การไถ่ถอนอุปาทานในกาย? นักปฏิบัติทางจิตหลงลืมเหตุที่ทำให้จิตไม่สงบและเสื่อม!?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 19 กันยายน 2011.

  1. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    พอดีกลับมาอ่านอีก
    เพราะเมื่อกี้อ่านคร่าว ๆ เลยรีบตอบ
    เพิ่งกลับมาจากชลบุีรี
    เสียดายไม่ได้เจอเอกวีร์ ที่มอเตอร์เวย์

    การพิจารณาจากสัญญา นอกจากพิจารณาอสุภแล้ว
    จะพิจารณาขันธ์ห้าก็ได้ พิจารณาแยกแยะขันธ์ทั้ง 5 ออก
    อย่างนี้ก็ำได้

    หรือพิจารณาธรรมใด ๆ ก็ได้
    เช่นพิจารณาธรรมอริยสัจ 4 สติปัฏฐาน 4 ไตรลักษณ์
    เหล่านี้เพื่อทางเดินแห่งการหลุดพ้นทั้งนั้น

    แล้วแต่ธรรมใดจะสัมผัสใจครับ
    ให้เป็นปัจจุบันธรรม
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ขอบคุณ พี่เสขะรูปหล่อน้อยกว่าผม..มากๆ อยากพาลูกสาวไปวัดร่ำเปิง พี่เสขะมีอะไรแนะนำบ้าง ทราบว่าอยู่ภาคสูง..!:'(
     
  3. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    เคยฟังหลวงตาเทศน์มาครับว่า ถ้าสมาธิไม่พอหรือจิตไม่อิ่มอารมณ์ก่อนออกพิจารณาจะไม่เป็นปัจจุบันธรรม จะเป็นสังขารสมุทัยไปหมด เป็นสัญญาอารมณ์ไม่เป็นปัญญาให้ ใช่รึป่าวครับ

    พี่เตชช่วยแนะวิธีการพิจารณาลงเป็นปัจจุบันธรรมเพิ่มเติมหน่อยสิครับ
     
  4. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ไปวัดไม่ยากนี่ครับพี่เกิด พี่เกิดเป็นเด็กวัดนี่ :cool:
    ศึกษาและดูวิธีการปฏิบัติของวัดว่าตรงกับปฏิปทาที่เราเคยปฏิบัติมามากน้อยแค่ไหน ที่นั่นจะกำหนดชั่วโมงให้ปฏิบัติกับมีการสอบอารมณ์ครับ ยังไงลองติดต่อทางวัดอีกที ผมไม่เคยไปอยู่และปฏิบัติที่วัดครับ แต่ไปทำบุญบ่อยอยู่ครับ :)
     
  5. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    สติปัฏฐาน ใส่ใจในอารมณ์ที่ปรากฏ

    ธรรมเกิดอยู่ตลอดเวลา เป็นอนัตตา ห้ามให้เกิด ห้ามไม่เกิดไม่ได้

    แม้ขณะนี้ เดี่ยวนี้ธรรมก็ปรากฏอยู่ ไม่มีหรอกครับ ที่ต้องตั้งหลักก่อน
     
  6. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เรื่องวัด ผมไปบ่อยครับ ถามผมได้

    รู้หมดทุกซอกทุกมุมครับ ^^[​IMG]
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    พี่สับสนของเรา ทำกายคตาสติ ละทิ้งกายเบ็ดเสร็จ หมายเด็ดขาด แต่
    ทว่า เข้าวัดนู้น ออกวัดนี้ เข้าเว็บนี้ ออกเว็บนั้น

    แล้วล่าสุด แกขโมย สูตรยา "อายุวัฒนของจิ๋นซี" มาจากผม !!!!

    คนทำ กายคตาสติ ที่ไหน ยังหา "ยาข้างนอก" เพื่อ "อมตะ" นี่มัน
    "เรือโนอาร์*" ชัดๆ

    เห็นแล้วมันน่าโมโห

    เอาหละ ขอตัว

    -----------------------------

    * เรือโนอาร์ ทุดวันนี้ยังหาไม่เจอ เรือที่หาไม่เจอคือ เรือ.......
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    พ พ พี่พะโล้ ไหงเห็นว่า จะเจอผม บนมอร์เตอร์เวย์หละ

    งึม งึม ยังไง ก็ สังเกตเอาที่ "รถฟอร์จูนเนอร์สีขาว" ละกัน

    เจอแล้ว ห้ามปาดหน้าด้วย เข้าใจ บ่
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็ของมันแซงกันอยู่แล้ว
    จะปาดหน้าไปทำไม ไม่มีประโยชน์
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมก็ฟังเทศน์หลวงตามาก็พอจะตอบได้บ้าง
    ได้มากได้น้อยก็ลองพิจารณาดูแล้วกัน

    จิตอิ่มอารมณ์ก็อย่างที่หลวงตาท่านว่าไว้นั่นแหละ
    แต่คราวนี้คนที่จะทำให้จิตอิ่มอารมณ์มันไม่ค่อยมีนี่สิ
    มันจึงเป็นปัญญาไปไม่ได้

    ส่วนเรื่องปัจจุบันธรรมนั้น
    ก็แล้วแต่นักปฏิบัติแต่ละรายจะพิจารณาไปแง่ใดมุมใด
    เพื่อให้เป็นปัจจุบันธรรม

    ตัวอย่างเช่น
    พิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่
    แต่สัญญาในอดีตอนาคต
    เข้ามาแทกแซงการพิจารณา
    ทำให้จิตรับรู้ยอมรับตามเป็นจริงไ่ม่ได้
    ก็ไม่เป็นปัจจุบันธรรม

    หรือแม่แต่จิตพุทโธอยู่
    แต่ความคิดอื่นเข้ามาแทรก
    ทำให้จิตสงบไม่ได้
    ก็ไม่เป็นปัจจุบันธรรม
    เพราะปัจจุบันธรรมคือพุทโธ

    หรือแม้แต่เราเคยปฏิบัิติได้แบบหนึ่ง
    คราวหลังอยากจะให้ปฏิบัติให้ได้แบบนั้น
    จิตใจก็คอยแต่จะต้องการให้เป็นแบบเดิม
    ทำให้จิตสงบระงับไม่ได้อย่างนี้ก็ไม่เป็นปัจจุบันธรรม
    เราอยู่กับธรรมใดเช่น พุทโธ ก็ให้อยู่กับธรรมนั้น
    นั่นแหละปัจจุบันธรรม
    ถ้าคอยไปคิดอยากให้เป็นเหมือนอดีตอย่างนั้นอย่างนี้
    นั่นแหละเราออกจากหลักปัจจุบันธรรมไปแล้ว

    แต่หากเรานำเอาเรื่องอดีตหรืออนาคตก็ตามมาพิจารณา
    แต่หากเรื่องในอดีตอนาคตพิจารณาแล้ว
    ทำให้จิตยอมรับรับรู้ตามเป็นจริงได้
    เรื่องนี้ก็เป็นปัจจุบันธรรมได้
    ไม่ได้หมายความว่าเรื่องในอดีตอนาคตจะเป็นปัจจุบันธรรมไม่ได้

    ปัจจุบันธรรม ไม่ได้อยู่ที่อดีตอนาคตที่ไหนหรอก
    มันอยู่ที่จิตที่ใจเรานั่นแหละ
    ว่าอยู่กับปัจจุบันมั้ย

    ธรรมะของพระพุทธองค์จึงเป็นอกาลิโกไง
    ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลาที่ไหน
    ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

    ดังนั้นคำว่าปัจจุบันธรรม
    อย่าพึงถือเอาเรื่องราวในอดีตหรืออนาคต
    มาเป็นข้อจำกัดว่าถ้าเป็นอดีตอนาคต
    แล้วจะเป็นปัจจุบันธรรมไม่ได้
    อย่าคิดเช่นนั้น

    เพราะแง่ของการพิจารณาเรื่องปัจจุบันธรรม
    นั้นมีมากมายหาประมาณไม่ได้
    ขึ้นอยู่กับปัญญาในการพิจารณาในแง่มุมต่าง ๆ
    ของนักปฏิบัติแต่ละราย ละรายไป

    ก็แสดงไปตามภูมิรู้ที่มีบ้างตามประสาคนที่รู้น้อย
    จะูถูกจะผิดเช่นไร ก็ต้องขออภัย
     
  11. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    [​IMG]


    คำสอนหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ


    หลวง ปู่กงมาได้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติและสอนธรรม เป็นหลักธรรมที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตได้วางเอาไว้ ซึ่งหลวงปู่กงมาก็จดจำได้อย่างขึ้นใจคือธรรม ๑๑ ประการ อันได้แก่..

    ๑.การปฏิบัติทางใจ ต้องถือการถ่ายถอนอุปาทานเป็นหลัก


    ๒.การถ่ายถอนนั้น ไม่ใช่การถ่ายถอนโดยไม่มีเหตุ ไม่ใช่ทำเฉย ๆ ให้มันถ่ายถอนเอง


    ๓. เหตุแห่งการถ่ายถอนนั้น ต้องสมเหตุสมผล เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ ธรรมทั้งหลายดับไปเพราะเหตุ พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้


    ๔. เพื่อให้เข้าใจว่า การถ่ายถอนอุปาทานนั้น มิใช่มีเหตุและไม่สมควรแก่เหตุ ต้องสมเหตุสมผล


    ๕.เหตุ ได้แก่ สมมติบัญญัติขึ้น แล้วหลงตามอาการนั้น เริ่มต้นด้วยการสมมติตัวของตนก่อน พอหลงตัวของเราแล้ว ก็ไปหลงคนอื่น หลงว่าเราสวยแล้ว จึงไปหลงผู้อื่นว่าสวย เมื่อหลงตัวของตัวและผู้อื่นแล้ว ก็หลงวัตถุข้างนอกจากตัว กลับกลายเป็นราคะ โทสะ โมหะ


    ๖.แก้ เหตุ ต้องพิจารณากรรมฐาน ๕ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ด้วยสามารถแห่งกำลังของสมาธิ เมื่อสมาธิชั้นต่ำ การพิจารณาก็เป็นญาณชั้นต่ำ เมื่อเป็นสมาธิชั้นสูง การพิจารณาก็เป็นญาณชั้นสูง แต่อยู่ในกรรมฐาน ๕


    ๗.การ สมเหตุสมผล คือคันที่ไหนก็ต้องเกาที่นั่นจึงจะหายคัน คนติดกรรมฐาน ๕ หมายถึงหลงหนังเป็นที่สุด เรียกว่าหลงกันตรงนี้ ถ้าไม่มีหนังคงจะวิ่งกันแทบตาย เมื่อหลงกันที่นี่ ก็ต้องแก้กันที่นี่ คือเมื่อกำลังสมาธิพอแล้ว พิจารณาก็เห็นความจริง เกิดความเบื่อหน่าย เป็นวิปัสสนาญาณ


    ๘. เป็นการเดินตามอริยสัจ เพราะเป็นการพิจารณาตัวทุกข์ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ชาติปิทุกข์ ชราปิทุกข์ พยาธิปิทุกข์ มรณัมปิทุกข์ ใครเกิด ใครแก่ ใครเจ็บ ใครตาย กรรมฐาน ๕ เป็นต้น ปฏิสนธิเกิดมาแล้ว แก่แล้วตายแล้วจึงได้ชื่อว่า พิจารณากรรมฐาน ๕ อันเป็นทางพ้นทุกข์ เพราะพิจารณาตัวทุกข์จริง ๆ


    ๙. ทุกขสมุทัย เหตุเกิดทุกข์ เพราะมาหลงกรรมฐาน ๕ ยึดมั่นจึงเป็นทุกข์ เมื่อพิจารณาละได้ เพราะเห็นตามความเป็นจริง สมคำว่า รูปสฺสมึปิ นิพฺพินฺทติ เวทนายปิ นิพฺพินฺทติ สญฺญายปิ นิพฺพินฺทติ สงฺขาเรปิ นิพฺพินฺทติ วิญฺญาณสฺสมึปิ นิพฺพินฺทติ เมื่อเบื่อหน่ายในรูป (กรรมฐาน ๕) เป็นต้น แล้วก็คลายความกำหนัด เมื่อเราพ้น เราก็ต้องมีญาณทราบชัด ว่าเราพ้น


    ๑๐. ทุกขนิโรธ ดับทุกข์ เมื่อเห็นกรรมฐาน ๕ เบื่อหน่ายได้จริง ชื่อว่า ดับอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น เช่นเดียวกับ ท่านสามเณรสุมนะ ศิษย์ของท่านอนุราช พอปลงผมหมดศีรษะ ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์


    ๑๑.ทุกข คามินีปฏิปทา ทางไปสู่ที่ดับ คือการเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ปัญญาเห็นชอบ เห็นอะไร เห็นอริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค การเห็นจริง แจ้ง ประจักษ์ ด้วยสามารถแห่งสัมมาทิฐิ ไม่หลงคติสุข มีสมาธิเป็นกำลัง พิจารณากรรมฐาน ๕ ก็เป็นองค์มรรค
     
  12. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263

    ขอบคุณมากครับพี่เตช
    ท่านอื่นจะเสนอแนะแนวทางและอุบาย พิจารณาเพิ่มเติม ขอเชิญนะครับ สาธุล่วงหน้าครับ
     
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    พูดถึงเรื่องพิจารณา นึกถึงคำหลวงปู่ดุลย์

    " คิดเท่าไรๆก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดได้จึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้ "



    คำว่า "คิดเท่าไรๆก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดได้จึงรู้"

    หมายถึง ระลึกรู้ที่ปัจจุบันที่ปรากฏ ที่อารมณ์ต่างเข้ามากระทบทั้งทวารทั้ง ๖

    ไม่ว่าเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัส อ่อน หรือ แข็ง อารมณ์ใจ ความอยาก

    โดยใส่ใจลักษณะความเป็นปรมัตถ์ธรรมในขณะนั้น

    ไม่ใช่ไปหยิบยกอะไรที่เป็นสมมุตติ ไม่ใช่ของมีจริงในขณะนั้นขึ้นมาคิด



    ส่วน คำว่า "แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้"

    หมายถึง ระลึกรู้ที่ปัจจุบันที่ปรากฏ ที่อารมณ์ต่างเข้ามากระทบทั้งทวารทั้ง ๖

    โดยการพิจารณา เป็นการค่อยๆทำความเข้าใจ มีการกระทำไว้ในใจ

    ซึ่งจะว่าคิดเพราะหลงบัญญัติก็ไม่ใช่

    แต่เป็นกระบวนการทางปัญญา ที่เข้าใจธรรมที่ปรากฏอยู่ในขณะนั้น


    เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ"ปฎิปทาการบรรลุอรหันต์หรือ อนาคามีในภพปัจจุบัน...................ภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะเป็นภิกษุหรือ ภิกษุณีก็ดี เจริญให้มาก ซึ่งธรรม5ประการ ผู้นั้นพึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง กล่าวคือ อรหัตตผลในทิฎฐธรรม(ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว หรือ ว่า อนาคามีผล เมื่อ ยังมี(อุปธิ) เหลืออยู่ ...........................ภิกษุทั้งหลาย ธรรม5ประการนั้นเป็นอย่างไรเล่า ห้าประการคือ ภิกษุในกรณีนี้......................มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในภายในนั่นเทียว เพื่อเกิดปัญญารู้ความเกิดขึ้นและดับไปของธรรมทั้งหลาย1............. มีปรกติตามเห็นความไม่งามในกาย1............. มีความสำคัญว่าปฎิกูลในอาหาร1............... ,มีความสำคัญว่าในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรที่น่ายินดี1.................... มีปรกติเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง1....................ภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือ ภิกษุณีก็ ตามเจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม5ประการเหล่านี้ ผู้นั้นพึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ในบรรดาผลทั้งหลายฐธรรม(ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว หรือ อนาคามีผล เมื่อ ยังมีอุปธิเหลืออยู่ แล.................(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ขอบคุณ หลายๆเลยครับท่านซัวเจ๋ง..เท่าที่สังเกตุลูกสาวผม กับสังคมสมัยใหม่..รู้สึกว่าสมองพอสื่อสารกันได้ รู้เรื่องใชได้..
    ... แต่ความอดทน มันไม่มีเลย..ผมต้องไปเข้าคอสฝึกเถียงกับมันดูสักคอสร์..ไม่แน่ว่าจะชนะมันไหม..
    ..ผมจึงต้องหาวิธีที่จะจับมัน เข้าค่ายสัก 7 วัน ก็กลัวว่าหล่อนจะบ้า..ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งถังขยะที่ไหน..ยกให้ใครเดี๋ยวไม่มีใครเอา
    เด็กอายุ 17 หน้าตากวนแมว กวนหมา จึงอยากถามว่า ปกติเขาให้อยู่ค่ายกันได้สักกี่วัน ค่าใช้จ่าย อุปกรณ์ที่ต้องเอาไป และเวลาที่เข้าค่าย ที่ไม่กดดันเด็กมันนัก ควรสักกี่วัน ผู้ชาย-หญิง แยกที่พักไหมครับ(ผมเคยเข้ามา2-3ครั้ง ครั้งละ7 วัน คุณแม่สิริกรินชัย แปดริ้ว)
    ปัจจุบัน มันเล่นเนต ตี1-2
    ไอ้ครั้น ผมจะลุกมาถีบมัน..ให้ตายคาเครื่องคอมฯล..และกะทืบอีก3 ที ตบอีก 2 ครั้ง เพื่อสั่งสอน ไอ้กระผมก็ลุกไม่ขึ้น เผลอหลับไปเพราะง่วงจัดแถวเวลานั้น..ขอความกรุณาแนะนำด้วย ท่านซัวเจ๋ง.:':)':)'(
     
  16. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อารายยยกัน..เล่าปัง..เวปนั้นของตาใหญ่ เขา..ผมอ่านแล้ว มีประโยชน์ เขาฮือฮากันในเวป ก็เลยเอามาแนะนำเพื่อนฝูง..
    ใคร..ผมเรอะ.."ทิ้งกายได้ " ที่ไหนล่ะ กำลังฝึกดูขาอ่อน ให้มันเหี่ยวอยู่..แปลกยังไงมันก็ไม่เหี่ยวว้า..
    ปัดโธ่เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย หากทิ้งกายได้จริงๆจะมานั่งจิ้มแป้น..อยู่นี่รึ
    เอว่าแต่ว่า..บนมอเตอร์เวย์ เจอมิตรซูเก่าๆของผมบ้างไหม...อาทิตย์แล้วขับวนอยู่3 รอบ ออกไปโน่น ด่านอะไรวะบางระจันอะไรนั่นแหละ..จะไปสนามบินสุวรรณภูมิ
    เสือกออกทะเล..เลยไปชลบุรีได้ไงไม่รู้นี่ เจ็บใจไอ้พวกทางหลวงเขียนป้าย "แม่งงงงงงงง.." ทุกถนนเลยไปสุวรรณภูมิ ผมเลยขับวนมันทุกถนนเลย ไม่ถึงสักทีออกทะเลไปเลยยยย:':)':)'(..พี่เตช..ไปวัดมารึไปโอเชี่ยน.:mad:
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ จะทำบุณค่าน้ำค่าไฟฟ้าตามศรัทรา

    เตรียมความตั้งใจไปอย่างเดียวครับ ที่เหลือก้เสื้อผ้า ชุดขาวปกติ

    ที่นั้นแยกส่วนกัน ฝ่ายชายจะอยู่ในเขตป่ายาง

    ฝ่ายหญิงรู้สึกจะสร้างห้องเพิ่ม คิดว่าถ้าไปช่วงนี้น่าจะได้พักห้องใหม่ในส่วนที่ต่อเติมเพิ่ม

    ควรอยู่ซัก ๗วัน ๑๕วัน หรือ ๑เดือนไปเลยครับ อยู่ได้นาน

    ไม่ค่อยเบื่อหรอกมีกิจกรรมเยอะ วัยรุ่นนักเรียน นักศึกษามช. ชาวต่างชาติเยอะ สบายสบายครับ

    ควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนครับ เช็คดูมีห้องว่างไหม

    ที่นั้นเป็นแนว สติปัฏฐานสี่ ยุบหนอพองหนอ
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อนุโมทนา สาธุครับ ท่านวจีทุจริต..ครบถ้วนกระบวนความทุกข์ และการดับทุกข์เลยครับ สาธุ:cool::cool::cool::cool:
     
  20. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ขอบคุณครับ..แล้วกินอะไรครับ วันละกี่มื้อซื้อที่ใด..!:':)':)'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...