นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width=350 align=center><TBODY><TR><TD>
    หิมพานต์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 align=center><TBODY><TR><TD>
    ถัดจากเขาสุทัสสนะ หรือติดเขาสุทัสสนะ จะเป็นป่าหิมพานต์ ซึ่งป่าหิมพานต์ เป็นรอยต่อแห่งมิติ ส่วนหนึ่งของป่าหิมพานต์เป็นแดนทิพย์ ส่วนหนึ่งเป็นแดนมนุษย์ และส่วนหนึ่งเป็นแดนรอยต่อระหว่างโลกทิพย์กับโลกมนุษย์

    ในป่าหิมพานต์ จึงมีพืชพันธุ์แปลกๆ มากมาย สัตว์พันธุ์แปลกๆ มากมาย ทั้งสัตว์กึ่งเทพ สัตว์กายสิทธิ์ ก็อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ นี่เอง

    ป่าหิมพานต์ ความจริงเป็นภูเขา เรียกว่าภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต เมื่อมองลักษณะรูปร่างแล้ว เรียกภูเขาหิมพานต์ แต่เมื่อมองในลักษณะมีต้นไม้มากแล้ว ก็คือป่าหิมพานต์

    เขาหิมพานต์ ยังประกอบด้วยยอดเขาย่อยๆ อีกมากมาย
    เขาหิมพานต์ มีสระสำคัญๆ อยู่ ๗ สระ คือ

    ๑. สระอโนดาต
    ๒. สระกรรณมุณฑะ
    ๓. สระรถการะ
    ๔. สระฉัททันต์
    ๕. สระกุณาละ
    ๖. สระมันทากินี
    ๗. สระสีหปปาตะ

    สระอโนดาต เป็นสระที่ได้ยินชื่อบ่อยที่สุด ธารน้ำทั้งหลาย ย่อมไหลลงมาที่สระอโนดาต พื้นสระอโนดาต เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อมโนศิลา บริเวณที่เป็นดิน ก็เป็นดินกายสิทธิ์ชื่อหรดาล (ใช้ถูตัวได้ดี) น้ำใสแจ๋วสะอาด ท่าอาบน้ำ มีมากมาย เป็นที่สรงสนานแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย รวมถึงเหล่าผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่น ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค เทวดา เป็นต้น
    รอบสระอโนดาต มียอดเขารายรอบอยู่ ๕ ยอดเขาได้แก่

    ยอดเขาสุทัสสนะ (สุทัสสนกูฏ)
    ยอดเขาจิตตะ (จิตรกูฎ )
    ยอดเขากาฬะ (กาฬกูฎ)
    ยอดเขาคันธมาทน์ (คันธมาทนกูฏ)
    ยอดเขาไกรลาส (ไกรลาสกูฏ)

    ยอดเขาสุทัสสนะ เป็นทองคำ รูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต และปลายยอดเขา มีสัณฐานโค้งงุ้มดังปากกา โอบปิดด้านบนสระอโนดาตไว้ ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ตรงๆ

    ยอดเขาจิตตะ เป็นรัตนะ รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ

    ยอดเขากาฬะ เป็นแร่พลวง หินแห่งยอดเขาสีนีล รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ

    ยอดเขาคันธมาทน์ รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ด้านบนยอดเขา เป็นพื้นราบเรียบ (เหมือนภูกระดึง) อุดมไปด้วยไม้หอมนานาพันธุ์ ทั้งไม้รากหอม ไม้แก่นหอม ไม้กระพี้หอม ไม้เปลือกหอม ไม้สะเก็ดหอม ไม้รสหอม ไม้ใบหอม ไม้ดอกหอม ไม้ผลหอม ไม้ลำต้นหอม ทั้งยังอุดมไปด้วย ไม้อันเป็นโอสถนานาประการ ในวันอุโบสถ(วันพระ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ ข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม... ภายในเขาคันธมาทน์ มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่าถ้ำนันทมูล เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน

    ยอดเขาไกรลาส เป็นภูเขาเงิน รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ วิมานฉิมพลีแห่งพญาครุฑ ก็อยู่ที่เขาไกรลาสนี้

    ยอดเขาทั้ง๕ ตั้งตระหง่านรายล้อมสระอโนดาตไว้ และมีเทวดารวมถึงนาค เป็นผู้ดูแลรักษา ธารน้ำทั้งหลาย จากเขาหิมพานต์ ทุกสารทิศ จะไหลมาผ่านยอดเขา๕ลูกนี้ (ลูกใดลูกหนึ่ง) จากนั้น ก็จะไหลรวมลงสู่สระอโนดาต
    (เหตุที่ได้ชื่อว่าอโนดาต ก็เพราะ มีเงื้อมผาโค้งงุ้มดังปากกา โอบบังแสงไว้ด้านบน ทำให้แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ไม่สามารถส่องผ่านไปโดนน้ำตรงๆ ได้ แสงเพียงลอดเข้าด้านข้าง ในแนวเหนือใต้ ตรงระหว่างรอยต่อยอดเขากับยอดเขา เท่านั้น สระนี้ จึงได้ชื่อว่า “อโนดาต”...แปลว่า ไม่ถูกแสงส่องให้ร้อน..)

    จากสระอโนดาต... จะมีปากทางให้น้ำไหลระบายออกอยู่สี่แห่ง ทิศละแห่ง คือ

    สีหมุข... ปากแม่น้ำแดนราชสีห์ (เป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่มาก)
    หัตถีมุข... ปากแม่น้ำแดนช้าง (เป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่มาก)
    อัสสมุข... ปากแม่น้ำแดนม้า (เป็นถิ่นที่ม้าอาศัยอยู่มาก)
    อุสภมุข... ปากแม่น้ำแดนโคอุสภะ (เป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่มาก)

    เกิดเป็นแม่น้ำใหญ่สี่สาย ไหลล่อเลี้ยงรอบนอกของเขาหิมพานต์ ก่อนลงสู่มหาสมุทร...


    ด้านทิศตะวันออก จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศตะวันออก ลงสู่มหาสมุทร

    ด้านทิศตะวันตก จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศตะวันตก ลงสู่มหาสมุทร

    ด้านทิศเหนือ จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศเหนือ ลงสู่มหาสมุทร
    (ที่แม่น้ำทุกสาย ไหลวนรอบสระอโนดาตเหมือนกัน แต่ไม่ข้องแวะกัน เพราะ ไหลลอดอุโมงค์หิน ไหลลอดภูเขา ออกไป)

    ด้านทิศใต้ จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว แล้วไหลตรงไปทางใต้ประมาณ ๖๐ โยชน์ โผล่ออกมาใต้แผ่นหิน ตรงบริเวณหน้าผา กลายเป็นน้ำตกสูงใหญ่ยิ่ง ความสูงสายน้ำตกประมาณ ๖๐ โยชน์ สายน้ำตกอันรุนแรงนั้น ตกกระทบแผ่นหินเบื้องล่าง จนหินแตกกระจายออก ในที่สุดกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รองรับสายน้ำตกนั้น แอ่งน้ำนี้มีชื่อเรียกว่า “ติยัคคฬา” เมื่อน้ำมากขึ้น ได้พังทำลายหินอันโอบล้อมอยู่ออกไปได้ทางหนึ่ง เจาะกระแทกหินที่ไม่แข็ง เป็นอุโมงค์ ไหลไป จนถึงส่วนที่เป็นดิน ก็เจาะทะลุดิน เป็นอุโมงค์ และไหลลอดตามอุโมงค์ดินนั้นไป จนถึงภูเขาหินขวางอยู่ (ติรัจฉานบรรพต=ภูเขาขวาง) ภูเขานี้เรียกว่า วิชฌะ เมื่อน้ำกระทบหินเข้า ก็ไปต่อไม่ได้โดยง่าย แรงน้ำได้ดันจุดที่อ่อนแอที่สุดออกไปได้ ๕ จุด เกิดเป็นทางแยก ๕ แยก และกลายเป็นต้นน้ำสำคัญแห่งมนุษย์ ๕ สาย ด้วยกัน คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมหิ และแม่น้ำทั้ง๕ นี้ นอกจากผู้ตาทิพย์แล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่า ของจริงอยู่ที่ไหน ...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ขนลุกน่ะดีแล้ว แสดงว่าเราสื่อ....กับ....อะไรไม่รู้ที่คุณคิดถึงอยู่แล่ะครับ

    ของคุณหมาของผมจิ้งจกร้องเวลาได้ที่ครับ จะเหมาว่าเป็นรางสังหรณ์ก็ได้นะ

    เหมือนก่อนหลังบ้านผมเป็นป่าข้างมีก่อไผ่ใหญ่ ตอนเวลาสวดหรือทำสมาธิิจนได้ที่หรือทำอะไรจนได้ที่ของมัน พวกนกโห่ร้องกันทั้งป่า เหมือนพวกลิงพวกคลั่งพวกชนะและอื่นๆร้อง แต่มีนกกะปูดเสียงมันเหมือนชะนีเลยไม่ค่อยได้คิด ตอนหลังเจ้าของที่ถางป่าเกลี้ยงก็แต่จิ้งจกในบ้านน่ะแล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  3. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    แสดงว่าเขามารอแน่เลย แล้วถ้ารู้สึกกลัวจะทำไงคะ
     
  4. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ลองอ่านเรื่องข้างล่างดูเผื่อจะเข้าใจเรื่องขนลุกมากขึ้นครับ



    คาถาเงินล้าน ,ประวัติ, ผู้มีประสบการ, เสียงสวด และถามตอบโดยหลวงพ่อ



    <center><table id="AutoNumber16" style="BORDER-COLLAPSE: collapse" width="80%" bgcolor="#fef3cb" border="1" cellpadding="6" cellspacing="6"><tbody><tr><td width="100%">ประสบการณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ


    ที่ได้รับผลในปัจจุบันนี้

    [​IMG]







    <center><table style="COLOR: #ffffff; BORDER-COLLAPSE: collapse" width="100%" bgcolor="#ffffe1" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="1475"><tbody><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="57">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="57">"หลวงพ่อครับ ผมก็คิดเรื่องการเรื่องงานเป็นประจำเลยครับ ทีนี้อยากถามว่ากรรมฐานบทไหนที่ทำให้ค้าขายดีครับ..?"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="57">หลวงพ่อ : </td><td height="57">"อ๋อ... ก็บทค้าขายราคาถูกซิ เขาขายหนึ่งบาท เราขายห้าสิบสตางค์ รับรองพรึบเดียวหมด บทนี้ดีมาก เพราะเมตตาบารมีไงล่ะ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">"โอ้โฮ.. ตรงเปี๊ยบเลยหลวงพ่อ.."






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="38">หลวงพ่อ : </td><td height="38">"ยังมีอีกนะ ถ้าบทที่สองดีกว่านี้อีก จาคานุสสติ แจกดะเลย"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">( หัวเราะ ) "โอ...บทนี้น่ากลัวจนแย่เลย"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="38">หลวงพ่อ : </td><td height="38">"ไอ้เรื่องค้าขายดีมีคาถาตกอยู่บทหนึ่ง"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">"เดี๋ยวผมขอจดก่อนครับ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="134">หลวงพ่อ : </td><td height="134">"ไม่ต้องจดหรอก คาถามหาโต๊ะ มหาโต๊ะนี่สมัยนั้นบวชด้วยกัน มีโยมคนหนึ่งแกหาบข้าวแกงมาขาย หาบไปตั้งแต่เช้ากลับมาบ่าย มันก็ไม่หมด


    วันหนึ่งมหาโต๊ะยืนล้างหน้าอยู่ที่หน้าต่างแกก็บอก
    "ท่านมหา มีคาถาอะไรดี ๆ ทำน้ำมนต์ให้ทีเถอะจะได้ขายหมดเร็ว ๆ "
    มหาโต๊ะแกไม่ใช่นักคาถาอาคมกะเขานี่ ก็นึกไม่ออก แต่ไอ้นี่น่าจะดีว่ะ "อนัตตา" แกนึกในใจนะ แกไม่ได้บอก แกก็เอาน้ำล้างหน้าพรม ๆ ยายนั่นแกก็กลับไป พอสาย ๆ แกก็กลับ ปรากฏว่าหมด"




    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">"อะไรหมดครับ...?"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="38">หลวงพ่อ : </td><td height="38">"ของหมด ข้าวแกงหมด แต่หม้อยังอยู่ หาบยังอยู่และคนหาบก็ยังอยู่ แหม..นี่ต้องให้อธิบายให้ละเอียดเลยนะ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">( หัวเราะ )"คือสงสัยครับ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="76">หลวงพ่อ : </td><td height="76">"ก็ เป็นอันว่าวันต่อมา โยมคนนั้นแกก็มาหาเรื่อย ๆ แกก็สังเกตมหาโต๊ะ ในที่สุดมหาโต๊ะต้องทำน้ำมนต์ด้วยคาถาบทนี้เอาไว้ที่บูชา แกก็ไปขายหมดทุกวัน ก็แปลกเหมือนกันเพราะจิตตรงใช่ไหม .. อนัตตา นี่เขาแปลว่าสลายตัวไงล่ะ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">"ลูกหลานเอาไปใช้ได้ไหมครับหลวงพ่อ..?"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="38">หลวงพ่อ : </td><td height="38">"ปู่ย่าตายายก็ใช้ได้"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="38">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="38">( หัวเราะ )"แล้ว คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ใช้ได้ไหมครับ...?"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="76">หลวงพ่อ : </td><td height="76">"ความ จริงคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของเขาก็ดี เขาขายของแล้วก็พรมตั้งแต่ตอนเช้า ถ้าตั้งร้านก็พรมหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนล้างหน้านั่นแหล่ะ ทำตอนนั้น เอาน้ำ ล้างเสกด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกแล้วพอล้างหน้าเสร็จก็พรม ตอนพรมก็ว่าไปด้วยนะ"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="39">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="39">"บางคนก็บอกว่า ถ้าว่าคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ ก็จะมีลาภมาก..?"






    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="618">หลวงพ่อ : </td><td>"มหา ปุญโญ เป็นคาถาเสกพระวัดพนัญเชิง เจ้าอาวาสวัดนั้นรูปร่างผอมดำ นั่งเสกด้วยคาถาบทนี้ ๓ ปี ฉะนั้นวัดนั้นจึงมีลาภมาก แล้วต่อมาสมเด็จหรือใครก็ไม่ทราบ ถามว่าเสกด้วยคาถาอะไร ท่านบอกว่า เสกด้วยคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ แล้วท่านก็บอกให้ต่อด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีอยู่รายหนึ่งชื่อ นายแจ่ม เปาเล้ง บ้านอยู่อำเภอดำเนินสะดวก แกเป็นคนจน ทำสวนอยู่ที่บางช้าง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ เพราะอาศัยความจนของแก จึงได้เป็นหนี้เป็นสินเขาอยู่ตั้ง ๒ หมื่น ( นี่พูดถึงเงินในสมัยนั้นนะ เดี๋ยวนี้เป็นเงินเท่าไรก็คิดกันดู ) ตาแจ่มจึงมาขอเรียนคาถาพระปัจเจกโพธิ์ เมื่อได้ไปแล้ว วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องแต่คาถาอย่างเดียว นั่งทำอยู่ทั้งวันทั้งคืน



    ข้างฝ่ายลูกเมียของตาแจ่มก็ดีแสนดี ไม่ยอมให้แกทำอะไรเหมือนกัน นอกจากท่องคาถา
    "คาถาบทนี้ เขาทำแล้วรวยนี่ ต้องให้มันรวยให้ได้" ลูกเมียแกว่าอย่างนั้น

    ตาแจ่มแกคิดจะเอาอย่าง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร นั่นแหล่ะ? ทีนี้ พอพริกออกดอกออกผลขึ้นมาจริง ๆ ตาแจ่มก็คิดจะขายพริกละ ไอ้พริกของคนอื่นนะ งามสะพรั่งมีพริกเยอะแยะ มองดูหนาทึบ ไปหมด ส่วนพริกของตาแจ่มพิเศษกว่าเขา มียอดหงุก ๆ หงิก ๆ เม็ดก็บางตา มองดูโปร่ง ๆ ดูท่าทางแล้วเห็นจะขายได้ไม่กี่สตางค์
    อี ตอนเก็บนี่ซิ คนอื่นเก็บพริกได้กองใหญ่เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้กองโตเท่านั้น เห็นพริกบาง ๆ ยอดหงุกหงิก ๆ นั่นแหล่ะ เขาเก็บได้เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้เท่านั้น มาถึงตอนขาย เจ๊กชั่งของคนอื่นได้ ๑ หาบ พอมาของตาแจ่มกลับเป็น ๒ หาบ ทั้ง ๆ ที่กองก็โตเท่ากัน เจ๊กหาว่าตาแจ่มโกง คิดว่าเอาทราบใส่เข้าไปในกองพริกเป็นการถ่วงน้ำหนักเลยเอะอะโวยวายใหญ่ ปรากฏว่าเม็ดดินเม็ดทรายที่เจ๊กว่า นั้นหาไม่ได้เลย เล่นเอาเจ๊กแปลกใจ แต่ก็ต้องซื้อไปตามนั้น

    พริก ของคนอื่นเขาเก็บกัน ๒ - ๓ ครั้ง ก็หมดแล้วครั้งแรกมาก ครั้งที่สองได้มากหน่อย พอครั้งที่สาม เก็บได้อีกเพียงเล็กน้อยเป็นอันว่าหมดกัน ต้องถอนต้นพริกทิ้งแล้วปลูกกันใหม่ ส่วนพริกของตาแจ่มไม่เป็นอย่างนั้น ต้องลงมือเก็บกัน ๖ ครั้งถึงได้หมด พริกที่ได้แต่ละครั้งก็มีปริมาณเท่า ๆ กัน นี่ไอ้พริกใบหงุกหงิก ๆ นั้นแหละ เก็บกันซะ ๖ คราว ผลที่สุด พริกของตาแจ่มก็กลายเป็นของอัศจรรย์ แถมเจ๊กยังตีราคาให้สูงกว่า พริกของคนอื่นเสียอีก เพราะว่า "เมื่อส่งไปแล้วเป็นพริกที่มีค่า ทางโน้นเขาให้ราคาสูง" ปีนั้นจึงใช้หนี้สองหมื่นหลุดหมด แถมยังมีเงินเหลืออีกตั้งสองหมื่น"




    ( นี่เห็นไหม... ถ้าหากว่า ท่านภาวนาคาถาบทนี้อยู่เสมอ ท่านอาจจะรวยกว่านายแจ่มก็ได้นะ )



    ต่อมามีผู้นำคาถา อนัตตา ไปปฏิบัติหลังจากที่หลวงพ่อแนะนำไปแล้ว เขาผู้นั้นได้เข้ามารายงานกับหลวงพ่อว่า
    "หลวงพ่อครับ อนัตตา แจ๋วเลยครับ อัศจรรย์มาก ตอนบ่ายวันนี้ฟลุ๊คมาก ของที่ผมขายฝรั่งซื้อคนเดียว ๑,๖๐๐ บาท ไม่เคยมีปรากฏเลยครับ""

    "อาจารย์ทำยังไงล่ะ.. อาจารย์ใช้แบบไหน จึงมีผลตามลำดับ... จะได้แจกจ่ายคนอื่นเขาบ้าง"






    </td></tr></tbody></table><table style="BORDER-COLLAPSE: collapse" width="100%" bgcolor="#ffffe1" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="650"><tbody><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="197">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="197">"อันดับ แรกตักน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปไว้หน้าพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วชุมนุมเทวดาไหว้พระบูชาพระตามหลวงพ่อกล่าวนำ มีมนต์อะไรก็สวดไป ของผมสวดยาวหน่อย เมื่อสวดเสร็จแล้ว ก็อาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วก็มาหลวงปู่ปาน แล้วมาหลวงพ่อ


    เสร็จ แล้วเช้าตื่นมาก็กราบแก้วน้ำ ๕ ครั้ง แล้วก็เอามาที่ห้องน้ำ แบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งใส่ขันสำหรับล้างหน้า ก่อนจะแบ่งก็ตั้งจิตให้ดี ว่านะโม ๓ จบ แล้วก็ว่าคาถานี้อีกครั้งหนึ่ง เท่าที่ใช้ก็ใช้คาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เม ฯ แล้วก็มาว่า คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อว่าเสร็จแล้วก็บอก "อนัตตา ขายเกลี้ยง"
    อีกครึ่งหนึ่งเราแบ่งมาแล้วก็ว่า คาถาวิระทะโย ไป แล้วก็พรมตู้อะไรต่าง ๆ แล้วก็ลงท้าย "อนัตตา ขายเกลี้ยง ๆ ๆ" แม้แต่หน้าร้านก็พรมออกไปเลย ถ้าใครเดินมาถูกน้ำมนต์ปุ๊บอยู่ไม่ได้ ต้องมาซื้อ อันนี้ได้ผลดีครับ"



    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="75">หลวงพ่อ : </td><td height="75">"อ้าว.. จำได้ไหมล่ะ อันนี้ก็ดีมีประโยชน์นะ ควรจะนำไปใช้ทุก ๆ คนนะ ฉันบอกให้อาจารย์เขาไปทำ ท่านทำแล้วผลมันเกิดขึ้นทุกวัน"







    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" bgcolor="#ffffff" height="56">ผู้ถาม : </td><td bgcolor="#ffffff" height="56">"แล้วถ้าฟลุ๊คอะไรเป็นพิเศษละก้อ เวลาจุดธูปเทียนหรือพรมน้ำมนต์ มันจะมีขนลุกซู่ซ่า ถ้าซู่มากละ มาแน่"







    </td></tr><tr valign="top"><td width="68" align="right" height="322">หลวงพ่อ : </td><td height="322">"อ้อ..กำลัง ปีติสูง ใช่ เพราะซู่ซ่านี่เจ้าของมาแสดงให้ปรากฏ ถ้านึกถึงท่านจริง ท่านเข้ามาช่วยจริงก็ถือว่าเป็นอาการของปีติ เมื่อสัมผัสแล้วทางจิตใจก็เกิดปีติ ความอิ่มใจเกิดขึ้น ขนลุกซู่ซ่ามาก การแสดงออกตามอาจารย์พูดน่ะถูก ถ้าหากว่าสัมผัสน้อยก็มีผลน้อยหน่อย แต่ก็ดีกว่าปกติ สัมผัสมากก็มีผลมากหน่อย ปัจจุบันทันด่วน อันนี้ถูกต้อง ถ้าทำขึ้น หนักจริง ๆ นะ ถ้าขายของเป็นน้ำหนัก น้ำหนักจะสูงขึ้น แล้วก็ไม่สูงแต่ของเรา เอาไปขายคนอื่นต่อก็สูง นี่เขาทำมาแล้วนะ คน ที่ไทรย้อยแกขายข้าว ไปซื้อข้าวมาวันนี้ พรุ่งนี้จะเอาไปขึ้นโรงสี แกก็พรมน้ำมนต์ก่อน พอถึงบ้านก็พรมน้ำมนต์หน่อย พอขึ้นโรงสีปรากฏว่าน้ำหนักสูง



    ถ้าหากว่าของที่เก็บไว้ในปี๊บในถงในอะไรก็ตาม จะมีปริมาณสูง
    เมื่อ ก่อนหลวงพ่อปานท่านบอก เอาข้าวใส่ยุ้งฉางให้เรียบร้อย ตวงให้ดี แล้วนับให้ดี ทำมาจนกว่าจะถึงฤดูออกมาใช้มาขาย แล้วตวง มันจะมากทุกคราว
    จำเอาไว้นะ ถ้าปฏิบัติ ทุกคนจะไม่จน ฉันอยากให้ทุกคนรวย ฉันจะได้รวยด้วย พระแช่งให้ชาวบ้านจนก็ซวย พระไม่มีกินน่ะซิ"

    จบ...






    </td></tr></tbody></table></center>


    </td></tr></tbody></table></center>

    คาถาเงินล้าน

    ตั้ง นะโม ๓ จบ


    นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา



    (บูชา 30 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
  5. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    สุขทั้งเขา ปิติทั้งเราค่ะ ขอบคุณนะคะ
     
  6. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    แล้วคืนนี้ คุณแจ๊กซ์69 พร้อมเดินทางยังคะ เห็นทุกคนพร้อมกันจัง
     
  7. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    เขาไปกันพรุ่งนี้กันครับ

    ถ้าขนลุกซู่แบบเรากลัว ขอเดาเล่นๆคือสัมผัสได้กับคนที่ไม่ให้คุณแบบเช่นผีไม่ดี เดาเล่นๆนะครับ
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขออนุโมทนา กับ คุณ ติง ติง และเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ ที่ช่วยนำข้อมูลดีๆมาเล่าสู่กันฟัง สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    สวัสดี ครับ ทุกคน :cool:

    กระทู้เคลื่อนตัว ไปอย่างรวดเร็วนะครับ เกือบตามไม่ทันแน่ะ...อย่างไรเสีย ก็อย่าลืมดึงผมไปให้ได้นะครับ ท่าน คุรุวาโร ...ชักสังหรณ์ใจ อย่างไรไม่รู้ ! เหมือนจะโดนทิ้งให้ไปคนเดียว !
    (ผมยังไม่เก่งนะครับ แต่จะพยายาม ท่องคาถาให้ขึ้นใจครับ) :cool:
     
  9. Duangchan Rach

    Duangchan Rach Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    นั่นไงละคะคุณแจ๊กซ์69 คิดเหมือนกันเลย เพราะตอนนั้นไม่ได้นึกถึงใครเลย แต่คิดว่าเขาน่าจะผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญค่ะ หมาเลยหอนตอนนั้นเปะเลย
     
  10. Assarin

    Assarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +104
    ว๊าววว มีพี่ใหญ่ไปด้วยอีกคน งานนี้คงได้ไปกันครบหมดทุกคนนะคะ มีทั้งคุณคุรุวาโร พี่จิโปคุ้มกะลาหัว
     
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สงบดับสงัดเงียบ สัมผัสเสียงธรณี นิมิตดีมงคลแล้ว พรุ่งนี้

    ถึงที่หมายปลายทางด้วย นะท่าน ผู้นำ

    จะช่วยทำ ช่วยสวดให้ บริบทนี้ บริบูรณ์

    จะพอกพูลบ่มจิต สติมั่น ไม่แคล้ว ไป่ถึง หิมพานต์.....เอย :cool:
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    วันพรุ่งนี้ มีงาน ต้องสานต่อ
    ที่วัดขอ ให้ช่วย ด้วยหน้าที่
    แล้วดิฉัน จะทำ เช่นไรดี
    ฤาจะหนี มาบ้าน ให้ทันการ

    ป่าหิมพานต์ แดนสี่ นี่ที่ไหน
    งามเช่นใด ฤางามล้ำ ดังคำขาน
    น่าสนใจ หรือว่าเป็น เช่นนิทาน
    คุรุวาน ช่วยแจ้ง แถลงคำ.
     
  13. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    พรุ่งนี้ เพื่อความมั่นใจ เราพากันจุดธูป 16 ดอกแล้วกล่าวให้เหล่าเทพ เทวาทั้งหลาย รวมทั้งพญานาคทั้งปวง ได้โปรดช่วยนำทางพวกเราไปยังจุดหมายปลายทางแล้วกัน (เพื่อเทพธิดาจะเปลี่ยน ส่งเทวดาอารักษ์ มาช่วย)

    อยากให้คุณรวีภรณ์ ไปให้ได้ครับ เพราะมีคนรอเจออยู่ครับ
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อยากจะเห็น นารีผล คนต้นไม้
    หากได้ไป คงจะสม อารมณ์หมาย
    ชมป่าสวย สัตว์งาม ให้ผ่อนคลาย
    กลับมาได้ ทำบุญเพิ่ม เสริมความดี
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    อนุโมทนาค่ะ ท่านคุรุวาโร จะพยาบยามกลับมาให้ทันค่ะ
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    วันนี้ ติงมีเรื่องแปลกๆมาเล่าให้ฟังค่ะ
    คาบที่ ๒ ติงสอนคณิตศาสตร์เด็กๆ ชั้น ม.๑
    มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เด็กคนนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๔ ค่ะ ปรกติเป็นเด็กช่างพูด
    วันนี้ก็เช่นกัน เขาก็พูดไม่หยุดค่ะ ^^
    พอติงสอนเสร็จก็เรียกมาหา
    คุยกับเขา...บอกเขาว่าหนูมีอะไรมาเล่าเหรอคะ น่าสนุกจัง เล่าให้คุณครูฟังได้ไหม...
    แล้วเขาก็เริ่มต้นเล่าว่า....
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    วันนี้ ติงมีเรื่องแปลกๆมาเล่าให้ฟังค่ะ
    คาบที่ ๒ ติงสอนคณิตศาสตร์เด็กๆ ชั้น ม.๑
    มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เด็กคนนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑/๔ ค่ะ ปรกติเป็นเด็กช่างพูด
    วันนี้ก็เช่นกัน เขาก็พูดไม่หยุดค่ะ ^^
    พอติงสอนเสร็จก็เรียกมาหา
    คุยกับเขา...บอกเขาว่าหนูมีอะไรมาเล่าเหรอคะ น่าสนุกจัง เล่าให้คุณครูฟังได้ไหม...
    แล้วเขาก็เริ่มต้นเล่าว่า....
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ...แปลกจังค่ะ พิมพ์เพิ่มเติมตั้งยาว พอโพสต์ส่ง กลับเป็นข้อความเดิม หรือว่า...โดนเข้าแล้วเรา....บรื๋อ...
     
  19. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ชั้นต่างๆ ของเทวดา


    ท่านสาธุชนทั้งหลาย เมื่อวันพุธก่อน ได้พาท่านพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เคารพไปนอนพักอยู่แถวภุมเทวดา สำหรับเรื่องราวของเทวดานี้
    เห็นจะต้องรีบรวบรัดกันเสียแล้วบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท เพระว่าตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้จะให้จบภายใน ๒๔ ตอน นี่ทำท่าดูลีลาว่าสัก ๑๐๐ ตอน ก็ไม่จบ ฉะนั้น ต่อจากนี้ก็จะขอรวบรัดเรื่องราวต่างๆ ให้จบลงตามกำหนดที่ตั้งใจไว้

    สำหรับวันนี้ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทดูเทวดาบนยอด ไม้กันบ้างดีกว่า ชมกันดูแหงนขึ้นไปดูบนยอดไม้ ต้นไม้ที่มีพุ่มสาขา จะเห็นวิมานต่างๆ แพรวพราวอยู่หมด ต้นไม้ต้นไหนมีสาขามาก ต้นนั้นมีเทวดามาก มีวิมานหลายวิมาน เทวดาพวกนี้ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์เรียกว่า รุกขเทวดา สำหรับรุกขเทวดานี้ มีบุญมากกว่าภุมเทวดาหน่อยหนึ่ง คือมีวิมานปะยอดไม้เข้าไว้ แต่ความจริงไม่ใช่อาศัยต้นไม้ที่มีแก่นต่อไป อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงตรัสว่า ต้นไม้ที่มีแก่นสูงเพียงคืบเดียว รุกขเทวดาก็ใช้วิมานอาศัยได้ อันนี้เป็นพุทธพจน์ จะขอนำเนื้อความย่อๆ ว่าทำบุญอะไรจึงได้เป็นรุกขเทวดามาเล่าให้ฟัง

    ตัวอย่างก็มีว่า คนใช้ของท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี มารับอาสาเป็นลูกจ้าง ครั้งแรกไม่ทราบว่าวันนั้นเป็นวันพระ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันพระบ้านของท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี แม้แต่เด็กก็ต้องรักษาอุโบสถ เขาไปทำงานอยู่ตลอดวัน กลับมาตอนเย็น เห็นคนอื่นไม่กินข้าว ทราบเนื้อความนั้นจากแม่ครัว ก็เลยขอสมาทานอุโบสถครึ่งวัน รักษาเฉพาะไม่กินข้าวเย็นแล้วก็ตลอดคืน อาศัยที่เขาทำงานหนัก ก็มีความหิวโหย เมื่อไม่ได้กินข้าวเย็น ตอนดึกลมก็กำเริบ ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐีขอร้องให้กินข้าว เอาอาหารดีๆ ไปให้ แล้วก็บอกว่าวันอื่นมีถมไปที่เราจะรักษาความดี แต่ว่าชายคนนี้บอกว่า ความดีเพียงครึ่งวันข้าพเจ้ายังทำไม่ไหว จะยอมให้ศีลขาดทำไม่ได้เพราะความดีไม่เต็มวัน แต่ครึ่งวันแค่นี้ ถ้าปล่อยให้ศีลขาดก็จะเลวเกินไป เห็นอันว่าแกไม่ยอมกินข้าว ยอมอดข้าวตายดีว่ายอมศีลขาด พอตอนดึก ปรากฏว่าแกตาย เมื่อตายแล้ว ดวงจิตคือวิญญาณหรืออทิสมานกาย กายที่สิงอยู่ในกายเนื้อก็ล่องลอยไปเป็นเทวดา เป็นรุกขเทวดา

    ตัวอย่างมีเท่านี้ เป็นอันว่า ภุมเทวดาก็ดี รุกขเทวดาก็ดี เป็นประเภททำบุญไม่เต็มที่ ภุมเทวดาประเภททำบุญสักแต่ว่าทำ เช่นชาวบ้านเขาไปวัดก็ไป ใส่บาตรก็ใส่ไปรักษาศีลก็ไป แต่ไปตามประเพณีแบบปู่ย่าตายายทำมาก่อนๆ เป็นสำคัญ แต่ว่าบุญนั้นก็ยังช่วยให้เป็นเทวดา สำหรับรุกขเทวดานี้ ตั้งใจทำความดีจริง แต่ว่าทำไม่ครบไม่ถ้วน นี่ว่ากันเท่านี้นะ เพราะว่าจะต้องลัดกันแล้ว

    ต่อจากนี้ไปก็ขอชวนบรรดาท่านพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เคารพไปเที่ยวเมือง เทวดา ด้านอากาศเทวดากันดีกว่า ออกเดินตามอาตมามา เวลานี้เราอยู่แดนของมนุษย์หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก เดินไปในสายที่เราไปเมืองนรก เดินตามมา นี่สมมติว่าตอนนี้มาถึงทางแยกแล้ว เห็นเทวดาอินไหม?


    ท่านเทวดาอินยืนยิ้มแย้ม แจ่มใส หน้าเบิกบาน รูปร่างหน้าตาสวย ทรงเครื่องประดับเต็มที่ ยกมือขึ้นไหว้ถามว่า พระคุณเจ้าจะไปทางไหน ก็เลยบอกว่าวันนี้จะไปเที่ยวอากาศเทวดาเมืองสวรรค์ ท่านก็ชี้ บอกว่าถ้าจะไปเที่ยวเมืองสวรรค์ นี่เราหันหน้าไปทางทิศตะวันออกไปด้านซ้ายมือ ทางขึ้นเนินแต่ความจริงคนที่ได้มโนมยิทธิเขาไม่ต้องอาศัยเนินนี้ก็ได้ ไปทางลัดปั๊บเดียวก็ถึง แต่ว่าสายนี้เดินกันตามลำดับ

    ถ้า จะไปพรหมต้องเลี้ยวขวามือ ถ้าไปนรก ตรงไป เป็นอันว่าขอบใจท่านเทวดาอิน วันนี้ขอไปเที่ยวเมืองสวรรค์ ไม่ไปนรกแล้ว เพราะว่าเมื่อนรกไปเที่ยวกันมาแล้ว บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทกับพระคุณเจ้าที่เคารพ ตามกระผมมา เราเลี้ยวซ้ายขึ้นเนินทีละน้อย ทางขาวโพลนเป็นทางใหญ่ นี่เราเดินมาได้ประมาณสักครึ่งทาง สมมติกันนะ เที่ยวด้วยปากนี้มันไม่ยาก เที่ยวทางแบบนี้ ถามว่ามาจากไหน จะเอาใครเป็นพยาน ก็บอกเอาพระร่วงเป็นพยาน เพราะไตรภูมิพระร่วงความจริงท่านเขียนไว้ดี พระร่วงไม่ได้เขียน พระเขียนให้ แต่ว่าที่พูดนี่ ก็ไม่ได้อาศัยไตรภูมิพระร่วงจรกระทั่งเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ใช้หลักวิชาต่างๆ ตามที่ค้นคว้าพบมาประกอบ

    เวลานี้เราขึ้นเนินมาถึงกึ่งทาง เนินที่ขึ้นมานี้ เราเรียกกันว่าภูเขาพระสุเมรุ ในระหว่างกึ่งทางนี้ เราจะมองไปดูรอบๆ มองไปทางด้านทิศตะวันออกเห็นวิมานแพรวพราวนับเป็นจำนวนแสน ดินแดนนี้เป็นดินแดนของเทวดามีนามว่า


    ท้าวธตรฐเป็น จอมเทวดาและมีอินทกะ คืออุปราชอยู่ ๑,๐๐๐ ท่าน และมีบริวารเป็นคนธรรพ์ คำว่าคนธรรพ์นี่เป็นชื่อของเทวดาเหล่าหนึ่ง เรียกว่าเป็นชื่อของทัพๆ หนึ่งอยู่หลายแสนท่านด้วยกันเรียกว่านับเป็นแสนๆ อาจจะเกิน ๑๐ แสนหรือ ๑๐๐ แสนก็ได้ มองไปทางด้านทิศใต้เป็นกลุ่มวิมานอีกกลุ่มหนึ่งนับจำนวนแสนๆ เหมือนกัน วิมานแถวนี้มีท่านเจ้าของหรือ

    ท่านผู้เป็นใหญ่มีนามว่าท่านวิรุฬหก และอินทกะคืออุปราช ๑,๐๐๐ ท่านเหมือนกัน มีกุมภัณฑ์เป็นบริวารมีจำนวนนับได้แสน ถ้าเรามองไปด้านทิศใต้จะมองเห็นวิมานเป็นจำนวนนับแสนเหมือนกัน ดินแดนแห่งนี้

    ท่านผู้เป็นใหญ่มีนามว่าท่านท้าววิรูปักษ์ มีอินทกะ คืออุปราชประมาณ ๑,๐๐๐ ท่านเหมือนกัน แล้วก็มีนาคเป็นบริวารนับจำนวนแสนๆ ทว่านาคในที่นี้ไม่ใช่นาคที่เลื้อยคลาน เป็นเทวดามีนามว่านาค เขาเรียกว่ากลุ่มนาค เป็นนามของกองทัพ ทีนี้เรามองไปทางด้านทิศเหนือ มีวิมานนับจำนวนแสนเหมือนกัน แถวนี้หรือในสถานที่นี้

    ท่านผู้เป็นผู้ใหญ่มีนามว่าท้าวเวสสุวัณณ์ มีอินทกะคือ อุปราช ๑,๐๐๐ ท่านเหมือนกัน แล้วก็มียักษ์เป็นบริวารนับเป็นจำนวนแสนๆ คำว่ายักษ์ในที่นี้แปลว่า ผู้อันบุคคลควรบูชาหรือแปลว่าเทวดา ไม่ใช่ยักยอกหรือว่ายักษ์ทศกัณฐ์ ยักษ์ประเภทนี้ไม่มีเขี้ยว มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่าคนมาก เป็นเทวดาที่มีบุญญาธิการมาก รวมความว่าเทวดา ๔ เหล่าหรือ ๔ ด้าน เป็นกองทัพ ๔ กองทัพ

    ป้องกันเวชยันต์วิมาน คือป้องกันชั้นดาวดึงส์ เพราะว่าเทวดากับพวกอสุรกายไม่ถูกกัน อสุรกายในสมัยก่อนอยู่ดาวดึงส์ แล้วก็ถูกพวกเทวดาขับไล่เพราะว่าอสุรกายเป็นอันธพาล ต้องมาอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ทีนี้บรรดากองทัพ ๔ เหล่านี้ก็มาอยู่ถึงกลางเขาพระสุเมรุ เพื่อเป็นการป้องกัน ถ้าอสุรขึ้นมาเมื่อไรก็รบกันเมื่อนั้น

    นี่ เป็นเรื่องของเทวดาเขาจะรบกันจริงหรือไม่จริงก็ไปดูเรื่องเทวดาอสุรกาย สงคราม หาที่ไหนไม่ได้ก็ไปดูในพระธรรมบทได้มีอยู่ เรื่องนี้ขอยกไปเป็นอันว่าเรามาพูดกันถึงเรื่องราวของเทวดา ๔ เหล่านี้ ความเป็นมาเป็นยังไง เทวดาทั้ง ๔ เหล่าหรือว่ากองทัพทั้ง ๔ กองทัพ มีท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวเวสสุวัณณ์ เป็นจอมทัพหรือแม่ทัพใหญ่อยู่ แต่ว่าเทวดา ทั้งหมดปรากฏมาเกิดเป็นเทวดาชั้นนี้ได้ ท่านบอกว่านอกจากทาน ศีล ภาวนา แล้ว ต้องมีบทภาวนาได้ฌานทุกท่านจะเป็นฌานที่เท่าไรก็ตามแต่คงจะไม่ใช่ฌาน ๔ คงจะไม่ถึงฌาน ๔ นะ เรียกว่าท่านที่จะมาเกิดในชั้นนี้เป็นเทวดาทุก ท่าน เป็นเทวดาอยู่มีฌานทุกท่าน แล้วก็เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย จึงมาเป็นเทวดากองทัพของพระอินทร์ เรียกว่าเป็นเทวดาทหาร สำหรับเทวดาที่อยู่ชั้นจาตุมหาราชนี้ก็ดี ชั้นนี้เรียกว่าชั้นจาตุมหาราช คือ มีพระราชา ๔ องค์แล้วก็เทวดาเป็นรุกขเทวดาหรือภุมเทวดาก็ดี ท่านพุทธบริษัท อย่าไปเหยียดหยามท่านนะทุกท่าน และมีจำนวนมากที่เป็นพระอริยเจ้า มีพระโสดา สกิทาคา อนาคา ก็มี นี่บรรดามนุษย์ทั้งหลายอย่าเบ่ง อย่าอวดตัวว่าดีกว่าเทวดา ว่าเทวดาไหว้ไม่ได้ เคารพไม่ได้ บูชาเทวดาไม่ได้ เราถึงพระพุทธเจ้าแล้ว แต่รู้หรือเปล่าว่าเทวดา แม้แต่ภุมเทวดา ที่เป็นพระอริยเจ้าก็เยอะ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เป็นพระอริยเจ้า ท่านก็มีความดี รับผลของความสุขคือมีรับผลของหิริและโอตตัปปะ

    พระ หลายท่านหรือว่าส่วนมากเคยพูดว่าเวลาเราบวชพระนี่ดีเทวดาไหว้เรา พระประเภทนี้เข้าใจผิด ลูกศิษย์อาตมาเองเคยโดนมา คุยแล้วแบบนี้ แต่พอเจริญพระกรรมฐานจิตเข้าสู่อุปจารสมาธิ ก็โดนเทวดายกบาทาให้ บอกว่าส้นตีนนี่แน่ะ เทวดาไหว้ แล้วพอตอนเช้าเขาเข้ามาหาขอกว่าเทวดาไม่มีมรรยาท ถามว่าทำไม บอกว่าเวลานั่งพระกรรมฐานยกบาทาให้ได้ แล้วบาทาก็โตกว่าตัวตั้งเยอะ ก็เลยบอกกับเธอเข้าใจผิด

    คนที่เขาจะไหว้ นั่นน่ะ คนที่เทวดาเขาจะไหว้จะต้องมีความดีเสมอเขาหรือว่ามีความดีเกินกว่าเขา พวกเราบวชเข้ามาเป็นพระไม่ใช่ว่าจะมีความดี เอาหัวก็ตาม โกนหัวอย่างพระห่มผ้าเหลืองอย่างพระ แต่ว่าจิตใจเป็นสัตว์ดิรัจฉานหรือว่าสัตว์นรกก็ถมไป เพราะไม่ตั้งอยู่ในธรรมวินัย ไม่ประพฤติปฏิบัติ มีความดีพอสมควรอย่างเทวดา พระที่ไม่มีหิริและโอตตัปปะ คือไม่มีความอายต่อบาป ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป พระบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าสอนให้ละ แต่กลับมาสะสมทรัพย์สมบัติ อยากได้ลาภ อยากได้ยศ อยากได้สรรเสริญ อยากได้สุขอย่างฆราวาส บางท่านก็ทำตัวเลวกว่าฆราวาส อย่างนี้เทวดาเขาไม่ไหว้ เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย

    เรื่อง บุญที่ทำให้เกิดมาเป็นเทวดาชั้นนี้ รู้กันเพียงย่อๆ ว่านอกจากทานศีล ต้องมีภาวนาฌานและเวลาตายๆ นอกฌาน คือไม่ได้เข้าฌานตาย มาเกิดเป็นเทวดาชั้นนี้ เมื่อเกิดเป็นเทวดาชั้นนี้แล้วก็บำเพ็ญฌานบารมีต่อไป ฌานเข้าเต็มที่ รอเวลา ๕๐๐ ปีทิพย์ คือเทวดานั้นมีอายุ ๕๐ ปี คือ ขอโทษ ๕๐ ปีของเราเป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของเขา เดือนหนึ่งมี ๓๐ วัน ปีหนึ่งมี ๑๒ เดือน และอายุของเขาจริงๆ ๕๐๐ ปีทิพย์ เมื่อครบ ๕๐๐ ปีทิพย์แล้วเทวดาชั้นนี้ทั้งหมด ถ้าไม่ต้องการไปเกิดเป็นคนก็ไปเกิดเป็นพรหมด้วยอำนาจของฌานที่บำเพ็ญจนครบ ถ้วนบริบูรณ์


    สำหรับหน้าที่ของ เทวดาชั้นนี้คือควบคุมความประพฤติของมนุษย์ มีภุมเทวดาเป็นเจ้าหน้าที่คอยจดความดีความชั่วของตน ใครไปทำความดีความชั่วที่ไหนก็ตามพระภูมิจด เคยพบในสมัยที่ป่วยอยู่กรมแพทย์ทหารเรือ วันนั้นตี ๒ ปรากฏว่าเห็นคนเดินมาคนหนึ่ง ถามว่าใคร บอกว่าเป็นภุมเทวดา ถามว่ามาทำไม บอกว่ามาดูความดีและความชั่วของคน ว่าใครจะเป็นยังไงบ้าง


    ถามแกเข้าแกบอกว่า มันเป็นหน้าที่จะต้องมาจด จดความดีและความชั่ว อันนี้ตามบาลีก็มี ท่านบอกว่าภุมเทวดาเป็นคนจดตามเขตที่ตนอารักขามีหน้าที่แล้วก็ไปส่งให้อากาศ เทวดา คืออากาศเทวดาของจาตุมหาราชชั้นพลทหารต่อไปเทวดาชั้นพลก็ไปส่งให้นายหมวดนาย หมู่ แล้วก็มอบให้กับท่านท้าวมหาราช

    ท่าน ท้าวมหาราชก็คัดบัญชี ใครทำบาปกันไว้ประเภทของบาป ใครทำบุญกันไว้ประเภทของบุญประเภทของบาปก็ให้เทวดา ๔ องค์ที่เรียกว่าเทวทูตนำไปส่งสำนักของพระยายม ตัวท่านท้าวมหาราชเองพอเวลาวันพระก็นำไปสู่ที่ประชุมของเทวดาบนสวรรค์ ดาวดึงส์ เมื่อเทวดามาประชุมกันที่เทวสถานหรือศาลาสุธรรมา

    ซึ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทจะทราบเรื่องราวนี้ในวันพุธหน้า บรรดาเทวดาทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อทราบว่าคนทำบุญมากก็ดีใจ แต่หน้าที่ที่ท่านเทวดาไปส่งคืนจาตุมหาราช ท่านนำเรื่องราวความเป็นมาของมนุษย์หรือความประพฤติของมนุษย์ที่ทำบุญไปส่ง ยั้นไปส่งกับปัญจสิกขเทพบุตร สำหรับปัญจสิขเทพบุตรนี้เป็นชื่อโดยตำแหน่ง คือเดิมทีเดียวท่านเทวดาองค์หนึ่งในสมัยที่เป็นมนุษย์มีแกละอยู่ ๕ แกละ มีจุกบนหัวน่ะ ๕ จุก ทีนี้ทำความดีตายไปแล้วไปเกิดเป็นเทวดา เขาให้นามว่าปัญจสิกขเทพบุตร มีหน้าที่เป็นเลขาของพระอินทร์

    ต่อมาท่านองค์นั้นตายไปแล้ว เวลานี้ไปนิพพานแล้ว คนอื่นมารับหน้าที่นั้นก็เลยให้นามว่าปัญจสิกขเทพบุตรเหมือน กัน ท่านปัญจสิกขเทพบุตรก็นำเอาบัญชีนั้นไปกราบทูลให้พระอินทร์ทรงทราบ เมื่อพระอินทร์ทรงทราบแล้วก็ประกาศนามคนที่ทำบุญเหล่านั้นให้มวลหมู่เทวดา ที่มาประชุมกันทราบ ถ้าระหว่างวันพระไหนมีคนทำบุญมาก

    บัญชีบุญบัญชีกุศลมากบรรดาเทวดาทั้งหลายก็ดีใจ กล่าวกันว่าต่อแต่นี้ไปพวกบรรดาเทพนิกายมากแล้ว เพราะอาศัยความดีใจปลื้มใจทีมีพวกมาก ท่านก็พากันฟ้อนรำทั้งเทวดาและนางฟ้า ความจริงสวยจริงๆ นะ น่าดู น่าอยู่ น่าเป็นเทวดา แต่วันพระไหนถ้าบังเอิญ เป็นการบังเอิญนะ คนทำบุญน้อย บรรดาเทวดาทั้งหลายได้ทราบจาก

    บัญชี ของท้าวมหาราชก็สลดใจ วันนั้นไม่มีการฟ้อนรำ นั่งสลดใจเศร้าสร้อยไปตามๆ กัน นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท หน้าที่ของบรรดาท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ ที่มีหน้าที่จะต้องทำอย่างนี้ นี่เราว่ากันอย่างลัดๆ นะ เรียกว่าคุยกันนานไม่ได้ อย่าดูกันนานเลย เพราะเวลามันกระชั้นเหลือเกิน เหลืออีก ๒-๓ ตอนจะหมดกำหนดที่พูดไว้ว่าจะทำเป็นเพียง ๒๔ ตอน ถ้าขืนพูดละเอียดละก็ ๑๐๐ ตอนมันก็ไม่จบ เพราะว่าเรื่องราวของไตรภูมินี้จะเป็นหนังสือ เวลานี้ ท่าน พล อ.ต. ม.ร.ว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ กำลังลอกเป็นตัวหนังสือเป็นตอนๆ ท่านเจ้ากรมคนนี้เก่งจริงๆ เก่งมาก หนังสือที่ออกไปแล้วทุกฉบับท่านลอกจากเทปบันทึกเสียงลงเป็นตัวหนังสือ ทำงานได้เร็วมาก เขียนหนังสือก็สวย คนประเภทนี้ได้กำไร เพราะจัดว่าเป็นเหตุของธรรมทานอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้า ท่านกล่าวว่า สัพพทานัง ธรรมทานังชินาติ การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ก็แลท่านเจ้ากรมนี่เป็นผู้ประกอบด้วยวิริยะและอุตสาหะ และทำงานได้รวดเร็วมาก หายากที่จะทำได้แบบนี้

    คน ประเภทนี้ถ้าตายลงนรกก็ซวยเต็มที และก็เป็นเรื่องราวต่อไป ข้างหน้ามันมีอยู่ว่านักเจริญพระกรรมฐานทั้งหลายส่งจดหมายกันมาไม่รู้ว่ากี่ ฉบับ เวลานี้ก็คั่งเต็มที่ไม่ได้ตอบให้ใครทราบต่างคนต่างก็ถามว่าการปฏิบัติพระ กรรมฐานตามแนวที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยัน จะเอาแนวจริงๆ กันมีเป็นประการใดบ้าง ถ้าจะตอบก็ตอบไม่ไหว เวลาไม่มี และอีกประการหนึ่งมีหลายท่านด้วยกันส่งเทปมา บอกขอให้ช่วยบันทึกด้วยเถอะ จะเอาไปให้คนฟังกันในสำนักงานของตน

    นี่ก็เหมือนกัน งานการก็มีทุกอย่าง วัดวาอารามก็สร้างไม่เสร็จ ที่สร้างมาแล้วคิดว่ามันจะพอ เวลานี้พอไม่ได้เสียแล้ว คนมามากเต็มไม่มีที่พักอาศัย ในที่สุดเป็นยังไงก็ต้องสร้างใหม่ เริ่มเหนื่อยใหม่ต่อไปใหม่ เป็นอันว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ท่านทั้งหลายที่ถามถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระกรรมฐาน ว่าทำยังไงจึงจะถูกต้องตามพระพุทธพจน์ อันนี้อาตมาจะนำเรื่องราวของอุทุพลิกาสูตรมาบันทึกให้บรรดาท่านพุทธบริษัท ฟังและก็เพื่อไม่ให้เสียเวลาสำหรับท่านทั้งหลายที่ไม่ได้ส่งเครื่องบันทึก เข้าไว้

    หลังจากเรื่องราวของไตรภูมิจบก็จะ ออกอุทุมพลิกาสูตรเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติพระกรรมฐาน ที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยันกับนิโครธปริพาชก จะพูดให้ฟังเต็มเรื่องโดยละเอียดเวลานี้ คุณหมดประจวบกับคุณยุพยงแห่งร้านวรรณเวช อำเภอสรรค์บุรี ส่งเทปมาตั้งปึกเบ้อเร่อก็ยังไม่มีโอกาสจะทำให้ ก็จะทำพร้อมๆ กันไป คือ บันทึกให้ท่านแล้วก็บันทึกออกสถานีด้วย มิฉะนั้นเวลามันไม่มี

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัทเวลาเหลืออีกนิดหนึ่ง นี่เรามาชมเรื่องจาตุมหาราชกันพอสมควรแล้ว เดินให้มันลัดให้มันเร็วเข้า วันนี้อย่าย่องเลยวิ่งดีกว่า แต่อย่าวิ่งให้เร็วนักนะ คนที่เดินมาด้วยกันน่ะคนแก่มีเยอะ เดี๋ยวจะหกล้มจมคว่ำ จะล้มไปปากคอจะแตก เดินต่อขึ้นไปอีกครึ่งทางจะถึงจุฬามณีเจดีย์สถาน


    อัน เป็นที่ถวายนมัสการของบรรดาเทวดาและพรหมหรือว่าท่านที่ได้ฌาน หรือว่าพระทั้งหลายที่ตายแล้วไปเกิดในที่ไม่ตายอีก นั่นก็ต่างพากันมาไหว้ ในระหว่างกึ่งกลางนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายทางซ้ายมือจะเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งแลดูเป็นแก้ว แพรวพราวไปทั้งต้น มีสาขาใหญ่ มีแท่นน้อยๆ วางอยู่โคนต้นไม้ แท่นนี้มองดูแล้วไม่ใหญ่ แต่ความจริงแล้วนั่งกี่คนก็ไม่เต็ม

    เมืองเทวดานี่มีแปลกอยู่อย่างหาอะไรพอเหมาะพอดีไม่ได้ หมายความว่าหาอะไรเล็กไม่ได้ของไม่โตแต่คนไปมากนั่งไม่เต็ม อันนี้เป็นของแปลก ต้นไม้ต้นนี้กล่าวกันว่าเกิดขึ้นมาได้ด้วยอำนาจของท่านมาลาพาลีเทพบุตร ใน สมัยที่ท่านเป็นมนุษย์ ท่านชอบปลูกต้นไม้เป็นสาธารณประโยชน์ เมื่อปลูกต้นไม้แล้วก็ทำเก้าอี้บ้าง ทำเตียงบ้าง ทำแท่นบ้าง เอาหินมาว่าเป็นที่นั่งสำหรับคนจะได้นั่งพัก ท่านทำแล้วท่านไม่ประสงค์ค่าจ้างรางวัล

    เรื่อง การตอบแทนใดๆ หวังให้คนเดินทางมาจากที่ไกลได้อาศัยนั่งร่มให้สบายมีความร่มรื่นจะได้พัก อาศัย เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายถ้าดูเวลาแล้วมันก็เหลืออยู่อีกนิดเดียว ถ้าเราจะเดินทางกันต่อไปก็คงจะไม่ไกลนัก ไหนๆ ก่อนจะหยุดก็ขยับเดินทางไปอีกนิด เดินไปอีกครึ่งทางก็ขึ้นไปถึงบันใดที่จะขึ้นจุฬามณีเจดีย์สถาน อันเป็นสถานที่นมัสการของบรรดาเทวดาและมนุษย์ที่ได้ฌาน ขึ้นหรือไม่ขึ้น ลองขึ้นสักนิดไหม ดูบันไดซิท่านพุทธบริษัท จะเห็นบันใดทองแล้วประดับประดาไปด้วยแก้วพราวพราย

    แหงนขึ้นไปข้างหน้าไปดูนั่นซิ รอบๆ ทาง รอบๆ ของจุฬามณีเป็นกำแพงทองคำ และก็แพรวพราวไปด้วยแก้ว พระจุฬามณีเจดีย์สถาน เป็นเจดีย์มีสัณฐานกลมสูงตระการตา มีธงหลากสีหลายประการ มีธงมากมายหลายประเภทขึ้นอยู่ แล้วพระจุฬามณีเจดีย์สถานก็มีแก้ว ๗ ประการประดับทั้งองค์ คือเป็นแก้ว ๗ ประการทั้งหมด เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้หมดเวลาแล้ว พักกันตามบันใดพระจุฬามณีเจดีย์สถานกันก่อน อีก ๗ วัน คือวันพุธหน้าค่อยเดินทางต่อไป

    สำหรับวันนี้หมดเวลาอาตมาก็ขอกลับวัดสักนิดหนึ่งก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับ ฟังทุกท่าน สวัสดี. .


    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หนังสือไตรภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2012
  20. Kimberry25

    Kimberry25 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีคะ ขอบคุณทุกท่านที่มีเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟัง สนุกมาก ๆ ๆ คะ (อะไรเอ๋ย ยิ่งอ่านยิ่งยาว คำตอบ ก็นิทานในกระทู้นี้ไงคะ) ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...