็ปล่อย

    การเปิดเทปธรรมมะให้คุณแม่และตนเองฟังทุกวันย่อมเป็นการกล่อมเกลาดวงจิตให้น้อมมาสู่ความเป็นกุศล

    การตั้งจิตในการกราบนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์นั้น ให้วางกำลังใจว่า "พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์แห่งแรกที่ได้สร้างไว้ในแผ่นดินสุวรรณภูมิ เป็นการประกาศการจารึกพระบวรพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัว ขอตั้งจิตรำลึกถึงคุณแห่งพระรัตนไตรเป็นที่ตั้ง ขอตั้งจิตอธิฐาน น้อมนำบุญกุศลทั้งปวงที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้บำเพ็ญมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน น้อมถวายบูชาไว้ในพระพุทธศาสนา และขอให้พระบวรพุทธศาสนาได้จารึกมั่นคงอยู่คู่แผ่นดินสยาม อันมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นธรรมิกราชา ตราบจนครบ 5000 วัสสา ปวงประชา สุข ร่มเย็น เป็นไท "

    ส่วนที่คุณคิดนั้นดีแล้วถูกแล้วครับ เราต้องเห็นคุณค่า และพระคุณ แห่งแผ่นดิน พระคุณแห่งพระรัตนไตร และ พระคุณแห่งองค์พระมหากษัตริย์ที่ท่านทรงแผ่พระบารมีคุ้มเกล้าชาวไทยทั้งปวงให้อยู่เย็นเป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ เอาไว้เสมอครับ

    คิดดี ทำดี พูดดี เพื่อส่วนรวมเอาไว้เสมอครับ
     
  9. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    วันพฤหัสที่ผ่านมาหลังจากได้องค์จตุคามรามเทพที่ปลุกเสกจากวัดพระธาตุดอยถ้ำที่เชียงใหม่ ตอนบ่ายถึงเย็นก็สวดมนต์ตามผ้ายันต์ที่ได้แถมมา สวดคาถาเชื่อมจิตกับพระโพธิสัตว์ สวดชินบัญชร ๑๐ จบ ต่อด้วยพาหุงมหากาและอิติปิโสเท่าอายุบวก ๑ ต่อด้วยเดินจงกรมและนั่งสมาธิอย่างละ ๒๐ นาที ตกกลางคืนประมาณช่วงตี ๔ ตี ๕ ฝันว่ากายทิพย์ออกจากร่างไปปรากฏที่เจดีย์แห่งหนึ่ง มีคน (หรือเทพเฝ้าเจดีย์?) เดินออกมาจากประตู ๑ ใน ๔ ที่รายล้อมเจดีย์บอกว่า ออกมาทำไมให้กลับร่าง แต่แล้วเค้าก็ตรวจร่างและบอกว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ สมดุลดี จะไปไหนก็ไป แต่ให้กลับร่างก่อนวันเข้าพรรษานี้ ในฝันที่เหมือนจริงมากตนเองไปยังสถานที่สองที่ รู้สึกได้ถึงร่างที่เหาะผ่านสายลมไป แล้วก็คิดจะกลับเข้าร่างก็สวดอิติปิโส ก็มีคนมาดึงเท้าไม่ให้เข้า มองไปยังปลายเท้าเห็นวิญญาณ ๑ ร่าง ก็แผ่เมตตาให้ เค้าก็หายไป โผล่มาอีกประมาณ ๒-๓ ร่าง ก็แผ่เมตตาให้ แล้วก็หายไป จึงเข้าร่างได้ สะดุ้งตื่น ไม่ทราบว่าจะเป็นเพียงความฝันหรือว่ากายทิพย์ออกจากร่างไปจริงคะ

    เพราะมีช่วงหนึ่งเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดร่ำเปิง ตอนนั้นเจอเหตุการณ์ประหลาดสารพัด หนึ่งในนั้น คือ รู้ว่าหมุนจักระในร่างกายตนเองได้ พยายามหมุนภายในกระโหลกให้เจาะออกมา แต่ก็ไม่ออก (ตอนนั้นทำไปได้เอง หมุนจักระน่ะค่ะ ไม่มีคนสอน อาจจะเป็นไปได้ว่าก่อนหน้านั้นสวดมนต์เยอะมากทุกวัน คือ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก คาถาพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ พาหุงมหากา อิติปิโสเกินอายุ ชินบัญชร เดินจงกรม นั่งสมาธิทุกวันประมาณ ๓ เดือนก่อนไปวัด) มาอ่านในเว็บนี้ทีหลัง ทราบว่ามีวิธีถอดจิตจากหนังสือสมเด็จโต ให้เอาหลังกระโหลกเป็นฐานยันแล้วพุ่งออกไป ณ จุดตาที่ ๓ ก็ไม่ทราบว่าเป็นพลังที่ได้จากการได้องค์จตุคามร่วมหรือเปล่า และจะมีวิธีป้องกันอย่างไรหากออกไปแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2007
  10. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    เด็กอนุบาลไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ขอเอาบุญมาฝากและมีคำถามถึงท่านผู้รู้

    วันนี้เด็กอนุบาลได้ออกเดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ที่จังหวัดนครปฐมกับคุณพ่อคุณแม่มา จึงขอเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนๆทราบครับเพื่อร่วมอนุโมทนาบุญครับ
    ออกเดินทางตั้งแต่ประมาณแปดโมงครึ่ง ไปถึง พระปฐมเจดีย์ตอนประมาณสิบเอ็ดโมงเช้า ก็ได้มีโอกาสเข้าไปไหว้สักการะพระธาตุด้านใน ระหว่างไหว้ก็ตั้งใจตัดขันธ์ห้าทำมโนมยิทธิครึ่งกำลัง ถอดอาทิสมานกายไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพื่อสวดคาถาที่เพิ่งได้มา คือ "นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า" จำนวนหลายจบถวายพระองค์ท่าน เพื่อบูชาพระรัตนตรัย และขอบารมีพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้โมทนาบุญนี้ รวมถึง บุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาดีแล้วในทุกๆชาติ ส่งผ่านฉัพพรรณรังสีของพระองค์ ไปให้แก่ ดวงจิตทั้งหลายในทั้งสามโลกทั่วทั้งอนันตริยจักรวาล เพื่อประโยชน์สุข ของพวกเหล่านั้น
    หลังจากนั้นก็อุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวร เทพยดาทั้งหลายรวมถึงพระยายมราช และท้ายที่สุดได้ขอให้กุศลนี้ หนุนนำให้เด็กอนุบาลได้เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ด้วย :)
    เมื่อทำแล้วรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจมากครับ เพราะเชื่อมั่นในบารมีของพระพุทธองค์ ในการส่งบุญกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วทั้งไตรภพ ต้องขอขอบคุณคุณคณานันท์มากครับที่กระตุ้นเตือนให้ผมทรงพรหมวิหารสี่ให้เป็นอาจิณ

    เสร็จแล้วผมก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อถวายสักการะบูชาและปิดทองพระพุทธรูปรอบองค์พระปฐมซึ่งมีหลายองค์มากเลยครับเพื่อนๆ ระหว่างที่ปิดทองพระท่านผมก็อธิษฐานจิตด้วยว่าให้ขอให้ผลบุญนี้ช่วยให้ผมได้เข้าถึงฌานสี่และสามารถเห็นฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า จนสามารถพุ่งจิตออกตามรังสีนั้นเพื่อไปกราบพระท่านได้ด้วยแรงของมโนมยิทธิเต็มกำลัง เพื่อที่ผมจะได้รับฟังธรรมอันประเสริฐจากพระพุทธเจ้าท่านได้อย่างชัดเจนโดยตรงและเจริญในฌานแปดเพื่อตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหานครับ

    ก่อนกลับผมแวะถวายสังฆทานด้านล่างเจดีย์ กระบวนการช่วงนี้เร็วมากและจิตใจผมก็ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะคิดขัดแย้งกับพระที่รับสังฆทานที่ท่านจะให้ผมกรวดนำซึ่งผมคิดว่าไม่จำเป็น แต่ผมก็พยายามใช้มโนฯครึ่งกำลังยกสังฆทานไปถวายให้พระท่านบนพระนิพพาน ช่วงนี้ใจผมไม่ได้คิดตัดขันธ์ห้าได้ดีเท่าไหร่ คุณคณานันท์พอจะถามพระท่านให้ได้ไหมครับว่าได้รับสังฆทานผมหรือเปล่า :) แต่ผมตอนนั้นผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าพระท่านคงได้รับ ผมจึงได้แผ่เมตตาและส่วนบุญตามวิธีเดิมที่ผมทำบนเจดีย์ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งสามโลกโดยอาศัยบารมีฉัพพรรณรังสีของพระท่านครับ

    ท้ายที่สุดนี้ผมมีคำถามถามคุณคณานันท์หรือท่านผู้รู้ว่า ถ้าผมจะใช้วิธีสวดมนต์ไปด้วยเช่นสวดคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ควบกับการจับลมหายใจเข้าออก จะดีกว่าการสวดมนต์ออกเสียงดังออกมาเพียงอย่างเดียวไหมครับ รบกวนคุณคณานันท์ช่วยแนะนำวิธีการสวดมนต์ให้ได้อานิสงค์สูงด้วยว่าควรมีเทคนิคอย่างไร เท่าที่ผมค้นใน web เจอหลายแบบครับ
    A) หายใจเข้าลึกๆ แล้วเปล่งเสียงสวดมนต์ออกมาแทนในช่วงการหายใจออก
    B) นึกภาพคำสวดให้เป็นตัวอักษรแต่ละตัวในใจให้แจ่มชัด แต่ผมว่าวิธีนี้ทำลำบากมากเพราะถ้าเจอบทยาวๆเข้าไปจะควบกับการรู้ลมหายใจเข้าออก รู้สึกตัวผมเองจะทำลำบากครับ
    C) เปล่งเสียงสวดมนต์ออกมาดังๆแล้วตั้งใช้หูฟังเสียงนั้นโดยไม่ต้องรู้ลมหายใจเข้าออก แต่ถ้าแค่นี้จะเข้าได้ถึงฌานสี่ไหมครับ :)
     
  11. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    เริ่มฝึกทำสมาธิ เวลาได้ยิดเสียงอะไรดังๆ ทำไมถึงได้ตกใจมาก เป็นบ่อยๆจะแก้ไขอย่างไรดีครับ ท่านผู้รู้
     
  12. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151

    หลักวิปัสสนาให้มองดูอาการตกใจ ที่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็หายไป ดูบ่อยๆจนมันเป็นอนิจจัง อย่าหนีมัน สิ่งอื่นๆก็ดูแบบเดียวกัน
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สาธุ
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    อนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งครับ
    ขอให้มีสติในการดำเนินชีวิต คือคำสอนของพระพุทธองค์
    ถ้าเราไม่มีปัญญาในการพิจารณาถึงความจริงแห่งทุกข์แล้ว เราจะไม่สามารถเข้าใจถึงความสุขที่แท้จริงได้เลย
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณหนูน้อยครับ

    เป็นออกไปของกายทิพย์ในขณะหลับจริงๆครับ สามารถอธิบายได้ ว่าทำไมกายทิพย์จึงหลุดออกไปได้ง่ายในขณะหลับ

    ก็เพราะ ใจเราปล่อยวาง ไม่กังวล ไม่ตั้งท่า และไม่อยากมากเกินไปครับ อาศัยกำลังฌานแลวิปัสนาญาณที่เราทำอยู่ประจำทำให้เป็นกำลังจนทำได้ครับ

    สำหรับการที่มีผู้มาขวางไม่ให้เข้าร่างนั้น จิตเจตนาเขาเป็นไปเพราะ เขาต้องการขอส่วนบุญครับ ไม่ใช่เจตนาร้าย

    แต่เพื่อความสบายใจ ก็มีวิธีแก้ไขป้องกันง่ายๆได้ โดยการอธิฐานก่อนนอนว่า "หากข้าพเจ้ายังไม่สิ้นอายุขัยเพียงใด ยังมีหน้าที่และบารมีที่ต้องบำเพ็ญอยู่ในโลกใบนี้ หากแม้นอาทิสมานกายของข้าพเจ้าออกจากร่างไปคราใด ก็ขอให้เทพพรหมเทวา ผู้เป็นสัมมาทิษฐิคอยปกปักรักษาดูแลด้วยทุกครั้งไปให้กลับสู่ร่างโดยปลอดภัยในทุกๆครั้ง และเมตตาช่วยดูแลตลอดการเดินทางโดยความเป็นทิพย์ทุกครั้งทุกเวลา หากมีวาระใดที่ข้าพเจ้าพึงได้ก้าวหน้าในธรรม ก็ขอให้ครูบาอาจารย์ผู้ทรงธรรม ได้มาเมตตาสั่งสอนธรรมให้แก่ข้าพเจ้าในสภาวะแห่งความเป็นทิพย์ด้วยเทอญ"
     
  16. หนูน้อย

    หนูน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +1,038
    (f) ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ kananun ที่กรุณาให้คำแนะนำจะได้นำไปปฏิบัติต่อไปทุก ๆ คืน ที่ผ่านมานะคะ ช่วงก่อนนี้ปฏิบัติภาวนาประจำ แล้วพอเวลานอนก็จะนอนไม่เป็นสุข ฝันว่ามีวิญญาณมารุมขอส่วนบุญบ้าง ฝันโน่น ฝันนี่ อาจเป็นไปได้ว่าพักในหอพักที่อยู่ในโรงพยาบาลและเคยทราบมาว่าเป็นป่าช้าเก่ามาก่อน เลยยังมีวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดหลายอยู่ ก็ไปถามอาจารย์ที่มีญาณที่คอยรักษาสุขภาพให้ ท่านก็แนะนำให้ก่อนนอนทุกครั้ง ขอคุณพระรัตนตรัยมาปกปักรักษา อย่าให้วิญญาณมากวน ทุกครั้งที่อธิษฐานก่อนนอนก็จะไม่มีใครมากวนนะคะ และก็จะแผ่เมตตาให้ไปทุกครั้งที่ได้ทำสมาธิวิปัสสนา พอดีคืนนั้นไม่ได้ขอ ว่าจะแค่งีบพักร่างกายสักพัก เป็นเรื่องเลย แล้วก็ยังไม่ได้ไปถามอาจารย์ท่านนั้นเลย ขอบคุณคุณ kananun อีกครั้งนะคะ เพราะทุกคืนนี้ก็กลัวหลุดไปอีก ดีว่าสองคืนที่ผ่านมาไม่มีอะไร :cool:
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อันที่จริงการที่กายทิพย์หลุดออกไปได้นี่ เป็นที่สุดปรารถนาของใครหลายคนเลยครับ แต่เป็นสัจจะธรรมอย่างหนึ่งที่ว่า

    คนไม่อยากกลับทำได้ แต่คนที่อยากได้กลับทำไม่ได้เลยเสียที

    วิธีการที่จะทำให้เราสบายใจก็คือ การทำเมตตาอัปปันนาณฌาน ก่อนนอนไว้ แล้วอธิฐานจิตขอพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าท่านมาช่วยสร้างปริมณฑลห่อหุ้ม กายเนื้อ และกายทิพย์ของเราไว้ทั้งยามหลับและยามตื่นครับ

    ขอให้ไปเที่ยวอย่างปลอดภัย ได้วิชชามาถ่ายทอดให้เพื่อนๆได้ฟังบ้างครับ

    ขอโมทนาบุญด้วย
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณเด็กอนุบาลครับ

    การตั้งจิตอธิฐานถึงพระพุทธเจ้านั้น ท่านทรงทราบได้ด้วยพุทธวิสัยแน่นอนครับ ตัวคุณเองก็ทราบ แต่ยังไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจเพียงพอเท่านั้นเองเพราะกลัวผิด ที่จริงความเป็นทิพย์มีอยู่แล้ว แต่พอกลัว พอไม่มั่นใจจึงกลายเป็น วิจิกิจฉา ไปเสียเปล่าๆ วิธีแก้ไขสามารถทำได้โดย เราต้องมีความเชื่อมั่น หากสิ่งที่รู้สิ่งที่เห็น เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็ดี เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นก็ดี ใช่หมด แต่หาก สิ่งที่รู้ที่เห็น เป็นไปในทางเยินยอตน ประโยชน์ตน หรือแม้จะมาบอกว่าเราบรรลุธรรมแล้วเป็นขั้นนั้น ขั้นนี้ ก็วางใจเป็นกลางอย่าเชื่อเอาไว้ก่อน

    การถวายสังฆทานแบบที่คุณทำอยู่นับเป็นกำลังใจสูงสุดที่คุณทำได้แล้ว ดีแล้วครับ วิธีการที่ผมทำอยู่ ก็คือ

    " ในขณะที่กายเนื้อถวายสังฆทานนั้น เราก็เพ่งที่สังฆทานให้เป็นเป็นสังฆทานแก้วประกายพรึกด้วยอำนาจของฌานสี่ในกสิณแสงสว่าง จากนั้นก็ตัดกิเลส แยกอาทิสมานกาย ขึ้นไปบนพระนิพพาน อธิฐานขอน้อมถวาย มหาสังฆทาน อันทรงมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน มีสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นประธานรายรอบด้วยพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยะเจ้าทุกๆพระองค์ และมีเหล่าเทพพรหมเทวาทั้งหลายร่วมถวายมหาสังฆทานด้วย
    ใช้ความเป็นทิพย์ ดึงอาทิสมานกายของผู้คนที่ร่วมถวายสังฆทานกับเราขึ้นไปบนพระนิพพานด้วย เขาจะรู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่อาทิสมานกายของเขาทราบแน่นอน

    จากนั้นในขณะที่กายเนื้อ ถวาย กายทิพย์ก็น้อมถวายพระพุทธเจ้าไปพร้อมๆกัน จะถวายสมเด็จองค์ปฐมท่านเป็นประธานองค์เดียว หรือจะ แยกอาทิสมานกายนับประมาณมิได้น้อมถวายทุกๆพระองค์ก็ได้เช่นกัน

    แบบนี้จึงนับเป็นกำลังใจสูงสุดในการถวายสังฆทานธรรมดา ให้กลายเป็น มหาสังฆทานทิพย์ อันเป็นมหาทานอันสมบูรณ์ด้วย
    ทานอันบริสุทธ์ สมบูรณ์ทั้งตัวทาน ผู้ให้ทาน(ทรงฌานสี่ อารมณ์นิพพาน) ผู้รับทาน(พระพุทธเจ้า)
    ฌานอันบริสุทธิ์
    วิปัสนาญานอันบริสุทธิ์ (ไม่งั้นขึ้นมาบนพระนิพพานไม่ได้)
    เมตตาอันบริสุทธิ์ (ปรารถนาให้ทุกท่านพึงได้อานิสงค์สูงสุด)

    ส่วนการทำบุญอื่นๆ ก็สามารถที่จะประยุกต์ใช้วิธีการนี้เพื่อให้ได้อานิสงค์สูงสุดได้เช่นกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2007
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่วนการสวดมนต์ให้ได้อานิสงค์สูงที่สุดนั้น

    ก่อนอื่นขอตอบ ตัวเลือกทั้งสามข้อก่อนครับ

    A. วิธีการนี้เป็นแนวทางการสวดมนต์แบบแนวการฝึกพลังของสายมหายานครับ ข้อดีของวิธีนี้ทำให้การสวดมีพลัง แผ่พลังจากตัวพุทธมนต์และพุทธคาถาออกไปได้มาก เคล็ดลับ อยู่ที่ให้พลังในการสวดออกมาจากท้องน้อย อานิสงค์จะได้ไปในเชิงโปรด เชิงปราบ มากกว่า

    B. กำหนดนิมิตรอย่างที่บอกนี่ ขอรับรองได้เลยว่าสติจับไม่ทันแน่นอน ต้องสวดมนต์แบบยานคางสุดดด ๆ
    จะขอเสริมในเรื่องการจับนิมิตรเวลาสวดมนต์อีกทีหนึ่งครับ

    C. หากฟังแต่เสียง ไม่รู้ลมหายใจก็ยิ่งไม่ได้สมาธิและ กลายเป็นสวดแบบนกแก้วนกขุนทองเข้าไปกันใหญ่ครับ แต่ก็ยังได้อานิสงค์นะครับไม่ใช่ไม่ได้ ตายไปขณะจิตนั้น อยู่สวรรค์ชั้นยามาเลยทีเดียว

    ส่วนการ สวดมนต์ให้ได้อานิสงค์สูงสุด นั้น

    -กายเนื้อสวดมนต์ ออกเสียงเปร่งออกจากท้องน้อยด้วยลมปราณ อธิฐานเปร่งพลังแห่งพุทธมนต์ออกไปสู่ดวงจิตของสรรพสัตว์ทั่วอนันต์จักรวาล ทุกมิติ ทุกภพภูมิ ส่วนการท่องมนต์ก็ให้หลั่งไหลจากดวงจิต สู่ทุกดวงจิต ไม่ใช่ ออกมาจากความทรงจำครับ (อาจเข้าใจได้ยากนิดหนึ่ง)

    -กายทิพย์ อาทิสมานกาย ใช้กำลังขึ้นสู่พระนิพพาน ไปสวดมนต์อยู่ด้วยอารมณ์พระนิพพาน อันเป็นกำลังใจสูงสุดแห่งการปฏิบัติ

    -ส่วนนิมิตรในการสวดมนต์นั้น ต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า พุทธมนต์แต่ละบท จะมีนิมิตรในการสวดแตกต่างกันออกไป เช่น

    คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ที่พระท่านมาสอนผม ท่านให้ทำอย่างนี้

    เมื่อว่าไปหนึ่งจบ ให้ปรากฏพระพุทธนิมิตรของพระพุทธเจ้าท่านเสด็จมาสถิตอยู่ในตำแหน่งแห่งทิศทั้งแปด บนศรีษะของเรา จบละหนึ่งทิศ รายล้อมเป็นมงกุฏเหนือเศียรเกล้าของเรา และจบที่เก้า เป็นพระองค์ใหญ่ทรงเครื่องตรงกลางอีกเป็นองค์ประธาน จบที่สิบ มงกุฏพระพุทธเจ้าเหนือเศียรเราเปลล่งฉัพพรรณรังสี ส่องสว่างคุ้มครองกายและดวงจิตเรา

    เมื่อท่านมาสอนท่านก็บอกว่า ชื่อพระคาถา ก็ได้บอกใบ้ นิมิตรกำกับคาถาเอาไว้แล้ว เรา (ผม) เคยได้มาในอดีตชาติ และพระคาถานี้เป็น เครื่องคุ้มครองเราในยามศึกสงคราม

    ผมฟังแล้วก็ทำตามเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ จนกระทั่งต่อมา เมื่อมีโอกาศได้เห็น พระมาลาเบี่ยงของสมเด็จพระนเรศวร ที่มี รูปพระพุทธเจ้ารายรอบอยู่บนพระมาลาเบี่ยงนั้น จึง ยิ่งมั่นใจว่า พระพุทธนิมิตรกำกับคาถา ที่พระท่านได้เมตตามาสอนนั้น เป็นจริง ไม่มีผิดพลาดแน่ๆ

    คาถาชินบัญชร การว่าพระคาถานี้ ให้อธิฐานกำกับว่าขอบารมีแห่งพระอสิติมหาสาวกจงมาสถิตรักษากายและจิตของเรา ด้วยเทอญ
    จากนั้นเมื่อยามว่า พระคาถาก็จะปรากฏนิมิตรแห่งพระพุทธเจ้าและพระอสิติมหาสาวก มาสถิตในแต่ละตำแหน่งในร่างกายของเราเองโดยอัตโนมัติ หากลองไปอ่านคำแปลของพระคาถาชินบัญชร จะทำให้เข้าใจความหมายที่ผมพูดไว้ครับ ลองไปทำดู

    ส่วนนิมิตรกำกับพระคาถาที่เป็นของกลางๆ ก็ได้แก่ การกำหนดภาพพระพทธนิมิตรของพระพุทธเจ้าที่ใสเป็นแก้วประกายพรึกเอาไว้ตลอดเวลา ส่วนอานิสงค์ที่ได้ ก็คือเป็นการสวดมนต์ในฌานสี่ ควบพุทธานุสติกรรมฐาน ส่วนผลที่ได้ นั้น หลายๆครั้งจิตจะเกิดความเป็นทิพย์เข้าใจความหมายของบทสวดมนต์ หรือคาถานั้นๆขึ้นมาได้เอง ว่าแปลว่าอะไร มีความหมายอย่างไร ครับ

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านที่สนใจในการปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้นทุกๆท่านครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ Axon47 ครับ

    เวลาสวดมนต์ก็ดี เข้าสมาธิก็ดี เมื่อได้เกิดเสียงดัง ทำให้เราสะดุ้งนั้น เป็นเพราะ เสียงเป็นศัตรู เป็นอุปสรรค ของการทำฌานสมาธิในช่วงการเริ่มต้น โดยเฉพาะฌานต้นๆ จิตกำลังจะเริ่มสงบ มีเสียงเบาๆมารบกวน ก็กลับกลายเป็นเสียงดังสนั่นจนเราสะดุ้งตกใจ ขวัญหายได้

    วิธีการแก้ไขก็คือ การหาสถานที่สัปปายะ คือสงบจากเสียงที่จะมารบกวน โดยเฉพาะเสียงคนที่จะมาตะโกนเรียกเรา

    หากไม่ได้ ให้ใช้วิธีลัด ตัดข้ามไปครับ

    โดยฝึกจับลมสบายให้ได้ แล้วหนีขึ้นฌานสูงไปเลย เพราะพอเป็นฌานสูงแล้วหูจะดับ หรือหรี่ลง มีเสียงดังรบกวนอย่างไร ก็ไม่มีผลกับเราหรือจะมีก็น้อย เพราะจิตของเราตั้งมั่นแล้ว พอได้จนคล่องจะเข้าฌานที่ไหนก็ได้ ในเมือง ในตลาด เราก็ทรงอารมณ์ฌานของเราเอาไว้ได้ตลอด เสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีผลครับ

    ขอให้ลองฝึกดู ไม่ยากเกินกำลังใจของทุกคนครับ
    (verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...