การภาวนาแบบพระป่า..........

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฟางว่าน, 27 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การภาวนาแบบพระป่าจุดประสงค์ก็เพื่อถอดถอนกิเลสตัวเป้งๆก็คือกาม ให้ยกเอาจุดใดจุดหนึ่งมาเป็นอารมณ์กรรมฐานในการพิจรณา เช่น ผม(จินตนาการตั้งแต่รากผมจรดปลายผม ตลอดจนที่เลือดที่มาหล่อเลี้ยงด้วย) ฟัน กระดูก เป็นต้น ในตอนแรกๆอาจจะพิจรณาแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เมื่อได้ที่แล้วค่อยพิจรณาเพิ่มขึ้น หรือถ้าจับจุดได้ว่านิพิทาญาณเกิดก็เป็นอันถูก การพิจรณาให้น้อมเข้าถึงความสกปรกว่ามันเป็นของสกปรก เป็นปฏิกูล เป็นของพึงเบื่อไปเสีย และให้เห็นเป็นพระไตรลักษณ์ด้วย เมื่อเกิดปัญญาหยั่งทราบ เราก็ประหารกิเลสด้วยปัญญาว่านั่นมันสกปรกและไม่ใช่เราหนอ เมื่อรู้จิตจะค่อยๆคลายกำหนัด หรือบางท่านอาจจะคลายทันที เมื่อจิตคลายกำหนัดก็คือเราถอนอุปาทานออกจากจิตเสียได้ เราก็จะรู้ว่า เรามาถูกทาง ถ้ากิเลส เช่น อุปาทานดับ เราก็ได้วิมุติเป้นลำดับตามมา..........
     
  2. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เเล้วภาวณา เเบบ พระป่า กับพระเมือง นี่ เขาต่างกันเช่นไร ครับ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แบบพระป่า ใต้ต้นไม้ แขวนกลด ภาวนา


    แบบพระเมือง ในห้อง แล้วภาวนา
     
  4. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เป็น

    ถือว่า เป็น การภาวณา ชนิดเดียวกัน เเบบ เดียวกัน ใช้ไหมครับ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ไม่รู้เหมือนกัน

    แล้วแต่ คนมั้ง

    การภาวนา แบบพระป่า มี 2 แบบ คือ

    ปัญญาอบรมสมาธิ และ สมาธิอบรมปัญญา

    ถ้าคนไม่เคย ปฏิบัติ หรือไม่เคยเข้าหา ครูบาอาจารย์ ก็คงไม่รู้จักหรอกมั้ง


    จริงๆ การ ภาวนา แบบพระป่า คือ การทำให้ สมาธิ เกิดขึ้นก่อน นั้นก็คือ สมาถะ นั้นเอง

    แล้วเมื่อ ได้ สมาธิ แล้ว ชำนาญสมาธิแล้ว มีกำลังของสมาธิแล้ว จึงค่อย วิปัสสนา ต่อไปในสมาธิ


    นี่คือหลัก ของการ ภาวนา ของพระป่าครับ

    ไม่ว่าจะไป วัดป่าที่ไหน ถ้าตามสาย พระป่า หลวงปู่มั่น พระป่าทุกรูป จะสอนให้ ทำสมาธิ ให้เกิดก่อนครับ


    ถ้าใครยังทำ สมาธิ ไม่เป็น ทำสมาธิ ไม่เคยเห็นตัวจิต ทำสมาธิ จิตไม่เคยรวม

    ทำสมาธิ จิตไม่เคยเห็น ผู้รู้ ไม่รู้จัก ผู้รู้ นั้นแสดงว่า คนนั้นยังทำ สมาธิ ไม่เป็น

    คงเป็นได้แค่ สมาธิ ใน นาม เฉยๆ ตามความคิดโลกๆ คิดไปเอง ว่าตัวเอง ทำสมาธิ ได้แล้ว

    หลงคิดไปเอง เห็นคนอื่น พูดคำว่า สมาธิ สมาธิ ก็หลงคิดว่าไป เป็นคำว่า สมาธิ ตัวเดียวกัน ทั้งๆ ที่ัเอง ทำ สมาธิ แล้ว จิต ไม่เคยลง สมาธิ แต่หลงคิดไปว่า ตัวเอง ได้สมาธิ แล้ว




    ถ้ายึดตาม ภาวนาของ พระพุทธเจ้า อยู่ที่ไหน ก็ชนิดเดียวกัน แบบเดียวกันหมด


    แต่ถ้ายึดตาม สมาธิ คิดเอาเอง คาดว่าเป็นแบบนั้น คาดว่าเป็นแบบนี้ ไม่ตรงตามหลัก ศาสนาพุทธ ก็คนละแบบกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การพิจารณา ต้องคอยเฝ้าดูด้วยความเป็นจริง ไม่เหมือนกับน้อมนึกถึงสิ่งนั้น

    นึกขึ้นมาพิจารณา อันนี้ไม่ถูก อย่างการพิจารณาเส้นผมว่าสกปรก ต้องคอยดูตั้งแต่เริ่ม

    โดยไม่สระทำความสะอาดใดๆ จะเห็นด้วยความเป็นจริง ไม่ต้องไปนึกปรุงแต่งขึ้นมา

    นี่คือ การพิจารณาโดยแท้ แต่ส่วนใหญ่ชอบนึกขึ้นมาแล้วคบคิด แต่ไม่เคยทดลองให้เห็นจริง

    ยิ่งอยู่ในป่า จะสามารถทำเช่นนี้ที่ผมกล่าวมาได้ ต่างจากพระในเมือง ที่ทำได้ยาก

    สาธุครับ
     
  7. babaecomputer

    babaecomputer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +77
    สาธูติ ขอรับ
     
  8. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอบคุณ

    อนุโมทนาใน คําตอบครับ
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ................ไม่ยากครับ...ภาวนารูปแบบใหนก็แล้วแต่...ดูว่ากิเลส ทั้งหยาบ และละเอียด เรารู้เท่าทัน หรือลดน้อยลงหรือไม่(ดูตัวเอง)....:cool:
     
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อนุ

    อนุโมทนาดาบ สอง ด้วยครับ

    ขอบคุณครับ:cool:
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ที่ว่าภาวนาแบบพระป่า อีกนัยหนึ่ง เพราะท่านอาศัยสถานที่อันเป็นสัปปายะ ในเสนาสนะป่าเหมาะแก่การเจริญจิตภาวนา จึงถึอว่าได้เปรียบกว่าพระในเมืองที่มีสภาวะแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ในการเจริญจิตภาวนา อีกทั้งยังคลุกคลีอยู่กับชาวบ้าน มีกิจนิมนต์มาก จึงไม่สู้จะมีเวลาเป็นของตนเองในการพัฒนาจิต เพื่อทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม...

    เจริญในรสธรรม
     
  12. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    อนุโมทนา สาธุค่ะ
    อยู่ในป่ารักษาฌานไว้ได้ด้วยค่ะ
     
  13. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ลูกของพระพุทธเจ้าจะต้อง รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถโว ยาวชีวํ อุสฺสาโหกรณีโย

    -หากเป็นลูกของพระเทวทัตจะต้อง เคหะสถานเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถโว ยาวชีวํ อุสฺสาโหกรณีโย
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หลักการเลือกสถานที่และบุคคลควรเสพและไม่ควรเสพ พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย(วนปัตถ์ บ้าน นิคม นคร ชนบท บุคคล) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่ถึงความสิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น และอนุตรโยกเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ ทั้งจีวร บิณบาตรเสนาสนะ ทั้งคิลานปัจจัยเภสัชบริขารอันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยยาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น พิจารณาโดยประจักษ์ ดังนี้แล้วไม่ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พึงหลีกไปเสียจาก(วนปัตถ์ หมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท บุคคล) อย่าอยู่เลย..................................ภิกษุทั้งหลายอนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย(วนปัตถ์ หมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท บุคคล) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ก็ตั้งขึ้นไม่ได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่ถึงความสิ้น ก็ไม่ถึง ความสิ้น และอนุตรโยกเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ แต่จีวร บิณบาตร เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต หามาโดยไม่ยาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า เราเป็นผู้ออกจากเรือนบวชเพื่อเพราะเหตุแห่งจีวรก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งคิลานปัจจัยเภสัชบริขารก็หามิได้ ครั้นพิจารณาดังนี้แล้ว ภิกาุนั้นพึงหลีกไปจาก(วนปัตถ์ หมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท บุคคล) อย่าอยู่เลย........................................ภิกษุทั้งหลายภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย(วนปัตถ์ นิคม นคร ชนบท บุคคล)แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ก็ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก้ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ถึงความสิ้น และอนุตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ แต่จีวร บิณบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหาเพื่อเป็นบริขารแห่งชีวิตนั้น หามาได้โดยยาก ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า เรามิได้ออกจากเรือนบวช เพราะเหตุแห่งจีวรเพราะเหตุแห่งบิณบาต เพราะเหตุแห่งเสนาสนะ เพราะเหตุแห่งคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้นพึงอยู่ใน(วนปัตถ์ หมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท บุคคล)อย่าหลีกไปเสียเลย....................................ภิกษุทั้งหลาย อนึ่งภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย(วนปัตถ์ นิคม นคร ชนบท หมู่บ้าน บุคคล) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ก็ตั้งขึ้นได้ จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ตั้งมั่น อาสวะที่ยังไม่ถึงความสิ้นก็ถึงความสิ้น และอนุตรโยกคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ ทั้งจีวร บิณบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชีวิตนั้น ก้หามาโดยไม่ยาก ภิกษุทั้งหลายภิกษุนั้น พิจารณาโดยเห็นประจักดังนี้แล้ว(พึงอยู่ใน วนปัตถ์(ป่าทึบ) หมู่บ้าน นิคม ชนบท บุคคล)จนตลอดชีวิต อย่าหลีกไปเสีย......................มู.ม.12/212-218/235-242.................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool: เงื่อนไขหลัก คือ ความก้าวหน้าของการภาวนาอย่างเดียวครับ
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คุณคีย์บอร์ด หากเคยปฏิบัติมาแล้ว ลองเอาปฏิเวธมาคุยให้ฟังบ้างซีครับ มันเกิดผลอย่างรบ้างครับ อนุโมทนาครับ
     
  16. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ปฏิเวชก็อยู่ที่ใจ...

    ตามคำขอ ปฏิเวชจากการปฏิบัติ เช่น ความโลภน้อยลง ความฟุ้งซ่านน้อยลง ความพอใจในการเสพกามลดลง และมีจิตใจแน่วแน่ในเส้นทางมรรคผลนิพพานครับ.........
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ของจริง อนุโมทนาครับ:cool:
     
  18. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    คุณคีย์บอร์ดเป็นคนเดียวกับคุณฟางว่านไหมครับ
    ขออภัยที่ถามนะครับ
    ถ้าใช่ รบกวน ถามถึงวิธีปฏิบัติ ที่ทำให้ยั้งอารมณ์ได้ครับ(โทสะ โลภะ โมหะ)
    เน้น โทสะ ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เอ้ยยยยส์..จิตนนท์ บอกปู่ด้วยเด้อทำไมมันมั่วกันยังงี้วะซั่นดูตรงไหน:':)@
     
  20. งูเกา

    งูเกา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +13
    เห็นหัวข้อน่าสนใจเลยเข้ามาติดตาม เชื่อมั่น<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->paetrixครับ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขาแค่ยกพระวจนะ อย่างเดียว..
     

แชร์หน้านี้

Loading...