วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรื่องที่พระท่านฝากมาบอก แต่ผมยังติดค้างทุกๆท่านอยู่ มีดังนี้
    -เมื่อได้ อธิฐาน" รักษาศีลปรมัตถ์ ไว้ยิ่งชีวิต" ได้ข้อหนึ่งแล้ว กำลังใจจะเต็ม(ศีลบารมี) จะดึงให้ศีลข้ออื่นๆอีกสี่ข้อพลอยเต็มสมบูรณ์ไปด้วย
    เพราะแต่เดิม ถือ ศีล รักษาศีล เหยาะๆแหยะๆ พอได้ทำอารมณ์ใจ ที่รักษาศีลยิ่งชีวิตได้ซักข้อก็จะทำให้ การรักษาศีลข้ออื่นๆง่ายตามไปด้วย
    พอเพิ่มศีล ปรมัตถ์อีกข้อก็ดึงใจให้รักษาศีลข้ออื่นๆต่อจน บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ครบทั้งห้าข้อ ในแบบปรมัตถ์

    -การนอนสีหไสยาสน์ นั้น ไม่เพียงต้องกำหนดกาย กำหนดอิริยาบท เพื่อการนอนอย่างมีสติเท่านั้น

    ให้พิจารณาต่อไปว่า การนอนในท่าสีหไสยาสน์นั้น พระพุทธองค์ท่านทรงได้ประทับท่านี้บรรทม ตลอดกาล ของท่าน อีกทั้งแม้เมื่อพระองค์ได้ทรงปรินิพพาน ก็ทรงเสด็จสู่พระนิพพานในอิริยาบทนี้ ดังนั้นเมื่อเราทำตอนนอน ก็ขอให้ระลึกถึงความตาย หรือ มรณานุสติเป็นอารมณ์ ว่า หากแม้นเราเอนกายนอนอยู่นี้ แล้วตายลง เราขอตามเสด็จ พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่นิพพานด้วย เทอญ

    หากกำหนดการพิจารณาได้ดังนี้ ก็จะได้อานิสงค์ในการปฏิบัติ
    ...นอนอย่างมีสติ
    ...เจริญมรณานุสติ
    ...เจริญพุทธานุสติ
    ...เจริญอุปมานุสติ(อารมณ์นิพพาน)

    ดังนั้นก่อนนอน ก็จงนอนท่าสีหไสยาสน์ตามคำแนะนำของพี่คลิกสักครู่และพิจารณาตามอารมณ์ข้างต้น จากนั้นก็สลับมานอในอิริยาบทที่สะบายแล้วจับลมสะบายภาวนาไปจนหลับ
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ส่วนสำคัญที่พระท่านได้ให้ผมสรุปรวม รวบยอดก็คือ

    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน ด้วยกำลังในแนวปฏิบัติ ของ

    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน ด้วยกำลังของการพิจารณา (สุขวิปัสโก)

    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน ด้วยกำลังของ อภิญญา (เตวิชโชและฉฬภิญโญ)

    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน ด้วยกำลังของสมาบัติแปด (ปฏิสัมภิทาญาณ)

    การทรงอารมณ์พระนิพพานของพระโพธิสัตว์

    ทั้งหมดนี้เมื่อถึงแล้วมีอารมณ์ใจเสมอกัน แต่อารมณ์นิพพานของพระโพธิสัตว์จะมีความเข้มข้น มุ่งมั่น ในพระนิพพาน หย่อนกว่าพระอริยเจ้า อยู่บ้าง แต่จะเข้มข้นอย่างมากในพรหมวิหารสี่

    วิธีการทั้งหมด แตกต่างกัน ตามวิสัย ตามการอธิฐานของแต่ละบุคคล แต่ที่สุดแล้วโดยปรมัตถ์ ย่อมถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกัน ทั้งสิ้น แตกต่างกันที่ เร็วช้า คุณธรรมวิเศษ และประโยชน์ต่อหมู่สรรพสัตว์ที่ต่างกันออกไป ดังนั้น ไม่ว่าการปรารถนาสิ่งใด ล้วนดีทั้งหมด เกิดคุณประโยชน์ต่อตนเอง และต่อส่วนรวมทั้งหมดเช่นกัน
    ดังนั้นขอให้ชาวธรรมทั้งหลายจงได้มีความเข้าใจและกราบโมทนาในความดี ในการปฏิบัติของผู้อื่นที่อยู่ในแนวทางสัมมาทิษฐิ

    จงอย่าได้ ถือว่าอย่างนั้นถูก อย่างนี้ผิด ต้องอย่างนั้นฝึกตามแบบตนจึงถูก คนอื่นปฏิบัติผิดหมด สิ่งเหล่านี้ขออย่าได้มีในใจเรา เพราะจะเป็นเครื่องบั่นทอนการบรรลุธรรมของตนเองให้ ช้าลงไป
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพาน ด้วยกำลังของการพิจารณานั้น

    ก่อนอื่นเราจับลมหายใจสบาย นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และต้องระลึกถึง ศีล ก่อนเป็นอันดับแรก ใคร่ครวญในศีล ในความบริสุทธิ์ของศีล ลำดับความละเอียดในศีล

    จากนั้น พิจารณาในพรหมวิหารสี่ โดยใคร่ครวญว่า เราเป็นผู้ปรารถนาดี ต่อทุกสรรพชชีวิต ไม่เป็นศัตรูของผู้ใด เพราะทุกคนก็ล้วนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมด เราปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์ อยากให้เขาได้ถึงซึ่งพระนิพพาน

    จากนั้นพิจารณาสังขารร่างกาย ให้เห็นทุกข์ ในการเกิด ความแก่ชรา ความเจ็บป่วยและความตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งหลายทั้งปวง

    พิจารณา กายในความเป็น ธาตุ
    พิจารณากายในอาการ สามสิบสอง
    พิจารณากายในอสุภ ความเป็นซากศพ
    พิจารณากายในความเป็น รังของโรค
    พิจารณากายในความเป็น สิ่งปฏิกูล ในทุกส่วน ทุกทวาร

    เพื่อให้จิตคลายตัวเกิดความเบื่อหน่าย เห็นจริงในกองสังขาร ร่างกายว่าเป็นทุกข์ไม่เที่ยง มีความเสื่อม และสลายตัวไปในที่สุด

    พอเกิดความเบื่อหน่าย นิพพิทาญาณในร่างกายแล้ว

    จากนั้นพิจารณาต่อไปว่า พอตายแล้ว ก็ต้องเกิดอีก ตายอีก เกิดอีก ตายอีก ไม่มีที่สิ้นสุด หากเกิดมาเท่าเดิมก็ทุกข์อีก ถ้าอกุศลส่งผลไปเกิด ที่เลวกว่านี้มี ทุกคติภูมิมีนรกเป็นต้น จะยิ่งทุกข์เข้าไปมากกว่านี้อีกแค่ไหน แล้วกว่าจะได้มาพบพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาอีกเล่า หาก พลาดไป ไม่พบ ก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความเป็นมิจฉาทิษฐิยิ่งเข้าไปอีก จนหาจุดจบไม่ได้

    จนใจกลัว การเกิด เห็นโทษภัยในวัฏฏะสงสาร และใจเริ่มต้องการพระนิพพาน เพื่อการไม่เกิดอีก

    ขอบอกไว้ตรงนี้ว่า"ความรัก ความต้องการในพระนิพพานนั้น ที่จริงไม่ใช่ เพราะความเป็นวิมานบนพระนิพพาน แต่ความรักในพระนิพพาน เพราะไม่ต้องการ เกิดอีก ต่างหาก"

    เมื่อใจน้อมได้ดังนี้แล้ว ก็ทำกำลังใจว่า "พระนิพพานจะมีสภาวะ มีสภาพเป็นประการใดนั้นไม่สำคัญสำหรับเรา สิ่งที่เราต้องการคือความไม่เกิดอีก ดังนั้น องค์พระพุทธศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า และหมู่พระอรหันต์ ท่านได้ เสด็จเข้าสู่พระนิพพานด้วยสภาวะใด ข้าพเจ้าขอเข้าถึงพระนิพพานด้วยเช่นนั้นด้วยเทอญ"

    ใจของเราจะมีอารมณ์ใจที่
    เบื่อร่างกาย
    ไม่อยากเกิดอีก ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ พรหม อรูปพรหม
    มีความมั่นคงและเชื่อมั่นในพระรัตนไตร
    สิ้นสงสัยในการปฏิบัติว่ามีผลหรือไม่
    เห็นธรรมดาในทุกๆ สรรพสิ่ง
    ทำทุกสิ่งเพื่อความดี เพื่อถึงซึ่งพระนิพพาน เพราะ
    จิตต้องการจุดเดียวคือพระนิพพานเท่านั้น

    อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของพระนิพพานโดยอาศัย การพิจารณา ผู้ปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องได้อภิญญา หรือมโนมยิทธิ ก็เข้าถึงอารมณ์นี้ได้ เมื่อบรรลุแล้วไม่มีความสามารถพิเศษทางด้านอภิญญา นอกจากการตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาร

    การพิจารณาต้องเจริญใคร่ครวญอย่างละเอียด หลายข้อ ทวนไปมา อนุโลม ปฏิโลม ต้องใช้เวลาบ้าง

    แต่หากเข้าใจหัวใจและวัตตถุประสงค์ในแต่ละขั้นตอนก็จะเร็วขึ้น

    -พิจารณาพระพุทธเมตตาคุณของพระพุทธเจ้า เพื่อตัดสงสัยในคำสอน ถ้าสงสัยก็จะติดอยู่

    -พิจารณาในกาย ในสังขาร เพื่อความเบื่อหน่ายในร่างกายสังขารของเราและของผู้อื่น
    ถ้ายังไม่เกิดนิพพิทาญาณก็จะติดอยู่

    -พิจารณาในภัยในสังสารวัฏฏ์ เพื่อความไม่อยากเกิด เบื่อเกิด
    ถ้ายังไม่เบื่อเกิด ก็จะติดอยู่

    -พิจารณาให้เห็นพระคุณแห่งพระพุทธเจ้าและพระนิพพาน เพื่อความรักในพระนิพพาน ความพอใจในพระนิพพาน และ ความต้องการในพระนิพพานเพียงจุดเดียวเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องการทั้งสิ้น

    หากยังไม่เข้าใจก็ติดอยู่

    ทั้งหมดนี้เป็นการอธิบายอย่างย่อลัด การปฏิบัติต้องบำเพ็ญตามวิสัยที่เหมาะสมของตนเอง

    ขอความก้าวหน้าในธรรมความดี ตลอดจน การเข้าถึงซึ่งพระนิพพานจงมีแด่ทุกๆท่าน ผู้ใฝ่ใจในธรรม และการปฏิบัติด้วยเทอญ

    ขอกราบโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ในธรรมที่ได้ปฏิบัติดีด้วยกาย วาจา ใจ ทุกอย่างทุกประการด้วย เทอญ.........สาธุ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การเข้าถึงอารมณ์พระนิพพานด้วยกำลังของอภิญญา

    ก่อนอื่นเราจับลมหายใจสบาย นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และต้องระลึกถึง ศีล ก่อนเป็นอันดับแรก ใคร่ครวญในศีล ในความบริสุทธิ์ของศีล ลำดับความละเอียดในศีล

    จากนั้น พิจารณาในพรหมวิหารสี่ โดยใคร่ครวญว่า เราเป็นผู้ปรารถนาดี ต่อทุกสรรพชชีวิต ไม่เป็นศัตรูของผู้ใด เพราะทุกคนก็ล้วนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมด เราปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์ อยากให้เขาได้ถึงซึ่งพระนิพพาน


    จากนั้นพิจารณาสังขารร่างกาย ให้เห็นทุกข์ ในการเกิด ความแก่ชรา ความเจ็บป่วยและความตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งหลายทั้งปวง

    พิจารณา กายในความเป็น ธาตุ
    พิจารณากายในอาการ สามสิบสอง
    พิจารณากายในอสุภ ความเป็นซากศพ
    พิจารณากายในความเป็น รังของโรค
    พิจารณากายในความเป็น สิ่งปฏิกูล ในทุกส่วน ทุกทวาร

    เพื่อให้จิตคลายตัวเกิดความเบื่อหน่าย เห็นจริงในกองสังขาร ร่างกายว่าเป็นทุกข์ไม่เที่ยง มีความเสื่อม และสลายตัวไปในที่สุด

    พอเกิดความเบื่อหน่าย นิพพิทาญาณในร่างกายแล้ว

    จากนั้นจับภาพพระให้ใสเป็นแก้วประกายพรึก เปร่งรัศมีสว่างไสวแพรวพราว ขอบารมีพระท่านยกจิตอาทิสมานกายของเรา ขึ้นสู่พระนิพพาน ขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า ด้วยกำลังของมโนมยิทธิ

    ให้กำหนดจิตพิจารณาวิปัสนาญาณอยู่เบื้องพระพักตร์ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า บนพระนิพพาน

    เปิดโลกธาตุให้เห็นในภพภูมิต่างๆทั้ง สามภพ ใช้ความเป็นทิพย์ของจิต เข้าไปพิจารณา ดูให้เห็น ความเบื่อหน่ายในการเกิด

    ไล่ตั้งแต่ภพภูมิที่ต่ำที่สุด นับแต่โลกันตะนรก พิจารณาดูด้วยอตีตังสญาณว่า
    -ว่าเคยเกิดที่นี่แล้วมาในกาลก่อนหรือไม่
    -หลุดขึ้นไปจากการเสวยทุกข์นี้ได้อย่างไร
    -ใช้เวลานานแค่ไหน
    -ให้กลับมาเกิดที่นี่อีกเอาไหม

    จากนั้นให้พิจารณาไล่ภพภูมิโดยละเอียด เช่นนี้ขึ้นไปเป็น
    อเวจีมหานรก
    มหานรกขุมต่างๆ
    นรกขุมรอง

    ไล่ขึ้นไปเป็นภพของเปรต
    อสุรกาย
    สัตว์เดรัจฉาน

    จนถึงภพแห่งมนุษย์ ที่เป็น
    คนพิการ
    คนเข็ญใจ
    คนขี้โรค
    คนธรรมดา
    คหบดี
    เศรษฐี
    กษัตริย์
    พระเจ้าจักพรรดิ์

    พิจารณาดูว่า ทุกชาติที่เกิดเป็นทุกข์ ทั้งสิ้น ล้วนแต่พลัดพรากจากของรัก ของชอบใจทั้งหลายทั้งปวง

    จากนั้นพิจารณาขึ้นสู่ความเป็น
    เทวดา
    ไล่จาก
    ภุมเทวดา
    รุกขเทวดา
    อากาศเทวดา
    พรหม
    อรูปพรหม

    พิจารณาดูว่าถึงเป็นสุข ก็สุขแค่ชั่วคราว แต่ก็ยังไม่เที่ยง ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่รู้จัก หมด จากสิ้น ตามพลัดพรากจากทิพยสมบัติก็ต้องไปเสวยทุกข์แสนสาหัส หากพลัดลงสู่นรกอันเต็มไปด้วยทุกข์กว่าจะกลับขึ้นมา ก็ยาก แสนยาก

    พิจารณาในความเป็นไปในภพภูมิต่างๆด้วยความเป็นทิพย์ของจิต จนจิตของเราเห็นโทษในสังสารวัฏฏ์ได้อย่างชัดเจน กระจ่างแก่ใจของเรา จนใจของเราเกิดความเบื่อหน่ายใน การเกิดอย่างที่สุด การเกิดแม้เพียงชาติเดียว แม้เกิดเป็นพระจักรพรรดิราชก็ไม่เป็นที่ต้องการของเรา จุดเดียวที่เราต้องการก็คือพระนิพพาน เท่านั้น

    จากนั้นยกจิตของเราขึ้นสู่พระนิพพาน อยู่เบื้องหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิฐานจิต ตั้งมั่นไว้บนพระนิพพานเป็นอารมณ์

    "ขอบารมีแห่งพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดแผ่ ฉัพพรรณรังสี คลุมกาย คลุมจิตของเราให้สะอาด สว่าง สงบเย็นเช่นเดียวกับ อารมณ์ใจของพระพุทธองค์ท่านด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า"

    จากนั้นกำหนดความเป็นทิพย์ของจิตซึมซับอารมณ์ใจที่เราสัมผัสได้นี้เข้าให้เต็มล้นดวงใจของเรา อธิฐานย้ำว่า

    "ขอให้ ข้าพเจ้า สามารถเข้าถึงอารมณ์พระนิพพานนี้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่เราต้องการ หากแม้นเราได้ละจากร่างกายนี้แล้ว จุดเดียวที่เราต้องการก็คือพระนิพพาน เป็นที่สุด ขอพระพุทธองค์ได้โปรด คุมกาย วาจา ใจของเรา ในทุกวัน ทุกเวลา ทุกลมหายใจ ให้มุ่งลัดตัดตรงสู่พระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ"

    ขอกราบโมทนาในบุญของทุกๆท่านที่ทำได้ และได้ทำความดีสูงสุดในพระพุทธศาสนา ด้วยการทรงอารมณ์พระนิพพานไว้ทุกลมหายใจ เข้าออก ด้วยเทอญ ....สาธุ.......
     
  5. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    [FONT=&quot]ขอโมทนาครับ ทุกๆคนโดยเฉพาะพี่[/FONT]kananun [FONT=&quot]ผมเเละคนทั่วไปได้ประโยชน์จากธรรมทานไม่มากก็น้อย[/FONT] [FONT=&quot]ผมเองสู้บากบั่นเเม้ผมเองมีความไม่ดีมาก รักนิวรณ์๕เปีนพิเศษ ตัวอย่างความเขลาของผม ผมไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง กับอจ. ไก่ มาหลายครั้ง ทุกครั้งไม่ระวังตัวจนเกิดอยากได้มากจนเกินไปจน จิตไม่มีความสบายใจท้อแท้มัวหมองเป็นอันมาก ผมก็ยังยืนยันคิดว่าดีว่าถูกจนวันหนึ่งห็นว่ามันให้แต่โทษ กว่าจะรู้ก็เกินคร่งปี [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ยังไงก็สู้ครับครับเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนสู้ครับ ปฎิบัติมาตอนนอนบ้างครั้งคล้ายว่ามีเราอยู่ในร่างครับตื่นในการนอนครั้งคราว ปัญหาเห็นภาพพระท่านไม่ค่อยแจ่มใสเท่าใด อาจจะเขียนไม่ค่อยดีตอนเขียนผมไม่ค่อยสบายมากครับ<o:p></o:p>[/FONT]
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ไปกราบหลวงพี่อนันต์ ท่านได้เมตตาเล่าถึงการปฏิบัติในอารมณ์พระนิพพาน ท่านได้ เมตตาสอนว่า ถ้าใจเรารักเรามั่นคงในพระนิพพานเพียงจุดเดียว พระนิพพานติดอยู่ที่ปาก ที่ใจของเราแล้ว เราย่อมไม่คลาดจากพระนิพพาน นั่นเป็นอารมณ์ของพระอริยเจ้า

    มาวันนี้ได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์กับคุณ Jamrus ที่โทรทางไกลมาจากอังกฤษ เรื่องการปฏิบัติ และเรื่องภัยพิบัติ พอได้ยิน ว่าสิ่งที่ทางคุณJamrus กลัวมากที่สุด คืออะไร

    คำตอบก็คือ "กลัวการเกิด "

    ก็รู้สึกยินดีและโมทนากับคุณJamrus ด้วยเป็นอย่างที่สุด เนื่องจากเป็นการวางอารมณ์ใจไว้ถูกแล้วดี แล้ว เพียงแค่สั้นๆ แต่กินความหมายในการปฏิบัติได้อย่างลึกซึ้ง

    เมื่อกลัวการเกิด ก็ย่อมไม่อยากเกิดอีก เมื่อไม่อยากเกิดอีก ก็ดับอวิชชา เห็นแจ้งในทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร

    เกิดความเบื่อหน่ายอันเป็นนิพพิทาญาณในการเกิด จิตจับอยู่จุดเดียวคือพระนิพพานเป็นอารมณ์

    การรอดทางกายนั้น ยังไม่แน่เสมอไป ว่า รอดจากความตายครั้งนี้ เราจะไม่ตายเลย ก็หาไม่ได้ เพราะในที่สุดเราทุกๆคนก็ต้องตายอยู่ดี แต่ถ้าตายแล้วเราไปพระนิพพาน นั้นเป็นดีที่สุด ถือว่าเรารอดอย่างถาวร ไม่ต้องมาเกิด ไม่ต้องมาทุกข์ ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

    ดังนั้น การกลัวเกิด ก็คือใจที่มุ่งลัดตัดตรงสู่พระนิพพานนั่นเอง

    ขอกราบโมทนาบุญกับกำลังใจของคุณ Jamrus ด้วย เป็นที่สุดครับ
     
  7. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขอฝากข้อความและภาพเพื่อเผยแพร่ที่กระทู้นี้นะครับ

    ภาพนี้สามารถพิมพ์ออกไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ
    ตรงกลางภาพให้หาปิรามิด มาวางไว้
    แล้วตั้งจิตให้สงบนิ่ง ขอบารมี คุรุพุทธะแห่งจักรวาล
    ส่งพลังอันบริสุทธิ์ เป็นลำแสงสีขาวสว่างไสว
    ลงมาที่ผืนผ้ายันต์และปิรามิด
    จากนั้นใช้มือสองข้าง กอบเอาพลังจากยันต์และปิรามิด
    เข้ามาในศีรษะ ในตัวของเรา พร้อมสูดหายใจเข้ายาวๆ ลึกๆ
    สัก 5 ครั้ง.... แล้วหงายฝ่ามือทั้งสอง รับพลังจาก
    เบื้องบนที่แผ่ลงมาอย่างไม่ขาดสาย
    ต่อจากนั้น.. ให้นำฝ่ามือทั้งสอง วางในท่าประนมมือ
    แต่ไม่ต้องให้มือติดกัน... ให้แยกฝ่ามือเข้า-ออก ช้าๆ
    สักพักจะรู้สึกถึงอำนาจพลังดึงดูดที่ฝ่ามือ
    พลังที่เกิดขึ้นนี้ สามารถ นำไปรักษาโรคภัยในตัวของเราและผู้อื่นได้ครับ ลองดูนะครับ
    ภาพนี้ ผมได้รับเป็นต้นฉบับ เขียนลงผ้า ของทิเบต
    มีพลังดีมาก..ได้ทดลองมาแล้วครับ
    (verygood)
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- sig -->
     
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_groan_give_485758(){ fetch_object('post_groan_button_485758').style.display = 'none' fetch_object('post_thanks_button_485758').style.display = 'none' do_groan_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_add.onreadystatechange(groan_add_Done_485758) do_groan_add.send('showthread.php?do=post_groan_add_ajax&p=485758')}function groan_add_Done_485758(){ if (do_groan_add.handler.readyState == 4 && do_groan_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_485758').innerHTML = do_groan_add.handler.responseText }}function post_groan_remove_all_485758(){ do_groan_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_all.onreadystatechange(groan_remove_all_Done_485758) do_groan_remove_all.send('showthread.php?do=post_groan_remove_all_ajax&p=485758') fetch_object('post_groan_button_485758').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_485758').style.display = '' }function groan_remove_all_Done_485758(){ if (do_groan_remove_all.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_485758').innerHTML = do_groan_remove_all.handler.responseText }}function post_groan_remove_user_485758(){ do_groan_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_user.onreadystatechange(groan_remove_user_Done_485758) do_groan_remove_user.send('showthread.php?do=post_groan_remove_user_ajax&p=485758') fetch_object('post_groan_button_485758').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_485758').style.display = '' }function groan_remove_user_Done_485758(){ if (do_groan_remove_user.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_485758').innerHTML = do_groan_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT>

    <!-- End Post Groan Hack --><!-- start adv-->



    <!-- / close content container --><!-- / post #485758 --><!-- post #501803 --><!-- open content container -->
    <!-- this is not the last post shown on the page --><TABLE class=tborder id=post501803 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 26-02-2007, 11:15 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #140 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_501803", true); </SCRIPT>
    สมาชิก GOLD
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:47 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 4,240 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 18,814 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 29,796 ครั้ง ใน 3,792 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3714 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_501803 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->คุณคณานันท์ ก็ได้แนะนำการฝึกสมาธิ เมื่อ 25/2/50
    ที่เกาะลอย สวนลุมพินี
    แบบให้
    กำหนดรู้ และจดจำลมสบาย

    เมื่อถึงคราวคับขัน ไม่ต้องมานั่งกำหนดกันเป็นชั่วโมงๆ
    ทำถึงจุดนี้ได้ ทุกอย่างก็จะไปได้อย่างรวดเร็ว ใช้ได้ทันการ

    เริ่มต้นจากการหายใจเข้าช้าๆให้ลึกเต็มเข้าไปในปอด
    กำหนดในใจว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ตลอดเวลา
    เมื่อสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ให้กลั้นไว้สักพัก
    แล้วจึงผ่อนลมหายใจออก ใจยังคงกำหนด พุทโธ ธัมโม สังโฆ อยู่ตลอด เป็นการไล่ลมหยาบให้ออกไป จนเหลือแต่ลมละเอียด
    ทำไปประมาณ 3- 5 นาที นั่งในท่าไหนก็ได้ตามสบาย
    จะหลับตา หรือลืมตาก็ได้ แต่ผมว่าหลับตาจะดีกว่า
    เพราะไม่มีอะไรมาวอกแวกให้ตา เห็นได้

    จากนั้น ให้หายใจเป็นธรรมชาติ ตามปกติ
    ลมหายใจเริ่มแผ่วเบา ช้าลง ๆ จิตเริ่มสงบ
    ช่วงนี้ไม่ต้องกำหนดคำภาวนาในใจ
    ให้ตามรู้ลมหายใจ ไปเรื่อยๆ......
    จนความรู้สึกหายใจ หายไป เหลือไว้แต่ความนิ่งสงบ
    สบาย สงัดจากสิ่งกระทบภายนอก
    บรรยากาศ บริเวณนั้น อบอวลไปด้วยพลังของต้นไม้ใหญ่
    และพลังของผู้ที่มาฝึกลมปราณ..ไท้เก๊ก..
    พลังเหล่านี้ จะเข้ามาซึมซับ ซึมสิง อยู่ในตัวเรา
    นับว่าได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

    สักพักใหญ่ คุณคณานันท์ ก็จะพูดนำ ให้พวกเรา
    ถอนออกจากสมาธิ โดย หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกช้าๆ
    3 ครั้ง

    ต่อไป ก็เป็นการเปิดจักระทั้ง 7
    ทุกคนที่ไป จะได้รับการเปิดจักระ โดยคุณคณานันท์
    และสามารถสัมผัสรู้ได้

    แล้วก็มาถึงช่วง ขออำนาจแห่งคุณพระพุทธเจ้า
    ประจุพลังศักดิ์สิทธิ์ลงในวัตถุมงคลที่วางอยู่บนฝ่ามือ
    ทุกคนนึกอธิษฐาน อาราธนาตามคุณคณานันท์
    เป็นที่สัมฤทธิ์ผลได้ทุกคนครับ ขอยืนยัน

    สุดท้าย ก็จะเป็นการแผ่เมตตา ให้ครอบคลุม
    จากจุดใกล้ตัว ขยายออกไป จนครอบคลุมอนันตจักรวาล

    ขอกราบโมทนากับคุณคณานันท์ ที่เมตตาสอนแนะนำ
    พวกเราที่ไปในครั้งนี้..
    สำหรับผมก็ได้เติมเต็มในส่วนที่ยังขาดหายไปอยู่
    ได้ตามเจตนาที่มุ่งหวัง
    สาธุๆๆ
    (verygood)
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

     
  9. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ผมก็ทำตามวิธีนี้ จิตเป็นสมาธิเร็วและออกจากสมาธิได้คล่องแคล้ว แต่ยังไม่รู้วิธีเปิดจักระทั้ง 7 ไว้เจอคุณคณานันท์ ต้องขอคำแนะนำ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้เสมอครับคุณพี่มารีน

    และขอขอบคุณ ภาพของพี่เม้าและวิชชาที่นำมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมด้วยครับผม
     
  11. ตลับนาค

    ตลับนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,497
    เรียนคุณคณานันท์ กระทู้นี้มีประโยชน์มากครับตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเลย
    ทำให้ผมนึกไปถึงคำของหลวงพี่เล็ก ท่านกล่าวไว้ในเทปท่านเรื่องกรรมฐาน 40
    สักม้วนนึงว่า ถ้านำเทปของหลวงพ่อฤาษีฯมาฟังใหม่ซ้ำๆ หรือว่าเทปของหลวงพ่อ
    ที่เคยฟังไปแล้วนำมาฟังใหม่ เราจะพบว่ามันมีจุดที่เราเคยข้ามไปในตอนแรก หรือ
    ที่เรายังไม่เข้าใจในตอนนั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ ตอนแรกที่เราฟังเรายังปฏิบัติไป
    ไม่ถึงจุดนั้นหรือยังไม่ไปติดที่จุดนั้น ซึ่งการกลับมาฟังใหม่ก็อาจจะมีบางจุดที่ตรง
    กับใจเราพอดี ในเทปของหลวงพี่เล็กเองเมื่อนำมาฟังใหม่ก็จะพบอะไรแบบเดียวกัน
    หรือแม้กระทู้นี้เมื่อกลับมาอ่านใหม่ก็จะได้อะไรใหม่ๆกลับไปเสมอ
    ขอกราบโมทนาอย่างสูง และยังรออ่านสองตอนที่เหลือของ การเข้าถึงอารมณ์
    พระนิพพาน อยู่ตลอดครับ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** แก้ปัญหา ... โลกร้อน ***

    ทุกสิ่งบนโลก...เกิดจาก ...."จิตใจมนุษย์"
    เพราะ.......มนุษย์ ขาดการพิจารณาตนเอง
    หาก... มนุษย์ เริ่มรู้จัก....ฝึกพิจารณาตนเอง
    การกระทำ....พฤติกรรม และ นิสัยมนุษย์...จะเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

    เพื่อให้...มนุษย์ รู้จักพิจารณาตนเอง
    มนุษย์ทั้งมวล....จึงต้องพึ่ง ..."สัจจะ"
    การตั้งใจทำสิ่งที่ดี...ให้กับตนเองทุกวัน....อย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง

    ผลการกระทำ...ของมนุษย์ทั้งมวล....จะไม่สูญสลาย
    และ จะมีผลตอบแทน ต่อมนุษย์ และสภาพแวดล้อมของโลก
    ที่มนุษย์ สัตว์ และต้นไม้ ....ต้องอาศัยพึ่งพากัน

    การให้มนุษย์ประพฤติตน...โดยมี
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ ตลับนาค

    ตัวผมเองก็ได้ประโยชน์จากกระทู้นี้ด้วยเช่นกันครับ ทุกคนได้เรียนรู้ในธรรมปฏิบัติร่วมกัน เมื่อผมย้อนกลับมาอ่านกระทู้เก่าๆที่ตนเองได้ลงไว้ ก็มีแง่มุมต่างๆให้ตนเองฉุกคิด ด้วยเช่นกันครับ ธรรมมะเป็นสิ่งที่เราต้องปฏิบัติไปตลอดชีวิตและอาจยาวนานกว่านั้น ที่จริงจนสิ้น วัฏฏะสงสาร ไม่ว่าจะด้วยหนทางใด(พุทธภูมิหรือสาวกภูมิ) พระพุทธเจ้าท่านจึงใช้คำในการบรรลุธรรมว่า "การจบกิจ ไม่มีกิจใดอีกแล้ว"


    ขออนุญาตตอบคุณแพ๊ทครับ ในยามที่กายป่วยนั้น ใจอาจทรงอารมย์ของสมาธิไม่ได้ก็จริง แต่จิตเราจะเข็ดจะเบื่อในร่างกายได้ง่ายกว่า พึงพิจารณาให้เห็นโทษภัยในกาย ทุกข์จากขันธ์ห้า จนใจเราเบื่อการมีกายเนื้อ เบื่อการเวียนว่ายตายเกิดครับ จากนั้นตั้งกำลังใจไว้ว่า ร่างกายนี้เราไม่ต้องการมันอีก เราต้องการจุดเดียวคือพระนิพพานเป็นที่สุดเท่านั้นครับ ฝึกไว้ให้ยิ่งป่วย ยิ่งเจ็บ ยิ่งทรมานยิ่งทุกข์ ยิ่งอยากนิพพานครับ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ติดค้างมานานครับ
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ติดค้างมานานครับ ต้องให้เพื่อนๆทวงการบ้านซะทุกที
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ติดค้างมานานครับ ต้องให้เพื่อนๆทวงการบ้านซะทุกที ต้องกราบขออภัยด้วยครับ

    ขออนุญาตกุมขมับก่อนครับ พิมพ์จนเสร็จแล้วเด้งหายหมด ต้องพิมพ์ให้ใหม่ทั้งหมดเลยครับประมาณ เกือบชม.

    นับว่าเป็นการทดสอบวิริยะบารมีกันจริงๆครับ

    (verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2007
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การทรงอารมณ์นิพพานด้วยกำลังของอรูปฌานหรือสมาบัติแปด

    ก่อนอื่นขอให้จับลมสบายให้ใจเราชุ่มเย็นสดชื่นก่อน
    จากนั้นระลึกถึง บารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ระลึกถึงศีลห้า พรหมวิหารสี่
    จับวิปัสนาญาณพิจารณาความไม่เที่ยง มีความตายเป็นอารมณ์ เห็นความเป็นจริงในสังขารร่างกาย ว่าเป็นทุกข์
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทรงพุทธนิมิตร เป็นองค์แห่งพุทธานุสติเต็มกำลังสมาธิ จนทรงพุทธนิมิตรสว่างไสว แพรวพราว เปล่งฉัพพรรณรังสี สวยงามระยิบระยับ จนใจเราสบาย

    กราบขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านทรงสงเคราะห์ให้เราเข้าถึงอารมณ์แห่งสมาบัติแปด

    จากนั้นพิจารณา ให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆพุทธนิมิตรในจิตเรา สลายไปกลายเป็นอากาศ ขาว เว้งว้างว่างเปล่า ไม่มีขอบเขต ไม่มีผนังไม่มีพื้น ไม่มีเพดาน เว้งว้างไปหมด พิจารณาว่าทุกสิ่งไม่ใช่แก่นสาร ไม่ช้าก็สลายตัวหมด ไม่เที่ยง ไม่จีรัง

    จากนั้นทรงอารมณ์ พิจารณาให้เห็น บ้านเมือง อาคาร วัตถุ โลก จักรวาล หรือแม้แต่ตัวเรา ร่างกายเรา แตกสลายผุพังไปกลายเป็นความเว้งว้างว่างเปล่าอีก ทรงอยู่แต่พุทธนิมิตรในจิตของเรา
    พิจารณาว่า ร่างกายเราก็ดี ร่างกายบุคคลอื่นก็ดี วัตถุสิ่งของใดก็ดีล้วนแต่ ผุ พัง ไปตามกาลเวลาไร้แก่นสารใดๆทั้งสิ้น ให้ยึดมั่นถือมั่น
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทรงพุทธนิมิตรไว้ในจิตให้ทรงตัว ต่อไป พิจารณา เพิก สัมผัสและการปรุงแต่ง ความยินดี ยินร้าย ทางอายตนะ ทั้งปวงออกไปจากจิต

    เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ใจเฉย ๆ ไม่รับรู้
    ได้ยินก็เหมือนไม่ได้ยิน ใครชมก็เฉย ใครด่าก็เฉย
    ได้กลิ่น ก็ไม่ไปปรุงแต่ง ไปยึดถือ ว่าหอม ว่าเหม็น
    ได้รับรส ก็เฉย ไม่สนใจว่าอร่อย ไม่อร่อย
    รับสัมผัสทางกาย ก็ไม่ไปปรุงแต่ง ว่านิ่ม ว่าแข็ง
    มีอารมณ์ภายนอกมากระทบ ก็เฉย ไม่รับ ไม่รู้ ไม่สนใจ

    ใจเราพิจารณาว่า สัมผัสทั้งปวงไม่เที่ยง การปรุงแต่งในสัมผัสแห่งอายตนะทั้งปวงเป็นทุกข์ ไม่ช้าแค่วูบเดียวสัมผัสนั้นก็หายไป ไยต้องไปยึดถือ ใจเราตั้งมั่นแต่พุทธนิมิตรที่สว่างไสว อย่างเดียว
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทรงพุทธนิมิตร ที่ส่องสว่างเปล่งฉัพพรรณรังสีไว้ ให้ใจเราสบาย จากนั้นพิจารณา ว่า อันสัญญา ความจำ ได้หมายรู้นั้น ไม่เที่ยง

    เพิกความทรงจำ ความคิดในอดีตกาลก็ดี อดีตชาติก็ดี ความยึดมั่นถือมั่น ทิษฐิต่างๆก็ดี ทั้งหมด ออกจากจิตใจ เห็น สัญญาความทรงจำในทุกสิ่งมีความไม่เที่ยงเมื่อยึดถือก็ย่อมเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ความทรงจำ ความยึดมั่นก่อให้เกิดชาติ เกิดภพ เกิดการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ในสังสารวัฏ เราเห็นโทษภัยในสัญญา พึงลบ พึงสลายสัญญาทั้งหลายออกไปจากดวงจิตของเรา เหลือเพียงความเว้งว้างว่างเปล่ามีเพียงพุทธนิมิตรที่สว่างไสวลอยเด่นอยู่ ท่ามกลางความเว้งว้างว่างเปล่านี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...