ตันตระวัชรญาณ ไม่รู้ว่าตันตระเกิดเลื่อมใสพุทธ หรือพุทธเกิดเลื่อมใสตันตระกันแน่?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Amantrai, 22 มกราคม 2011.

  1. Amantrai

    Amantrai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +162
    แต่จะด้วยเหตุใดก็ไม่แปลกหรอก พระญี่ปุ่นยังมีเมียได้

    ต้องผ่านกามก่อนถึงจะหลุดพ้น

    ชาติภพของสมณโคดม พระยาฉัตทันต์ พระเวชสันดร ล้วนมีเมียทั้งสิ้น แม้กระทั่งพระชาติสุดท้าย เจ้าชายสิทธัตถะ

    วัชรญาณ แปลว่า ญาณสายฟ้า

    ก็มีญาณเดียวแหล่ะ ที่เกิดขึ้นประดุจสายฟ้า

    ก็คือญาณที่เกิดขึ้นตอน Augussm


    ;););););)
     
  2. Sinderking

    Sinderking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +673
    ออ สายฟ้า คือ การจับที่อารมณ์ ออกัสซึม

    ผมขอเสริมว่า จริงๆ ออกัสซึมที่เกิดจาก กิจกรรมคู่ เป็นออกัสซึมแบบกายเนื้อสัมผัส จริงๆ นอกจากวิธีนี้ พระไทย แบบ ของญาณไทยๆเรา พวกท่านก็ก้าวเกินขีด ออกัสซึมแบบพื้นฐานไปแล้วครับ นั่นคือ อัปปานสมาธิ แบบนี้ ออกัสซึม จนหาลมหายใจ หากายเนื้อกันไม่เจอเลยทีเดียว ที่สำคัญไม่ต้องอาศัยคู่ร่วมกิจกรรมด้วย เพราะฉะนั้น ศาสนาพุทธ ไม่ได้ตามตันตระหรอกครับ พุทธก็มีวิถีของพุทธ อีกอย่างก็ต้องอย่าลืมว่า ศาสนาพุทธมีหลายนิกาย แต่ละนิกายก็ต้องดัดแปลงให้ตามจริตของคนนับถือ เช่น พระญี่ปุ่นสมัยก่อน เกิดภาวะสงคราม อีกทั้งยังมีศาสนามาใหม่ของท่านจักรพรรติเรียกชินโต พระไม่มีทางเลือก นอกจากสืบทอดศาสนาให้กับคนในครอบครัว ลูกเมีย และหวังจะสืบทอดศาสนาต่อไปได้ (สมัยก่อนคนญี่ปุ่น มีนิดเดียว ไม่เยอะ) ลักษณะนี้ก็คล้ายๆ ศาสนาโปรแตสแตนท์ครับ มิชชั่นนารีมีเมียได้ สืบทอด เขาก็ไม่ได้มีหลักปฏิบัติตามตันตระแม้แต่อย่างใด
     
  3. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    เคยอ่านที่ลามะตอบ ท่านบอกว่าถ้าท่านหลุดพ้นด้วยการเสพกามได้ ท่านก็ต้องกินขี้ได้ หมายถึงใจที่ไม่ยึดมั่นจริงๆ จึงเข้าถึงภาวะตามตำราได้

    มันไม่ใช่ของพูดเล่นแล้วทำให้คนเข้าใจผิด ศาสนาเสียหายนะครับ

    หลวงพ่อชาเคยบอกว่า มีพระมาอาศัยอยู่ในวัดท่าน วัดของท่านไม่ให้พระใช้จ่ายเงินทอง ให้เป็นของส่วนกลางทั้งหมด พระบอกว่าผมขออนุญาติจับเงินใช้จ่ายได้ไหม ท่านว่าท่านใช้แบบไม่ถือมั่น หลวงพ่อชาก้สวนกลับมาว่า ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่น ท่านกินเกลือไม่เค็มได้ไหม ถ้าได้ลองกินดูสักครึ่งขวด ถ้าทำได้ท่านก็ใช้ได้ นี่พระปฎิบัติท่านต้องอย่างนี้

    สภาวะที่ไม่ถือมั่น การเสพกามจึงอาจเข้าสู่การหลุดพ้นได้ ตามตำราว่าจะเกิดแสงสว่างขึ้นใน3วาระ ถ้าจำไม่ผิด หนึ่ง ตอนตาย สอง ตอนเข้าสู่สมาธิอย่างลึกซึ้ง สาม ตอนถึงจุดสุดยอดในการร่วมเพศ นี่คร่าวๆครับ

    ปัญหามันมีอยู่ว่า ถ้าคนไม่มีอุปปาทาน ความถือมั่นซะแล้ว จะเสพกามไปเพื่ออะไร คนสมัยนี้หลักคิดของการเสพกาม ก็เพื่อแสวงหาความสุข ตามราคะตัณหา แต่สำหรับคนสมัยโบราณ การเสพกาม อาจจะไม่เป็นไปตามราคะอย่างเดียว แต่อาจจะเพื่อขยายเผ่าพันธ์ เมื่อไม่มีความถือมั่นในตัณหาเสียแล้ว บางครั้งการสมสู่ก็เป็นเพียงหน้าที่
     
  4. Amantrai

    Amantrai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +162
    ถ้าใช้คำว่าเสพ ก็คงเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป

    หลักการน่าจะเป็นการปฏิบัติสมาธิแบบหนึ่งมากกว่า " กามสมาธิ " แบบตันตระก็ไม่สามารถปฏิบัติกามร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่รัก เท่าที่ดูคร่าวๆ ก็ต้องมีการโคจรปราณผ่านเข้าไปในร่างกายของกันและกัน ผ่านจุดร่วมหรือจุดผ่าน 2 จุด คือปลายลิ้นและจุดที่ส่วนหัวองคชาติสัมผัสปากมดลูก

    ในมหากาพย์มหาภารตะยุทธ ฤาษีหรือดาบส ก็มีกามเพื่อให้ลูกได้ โดยไม่เสื่อมฤทธิ์

    ว่าจะลองอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่มีคนรัก


    ;);););)
     
  5. Amantrai

    Amantrai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +162

    ความจริงของเรื่องนี้นั้นอยู่ที่ กระแสประสาทของมนุษย์เรา ซึ่งใช้ไฟฟ้าเป็นตัวนำ และภาวะจิตของมนุษย์เรานั้นจะเข้าสู่ภวังค์เป็นจังหวะๆ เพียงแต่เราไม่รู้สึกเพราะเราคุ้นชินกับมัน ถ้าจิตเราไม่เข้าสู่ภวังค์เป็นจังหวะๆ การบันทึกข้อมูลในสมองก็จะไม่สามารถทำได้ หรือถ้าทำได้ก็จะเป็นลักษณะที่คงที่ตลอด ทำให้ไม่มีความแตกต่างที่จะอ่านเป็นเรื่องราวได้

    การหลับของคนเรา บางครั้งเราจะค่อยๆเคลิ้มหลับไป แต่บางครั้งเราจะเข้าสู่ภวังค์โดยฉับพลัน ร่างกายจะกระตุกนิดหนึ่งแล้วก็หลับไปเลย และบางคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ร่างกายกระตุกแล้วไม่หลับ

    เมื่อร่างกายต้องใช้ไฟฟ้าเป็นสื่อกระแสประสาทต่างๆ ถ้าใครมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนก็จะจับได้ว่า ตอนที่ถึงจุดสุดยอดระหว่างร่วมเพศนั้นบางครั้งจะเกิดขึ้นพร้อมกับจังหวะที่จิตเข้าสู่ภวังค์พอดี จะรู้สึกวูบ แต่ไม่ถึงกับหลับ แต่ก็มีบางคนโดยเฉพาะผู้สูงวัยอาจจะหลับผลอยไปเลย

    เฉพาะเพศชายเท่านั้น ถ้าละเอียดอีกนิดจะพบว่า ก่อนที่จะถึงจุดสุดยอดนั้น จะพบว่ามีกระแสประสาทวิ่งจากบริเวณขอบเงี่ยงของส่วนหัวอวัยวะเพศไปตามลำตัวไปยังต่อมลูกหมาก แล้วต่อมลูกหมากจะหดตัวเป็นจังหวะๆ บีบให้น้ำอสุจิพุ่งออกมา

    ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะไฟฟ้าประสาทแบบนั้นในช่วงจังหวะที่จิตกระพริบ ก็จะหลุดพ้นได้ เพราะในจังหวะนั้นไฟฟ้าร่างกายส่วนอื่นไม่ทำงาน

    อ้อ! หลุดพ้นได้ ก็ตายได้เหมือนกัน หรือ ทั้งตายทั้งหลุดพ้นพร้อมกัน


    ;);););)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  6. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    มหายานตันตระวัชระยาน การปฏิบัติวัชระยาน จะได้รับการถ่ายทอดเฉพาะบางคนเท่านั้น
    วัชระยานเจริญมากในธิเบต แต่หากไม่เคยศึกษาวัชระยานแล้วใช้ความเห็นแบบคิดเองน่าจะเป็นมันก็ไม่ถูกต้อง

    ตันตระ โดยความหมายของคำแปลว่าความต่อเนื่อง การต่อเนื่องของจิตวิญญาณที่ได้รับการพัฒนาให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง โดยที่การเปลี่ยนชาติภพมิได้ทำให้ระดับจิตที่ได้พัฒนาแล้วลดระดับลง อันเป็นคำสอนการปฏิบัติระดับสูง ซึ่งพระพุทธเจ้าได้สอนศิษย์ในแวดวงจำกัดเท่านั้น การปฏิบัติตันตระไม่มีใครได้พูด ได้ศึกษา ได้ปฏิบัติโดยไม่มีอาจารย์และไม่ได้รับการอภิเษกจากอาจารย์ก่อน แม้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้ปฏิบัติมามากเข้าใจเป็นอย่างดี ก็ไม่สามารถที่จะพูด ศึกษา หรือปฏิบัติตันตระเองได้โดยไม่ผ่านการอภิเษก จากคุรุ

    การปฏิบัติตันตระเหมือนกับแพทย์ ที่มีความชำนาญมากสามารถที่จะเอาสารพิษ หรือ ยาพิษมาสกัดเพื่อเป็นยารักษาโรคใหม่ๆได้ มีประสิทธิภาพสูง ในการปฏิบัติตันตระจะมีการนำความรู้สึกที่เป็นลบมาแปลงให้เกิดเป็น พลังที่เป็นบวก ได้เป็นที่เข้าใจกันได้ว่าในสภาพของการรู้แจ้งจะไม่ถูกทำลายด้วยพลังที่เป็นลบต่างๆ ไม่มีพิษใดๆที่จะทำให้สภาพการรู้แจ้งนี้เป็นพิษไปด้วย สภาพการรู้แจ้งนี้เป็นสภาพซึ่งไม่มีข้อแตกต่างระหว่างดีกับไม่ดีและอย่างไร คำสอนวัชระยานการปฏิบัติวัชระยานสามารถทำให้เราสามารถบรรลุถึงจุดนั้นได้ด้วยเวลาอันสั้น แต่ คำถามก็มีอยู่ว่ามีมนุษย์สักกี่คนที่ต้อง การบรรลุรู้แจ้ง เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นทั้งหมด

    อ้างอิง
     
  7. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ผมได้ก๊อปมาตอนหนึ่งนะครับ



    ขอให้ท่านได้อ่านต่อไปจนจบแล้วจะเข้าใจในความเข้าใจผิดของตนต่อพุทธวัชรยาน ขออธิบายคำว่าชนชั้นต่ำ ตั้งแต่มีพุทธศาสนาขึ้นมา ผู้ที่ปฏิบัติพุทธธรรมได้ถูกจัดอันดับแม้ต่ำที่สุดก็ถูกเรียกว่า “บัณฑิต” ดังนั้นจึงมิไม่ชนชั้นต่ำเป็นชาวพุทธเลย แต่เราก็ต้องยอมรับว่า มีบุคคลชั้นต่ำซึ่งใช้ประโยชน์จากความศรัทธาของมหาชนต่อพุทธศาสนา พวกนี้มิเคยมีจิตใจใฝ่หาการบรรลุพุทธภาวะเลย เพียงอาศัยรูปแบบของชาวพุทธดำรงชีพ แล้วปฏิบัติตามตัณหาราคะของตน มิเคยได้พัฒนาใจ ขัดเกลาจิต ไม่เคยตีความในพุทธปรัชญาเพื่อการหลุดพ้น แต่พยายามตีความเพื่อสนองตัณหาแห่งตน เพราะรูปแบบที่ตนยืมมาดำรง ทำให้ตนมีเกียรติได้รับความเคารพจากมหาชน ยิ่งทำให้การหลอกลวงเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น อีกทั้งยังดึงดูดชนชั้นเดียวกันได้ให้เป็นเช่นเดียวกันได้มากขึ้นเรื่อยๆ พระเจ้าอโศกได้จับผู้ปลอมตัวบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ถึง หกหมื่นกว่าคน ผู้ปลอมตัวบวชเหล่านั้นชาวพุทธเรามิได้ยอมรับพวกเขาเป็นพุทธศาสนิก ถือเป็นชนชั้นต่ำที่แฝงตัวมาอาศัยหากินเท่านั้น แต่ในกรณีที่ท่านได้กล่าวว่าชนชั้นต่ำในวัชรยานเป็นตัวการทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมจนสูญสลาย แล้วทำไมท่านยังยอมรับเขาเหล่านั้นเป็นพุทธศาสนิกชน แล้วทำไมผู้ปลอมบวชในสมัยพระเจ้าอโศกเราไม่ถือเขาว่าเป็นพุทธศาสนิกชน พุทธศาสนาไม่ว่านิกายใดและลัทธิใดก็มีผู้ที่เป็นชาวพุทธที่แท้จริงและเป็นผู้ที่อาศัยพุทธศาสนาเกาะกินและบ่อนทำลายด้วยกันทั้งนั้น ทั้งเถรวาท มหายาน และวัชรยาน จึงมีทั้งผู้จรรโลงและทำลายด้วยกันทั้งนั้น การกล่าวว่า เฉพาะชาวพุทธวัชรยานเป็นตัวการทำให้พุทธศาสนาต้องกลายเป็นศาสนาแห่งความสกปรก มั่วสุมอยู่ในโลกีย์ตัณหา จนตกต่ำและต้องสูญสลายไปจากดินแดนที่ให้กำเนิดนั้นถูกต้องหรือไม่ ในกรณีของข้อปฏิบัติ 5 ม.ซึ่งเป็นเรื่องของปรัชญา นักตันตระชาวพุทธให้ความหมายทางปรัชญาไปทางหนึ่ง แต่เราก็ห้ามมิใช่ชนชั้นต่ำซึ่งมิใช่นักตันตระชาวพุทธตีความไปตามที่ตนเองต้องการอีกทางหนึ่งไม่ได้ สุดท้ายชาวพุทธเราเองก็ร่วมมือกับชนชั้นต่ำซึ่งมิใช่ชาวพุทธ โจมตีชาวพุทธด้วยกันเองและสถาปนาชนชั้นต่ำที่ไม่ใช่ชาวพุทธให้เป็นชาวพุทธที่ทรงปัญญาจนสามารถทำลายพระพุทธศาสนาไปได้ หลักการของการปฏิบัติกับสุรา ที่กล่าวไว้ว่า เพื่อให้เกิดความมึนเมาจะได้สุดสวิงกิ้งอย่างเต็มที่ แต่การเกี่ยวข้องกับสุราของนักตันตระชาวพุทธยังคงปฏิบัติตามศีลข้อห้า คือให้ใช้เป็นกระสายยาได้ไม่เกินขนาดหนึ่งเมล็ดแตงโม แต่ในกรณีที่ พระอาจารย์ได้พบศิษย์ที่ทะนงตนว่าได้บรรลุการดำรงสติตลอดเวลาทุกสถานการณ์ พระอาจารย์จำนำสุรามาทดสอบกับศิษย์ การปฏิบัตินี้จะอยู่ในความควบคุมของพระอาจารย์ เรื่องเนื้อและปลา การเสพเนื้อเสพปลา ต้องเสพด้วยความเมตตา 1 สัตว์นั้นต้องถึงซึ่งกาลเอง 2 ต้องเสพด้วยจิตเมตตาเพื่อให้สัตว์นั้นได้สร้างกุศล 3 เนื้อสัตว์เมื่อมาบำรุงกายเราต้องคำนึงถึงจำนวนชีวิตของสัตว์ ควรเสพสัตว์ด้วยชีวิตจำนวนน้อย มากกว่าใช้ชีวิตสัตว์จำนวนมากในแต่ละมื้อ ส่วนคำว่ามุทรา ในที่กล่าวไว้ว่ามุทราแปลว่า ผู้หญิงที่มาร่วมเสพกาม แต่ในวัชรยานชาวพุทธ มุทราแปลว่าสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ คือคุณสมบัติของสิ่งซึ่งทำให้พระพุทธเจ้าในอดีต เป็นพระพุทธเจ้า ดังนั้น มุทราคือสัญลักษณ์แห่งพุทธภาวะของพระพุทธเจ้าในอดีต หลักสุดท้ายคือ เมถุน เมถุนในพุทธวัชรยาน เป็นการปฏิบัติสมาธิจิตด้วยการ รวม ปัญญาและอุบายเข้าด้วยกัน เป็นการ เสพเมถุนภายในจิตของผู้ปฏิบัติเองคนเดียว(มีกล่าวไว้ในหนังสือหลักขอให้อ่านต่อไป) ธรรมะจะเป็นสิ่งประเสริฐ หรือเป็นเครื่องมือสุดต่ำช้า อยู่ที่ผู้นำเครื่องมือนั้นไปปฏิบัติ พุทธธรรมเมื่ออริยะชนชาวพุทธนำไปปฏิบัติ ก็นำจิตให้สูงขึ้นไปสู่ความเป็นพุทธศาสนิกชนอย่างสมบูรณ์ แต่พุทธธรรมถ้าชนผู้มิใช่ชาวพุทธนำไปดัดแปลงแล้วปฏิบัติ เราคงไม่เรียกผู้ปฏิบัตินั้นว่าเป็นพุทธศาสนิกชน สามัคคีธรรมที่วัสสการพราหมณ์ นำธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนไปดัดแปลงและปฏิบัติจนแคว้นวัชชีล่มสลาย เราจะถือว่าวัสสการพราหมณ์เป็นชาวพุทธ หรือ ชาวพราหมณ์ ศรีภัทร

    ที่มา
     
  8. พรหมาวตาร

    พรหมาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +66
    อ่านมาซะยาวท้ายที่สุดก็คือไม่พ้นกาม ท่านทั้งหลายลองคิดเถิดว่าใครเป็นผู้สอนที่เลิศ พระพุทธเจ้าใช่หรือไม่ หากใช่ เหตุใดพระองค์จึงสอนให้ละกามแล้วออกบวช 1
    การเสพกามเพื่อปฏิบัติทางจิตเป็นสิ่งที่พระองค์สอนให้ปฏิบัติหรือไม่ หากไม่ใช่ สิ่งนี้จึงเป็นคำตอบของการ หนีเมียไปบวชจนบรรลุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1
    การเสพกามในขณะดำรงสมณเพศ ถือว่าขาดจากการเป็นสมณตามพระวินัยบัญญัติ1

    "รอยเท้าในอากาศนั้นไม่มี ศาสนาใดไม่มีมรรคมีองค์แปด สมณะผู้สงบถึงที่สุดก็ไม่มีในศาสนา"
    การติดกระดุมเม็ดแรกผิด ทรงเสื้อย่อมไม่คงรูปเดิม
     
  9. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    เอาแค่ศีล 5 มั่นคงกันหรือยัง
     
  10. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    ถ้าจำไม่ผิด สิ่งหนึ่งที่ละไม่ได้ด้วยการเสพ คือ กาม

    มันก็เป็นเงื่อนไขให้ต้องบรรลุ/เ้อ้ยเสพกันไปเรื่อยๆหรือเปล่าเนี่ยะ

    เขียนไปก็ทำท่าส่ายหัวไปด้วยเล็กน้อย
    ^*^
     
  11. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    พระศาสดาตรัสว่า บุคคลอาจอาศัยตัณหาละตัณหาได้ อาจอาศัยมานะละมานะได้ อาจอาศัยอาหารละอาหารได้ แต่ เมถุนธรรมนั้น พระผู้มีพระภาคทรงสอนให้ชักสะพานเสีย คือ อย่าทอดสะพานเข้าไปเพราะอาศัยละไม่ได้

    คงจะพอเข้าใจนะครับ (กาม เป็นเรื่องธรรมชาติของการสืบเผ่าพันธุ์ แต่มนุษย์บางประเภทเอากามเป็นตัณหา ราคะ เกิดมาเพื่อเสพสุขอย่างเดียว เห็นแล้วได้แต่ปลง..สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม..หากปล่อยใจตามความอยาก ชาตินี้คงต้องตายคากาม..ไปไหนไม่ได้อย่างแน่นอน)
     
  12. ผมเองครับ

    ผมเองครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +3
    เท่าที่รู้มา ภพภูมิทั้ง 31+1 คือ กามภพ ถูกสร้างด้วยกาม ถูกหล่อเลี้ยงด้วยกาม
    ดังนั้น การ ปฏิบัติเพื่อ ออกจากกาม ก็คือ การหลุดพ้น จากภพภูมิทั้ง 31+1
    หรือ มี ภพภูมิไหนครับ ที่ ไม่ได้ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยกาม
    แล้วคำว่า คน หรือ มนุษย์ ที่ ยังถูกหล่อเลี้ยงด้วยกาม(ความอยาก ความไม่อยาก อัตตาตัวตน) กับ คำว่ามนุษย์ผู้ประเสริฐ ที่ ตั้ง วจีกรรม กายกรรม มโนกรรม อยู่บนมรรคแปด อันนี้ไม่ทราบว่า คำว่ามนุษย์ผู้ประเสริฐที่พูดถึงนี้ ยังถูกหล่อเลี้ยง ด้วยกามหรือเปล่าครับ
    ไม่ทราบว่ามีท่านใด พอ ตอบ ให้ เป็นธรรมทานได้บ้างครับ
     
  13. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรนะครับ..........เอาเป็นว่าวัชระยานคือสายวิปัสนามีเพื่อบรรลุชาตินี้แต่ต้องได้อย่างน้อยโสดาบันก่อน
    ผมไม่ได้มองที่นิกายนะครับแต่ผมมองที่คนไทยบางคนยังใจคับแคบอยู่ ทั้งๆที่วัชระยาน
    แผ่ศาสนาออกไปในตะวันตกนับวันก็ยิ่งมาก และยังมีพระอรหันต์ไม่ขายสาย จะเห็นได้ว่าครูบาอาจารย์ท่านละสังขาร ศพไม่เน่าและจะละสังขารท่านั่งทุกรุ่น

    ยังไงก็ฟังพระธรรมจารย์จี้คงแล้วกันนะครับ


    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/mxpEEmW4fkI?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/mxpEEmW4fkI?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

    淨空老法師 (泰文字幕) 净空法师略谈西藏佛教
    กรุณากด CC ที่มุมจอล่างขวามือ เพื่อดู Subtitle แปลไทย
    พระธรรมจารย์จิ้งคงธรรยายธรรมเรื่อง .วัชรยานแบบธิเบต

    แปลโดย Astroneemo
     
  14. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ส่วนเรื่อง เมถุนธรรมนั้น ไม่ปรากฏพบว่ามีพระภิษุทำกันนะครับ เพราะผิดพระวินัย ไม่รู้ไปเอามาจากไหนกัน มีแต่อุบาสก ที่ทำนะครับ เพราะอุบาสกมีเมียไม่แปลก...
     
  15. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    คนเราเกิดเป็นตัวเป็นตนได้ก็มาจากตัณหา(กาม)ของพ่อแม่
    อันนี้เคยได้ยินแม่ชีทศพรท่านพูดผ่านทางยูทูป
    เราเห็นด้วยอย่างยิ่งเลย
    เพียงแต่คนเราจะัยังชีพโดยให้ความสำคัญกับกามให้เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง
    ชีวิตมากหรือน้อย
    ไม่ต้องพูดถึงแค่เรื่องเพศหรอก เอาแค่เรื่องกินอาหาร
    เราเองก็บ่อยที่อยู่เพื่อกิน แทนที่จะกินเพื่ออยู่
    แม้จะมีผู้ปฏิบัิติแต่คงเป็นส่วนน้อยที่ไม่พยายามจะหล่อเลี้ยงกามให้เติบโต
    จนละสิ่งที่เรียกว่ากามได้

    แต่ถ้ามีแนวคิดจะเสพกามเพื่อให้ละกามได้ เราคงไม่ไหว
    กลัวจะกลายเป็นเสพติดกามเสียมากกว่า:boo:
     
  16. ผมเองครับ

    ผมเองครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +3
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=N6-_QvKwG-E&feature=fvwrel]Un angel llora - Stephanie - YouTube[/ame]

    สู้ด้วยใจ
    สู้เพื่ออะไร
    สู้ทำไม
     
  17. ผมเองครับ

    ผมเองครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +3
    การเริ่มต้น ในการสร้างสรรค์สิ่งใดก็แล้วแต่ ล้วนเกิดจากความ อยากความปรารถนาที่ดีงามเป็นส่วนประกอบพื้นฐานเสมอ แต่พอ ระหว่างในการสร้างนั้น เมื่อมีเหตุปัจจัยรอบข้างมากระทบ กลับทำให้ เจตนาในการสร้าง หรือ สร้างแล้ว ในช่วงแห่งการรักษา แล้วมีเหตุปัจจัยที่ไม่ดีไม่งาม จากภายนอกมากระทบ แล้ว มีผล ทำให้ ความคิดภายใน ของผู้สร้าง ผู้ดูแล แปรเปลี่ยนเป็น ไม่ยึดมั่นถือมั่นใน ความปรารถนาดี ที่สร้าง ตั้งแต่ครั้งแรก มันก็จะ ทำให้ สภาวะจิตใจ ที่เคยดีงาม จิตใจที่เคยมีสติ มีความหวังดีแก่กัน ความหวังดีแก่สิ่งที่สร้างมา นั้น แปรเปลี่ยนไป

    ดังนั้น การสร้าง การมี การเกิด ถึงจะสำคัญแค่ไหน แต่การรักษา การรักษาความดีในใจตน การรักษาสภาวะอารมณ์ ความเชื่อมั่น ในสิ่งดีงามในใจตน ต่างหาก เป็น สิ่งที่ จะบอกได้ว่า สิ่งที่สร้าง ยังดี ยังมีคุณค่า ต่อใจเรา หรือ ใจเรา ยัง ดูแล ยัง รักษา ยึดถือ ยึดมั่น ในสิ่งดีงาม ในตอนเริ่มต้น นั้นอยู่หรือไม่
     
  18. ผมเองครับ

    ผมเองครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +3
    ....................เกิด(มี อยาก).....ตั้งอยู่ (มี อยาก)....ดับไป(ไม่มี ไม่อยาก).........

    ว่าง...........เกิด(ไม่ว่าง)..ตั้งอยู่(ไม่ว่าง)..ดับไป(กำลังว่าง)..........ว่างเหมือนเดิม

    การรู้การเข้าใจ...ใน มีและไม่มี.....คือว่าง..แต่เป็นว่าง ที่ไม่ไช่ไม่มี...ไม่ไช่สูญญตา...แต่เป็นการรู้การเข้าใจ ใน คำว่า....อนัตตา..ความไม่มีตัวตนที่แท้จริงให้เรายึดมั่นถือมั่น มันมี แต่ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น เมื่อมันไม่มี ก็ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น นั่นเพราะ...ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วน เป็นเช่นนี้...เราก็เช่นกัน

    เราเกิดมาแล้ว เกิดมีขึ้นมาแล้ว จากความไม่มี
    ดังนั้น การมี หรือความจริง ของเรา ก็คือ การที่เรา มีร่างกาย ความคิด ความรู้สึก การมีชีวิต นี่แหล่ะ คือความจริง ของเรา ...เมื่อเราตาย ก็ไม่จริง ว่างเหมือน ที่ มันเคยเป็นอยู่ แค่ รู้ว่า ทุกคนเป็นเช่นนี้ ไม่ต่างกัน ดังนั้น ความจริงของทุกคน ทุกชีวิต ก็คือ จริง ในตอนที่มี ร่างกาย มีภพ มีชาติ นี่เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2011
  19. ผมเองครับ

    ผมเองครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +3
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=BlXsTY3gPIE&feature=related]ต่างศาสนาฟ้าเดียวกัน.mpg - YouTube[/ame]

    ฟังเพลง เพื่อ ความเข้าใจ กันและกัน ให้มากขึ้นเถอะครับ
     
  20. Humra

    Humra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +5
    พระอนาคามีและพระอรหันต์ท่านละกามได้เด็ดขาด กามน่าจะเหมือนยาเสพติดยิ่งเสพยิ่งติดเพราะเป็นเครื่องผูกมัดของพระยามาร ตามความเห็นส่วนตัวเสพกามแล้วทำให้บรรลุคงเป็นเรื่องยาก:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...