ข้าคือ นักรบแสง...ผู้โรยแรง แสงใกล้สิ้น เพียงหวัง ใครได้ยิน แสงใกล้สิ้น ส่งเสียงมา...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย gratrypa, 20 กันยายน 2011.

  1. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ก่อนยังมีแดนห่างไกล ไกลนัก แต่มีคนพักอาศัย

    .
    ท่านโฮดี้โจนส์

    บาบาท่านเดธสะมอเร่ ไปแล้วมิใช่หรือครับ



    นี่ท่านโฮดี้ ผมชักมีอารมณ์
    นี่กระทู้ของผม อย่าให้ผม ต้องรมณ์เสีย
    ทุกท่านที่มาเยือน คือเพื่อนที่แสนดี
    สิทธิ์ของท่านไม่มี วาจาเช่นนี้ ไม่ดีเลย

    ขอความกรุณา อย่าล่วงเกินแขกของผม
    ทุกท่านมีสิทธิ์จะเป็นใคร หรืออะไรก็ได้
    ผมจะกล่าวต้อนรับกับแขกของผมเองก่อน
    ท่านไม่ควรมายอกย้อน วอนให้แขกเสียอารมณ์
    ท่านต้องให้เกียรติผมด้วย ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
    ห้ามก้าวก่ายเกินหน้าที่ของตัวนะครับ ขอร้องดีๆ
    ท่านโดนใบเหลืองเตือนครั้งที่หนึ่งแล้วนะ
    ถ้ายังอยากจะคบหาพูดคุยเป็นสหายกัน
    ต่อไปท่านต้องระวังคำพูดหน่อยนะครับ
    ผมตั้งใจให้กระทู้นี้เป็นสิ่งมีค่าควรแก่การมาเยือน
    เป็นที่พบปะพูดคุยกันแบบผู้มีสติปัญญา
    ไม่อนุญาติให้ใช้วาจาแบบเด็กๆ โปรดเข้าใจด้วย

    กระต่ายป่า ข้างวัด
    .
     
  2. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    "เมื่อโกรธอยู่ในมิติประวัติศาสตร์ ขอจงหลับตาแล้วมองให้ลึกซึ้ง ว่าหลังจากนี้อีกสามร้อยปีเราจะอยู่ที่ไหนกันบ้าง หลังจากนั้นแล้วเราขอให้เธอจงลืมตาอีกครั้งนะเพื่อนจ๋า แล้วสวมกอดกันเถิด"


    วันนี้เราจะมาพูดกันถึง สิ่งหนึ่งที่เป็นรากฐานของเผ่ามนุษย์ นั้นคือความรุนแรง ทีนี้ผมใคร่ขอกล่าวว่าความรุนแรงมิได้หมายถึง การฆ่าฟัน การขับไล่กันเท่านั้น แต่หมายถึงการกล่าววาจาที่ส่อเสียดกัน รวมไปถึงเมื่อเราเชื่อฟังใครเพราะความกลัวด้วย มันไม่สำคัญหรอกว่า ความรุนแรงนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ กับเรามาตั้งแต่แรก หรือ ถูกบ่มเพาะจากสังคมและความสืบเนื่องของวัฒนธรรม สิ่งสำคัญคือ การที่เราตระหนักกันว่า เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรุนแรงในตัว ผมเกรงว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญมากที่เราจะต้องพูดกัน

    ทุกวันถ้าคุณสังเกตุดูรอบๆตัวคุณ คุณจะพบกับความรุนแรงมากมาย การปกป้องตัวคุณเอง ศาสนาของคุณ ครอบครัว ประเทศ อุดมการณ์ ความเชื่อ ความชอบธรรม และ อีกมากมาย บางครั้งความรุนแรงเหล่านี้ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานความชอบธรรมของสังคมเสียด้วยซ้ำ ที่นี้ผมอยากให้พวกคุณได้มาพิจารณากันว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะยุติความรุนแรงทุกรูปแบบลง มันคงดีไม่น้อยเมื่อเวลาคุณหายใจเข้า คุณไม่ได้รับเอาความเกลียดชัง ความริษยาอาฆาต ความกังวล หรือ กระทั้งความกลัว ให้เข้ามาในชีวิต

    อันที่จริงศาสนาทุกศาสนาพยายามที่จะทำภารกิจนี้ ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีศาสนาใดที่ทำได้สำเร็จ แน่นอนว่าเราทุกคนต้องการมีชีวิตที่สงบ แต่ทว่าน่าเสียดายที่หลายๆคนคิดว่า เราจะพบกับความสงบสุขนั้นเมื่อเราได้จากไปจากโลกใบนี้แล้ว ทีนี้ผมใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกที่แสนมหัศจรรย์นี้ได้ โดยปราศจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ คำถามนี้เป็นคำถามที่เราได้ถามกันมานานมาก
    <O:p</O:p
    เมื่อเราได้เปิดคำถามนี้ขึ้นมา เราจะพบว่าบนโลกนี้มีผู้คนมากมายที่จริงจังกับปัญหานี้ และ ก็มีคนอีกมากมายที่ไม่จริงจังกับมัน และไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ดูสิในหน้าหนังสือพิมพ์คุณพบข่าวความรุนแรงค่อนข้างมาก การโต้เถียงกัน การทำร้ายร่างกายกัน การเอารัดเอาเปรียบกัน สงคราม และ อื่นๆ คุณไม่สนใจมันเลยรึ หรือเพียงสนใจแบบผ่านๆ หรือสนใจเพื่อนำมาโต้เถียงกันอย่างสนุกปากบนโต๊ะอาหาร นี่คุณ ทุกวันนี้คุณเคยสนใจกันไหม? ที่จะพิจารณาถึงมัน และ เรียกร้องที่จะร่วมกันหยุดยั้งมัน ถ้าไม่ล่ะก็ โอ้ ตายแล้ว คุณครับ ถ้าสิ่งเหล่านี้เรียกร้องคุณไม่ได้ แล้วอะไรที่คุณสนใจเงินทองรึ ความสนุกเพลิดเพลินรึ ความคืบหน้าของเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่พูดถึง อย่างการสึกพระรูปนั้นที่แสดงกิริยาขัดต่อค่านิยมของสังคมรึ หรือว่าคุณสนใจที่จะแสวงหาแนวคิดที่ดูฉลาดๆเพื่อนำมาท่องบ่นกัน มนุษย์เราช่างชอบที่จะเอาตัวไปวุ่นวายกันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ

    ทีนี้ผมใคร่กล่าวว่าโดยส่วนตัวผมไม่ได้สนใจว่าใครจะจริงจังหรือไม่ เพราะนั้นเป็นชีวิตของพวกเขาไม่ใช่ของผม มันไม่มีคุณค่าอะไรเลยที่ผมจะมานั้งโน้มน้าวใคร ผมสนใจเพียงแต่ว่าตัวผมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจริงจังก็พอ นอกจากนี้ผมยังไม่สนใจที่จะบอกกับใครๆว่า “คุณครับได้โปรดจงอย่าได้รุนแรง จงอย่าได้ใช้ดาบของคุณเพื่อประหัตประหารกัน จงรักกันให้มากๆ” เพราะ ผมไม่โง่ขนาดนั้น ที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คุณครับ มันไม่มีความหมายใดๆเลยที่ผมจะทำเช่นนั้นกับใคร เว้นแต่ว่า เขาคนนั้นเป็นคนที่ต้องการเข้าใจปัญหานั้นอย่างจริงจัง และ รู้ตัวว่าตนกำลังประสบกับปัญหานั้น ที่นี้จากประสบการณ์ของผม

    เมื่อผมสังเกตุตรวจสอบไปยังผู้คนที่กำลังเผชิญหน้ากับคำบอกกล่าวจากสิ่งต่างๆในสังคม หรือ กระทั้งเสียงจากภายในของตัวเองว่า จงอย่ารุนแรง พวกเขามักพบเจอกับคำถามที่ว่า “ผมจะอยู่กับโลกที่ฉ้อฉล และ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ละโมบโลภมากได้อย่างไร?” ไม่ก็ “ถ้าผมทำตามอย่าที่ว่านี้แล้วคนอื่นไม่ทำอะไรจะเกิดขึ้น” <O:p></O:p>

    คำถามแรกเกิดขึ้นเพื่อแสวงหารูปแบบเพื่อยึดถือ และ แล้วในที่สุดบางทีก็จะมีคนหยิบยื่นคำตอบให้ซึ่งผลก็จะลงเอยที่ความขัดแย้งอีกเช่นเคย ดังนั้นเราจึ่งต้องพึ่งตนเอง ใช่คำถามนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อใครคุณต้องตอบตัวคุณเอง คุณเกิดมาพร้อมเชาว์ปัญญาจงใช้มัน ส่วนคำถามที่สองถูกถามขึ้นเมื่อเราตระหนักถึงปัญหาแต่ไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับมัน เรากลัวเกินกว่าจะยอมรับว่า เราเองที่เป็นคนที่มีส่วนในการก่อมันขึ้นมา และ ต้องรับผิดชอบ ทีนี้ผมขอให้เราสืบสวนไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเราพิจารณาปัญหานี้ไปด้วยกัน เราจำเป็นอย่างงที่ต้องอ่อนโยน และ เปิดใจให้กว้าง รวมทั้งความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความรุนแรงในตัวเอง อันจะนำมาซึ่งพลังอันมหาศาล และ ความรู้สึกอันแรงกล้าที่จะค้นให้พบ <O:p></O:p>

    อย่างไรก็ตามในวันนี้เราจะพูดถึง ความรุนแรงที่สามัญที่สุดก่อน นั้นคือ ความโกรธ ผมจะไม่พยายามค้นหาว่าความโกรธคืออะไร? แต่เราจะค้นหากันว่าความโกรธเกิดขึ้นได้อย่างไร? และ คำถามที่ว่ามีความโกรธที่เป็นความโกรธที่ชอบธรรม และ ไม่ชอบธรรมจริงๆหรือไม่ อันที่จริงแล้วความโกรธนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด ดังนั้นมันจึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาถกกัน หรือนึกคิดหาความชอบธรรม คุณสามารถโกรธได้ คุณเป็นมนุษย์ แม้แต่พระเจ้าก็โกรธได้ แล้วคุณเป็นใคร ความโกรธของคุณจะเกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่คุณไม่ได้ยึดติด และ เป็นทาสของมัน คนที่ทำเช่นนี้ได้ นั้นคุณสามารถสังเกตุได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีชีวิตชีวา ร่าเริง มีเมตตา มากแค่ไหน? ความโกรธนั้นเป็นสถาณการณ์ที่คุณถุกยั้วยุและตอบสนองกับมัน มันเป็นการบอกว่าคุณไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไป คุณไม่สามารถยอมรับมันได้ พอกันที ฉันขอประท้วงท่าน มันก็แค่นั้น ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน แต่ที่มันดูซับซ้อนโลกแตกเพราะนิสัยของคุณเองที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

    ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่ง เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งวิ่งไปหาแม่แล้วพูดว่า "แม่ครับๆ สิงโตตัวใหญ่มันวิ่งไล่ผม มันคำรามเสียงดัง แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังหนีมาได้"
    แม่มองไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า "ลูกรักที่แม่เห็นนะ มันเจ้าหมาน้อยนะ เจ้าตัวนี้ใช่ไหมที่วิ่งตามลูกทอมมี่ แม่บอกลูกเป็นล้านๆครั้งแล้วว่าอย่าพูดจาเว่อร์จนเกินไป"

    คุณเห็นอะไรไหม? "แม่บอกลูกเป็นล้านๆครั้งแล้ว จิตใจของเราช่างถนัดในเรื่องขยายความจริงๆ ดังนั้นมันจึ่งทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ แอปเปิ้ลผลเดียวเป็นมูลเหตุให้สงครามกรุงทรอยต้องเกิดขึ้น ผลเดียวอีก เช่นกันที่ทำให้อดัมกับอีฟต้องถูกไล่ คำว่าน้ำผึ้งหยดเดียวช่างเหมาะกับเรื่องนี้จริงๆ

    ความจริงการที่คุณโกรธเป็นก็เป็นเรื่องดี เพราะ ความโกรธที่กำลังเกิดขึ้นตรงนี้ เมื่อคุณถูกกระตุ้นนี่แหละ คือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคุณมีชีวิต มันเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดในตัวคุณ และ มันเป็นสิ่งที่สวยงาม คุณเพียงแต่เคลื่อนไปเท่านั้น จงเฝ้าดูมันแล้วคุณจะพบว่ามันงดงามมากแค่ไหนตราบเท่าที่มันดำรงอยุ่ ณ ที่นั้นเดี๋ยวนั้นเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม ผมใคร่ขอกล่าวว่า เป็นเรื่องยากมากที่เราจะร่วมกันดูความโกรธ ด้วยอารมณ์ที่สงบ เพื่อนของผมคนหนึ่งล่ะ จนถึงวันนี้เธอก็ยังทำไม่ได้ เธอเป็นคนที่มีเชาว์ปัญญามาก แต่เธอไม่สามารถที่จะตามความโกรธของตัวเองทัน ความโกรธนั้น มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวคุณ มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณเป็นใคร มีพื้นฐานอย่างไร? ได้รับการถ่ายทอด และ ขัดเกลามาเช่นไร? สิ่งสำคัญคือ เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะเป็นอิสระจากมัน แต่การที่จะเป็นอิสระจากมัน คุณไม่อาจจะทำได้โดยการสะกดข่ม หรือ ปฏิเสธมัน เพราะ สิ่งเหล่านี้นำความขัดแย้งมายังคุณ คุณโกรธร่างกายคุณตอบรับความโกรธนั้น แต่คุณกับสะกดข่มมัน

    ดูสิแท้จริงแล้ว จิตของคุณ ร่างกายของคุณ นั้นหาได้แยกจากกันไม่ มันวางอยู่บนปรากฏการณ์เดียวกัน พวกมันขับเคลื่อนไปด้วยกัน คุณเคยเห็นคนที่ต้องข่มตัวเองเวลาโกรธไหม? แม้ว่าเขาจะยิ้มหัวเราะ แต่ภายในดวงตาของเขากลับมีแต่เปลวไฟ ที่พร้อมจะระเบิดออกมา ดังนั้น เมื่อคุณเผชิญหน้ากับความโกรธ คุณต้องรู้ตัวให้ได้ว่าโกรธ คุณต้องเฝ้าดูมัน ทำความคุ้นเคยกับมัน โดยปราศจากการตัดสิน เพราะถ้าคุณตัดสิน ว่าความโกรธนี้ คือความชอบธรรมที่จะทำ คือสิ่งที่ผิดเมื่อทำ นั้นก็เท่ากับว่า คุณก็ไม่ได้เป็นผู้เฝ้าดูอีกต่อไป

    มีแต่การเฝ้าดูโดยไม่ตัดสินค่าเท่านั้น ที่จะทำให้คุณมีเครื่องมือพร้อมที่จะเจาะลึกลงไปยังปัญหาได้อย่างลึกซึ้ง และ ทำความเข้าใจกับมันได้อย่างลึกซึ้งครบถ้วน โดยคุณไม่ต้องมานั้นหวาดกลัวกลับผลลัพธ์ของมัน จนต้องมานั้นบอกกับตัวเอง พยายามควบคุม หรือ บังคับตัวเองไม่ให้โกรธ เมื่อคุณโกระก็จงโกรธแต่ต้องมีสติ รุ้ทันมัน ตามมันให้ทัน ความโกรธไม่สามารถทำร้ายคุณได้ คุณอยู่กับมันมานานแล้ว แต่คุณก็ยังคงมีชีวิตรอดมได้ คุณยังมานั้งคุยกับผมได้ ณ ตอนนี้ เพียงแต่ครั้งนี้คุณไม่ได้ไปทำตามมัน หรือ ต่อต้านมัน คุณเฝ้าดูมันเท่านั้น ทำราวกับมันไม่ใช่ของคุณ และ แล้วคุณจะแปลกใจที่มันหายไปในชั่วพริบตา
    เอาล่ะ ครับ เมื่อคุณพบว่ามันจบสิ้นลง และ ปัญหาก็หยุดลง จากนั้นคุณจะพบว่าภายในตัวของคุณนั้น ปราศจากความขัดแย้งใดๆ เหลือเพียงแม่น้ำที่สงบ ปราศจากระลอกคลื่น เรียบง่าย และ น่ารัก ซึ่งเมื่อคุณเห็นมันนั้นก็เท่ากับว่า คุณได้เป็นอิสระอย่างแท้จริงจากความโกรธของคุณ และ มองเห็นหนทางที่จะบ่มเพาะความสามารถในการโอบกอดมันเมื่อมันกำลังจะเกิดขึ้นอีก

    เพื่อที่จะเห็นถึงสิ่งนี้ที่ผมได้พูดไปแล้ว คุณต้องอาศัยพลังอำนาจทางสมาธิที่ลึกล้ำมาก มากพอที่จะเฝ้าดูและทำความเข้าใจด้วยตนเอง มากกว่าแค่เพียงคุณเห็นมันจากคำพูดของผม ที่นี้ถ้าคุณใช้ความคิดของคุณในการตัดสินประเมิณค่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ก็เชื่อได้เลยว่านั้น เป็นหนทางที่ผิดพลาด เพราะ การตัดสินประเมิณค่าของคุณนั้นมันไม่ใช่ลูกตุ้มที่สงบนิ่ง มันถูกเหวี่ยงไปมาข้างใดข้างหนึ่ง จากแรงขับเคลื่อนที่ถูกหล่อหลอมมาจากเงื่อนไขกำหนดต่างๆ และ โครงสร้างทั้งหมดของสังคมที่หล่อหลอมตัวคุณขึ้นมา ดังนั้นมันจึ่งมีความโน้มเอียงไปทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เป็นผลพวงมาจากความยึดมั่นต่อความเที่ยงแท้ถาวรของคุณนั้นเอง

    การเฝ้าดูความโกรธทำให้คุณใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะได้ และ คุณจะพบว่า บางครั้งคุณก็โกรธ บางครั้งก็มีความสุข ความทุกข์ สิ่งต่างล้วนแปรเปลี่ยนไป ดังนั้นจึ่งไม่มีประโยชน์ที่คุณจะแบกมันไว้ ตลอดเวลา การสั่งสมความโกรธเป็นสิ่งผิด เหตุผลเพราะ มันไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ความโกรธที่เกิดขึ้นควรเริ่มต้น และ สิ้นสุดไป ณ ตรงนี้เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องแบกเก็บไว้ คุณดูสิมีคนมากมายแบกมัน เขาเหล่านั้นดูน่ารังเกลียดเพียงใด เขาขุ่นเครืองตลอดเวลา เขาดื้อด้าน และ แพร่รังสีแห่งความน่ารังเกลียดออกมาคุณจะรู้สึกรังเกลียดที่ต้องคบค้ากับเขา

    ทีนี้ ผมพูดถึงความแปรเปลี่ยน คุณเห็นไหมว่าสิ่งต่างๆแปรเปลี่ยนไป แล้วคุณจะขัดขืนไปทำไมในเมื่อสุดท้ายแล้วความโกรธในสิ่งหนึ่งๆ ก็ไม่อาจจะอยู่กับคุณตลอดไป ทำไมคุณไม่ปล่อยให้มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานทางบวก อย่างความสุข สนุกสนาน เล่า นอกจากนี้คุณจะเห็นได้ชัดว่า ความโกรธของคุณขึ้นกับการกระทบของสิ่งต่างๆที่มาปลุกมันขึ้น ความโกรธอยู่ในตัวคุณแต่มันจะไม่แสดงตัวออกมา ตราบเท่าที่ไม่ถูกกระตุ้นจากสิ่งต่างรอบๆตัวคุณซึ่งผลก็คือ มันทำให้คุณตกเป็นทาสมัน และ สนองตอบออกมาเป็นความรุนแรง

    ที่นี้ผมได้พูดถึงการเฝ้ามองอย่างลึกซึ้งสิ่งนี้ยังจะทำให้คุณเห็นว่า คุณไม่ได้แยกออกจากโลก ทุกสิ่งเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อคุณกำลังโกรธใคร ไม่ว่าจะมาจากความไม่พอใจที่เขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวัง หรือเขาทำร้ายคุณ นั้นก็เท่ากับว่าคุณกำลังโกรธตัวเอง เขาเหล่านั้นเป็นภาพสะท้อนของคุณ คุณไร้อำนาจที่จะแปรเปลี่ยนมัน คุณพ่ายแพ้ให้ตัวเอง ดังนั้นคุณจึ่งต้องก้าวร้าว

    หลายศาสนาพยายามที่จะบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักให้กับคุณ เพราะ นั้นคือหนทางที่จะเยียวยารักษาคุณได้ คิดดูสิว่าทำไมเขาเหล่านั้นจึ่งเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตัวคุณเอง ครอบครัวของเขา สังคมของเขา และอีกหลายๆอย่าง ถ้าคุณเป็นเขาคุณเองก็คงต้องทำสิ่งนี้ ถ้าคุณเข้าใจได้ถึงสิ่งนี้คุณก็คงเลือกที่จะรักเขามากกว่าจะโกรธเขา จงบ่มเพาะความรักเถิด โลกนี้ต้องการสิ่งนี้ จงบ่มเพาะมันแม้ในการกระทำอันน้อยนิด แม้แต่ขณะเดิน หรือ นั้ง ผมชอบไปเดินเล่นในสวน เมื่อพบใบไม้ร่วงผมจะหยิบมันขึ้นมา และ ยิ้มให้มัน เพราะผมมองเห็นว่ามันไม่ได้ดำรงอยู่ในกาลเทศะแค่ตรงนี้เท่านั้น เมื่อผมสัมผัสมันในปัจจุบันขณะ ผมก็สัมผัสมันในอดีต และ อนาคตด้วย จงบ่มเพาะมันให้เข้มแข็ง และ เติบโตในทุกๆวันทุกเวลา เถอะเมล็ดพันธุ์แห่งความรักและความดีงามในตัวคุณ จงตระหนักรู้ถึงมันเพื่อนรัก มันอยู่ในตัวคุณแล้ว! แล้วโลกใบนี้จะไม่ต่างจากดินแดนแห่งพุทธภูมิ ></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ตุลาคม 2011
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ก่อนยังมีแดนห่างไกล ไกลนัก แต่มีคนพักอาศัย


    ท่านกฤษณมูรติ

    เมื่อโกรธอยู่ในมิติประวัติศาสตร์ ขอจงหลับตาแล้วมองให้ลึกซึ้ง ว่าหลังจากนี้อีกสามร้อยปีเราจะอยู่ที่ไหนกันบ้าง หลังจากนั้นแล้วเราขอให้ท่านจงลืมตาอีกครั้ง เพื่อสวมกอดกันเถิด


    ....สวัสดี คุณครู เช้าตรู่ เรามาพบกัน
    เมื่อคืน ฉันทำตามท่าน หลับตาลงพลัน หามันให้เจอ
    แต่ทว่า เมื่อฉันลืมตา หันมองนาฬิกา ตีห้าพอดี
    ดูเหมือน ท่านจะทราบดี อีกสามร้อยปี จะมีสิ่งใด

    ....หรือว่า มีคนอีกมาก ที่ได้ประจักษ์ เรื่องสามร้อยปี
    ฉันเคยมึน และงงเต็มที่ เรื่องสามร้อยปี มีจริงไหมเอย
    ส่วนเรื่องกอด กับท่านโฮดี้ ฉันคิดดีดี แค่จับมือก็แล้วกัน
    กับท่านโฮดี้ ไม่นึกอยากกอด กัดฟันกรอดกรอด ขอกอดแต่สตรี


    ขออภัยด้วยครับ พลาดไปอีกแล้ว ยังโง่ไม่เสร็จซะที
    ท่านทั้งหลายโปรดให้อภัยด้วยครับ
    ตั้งแต่ริเป็นนักรบแสงมานี่ ผมรู้สึกจิตไม่ค่อยปกติซักเท่าไหร่
    อีกอย่าง สันดานเดิมมันเกาะแน่นมาก แกะลำบาก ยังต้องแคะอีกหลายที

    สวัสดีและขออภัยด้วยครับ

    กระต่ายป่า ข้างวัด
    .
     
  4. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    เข้ามาส่งกำลังใจให้เพื่อนร่วมทางครับ..อย่าท้อนะฮะ..ท่านไม่ได้โดดเดี่ยวเลย
    "สันดาน" ใครๆก็มีีครับ เช่น ผมเป็นต้น แต่เราก็ค่อยๆแกะกันไป เป็นกำลังซึ่งกันและกันนะครับ..
     
  5. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    ขอบคุณมากครับ..ท่าน.กฤษณมูรติ..ผมจะพยายามฮะ..เพื่อตัวผมเองและเพื่อคนรอบข้าง..
     
  6. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 15-10-11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      0 bytes
      เปิดดู:
      195
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  7. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    น้อมคารวะท่าน gratrypa

    ผู้น้อยเองเป็นคนหนึ่งที่ทำผิดพลาดมามาก ส่วนใหญ่เป็นเหตุที่ตนก่อไว้ในอดีตนานมากแล้วจนจำไม่ได้แล้ว เมื่อต้องรับวิบากแปลกๆมากมายก็ได้แต่คิดว่า "เหตุมันเกิดแต่ตัวเราเอง...เมื่อผลมาให้รับแล้วเราก็ควรยอมรับมัน"

    ผู้น้อยไม่เคยสมหวังในความรักเลย หากถามหมอดูหรือเชื่อเรื่องอดีตชาติก็อาจมีคำอธิบายว่าเป็นเพราะตนเองเคยกระทำผิดในเรื่องคู่ครองมาก่อน แต่เนื่องจากผู้น้อยไม่สามารถระลึกชาติได้จึงไม่อาจยอมรับคำอธิบายนี้ได้เต็มหัวใจ เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนในที่สุดผู้น้อยจึงได้พบว่า "ตนเองไม่คู่ควรสมหวังในความรัก...เนื่องจากตนรักใครไม่เป็น" ที่ผ่านมาผู้น้อยคิดแต่เพียงอยากให้คนที่ตนสนใจหันมาสนใจและเอาใจใส่ตนเองแต่เพียงผู้เดียว ตนเองมีให้ความรักกับผู้อื่นเพียงเพื่อต้องการให้เขาให้ความรักตอบตนกลับมา พอเขาไม่ตอบกลับอย่างที่ตนต้องการ ผู้น้อยก็อาละวาดเสียจนต้องเลิกรากันไป บางครั้งผู้น้อยก็กลัวผิดหวังเสียจนต้องหนีหายไปจากคนที่ตนเองชอบเพียงเพราะเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างที่ตนต้องการ...เป็นที่น่าสมเพชยิ่งแต่ตนเองจำเป็นต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาความรักของตนมีไว้เพื่อสนองความต้องการของตนเองเป็นหลัก ตนจะสามารถทำดีต่อคนรักได้ก้ต่อเมื่อเขาทำถูกใจตนเท่านั้น เมื่อทราบดังนี้แล้วผู้เขียนจึงเริ่มยอมรับได้ว่าตนเองไม่ดีพอที่จะสมหวังในความรัก...โดยไม่ต้องพิจารณากรรมที่ตนทำไว้ในอดีตชาติแต่อย่างใด

    ผู้น้อยมีปัญหากับแม่เรื่องการปฏิบัติธรรมของตนเอง "แม่ต่อต้านการไปวัดทำทานรักษาศีล" ของผู้น้อยอยู่ตลอด แม่ของผู้น้อยความจริงแล้วเป็นคนมีเมตตาชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดท่านมักต่อต้านพระทุกรูปแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังเคยกล่าวปรามาส ส่วนพ่อของผู้น้อยนั้นท่านเป็นคนมีสติปัญญาดีมาก ผู้น้อยได้ท่านคอยอบรมเรื่องเหตุผลและความซื่อสัตย์จนติดเป็นนิสัยมาถึงปัจจุบัน สมัยก่อนพ่อก็ธัมมะธัมโมดี ร้องเพลงคน ของสุเทพ วงกำแหง กล่อมผู้น้อยนอนเป็นมรณานุสติอยู่เสมอ แต่เมื่อผู้น้อยต้องจากบ้านไปเรียนต่อที่อื่นนานๆ กลับบ้านมาอีกทีพ่อกลายเป็นคนหงุดหงิดและไม่ชอบพิจารณาธรรมไปเลย พ่อยังคงพูดถึงความตายอยู่เป็นปกติเหมือนสมัยผู้น้อยเป็นเด็ก แต่พ่อลืมสังเกตไปว่ายังไม่ได้โอปะนะยิโกเข้าหาตนเองและผู้อื่นจริงๆ แต่พ่อก็ช่วยผู้น้อยได้มากทีเดียวเวลาแม่อาละวาด สมัยที่ผู้น้อยไปวัดบ่อยๆนั้นแม่ของผู้น้อยมักจะแสดงอาการต่อต้านอย่างชัดเจน ต่อต้านว่าพระอาจารย์ ว่าพี่พี่ลูกศิษย์วันท่านอื่น ว่าผู้น้อยว่าโง่ ฯลฯ เมื่อไม่ได้ดั่งใจแม่มักใช้วิธีร้องไห้และบอกให้ผู้น้อยหยุดอธิบายเหตุผลทุกครั้ง เมื่อเป็นอย่างนี้ปัญหาที่เกิดกับแม่จึงแก้ไขไม่ได้ด้วยการเจรจา ผู้น้อยใช้เวลานานมากกว่าจะได้ตระหนักว่า "ที่แม่ไม่ยอมรับผู้น้อยเรื่องการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเพราะผู้น้อยเองไม่ยอมรับการปฏิบัติธรรมของแม่ก่อน" ...ผู้น้อยจำเป็นต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาตนรู้สึกลึกๆอยู่เสมอว่าแม่มีภูมิธรรมด้อยกว่าตนเองเหตุเพราะแม่ไม่ชอบสวดมนต์ ไม่ชอบไหว้พระ ไม่ชอบไปวัด ความรู้สึกต่อต้านของผู้น้อยเช่นนี้เองเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่ไปปะทะกับใจแม่แล้วทำให้แม่ต่อต้านการปฏิบัติธรรมของผู้น้อย...ก็ในเมื่อตัวเราเองไม่ยอมรับแม่แล้วแม่จะยอมรับเราได้ยังไง ผู้น้อยจึงสามารถยอมรับการต่อต้านของแม่ได้เพราะความจริงแล้วเหตุเกิดจากตัวผู้น้อยเองที่ส่งพลังงานความคิดไปต่อต้านแม่ก่อน...เมื่อผู้น้อยเปิดใจรับวิถีปฏิบัติธรรมของแม่ว่าเขาใช้วิธีช่วยเหลือผู้อื่นในชีวิตประจำวันแทนการไปทำกิจกรรมที่วัด เวลาแม่ช่วยคนแม่ก็ช่วยด้วยใจจริงไม่มีการทำแล้วหวังผลบุญใดๆหวังมรรคผลนิพพานใดๆเลยเพราะแม่ไม่เชื่อเรื่องนิพพานไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ตอนนี้แม่ของผู้น้อยเริ่มสวดมนต์ได้หลายบทแล้ว สวดเป็นภาษาธิเบตก็ได้เพราะผู้น้อยร้องให้แม่ฟังตอนป่วย แม่เริ่มแผ่เมตตาให้นางพยาบาลและโรคภัยเมื่อเกิดความหงุดหงิดใจด้วยว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่แม่ทำได้และทำแล้วใจสบายขึ้นเมื่อยามเจ็บป่วย

    จากประสบการณ์ของตนเอง ผู้น้อยคิดว่าการที่อยู่ๆมีใครก็ไม่รู้มาต่อต้านตนเอง มักเป็นเพราะในใจลึกๆของตนเองส่งพลังงานบางอย่างไปต่อต้านเขา คือมันก็ช่วยไม่ได้ที่มันจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเนื่องด้วยอุปนิสัยความเกลียดความชอบของคนเราก็มีหลากหลาย เมื่อต่างกันย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา ผู้น้อยไม่คิดว่าตนเองจะสามารถทำให้ทุกคนยอมรับในความเป็นตนเองได้ แต่อย่างน้อยตนเองก็หวังว่าจะรักษาระดับความกระทบกระทั่งให้อยู่ในขอบเขตที่ตนเองยินดีรับผลอันเกิดจากการกระทำทั้งหมดค่ะ
     
  8. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ชอบอ่านเรื่องราวของคุณครับ...อ่านแล้วได้สาระมากมาย ขอบคุณมากฮะ..
     
  9. Starseedz

    Starseedz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +117
  10. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    เมื่อพูดถึงนักรบแสงสว่าง "ผู้ใช้ไฟเผาตนเองเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่นนั้น" ผู้น้อยเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตนเองเป็นนักรบกับเขาด้วยหรือไม่....แต่แน่ใจแน่นอนว่า "ตนเองเป็นตนเอง" ชัวร์

    การที่ผู้น้อยจะเป็นตนเองได้นั้น จำเป็นต้องฝืนทนเจ็บปวดกับการยอมรับความบกพร่องของตนเองทุกประการ...ยอมรับว่าความดีบางอย่างที่ตนมีนั้นมันเป็นของปลอม ตนเองยังไม่ได้ดีขนาดนั้น เพียงแต่อยากจะเป็นอย่างนั้นให้ได้เท่านั้นเอง...ยอมรับว่าในส่วนลึกแล้วตนยังมีความเลวอีกหลายอย่างที่พยายามซ่อนมันเอาไว้ใต้หน้ากากแห่งคุณงามความดี เป็นต้นว่า การใช้ความเมตตาและปัญญาเคลือบผิวหน้าและอธิบายการกระทำทุกอย่างของตนเองทั้งๆที่ความจริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจตนเป็นคนรักเกียรติมากจนสามารถเบียดเบียนผู้อื่นได้เพื่อเกียรติของตนเอง หรือความหวาดกลัวว่าตนเองจะไม่เป็นที่ยอมรับของผู้อื่นจนไม่กล้าเปิดเผยความผิดพลาดต่างๆนาๆที่ตนกระทำมาในอดีต ฯลฯ

    ไม่รู้ว่านี่จะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลายข้อของนักรบแสงสว่างหรือเปล่านะคะ
     
  11. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ก่อนยังมีแดนห่างไกล ไกลนัก แต่มีคนพักอาศัย

    .

    เดี๋ยววันนี้ นักรบแสง จะแปลงร่าง
    ออกไปกลาง ท้องถนน เพื่อค้นหา
    ซึ่งสตางค์ จากสามล้อ ขอขี่มา
    หวังเพียงว่า พอยาไส้ ได้ดื่มกิน

    กระต่ายป่า ข้างวัด
    .
     
  12. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    จิตหนึ่งจิต

    สติ คือ วินัย โพลงไสวไร้มลทิน
    เพ่งชัดที่ธาตุรู้ เพียงเฝ้าดูเป็นอาจิณ อนิจจังทั้งสิ้น
    ความหลงดิ้นก็จางคลาย รู้หนึ่งให้ซึ้งจิต เย็นสนิทธรรมหนึ่งนัย
    อุเบกขาทั้งหลาย ก็แค่ลายอนิจจัง รู้เฉยที่เกิด - ดับ หมดความลับเลิกรักชัง
    รู้เฉยกับทั้งยัง รู้ผัสสะเวทนา ( สุข - ทุกข์ - ไม่สุข - ไม่ทุกข์ )
    ทุกสิ่ง คือ เกลียวคลื่น จงรู้ตื่นจากมายา
    สิ้นทุกข์ สิ้นโศกา อนัตตาธรรมทั้งปวง สุญญตาธรรมทั้งปวง
    เพิกถอนความยึดมั่น สัตว์สังขารความคิดลวง รู้ตื่นก็โชติช่วง พ้นสิ่งลวงในทันที
    หน้าที่ปัจจุบัน ขอท่านมุ่งฟันฝ่าด้วยขันติ สุขสวัสดิ์ดั่งมั่นหมาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  13. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    บุตรธิดาแห่งดวงดาว

    เรื่องนี้เป็นบทความที่ อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
    เขียนไว้ในคอลัมน์ ค.คน ค้นธรรม ของนิตยสาร ค.คน ฉบับที่ 32



    ******************

    บุตรธิดาแห่งดวงดาว

    เราเดินทางมาแสนไกล จากเปลวไฟแห่งมหาอัคนี สู่มหาเมฆดึกดำบรรพ์ แปรผันเป็นวงจักรแห่งดารา อันคลี่คลายเป็นสมุทรพสุธาใต้ห่าฝนและแถบรุ้ง


    ใช่...เธอเดินทางมาแสนนานกว่าจะเกิดเป็นเผ่าพันธุ์ เธอคือถ่านเถ้าระอุอุ่นจากปลายยอดแห่งขุนเขา คลุกเคล้าด้วยเกล็ดหิมะในราตรีและน้ำค้างแห่งรุ่งอรุณคือ ดิน น้ำ ไฟ ลม อันผสมกลมกลืน จากภูผา ทุ่งธาร และอากาศสกล


    ย้อนย้ำที่สุดแล้วเธอคือส่วนเสี้ยวของดวงดาวที่มิได้เปลี่ยนรูปโดยอุบัติเหตุหากเป็นผลแห่งอุบัติการณ์ แท้จริงเธอคือ จิตวิญญาณอันเอกภพแสดงตน


    หรือหลงลืมข้อนี้ไป เธอจึงหลงใหลในสมมติ หลับสนิทต่อสัจจะแต่ตื่นเต้นต่อมายา ปล่อยชีวิตแสนสั้นอยู่ในเวทนา วิตก วิวาท และวิจารณ์


    บ้างคิดแต่ครองผิวพื้นของเปลือกโลก แหล่งพิงพึ่งแห่งสรรพสัตว์ ดัดแปลงเทือกบรรพตและทุ่งหญ้าให้เป็นเพียงสนามมาร ณ ที่นั้น เธอขยีบไล่ปัญญาญาณ เพื่อเปิดที่ให้อวิชชา ธรรมชาติถูกลบล้างเพื่อเปิดทางให้ตัณหา หนึ่งรุ่งโรจน์ร้อยล่วงลับและไม่อาจกู้กลับคืน


    บ้างคิดครอบงำผู้คน ชอบประกาศตยด้วยแรงริษยา ชอบชี้ผิดถูกตีราคา ใครแตกต่างถูกตราหน้า ราวมติจากฟ้าดิน ไม่ทราบเธอเลิกฟังผู้อื่นแต่เมื่อใดหรือเคยถูกผลักไสโดยมารดา ชีวิตจึงทำเป็นแค่แช่งด่าเพื่อแทนค่าที่ขาดแคลน


    นอกจากนี้มีคนไม่น้อยคอยรัก หวงแหนแตกหักทุกแห่งหน ทุกสรรพสิ่งล้วนยึดถือเป็นของตน ไม่เว้นแม้แต่คนบูชา เธอไม่รู้ว่าในโลกหาได้มีกรรมสิทธิ์ ความใกล้ชิดเป็นคลื่นใจ เป็นบางอย่างที่รู้สึกได้ แต่มิใช่ฐานันดร


    ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ บางทีเธออาจทบทวนหวนนึกจากเบื้องลึก "ทรงจำ" ชีวิตไม่จำเป็นต้องบอบช้ำ เพียงเพราะความจำที่พร่าเลือน


    ใช่หรือไม่ว่า...

    ในวัยเยาว์ เธอไม่ได้นึกถึงวันวาน ไม่วิเคราะห์ตีความ หากแตะโลกด้วยหัวใจ เธอมิโกรธเกินข้ามคืน ไม่อยากเติบใหญ่เป็นผู้อื่น และยิ่งไม่ห่างปัจจุบัน

    บางครั้งเธออาจสมมติตนเป็นสรรพสิ่ง เป็นทั้งลิงทั้งค่าง กระทั่งอวดอ้างอภิญญา แต่เมื่อการละเล่นเลิกราเธอก็รู้ว่าสมมติกัน


    ตรงกันข้ามกับยามนี้ เธออยากเป็นทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวเธอ สุดท้ายจึงพลัดพรากกับตัวเอง บนเส้นทางสายสมมติเธอกลายเป็นทุกอย่างเว้นเป็นจริง


    ทั้งหมดเป็นเพราะลืมแหล่งที่มา...ลืมไปว่าชีวิตแสนสั้นนั้นมาจากการเดินทางแสนนาน เธอมิเพียงสืบทอดมวลธาตุแห่งจักรวาล หากยังสืบต่อปรีชาญาณแห่งอภิจิตซึ่งสถิตอยู่ในองค์รวม


    แน่ล่ะ เธอจักอยู่ในรูปนี้ชั่วพริบตา ดังสายฟ้ากลางพายุ เจิดจ้าแล้วลับหาย สู่เวิ้งฟ้ามารดาเดิม เธอมาจากเปลวเพลิงดึกดำบรรพ์ และไม่ว่าสมมติตนเป็นสิ่งใด วันหนึ่งเปลวไฟที่ไหม้ลามร่างจักพาเธอคืนสู่เหย้าแสงตะวัน


    เช่นนั้นหน อิสรภาพของเธอดำรงอยู่ ณ แห่งใด หากมิใช่ดวงตาที่เฝ้าดูนาฏกรรมแห่งตัวตน เธอคือเธอแต่เธอมิใช่เธอ เธอคือเธอเพื่อเธอจะได้เห็นธรรม นี่คือรหัสไขความลับแห่งทิพยลีลา


    ด้วยสายตาสงบนิ่งที่ไม่ตัดสินหรือตีความ ไม่ผูกติดกับนิยามหรือนิยม เธอจักใช้ดวงตานี้นำทางดั่งสายฟ้าส่องสว่างตัดราตรี


    แล้วเธอจักได้เรียนรู้ภาษาที่ไร้ถ้อยคำ ได้ยินวิเวกอันกังวานซึ่งขับขานเพลงแห่งฟ้า เธอจักได้ยินเสียงทักทายของนกกา ยินคำเจรจาของพฤกษ์ไพร เธออาจมีมิตรเป็นก้อนหิน มีเนินดินเป็นเพื่อนบ้าน ถือทะเลเป็นวิหาร เห็นขุนเขาเป็นบรรพชน


    เธอจักเป็นดั่งปุยเมฆเริงระบำ แม้ยามเมฆเป็นสีดำ เธอจักลืใซ่งหมอกสีขาว เธอเป็นทุกอย่างแต่ไม่เป็นสักอย่าง นอกจากเวิ้งฟ้ากว้างที่รองรับวาตกรรม


    ไอแดดเผาใจเธอไม่ได้ ละอองฝนไม่อาจทำให้ใจของเธอเปียกชื้น เพราะเธอคือแสงแดด เพราะเธอคือสายฝน เธอคือเกลียวคลื่น เธอคือสายลม...

    ด้วยเหตุฉะนั้น เธอจึงมีร่มเงาแห่งสวรรค์ไว้คุ้มกันทุกผองภัย


    เธอจักตื่นตระหนักในทิวาและตื่นรู้ในราตรี ผ่านความมืดและแสงสีอย่างเงียบนิ่งดั่งเงาจันทร์ในฤดูกาลแห่งชีวิตเธอจะพิชิร้อนหนาวในทุกข์เทวษรวดร้าว เธอจักเห็นอนัตตา ท่ามกลางโลกที่เศร้าสลด เธอจะปรากฏด้วยกรุณา แค่โลกที่ล้นด้วยปราถนา เธอจากมาไม่อาลัย


    ด้วยดวงจิตอันแจ่มบรรเจิด ดังผู้ให้กำเนิดเฝ้าดูการแสดงของบุตรธิดา เธอจักอาศัยดวงจิตนี้ค้นหา...ซึ่งความจริงที่หายไป


    ดั่งเสียงขลุ่ยคืนกลับเวฬุวนา ดังฝูงปลาทวนกระแสสู่ต้นน้ำ เธอจักกลับถึงบ้านเกิดที่จากมานานเพื่อสืบสานอโศกพิสัย


    ดั่งเมล็ดพันธุ์แทงยอดและผลิใบปรากฏผ่านธุลีดิน

    ดั่งบัวบานในหนองคล้ำ สลัดพ้นจากหล่มโคลน เธอเติบใหญ่เหนือตัวตน...เธอเติบโตเหนือตัวเอง


    ใช่...เธอเดินทางมาแสนไกล จากเปลวไฟแห่งมหาอัคนี สู่มหาเมฆดำดำบรรพ์ แปรผันเป็นวงจักรแห่งดารา อันคลี่คลายเป็นสมุทรพสุธาใต้ห่าฝนและแถบรุ้ง


    เธอเดินทางมาแสนนานกว่าจะเกิดเป็นเผ่าพันธุ์ เธอคือถ่านเถ้ารอุอุ่นจากปลายยอดแห่งขุนเขา คลุกเคล้าด้วยเกล็ดหิมะในราตรีและน้ำค้างแห่งรุ่งอรุณคือดินน้ำไฟลมอันผสมกลมกลืน จากภูผา ทุ่งธาร และอากาศสกล


    เธอคือส่วนเสี้ยวของดวงดาว ที่มิได้เปลี่ยนรูปโดยอุบัติเหตุหากเป็นผลแห่งอุบัติการณ์...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    บุตรธิดาแห่งดวงดาว...

    เราเดินทางมาแสนไกล
    จากเปลวไฟแห่งมหาอัคนี...

    ใช่...เธอเดินทางมาแสนนานกว่าจะเกิดเป็นเผ่าพันธุ์...

    หรือหลงลืมข้อนี้ไป เธอจึงหลงใหลในสมมติ
    หลับสนิทต่อสัจจะ แต่ตื่นเต้นต่อมายา....

    ขอบคุณบทความ อจ. เสกสรรค์ ประเสริฐกุล..
     
  15. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214

    ตัวล่างซ้าย แปลว่า อดทน
    ตัวบนซ้าย แปลว่า ใจกลางๆ
    ตัวบนขวา แปลว่า ขอบเขตแห่งใจ
    ตัวล่างขวา แปลว่า ออกไปจากใจ


    ขอให้ท่านอดทน ด้วยการทำใจกลางๆภายใต้ขอบเขตแห่งใจ เรื่องราวร้ายๆทั้งหลายก็จะออกไปจากใจ ขอให้ท่านผ่านวิกฤติไปได้ด้วยดีครับ

    中心 凡心 田心. 自心
    มาจากคำ 4 คำ
    แปลทีละคำจะหาความหมายค่อนข้างยาก
    หากแปลรวมๆ คือ การบำเพ็ญปรัชญาปารมิตา
    การวางใจกลางๆ เพื่อรวมใจให้เป็นศูนย์ เข้าสู่สภาวะของการจากไปสู่ฝั่งโน้น คือความว่างจากข้อมูลทั้งปวง ปล่อยวางทั้งหมดทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ขอบคุณฮะ....ครู..ผมเข้าใจแล้วครับ.. ว่าผมควรอยู่อย่างไร? นมัสเต..เอวัง
     
  17. datedoctor

    datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +678
    ดีมากไปหาหัวใจของเธอให้พบ
     
  18. ไสบาบา

    ไสบาบา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +27
    เซบุสนิซาเป็นพระธิดาในพระจักรพรรดิออรังกาเซบแห่งราชวงศ์โมกุลอินเดียพระธิดาไม่เพียงแต่มีความงามและมีเสน่ห์อย่างยิ่งเท่านั้นแต่ยังทรงเป็นนักปราชญ์และนักกวีที่ยิ่งใหญ่อีกด้วยนอกจากนี้พระธิดาทรงเป็นผู้ที่มีความรักในวัฒนธรรมของตนอย่างยิ่งเช่นกัน<O:p></O:p>
    วันหนึ่งพระจักรพรรดิออรังกาเซบทรงมอบกระจกที่สวยงามมากให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่พระธิดาเซบุสนิซาและพระธิดาก็ทรงรักกระจกบานนี้เป็นยิ่งนักวันหนึ่งสาวใช้ของพระธิดากำลังถือกระจกให้พระองค์ในระหว่างที่พระธิดากำลังหวีผมของพระองค์หลังจากสรงน้ำกระจกก็ลื่นหลุดจากมือสาวใช้และตกลงที่พื้นจนแตกเป็นเสี่ยงสาวใช้เองก็กลัวโทษประหารเพราะเธอรู้ว่ากระจกบานนี้เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระจักรพรรดิทรงพระราชทานให้กับพระธิดาและพระธิดาเองก็รักกระจกบานนี้มากสาวใช้เตรียมตัวรับโทษทัณฑ์จากพระธิดาเธอคุกเข่าลงแต่พระธิดากลับพูดด้วย<O:p></O:p>
    รอยยิ้มอย่างสงบว่า<O:p></O:p>
    ลุกขึ้นเถิดฉันดีใจที่เครื่องมือแห่งความประจบสอพลอนี้แตกเสีย ทำไมต้องไปวิตกกังวลกับกระจกที่แตกแล้ว กับสิ่งที่ได้เสียหายไปแล้ว แม้แต่ทุกส่วนของร่างกายเรานี้วันหนึ่งก็ต้องเน่าเปื่อยผุพัง และ สลายไปในที่สุด ขอบใจเธอมากที่ช่วยให้เราได้พบกับอิสรภาพ
    <O:p></O:p>

    นี่คือบทเรียนที่สองที่เราภควัน สัตยศรี ไสบาบา
    จะมอบให้ท่าน
    การปล่อยวาง
    [​IMG]






    เราคือไสบาบาเรามาเพื่อจะปลดเปลื้องพวกเธอ<O:p></O:p>
    จงทำบ้านเรือนของเธอให้สะอาดบริสุทธิ์ และ เธอจะพบกับเรา
    เราจักไม่มีวันตาย ขอเธอจงมองดูให้ดีแท้จริงแล้วอะไรตาย
    กายธรรมเราจะยั้งคงอยู่บนโลกใบนี้
    ตราบเท่าที่ยังคงมีผู้มีหัวใจถลิวหาธรรม แล การหลุดพ้น

     
  19. เรอเน่

    เรอเน่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +8
    พึงระลึกไว้เสมอว่า

    ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน...
     
  20. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ก่อนยังมีแดนห่างไกล ไกลนัก แต่มีคนพักอาศัย

    .

    ขอโทษ ครับคุณครู เหตุที่หนู ต้องขาดเรียน
    เพราะขาด ทุนหมุนเวียน ต้องขาดเรียน ไปหาสตางค์

    วันนี้ออกไปขับสามล้อ ตั้งแต่เย็น เพิ่งจะกลับมา
    ได้ตังค์ มาสองร้อยบาท พึ่งจะเห็นว่าน้ำขึ้นสูงมาก
    รีบกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วเตรียมตัวเป็นผู้วิเศษ

    เดี๋ยวพิมพ์เสร็จ จะเสกตัวเองให้ใหญ่ๆ ไปนั่งคุกเข่า
    อยู่กลางแม่น้ำแถวท่าพระจันทร์ หันหน้าหาวัดพระแก้ว แล้วใช้มือซ้ายดึงน้ำเข้ามา ส่วนมือขวาผลักน้ำออกไป ทำสมาธิให้แน่นหนาซักพัก แล้วจะเสกปราณสีน้ำเงินคลุมตัวไว้ ให้ร่างนั้นทำงานต่อไป

    แล้วตัวเองจะออกไปปากอ่าว เสกให้ตัวใหญ่กว่าเมื่อกี้อีก จะใช้สองมือดึงน้ำออกจากเจ้าพระยา แล้วจะเสกดวงจันทร์ไว้ข้างหลังด้วย ไว้เพิ่มพลังงาน
    แล้วจะคงสมาธิอยู่ตรงนี้ แค่ครึ่งชั่วโมงก่อนนะ
    หมายังไม่กินข้าวเลย กลับมาบ้านร้องกันใหญ่
    ผมก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่บ่ายแล้ว
    ขออภัยที่ไม่อาจตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียว

    เอ้า.บ้ามันให้เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องกั๊กกันแล้ว

    กระต่ายป่า ข้างวัด
    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...