พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ao.angsila [​IMG]
    ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างพระบรมธาตุ(ทันใจ) เสร็จเร็วภายใน 3 เดือน) พระประธาน พระประจำวัน พระสาวก ระฆังประจำวัน พระยานาค ศาลา ฯ ณ เจดีย์ไตรภพไตรมงคล(ไม่ได้สร้างเพื่อพระอาทิยต์ ไม่ได้สร้างเพื่อพระจันทร์ แต่สร้างเพื่อพระศาสนามอบให้ประเทศชาติ) อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ลงรูป พระเจดีย์ไตรภพไตรมงคล ภาคจบ

    ข้าพเจ้าขออารธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด และบุญที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำถวายพระฯ เป็นพุทธบูชา จงเป็นปัจจัยให้ชาติมีความสงบสุขมั่งคง ศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นในประเทศไทย พระมหากษัติย์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรต่อปวงประชาตลอดกาล<!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
    โมทนาด้วยครับ สาธุ
     
  2. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    โมทนาด้วยครับ สาธุ
     
  3. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    เอตทัคคะ หมวด ภิกษุณี

    1. พระมหาปชาบดีเถรีเอตทัคคะในฝ่ายผู้รัตตัญญู
    เป็นทั้งพระน้านางและพระมารดาเลี้ยง /ขอบวชแต่ผิดหวัง / พระอานนท์ช่วยกราบทูลจึงได้บวช
    2. พระเขมาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีปัญญา
    หลงอุบายถูกหลอกให้ไปวัด /พระอรหันต์ฆราวาสเป็นได้ไม่นาน<O:p></O:p>
    3. พระอุบลวรรณาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีฤทธิ์
    เพราะสวยบาดใจจึงต้องให้บวช / บวชแล้วยังถูกข่มขืน /พระขีณาสพเหมือนไม้แห้งไม้ผุ /
    ห้ามภิกษุณีอยู่ป่า<O:p></O:p>
    4. พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงพระวินัย
    ดอกฟ้าได้ยาจก / คลอดลูกกลางทาง / สามีถูกงูกัดตาย /
    หัวใจสลายเพราะสูญเสียลูกน้อยทั้งสอง / ทราบข่าวตายของบิดามารดาถึงกับเสียสติ /หายบ้าแล้วได้บวช<O:p></O:p>
    5. พระนันทาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้เพ่งด้วยฌาน
    เพราะรักญาติจึงออกบวช / พอเบื่อหน่ายก็ได้สำเร็จ<O:p></O:p>
    6. พระธรรมทินนาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้เป็นธรรมกถึก
    ถูกสามีตัดเยื่อใยจึงออกบวช / ถูกอดีตสามีลองภูมิ /เป็นผู้เลิศทางทรงธรรม<O:p></O:p>
    7. พระโสณาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ปรารภความเพียร
    จากเศรษฐีเป็นอนาถา / ไร้ที่พึ่งพาจึงออกบวช /พอสำเร็จอรหันต์ก็แสดงอภินิหาริย์ /
    ได้รับยกย่องว่าเลิศทางความเพียร<O:p></O:p>
    8. พระสกุลาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีทิพยจักษุ
    ออกบวชเพราะเบื่อโลก /ได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศทางทิพยจักษ<O:p></O:p>
    9. พระภัททากุณฑลเกสาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ตรัสรู้เร็วพลัน
    ลูกปุโรหิตเกิดฤกษ์โจร / ดอกฟ้าในมือโจร /สันดานโจรไม่เจือจาง /
    ปัญญามิได้มีไว้เพื่อต้มแกงกิน / โจรชั่วสิ้นชีพ /ถอนผมบวชเป็นเดียรถีย์ /
    โต้วาทีกับพระสารีบุตร / ขอบวชในพุทธศาสนา<O:p></O:p>
    10. พระภัททกาปิลานีเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
    ไม่ทำบาปแต่ต้องคอยรับบาป /บวชในสำนักปริพาชก<O:p></O:p>
    11. พระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงอภิญญา
    พอประสูติโอรสพระสวามีก็หนีบวช /บวชตามพระสวามีและโอรส<O:p></O:p>
    12. พระกีสาโคตมีเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง
    เงินทองของเศรษฐีกลายเป็นถ่าน /ถ่านกลับเป็นเงินทองตามเดิม / อุ้มศพลูกหาหมอรักษา
    / พระศาสดาบอกยาให้<O:p></O:p>
    13. พระสิงคาลมาตาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้พ้นกิเลสด้วยศรัทธา
    สิงคาลกุมารไหว้ทิศ ๖ / สิงคาลมาตาออกบวช<O:p></O:p>
     
  4. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ความหมายภิกษุณีและประวัติความเป็นมา

    ภิกษุณี

    ความหมาย
    ภิกษุณี คือ หญิงที่ได้อุปสมบทแล้ว, พระผู้หญิงในพระพุทธศาสนา
    ความเป็นมา
    ภิกษุณี เกิดขึ้นในพรรษาที่ ๕แห่งการบำเพ็ญพุทธกิจ โดยมีพระมหาปชาบดีโคตรมี
    พระมาตุจฉาซึ่งเป็นพระมารดาเลี้ยงของเจ้าชายสิทธัตถะ เป็นพระภิกษุณีรูปแรกดังเรื่องปรากฏ
    ในภิกษุณีขันธกะและอรรถกถาสรุปได้ความว่า
    หลังจากพระเจ้าสุทโธทนะ ปรินิพพานแล้ววันหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่
    นิโครธาราม ในเมืองกบิลพัสดุ์พระนางมหาปชาบดีโคตรมี เสด็จเข้าไปเฝ้าและทูลขออนุญาต
    ให้สตรีสละเรือนออกบวชในพระธรรมวินัย แต่การณ์นั้นมิใช่ง่ายพระพุทธเจ้าตรัสห้ามเสียถึง
    ๓ ครั้ง
    ต่อมาพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังเมืองเวสาลีประทับที่กูฎาคารศาลาในป่ามหาวัน
    พระนางมหาปชาบดีโคตรมี ไม่ละความพยายามถึงกับปลงผม นุ่งห่มผ้ากาสาวะเอง ออกเดิน
    ทางพร้อมด้วยเจ้าหญิงศากยะจำนวนมาก (อรรถกถาว่า ๕๐๐ นาง)ไปยังเมืองเวสาลีและได้มายืน
    กันแสงอยู่ที่ซุ่มประตูนอกกูฏาคารศาลาพระบาทบวมพระวรกายเปรอะเปื้อนธุลี
    พระอานนท์มาพบเข้า สอบถามทราบความแล้วรับช่วยไปกราบทูลขออนุญาตให้แต่เมื่อ
    พระอานนท์กราบทูลต่อพระพุทธเจ้าก็ถูกพระองค์ตรัสห้ามเสียถึง ๓ครั้ง
    ในที่สุด พระอานนท์เปลี่ยนวิธีใหม่ โดยกราบทูลถามว่า
     
  5. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    04 อานิสงส์ถวายปราสาทผึ้ง

    .....ในกาลครั้งหนึ่งนั้นองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่กรุงสาวัตถีเป็นที่โคจร
    บิณฑบาตพระองค์ประทับอยู่ในบุพพารามวิหารทรงขวนขวายแต่ที่จะรื้อเวไนยสัพพะสัตว์ทั้งปวงให้
    ออกจากสังสารวัฎตรัสพระสัทธรรมเทศนาโปรดสัตว์ ให้ได้มรรคสี่ ผลสี่ประดิษฐานในพระนิพพาน
    อันเกษมสุขนิราศภัย
    .....ในกาลครั้งนั้น ยังปัสเสนะทิโกสะโลราชาอยู่มาในวันเพ็ญแห่งเดือนสามบรม
    กษัตริย์ก็ตรัสสั่งให้เสวกามาตย์สร้างปราสาทผึ้งแล้วเสนามาตย์ก็จัดแจงสร้างตามรับสั่งเสร็จแล้ว
    สมเด็จพระเจ้าปัสเสนทิโกศลราชบพิตรก็เอานักสนม นางกำนัลในบรรพษัททั้งหลายมีพราหมณ์
    คหบดีเป็นต้นก็แห่แวดล้อมปราสาทดอกผึ้งเสด็จออกไปจากกรุงสาวัตถี ณเวลาเช้าไปสู่บุพพาราม
    วิหาร อันเป็นสำนักองค์สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคถวายบูชาธุปประทีปดอกไม้คันธะรสของหอมแล้ว
    ก็ถวายมธุปุปผํปาสาทํยังปราสาทดอกผึ้งแล้วก็สถิตอยู่ในที่ควรข้างหนึ่งแล้วจึงกราบทูลว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2007
  6. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    05 อานิสงส์ถวายต้นกัลปพฤกษ์

    .....สมัยนั้นพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ ณเชตะวันมหาวิหารในกรุงสาวัตถี ในทางที่โคจร
    บิณฑบาตนั้นมีกะฏุมพีผู้หนึ่งชื่อว่า ติสสมาณพ เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสพร้อมกับภรรยาของตนช่วยกันทำ
    ต้นกัลปพฤกษ์และมีบริขาร ๘ ประการเป็นต้นว่ามีสบงจีวรและของควรเคี้ยวควรฉัน นำมาแขวนห้อย
    ไว้ตามต้นผ้ากัลปพฤกษ์ นั้นแล้วนำไปถวายแก่องค์สมเด็จพระศาสดา แล้วก็กราบทูลถามว่า
    ภนฺเต ภควาข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าบุคคลทั้งหลายที่มีจิตใจเลื่อมใสศรัทธามาสร้างต้นกัลปพฤกษ์
    ถวายบูชาแก่พระพุทธเจ้ามีอานิสงส์เป็นอย่างไรบ้าง พระพุทธเจ้าข้า
    ..... องค์สมเด็จพระมุนีนาถพระศาสดาจึงทรงตรัสพระธรรมเทศนาว่าดูกรติสสะบุคคลทั้งหลายผู้ใด
    มีใจศรัทธามาก่อสร้างกัปปรุกขังยังต้นกัลปพฤกษ์ ถวายบูชาคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการนี้แล้ว
    จะเป็นผู้มีอานิสงส์มากึง ๑๖ กัล์ป และบุคคลผู้กระทำนั้นครั้นสิ้นชีพไปแล้วก็จะไปเกิดบนสวรรค์
    ครั้นจุติจากสวรรค์แล้วก็จะมาเกิดในมนุษย์โลกนี้จะครองสมบัติพระจักรพรรดิราชในบ้านน้อยเมืองใหญ่
    ถึง ๒๘ชาติ ครั้นเมื่อ ติสสมาณพกับภรรยา ได้ฟังพระธรรมเทศนาอานิสงส์อย่างนี้จบลงแล้ว
    ก็เกิดโสมนัสยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้วกราบทูลลาต่อองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ากลับไปสู่บ้านเรือนของตน
    ครั้นติสสะมาณพอยู่จนสิ้นอายุตายแล้วก็ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนดาวดึงส์เทวโลกสถานมีวิมานสูง
    ๗ โยชน์มีนางอัปสรหนึ่งหมื่นเป็นบริวาร ก็ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายต้นกัลปพฤกษ์มีบริขาร ๘ประการ
    ดั้งนี้เป็นต้น<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2007
  7. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    06 อานิสงส์ถวายอัฏฐะบริขาร

    .....ในกาลครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จอาศัยกรุงสาวัตถีอันเป็นที่
    โคจรบิณฑบาต เสด็จประทับอยู่ในบุพพารามวิหาร ณป่าเชตวันในกาลครั้งหนึ่งมีมหาเศรษฐีผู้หนึ่งอยู่
    ในบ้านสถาน ชื่อว่าหะโตสะเศรษฐีปลูกโรงมณฑปไว้หน้าเรือนของตน และทำสร้างแปลงอัฏฐะ
    บริหาร ๘ประการเป็นต้นว่า ผ้าจีวร สบง สังฆาฏิ บาตรและผ้ากรองน้ำ คิลานเภสัช และขวานสิ่ว
    เสื่อสาดอาสนะ ครบเครื่องอัฏฐะ แล้วทำการมหรสพอันยิ่งใหญ่ประจบครบ ๗ วันแล้วจึงนำกอง
    อัฏฐะเข้าไปสู่ป่าเชตวัน ณบุพพรามวิหารอันเป็นที่ประทับแห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ถวายบิณฑบาต
    และอัฏฐะแก่พระพุทธองค์กับทั้งพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปเสร็จจากการภัตตากิจแล้วก็กราบทูลถามถึง
    องค์ผู้เจริญอันบุคคลที่มีจิตศรัทธาประสันนาการ มาสร้างอัฏฐะ บริขาร ๘ ประการให้เป็นทานจะได้
    อานิสงส์อย่างไรพระเจ้าข้า
    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเทศนาว่าดูกรเศรษฐีบุคคลใดที่มีใจ
    ศรัทธาเลื่อมใสมาก่อสร้างบริการ ๘ ประการถวายเป็นทานก็จะได้อานิสงส์ ๓๖ กัล์ป บุคคลผู้นั้นจะไม่
    ไปสู่อบายภูมิได้ ๑๐๐ชาติ จะได้เสวยสมบัติในชั้นสวรรค์ภายหลังจะได้พระนิพพานสมบัติ อันสิ้นภพ
    สิ้นชาติสิ้นทุกข์สิ้นภัยไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารการถวายทานด้วยเครื่องอัฏฐะบริขารนี้เป็น
    เยี่ยงอย่างประเพณีแห่งพระบรมโพธิสัตว์สืบๆ กันมา พระพุทธองค์จึงนำอดีตนิทานมาเทศนาว่า
    ดูกรเศรษฐีในอดีตกาลล่วงมาแล้วในครั้งพระบรมโพธิสัตว์บำเพ็ญพระบารมีบริบูรณ์ ได้ตรัสรู้
    ปรมาภิเษกสัมโพธิญาณทรงพระนามว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาโปรดเวไนยบรรพ
    สัตว์ให้ตั้งอยู่ในทางสวรรค์และทางนิพพานครั้งนั้นยังมีบุรุษเข็ญใจเลี้ยงชีวิตด้วยความลำบากไปเที่ยว
    เก็บผักหักฟืนมาขายเลี้ยงชีวิตอยู่มาวันหนึ่งไปเห็นพระปัจเจกโพธิองค์หนึ่งอยู่ในป่า ก็มีจิตศรัทธา
    เลื่อมใสในพระปัจเจกโพธิเข้าไปถวายอภิวาทแล้วแบกเอามัดฟืนและผักกับมาขายได้เงินพอสมควร
    แล้วจึงนำไปซื้อผ้าแพรมาทำเป็นผ้าสบงจีวรสังฆาฏิบาตรครบเครื่องอัฎฐะแล้วจึงนำเข้าไปถวายแก่
    พระปัจเจกโพธิเจ้าแล้วจึงตั้งปฏิธานด้วยเดชะบุญแห่งข้าพเจ้าได้ทำทานในครั้งนี้ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจาก
    ความเข็ญใจได้ยากเหมือนดั่งชาตินี้และเมื่อข้าพเจ้าได้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏสงสารตราบใดขอให้ข้าพเจ้า
    บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ ให้ได้จำแนกแจกทานแก่ท่านผู้มีศีลและคนยาจกวณิพกคนขอทุกทั่วหน้า
    และขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณครั้นปรารถนาแล้วก็กลับไปสู่บ้านเรือนของตน
    ขวนขวายหาเลี้ยงมารดาตราบเท่าสิ้นอายุก็ไปบังเกิดสวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมานทองสูง ๒๘ โยชน์ มีนาง
    ฟ้าเทพอัปสร ๕๐๐เป็นบริวาร ครั้นจุติจากตุสิตพิภพแล้ว มาถือกำเนิดในตระกูลสากยะเสตะราชกรุง
    สาวัตถี บริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติครั้นเจริญวัยขึ้นก็ได้เสวยราชสมบัติแทนบิดาทรงพระนามว่าสมเด็จ
    พระยาปัสเสนทิโกศลในกาลบัดนี้ ครั้นจบพระธรรมเทศนาแล้วหะโตสะเศรษฐีได้ทูลลาไปสู่เรือนของ
    ตนครั้นเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วก็ไปบังเกิดในดุสิตเสวยทิพย์สมบัติ มีวิมานทองสูง ๒๐ โยชน์ มีเทพอัปสร
    ๓ หมื่น เป็นบริวาร<O:p></O:p>
     
  8. tumromeo

    tumromeo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +1,077
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sravnane [​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    ถ้ำรับร่อ อ.เมือง จ.ชุมพร ตามตำนานของวัดได้กล่าวถึงในสมัยพระเจ้าอโศกได้เสด็จผ่านมาทางนี้และได้นำสมบัติที่จะใช้ในการทำนุบำรุงพระศาสนา ซ่อนไว้ในถ้ำแห่งนี้ และได้ให้ทหารที่เป็นพี่น้องกัน3ท่านทำหน้าที่ดูแลรักษาสมบัติในถ้ำนี้ไว้ โดยการให้ประหารและสะกดวิญญาณไว้ที่ถ้ำแห่งนี้เพื่อคอยเฝ้าดูแลสมบัตินั้นฯ ดังจะเห็นจากในภาพเขียนเป็นรูปพระนอนที่พระบาทมีโซ่ล่ามเข้ากับภาพคนสามคนในถ้อ้ายเตย์
    นโมฯ3จบ ขอขมาพระรัตนตรัย ขออารธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์อันมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหมด พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ตลอดจนพรหมเทพเทวาทั้งหลายที่ได้ปกปักรักษาพระศาสนาฯ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายแผ่นทองคำเพื่อปิดตัดโซ่ที่พระบาทพระฯ ให้เป็นอิสระจากพันธนาการเหมือนดังจิตของพระที่ได้บรรลุธรรมแล้ว พ้นจากเครื่องผูกและเครื่องร้อยรัดทั้งปวง หากบุญกุศลใดพึงจะบังเกิดในบุญพุทธบูชาฯนี้ ขอเราทั้งหลายจงสามารถตัดเสียซึ่งเคราะห์กรรมและทุกข์ทั้งหลายโดยไม่เหลือ ได้พ้นจากเครื่องผูกและเครื่องร้อยรัดทั้งปวงเหมือนดั่งที่พระท่านได้พ้นแล้วโดยทุกประการด้วยเทอญฯ
    อนึ่งด้วยผลบุญพุทธบูชาฯนี้ ขอพันธนาการของท่านทั้ง3และที่เหลือจงอันตธานไป และไปตามผลบุญพุทธบูชาฯนี้ดังประสงค์ของทุกๆท่านเทอญฯ
    อุทิศส่วนกุศล กราบพระ แผ่เมตตาฯ
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood) ​


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขออนุโมทนา สาธุ
     
  9. tumromeo

    tumromeo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +1,077
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ao.angsila [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]
    ถวายปัจจัยแผ่น่ทองจารึกคุณพระรัตนตรัย คาถาเงินล้าน ร่วมหล่อพระพุทธรูปยืน ๔ องค์ และหล่อรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ณ วัดท่าซุง ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อนุโมทนาสาธุ
     
  10. สุริยทรงศีล

    สุริยทรงศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,873
    กรรมฐาน (อสุภกรรมฐาน 1)

    อสุภกรรมฐาน

    อสุภ
    แปลว่า ไม่สวย ไม่งาม กรรมฐาน แปลว่า ตั้งอารมณ์ไว้ให้เป็นการเป็นงาน
    รวมความแล้วได้ความว่า ตั้งอารมณ์เป็นการเป็นงานในอารมณ์ที่เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยสดงดงาม
    มีแต่ความสกปรกโสโครก น่าเกลียดน่าสะอิดสะเอียน
    กำลังสมาธิของอสุภกรรมฐาน

    อสุภกรรมฐานทั้ง ๑๐ อย่างนี้ มีกำลังสมาธิเพียงปฐมฌานเป็นอย่างสูงสุด ไม่สามารถ
    จะทรงฌานให้มีกำลังให้สูงกว่านั้นได้ เพราะเป็นกรรมฐานที่มีอารมณ์ด้านพิจารณามากกว่า
    การเพ่ง ใช้อารมณ์จิตใคร่ครวญพิจารณาอยู่เป็นปกติ จึงทรงสมาธิได้อย่างสูงก็เพียงปฐมฌาน
    เป็นกรรมฐานที่มีอารมณ์คล้ายคลึงกับวิปัสสนาญาณมาก นักปฏิบัติที่พิจารณาอสุภกรรมฐาน
    จนทรงปฐมฌานได้ดีแล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณควบคู่กันไป จะบังเกิดผลรู้แจ้งเห็นจริงในอารมณ์
    วิปัสสนาญาณได้อย่างไม่ยากนัก สำหรับอสุภกรรมฐานนี้เป็นสมถกรรมฐานที่ให้ผลในทางกำจัด
    ราคจริตเหมือนกันทั้ง ๑๐ กอง คือค้นคว้าหาความจริงจากวัตถุที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตที่นิยมชมชอบ
    กันว่าสวยสดงดงามที่บรรดามวลชนทั้งหลายพากันมัวเมา หลงไหลใฝ่ฝันว่าสวยสดงดงามจนเป็นเหตุ
    ให้เกิดภยันตรายแก่ตน ลืมชีวิตความเป็นอยู่ของตน มอบหมายความรักความปรารถนาให้แก่วัตถุ
    ที่ตนหลงรัก เป็นการประพฤติที่ฝืนต่อกฎของความเป็นจริง เป็นเหตุของความทุกข์ที่ไม่รู้จักจบสิ้น
    กรรมฐานนี้จะค้นคว้าหาความจริงจากสรรพวัสดุต่างๆ ที่เห็นว่าสวยสดงดงามเอามาตีแผ่ให้เห็นเหตุ
    เห็นผลว่า สิ่งที่สัตว์และคนหลงไหลใฝ่ฝันนั้น ความจริงไม่มีอะไรสวย ไม่มีอะไรงาม เป็นของน่าเกลียด
    โสโครกทั้งสิ้น กรรมฐานในหมวดอสุภกรรมฐานมีความหมายในรูปนี้ จึงเป็นกรรมฐานที่ระงับ
    ดับอารมณ์ที่ใคร่อยู่ในกามารมณ์เสียได้ ท่านที่เจริญกรรมฐานหมวดอสุภนี้ชำนาญเป็นพื้นฐานแล้ว
    ต่อไปเจริญวิปัสสนาญาณ จะเข้าถึงการบรรลุเป็นพระอนาคามีผลไม่ยากนักเพราะพระอนาคามี
    ผลเป็นพระอริยบุคคลที่มีความสงบ ระงับดับความรู้สึกในกามารมณ์ได้เด็ดขาด ท่านที่เจริญกรรมฐาน
    หมวดอสุภนี้ ก็เป็นการเริ่มต้นในการเจริญฌานด้านที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกามารมณ์ ฉะนั้น นักปฏิบัติ-
    กรรมฐานที่มีความชำนาญในอสุภกรรมฐานจึงเป็นของง่ายในการเจริญวิปัสสนาญาณ เพื่อให้บรรลุุ
    เป็น อนาคามีผลและอรหัตตผล

    อสุภกรรมฐาน ๑๐ อย่าง

    อสุภกรรมฐาน ท่านจำแนกไว้เป็น ๑๐ อย่างด้วยกัน คือ
    ๑. อุทธุมาตกอสุภ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป
    มีร่างกายขึ้นบวม พองไปด้วยลม ที่เรียกกันว่า ผีตายขึ้นอืดนั่นเอง
    ๒. วินิลกอสุภ เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว คละปนระคนกัน คือ มีสีแดงในที่มีเนื้อ
    มาก มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก มีสีเขียวที่มีผ้าสีเขียวคลุมไว้ อาศัยที่ร่างกายของผู้ตาย
    ส่วนใหญ่ก็ปกคลุมด้วยผ้า ฉะนั้น สีเขียวตามร่างกายของผู้ตายจึงมีสีเขียวมาก ท่านจึงเรียกว่า
    วินีลกะ แปลว่าสีเขียว
    ๓. วิปุพพกอสุภ เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    ๔. วิฉิททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลาง มีกายขาด
    ออกจากกัน
    ๕. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกสัตว์ยื้อแย่งกัดกิน
    ๖. วิกขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจายมีมือ แขน
    ขา ศีรษะ กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
    ๗. หตวิกขิตตกอสุภ คือซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    ๘. โลหิตกอสุภ คือซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
    ๙. ปุฬุวกอสุภ คือซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    ๑๐. อัฏฐิกอสุภ คือซากศพที่มีแต่กระดูก

    (i) (i) (i) (i)

    ด้วยผลบุญทั้งหมดขอถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

    (f) (f) (f) ​
     
  11. tumromeo

    tumromeo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +1,077
    อนุโมทนา สาธุ
     
  12. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082
    ขอโมทนาบุญอย่างกับท่านเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ด้วยเหตุบุญนี้ ขอเราและทุกๆท่าน มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม ตัดกิเลสได้เป็นสมุทเฉทประหาร เข้านิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
     
  13. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082

    ขอโมทนาบุญอย่างกับท่านเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ด้วยเหตุบุญนี้ ขอเราและทุกๆท่าน มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม ตัดกิเลสได้เป็นสมุทเฉทประหาร เข้านิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
     
  14. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082
    ขอโมทนาบุญอย่างกับท่านเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ด้วยเหตุบุญนี้ ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปกปักคุ้มครองเราและทุกๆท่าน ให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม ตัดกิเลสได้เป็นสมุทเฉทประหาร เข้านิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
     
  15. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082
    ขอโมทนาบุญอย่างกับท่านเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ด้วยเหตุบุญนี้ ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปกปักคุ้มครองเราและทุกๆท่าน ให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม ตัดกิเลสได้เป็นสมุทเฉทประหาร เข้านิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ<!-- / message -->
     
  16. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญด้วยครับ
     
  17. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
     
  18. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชาฯครับ
     
  19. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชาฯ ครับ
     
  20. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    โมทนาบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชาฯครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...