การตัดกรรมไม่มีในพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 7 ตุลาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    [​IMG]


    ถาม : ถ้าหนูไม่อยากเจอคนที่ไม่อยากเจอในชาตินี้หรือในชาติหน้า ควรจะทำอย่างไร ?

    ตอบ : เป็นไปไม่ได้ คนเราไม่ว่าจะสร้างบุญร่วมกันหรือสร้างกรรมร่วมกัน ถึงเวลาต้องเจอกัน ถ้าไม่อยากเจอเขาก็ต้องสร้างความดีให้ถึงที่สุด คือไปนิพพานให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ถ้าคนอื่นยังชั่วอยู่ โอกาสเจอก็ยากแล้ว เพราะเราไปจนเขาตามไม่ทันแล้ว

    ถาม : การตัดกรรมสามารถช่วยได้ไหมคะ ?

    ตอบ : การตัดกรรมไม่มีในพระพุทธศาสนา ยกเว้นอย่างเดียว คือ อโหสิกรรม คือ การที่โจทก์และจำเลยมาตกลงกัน ว่าจะเลิกแล้วต่อกัน ถ้าหากว่าต่างฝ่ายต่างรับรู้ ออกปากยินดียกโทษให้ ก็เป็นอันว่าจบกันไป



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2833&page=6




    .
     
  2. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    คนเราไม่ว่าจะสร้างบุญร่วมกันหรือสร้างกรรมร่วมกัน ถึงเวลาต้องเจอกัน ถ้าไม่อยากเจอเขาก็ต้องสร้างความดีให้ถึงที่สุด คือไปนิพพานให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย

    (y)
     
  3. dessert

    dessert สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    พระดีบางท่าน เลือกมรณภาพเพื่อตัดเคราะห์กรรมประเทศชาติ

    "พระดีบางท่าน เลือกมรณภาพเพื่อตัดเคราะห์กรรมประเทศชาติ"


    Reference:
    พระดีบางท่าน เลือกมรณภาพเพื่อตัดเคราะห์กรรมประเทศชาติ [เอกสาร] - PaLungJit.com
     
  4. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขออนุญาตนำข้อความบางส่วนใน link ที่ท่านอ้างถึงมาโพสต์ และขยายความให้ครับ

    **************************************

    ถาม : เมื่อสัปดาห์กว่าๆ เอง ?

    ตอบ : หลวงปู่ปลื้ม วัดสวนหงส์ มรณภาพไปอีกท่านแล้ว พระดีๆ ท่านจะเลือกจังหวะที่ประเทศชาติแย่ๆ แล้วมรณภาพ ท่านไปเพื่อตัดเคราะห์กรรมให้กับประเทศชาติ เพราะฉะนั้น..เรื่องที่ควรจะเกิดตอนนี้ ก็จะเลื่อนออกไปอีกหน่อยหนึ่ง ถ้าพ้นวาระไปแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องเกิดเลย

    ***************************************

    ถ้าอ่านให้ดีจะเห็นว่า พระอาจารย์เล็กท่านอธิบายว่า "เป็นการเลื่อนออกไปอีกหน่อยหนึ่ง ถ้าพ้นวาระ ก็อาจจะไม่ต้องเกิดเลย" นะครับ

    ดังนั้น การนำคำสอนของท่านมาอ้าง ต้องอ่านและวิเคราะห์ให้เข้าใจทั้งองค์นะครับ จะตัดเอาบางส่วนมาใช้ไม่ได้ เพราะในแต่ละครั้งท่านสอนในเรื่องที่แตกต่างกันครับ

    โมทนา
     
  5. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    มีจ้า


    แต่เธอทั้งหลายยังไม่รู้ก็เท่านั้นเอง เช่นคนไม่เคยเจอผีไม่เคยเชื่อเรื่องผีมันก็บอกว่าผีไม่มีในโลก ฉันใดฉันนั้น
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ความเห็นส่วนตัวของผมนั้น (อธิบายเพิ่มเติม)


    การที่พระดีบางท่านเลือกมรณภาพเพื่อตัดเคราะห์ของประเทศนั้น ถ้าพิจารณาให้ดี เราจะเข้าใจว่า กรรมของคนหมู่มาก หรือ กรรมของประเทศนั้น หมายความว่า เจ้ากรรมย่อมมากเช่นกัน ดังนั้นการที่พระที่มีความดีมากได้สื่อกับเจ้ากรรมเหล่านั้น และบางรูปได้เลือกที่จะรับเคราะห์ไว้เอง (พระอาจารย์เคยเล่าว่า ถ้ามีศีลบริสุทธิ์ เจ้ากรรมจะตามเล่นงานได้ไม่เกิน 25%) ดังนั้นการที่พระที่มีความดีมาก ๆ ท่านละสังขารนั้น เจ้ากรรมนายเวรเมื่อได้รับข้อธรรม (จากการสื่อทางจิต) บางส่วนก็จะมีภพภูมิที่สูงขึ้น เนื่องจาก "อโหสิกรรม" แต่บางส่วนก็ยังไม่ยอมอโหสิกรรมให้ "ก็คือวาระกรรมที่ต้องรับ" (ลองไปอ่านเรื่องฆ่าล้างศากยวงศ์เพิ่มเติมนะครับ พระพุทธเจ้าท่านห้ามทัพได้ 3 ครั้ง แต่ครั้งที่ 4 เป็นวาระกรรมที่คนในเมืองต้องรับ พระองค์จึงวางอุเบกขา เพราะเป็นกรรมที่ต้องชดใช้กัน)


    ดังนั้นการที่พระละสังขารก็เป็นการบรรเทากรรมให้เพียงชั่วคราว และเราต้องไม่ลืมว่า พระที่มีความดีมาก ๆ เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะมีจิตที่เกาะกับความดีของท่าน


    ยกตัวอย่างหลวงตามหาบัวท่านละสังขารก่อนสึมามิที่ญี่ปุ่น (โรงไฟฟ้านิวเคลียร์)


    ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยครับ (ผมคิดเอาเอง โปรดใช้วิจารญาณในการเชื่อ)

    เมื่อหลวงตามหาบัวละสังขาร คนไทยส่วนใหญ้ก็จะนึกถึงความดีของหลวงตา
    และตั้งใจทำบุญ ดังนั้นจิตที่เป็นกุศลและมีการรวมใจกันมากมายขนาดนี้
    คนที่ทำบุญหากมีเคราะห์ที่ต้องรับ เมื่อได้ทำบุญใหญ่ขนาดนี้ กรรมของแต่ละคน
    ก็จะถูกวาระบุญแทรก ดังนั้นเมื่อคนหมู๋มากมีวาระบุญแทรกเข้ามา

    อย่าลืมว่าถ้าจิตที่เป็นกุศลรวมตัวกัน ก็จะเหมือน "ม่านบาเรียขนาดใหญ่" ในการป้องกันสิ่งไม่ดีออกไปได้ครับ (อ่านเรื่องอายุวัฒนกุมารเพิ่มเติมได้ครับ เพราะเด็กที่ต้องตายในวันที่ 7 แต่เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมา เจ้ากรรมก็ต้องถอยห่าง เพราะเข้ามาในเขตไม่ได้ เมื่อพ้นเขตไปแล้ว หรือ พ้นวาระไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวรก็ตามไม่ทัน ดังนั้นในทางพุทธไม่มี "ตัดกรรม (ยกเว้นอโหสิกรรม)" มีแต่ "ทำบุญหนีบาป" ครับ


    "วาระกรรม" ของคนหมู่มากก็จะไม่ส่งผลเต็มที่ เช่น คน 50 ล้านคนต้องรับกรรมพร้อมกัน
    แต่คน 40 ล้านคนมีบุญใหญ้แทรกเข้ามา วาระกรรมก็จะไม่ส่งผลพร้อมกันทีเดียว และอาจเลื่อนออกไปเป็น


    1 + 3 + 5 + 7 +... = 50 ดังนั้นแรงกรรมที่ต้องรับครั้งเดียว 50 ล้านก็จะถูกกระจายออกไป ความเสียหาย หรือ เคราะห์ของประเทศก็จะเบาบางลง เพราะไม่ต้องรับมือทีเดียว

    ผมอธิบายเท่านี้ก่อนครับ ถ้ายังสงสัยอยู่จะขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมให้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2011
  7. นิโรธสมาบัติ

    นิโรธสมาบัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +2,562
    อนุโมทนาครับ
     
  8. meephoo

    meephoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +2,133
    ตัดเจ้ากรรมนายเวรมีจริงครับ สิ่งสำคัญ ในปัจจุบัน ไม่มีพระท่านใดสามารถตัดกรรมให้แก่ญาตโยมได้ ท่านจึงบอกว่า บ้าแล้วไม่มีใครตัดเจ้ากรรมนายเวรได้หรอก แต่สิ่งที่ผมรู้และเข้าใจแล้วว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา ได้มีตัดเจ้ากรรมนายเวร(ถอดถอนเจ้ากรรมนายเวร)ได้แล้วครับ โดยอาศัยบารมีบุญของพระพุทธเจ้าและของผู้ทำหน้าที่ช่วยตัดกรรมให้ ซึ่ง ณ จังหวะนี้ผู้ที่สามารถสร้างตำนานนี้ได้ ก็จะสร้างวิหารเพื่อบำเพ็ญบารมีเข้าสู่นิพพานครับ(พระพุทธเจ้าได้บอกแก่ผู้ทำหน้าที่ช่วยตัดกรรมว่าท่านเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า) มีผู้ที่เดินทางไปตัดกรรมแล้วประมาณ 200 - 300 ราย แล้วเขาเหล่านั้นก็พบทางสว่างแห่งชีวิต แต่ถ้าหาก ไปสร้างเจ้ากรรมนายเวรใหม่ ชาติหน้าก็จะมีภาระผูกพันกันต่อไปครับ รายละเอียด หากสนใจ ก็ pm คุยกันได้ครับ ผมนำเสนอมานานแล้วผู้ที่เข้าศึกษาดูและสนใจได้ติดตามเข้าตัดกรรมในอดีตชาติ ก็มาจากเว็ปนี้ 40 % อีก 60 เป็นการบอกต่อกันไปจากผ้ที่หลุดพ้นครับ
    หมายเหตุ ควรใช้วิจารณญาณในการรับรู้ ที่เห็นในราย ดาวเทียมนั้นเป็นเพียงการบรรเทาครับ มิได้โจมตี แต่ก็ขอสนันสนุนว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถบรรเทาทุกข์ของบรรดาผู้เดือดร้อนมาพึ่งบุญครับ บางคน เขาไม่ยอมให้ตัด หลายคน เขายอมให้ตัดและอีกหลาย ๆคน เขาบอกว่าจะแกล้งให้เดือดร้อนอีก สัก 2 - 10 ปีก่อนจึงจะยอมให้ตัดกรรมครับ สิ่งที่เขาขอเพื่อแลกกับกรรมเวรหรือความอาฆาตในอดีต เช่น ให้ถวายพระ ให้สร้างพระ ให้สร้างวิหาร ให้บวชตลอดชีวิต หรือ 7 วัน - 12 เดือน เป็นต้นครับ นี้คือแบบสรุปง่ายพอจะมองออกบ้าง
    ที่นำเสนอมาในโพสต์นี้ก็เพราะ ทนไม่ได้ ที่หลาย ท่านจะผิดศีลข้อ4 (มุสาฯ)ครับ เพราะท่านผู้เป็นผู้ช่วยตัดกรรมให้ไม่อยากดัง อยากอยู่อย่างสงบ ท่านบอกว่า หากเป็นลูกศิษย์ในอดีตชาติของท่านเขาจะมาเอง ไม่ต้อง ไปลงโฆษณาหรอก ผมมีภาพมีคลิ๊ปแต่ไม่นำมาเสนอ เพราะทุกวันนี้ก็รับว่าท่านเหนื่อยพอดูครับ หนึ่งวัน สามารถตัดเจ้ากรรมนายเวรได้ ไม่เกิน 8 ท่าน หลังจากที่ท่านได้สร้างวิหารผมจะแจ้งให้แก่ลูกศิษย์ของท่านที่เคยไปถอดนายเวรและตัดกรรมให้ทราบพร้อมทั้งภาพการก่อสร้างวิหารพระปัจเจกพุทธเจ้าของท่านครับ ตามที่ท่านtamsakบอกว่า มีแต่อโหสิกรรมให้นั้น ผมว่าเป็นคำพูดที่เหมาะสม และดีกว่าคำว่าตัดกรรมครับ เพราะเท่าที่ดูมาและศึกษาดูร่วมกับผู้ที่เข้ามาถอดถอนเจ้ากรรมนายเวร เห็นว่า เป็นการขออโหสิกรรมและงดโทษให้แก่กันนั้นเอง โดยเจ้ากรรมนยเวรส่วนมากเขาขอไปเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นพรหม มีบางท่านขอไปเกิดและมีกลับไปยังป่าหิมพานต์ครับ
    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
    1.ผู้ที่เชื่อโดยไม่คิด นั้นอันตราย
    2.ผู้ที่เชื่อแล้วนำไปตรึกตรอง ทดลอง นั้นประเสริฐ และ
    3.ผู้ที่ไม่เชื่อเลยนั้นก็อันตราย ครับ
    โมทนาสาธุ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2011
  9. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ตอบ : การตัดกรรมไม่มีในพระพุทธศาสนา ยกเว้นอย่างเดียว คือ อโหสิกรรม คือ การที่โจทก์และจำเลยมาตกลงกัน ว่าจะเลิกแล้วต่อกัน ถ้าหากว่าต่างฝ่ายต่างรับรู้ ออกปากยินดียกโทษให้ ก็เป็นอันว่าจบกันไป

    เห็นด้วยครับ อาจารผมก็บอกมาเเบบนี้ กรรมตัดไม่ได้ เเต่สัญญากรรมตัดได้
    เรื่องเเบบนี้เป็นไปได้ เเต่น้อยคนที่จะรู้ที่จะทำได้ คือผู้ทำต้องเป็นผู้มีอภิญญาระดับนึงล่ะ
    เเล้วก็เรียกเจ้ากรรมนายเวรของคนที่ต้องการให้ช่วยมาคุย เเล้วตกลงกันว่า
    จะให้ทำอะไรให้ถึงยอมอโหสิกรรม ยอมตัดสัญญากรรมกัน เรื่องก็เป็นอันจบ



    ปล.ผมไม่เกี่ยวกับคห.บนนะ
     
  10. HOPE FROM MY HEART

    HOPE FROM MY HEART สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +10
    อนุโมทนา สาธุ เข้าใจ แล้วค่ะ ตอนนี้ผู้คน หาที่พึ่ง ทางใจ ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร แต่ก็ อุบายว่า เพื่อให้คนที่อยากหมด พ้น จากเคราะห์กรรม เร่ง ทำแต่คุณงามความดี อยู่ในศิล สมาธิ และบำรุงพระพุทธศาสนา แค่ใช้วิจรณญาณ ที่สมเหตุ สมผล เมื่อหมดเวร กรรมใดๆๆก็แล้วแต่ที่กำลังรุมเล้า ปัญหามากมายเพราะ เคราะห์กรรมตามเล่นงานอยู่ เมื่อหมดแล้ว ความดี และผลบุญต่างที่ทำก็จะสำฤทธิ อย่างแน่นอนค่ะ
     
  11. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Anumo...tana...satu..naka.
     
  12. เทพกามาวจร

    เทพกามาวจร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    งั้น....บุคคลใด มีกรรมเป็นของๆตน

    งั้น คำสอน จาก พระพุทธองค์ที่ว่า บุคคลใด มีกรรมเป็นของๆตน ไม่อาจะจะหลีกเลี่ยงกรรมนั้นได้ ก็ผิดสิครับ

    ชาติ - ชรา - มรณะ- เป็น วัฎฎสงสาร ใครก้อหลีกไม่ได้

    และยิ่งหากท่านบอกว่า ท่านเจ้าคุณ บัว (หลวงตามหาบัว) ละสังขาร เพื่อชาวโลก ก็คงไม่ใช่ครับ ( ตามคำบอกของ บางท่าน )

    งั้น พระพุทธองค์ ละสังขาร เพื่ออะไร เพื่อให้เห็น วัฎฎสงสารครับ ไม่ใช่ เพื่อให้ โลกอยู่ได้

    ศรัทธา และ ความเชื่อ คือ ตัวเดียวกัน ความหมายอันเดียวกัน แต่........

    ท่านควรยึดหลักพิจารณาของ พระตถาคต ครับว่า

    สิ่งใด.......ที่ไม่ขัดกับ พระธรรม และไม่ขัดกับ พระวินัย สิ่งนั้นเป็น ธรรม ของพระตถาคต

    สิ่งใดที่.......... ไปหาต่อเอาเอง

    และยึดหลักความเชื่อ 10 ประการไว้ด้วยครับ ไปหาอ่านเอาเองนะครับ จะได้ กว้างไกลกว่านี้ครับ

    พระพุทธองค์ สอนเช่นนั้น สาวก อย่างเราๆ ไม่ควรจะมาอ้าง หรือ เปลี่ยนแปลงเอง โดยยก เอาเหตุการณ์ใด มาอ้าง เพื่อ สรรเสริญ เยินยอ สาวกของท่าน โดย มองข้ามสิ่งที่ท่านสอนมากว่า 2554 ปี ครับ

    ถึงยังไง สาวก ก้อคือ สาวกครับ ไม่อาจ มาล้างคำสอนของ ศาสดาได้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2011
  13. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    การตัดกรรมไม่มีในพระพุทธศาสนา ยกเว้นอย่างเดียว คือ อโหสิกรรม
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  14. เทพกามาวจร

    เทพกามาวจร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    กรรม บางอย่าง ไม่อาจจะ.....

    กรรมบางอย่างไม่อาจจะอโหสิกรรมได้ หรือ แม้เจ้าทุกข์ จะอโหสิกรรม แต่ กฎแห่งกรรม ย่อมตามสนองครับ เช่น

    กรรมหนัก เป็นต้น........

     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    พิธีสะเดาะเคราะห์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    พิธีสะเดาะเคราะห์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    คำว่า เคราะห์กรรม เป็นวิธีเรียกของพรหมณ์ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า กฏของกรรม
    คณาจารย์ต่างๆ เรียกไม่เหมือนกันแต่ผลมันเหมือนกัน นั่นคือ ความทุกข์
    ถ้าอยากทราบว่า ความทุกข์มาจากไหน ก็จะเล่าให้ฟัง

    ประการแรก การป่วยไข้ไม่สบายทางร่างกาย มาจากกรรมปาณาติบาต การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

    ประการที่ ๒ ความทุกข์เกิดจากไฟไหม้บ้าง ขโมยปล้น ขโมยจี้ ลมพัดให้บ้านพัง น้ำท่วม
    มาจากโทษอทินนาทาน การลักขโมยของเขาจากชาติก่อน

    ประการที่ ๓ เคราะห์กรรมที่ทำให้คนใต้บังคับบัญชาดื้อด้าน ว่ายากสอนยากไม่เชื่อฟัง
    มาจากโทษกาเมสุมิจฉาจาร เจ้าชู้จัดในชาติก่อน

    ประการที่ ๔ เราพูดดีแต่คนอื่นไม่ชอบฟัง ไม่เชื่อฟัง มาจากโทษมุสาวาทจากชาติก่อน

    ประการที่ ๕ การเป็นโรคปวดหัวบ่อยๆ หรือโรคประสาทก็ดี เป็นบ้าก็ดี
    เป็นโทษมาจากกฏของกรรม คือ ดื่มสุราเมรัย ในชาติก่อน อันนี้เป็นหลักหยาบๆ หลักใหญ่นะ

    อย่างคนตาบอด ในสมัยชาติก่อน เขาทำบุญเห็นแล้ว แกล้งทำเป็นไม่เห็น

    อย่างคนหูหนวก เขาทำบุญสุนทาน เขาฟังเทศน์ฟังธรรมกันแกล้งส่งเสียงกลบ
    เขาฟังเทศน์ฟังธรรม เขาคุยกันด้วยความเคารพในธรรม เราแกล้งส่งเสียงกลบ
    เกิดเป็นคนหูหนวก ๕๐๐ ชาติอย่างนี้เป็นต้น

    ก็รวมความว่า ขึ้นชื่อว่า เคราะห์กรรม คือ กฏของกรรมเก่าของเราในชาติก่อน
    คนทุกคนที่เกิดมานี้ที่ไม่มีกรรมเก่า ที่กรรมไม่ดี ไม่มีนะ ไม่เคยทำบาปนี้ไม่มี...

    ทีนี้คำว่า สะเดาะเคราะห์ หมายความว่า ทำให้เคราะห์หมด
    คำว่า สะเดาะเคราะห์ไม่มีศัพย์ในทางพระพุทธศาสนา เป็นศัพย์ของคณาจารย์ต่างๆ
    ในทางพระพุทธศาสนาไม่มี ในเมื่อไม่มี ทำไมวัดท่าซุงจีงบอกว่า สะเดาะเคราะห์
    ก็เลยบอกว่าพูดตามเขา ทีนี้การทำคราวนี้ไม่ใช่สะเดาะเคราะห์ เป็นการสร้างความดี
    ความโชคดีให้เกิดขึ้น คือ หมายความว่าทำบุญให้มีกำลังสูง


    คำว่า เคราะห์ คือ บาป เราล้างไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าทำความดีให้มีกำลังสูงกว่า
    คำว่า เคราะห์จะเปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับคนยืนอยู่กลางแดดจัดๆ
    เวลานี้อยู่ในร่มมันก็ร้อน ถ้ายืนกลางแดดมันก็ร้อน ถ้าทำบุญน้อยๆ ก็เหมือนกับมีร่มเล็กๆ
    ไปกางบังอยู่มันก็เย็นไปหน่อยหนึ่ง ทำบุญที่มีอานิสงส์มากๆ ก็เหมือนกับมีคนเอาน้ำไปราดให้
    ก็มีความเย็น ถ้าทำ บุญที่มีกำลังสูงใหญ่อย่างเราเจริญกรรมฐาน เหมือนกับเราแช่ในอ่างน้ำ
    ถึงเราจะอยู่กลางแจ้ง กลางแดด ความร้อนมันก็น้อยไป
    ข้อนี้ฉันใด การสะเดาะเคราะห์ก็เหมือนกัน การสะเดาะเคราะห์ไม่ได้ทำให้หมดไป

    ตัวอย่าง : ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่
    ในครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระบรมครูทางเทศน์เรื่อง กายคตานุสสติกรรมฐาน
    กับ อสุภกรรมฐาน สองอย่าง
    คำว่า กายคตานุสสติกรรมฐาน หมายถึงการพิจารณาร่างกายของตนเอง ...
    อสุภกรรมฐาน ให้เห็นว่าร่างกายทุกคนเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครกทั้งหมด
    พระ ๖๐ องค์เศษๆ ฟังแล้วพิจารณาตามเกิดความสลดใจเห็นว่าร่างกายของคน
    มีความสกปรกมาก มีความเบื่อหน่าย หลังจากเทศน์จบองค์สมเด็จพระจอมไตร
    ทรงบอกว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฉันจะเข้าไปอยู่ในถ้ำ ๑๕ วัน
    ขณะที่อยู่ในถ้ำ ๑๕ วันห้ามมิให้คนอื่นเข้าพบ นอกจากพระที่ส่งอาหาร

    บรรดาพระ ๖๐ องค์เศษๆ เหล่านั้น เมื่อฟังเทศน์จบก็พิจารณาร่างกายว่ามันสกปรก
    มีความรังเกียจร่างกายมาก ท่านเปรียบเทียบบอกว่า เหมือนหนุ่มสาวที่อาบน้ำใหม่ๆ แต่งตัวสวยๆ
    แล้วมีคนเอางูเน่ามาคล้องคอ หรือเอาสุนัขเน่ามาแบกที่บ่าหรือใส่ที่บ่า มีความรังเกียจขนาดนั้น
    ในที่สุดก็ฆ่าตัวตายเองบ้าง จ้างคนอื่นฆ่าบ้าง พอครบ ๑๕ วันพระพุทธเจ้าก็ออกจากถ้ำ
    ก็มีพระถามว่า การที่พระองค์ทรงเทศน์ กายคตานุสสติ อสุภกรรมฐาน ทั้งสองอย่าง
    ทรงทราบหรือไม่ว่าพระ ๖๐ องค์เศษๆ จะฆ่าตัวตาย หรือจ้างคนอื่นฆ่าตัวตาย
    พระพุทธเจ้าบอกว่าทราบ ในเมื่อทรงทราบพระก็ถามว่า ทำไมจึงเทศน์ทั้งที่ทราบว่าเขาจะฆ่าตัวตาย
    พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า ขึ้นชื่อ กฏของกรรม ไม่มีใครหนีพ้น จะเทศน์อย่างนั้นหรือไม่เทศน์ก็ตาม
    เขาก็ต้องฆ่าตัวตาย หรือจ้างคนอื่นฆ่าตัวตาย เพราะกฏของกรรมเดิม
    กรรมเดิมที่พระพวกนี้เคยเป็นพรานฆ่าเนื้อ ฆ่าสัตว์มาก่อน มันติดตามมาทัน เขาต้องตายแบบนั้น

    ฉะนั้นก่อนจะตาย ตถาคตจึงเทศน์กายคตานุสสติกรรมฐาน อสุภกรรมฐานสองอย่างรวมกัน
    ให้เขาพิจารณาเบื่อในร่างกาย ในเมื่อเขาตาย เขาไปนิพพานไม่ดีกว่าหรือ

    ทีนี้การทำคราวนี้ ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทำลายให้เคราะห์หมดไป การทำลายเคราะห์ คือ บาป
    ทำลายไม่ได้โยม แต่ว่าเราทำบุญให้มีกำลังสูงขึ้น อย่างญาติพุทธบริษัทที่มานั่งที่นี่ทุกคน
    ไม่ใช่มีแต่เคราะห์ โชคก็มี คือชาติก่อนมีทั้งความดีมีทั้งความชั่ว มีทั้งบุญและบาป
    ขณะใดที่มีการป่วยไข้ไม่สบาย นั่นคือผลของบาปเข้าสนอง
    แต่ว่าทุกคนมีทรัพย์สินอยู่ได้เพราะผลของทาน ทานการให้ในชาติก่อน ทำให้คนมีทรัพย์สิน
    แต่การมีทรัพย์สินทำไมจึงไม่เสมอกัน อย่างทานที่มีกำลังสูงสุดในด้านวัตถุก็คือ วิหารทาน
    เป็นทานที่มีกำลังสูงมาก ทานที่รองลงมาก็คือ สังฆทาน สังฆทานนี่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เคยถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต
    ตายแล้วเกิดกี่ชาติก็ตาม ถ้ายังไม่เข้าพระนิพพานเพียงใด จะไม่พบกับความยากจนเข็ญใจ
    จะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีทุกชาติ ทีนี้คนที่เขาเป็นเศรษฐมหาเศรษฐีเพราะว่า
    เขาเคยถวายสังฆทานในกาลก่อน อันนี้เป็นผลอันหนึ่งที่เราจะทำ เพื่อเป็นการหลีกเร้นกฏของกรรม
    คือ บาป บาปถึงแม้มันจะกลั่นแกล้งขนาดไหนก็ตาม แต่เรามีกำลังบุญสูง คือคล้ายๆ กับสุนัขไล่กัด
    ถ้าเราวิ่งเร็วมันก็กัดไม่ทัน ถึงกัดทันก็กัดไม่ถนัด


    ประการที่สอง ต่อนี้ไปจะให้ญาติโยมทั้งหลายรับศีล การสมาทานศีลมีอานิสงส์ ๓ อย่างคือ

    ๑. สีเลนะ สุคะติง ยันติ คนที่มีศีลอยู่แล้ว เวลามีชีวิตอยู่ก็มีความเป็นปกติสุข
    ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้ามีความสุข

    ๒. สีเลนะ โภคะสัมปะทา ในขณะที่มีชีวิตอยู่เรามีศีลบริสุทธิ์ ทรัพย์สินก็ไม่เปลือง
    ก็มีการเป็นอยู่ดีในการครองทรัพย์สิน ตายไปก็ร่ำรวยมาก

    ๓. สีเลนะ นิพพุติง ยันติ คนที่รักษาศีลได้ดี จะไปนิพพานได้โดยง่าย

    นี่คืออานิสงส์ของศีล หลังจากนั้นไปจะให้ญาติโยมพุทธบริษัท เจริญวิปัสสนา คือเจริญกรรมฐาน
    ใช้กำลังพุทธานุสติกรรมฐานเป็นกำลัง นี่เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา
    บุญในพระพุทธศาสนามี ๓ ชั้น คือ ทาน ศีล ภาวนา ภาวนานี่เป็นบุญใหญ่ที่สุด
    จะให้ญาติโยมภาวนาว่า พุทโธ เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ
    ใช้เวลา ๑๐ นาที จงอย่านึกว่าแค่ ๑๐ นาที จะมีบุญน้อย ความจริงไม่ใช่น้อย มีกำลังมากเหลือเกิน
    การนึกถึงพระพุทธเจ้าอย่าง มัฏฐกุลฑลีเทพบุตร หรือ สุปติฏฐิตเทพบุตร ซึ่งเขาไม่เคยนับถือพระพุทธเจ้า
    เขานึกถึงท่านอยากให้ท่านมารักษาโรคให้หาย เพียงเท่านี้ไม่ได้เคารพอย่างเรา
    เขาตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาบน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก
    แต่นี่เรา เจริญพระกรรมฐาน นึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยอารมณ์ของความเคารพจริงๆ
    อานิสงส์มากไปกว่านั้น ปรารถนานิพพานในชาตินี้ยังได้

    หลังจากนั้นจะมีพระเจริญพระอภิธรรม สวดอภิธรรมมาติกา คำว่า มาติกา
    เขาสวดสำหรับคนตาย และพวกเราตายแล้วหรือยัง แต่ความจริงเขาไม่ได้สวดเพื่อคนตาย
    คนตายไม่ได้ฟัง เขาสวดให้คนที่ยังไม่ตายฟัง เพราะบทมาติกานี่อานิสงส์มาก
    เพียงแค่รับฟังอย่างไม่รู้เรื่อง อย่างค้างคาว ๕๐๐ ตัว ฟังสวดอภิธรรมเพียงแค่เพลิดเพลิน
    ไม่ทราบผู้สวดเป็นพระ ไม่ทราบว่าธรรมที่สวดเป็นธรรมะ เพลินไป
    ผลที่สุดเท้าก็หลุดจากที่เกาะหล่นลงมาตายทั้ง ๕๐๐ ตัว
    หลังจากตายจากความเป็นค้างคาวแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก
    ในเมื่อพระพุทะเจ้าองค์นี้มาตรัส เขาเกิดเป็นลูกชาวประมง ในที่สุดเขาก็ฟังอภิธรรม
    เพียงแค่จบเดียวโดยย่อ ก็บรรลุพระอรหันต์ทั้งหมด นี่แค่สัตว์เดรัจฉานนะเขาไม่รู้เรื่อง
    ยังมีอานิสงส์อย่างนี้ ฟังแล้วชาติเดียวเกิดเป็นเทวดาและหลังจากนั้นมาก็เป็นพระอรหันต์

    ท่านทั้งหลายฟังแล้วด้วยความเคารพ รู้ว่าท่านผู้สวดเป็นพระ คำสวดเป็นธรรมะ
    ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนและฟังด้วยความตั้งใจจริงอย่างนี้ ถ้าปรารถนิพพานชาตินี้ยังได้
    ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไปเกิดเป็นเทวดานางฟ้าหรือพรหม เวลานั้นก็เจอะพระศรีอาริยเมตตรัย
    ฟังเทศน์จากพระศรีอาริย์จบเดียวก็ป็นพระอรหันต์ นี่เป็นของไม่ยาก ง่ายๆ นะ
    ตั้งใจให้ดีนะหลังจากนั้นพิธีสะเดาะเคราะห์จะเกิดขึ้นนั่นคือว่าจะให้ พระบังสกุลตาย

    ตอนที่ พระบังกุลตาย ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ให้ตั้งใจคิดว่า
    เวลานี้ขอผลของความชั่วทั้งหมดบาปกรรมที่ทำมาแล้วจาก... (การละเมิดศีล ๕)...
    ที่ทำให้จิตใจเรามีความทุกข์ มีความเร่าร้อน ให้มันสลายตัวไป พร้อมกับคำบังสกุลตายของพระ

    หลังจากนั้นพระจะ บังสกุลเป็น ตอนนั้นบรรดาพุทธบริษัท ก็ตั้งใจคิดว่า
    เวลานี้เราเกิดใหม่พร้อมความดี คือ

    ๑. ศีลที่เราสมาทานแล้ว

    ๒. สังฆทานที่เราทำแล้วมีอานิสงส์ใหญ่

    ๓. การภาวนาซึ่งเราทำแล้ว

    ๔. วันนี้บวชเณร ๘๕ องค์ บวชชีพราหมณ์ ๖๐ องค์เศษๆ คนทั้งหมดที่บวช
    เป็นนักเรียนโรงเรียนสุธรรมยานเถระวิทยา เป็นนักเรียนที่ได้สมาบัติ คือได้ฌานโลกีย์ทั้งหมด
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาบัติขั้นอภิญญา เขาสามารถไปเที่ยวสวรรค์ นรกได้
    เพราะโรงเรียนนี้มีกฏบังคับ เด็กที่เข้าโรงเรียนนี้ ต้องเจริญกรรมฐานก่อน
    ต้องสอบกันก่อนว่าเที่ยวสวรรค์นรกได้หรือเปล่า ระลึกชาติได้หรือเปล่า
    ถ้าทำไม่ได้เข้าโรงเรียนนี้ไม่ได้ เมื่อเข้ามาได้แล้วก็มีการซักซ้อมทุกอาทิตย์
    เป็นอันว่าเณรและชีพวกนี้เป็นผู้ทรงฌาน เป็นผู้ปฏิบัติตนเพื่อพระโสดาปัตติมรรค
    ทำบุญมีอานิสงส์มาก

    ฉะนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าต้องการทำบุญให้มากขึ้น
    เวลาเลิกแล้วก็เอาสตางค์มาใส่ขัน ตั้งใจบวชเณรบวชชี
    มากก็ได้น้อยก็ได้ ๕ สตางค์ก็ได้ ๑๐ สตางค์ก็ได้ สลึงก็ได้
    บาทก็ได้ ตามชอบใจ ตามที่จะพึงทำได้ ให้ตั้งใจคิดว่า
    เวลานี้เราบวชเณรบวชชี

    สำหรับการบวชเณรนี่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ถ้าเป็นพ่อแม่ของเณร
    ถ้าลูกบวชหนึ่งองค์ เขาจะมีอานิสงส์เกิดเป็นเทวดานางฟ้า หรือเป็นพรหม
    ได้คนละ ๑๕ กัป ลูกชายได้ ๓๐ กัป ญาติโยมที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเณร
    จะได้อานิสงส์คนละ ๔ กัป ทีนี้มัน ๘๕ องค์นี่ เอา ๔ คูณ ๘๕ เข้าได้เท่าไหร่
    ก็รวมความว่าก็ได้ ๓๐๐ กัปกว่า ถ้าเราตายจากชาตินี้เป็นเทวดาหรือพรหม
    ก็สามารถเป็นเทวดาหรือพรหม อยู่ได้ถึง ๓๔๐ กัป
    ในเมื่อท่านทั้งหลายมีบุญขนาดนี้ก็อยู่ไม่ถึง ๓๐๐ กัป ไปนิพพานแน่
    ก็เป็นอันว่ามีความดีใหญ่

    (จากหนังสือสมบัติพ่อให้หน้า ๒๔๓ -๒๔๘)

    ที่มา
    http://palungjit.org/threads/พิธีสะเดาะเคราะห์-หลวงพ่อฤาษี-วัดท่าซุง.307212/
     
  16. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +1,782
    ขออนุโมทนาในทุกหัวข้อ แต่....
    "ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม"
     
  17. ซน

    ซน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +91
    ถูกครับ.......

    ไม่มีใครใหญ่ เกินกรรม ทุกคนต้องตาย ตายแล้วก้อเกิด เกิดแล้วก้อตาย แม้จะ สำเร็จ พระอรหันต์ ก้อยังตาย และก้อเกิด ใครว่าไม่เกิด ขอ..ยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน ว่าเกิด

    เกิดในอีกภพภุมิไง ใน พุทธเกษมของมหายาน หรือ ในแดนนิพพานของ เถรวาท ไงท่าน ทั้งหลาย

    *** อรหันต์ ปลายปากกา เกิดขึ้นง่าย ตายยาก ***


     
  18. มหนฺตยศฺ

    มหนฺตยศฺ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +112
    แย่แน่ ถ้ามัวมาจ้องจับผิดที่คำพูดผู้อื่นโดยใช้ความรู้ไม่เต็มที่ รู้ทั้งรู้ว่ากรรมมันมีหลายประเภทซึ่งบางครั้งมันเกินความสามารถของเราก็ควรรับฟังบ้างไม่ใช่เถียงตะพึด อโหสิกรรมเป็นสิ่งเดียวที่หั่นขาดกรรม ส่วนที่หลายสำนักที่เขาว่าแก้กรรมก็คือแก้สถานการณ์อาจจะให้ทำบุญนู่นนี่นั่น สวดมนต์บ้างก็คือการหนุนกรรมดีให้เพิ่มเพื่อหนีห่างกรรมไม่ดี เพราะกรรมมีอำนาจเราจึงได้สร้างกรรมดี ส่วนการเรียกว่าแก้มันเข้าใจง่ายแก้ตรงไหนก็คือแก้ที่ใจพอเมื่อเราได้ยินท่านนักปฏิบัติแนะนำวิธีการต่างๆเราก็เข้าใจว่าท่านแก้แลัวใจก็คลายกังวล มันน่าจะหมายถึงอะไรประมาณนี้ แก้สัญญาที่ใจของเรา ผมยังอธิบายไม่ครอบคลุมต้องขออภัยเพราะเรื่องกรรมมันไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเข้าใจได้ง่ายแต่ความรู้พื้นฐานคือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เรียนรู้ธรรมะต้องเน้นทำความเข้าใจไม่ใช่เจาะจงไปที่ภาษา สำนวน สำเนียงเพียงเท่านั้น
     
  19. ฉัตรชัย พรหมแก

    ฉัตรชัย พรหมแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +590

    อนุโมทามิ ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...