กสิณน้ำ แบ่งปัน/แนะนำ/เล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย testykhun, 16 กันยายน 2011.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ศึกษาธรรมแนะนำศึกษาจากครูบาอาจารย์เถอะนะครับ....กัลณาณมิตรเขาแนะนำบอกได้ แต่ถามว่าจะเอาเป็นหลักเป็นการมันไม่ได้หลอกครับ....เพราะเป็น ปุถุชนกันทั้งนั้น....เมื่อเป็นปุถุชน ก็คือยังต้องศึกษาปฏิบัติ ความไม่แน่นอน ความไม่แน่ใจ มีสูงมาก...

    ถ้าเราศึกษาจากครูบาอาจารย์ ร่วมกับศึกษาพระไตรปิฏกบ้าง(เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับพระพุทธเจ้าสอนไว้หรือไม่)...เราก็จะได้แนวทางที่แน่นอนกว่าในการปฏิบัติ การปฏิบัติก็จะได้ไม่ผิดไม่พลาดไป....

    ฝากให้กับผู้ที่ศึกษาเพื่อการปฏิบัติทุกท่านนะครับ....
     
  2. anag_p

    anag_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +737
    ผมเดาว่าท่านคงชำนาญมาแล้วในกาลก่อน จิตจึงทรงตัวได้รวดเร็ว หากเป็นเช่นนั้นก็ขออนุโมทนาด้วยครับ การมีสติรู้พร้อมในลำดับฌาณก็สำคัญครับเพื่อตรวจสอบและพัฒนาให้ถูกต้องต่อไป ขอถามต่อว่า ความคล่องในฌาณเป็นประโยชน์อย่างไรในชีวิตปัจจุบันของท่านบ้าง ทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับท่านที่มีของเก่ามาดีแล้ว แต่กลับปล่อยผ่านไปแบบน่าเสียดาย ขอบคุณครับ
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มีความสุขสบายดีครับ แนวความนึกคิดก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีครับ

    การปฎิบัตินั้น หากเห็นตั้งแต่เริ่มต้น จนถึง บั่นปลาย คงไม่มีอะไรให้ลังเลสงสัยอีกครับ

    และผมเห็นสิ่งเหล่านั้น เป็นเพียงดอกไม้ริมทางครับ ไม่ได้เป็นไปเพื่อการหลุดพ้นครับ

    หากต้องการหลุดพ้น ต้องวางลงเสียซึ่งที่ที่ทำให้ยึดติดครับ

    ชีวิตทุกวันนี้ ไม่มีเรื่องที่เป็นทุกข์ ไม่มีเรื่องให้ลำบากใจครับ

    เห็นเป็นเพียงหน้าที่ ที่ต้องกระทำอยู่เป็นประจำ ส่วนการปฎิบัติ

    เห็นว่าควรที่จะปฎิบัติทุกวัน ตราบจนจะสิ้นชีวิตครับ และ ทั้งยามหลับ ยามตื่นครับ

    เพราะจิตพักผ่อนเพียง2-3ชั่วโมงเองครับ ที่เหลือเป้นการพักผ่อนของร่างกายครับ

    แต่ผมก็นอนวันละห้าชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ครับ ก็มีบ้างที่เกิน หรือ ขาด

    แต่ก็แจ่มใสทุกวัน เข้าใจ สติ สัมปชัญญะ มากขึ้นจากที่เคยเป็นมาครับ
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อีกอย่างที่ผมจะฝากไว้ให้คบคิดครับ หากเราตายลงไปแล้ว สิ่งที่เรายึดติดอยู่

    จะต้องเสื่อมสลายไปด้วยไหม กว่าจะมาเกิดอีกในชาติหน้า จะจดจำได้ไหมที่เคยทำไว้

    และไม่แน่นอนตลอดไป ว่าเราจะจดจำได้ อย่างในชาตินี้ แต่หากว่าหลุดพ้นได้

    ในชาตินี้ ย่อมไม่ต้องมาเกิดอีก ทั้งหมดที่ผมกล่าว เป็นการไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งใดครับ
     
  5. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    เล่าสู่กันฟัง
    กสิณน้ำนั้น ผมเคยทดลองครั้งเดียวนะครับ โดยเอาพระนาคปรกนั้นมาอธิษฐานช่วย แล้วผมก็ใช้พระคาถาปลุกธาตุในตัวขึ้นมาด้วยพระคาถานี้ครับ
    "สิทธี อาโป ภะลา เตชาอิทธา ธาตุน้ำของข้าพเจ้า มีกำลัง เดช ฤทธิ์"
    แล้วผมก็เพ่งน้ำในขันน้ำที่ถืออยู่ บังคับให้น้ำในขันนั้นหมุนนวน เหมือนเราเอามือหมุนนะครับ ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกว่าร่างกายเย็นเฉียบเหมือนเราอาบน้ำเย็นนะครับ เพราะแต่ก่อนผมก็ฝึกกสิณไฟมาก่อนเหมือนกัน แต่อย่าเอาแบบผมเป็นบรรทัดฐานนะครับ เพราะว่าบางทีคำอธิษฐานของผมเบื้องบนชอบทำให้เป็นจริงอยู่เรื่อย ก็ถือว่าเล่าสู่กันฟังนะครับ
     
  6. testykhun

    testykhun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +90
    อนุโมทนาครับ ผมเจอนาคปรกในอินเตอร์เน็ตเต็มเลย ตัวกลัวจะไม่ค่อยขลัง แนะนำสถานที่ดีๆที่จะบูชาให้หน่อยได้ไหมครับ?
     
  7. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    วิบากกรรมของพระพุทธเจ้า
    เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง ได้แสวงหาไปในทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา


    เหตุการณ์จากนี้ในคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถาระบุตรงกันว่า เมื่อพระองค์ถือเพศบรรพชิตแล้ว (อายุ๒๙ปี)
    พระสมณโคดม ได้ไปฝากตนเป็นศิษย์ ในสำนักอาฬารดาบส ได้ฝึกจิตบำเพ็ญธรรม คือบรรลุฌานขั้นที่ ๗(อากิญจัญญายตนะณาน)

    เป็นศิษย์ในสำนักอุทกดาบส ซึ่งมีความรู้สูงกว่าอาฬารดาบสหนึ่งขั้น คือเป็นผู้บรรลุฌานขั้นที่ 8 (เนวสัญญานาสัญญายตนะ)ด้วยทรงประจักษ์ว่า นี่ไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้

    ทรงเริ่มการบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยา ซึ่งนักบวชสมัยนั้นนิยมปฏิบัติกัน อาทิการกลั้นลมหายใจเข้าออก จนเหงื่อโทรมกายหูอื้อตาลาย การนั่งตากแดดจนผิวเกรียมไหม้ ครั้นฤดูหนาว ก็ลงไปแช่น้ำจนตัวแข็งพระองค์ได้ทดลองปฏิบัติตามความเชื่อดั้งเดิมทุกวิถีทาง ก็ยังไม่สามารถบรรลุแนวทางค้นพบสัจจธรรมได้

    พระสมณโคดม เริ่มบำเพ็ญทุกกรกิริยาขั้นสุดท้าย คือเริ่มลดอาหารที่ละน้อย ๆ จนถึงขั้นอดอาหาร จนร่างกายซูบซีดผอมแห้ง เหลือแต่หนังและเอ็นหุ้มกระดูก ทรงบำเพ็ญเพียรถึงขั้นอุกฤตขนาดนี้ นับเป็นเวลาถึง 6 พรรษา ก็ยังไม่สามารถบรรลุวิมุตติธรรม

    จึงได้แนวพระดำริว่า การบำเพ็ญทุกขกิริยานั้น เป็นการทรมาณตนให้ลำบากเปล่า เป็นข้อปฏิบัติที่ตึงเกินไปไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ จึงเริ่มเสวยพระกระยาหารดังเดิมเพื่อให้ร่างกายคลายเวทนา ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เข้าฌาน เพื่อเป็นบาทของวิปัสสนาญาณ จนเวลาผ่านไปพระองค์ได้บรรลุถึงญาณต่างๆ ดังนี้
    • ยามต้น ทรงบรรลุ ปุพเพนิวาสานุติญาณ คือ การระลึกชาติในอดีต ทั้งของตนเองและผู้อื่นได้
    • ยามสอง ทรงบรรลุ จุตูปปาตญาณ คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    • ยามสาม ทรงบรรลุ อาสวักขญาณ คือ รู้วิธีกำจัดกิเลส (มาร) ด้วย อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (อายุ ๓๕ ปี)
     
  8. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สุดยอดครับ:cool:
     
  9. nuaiswat

    nuaiswat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +248
    แสดงว่าเป็นคนชอบปั้นน้ำเป็นตัว ( ล้อเล่นะครับ ) ทำได้แบบนั้นบ้างคงจะดีไม่น้อย
     
  10. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    เอ๊าง่ายนิดเดียว จินตนาการไปสิครับ แล้วใส่มนต์คาถาเข้า จบ

    กสิณน้ำแบบง่ายๆ อยากได้ฤทธิ์ก็ใช้สัจจะอธิฐาน

    แต่ผมตอนนี้เอาพัฒนาจิตใจแล้วฝึกตามที่พี่คุรุวาโรสอนนั่นแล่ะ
     
  11. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    ปฐมเทศนา
    โปรดปัญจวัคคีย์ สำเร็จพระอรหันต์ทั้ง ๕คน ในหัวข้ออันบรรพชิต ไม่ควรปฏิบัติ คือ
    การลุ่มหลงมัวเมาในกาม 1
    การทรมาณตนให้ลำบากเปล่า 1
    มัฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางที่ควรดำเนิน คืออริยสัจน์๔ และมรรค๘


    ยสะกุลบุตร (พระอรหันตร์)
    พ่อของยสะ นางสุชาดา และบริวาร (พระโสดาบัน)
    เพื่อน ๔ คนของพระยสะ คือ วิมละ สุพาหุ ปุณณชิ และ ควัมปติ มาเยี่ยมเลยขอบวชจนบรรลุเป็นพระอรหันต์
    เพื่อน ๕๐ คนของพระยสะออกบวชมาเยี่ยมเลยขอบวชจนบรรลุเกิดมีพระอรหันต์ เป็น ๖๑ องค์ทรงให้แยกย้ายไปเผยแพร่ธรรมะทั้ง ๖๑ รูป
    .....................................................................................
    ภัททวัคคีย์ พระราชกุมาร ของกษัตริย์ โกศลราช ๓๐ พระองค์ได้ดวงตาเห็นธรรม ขอบวชทั้งหมด พระองค์ส่งไปประกาศศาสนาในทิศต่างๆต่อไป พระองค์เสด็จไปเมืองปาวา และลุถึงอุรุเวลาประเทศ

    โปรดชฎิล 3 พี่น้อง อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ คยากัสสปะ พร้อมทั้งบริวาร 1,000 คน (500คน 300คน และ200คน) สำเร็จพระอรหันต์ทั้งหมด รวม ๑๐๐๓ คน

    ทรงเสด็จแคว้นมคธ โปรดพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธ พร้อมทหาร ๑๑ หมื่น จนบรรลุโสดาบัน อีก ๑ หมื่นยึดมั่นในพระรัตนตรัย

    ฝูงเปรตที่เป็นพระญาติแห่งพระเจ้าพิมพิสารมาขอส่วนบุญพระเจ้าพิมพิสารทรงประจักษ์แจ้งในผลทาน ทรงแสดงเทศนา ติโรกุฑฑสูตร รวม ๑๒ บทจบเทศนารวม ๗ วัน มีคนบรรลุมรรคผลนิพพาน ๘ หมื่น ๔ พันคนต่อวัน
    ......................................................................................
    อุปติสสะ(พระสารีบุตร) ฟังพระอัสสชิเถระแสดงธรรมโดยย่อว่า
    “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น” บรรลุโสดาบัน
    โกลิตมาณพ (พระโมคคัลลา)ฟังธรรมเดียวกันจากเพื่อน บรรลุโสดาบัน
    สองสหายจึงพาบริวารของตนจำนวน ๒๕๐ คน ออกจากสำนักไปเฝ้าพระบรมศาสดา ณ เวฬุวันวิหาร
    เมื่อได้สดับพระธรรมเทศนาจบลงแล้ว บรรดาบริวารทั้งหมดได้บรรลุพระอรหัตผล
    ส่วนพระโมคคัลลา พระสารีบุตร บรรลุพระอรหันตร์ตามหลัง รวม๒๕๒คน
    ยังมีอีก แต่ขอกล่าวเพียงเท่านี้นะคะ
    ......................................................................................

    สมัยพุทธกาล แบ่งประเภทของสาวกจากข้อความเบื้องต้นได้ว่า
    นั่งสมาธิ
    (มีฤทธิ์ เหาะได้)
    ไม่ควรนั่ง (ไม่มีฤทธิ์ เหาะไม่ได้)

    การบรรลุธรรมของกลุ่มพุทธสาวกจากข้อความเบื้องต้นทั้งหมดจะเห็นได้ว่า
    ไม่เกี่ยวกับการนั่งสมาธิให้ได้รูปฌาณ๔ อรูปฌาณ๔ เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
    และสมาธิที่ใช้ในการบรรลุธรรมยังอยู่ในขั้นวิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา (ฌาณ๑ หรือ ขณิกสมาธิ)
    ๑วิตก เป็นการยกจิต
    ๒วิจารณ์ เป็นการประคองจิต
    ๓ปิติ ปลื้มใจ ปิติมี๕อย่าง
    ๔สุข (เวทนา)
    ๕เอกัคคตา จิตเป็นหนึ่งเดียว

    พุทธสาวกสมัยพุทธกาลทุกท่านล้วนบรรลุด้วยโสตะ(หู) ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ตรึก(วิตก)ตาม ประหารกิเลสด้วยปัญญา (
    าสวักขยญาณ ความรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะ, ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย)
    ปัจจุบันแม้พระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมซึ่งเป็นคำสอนยังคงอยู่
    .....................................................................................
    พระพุทธองค์ได้มีพระดำรัสครั้งสำคัญว่า
    “ โย โว อานนท ธมม จ วินโย มยา เทสิโต ปญญตโต โส โว มมจจเยน สตถา ” แปลว่า “ ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยอันที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว “

    และพระพุทธองค์ได้แสดงปัจฉิมโอวาทแก่พระภิกษุ สงฆ์ว่า
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นวาจาครั้งสุดท้าย ที่เราจะกล่าวแก่ท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายทั้งปวงมีความสิ้นไปและเสื่อมไปเป็นธรรมดา . ท่านทั้งหลายจงทำความรอดพ้นให้บริบูรณ์ถึงที่สุด ด้วยความไม่ประมาทเถิด “

    แม้เวลาล่วงมาถึงศตวรรษที่ ๒๕ แล้ว นับตั้งแต่พระองค์ตรัสรู้และเสด็จดับขันธปรินิพพานท แต่พระธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐยังคงอยู่ เป็นเครื่องนำบุคคลให้ข้ามพ้นจากความมีชีวิต ขึ้นไปสู่ซึ่งคุณค่ายิ่งกว่าชีวิต คือการพ้นจากวัฏสงสาร
     
  12. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ถามเรื่องพระเครื่องนั้น ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตอบแล้วกันนะครับ เพราะส่วนตัวแล้วไม่ทราบหรอกครับ เพียงแค่รู้ว่า เอาเนื้อดิน เพราะตอนที่เขาทำเขาต้องผสมน้ำนะครับ โดยเฉพาะแถว จ.หนองคายครับ ส่วนพระธาตูนาดูนของผม เป็นพระที่ตกทอดกันมานะครับ ส่วนแนะให้อีกหน่อย (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)
    การฝึกนั้น ถ้าผู้ฝึกนั้นจับนิมิตไม่ได้ ก็ใช้ปัญญาช่วยในการแก้ปัญหา อาจจะเปลี่ยนเป็นเพ่งมองน้ำที่กำลังไหลหรือตกนะครับ เพราะจะจดจำได้ง่ายกว่าครับ อาจจะพลิกแพลงเอาน้ำตกเล็กๆในบ่อเลี้ยงปลา มานั่งเพ่ง จดจำ นิมิตแทนน้ำในแก้วนะครับ เพราะจิตผู้ฝึกใหม่อาจจะไม่นิ่ง มีนิวรณ์มารบกวนได้ง่าย
    สรุป เป็นแค่ข้อคิดเห็นนะครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นครับ

    ขอให้เจริญในธรรมที่ตั้งใจไว้ครับ
     
  13. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
  14. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245

    มีข้อสังเกตุว่า

    พุทธกาล มีผู้ มีบารมีมาก เมื่อได้ฟังพระธรรม ย่อมตรัสรู้ตามได้เร็ว
    ประกอบกับ ได้เจอครูผู้เป็น สารถี เป็นผู้ฝึกอย่างเยี่ยม เป็นบรมครู
    จึงหยั่งถึงธรรมที่ควรแสดง และเหมาะกับผู้มีบารมีมาพร้อมการบรรลุ

    และอีกอย่างหนึ่งสังเกตุได้ว่า
    การทำสมาธิในพุทธกาลมีมาก
    และแน่น เป็นวสีได้เยอะ พอได้ฟัง สิ่งที่ถูกต้อง
    ย่อมเห็นสิ่งที่ต่าง เพราะตัวเองชำนาญในสิ่งที่ผิด
    พอได้ฟังในสิ่งที่ถูก จริงผลิกเป็นสัมมาทิฐิได้เร็ว
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ตบะ เป็นเรื่องของ โพธิสัตว์ ฤษี ผู้ทำฌาณนะ

    ขอกล่าวในข่ายออกจากกามอย่างเดียว

    ที่ตามขัด ตามทักชาวบ้าน ได้ให้เหตุผลไปหลายกระทู้แล้ว

    ถ้าคุณธรรมโสดา สกิคา อานาคา แล้วไปฝึกอภิญญา ยังไงก็ไม่หลงแน่

    ก็กรรมฐานใดมีบัญญัติ นิมิต อนุพยัญชนะเป็นอารมณ์ สมาธินั้นเป็น มิจฉาสมาธิ

    เพราะอะไร ตอบว่า นิมิต คือ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ นิมิตมีตัวตนย่อมมี

    อนุพยัญชนะ คือ การเดิน การนั่ง การกำหนด การกิน การเดิน การคิด เป็นเครื่องปรากฏกิเลส

    การถือ นิมิต อนุพยัญชนะ ไม่ทำให้สงัดในอกุศล เพราะที่ระลึกอยู่นั้นเป็นโมหะ โลภะที่ระลึก

    เป็น กูเห็น กูรู้ กูเป็น กูเพ่ง กูหายใจ กูสงบ ฯลฯ


    ทีนี้ การทำฌาณ มีอารมณ์ปรมัตถ์ สงัดกาม สงัดอกุศล เป็นสัมมาสมาธิ แต่ไม่ใช่สัมมามรรค

    เพราะอะไร ตอบว่า ต้องอาศัยสัมมาทิฏฐิ ( ใช้พิจารณา ) สัมมาสังกัปปะ (เพื่อออกจากกาม) สัมมาวายามะ และสัมมาสติ

    ส่วน มรรคอีก๓ สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ เป็นศีลมรรค

    ควรเจริญเป็นปกติ ในชีวิตประจำวัน


    ส่วนเรื่องระลึกชาติ เห็นมาเยอะในแวดวงวิปัสสนา

    แล้วก็ไปยึด ไปติดว่าชาติก่อนตนเป็นนั้น เป็นนี่

    สำคัญติดในอารมณ์นั้น ชาติก่อนตนหรูหน่อยก็ลำพองใจ

    หนักเข้าก็เป๋เข้าพงไปเลย ทั้งที่มันจบไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ให้ยึดแล้ว

    มันอยู่ที่วางใจอย่างไร เห็นภัยในวัฏฏะหรือไม่ น่าจะเป็นประโยชน์กว่า
     
  16. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    หนังสือ ลักขณาทิจตุกะ คำภีร์ที่นักดูจิตพลาดไม่ได้

    เห็นว่ามีประโยชน์ และที่สำคัญเลิกพิมพ์นานแล้ว เพราะหาคนศึกษาและสนใจมีน้อยมาก

    ผมซื้อมา ๓๐ เล่ม ตั้งใจให้เพื่อนนักอภิธรรม ถ้าสนใจ PM มาครับ

    ทุกอย่างฟรี ปราถนาให้ออกจากกาม แยกกุศล อกุศลเป็น



    วิชาโต้ตอบนิพพานนั้น ไม่มีครับ นิพานแล้วไม่มีเหตุแล้ว

    ถ้าโต้ตอบ พบผู้ถึงนิพพาน แปลว่า นิพานยังเป็นส่วนผล

    ถ้าพิจารณาต่อแบบพุทธ สิ่งใดเป็นผล สิ่งนั้นก็ต้องเป็นเหตุอีกทีหนึ่ง


    ส่วนโมนยิทธิ ไม่เคยเพียรครับ ลงค้นในเวปนี้ดูน่าจะได้อะไรบ้าง

    ส่วนที่พบในพระไตรปิฏก เขาว่า เหมือนถอดหญ้าปล้อง ลองค้นดูครับ

    ถามคุณภานุเดชก็ได้ น่าจะรู้ลึกว่า


    อนุโมทนานะครับ
     
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ถามนัก อภิธรรมจ๋า ที่ ศรัทธาอินทรีย์ ง่อนแง่น ว่า

    หาก อภิญญา การทำฤทธิ์ เป็น ธรรมอันเลว ถามว่า เมื่อ บรรลุธรรม
    แล้ว ทำไมบางคน ก็ยังทำฤทธิ์ได้อยู่ บางคนระลึกชาติได้เพิ่มเป็นอันมาก
    บางคนระลึกชาติของผู้อื่นได้ด้วย

    หาก สิ่งนั้นเป็น ธรรมอันเลวจริง ทำไม ถึงยังปรากฏอยู่ และ บางคน
    ก็สามารถทำได้เพิ่ม

    หาก ศรัทธาต่อพระพุทธองค์ง่อนแง่น ไม่ได้เรื่องได้ราว ก็จะไขความสะอาดไม่ได้

    หาก ศรัทธาต่อพระพุทธองค์ไม่ง่อนแง่น ยอมไขความสะอาดหมดจรดได้ไม่ยาก
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ถูกต้อง และอนุโมทนาด้วยครับ

    ท่านเหล่านั้นสั่งสมมากันมาแล้วทั้งนั้น

    ในพระสูตรจะกล่าวถึงอดีตชาติ อดตีกรรมที่สั่งสมมาบ่อยๆ

    ว่าอะไรเป็นเหตุให้เสวยวิบากเช่นนั้น


    ประเด็นมันอยู่ที่ สมัยนี้จะเอาสัทธรรมที่ไหนมาพลิกเป็นสัมมาทิฏฐิ

    มันก็ต้องอาศัยศึกษาพระธรรมก่อน ยังสัมมาทิฏฐิที่ไม่เกิดให้เกิดก่อน

    จากนั้น จะนั่ง จะเดิน จะเข้าถ้ำยังไงก็เป็นสัมมาทิฏฐิ ^^
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เวลา ผู้ประเสริฐ รู้ถ้วนใน เหตุของการเกิดของบุคคล

    ผู้ประเสริฐแต่โง่เป็นวาสนา ย่อม ตำหนิ กำพืดที่นำคนนั้นมาเกิด ใช่หรือไม่

    ผู้ประเสริฐที่ฉลาด ศรัทธาไม่ง่อนแง่น ย่อม หาอุบายในการพูดเพื่อการฝึก ใช่หรือไม่
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ประเด็นมันจึงอยู่ที่ การฉลาดในการพูด การฉลาดในการให้อุบาย

    ไม่ใช่ โง่ ไปเอาตรงจี้กำพืดที่นำมาเกิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...