สัมมาสมาธิ แตกต่างกับ สมาธิทั่วไปอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 6 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    สาธุ มีประโยชน์กว่า เป็นประโยชน์ผู้อื่นด้วย ^^
     
  2. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    สัมมาสมาธิ แตกต่างกับ สมาธิทั่วไปอย่างไร

    ------------------------------------

    แค่เขียนก็แตกต่างแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องอธิบาย จบ!!
     
  3. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    สวดยอด

    จบ หมายถึง จบชีวิตป่าว :cool:
     
  4. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    จบมีหลายจบ จะจบอย่างเจ็บๆ

    หรือ ถ้าเจ็บแล้วไม่จบ

    ขอบคุณ ที่ชวนสนทนา
     
  5. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คุยมา ๓ หน้าไม่เห็น จขกท ตอบเลยว่า

    สัมมาสามธิ ต่างจาก มิจฉาสมาธิอย่างใด

    ชวนเข้าประเด็นครับ ^^
     
  6. totccccc

    totccccc สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +24
    เข้ามาติดตาม..ในเรื่องราว.. รอลุงมาสรุปครับ ระหว่ารอเดียวไปทำกสินหลวงตาบัวไปพลางๆก่อน
     
  7. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    แสดงว่าชัดเจนนักปฏิบัติเป็นอย่างนี้เอง เป็นพวกเกลียดตำรา นอกตำราก็หมายถึงนอกคำสอน ยึดเอาเอง เดาเอาเองทั้งนั้น ไม่ยอมเอาตามพุทธพจน์ ถือได้ว่าตั้งตนเป็นศาสดาเสียเอง เป็นลัทธิใหม่เป็นลัทธินายขันธ์ แม้ในสมัยพุทธกาลยังเกิดลัทธิมากมาย มีลัทธิทั้ง ๖ เป็นต้น สมาธิเป็นตัวสมุทัย แน่นอนออกนอกแนวทางตามคำสอน เป็นความโง่ที่ตกผลึก แถมตู่ตัวสมาธิเป็นตัวสมุทัย หยุดสอนได้แล้วนรกกว้างขึ้น รอรับพวกมิจฉาทิฏฐิอยู่ เป็นที่น่าเสียดายอย่างนิ่งอุตส่าห์พากเพียรสอน สุดท้ายลงนรกซะงั้น
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไหนๆก็รอ ขอเสนอส่งโอกาสให้อ่านกัน เผื่อผู้สนใจจะได้เก็ทมากขึ้น​


    ... อย่าปล่อยให้จิตมันว่าง ...

    ความหมายของท่านตีความหมายว่าอย่างไร
    บางท่านอาจจะว่าไม่ปล่อยให้จิตว่างนี่
    มันจะต้องคิด
    ต้องสวดมนต์
    ต้องท่องอะไรอยู่ไม่หยุดไม่หย่อน
    อย่าไปเข้าใจเช่นนั้น

    คำว่าอย่าปล่อยให้จิตมันว่างนี้ หมายความว่า
    ให้มีสติกำหนดรู้จิตอยู่ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    ทำไมหนอท่านผู้นี้จึงสอนว่าอย่าปล่อยให้จิตมันว่าง
    แล้วให้มีสติกำหนดจิต ท่านเอาความรู้และหลักฐานมาจากไหน

    ในเมื่อมองไปในหลักปริยัติ มีพุทธภาษิตที่ทรงตรัสไว้ว่า

    เอฐะปัสสะติมัง โลกังจิตตัง ราชะระถู ปะมัง ยัตฐะ พาราวิสีรันติ
    ระฐิสังโฆ วิจานะตัง เอจิตตัง สัญญะเมตสันติ โมกขันติ
    มานะปัณฑะนา

    สูทั้งหลายจงมาดูโลกนี้
    อันวิจิตรบรรจง ดุจราชรถทรง
    ของพระราชา ที่พวกคนเขาหมกอยู่
    แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่
    ผู้ใดจักสำรวมซึ่งจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร

    ชัดเจนหรือเปล่า อย่าปล่อยให้จิตมันว่าง

    คือ มีสติสำรวมจิตอยู่ตลอดเวลา
    ผู้มีสติสำรวมจิตผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร

    นี่หลวงปู่ฝั้นท่านอาศัยหลักฐาน ตามพุทธโอวาทตอนนี้

    อธิบายโอวาทหลวงปู่ฝั้น อาจาโร โดยหลวงปู่พุธ ฐานิโย
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มาๆเข้าไปอ่าน ในประเด็นจักหน่อยกัน

    ... สมาธิในฌานมันโง่
    สมาธิในอริยะมรรคมันฉลาด ...

    สมาธิในฌานจิตสงบนิ่งรู้อยู่ในสิ่ง สิ่งเดียว
    ความรู้อื่นความเห็นอื่นไม่ปรากฏขึ้น
    เป็นสมาธิแบบอารัมณูปนิชฌาน
    เป็นสมาธิในฌานสมาบัติ

    ที่นี่สมาธิในอริยมรรค มันฉลาด
    คือ จิตสงบนิ่งลงไปนิดนึง ความรู้ความคิด
    มันเกิดขึ้นมาฟุ้ง ฟุ้ง ฟุ้งขึ้นมายังกับน้ำพุ
    ที่นี้ในเมื่อความรู้ความคิดมันเกิดขึ้นมาแล้ว
    มันจะเป็นสมาธิได้อย่างไร

    ความคิด คือวิตกใช่ไหมล่ะ
    สติที่รู้พร้อมอยู่ที่ในขณะที่จิตเกิดความคิด
    คือ วิจารใช่หรือเปล่า
    ในเมื่อ จิตมีวิตก วิจาร ปีติและสุขมันก็ย่อมบังเกิดขึ้น
    สมาธิในวิปัสนานี่อาศัย องค์ฌานคือ
    วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกคัตตาเหมือนกัน
    เหมือนกันกับสมาธิในฌานสมาบัติ
    แตกต่างกันโดยที่ว่า สมาธิในฌานสมาบัติไม่เกิดภูมิความรู้
    เป็นแต่เพียงทำจิตให้ละเอียด ละเอียด ละเอียด
    จนกระทั่ง เกือบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่
    แต่สมาธิในอริยะมรรคนี้ พอจิตสงบนิ่งลงไปปั๊บ
    บางทีก็รู้สึกแจ่มๆ แต่ความคิดมันผุดขึ้นมาผุดขึ้นมา
    ผุดขึ้นมาแบบรั้งไม่อยู่

    ซึ่งนักปฏิบัติบางท่านเข้าใจว่าจิตฟุ้งซ่าน อย่าไปเข้าใจผิด
    บางทีพอจิตสว่างแล้วก็เกิดเห็นโน่นเห็นนี่ทางนิมิตรขึ้นมา
    เมื่อจิตเลิกรู้เห็นนิมิตรแล้วก็มาเกิดภูมิความรู้ความคิดขึ้นมายังกับน้ำพุอีกเหมือนกัน

    นี่เป็นสมาธิในอริยะมรรค
    ซึ่งเรียกว่า สมาธิวิปัสนา เมื่อผู้ปฏิบัติเข้าใจถูกต้อง
    ในช่วงใดจิตต้องการสงบนิ่งปล่อยให้นิ่ง
    ช่วงใดจิตต้องการคิดปล่อยให้คิด แต่มีสติกำหนดตามรู้

    ทีนี่ถ้าหากสมาธิถึงขนาดที่เกิดภูมิความรู้ขึ้นมาเองเนี่ยะ
    เราไม่ต้องไปกำหนดอะไรหรอกเขาจะเป็นไปเองของเขา

    จิตของเราจะรู้...เฉยอยู่เท่านั้น
    บางครั้งพอจิตสงบแล้วมันเกิดมีความคิดขึ้นมา ฟุ้ง ฟุ้ง ฟุ้ง
    ฟุ้งขึ้นมา จิตอาจจะแบ่ง ออกเป็นแยกออกเป็น 3 มิติ

    มิติหนึ่ง คิดอยุ่ไม่หยุดยั้ง
    อีกมิติหนึ่งเฝ้าดูงาน
    อีกมิติหนึ่ง ถ้าร่างกายปรากฎ
    จะมาสงบนิ่งอยู่ในท่ามกลางของร่างกาย

    ตัวที่คิดอยู่ไม่หยุด เป็นจิตเหนือสำนึก
    ตัวที่เฝ้าดูคือตัวผู้รู้ได้แก่ สติ
    ตัวที่หยุดนิ่งคือจิตใต้สำนึกตัวคอยเก็บผลงาน

    ลองไปปฏิบัติดูนะ จะเป็นไปได้มั๊ย อย่างที่ว่านี้
    อันนี้เป็นโอวาทของหลวงปู่เทศน์


    อธิบายโอวาท หลวงปู่เทศน์ เทศรังสี โดยหลวงปู่พุธ ฐานิโย

     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อีกบทความละกันเน๊าะ


    .....เวลานี้จิตข้ามันไม่สงบมีแต่ความคิด....


    พอถามว่าจิตฟุ้งซ่านหรือไงท่านอาจารย์
    ท่านจะตอบว่าถ้ามันเอาแต่นิ่ง มันก็ไม่ก้าวหน้า
    ลองฟังดูซิ นักปฏิบัติทั้งหลาย
    เวลานี้จิตข้ามันไม่สงบมีแต่ความคิดจิตฟุ้งซ่านหรืออย่างไร
    อ้าว.. ถ้ามันเอาแต่นิ่งมันก็ไม่ก้าวหน้า
    ... เอ้าไปนอน นั้งคิด นอนคิด
    ความหมายของโอวาทครูบาอาจารย์ให้แตก
    ถ้าตีโอวาทของครูบาอาจารย์ใหเเตกแล้ว
    .. เราจะได้หลักในการปฏิบัติ สมาธิภาวนาอย่างถูกต้อง
    อันนี้เป็นโอวาทของหลวงปู่เสาร์ ฝากไว้สั้นๆแต่เพียงแค่นี้

    อธิบาย โอวาทหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล โดย หลวงปู่พุธ ฐานิโย​
     
  11. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    แปลว่า.....................
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    แปลว่า
    ฝึกกรรมฐาน จนถึงขั้นที่ว่านี้ ว่ามาถึงตรงนี้หรือยัง

    ที่ จิตมีแต่ความคิดแต่กลับสงบ ท่ามกลาง สิ่งนั้น
     
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    คำว่า " ลองไปปฏิบัติดูนะ จะเป็นไปได้มั๊ย อย่างที่ว่านี้ "

    แปลว่า น้อมฟังมาอีกที ทำได้หรือไม่ได้ ไม่แน่ใจ

    เพราะไม่มีการแสดงทัศนะอะไร เพียงแต่นำมาบอกเล่า

    ผมเข้าใจอย่างนี้ ถูกรึเปล่า



    ทีนี้ ความคิดผุดให้รู้มากๆ แต่ไม่ได้ระบุว่ารู้อะไร

    เพียงอธิบายไว้สั้นๆว่า มีความคิดในความสงบ

    ที่จริง รู้นั้นเพราะจิตละเอียดจนเห็นสภาพธรรมที่ละเอียด ซึ่งเป็นปรมัตถ์ธรรม

    คือ รู้ก็เป็นปรมัตถ์ ธรรมที่ปรากฏก็เป็นปรมัตถ์

    เรียกว่า ปรมัตถ์ รู้ ปรมัตถ์ ขณะนั้นนามขันธ์ ๓ก็ยังมีอยู่

    ปรุงให้รู้ทางมโนทวาร แต่รู้ในแบบญาณะ ในระดับสังมาสังกัปปะ

    ไม่ใช่ความคิดที่เป็นเรื่องราว คนสัตว์ สิ่งของ



    อันนี้เป็นทัศนะนะครับ ไม่ได้ปรามาสอาจารย์ท่านใด

    ผมอาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาดีพอก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2012
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    แบบนี้มันส์ผมชอบ เดี๋ยวจะมาเพิ่มมุมเพิ่ม รอก่อน^^
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    มีฝากไว้ก่อนด้วย ^^

    สงสัยคืนนี้นายเจ๋งคงโดนสกั๊ดเหมือนเช่นทุกๆคืน :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2012
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เด็กทารกทางธรรม
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .....................คำว่า รู้ เฉย เฉย พี่หลง ไม่เข้าใจหรือ ไงครับ..... รู้เฉยเฉย....ไม่ต้องปรุงเพิ่ม อร่อยอยู่แล้วครับ.....ลองดู ลูกชิ้นปลานายเงี้ยบ!!!:cool:
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    รู้เฉยๆ ไม่ปรุง ผมข้ามไปเลยนะไม่พูดถึง

    รู้....เฉย แบบนี้ ตีเป็นอุเปกขาได้ ซึ่งเป็นผลปัญญารู้แล้วอกุศลดับลง เป็นตัตรมัชตา

    รู้นั้น เขามีแต่รู้ชัด รู้แจ้ง รู้แทงตลอด ที่จริงมันก็เป็นอาการรู้เฉย

    แต่ไม่ใช่รู้เฉย แบบไม่ต้องกำหนดรู้อะไร แค่รู้มันไปเฉยๆ แบบนี้ผมข้าม ไม่ต้องพูดมันล่ะ
     
  19. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    คอมพิวเตอร์ มีความสามารถในการเก็บข้อมูลและประมวลผลได้อย่างยอดเยี่ยม

    แต่คอมพิวเตอร์ก็มีความสามารถเท่าที่มันมีในเครื่องตามเสปคเท่านั้น

    เมื่อคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมกับอินเตอร์เน็ต ก็มีความรู้จากทุกมุมโลก มากมาย

    มหาศาล ไม่จบสิ้น เรียนจนตายก็ไม่หมด......ในคอมพิวเตอร์นั้น

    หากเปรียบพระพุทธองค์เป็นเช่นคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมสายต่ออินเตอร์เน็ต ซึ่ง

    ในสมัยนั้น ขณะยังไม่มีอินเตอร์เน็ต เลย.......พระพุทธเจ้าท่าน เชื่อมความรู้

    เหล่านั้นมาจากไหน ??? ทำอย่างไร ?? จึงจะได้เชื่อมต่อความรู้ได้บ้าง.....

    อย่างที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านเทศนา ก็น่าคิดเหมือนกัน ........เป็นไปได้

    ไหม ??? ท่านทั้งหลาย หากเป็นไปได้ เราก็คงจะมีความเห็นที่เหมือนกันนะ..

    อย่างน้อย ถ้าเราเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมสายอินเตอร์เน็ต ก็ยอดเยี่ยมแล้ว.
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตไหม แพ้ทริก อาหลง ของเรา พรรณาการรู้ รูปนาม เป็นวรรคเป็นเวรนะ

    แต่พออธิบายเรื่อง "รู้" คือ รู้อะไร อาหลง ผลิกไปงับ รู้เรื่อง รู้ความ รู้เฉย ซึ่ง
    เป็นอาการของเร่ืองราวหมดเลย ไม่ได้พิจารณา แยกรูป แยกนาม ออกมาให้
    ปริเฉทแม้แต่นิดเดียว

    อาการแบบนี้ คือ วิปัสสนึก

    พอวิปัสสนึก เจอคำเทศนะพระ ก็ นึกไปอย่างงั้นอย่างงี้ คิดว่า พระท่านพูด
    อะไรที่เป็นเรื่องราว ไม่ใช่สภาวะ รูป-นาม

    คุยกับคนแบบนี้นะ ไม่มีทางเจริญขึ้นได้ ยากมาก

    เพราะ อาหลงของเรา เขามั่นใจว่า เขาได้ เจโตวิมุตติ ฟ้าถล่มดินทลายราบ
    เป็นหน้ากลองมาแล้ว หลังจากนั้น ก็เลย ตรึกเอาตามใจชอบ

    สงสัยจะสำคัญว่า เหลือปัญญาคิดมุด อีกส่วนที่ยังขาด ก็เลย นกแก้ว เก็บตก
    พัชรสี เบญจมาสเอาภายหลัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...