เฉียนหลงฮ่องเต้ ทำลายเส้าหลินเพราะเห็นว่าเส้าหลินแอบอ้างท่านตั๊กม้อ จริงหรือ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นรมิตร, 29 ธันวาคม 2011.

  1. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    เมื่อ ท่านตั๊กม้อเดินทางไปเผยแพร่ธรรมะที่ประเทศจีน
    ครั้งหนึ่งมีพระจำนวนมากมาย มาประชุมกันเพื่อจะรับ
    ฟังธรรมของท่าน ท่านก็ไม่พูดอะไร จากไปเสียดื้อๆ
    จากนั้น ท่านก็ไปนั่งสมาธิผินหน้าเข้าหาถ้ำ นานถึง 9
    ปี จนเมื่อท่านหุยเคอ เดินทางไปถึง เฝ้าคุกเขาขอธรรม
    อยู่นาน ก็ไม่สำเร็จ จิตของท่านหุยเคอวนเวียนอยู่กับการ
    เข่นฆ่าด้วยกรรมเก่าที่เขาทำมาด้วยมือข้างหนึ่ง สุดท้าย
    ท่านจึง "ตัดแขนแลกธรรม" ท่านตั๊กม้อจึงยอมออกมา
    และถ่ายทอดธรรมให้


    จะเห็นว่าท่านตั๊กม้อ มิได้ถ่ายทอดธรรมโดยง่าย และไม่
    หวังให้ใครมาศรัทธา ไม่คิดจะเอาลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ทว่า ทำไม วัดเส้าหลินจึงป่าวประกาศว่าเป็นสายธรรม
    ของท่านตั๊กม้อ? ทั้งที่ท่านตั๊กม้อ ไม่ยอมให้ธรรมใครโดย
    ง่ายขนาดนั้น (ถึงขนาดท่านหุยเคอต้องยอมตัดแขนแลก)
     
  2. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    เมื่อวัดเส้าหลินแอบอ้างชื่อท่านตั๊กม้อ และเรียกศรัทธาผู้คน


    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากวัดเส้าหลิน สายธรรมเซนอันแท้ของท่าน
    ตั๊กม้อ จึงต้องอยู่อย่าง "หลบๆ ซ่อน" เพื่อไม่ให้วัดเส้าหลินแย่งเอา
    "บาตร" ไป ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงถึงความสัมพันธ์ตรงต่อท่านตั๊กม้อ
    จะเห็นได้จากประวัติของท่านเว่ยหลาง เมื่อท่านได้รับแต่งตั้งเป็นผู้
    สืบทอดสายธรรมเซนแล้ว ท่านได้รับบาตรและต้องหนีจากไปอย่าง
    เงียบๆ จนพระจักรพรรดินีบูเช็คเทียนทราบ ได้มี "พระราชสาน" ไว้
    ว่า "อย่าให้ใครไปรบกวนท่านเว่ยหลาง" ดังนี้ ท่านจึงอยู่อย่างสงบ
    ภายหลัง "บาตร" นั้น ตกถึงท่านเว่ยหลางแล้ว กำลังจะถ่ายทอดสู่
    ท่านหนึ่ง ท่าน "ฟาไห่" ผู้มีฤทธิ์มาก คิดเอาบาตรรวบรวมศรัทธาคน
    ก็ไปแย่งบาตรมา กลายเป็นตำนานเรื่อง "นางพญางูขาว" เป็นอันสิ้น
    สุดการถ่ายทอดธรรมโดยการส่งต่อบาตร ทว่า ท่านทราบหรือไม่ว่า
    สายธรรมเซนนั้นมิได้สิ้นสุดเพียงรุ่นที่หกของท่านเว่ยหลาง ที่คนคิด
    ว่าสิ้นสุดเพราะ "บาตร" หายเท่านั้นเอง แต่สายธรรมของท่านมิได้
    ขาด ได้ถ่ายทอดต่อถึงท่านอื่นๆ ต่อไป โดยมิได้ "ยึดมั่นถือมั่นใน
    บาตรนั้นๆ อีกต่อไป"


    เมื่อเฉียนหลงฮ่องเต้ แน่ใจแล้วว่าท่านซักฟอกประวัติไม่ผิดแน่ จึง
    ได้มั่นใจทำการ "ทำลายล้างวัดเส้าหลิน" เพราะวัดนี้ ก่อตั้งโดย
    "เฮาบุ้งตี่ฮ่องเต้" มิใช่ "ท่านตั๊กม้อ" และเอาชื่อท่านไปเรียกศรัทธา
    ผู้คนมาซ่องสุมกำลังกัน อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวทางการเมือง
     
  3. ตามมาฮา 555

    ตามมาฮา 555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +6
    ง่ายๆสั้นๆ ......u จะไปรู้กับMง หราาาาาาา อิอิ

    (ตัวมารมาแว้ววววว)
     
  4. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    ผลจากการทำลายวัดเส้าหลิน ทำให้ดาไลลามะองค์ที่หกไม่ได้รับความศรัทธา


    ดาไลลามะองค์ที่หก ได้พบกับ "เฉียนหลงฮ่องเต้" และเปลี่ยนไป คือ จากเคยเคร่งครัด
    จารีตอยู่ในกรอบ ก็กลายเป็น "เสียเพราะเรื่องกาม" เนื่องจากไปคบหากับเฉียนหลงฮ่องเต้
    ซึ่งมีมุมมองโลกว่าคนเราจะยึดมั่นอยู่ในกรอบ ไม่เผชิญความจริง ไม่เผชิญหน้ากับกิเลส
    แล้วจักเปิดปัญญาบรรลุธรรม ได้อย่างไร? ดังนี้ ท่านจึงเป็นฮ่องเต้เจ้าสำราญ และเสวยสุข
    ครบสิบประการ ผลจากการคบหากันของดาไลลามะองค์ที่หก และเฉียนหลงฮ่องเต้ ทำให้
    ดาไลลามะองค์ที่หก ไม่ได้รับศรัทธาจากชาวธิเบต และถูกขับไล่ออกไปในท้ายที่สุด


    ทว่า ท่านไม่มีปัญญาหรือไม่มีธรรมเลยจริงๆ น่ะหรือ?
     
  5. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    เพลงรักของดาไล ลามะ องค์ที่ 6 แห่งทิเบต

    1
    ดวงจันทราโผล่พ้นหุบผาทางบูรพาทิศ
    ประดุจใบหน้าแสนงามที่กำลังโปรยยิ้ม
    แต่ความงามที่ประทับในหัวใจข้าฯ
    คือดวงหน้าที่แย้มยิ้มของคนรัก ​

    2
    ความหนุ่มแตกหน่อเมื่อวันวาน
    แต่วันนี้หลุดลอยไปเหมือนฟางแห้ง
    เมื่อยามที่ความแก่ชรามาเยือน
    ก็เหมือนกับคนเมาที่น้าวคันศรไปทางทิศใต้ ​

    3
    ถ้าเพียงแต่ข้าได้วิวาห์
    กับโฉมสคราญที่ข้าฯ รัก
    คงสุขสันต์กว่าได้รับอัญญมณี
    ข้า ฯ ควรจะเป็นเจ้าของที่นอนที่ลึกล้ำที่สุดประดุจมหาสมุทร ​

    4
    เธอมีกลิ่นกายที่หอมหวน
    หวานใจของข้าฯ ราชินีแห่งถนนหลวง
    เหมือนพลอยขาวที่ไร้ค่า
    แม้จะถูกค้นพบ, แล้วก็จำต้องโยนทิ้งไป​

    5
    ตราบใดที่ลูกสาวเจ้าของบ้าน
    ยังเปล่งปลั่งสวยงามด้วยวัยสาว
    ก็เหมือนกับการโหยหาลูกพีช (ลูกท้อ)
    ที่กำลังสุกปลั่งอยู่บนต้นที่สูงลิบลิ่ว ​

    6
    ข้าฯ มิอาจหลับไหลได้ตลอดราตรี
    เพราะกำลังจมอยู่ในห้วงสเน่หา
    เอ่อล้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
    ที่อ่อนล้าและสิ้นเรี่ยวแรง
    เพราะตลอดทิวาวารที่ผ่านมา
    ข้า ฯ มิได้พบหน้าสุดที่รักเลย ​

    7
    บุปผาบานแล้วก็โรยรา
    แต่มิได้ทำให้หมู่ภมรเศร้าโศกเสียใจ
    พรหมลิขิตกำหนดชีวิตของเธอและฉัน
    ให้จำพรากจากกัน
    แต่ก็มิได้ทำให้เราต้องร้องไห้คร่ำครวญ ​

    8
    หยดน้ำค้างเกาะตัวบนดอกไม้
    ส่องประกายระยิบระยับ
    และเมื่อกระแสลมหนาว
    พัดผ่านไปทางตอนเหนือ
    ความหนาวเย็นจะต้องย้อนกลับมาอีกครั้ง
    เพื่อขับไล่หมู่ภมรให้หนีไปจากมวลบุปผา ​

    9
    เพราะความอาลัยรักในทะเลสาบ
    หงส์จึงเนาอยู่ในนั้นเป็นเวลาแสนนาน
    แต่เมื่อหิมะแผ่คลุมทั่วทะเลสาบ
    หงส์ก็ต้องจำใจอำลา
    ด้วยความเศร้าโศกาอาลัย ​

    10
    ม้าไม้ถึงจะไร้ความรู้สึก
    ก็ยังอดชำเลืองแลถึงสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้
    แต่สุดที่รักของข้าฯ ไร้ความกตัญญู
    ไม่เคยชำเลืองแลมาที่ข้าฯ เลย ​

    11
    ข้าฯ ได้ชักธงบูชาขึ้นสู่ยอดเสา
    เพื่อความโชคดีมีชัยของสุดที่รัก
    เป็นเครื่องพิทักษ์ป่า อโจ เชลโง
    อย่าได้เหยียบย่ำธงแห่งโชคชะตาของเธอเลย
    12
    น้ำฝนหลั่งลงชะโลมดิน
    เพลงรักเขียนด้วยสีขาวดำ
    ความรักไม่อาจเขียนออกมาได้
    แต่จะจารึกอยู่ภายในหัวใจตราบนานเท่านาน
    13
    เอกสารที่ถูกประทับตราตามกฎหมาย
    ไม่สามารถกล่าวถ้อยคำที่คมคายได้
    แต่ตราประทับ(มุทรา)ในหัวใจ
    เต็มไปด้วยความจริงและยุติธรรม
    14
    ดอกฮอลลิฮอกเบ่งบานแล้วก็โรยรา
    เหมือนเครื่องสักการะเหนือแท่นบูชา
    มิได้ปล่อยให้ผึ้งหนุ่มสีน้ำเงินอยู่เบื้องหลังเลย
    โปรดนำข้า ฯ เคียงคู่ไว้กับเธอ
    เหนือแท่นบูชา ​

    15
    ถ้าข้าฯ ถูกคนรักขโมยหัวใจไป
    จะสละโลกเพื่อธรรมอันศักดิ์สิทธิ์
    ความหนุ่มของข้าฯ
    จะเป็นการแสวงหาที่ยาวนาน
    ด้วยการปลีกตัวในมรดกธรรม ​


    16
    ตัวข้าฯ มีความโน้มเอียงไป
    เพื่อศึกษาหลักธรรมคำสอนของลามะ
    แต่ภายในจิตกลับเก็บซ่อนความลับ
    ที่ครุ่นคิดคำนึงถึงแต่สุดที่รักไว้ ​

    17
    แม้ว่าในขณะที่กำลังบำเพ็ญสมาธิภาวนา
    ใบหน้าของลามะก็ไม่เคยปรากฏต่อสายตาเลย
    แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
    กลับเป็นใบหน้าที่กำลังแย้มยิ้มของคนรัก ​

    18
    ถ้าหากข้าฯ ปฏิบัติสมาธิเพื่อมุ่งต่อธรรมะ
    อย่างเอาจริงเอาจัง
    เหมือนที่ได้ใคร่ครวญถึงคนรัก
    ข้าฯ คงจะได้บรรลุธรรม
    ในชาตินี้อย่างไม่ต้องสงสัย
    19
    หิมะบริสุทธิ์แห่งดัคปะ เชลริลล์ **
    ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์
    หยาดน้ำค้างที่ล้ำค่า
    บนยอดหญ้า แห่ง นาคา-วัชระ
    ทิพยโอชะจากอาหารทิพย์
    ความตื่นเต้นเร้าใจในรสสุราที่เยชิ ขันโดร
    20
    การจุติใหม่ก็เหมือนกับสาวบริสุทธิ์ที่น่าลุ่มหลง
    จะเฝ้ารักษาผู้ดื่มกินจากการเกิดใหม่
    ในภพที่ต่ำกว่า
    ถ้าดื่มสุราทิพย์ด้วยจิตทัศนะที่ถูกต้อง ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2011
  6. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    การจุติใหม่ก็เหมือนกับสาวบริสุทธิ์ที่น่าลุ่มหลง
    จะเฝ้ารักษาผู้ดื่มกินจากการเกิดใหม่
    ในภพที่ต่ำกว่า
    ถ้าดื่มสุราทิพย์ด้วยจิตทัศนะที่ถูกต้อง ​


    [​IMG]
     
  7. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    ลามะเหล่านั้นเรียกตนเองว่าผู้บรรลุธรรม
    แต่กลับยึดติดอยู่ในกรอบจารีตประเพณี
    พิธีกรรมต่างๆ อันเป็นไปเพื่อรักษาความ
    น่าศรัทธาของตนๆ ไว้เท่านั้นเอง


    พระจี้กงเห็นในจิตของเขาเหล่านั้นว่ามิได้
    ตัดขาดจากกามเลย จึงพยายามสอนเขา
    เหมือนครั้งที่ท่านพบภิกษุผู้แอบดื่มสุรา
    ท่านได้แต่งโสลกสอน เพื่อกระตุ้นให้ลามะ
    เหล่านั้นย้อนดู "จิตตัวเอง" ซึ่งไม่ได้มีธรรม
    มีแต่เรื่องกามอยู่เต็มไปหมด


    ทว่า กลับไม่มีผู้ใดเข้าถึงในธรรมนั้นได้เลย...
     
  8. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    อาหารที่ดู "น่ากิน" ใช่ว่าจะอร่อย
    คนที่ดู "น่าศรัทธา" ใช่ว่าจะบรรลุธรรม
    เสมอไป
     
  9. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    老婆是解藥、小三是毒藥、小四是老鼠藥。別罵我喔。
     
  10. ตามมาฮา 555

    ตามมาฮา 555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +6
    และจะไม่ลบด้วยนะเอ้า เพื่อให้เห็นว่า "คนดีกับคนชั่ว มันก็ไม่ต่างกัน"
     
  11. Indesol

    Indesol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2011
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +30
    ไอ้หย่าา กลัวเรี้ยวว _^^_ ผ่านมานะค่ะ คถท่าน.. เฉยๆ
     
  12. ตามมาฮา 555

    ตามมาฮา 555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +6
    คือ คุณกูชักจะเหลืออดกับอีจิตบ้าจิตบออะไรพวกนี้กันไปแล้วแหละนะ พวกมึงจะแย่งอำนายอะไรกันมันก็เรื่องของมึง อย่ายุ่งกับกรู กรูเป็นคน (ผีก็อยู่ส่วนผี คนก็อยู่ส่วนคน)เข้าใจ๋ วันๆๆไม่เป็นอันทำอะไร ทุกวันนี้กูก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน อย่ามายุ่งกับกรู

    ฝากด้วยอีกอันนึง
     
  13. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    ผู้ไม่เข้าใจธรรม ตราบใดที่ยังสดับธรรมแบบตำรา ก็ยัง ตำราต่อไป
    เอ็งเข้าใจ สุญญตาแล้วรึ ถึงเขียนข้อความเยี่ยงนี้

    พ่อหนุ่มเอ้ย ไปเข้าใจตรีกายเสียก่อน
     
  14. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +291
    มหายาน สมัยก่อนมีการสอนแบบพิศดารนัก ถ้าสุกโต่งในตำราแต่หาปฏิบัติไม่ ก็เชิญ งม ต่อไปเถิดจ้า
     
  15. โฮดี้๐๐

    โฮดี้๐๐ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +14

    เกือบจะดีแล้วขอรับ แต่ดูเหมือนว่า ประวัติจะมั่วนิ่ม ยกตัวอย่างเช่น ยุคสมัยมันมั่วๆสุด คิดได้ไงครับเอายุคท่านเว่ยหลางมาชนกับสมัยพระนางบู๊เช็คเทียน ประวัติท่านฮุยเค่อก็ไม่ถูกทั้งหมดนะ ส่วนเรื่องนางพญางูขาวมันมาเกี่ยวอะไรด้วยฟะ ดมทินเนอร์มากไปหน่อยรึเปล่าขอรับ ฮิฮิฮิ แถมมีเรื่องทำลายเส้วหลินเพราะคดีซ่อนเงื่อนอีก หึหึหึๆๆๆๆๆๆๆ ช่างคิดนะขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011
  16. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    มีอะไรแปลกๆ มาอีกแล้วสินะ
    <img src=http://d37nnnqwv9amwr.cloudfront.net/photos/images/newsfeed/000/200/420/BRTky.jpg?1321408042 width="290px" height="220px">
     
  17. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8

    ประวัติมีแตกต่างมากมาย
    แม้แต่เรื่องของท่านตั๊กม้อ
    ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าได้
    เข้าเฝ้าพระเจ้า "อู่ตี้" แต่
    ในตำราบางเล่ม เล่าว่าได้
    เข้าเฝ้า "เหลียงบู๊ตี่"


    ท่านจะเชื่อตำราไหนดีละ?
    สำหรับข้อมูลนี้ ข้าพเจ้านำ
    มาจากงานเขียนของท่าน
    ธ. ธีรทาส ยังมีชีวิตอยู่แต่
    อายุมากแล้ว ท่านเข้าไปพบ
    ได้เลยว่าเขาหาข้อมูลมาได้
    อย่างไร โดยส่วนตัวข้าพเจ้า
    ใช้หลักฐานจากท่านนี้ เพราะ
    มีความเชื่อถือเป็นการส่วนตัว
     
  18. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    เรื่องนางพญางูขาว กล่าวถึงแต่ท่านฟาไห่
    แต่ไม่ได้กล่าวถึงอีกท่านคือ "ท่านตี้หุย" ที่
    ถูกท่านฟาไห่แย่งชิงบาตรไป แล้วตั้งตนเป็น
    ศูนย์กลาง รวบรวมศรัทธาจากหมู่สงฆ์ แต่
    ภายหลังได้สำนึกตนว่าตนมิได้มีจิตเมตตา
    เลย เพราะฆ่าได้แม้แต่หญิงมีครรภ์


    เรื่องราวของท่านฟาไห่ แต่งเป็นเรื่องนิทาน
    แต่เรื่องราวของท่านตี้หุย ที่ถูกแย่งชิงบาตร
    ไป ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ท่านตี้หุยสืบทอดธรรม
    สายเซนต่อมาโดยไม่มีบาตร และสายธรมนั้น
    ก็ต่อทอดไปถึงญี่ปุ่น ในสาย "รินไซเซน" ซึ่ง
    ไม่เน้นการทำสมาธิ ก่อนจะปรากฏมี "ซาเซน"
    ซึ่งเน้นการทำสมาธิ ภายหลัง คนเข้าใจว่าเซน
    คือ ลัทธิฌาน เน้นการทำสมาธิ แต่แท้แล้วเป็น
    การเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง


    เซนแท้ ไม่เน้นการทำสมาธิด้วยสมาธิเกิดได้
    ทุกอิริยาบถ เกิดเองอย่างเป็นธรรมชาติขณะ
    ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่เน้นเข้าฌานทำสมาธิลึก
    เพราะการบรรลุธรรมใช้เพียงสมาธิพื้นๆ ก็เข้า
    ถึงธรรมได้ จึงเน้นที่ "จิตสู่จิต" เข้าใจถึงในจิต
    จริงหรือไม่มากกว่า ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ธันวาคม 2011
  19. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    แถมนิดนะครับ ขอขยายว่า ยุคท่านเว่ยหล่างไม่ได้ตรงกับยุคที่บูเว็คเทียนขึ้นมามีอำนาจ แต่เป็นยุคที่พระนางเริ่มจะวางรากฐานให้กับตัวเอง ต้องพูดว่าเป็น ยุคของจุนจงฮ่องเต้ ลองดูในสูตรเว่ยหล่างหมวดสิบสิครับ และ ยกตัวขึ้นเป็นไทเฮา คู่กับฮ่องเต้ยุคนั้น เรียกว่า ไทโฮ ไทเฮา อันหมายความว่า ถ้าขุนนางจะกล่าว ยกย่องฮ่องเต้ต้องยกย่องพระนางขึ้นด้วย

    ส่วนเรื่องท่านฮุยเข่อตัดแขนนั้น มิใช่ตัดแขนพระสำนึกบาป เข้าใจว่าเรื่องสำนึกบาปนั้นเป็นเรื่องของ สังฆปรินายก องคืที่ 3 ของนิกายนี้ แล้วฮุยเข่อตัดแขนทำไม? ทั้งหมดเพื่อพิสูตรให้โพธิธรรมเห็นว่าตน พร้อมที่จะเป็นศิษย์แล้ว ท่านกล้าวว่า ถ้าท่านไม่หัน กลับมาคราวนี้จะเป็นหัวของข้าพเจ้า

    ส่วนเรื่องธีรทาส น่าจะเอามาจากหนังสือ แปล ศิษย์ดง่ไปเรียนเซน

    เรื่องแย่งบาทกับจีวรในยุดหลังนี้ไม่มี ท่านเว่ยหล่างเป็นคนบอกเองว่าไม่จำเป็นอีกแล้วให้ทำลายทิ้งเลย ศิษย์จึ่งถามว่าถ้าเช่นนั้น ใครล่ะจะสืบต่อธรรม ท่านตอบว่า ใครก็ได้ที่มีแสงแห่งพุทธธรรมส่องสว่างอยู่ในจิตอย่างสม่ำเสมอ คนนั้นแหละ คือผู้สืบต่อ

    ส่วนท่านรินไซนั้น สืบต่อมาจากท่านฮวงโป (ตวงชิ) ซึ่งเป็นศิษย์หลานของท่านเว่ยหลางญี่ปุ่นเรียกว่า โอบาคุ ดังตำนานเล่าว่า ท่านตรัสรู้แล้วได้อุทานมาว่า เซนของฮวงโปนั้นมันไม่มีอะไรเลย

    ส่วนเซนเน้นทำสมาธินะถุกแล้ว เพียงแต่สมาธิในความหมายของเซนนั้น มิได้หมายถึงแค่การนั่งอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ดังที่ครูเซนมักจะยกเอาคำสอนในวิมลเกรียตินิเทสสุตร ที่ท่านสารีบุตรเข้าใจว่าสมาธิคือการนั่งสงบจิต แล้วถูกท่านวิมลเกรียติเตือนว่า นี่คือการทำตนให้ไม่ต่างจากวัตถุไร้ชีวิต

    สมาธิไม่มีลึกตื้น ที่เรียกว่าลึกตื้นเพราะเกิดจากอวิชชาของคนเรานั้นต่างหาก

    ส่วนซาเซน นั้นเกิดขึ้นจากเซนอีกสาย คือ สายโซโตเซน ซึ่งหลังยุคท่านเว่ยหล่างเวนได้แตกเป็น ห้า สาย เพียงแต่การนั่งซาเซนนั้น มิใช่ใครก็จะทำได้ ศิษยืต้องถุกพฝึกในหลายอริยาบทมาก่อน ก่อนที่จะได้รับการฝึกซาเซน เพราะ การนั่งนิ่งๆให้ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่าย

    นอกำจากนี้สำหรับผู้ที่ไม่เคยปฏิบัตื เซน หรือ เคยได้รับการฝึกฝนมาโดยตรง (แม้เราจะเป็นมันอยู่แล้วก็ตาม) และ มาเขียนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าหัวนักชวนให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิดเรื่องเซน เหมือนคนไทยทำอาหารฝรั่งเศส และ พูดว่าเราคือต้นตำรับ เป็นการให้ร้ายและ ว่าร้ายนิกายเซนอย่างไม่น่าให้อภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2011
  20. คนมีกำกึด

    คนมีกำกึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมเข้ามาดูเพราะว่าหัวข้อน่าสนใจดีครับ ผมเองก็ฝึกกังฟูของจีนมาเล็กน้อย คือ หงฉวน และ หย่งชุน หรือ หวิงชุน ทำให้ได้ทราบประวัติเล็กน้อยจากคำบอกเล่าของชิฟูที่สอนกระผมทั้งสองท่าน กังฟูทั้งสองเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันนั่นก็คือ ช่วงที่เส้าหลินถูกทำลาย(เส้าหลินใต้มั๊ง) อาจจะด้วยเหตุเพราะ ศิษย์หลายๆท่านของวัดเส้าหลินก็เป็นชาวฮั่นที่ต่อต้านแมนจู เช่น หงซีกวน ผู้คิดค้น มวยหงฉวน มวยหงฉวนนั้นถ้าคนที่ชอบดูหนังจีน อย่างยิปมัน 2(หงจินเป่าใช้ในเรื่อง) หรือ นักฆ่าเทวดาแขนเดียว(ดอนนี่ เยนใช้ในเรื่อง) จะเห็นตัวเอกทำมือที่เรียกว่า ตั้นจื่อ มีนิ้วชี้ตั้งขึ้นมานิ้วอื่นเก็บ เป็นการบอกว่า เป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านแมนจู ถ้าจากสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมา ก็เป็นเพราะว่า เชื้อชาติ นะครับ ที่มีส่วนให้ทำลายวัดเส้าหลิน ผมเองก็ไม่ทราบว่าเส้าหลิน อ้างถึงท่านโพธิธรรม(ตั๊กม๊อ) ไว้อย่างไรบ้าง แต่จากที่ผมได้ยินได้ฟังมา ก็อ้างเพียงว่า ท่านตั๊กม๊อพำนักอยู่ที่วัดเส้าหลิน แล้วเห็นลูกศิษย์ร่างกายอ่อนแอ ยากแก่การทำกรรมฐาน เวลาปฏิบัติธรรมก็ง่วงเหงาหาวนอน เลยเขียนคัมภีร์สามเล่ม เป็นคัมภีร์โยคะ สองเล่ม และ มือปาหลอฮั่น 18 ฝ่ามืออรหันต์ นี่แหละครับ ได้ยินแค่นี้

    แต่หัวข้อน่าสนใจดีครับ เรื่องพระสูตรมหายาน ผมก็รู้นิดๆหน่อยๆ เคยอ่านมาสามสูตรเองครับแถมยังเป็นการย่อสามสูตรนั้นด้วยคือ ปรัชญาปารมิตาสูตร(หฤทัยสูตร) สัทธรรมปุณฑรีกสูตร และ ลังกาวตารสูตร ครับ อย่างอื่นนี่ไม่รู้เรื่องเลยครับ แฮะๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...