ชมภาพและความรู้อิทธิพลังของโป่งข่าม-หินแก้วกายสิทธิ์

ว่ากันด้วยเรื่อง Star of david

Star of David มีลักษณะเป็นสามเลี่ยมรูปทรงปิรามิดที่ต้องมีการจำลองย่อส่วนของปิรามิดจากสถานที่จริง และสามเหลี่ยมหัวกลับ จุดศูนย์กลางมีพลังที่สูงมาก ชิ้นนี้เป็นงานนอก การเจีย curve นั้นยิ่งบางยิ่งมีพลังงานสูง และ curve สวยงาม ลักษณะการเจียในประเทศจะไม่สวยงามเท่าเป็นการตัดเป็นเหลี่ยมไปเลย<O</O
<O</O

ชิ้นนี้เป็นหินควอตซ์ชนิดหนึ่งชื่อ "Citrin" ลักษณะมีสีเหลืองใส <O</O

 

สวยมมมมมมมมมมมมมมมากกกกกกกกกกกกกกกกกครับคุณเพชร

(verygood)

 

ปิรามิด ( Pyramid )

นำข้อมูลมาจาก http://www.geocities.com/manusapun​

ท่ามกลางที่ราบอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เปลวแดดที่ร้อนระอุไปทั่วผืนทะเลทราย แผ่นดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงสีแดง สิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่ตั้งสง่าสะดุดสายตาเมื่อได้พบเห็น สิ่งนั้นคือ ปิรามิด (Pyramid) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อท้าทายกระแสลม แสงแดดที่แผดเผามาเป็นเวลานานหลายพันปี เพื่อแสดงถึงอารยธรรม -โบราณของมนุษย์ ต่อสายตาชาวโลกยุคใหม่ที่ยังคงฉงนสนเท่ไม่น้อยเมื่อมาพบเห็น
ปิรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมสำหรับเป็นที่เก็บศพกษัตริย์อียิปต์โบราณ ในอียิปต์มีอยู่ 70 แห่งด้วยกัน แต่ปิรามิด 3 แห่งที่อยู่เมืองกีซ่า คือ หลุมฝังศพของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์(พระเจ้าคูฟู) คีเฟรน และไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดสันนิษฐานว่าปิรามิดนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ 4600 ปีมาแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและยังคงตั้งตระหง่านอยู่เพียงแห่งเดียวในโลก ใช้เวลาสร้าง 10 ปี ปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามอันแห่งเมืองกีซ่านี้ ที่ใหญ่ที่สุดคือปิรามิดของพระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ เรียกว่า มหาปิรามิด

- ฐานของปิรามิดแห่งนี้มีความกว้างถึง 5770,000 ตาราง 768 ฟุต บริเวณฐานปิรามิด 4 ด้านนั้น มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ 755 ฟุต หรือ 230.12 เมตร จะแตกต่างกันมากน้อยแค่ 8 นิ้ว

- ตัวมหาปิรามิดนี้สูงประมาณ 432 ฟุตประมาณได้ว่ามีหินก้อนมหึมาถึง 2,300,000 ก้อน หนักกว่า 6,000,000 ตัน แต่ละก้อนหนักถึง 2.5 ตัน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร

สันนิษฐานว่าผู้สร้างปิรามิดนี้ อาศัยดวงดาวเป็นหลัก นอกจากความใหญ่โตอันน่ามหัศจรรย์ของปิรามิดแล้ว การก่อสร้างให้สำเร็จยัง น่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่าถ้าทราบว่าหินเหล่านี้ต้องสกัดมาจากภูเขาที่อยูไกล แล้วลากมาสู่ฝั่งแม่น้ำไนล์ ล่องลงมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ จึงมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้าง แล้วชักลากผ่านทะเลทรายไปถึงที่ก่อส้างต้องแต่งสลักเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วยก วางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต

ใจกลางปิรามิดมีห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออพส์ข้างในทำจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุต และสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออพส์ทำด้วยหินแกรนิตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องปิรามิดของพระเจ้าคีออพส์ ล้อมรอบด้วยหลุมศพ และปิรามิดเล็ก ๆ อีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นของสมาชิกในราชวงศ์และในราชสำนักชั้นสูง​

ปิรามิดแห่งที่สองของกีซ่าเป็น ปิรามิดคีเฟรน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิด เล็กกว่ามหาปิรามิดเล็กน้อย คือสูง 460 ฟุต ช่วงบนของปิรามิดนี้มีลักษณะเด่นเพราะเป็นหินปูนขาว
​

​

ปิรามิดไมซีรีนัส เป็นปิรามิดที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งสามแห่ง สูงแค่ 230 ฟุต นอกเหนือจากปิรามิดทั้งสามแล้วยังมี ตัวสฟิงซ์ ซึ่งมีชื่อเสียงมากเช่นกัน โดยแกะสลักหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบอยู่แต่หน้าเป็นมนุษย์ใบหน้านี้เป็นใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งมีคนนับถือเป็นพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ รูปสฟิงซ์นี้สูงถึง 66 ฟุต ยาว 240 ฟุต หมอบเฝ้าปากทางที่พามุ่งตรงไปยังปิรามิดแห่งคีเฟรน
​

​

สิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายใกล้แม่น้ำไนล์ก็คือ หมู่ปิรามิดแห่งอียิปต์ ปิรามิดสร้างโดยชาวอียิปต์โบราณมาเกือบ 5000 ปีมาแล้ว นอกจากนั้นยังเป็นสิ่งก่อ
สร้างที่ เก่าแก่ที่สุดในบรรดา 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณด้วย และที่สำคัญก็คือเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน

ปิรามิดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์ในสมัยนั้นเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะทรงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้า พวกเขาได้ฝังทรัพย์สินและสิ่งของส่วนพระองค์ไปพร้อมกัน สิ่งที่นักโบราณคดีค้นพบเป็นจำนวนมากในห้องเก็บสมบัติ ของปิรามิดได้แก่ เพชรพลอย อาหาร เครื่องเรือน เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ล่าสัตว์

ปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดและประทับใจที่สุดคือ ปิรามิดของกษัตริย์คีอ็อปส์ ที่กีซา สร้างเสร็จเมื่อประมาณ 2580 ปีกอนคริสตกาล โดยมีผู้ก่อสร้างหลายพันคนและใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 30 ปี ปิรามิดแห่งกีซานี้สูงประมาณ 137 เมตร(449 ฟุต) ฐานแต่ละด้านยาว 230 เมตร(755 ฟุต) ใช้หินในการก่อสร้างทั้งหมด 2 ล้านก้อน แต่ละก้อนหนักประมาณ 2300 กิโลกรัม ใกล้กับปิรามิดใหญ่นี้มีปิรามิดเล็กๆอีก 3 องค์ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของพระราชินีองค์สำคัญๆของกษัตริย์คีอ็อปส์ ชาวอียิปต์โบราณไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการสร้างปิรามิด มีแต่เพียงแรงงานมนุษย์กับเครื่องมือธรรมดาๆในการก่อสร้างเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ผู้ที่สร้างปิรามิดไม่ใช่พวกทาส แต่เป็นช่างฝีมือและชาวนาที่อยู่ว่างในระหว่างที่น้ำจากแม่น้ำไนล์ท่วมพื้นที่ทำการเกษตรของตน แม้ว่าประชาชนนับพันๆคนที่มาช่วยสร้างปิรามิดจะทำงานเพื่อแลกกับอาหารและเสื้อผ้า แต่ทุกคนก็ต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างที่ฝังพระศพของกษัตริย์ที่พวกเขานับถือเป็นเทพเจ้า

การสร้างปิรามิดนั้นเริ่มจากการหาสถานที่ที่เหมาะสม และ ใช้ดวงดาวช่วยในการวางราก ฐาน ดังนั้นจึงพบว่าฐานทั้งสี่ด้านของปิรามิดที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะหันไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เมื่อวางรากฐานเรียบร้อยแล้วก็จะเริ่มก่อปิรามิดเป็นชั้นๆสูงขึ้นไป โดยเริ่มต้นจากจุดศูนย์กลางออกไปด้านนอก วัสดุที่ใช้สร้างปิรามิดคือหินที่สกัดมาจากภูเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำไนล์ การขนย้ายก็ทำด้วยความยากลำบากเพราะไม่มีเครื่องทุ่นแรงหรือพาหนะอย่างใดเลย แต่ใช้เชือกและแรงงานคนลากมาจนถึงบริเวณก่อสร้างในสมัยโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน ปิรามิดสร้างด้วยความยากลำบากจากหยาดเหงื่อแรงงานและกำลังใจของประชาชน จึงทำให้ปิรามิดได้รับการจัดลำดับให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
​

​

ความน่าทึ่งของปิรามิด ทำให้คนเป็นจำนวนมากไม่เชื่อว่าสิ่งก่อสร้างรูปทรงเรขาคณิตที่มีขนาดใหญ่อย่างน่ามหัศจรรย์แห่งนี้ ถูกสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ เพราะหินแต่ละก้อนมีน้ำหนักมากจนเทคโนโลยีบัจจุบันยังยกไม่ขึ้น แต่หินเหล่านั้นกลับถูกยกขึ้นไปวางทับซ้อนกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว อย่าง พิสดาร เกินกว่าจินตนาการของมนุษย์ยุคนี้จะสามารถหาคำตอบมาตอบได้อย่างกระจ่าง คำตอบต่างๆ ที่นักวิทยาศาตร์พยายามเสนอวิธีการก่อสร้างต่างๆ นั้นเป็นเพียงแค่ ทฤษฎี เท่านั้น ยังไม่มีมนุษย์คนใดในยุคนี้ที่คิดสร้างปิรามิดให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่า มหาปิรามิดที่สร้างด้วยฝีมือคนโบราณ ..... และมันยังคงเป็นโจทย์ที่ต้องหาข้อสรุปต่อไปว่า

" ใครเป็นผู้สร้างปิรามิดกันแน่ "​

 

การสร้าง Star of David นี้ได้นำหลักการของรูปทรงปิรามิดที่เชื่อกันว่ามีพลังสูงมาก และนำแนวคิดเรื่องการพลัง 3 ขุมจากภพทั้ง 3 มาบรรจบกัน Star of David นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Solomon Ring

การจัดสร้าง Star of David ที่ถูกต้อง และเหนี่ยวนำพลังงานได้สูงสุด จะต้องได้รูปทรงย่อส่วนของปิรามิดจริง รูปทรงหัวตั้ง และหัวกลับที่สามารถมองเห็นอีกด้านหนึ่งของกันและกัน นั่คือหินที่นำมาทำเป็นรูป Star of David จะต้องมีความใส จุดกึ่งกลางของ Star of David นี้เป็นจุดศูนย์กลางรวมพลัง นี่คือสาเหตที่ว่าทำไมอุปกรณ์ทรงพลังชิ้นนี้ถึงสูงค่า และเป็นที่นิยมหวงแหนของนักบำบัดด้วยหินอัญมณี การเจีย Curve มุมของสามเหลี่ยมให้ได้บางต้องใช้เครื่องมือที่มีความคม และละเอียดสูงมาก หากเจียพลาดไปอาจเสียชิ้นหินที่มีรูปทรงสวยงามไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งบางยิ่งมีพลังงานสูง และยิ่งมีราคาสูงครับ

ชิ้นนี้เป็นควอตซ์ใส การถ่ายภาพระยะใกล้ด้วย program macro นี้ หาก focus ไปที่จุดกึ่งกลางของ Star of David ชิ้นนี้แล้ว จะไม่สามารถถ่ายได้กลายเป็นการถ่ายระยะไกลไป แสดงให้เห็นว่าหินควอตซ์นี้มีความโปร่งใสอย่างมาก

 

และนี่คือ Star of David ในรูปของควอตซ์ที่เป็นรูทิล(Rutile) หรือเรียกกันว่าไหมทอง แต่ชิ้นนี้เป็นไหมเงิน และเป็นในส่วนของราก คือจุดกำเนิดของเส้นไหมนั่นเอง จะเห็นเป็นปมๆ

 

Star of David สวยมากครับคุณเพชร ดูบางเบานะครับ

ขอบคุณคุณเพชรที่มาช่วยเติมสีสัน และความรู้ เป็นอย่างมาก

(verygood)

 

Star of David แบบรูทิล(Rutile) ไหมทอง ชิ้นนี้ยังไม่ได้เลี่ยม สังเกตการตกกระทบของแสงในมุมต่างๆ ได้มุมมองหลายมิติครับ

 

สวัสดีครับ พี่เม้า

ตั้งแต่ผมสะสมหินอัญมณีมา Star of David เป็นรูปทรงหินที่ผมรักมากที่สุด งานชิ้นหนึ่งเป็นงานของต่างประเทศ ผมสั่งซื้อมาเป็นสร้อยข้อมือรูป Star of David 3 ชิ้น เรียงร้อยด้วยหินควอตซ์กลมไหมทองอีก 6 เม็ด เป็นเครื่องประดับประจำตัวไปเลยครับ Star of David 3 ชื้นนั้นมีรูปทรงที่เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่ภายในมีความแตกต่างกัน ชิ้นที่หนึ่งเป็นไหมดำ อีก 2 ชิ้นมีดาวเสาร์อยู่ภายใน เพียงแต่อยู่ต่างบริเวณกัน

ความรู้ในเรื่องของ Star of David นี้ผมเจาะข้อมูลจากต่างประเทศหลายทางด้วยกันทั้งจากตำรา text book บ้างในเนตนี้บ้าง คุยกับอาจารย์ผู้รู้บ้าง ส่วนของไทยเราผมใช้คู่มือของท่านอาจารย์หม่อมฯอัคนีครับ


ชิ้นนี้เป็น Citrin ค่อนข้างจะหายากอยู่ซักหน่อยครับ การเจีย Curve ให้โค้งมนองศาได้สัดส่วน และมุมต้องสมมาตร ปลายต้องแหลม ยากครับในการเจียให้ได้แบบนี้ทั้ง 2 ด้าน การเลือกซื้อ Star of David ต้องดูว่าชิ้นไหนถูกใจหรือไม่ก่อน(ตรวจด้วยสายตา หรือลองจับกะน้ำหนักไม่เบาเกินไป ช่วงนี้วัดความเย็นไปด้วย พิจารณาความใสไปด้วยทั้ง 3 ส่วน) จากนั้นชิ้นที่เลือกไว้แล้ว นำมาพิจารณามุมสามเหลี่ยมนั้นเบี้ยวหรือไม่สมมาตร ผิดรูปร่างไปหรือไม่ และดู Curve ว่าโค้งมนรับกันทั้ง 3 ด้าน และบางหรือไม่ หากหนาคัดออกก่อนครับ ไม่ถูกใจทั้งหมด กลั้นใจอย่าไปเอาครับ พี่เม้า

ชิ้นที่ผมกำลังหาอยู่คือ Star of David ทำจากหิน Quartz ชนิดหนึ่งชื่อ Smoky Quartz หามาหลายปีแล้วยังไม่ได้เลย

 

ชิ้นนี้เป็น Star of David ทำจาก Rose Quartz ภายในหินความรักชิ้นนี้ มีความใส เป็นเกรดของหินที่อยู่ลึกกว่าชิ้นหินทั่วไป มีอายุมากกว่าแบบทึบแสง การนำมาสร้างรูป Star of David จึงให้ความหมายในด้านของความเมตตา ความรัก ความผูกพัน

ปกติการใส่ Star of David นี้ต้องให้ชิ้นหินอยู่ที่ตรงตำแหน่งจักรที่ 4 ของร่างกายเรา เรียกว่า"จักรหัวใจ" ซึ่งเหมาะกับหิน Rose Quartz นี้มากครับ...

 

เสียดายครับคุณเพชร
สมัยที่ผมกำลังหาสะสมหินอัญมณีเหล่านี้
ไม่มี net ไม่มีตำราพอเพียงให้ศึกษา อย่างที่ว่ามาแล้ว

ตอนนี้คงได้แต่ศึกษาไว้เป็นความรู้พอคุยกับเขาได้บ้าง
โดยเฉพาะข้อมูลที่คุณเพชร หามาแล้ว และมีทั้งของจริงให้ชม
นับว่าเป็นบุญในบั้นปลาย ที่ได้พบ

ระยะหลังนับว่าโชคดีที่มีอาจารย์หม่อมอัคนี
ได้นำเรื่องราวของหินอัญมณีบำบัด มาเผยแพร่
ให้ความรู้ ตลอดจนรักษาบำบัดโรคภัย โดยไม่คิดเงิน
เป็นการช่วยที่เป็นกุศลจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณคุณเพชร ที่แนะนำ
หากผมได้ไปพบเห็นที่ใด จะได้นึกถึงคำของคุณเพชรไว้
ที่ว่า...ไม่ถูกใจทั้งหมด กลั้นใจอย่าไปเอาครับ
(verygood)

 

และ Star of David ชิ้นที่สวยที่สุดนี้ทำจากรูทิล(Rutile)ไหมทองในส่วนของรากต้นกำเนิด ผมนำมาเลี่ยมทองจับขอบไต่ไปตาม Curve และสั่งทำเม็ดมะยมแบบหมุนได้ 360 องศา เพื่อสามารถกลับด้านหน้า และหลังไปมาได้ เป็นฝีมือของร้านจิวเวอรี่ครับ เพื่อให้หินทั้งชิ้นสัมผัสกับผิวกาย และเหงื่อของเจ้าของ ให้ได้ซึบซับจิตวิญญาณของเจ้าของ เมื่อคิด พูด ทำ สิ่งใดที่เป็นมงคล แปลกที่เค้าจะพาเราไปในที่ๆเราปรารถนาอยู่เสมอ เสริมพลังของ Star of David ด้วยพลังเรกิ(Reiki) ศาสตร์โบราณของญี่ปุ่นร่วม 3,000 ปี ที่บางอักขระส่งผ่านมาจากท่านไสบาบาครับ...


สามเหลี่ยม 2 ด้านคือ หัวตั้ง และหัวกลับนี้ มีความหมายที่ลึกซึ้งมากครับ หากเจ้าของเป็นผู้ชายสวมใส่จะเน้นให้หัวตั้งอยู่ด้านหน้า หากเจ้าของเป็นผู้หญิงสวมใส่จะเน้นให้หัวกลับอยู่ด้านหน้า เป็นเรื่องของพลังหยิน และหยาง หากเข้าใจหลักการพื้นฐานเหล่านี้จะใช้ Star of David ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่สุด

บางครั้งเราอาจเข้าใจผิดความหมายกันมาก ว่าผู้ชายจะต้องห้อยสามเหลี่ยมแบบนี้ แท้จริงแล้วมีคติธรรมว่า เป็นการปรับสมดุลของร่างกาย และจิตใจ จิตวิญญาณของเรา หากเราเป็นคนที่แข็งกร้าว หากยังใช้หัวตั้งอยู่ด้านหน้า จะยิ่งเพิ่มความแข็งกร้าวให้มากยิ่งขึ้น กลายเป็นคนก้าวร้าวไป อุปมาว่า คนที่ปกติดุดัน พูดจาไม่ไพเราะ แข็งอยู่แล้ว แต่ไปห้อยพระท่ากระดานอะไรแบบนี้ครับ หากเป็นผู้หญิงแต่เป็นคนที่ขี้กลัว ตื่นตกใจง่าย ก็ควรสวมใส่ให้เป็นสามเหลี่ยมหัวตั้งอยู่ด้านนอก..

 

(verygood) คุณเพชร ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ข้อมูลเยี่ยมมากครับ
ผมมีรูปท่านไสบาบาบูชาในห้องพระ เปิดฟังเพลงภชันของท่าน เสมอๆ

 

(verygood)

 

(f)

 

คุณเพชร กะ พี่เม้าฯ ครับ Star of david สวยๆแบบนั้น จะหาได้ที่ไหนบ้างครับ รบกวนบอกหน่อย สวยมากครับ อยากได้ เข้มข้นดีมากครับ ชอบๆๆๆ

 

ต้องรอให้คุณเพชร มาบอกให้นะครับ
ผมก็กำลังมองหาอยู่ กะว่าจะเอาแบบไปให้คุณนพ ลองทำขึ้นมาดู
แม้จะใหม่หน่อย แต่ก็พอสู้ราคาไหว
ของคุณเพชร คงสู้ราคาไม่ไหวแน่ๆ

 

ถามแล้วยังไงบอกผมบ้างนะครับ PM มาก็ได้ครับ
ผมว่าพี่คงคิดแบบสุดยอดไว้แล้วแน่เลยอ่าครับ

 

(verygood)

 

การหา Star of David ค่อนข้างจะหาได้ยากเย็นซักนิดครับ สาเหตุเนื่องจาก

1. คนไทยส่วนมากไม่ค่อยมีคนรู้จัก หรือรู้จักกันในวงแคบจำกัด ต้องเป็นผู้ที่ศึกษามาในแนวทางของ New Age หรือด้านศาสตร์แห่งพลัง และมักจะเป็นที่ต้องการของผู้ที่ศึกษาด้านนี้จริงๆ ร้านขายหินทั่วไปหาไม่พบครับ หรือพบแต่ไม่ถูกใจจริงๆ เกรงว่าเอามาแล้วจะเอามาทับกระดาษ หรือทิ้งๆขว้างๆกันเปล่า

2. Star of David ที่ดีจะต้องเป็น Quartz ที่ใส และมองทะลุอีกด้านหนึ่งเห็นเป็นสามเหลี่ยมที่จำลองรูปทรงปิรามิดทั้งหัวตั้ง และหัวกลับ ความใสของ Quartz และรูปทรงสามเหลี่ยมของปิรามิดนั้น จุดกึ่งกลางของสามเหลี่ยม 2 ด้านนี้ text book บางเล่มเผยว่า จะมีลมพัดเบาๆเหนือจุดกึ่งกลางนั้น คล้ายศูนย์รวมพลัง การหา Quartz ใสมาทำ Star of David จึงมีราคาค่อนข้างสูงด้วยราคา Quartz และค่าฝีมือช่างที่ทำ

3. ช่างที่เจียหากไม่เข้าใจศาสตร์แห่งพลัง ก็ยากมาก การเจีย Curve ที่บาง และได้สัดส่วน ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการแตกหักของชิ้น Quartz ที่สวยงามนั้น ดังนั้นราคาของ Star of David จึงได้บวกเอาความเสียหายจากการทำชิ้นงานแต่ละชิ้นไปแล้ว เรียกว่า หากไม่ชำนาญก็เสียหายมากครับ ดังนั้นปัญหาการเจียให้ได้มุมจึงยากมาก เพราะอาจจะต้องเสีย Quartz ชิ้นงามๆไปหลายชิ้น

ปัจจัยทั้ง 3 ข้างต้นจึงหา Star of David ได้ไม่ง่ายครับ หากเป็นร้านขายหินจะต้องเป็นร้านกึ่งหิน กึ่งจิวเวอรี่ คือเขาจะขายงานฝีมือ คัดชิ้นงาน ไม่งั้นเสียยี่ห้อเขา ผมเคยคิดสั่งจากทาง internet แต่ก็เสี่ยงต่อการให้เลขของบัตรเครดิต นี่คือปัญหาของคนที่รักจะสั่งของจากเมืองนอกเข้ามา ราคาพอสมควรไม่แพงมากครับ แล้วแต่ค่าเงินคือจุดดี แต่จุดเสียคือ เราไม่ได้เลือก ไม่ได้สัมผัสของจริงๆ และเสี่ยงต่อการถูกปลอมหมายเลขบัตรเครดิต

สรุปคือลำพังการพบหินชิ้นที่ถูกใจจริงๆก็ใช้เวลาพอควรครับ คือ เราเลือกหิน ขณะเดียวกัน หินก็เลือกคนครับ และการไปพบ Star of David ยอมรับว่า ไม่ง่ายครับ ผมได้ Star of David จากเมืองนอกครับ อย่างที่บอกไงว่า บราซิลคือความฝันในการไปปั่นจักรยานในเหมืองเลือกหินสวยๆ แต่มีคำแนะนำว่า หากจะ Star of David ควรหาข้อมูลทั้งหมดก่อนว่าดีๆยังไง หากเราเข้าใจมากพอ เรียกว่า in มากๆ นั่นแหละเราจะได้มาแบบไม่คาดฝัน และได้พบเป็นจำนวนพอสมควรเลย แต่กว่าจะพบต้องใจแข็งมากๆครับ เรียกว่า ไม่สวยจริง ไม่ถูกใจจริงๆไม่เอาครับ เรียกว่า ได้ชิ้นสวยนี้มาแล้ว ไม่อยากได้ Star of David อีกเลย ส่วนความสวยของชิ้นงาน ขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้แสวงหาด้วยครับ ลองค้นหาดูครับในร้านขายหิน 10 ร้าน จะพบเพียง 1 ร้านเท่านั้นที่มี Star of David ชิ้นที่นำ Post เป็นงานนอกทั้งหมดครับ... หินที่บราซิลจะราคาสูงที่สุด ได้คุณภาพที่สุดครับ

 

ผมเชื่อว่า พี่เม้าก็คงมีความรู้สึกคล้ายๆกันว่า การค้นหาหินก็เหมือนกับเรากำลังตามหาเพื่อนอยู่ ขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกว่าหินก็ตามหาเพื่อนเค้าอยู่เช่นกัน หินบางชิ้นจึงเหมือนมีเจ้าของอยู่แล้ว เมื่อพบชิ้นที่ถูกใจ เราจึงคล้ายพบเพื่อนสนิท บางวันไม่ได้พกติดตัวไป จึงคล้ายขาดอะไรไปในวันนั้น มันจะงุ่นง่านมาก บางครั้งใจแว๊บไปหาหินชิ้นนั้น ดังนั้นหากไม่ได้ชิ้นที่ถูกใจจริงๆ ต้องใจแข็งมากๆครับ จนกว่าจะพบเพื่อนที่เข้าใจ และถูกใจ เหมือนเขาส่งคลื่นออกไป หากคลื่นเรา กับคลื่นเขาตรงกัน เรากับเขาจะ match กัน...เมื่อนั้น คลื่นความคิด คลื่นพลังจิตของเรา กับของเขามันจะกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว เรานึกคิดอะไรเหมือนเขาจะรู้ เขาจะทำงานส่งคลื่นอออกไปค้นหาอะไรบางอย่างที่ตรงใจเรา ให้เราได้พบ ได้เห็นประสบการณ์บางอย่างที่ยากจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงความบังเอิญนั้น และบังเอิญอยู่บ่อยมาก