พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    อนุโมทนา น้องยา ฝากใจไปทำบุญให้ปู่
     
  2. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714

    แวะเข้ามาขอร่วมโมทนาบุญด้วยนะคับพี่ยา...กุศลก่อสร้างทุกสรพพสิ่ง สรรพสิ่งก่อเกิดเพราะอำนาจแห่งกุศล จะอกุศลและหรือกุศล ต่างร่วมทำหน้าที่จรรโลงโลกแลสรรพสิ่งให้ธำรงค์และคงอยู่อย่างมีระบบ ดั่งพระท่านเรียก " วัฏฏะ" หากลงท้ายที่คำว่าน่าสงสาร! ผู้ก้าวพ้นและก้าวล่วงเสียเท่านั้นที่มิต้องพึ่งพิง "กุศล" แลหมดสิ้นซึ้งเชื่อแห่ง "อกุศล" ให้สมดั่งคำว่า "โลกวิทู" อย่างแท้จิง!:z16
     
  3. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714


    ธรรมะแห่งตถาคตล้วนเป้น "อกาลิโก" ควรค่าแก่การตรึกแลนึก ท้ายสุดจึ่งควรค่าแก่การอรรถาธิบาย เพื่อให้ผู้รู้ได้รู้ตาม เพื่อให้ผู้ไม่รู้ได้นำพาแลพึ่งพิง! พระธรรมนั้นล้ำเลิศ! มีอำนาจยังสรรพสัตว์ให้ก้าวพ้นความไม่เที่ยงวัฏฏะสงสาร ผู้ใดแสดงธรรมอันเป้นสัจจะแห่งความเป้นจิง เป้นสิ่งที่เที่ยงแท้ดำรงค์อยู่มิเปลี่ยนแปลง ผู้นั้นย่อมขึ้นชื่อว่าได้ขจรขจายกลิ่นแลรสอันหอมกำจายแลโอชาแห่งพระธรรมให้สรรสัตว์ได้ลิ้มรสและชื่นชม อนึ่งสมดั่งคำว่า "พุทธบริษัทสี่" ของศาสดา.....

    ธรรมะใดที่สงฆ์สาวกแห่งพระศาสดาได้แสดงแล้วแลเป้นสัจจิงแห่งธรรม ข้าผู้ยังโง่เขลาแลยังหลงมัวเมาในอุปกิเลสแห่งโลกขอน้อมจิตดวงน้อยร่วมสาธุการอนุโมทนา! ดั่งว่าภาษาแห่งธรรมที่กล่าวคือ สาธุ!! อนุโมทามิ....:z16
     
  4. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714

    หากธำรงค์ด้วยศีลที่งดงาม โลกจะศิวิไลย์และร่มเย็นแลสุดท้ายงดงาม! มนุษย์ดิ้นรนกอบโกยท้ายสุดแย่งชิง ของกู! สุดท้ายเก้บไว้ได้นิจนิรันดร์จิงหรือ! ตัณหาคือความอยาก หากเพราะอวิชาคือความไม่รู้จึ่งได้กระทำ "กรรม" จะกุศลหรืออกุศล ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยตนเอง จะโทษใครเล่า! ขวัญขวายไขว่คว้าหวังเพื่อจะได้มาและครอบครอง สุดท้ายโลกเคยให้อะไรจิงจังแก่ใครบ้าง? โลกให้วันนี้ เพื่อเอาคืนในวันหน้า หรือไม่จริง! มีเพียงแต่ "มโน" อันเป้นใจเท่านั้นที่หากลด ละ ปลด ท้ายสุดวาง จึ่งก้าวล่วงสู่แดนดินถิ่นแห่งธรรม! :z16
     
  5. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714

    สัญญาคือสิ่งควรจำหมายรู้ จิตที่ประภัสสรย่อมล่วงรู้ในทุกสรรพสิ่ง! สติ! ที่ตั้งมั่น มีหรือจะพานพบ "อุปทาน" :z16
     
  6. บัวบูชา

    บัวบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +313
    ได้ฟังเพลงพระโอวาท...สายธรรมเดียวกันแน่เลย...รวมทั้งสายพญานาคด้วย...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..
     
  7. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนา ครับพี่:cool::cool:
     
  8. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สาธุ สาธุ สาธุ ครับพี่
     
  9. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    สาธุครับ:cool::cool:
     
  10. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ทำให้มากเข้าไว้แล้วจะดีเอง


    ถาม : ท่านบอกว่า ทำศีล สมาธิ แล้วปัญญาจะเกิด เป็นการเกิดขึ้นเองเลยด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : เราต้องช่วยด้วย ไม่ใช่ไปรอให้เกิดเองอย่างเดียว พอถึงเวลาก็ซักซ้อมคิดให้เห็นความเป็นจริง ว่าสภาพจิตของเราไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร

    แรกๆ จะเป็นแค่ความจำ คือ สัญญา แต่พอซักซ้อมไปเรื่อยๆ ถ้าศีล สมาธิเพียงพอ ปัญญาจริงๆ ก็จะเกิด จากที่แค่จำได้ ก็จะกลายเป็นทำได้ จากสัญญาคือจำได้ จะกลายเป็นปัญญาคือทำได้จริงๆ

    ถาม : ส่วนหนึ่งที่บอกว่า ถ้ากำลังถึง ปัญญาก็จะถึง จะทำอย่างไรให้ปัญญาถึงขึ้นมา คือการซักซ้อมบ่อยๆ ใช่ไหมครับ ?

    ตอบ : จำเป็นต้องมีการพิจารณาทบทวนอยู่เสมอ ๆ จนกว่าจะยอมรับอย่างแท้จริง ซ้ำบ่อยๆ ย้ำบ่อยๆ ต้องบอกว่า ทำให้มากเข้าไว้แล้วจะดีเอง


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔


    ขอบคุณบทความจาก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
     
  11. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
    เอาเพลงลงไม่ได้อะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2011
  12. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    เพลงอะไรหรอเพ่ครับ ต้องแปลไฟล์นะ
     
  13. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
    ลาวม่านเเก้ว (ดอกจำปาลาว) อะ ค่ะ
     
  14. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ละความโกรธด้วยความรักและเมตตา


    ..... [​IMG] .....
    เมตตาตรงข้ามกับโทสะ และพยาบาท
    ซึ่งเป็นความโกรธ ความมุ่งร้าย
    เมตตาเป็นความรักความปรารถนาดีให้มีความสุข
    เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ความรักที่เป็นราคะคือความใคร่
    ดังนั้นหากเราหมั่นอบรมจิตให้เมตตาตั้งขึ้นในจิตใจได้
    จิตใจก็จะพ้นจากโทสะพยาบาท

    เพื่อให้มีเมตตาเป็นพื้นฐานของจิต เราควรพิจารณาว่า

    ตัวเรารักสุข เกลียดทุกข์ฉันใด
    คนอื่น สัตว์อื่นก็รักสุข เกลียดทุกข์ฉันนั้น

    ผู้ที่จะแผ่เมตตาได้ จะต้องทำใจตัวเองให้มีเมตตาก่อน
    คือทำจิตใจตัวเองให้อ่อนโยน สงบเย็น
    แล้วจึงแผ่เมตตาแก่ผู้อื่น
    เพราะการจะแผ่สิ่งใดออกมาได้
    จิตใจจะต้องมีคุณสมบัตินั้นอย่างแท้จริง

    ..... [​IMG] .....
    การเจริญเมตตาภาวนา
    เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
    ธรรมชาติของจิตเป็นประภัสสร
    บริสุทธิ์ผ่องใส โดยธรรมชาติ ความเบิกบานใจ สุขใจ นั้นมีอยู่
    เป็นอยู่แต่ดั้งเดิม แต่ทุกวันนี้ ที่พวกเราไม่สบายใจ ทุกข์ใจ
    เพราะมีอารมณ์ กิเลสเครื่องเศร้าหมองครอบงำจิต

    เราสามารถเจริญสติน้อมเข้าไปสัมผัสกับความเบิกบานใจ
    สุขใจที่มีอยู่ได้ หน้าที่ของเราคือ ต้องสร้างกำลังใจ เจริญสติ
    สมาธิ ปัญญา รู้จักกุศโลบายที่จะน้อมเข้าไปสู่ธรรมชาติ
    ของจิตประภัสสร โดยมีวิธีปฏิบัติ
    ในการเจริญเมตตาภาวนา ดังนี้

    ..... [​IMG] .....
    วิธีปฏิบัติ

    วิธีที่ 1 น้อมเข้ามาที่ลมหายใจ


    ข้าศึกต่อความสุข คือ ความคิดผิด ความคิดไม่ดีของตนเอง
    ไม่ใช่การที่เขากระทำดีหรือไม่ดีต่อเรา ไม่ว่าเขาจะไม่ดี
    ขนาดไหน ถ้าใจเราดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย
    ศัตรูร้ายกาจที่แท้จริงคือ ใจไม่ดี ความคิดไม่ดีของตนนั่นเอง

    ผู้เจริญเมตตาภาวนา ควรระวังรักษาใจ
    ระวังความคิดผิดให้มากที่สุด อะไรไม่ดี อย่าคิดเลย
    สุขภาพไม่ดี อากาศไม่ดี รัฐบาลไม่ดี
    ถึงแม้ใครทำอะไรผิดจริงๆ ผิดมากขนาดไหน
    ก็ไม่ต้องคิดว่า “ใคร” หรือ “อะไร” ไม่ดี

    เริ่มต้นปรับท่านั่งให้สบายๆ หยุดคิด ทำใจสบายๆ
    หายใจสบายๆ บางครั้งจิตใจไม่เบิกบาน มีความรู้สึกไม่ดี
    เศร้าๆ ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ
    ทำความรู้สึกคล้ายกับว่า หนีจากความรู้สึกไม่ดี ไม่สบายใจ
    ทุกข์ใจ น้อมเข้าไปอยู่กับลมหายใจ เอาลมหายใจเป็นที่พึ่ง
    ที่ระลึก ตั้งสติสัมปชัญญะ มีความรู้สึกตัวทั่วถึงลมหายใจ
    ปรับลมหายใจสบายๆ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย
    น้อมเข้าไปอยู่กับลมหายใจ ละลายความรู้สึกเข้าไปในลมหายใจ
    จนรู้สึกกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลมหายใจ
    มีความรู้สึกตัวทั่วถึง ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

    พร้อมกับระลึกถึงปีติสุข
    ทุกครั้งที่ หายใจเข้า หายใจออก
    จิตใจของเราจะเบิกบาน สงบ สบายใจ มีปีติสุข
    เท่ากับว่า หายใจเข้า หายใจออกคือ สุขใจ สบายใจ
    หายใจเข้าสบายๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ
    หายใจออกสบายๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ

    หายใจเข้าสบายๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ
    หายใจออกสบายๆ มีปีติสุข สบายใจ สุขใจ


    <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table> วิธีที่ 2 ดึงปีติสุขในใจออกมา

    เริ่มต้น ปรับท่านั่งสบายๆ
    หยุดคิด ทำใจสงบ ปรับลมหายใจสบายๆ
    น้อมเข้าไป ตั้งสติที่กลางกระดูกสันหลัง ระดับหัวใจ
    สมมติว่าศูนย์กลางของจิตใจ อยู่ที่นั่น
    เป็นจิตประภัสสร บริสุทธิ์ ผ่องใสโดยธรรมชาติ
    ความเบิกบานใจ ปีติสุข อยู่ที่นั่น
    ทำความรู้สึกว่าจุดนั้นเป็นจุดร้อนๆ
    ความรู้สึกร้อนๆ และปีติสุข
    ลักษณะเหมือนไอน้ำ ระเหยออกมาจากที่นั่น

    หายใจเข้า ดึงเอาปีติสุขออกมา
    คล้ายกับว่า ใช้นิ้วค่อยๆ ดึงออกมาเรื่อยๆ
    หายใจออก ตั้งสติอยู่ข้างใน
    ความรู้สึกที่ดี ดันออกมาข้างหน้าต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ
    อุปมาเหมือนกับว่ามีหมอนใบหนึ่งมีรูเล็กๆ อยู่ตรงกลาง
    เราเอานิ้วจับอยู่ที่ปุยนุ่นแล้วค่อยๆ ดึงออกมาเรื่อยๆ

    สมมติให้กลางกระดูกสันหลัง เป็นจุดศูนย์กลางของจิตประภัสสร
    เป็นจุดสัมผัสกับพุทธภาวะ คือภาวะแห่งผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า
    และอริยสาวกทั้งหลาย เป็นเมตตา กรุณา ปีติสุข
    ที่มีอยู่ในจักรวาล ไหลออกมาผ่านจุดศูนย์กลางจิตของเรา
    อุปมาเหมือนท่อที่มีสายน้ำไหลแยกออกมาจากทางน้ำใหญ่

    เมื่อเราฝึกจนชำนาญแล้ว จะรู้สึกว่าการหายใจคือปีติสุข
    ความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ใจ สัมผัสกับเราแต่เพียงส่วนหน้า
    เราน้อมเข้าไป ตั้งสติอยู่ที่จุดกลางกระดูกสันหลัง
    เมื่อความรู้สึกที่ดี ปีติสุข ไหลออกมาแล้ว
    ความรู้สึกที่ไม่ดี ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ ในใจเราจะมีแต่ปีติสุข
    เป็นความรู้สึกที่ดี สบายใจ สุขใจ


    วิธีที่ 3 ชำระออกซึ่งความไม่สบายใจ

    ทำความเห็นให้ถูกต้องว่า ความไม่สบายใจ ทุกข์ใจนี้ ไม่ใช่เรา
    ไม่ใช่ของเรา เมื่อเห็นอะไร ได้ยินอะไร รู้อะไร ที่ไม่ถูกใจ
    ไม่ชอบใจ เราจะเกิดความรู้สึกไม่ดี ไม่ชอบ เป็นทุกข์
    ก็เป็นเรื่องธรรมดา หรือเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง
    ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยใหม่ๆ
    ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าความรู้สึกทุกข์ ไม่สบายใจติดค้าง
    อยู่ในหัวใจนานๆ ก็จะเป็นความผิดปกติ เป็นกิเลส
    มีอุปาทานยึดมั่นถือมั่น ทำให้จิตใจเศร้าหมอง

    หากเทียบกับแอ๊ปเปิ้ล ความรู้สึกไม่ชอบใจ ทุกข์ใจ
    เปรียบเหมือน ขี้ฝุ่น ขี้ดิน ติดบนเปลือกแอ๊ปเปิ้ล
    ความรู้สึกไม่ชอบใจ ทุกข์ใจ ที่ติดในหัวใจนานๆ เป็นตำหนิ
    เหมือนแอ๊ปเปิ้ลที่เริ่มเน่าแล้ว ต้องรีบจัดการ
    ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเน่าหมดทั้งลูก

    ผู้เจริญเมตตา ภาวนา ให้มีนิสัย ที่รักสะอาดอยู่เป็นประจำ
    เมื่อเกิดความรู้สึกไม่ดี ไม่ชอบ ให้หยุดคิด หยุดคิดว่าอะไรไม่ดี
    หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ความรู้สึกไม่ดีก็จะหายไป
    ถ้าไม่หาย ตั้งใจมากขึ้นหน่อย
    แทนที่จะคิดว่าใครหรืออะไรไม่ดี
    นึกในใจว่า ดีๆ ๆ
    ตั้งใจกำหนดลมหายใจยาวๆ

    สมมติลมหายใจเป็นมีด ส่วนที่เน่าคือ ความรู้สึกไม่ดี
    ไม่สบายใจ เศร้าหมองใจ เอาลมหายใจเข้า หายใจออก เป็นมีด
    ตัดความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ใจ ทิ้งไป
    เหมือนตัดส่วนที่เน่าของแอ๊ปเปิ้ล
    ตั้งใจ มีสติกำหนดรู้ที่ลมหายใจเข้า หายใจออก
    ไม่นานความรู้สึกก็จะเบา สงบ สบายใจ
    มีลมหายใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความสุขใจ สบายใจ

    วิธีที่ 4 ปล่อยวางความโกรธให้เร็วขึ้น

    เมื่อเรามีนิสัย ขี้โกรธ ขี้โมโห เห็นอะไร ได้ยินอะไร
    กระทบอารมณ์ คงจะห้ามความโกรธไม่ได้
    ก็ไม่ต้องห้าม ให้โกรธตามเคยนั่นแหละ
    แต่พยายามปล่อยวางให้เร็วขึ้น ไม่ผูกใจเจ็บ ให้อภัย
    ให้อโหสิกรรมเร็วขึ้น เช่นเรารู้อยู่ว่าปกติโกรธขนาดนี้
    จะไม่สบายใจอยู่ 3 วัน พยายามปล่อยวางภายใน 2 วัน
    จากนั้น ลดให้เหลือ 1 วัน ครึ่งวัน
    3 ชั่วโมง จนเหลือ ครึ่งชั่วโมง เป็นต้น
    การต่อสู้กับอารมณ์โกรธ ให้เอาหัวใจนักกีฬามาสู้

    อย่าเอาจริงเอาจังกับเหตุการณ์จนเกินไป
    โอปนยิโก น้อมเข้ามาดูใจ ดูอารมณ์
    เอาสติปัญญา ต่อสู้กับอารมณ์ตัวเอง
    ให้มีความพอใจ ความสุขในการแก้ปัญหา แก้อารมณ์ของตน
    เมื่อเราเห็นความก้าวหน้าในการต่อสู้กับอารมณ์แล้ว
    ลึกๆ ภายในใจก็จะมีความพอใจ
    ในท่ามกลางความโกรธได้เหมือนกัน

    พิจารณาธรรมชาติของอารมณ์โกรธ
    ตามสติกำลังของตัวเองก่อน เมื่อเข้าใจดีแล้ว
    ปล่อยวางความรู้สึกโกรธ ตั้งสติที่ท้อง หายใจออกยาวๆ
    สบายๆ หายใจเข้าตามปกติ เน้นที่หายใจออกยาว สบายๆ
    ทำเช่นนี้จะช่วยผ่อนคลาย กายเย็น ใจเย็น อารมณ์สบายๆ
    มีความสบายใจ

    หายใจออกยาวๆ สบายๆ



    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

    วัดป่าสุนันทวนาราม
    บ้านท่าเตียน ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
     
  15. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เพลงนี้เหรอคะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=4MTPY5LmuCM]ลาวม่านแก้ว - YouTube[/ame]
     
  16. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=gSvco9Uxj6Y]Oh Duang Champa : โอ้...ดวงจำปา - YouTube[/ame]
     
  17. ศัทธานนท์

    ศัทธานนท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
  18. ศัทธานนท์

    ศัทธานนท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ เอราปเถหิ เม
    ฉพฺยาปุตฺเตหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ กณฺหาโคตมเกหิ จ
    อปาทเกหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ ทิปาทเกหิ เม
    จตุปฺปเทหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ พหุปฺปเทหิ เม
    มา มํ อปาทโก หึสิ มา มํ หึสิ ทิปาทโกฯ
    มา มํ จตุปฺปโท หึสิ มา มํ หึสิ พหุปฺปโทฯ
    สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา จ เกวลา
    สพฺเพ ภทฺรานิ ปสฺสนฺตุ มา กิญจิ ปาปมาคมาฯ
    อปฺปมาโณ พุทฺโธ อปฺปมาโณ ธมฺโม อปฺปมาโณ สงฺโฆ
    ปมาณวนฺตานิ สิรึสปานิ อหิ วิจฺฉิกา สตปที อุณฺณานาภี สรพู
    มูสิกา กตา เม รกฺขา กตา เม ปริตฺตา ปฏิกฺกมนฺตุ
    ภูตานิ โสหฺ นโม ภควโต นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํฯ
     
  19. ศัทธานนท์

    ศัทธานนท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    " อิติปิโส ภควา สี่เขี้ยวสองตา ยานะพุทโธ "
     
  20. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

แชร์หน้านี้

Loading...