ขอเชิญร่วม บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย TEERAYUTH, 30 กรกฎาคม 2011.

  1. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    เนื่องจากพระอุโบสถ วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา
    ซึ่งใด้สร้างเมื่อปี พศ.1920 มาจนถึงปัจจุบันก็ 634 ปี
    ประวัติ หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทองสร้างเมื่อ 1920
    สมัย อยุธยาตอนต้น
    หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง เป็นพระศิลป อู่ทอง อยุธยาตอนต้น
    มีพุทธลักษณะงดงามมาก สร้างเมื่อ พศ. 1920
    ในยุคสมัยพระเจ้าอู่ทอง เมื่อถึงปัจจุบันก็มีอายุ 634 ปี หน้าตัก 3.90 เมตร สูง 5.30 เมตร ก่ออิฐถือปูนแล้วลงลักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่ศักศิทย์


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8337.JPG
      IMG_8337.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127 KB
      เปิดดู:
      5,750
    • IMG_8350.JPG
      IMG_8350.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.6 KB
      เปิดดู:
      4,446
    • IMG_8351.JPG
      IMG_8351.JPG
      ขนาดไฟล์:
      128.9 KB
      เปิดดู:
      1,884
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  2. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    องค์หลวงพ่อใด้มีการชำรุดหลายแห่ง


    [​IMG]


    [​IMG]









    <TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป[/FONT]

    ...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ

    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป

    ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป

    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]--------------------------------------------------[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]... ฯลฯ[/FONT] ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ [/FONT]

    -----------------------------------

    วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี [/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif](คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำ[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๑. เมื่อเกิดไปในภพใดชาติใด สมบัติใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมีในยุคนั้นเราจะเป็นผู้ครอบครองสมบัตินั้น เพราะได้ทำบุญด้วยทองคำซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นธาตุที่เลิศที่สุด[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๒. สามารถเข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐี ที่ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์สมบัติอันมากมาย เพราะได้บริจาคทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา และเนื้อนาบุญอันเลิศ[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๓. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติอันงดงาม ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย เพราะทำบุญด้วยทองคำ ซึ่งเป็นธาตุที่งามอยู่ในตัวเองตั้งแต่เริ่ม และมีความงามเป็นอมตะ ไม่หมองคล้ำ ผุกร่อน แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นพัน ๆ ปี[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๔. เกิดในตระกูลสูง เข้าถึงฐานะอันสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือเกรงใจของเหล่ามนุษย์และเทวา เพราะขึ้นชื่อว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๕. เป็นผู้มีบุตร บริวาร ให้ความเคารพกตัญญู อยู่ในโอวาท เพราะได้ทำทานด้วยความเคารพ ความกตัญญูที่มีต่อ มหาปูชนียาจารย์[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๖. เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เพราะได้ทำทานที่ประกอบไปด้วยปัญญา บูชาผู้ที่ปัญญาถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ[/FONT]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๗. ขึ้นชื่อว่าสายบุญเชื่อมกับมหาปูชนียาจารย์ และธรรมใดที่ท่านบรรลุ ก็จะสามารถบรรลุตามอย่างท่านได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงนิพพานและที่สุดแห่งธรรมได้โดยง่าย[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๘. เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เกิดในปฎิรูปเทส ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง เพราะได้สร้างเหตุแห่งความเจริญไว้ในพระพุทธศาสนา[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๙. หลังจากละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอันเป็นเลิศ ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรญเสริญ สุข ในทิพยวิมาน ฯลฯ[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ที่มาจากหนังสือ: คำน้อย ยอดคนกตัญญู หัวใจทองคำ[/FONT]​








    อ้างอิงจาก : ศ.ธรรมทัสสี: อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ​












    </TD></TR></TBODY></TABLE>อ้างอิงจาก : ศ.ธรรมทัสสี: อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> </B>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8339.JPG
      IMG_8339.JPG
      ขนาดไฟล์:
      117.1 KB
      เปิดดู:
      1,457
    • IMG_8342.JPG
      IMG_8342.JPG
      ขนาดไฟล์:
      112.7 KB
      เปิดดู:
      1,542
    • IMG_8343.JPG
      IMG_8343.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.6 KB
      เปิดดู:
      1,504
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  3. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    องค์หลวงพ่อในจุดต่างๆทีเริ่มมีรอยร้าวและทองที่ปิดองค์หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทองเดิมมีความหมองและมีการหลุดร่อน และที่ฐาน
    ชุกชี ก็มีรอยร้าวโดยทั่ว
    ส่วนพระองค์ด้านหน้า 2 องค์ ซ้าย ขวา
    ปั้นขึ้นมาใหม่ช่วงหลัง 2500 ต้นๆ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8341.JPG
      IMG_8341.JPG
      ขนาดไฟล์:
      136.1 KB
      เปิดดู:
      224
    • IMG_8346.JPG
      IMG_8346.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.7 KB
      เปิดดู:
      1,536
    • IMG_8457.JPG
      IMG_8457.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149 KB
      เปิดดู:
      1,383
    • IMG_8458.JPG
      IMG_8458.JPG
      ขนาดไฟล์:
      145.1 KB
      เปิดดู:
      143
    • IMG_8459.JPG
      IMG_8459.JPG
      ขนาดไฟล์:
      140.4 KB
      เปิดดู:
      1,318
    • IMG_8461.JPG
      IMG_8461.JPG
      ขนาดไฟล์:
      179.6 KB
      เปิดดู:
      1,369
    • IMG_8462.JPG
      IMG_8462.JPG
      ขนาดไฟล์:
      140.1 KB
      เปิดดู:
      1,355
    • IMG_8463.JPG
      IMG_8463.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157.6 KB
      เปิดดู:
      115
    • IMG_8464.JPG
      IMG_8464.JPG
      ขนาดไฟล์:
      132.2 KB
      เปิดดู:
      1,429
    • IMG_8469.JPG
      IMG_8469.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154 KB
      เปิดดู:
      1,355
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  4. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    พระอุโบสถวัดญาณเสนใด้เกิดชำรุดทรุดโทรมตามอายุ
    โดยเมื่อปี2552
    ท่าน พระครูวิสุทธิกิติวงค์ (เจ้าอาวาสวัดญาณเสน)
    ใด้มีโครงการเริ่มที่จะบูรณะปฎิสังขรณ์ตัวพระอุโบสถ
    ที่มีการชำรุดมาก จึงใด้เริ่มโครงการเมื่อปี 2552 ใด้มีการ
    จัดตั้งองค์กฐินในปี 2552 และ 2553 เพื่อที่จะเป็นทุนในการ
    บูรณะซึ่งคาดงบประมาณในการบูรณะครั้งนี้ประมาณ 4000000 กว่าบาท ซึ่งใด้มีผู้มีจิตศัทธาในการร่วมบุญ และเมื่อต้นปี 2554 จึงใด้เริ่มลงมือ บูรณะปฎิสังขรณ์มาเรื่อยๆ จนวันนี้ก็เกือบเสร็จสมบูรณ์สวยงาม และจะมีการฉลองพระอุโบสถที่ปฎิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยในงานกฐินวัดญาณเสนปีนี้
    เมื่อปฎิสังขรณ์พระอุโบสถเรียบร้อยแล้วยังมี
    หลวงพ่อพระประธานในพระอุโบสถ
    หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง ยังมีการชำรุดในหลายส่วน จึงมีความเห็นว่า ควรจะมีการปฎิสังขรณ์องค์หลวงพ่อโดยจะทำการลงรัก ปิดทององค์หลวงพ่อใหม่ทั้งองค์ ซึ่งงบประมาณที่ใช้ 1000000 กว่าบาทซึ่งจะเป็นการทำบุญกฐินวัดญาณเสน ปีนี้เป็นหลัก และเปิดให้ทุกๆท่านใด้ร่วมบุญใหญ่ นี้กันครับ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2011
  5. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    [​IMG]

    หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง เป็นพระศิลป อู่ทอง อยุธยาตอนต้น
    มีพุทธลักษณะงดงามมาก สร้างเมื่อ พศ. 1920
    ในยุคสมัยพระเจ้าอู่ทอง เมื่อถึงปัจจุบันก็มีอายุ 634 ปี หน้าตัก 3.90 เมตร สูง 5.30 เมตร ก่ออิฐถือปูนแล้วลงลักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่ศักศิทย์ วัดญาณเสนนี้ตั้งอยู่ติด บึงพระราม (หนองสโน) บริเวณที่ตั้งของเมืองกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก ซึ่งวัดญาณเสนนี้ตั้งอยู่ห่างจาก วัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ ประมาณ 300 เมตร
    เมื่อครั้งที่หลวงปู่ชื้น พุทธสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดญาณเสน ที่ท่านยังทรง สังขารอยู่ท่านเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง พระประธานที่ศักศิทย์ว่า
    "หลวงพ่อเป็นน้องหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง อยุธยา องค์ในของหลวงพ่อเป็น ......."
    (โลหะ ล้ำค่า มีราคาสูง )

    ภายในพระอุโบสถนี้หลวงปู่ชื้น พุทธสโร ท่านใด้บำเพ็ญ
    เพียรในการทวบทวนพระธรรมวินัย ศีลของพระภิกษุ 227
    ข้อ และพุทธโอวาทต่างๆ และปฏิบัติสมาธิวิปัสนา กรรมมฐาน กับ พระอาจารย์เสน เตชธัมโม (อาจารย์ เต )ภายในพระอุโบสถ หลังนี้ เมื่อต้นปี 2500 ต่อหน้าองค์หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง
    2 เดือน กับ 27 วัน
    จนท่านใด้บรรลุธรรมชั้นสูง
    ระหว่างที่นั่งในพระอุโบสถเวลาใกล้รุ่ง หลวงปู่ชื้น เกิดนิมิต
    ในพระอุโบสถเกิดสว่างไสวไปหมด เห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิลอยมา 3 พระองค์ มีรัตนจักร เปล่งรัศมีโชติช่วง
    หมุนอยู่ระหว่างกลางองค์พระพุทธเจ้า ทั้ง 3 พระองค์
    เมื่อหลวงปู่ชื้นท่านถอนสมาธิ ก็เกิดความสว่างไสวขึ้นภายใน
    ดวงใจ เต็มไปด้วยความปิติ ความสุข ต้องการนึกสิ่งใด รู้สิ่งใด
    ก็มีความรู้ขึ้นเสร็จ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  6. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    ช่องทาง ที่ร่วบุญใด้ที่วัดญาณเสนโดยตรง

    หรือ

    โอนเงินเข้าบัญชีวัดญานเสน

    ธนาคารกรุงเทพ สาขา อยุธยา ชื่อบัญชี วัดญาณเสน
    บัญชีเงินฝาก สะสมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 3224151203

    โทร..
    035 251754
    035 252908<!-- google_ad_section_end -->

    อนุโมทนาบุญครับ......<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  7. ฮาศาตร์

    ฮาศาตร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +28
    ข้อมูลครบถ้วน
    อุตส่าห์สละเวลามาบอกงานบุญ
    ขอให้บูรณะซ้อมแซมหลวงพ่อท่านให้สำเร็จโดยไว สาธุๆ ช่วยไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จนะ
    ช่วยแล้วต้องช่วยให้ถึงที่สุด อย่าทิ้งท่านละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2011
  8. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    [​IMG]
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญบูรณะพระอุโบสถ
    และปิดทองหลวงพ่ออู่ทองและพระพุทธรูป
    และสร้างกุศลทุกอย่างด้วยครับ
    การสะสมบุญ คือ การสะสมความสุข
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    กระผมจะส่งปัจจัยไปร่วมทำบุญด้วยครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  9. a_ps

    a_ps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +2,994
    ข้าพเจ้าตั้งใจเป็นเจ้าภาพร่วมในบุญ
    บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา
    ตามดำริแห่งคณะเจ้าภาพในโครงการ/กิจกรรมนี้ทั้งหมด
    น้อมถวายแด่คณะสงฆ์ด้วยกำลังใจมิมีประมาณ

    บุญความดีทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมไว้ด้วยดีแล้วจะเกิดประโยชน์เกิดความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด
    ขอยกขึ้นน้อมถวายบูชาคุณพระรัตนตรัย บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกพระองค์ทุกท่าน

    อิทังปุญญะผะลัง
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยล่วงเกินมาแล้ว
    แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช
    ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน
    แม้หากข้าพเจ้าจะยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า “ไม่” ทั้งหลายจงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้าจนกว่าจะถึงพระนิพพานด้วยเทอญ

    โมทนาบุญทั้งหมดกับทุกท่านด้วยครับ สาธุ+++ / a_emwork_numboon

    หมายเหตุ โอนเงินร่วมบุญในการนี้เรียบร้อยครับ
     
  10. PAPANGKORN PRAMWONG

    PAPANGKORN PRAMWONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +269
    อนุโมทนาสาธุในงานบุญ
    บูรณะซ่อมแซมโบสถ์และหลวงพ่ออู่ทองด้วยครับ
     
  11. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    [​IMG]

    พระอุโบสถวัดญาณเสนเดิม ก่อนทำการบูรณะปฎิสังขรณ์

    [​IMG]

    พระอุโบสถวัดญาณเสน ที่ทำการบูรณะในปัจจุบันเกือบแล้วเสร็จ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8455.JPG
      IMG_8455.JPG
      ขนาดไฟล์:
      133 KB
      เปิดดู:
      1,392
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  12. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    [​IMG]

    องค์หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทองหลายจุดขององค์หลวงพ่อที่ชำรุด

    [​IMG]


    [​IMG]

    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป[/FONT]​

    ...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป

    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า...

    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"

    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเหนือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ

    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก

    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป

    ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทองปิดพระพุทธรูป

    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]--------------------------------------------------[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]... ฯลฯ[/FONT] ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เกิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำบุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งปรากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดในใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีกว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงาน สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปูตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองคนตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ทำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัยอานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้นหลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาและนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองคำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูกของมหาเศรษฐี..ฯลฯ [/FONT]​


    ----------------------------------- ​


    วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโรธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริงหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด้วย[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเหมือนกัน[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี [/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจนเข็ญใจ"[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรวยมาก นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่านปิดทองทุกองค์[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif](คัดลอกบางตอนจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๗๔ มีนาคม ๒๕๓๖)[/FONT]​



    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]อานิสงส์ทำบุญด้วยทองคำ[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๑. เมื่อเกิดไปในภพใดชาติใด สมบัติใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเลิศที่สุดเท่าที่มนุษย์พึงมีในยุคนั้นเราจะเป็นผู้ครอบครองสมบัตินั้น เพราะได้ทำบุญด้วยทองคำซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นธาตุที่เลิศที่สุด[/FONT]​


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๒. สามารถเข้าถึงฐานะแห่งความเป็นมหาเศรษฐี ที่ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์สมบัติอันมากมาย เพราะได้บริจาคทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา และเนื้อนาบุญอันเลิศ[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๓. เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติอันงดงาม ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย เพราะทำบุญด้วยทองคำ ซึ่งเป็นธาตุที่งามอยู่ในตัวเองตั้งแต่เริ่ม และมีความงามเป็นอมตะ ไม่หมองคล้ำ ผุกร่อน แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นพัน ๆ ปี[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๔. เกิดในตระกูลสูง เข้าถึงฐานะอันสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือเกรงใจของเหล่ามนุษย์และเทวา เพราะขึ้นชื่อว่าบูชาบุคคลที่ควรบูชา ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุด[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๕. เป็นผู้มีบุตร บริวาร ให้ความเคารพกตัญญู อยู่ในโอวาท เพราะได้ทำทานด้วยความเคารพ ความกตัญญูที่มีต่อ มหาปูชนียาจารย์[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๖. เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ เพราะได้ทำทานที่ประกอบไปด้วยปัญญา บูชาผู้ที่ปัญญาถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๗. ขึ้นชื่อว่าสายบุญเชื่อมกับมหาปูชนียาจารย์ และธรรมใดที่ท่านบรรลุ ก็จะสามารถบรรลุตามอย่างท่านได้โดยง่าย สามารถเข้าถึงนิพพานและที่สุดแห่งธรรมได้โดยง่าย[/FONT]



    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๘. เป็นผู้มีสัมมาทิฐิ เกิดในปฎิรูปเทส ในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรื่อง เพราะได้สร้างเหตุแห่งความเจริญไว้ในพระพุทธศาสนา[/FONT]



    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]๙. หลังจากละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอันเป็นเลิศ ถึงพร้อมด้วยลาภ ยศ สรรญเสริญ สุข ในทิพยวิมาน ฯลฯ[/FONT]


    [FONT=trebuchet ms,sans-serif]ที่มาจากหนังสือ: คำน้อย ยอดคนกตัญญู หัวใจทองคำ[/FONT]​











    อ้างอิงจาก : ศ.ธรรมทัสสี: อานิสงส์ทำบูญด้วยทองคำ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  13. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    [​IMG]

    องค์หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทองหลายจุดขององค์หลวงพ่อที่ชำรุด
    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  14. bhipattpon

    bhipattpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +1,516
    ร่วม บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา
    โดยได้โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม เข้าธนาคารกรุงเทพ วันที่ 31 ก.ค.54 เวลา 08.43 น. จำนวน 1,000 บาท
    ขออนุโทนาบุญกับทุกท่านครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011
  15. fujiayu

    fujiayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,001
    ร่วมทำบุญ "บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา"
    โอนเงินแล้ววันนี้ 250 บาท ขออนุโมทนากับทุกท่าน....

     
  16. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    <TABLE id=post4940551 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bhipattpon<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4940551", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัคร: Apr 2009
    ข้อความ: 136
    พลังการให้คะแนน: 63 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4940551 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ร่วม บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา
    โดยได้โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม เข้าธนาคารกรุงเทพ วันที่ 31 ก.ค.54 เวลา 08.43 น. จำนวน 1,000 บาท
    ขออนุโทนาบุญกับทุกท่านครับ
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bhipattpon : เมื่อวานนี้ เมื่อ 11:00 AM

    <TABLE id=post4941343 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->fujiayu<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4941343", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2007
    อายุ: 49
    ข้อความ: 197
    พลังการให้คะแนน: 105 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4941343 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ร่วมทำบุญ "บูรณะปิดทอง หลวงพ่อพระเจ้าอู่ทอง อายุ 634 ปี วัดญาณเสน จ.อยุธยา"
    โอนเงินแล้ววันนี้ 250 บาท ขออนุโมทนากับทุกท่าน....


    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    การฉลองกฐินวัดญาณเสนปีนี้จะรับกฐินกันที่ในพระอุโบสถวัดญาณเสน
    เลยเพื่อที่จะใด้รับใด้เห็นผลบุญที่พวกเราใด้ทำๆ กันมาตั้งแต่ปี 2552-53 และในปีนี้เงินทั้งหมด ก็ใด้ร่วมบุญปฎิสังขรณ์พระอุโบสถจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ กฐินวัดญาณเสนปีนี้ใด้จัดทำของที่ระลึก เป็นที่แขวนหน้ารถ มี 2 แบบ แบบปรกติสีแดง แจกกรรมการ และแบบที่องค์ท้าวเวทสุวรรณองค์เป็นทอง แจกกกรรมการพิเศษ<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG]

    [​IMG]


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
     
  18. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราอนุโมทนามหาบุญด้วยนะครับ
     
  19. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

    ในวัฏฏังคุลีชาดก กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ถวายนมัสการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วทูลถามว่า “บุรุษ สตรีผู้หนึ่งผู้ใด เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากร กระทำรูปเปรียบจำลองพระพุทธองค์ ขึ้นไว้ จะได้ประมาณอานิสงส์เช่นไรพระพุทธเจ้าข้า”

    สมเด็จพระบรมศาสดามีพระพุทธดำรัสว่าดูกร มหาบพิตร ผู้เป็น มหาราชบุรุษหรือสตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา เมื่อได้สร้างพระพุทธปฏิมากรไว้ในพระพุทธศาสนา พระพุทธปฏิมากรนั้น บุคคลจะสร้างด้วยดินเหนียว หรือศิลาก็ตามหรือทำด้วยโลหะแลทองแดงก็ตาม จะทำด้วยไม้ แลสังกะสี ดีบุกก็ตาม จะทำด้วยรัตนะ เงินทองก็ตาม ผู้ที่สร้างทำนั้น จักได้อานิสงส์ผลอันมากพ้นที่จะนับประมาณ การที่สร้างพระพุทธปฏิมากร หรือปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปก็ดี เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งยังเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร ครั้งเมื่อตถาคตเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เห็นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรซึ่งทำด้วยดินเหนียวหักขาดไปนิ้วหนึ่ง จึงนำเอาดินเหนียวมาปั้นทำให้เป็นบริบูรณ์เป็นปกติ แล้วทำการสักการบูชาด้วยมาลาแลของหอม ครั้งทำลายเบญจขันธ์ ก็ได้เสวยสมบัติในสวรรค์ ได้เป็นบรมกษัตริย์ในมนุษย์โลก สิ้นกาลนาน ภายหลังเมื่อโพธิสมภารพุทธการกธรรมเต็มบริบูรณ์แล้วก็ได้ตรัสรู้เป็นพระ พุทธเจ้า” แล้วทรงเทศนาถึงอดีตชาติของพระองค์ ดังนี้

    ในอดีตกาล มีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อ กุลภัทรกุมาร ไดัชักชวนพ่อค้าทั้งหลายเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ระหว่างทางเขาเห็นพระพุทธปฏิมากรทำด้วยดินเหนียวองค์หนึ่ง ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอาราม ในป่าชัฏ พระพุทธปฏิมากรนั้น มีนิ้วพระหัตถ์หักไปนิ้วหนึ่ง จึงเอาดินเหนียวมาขยำกับน้ำอ้อย ปั้นนิ้วพระหัตถ์พระพุทธปฏิมากรปฏิสังขรณ์ให้เต็มบริบูรณ์ทั้ง ๕ นิ้ว แล้วเอาเงิน ๕ กหาปนะ ให้หญิงทาสีคนหนึ่ง คอยปฏิบัติรักษา พระพุทธปฏิมากรนั้น และให้มูลค่าประทีป เทียน แลมาลา ของหอม สำหรับบูชาพระปฏิมากรนั้นด้วย ครั้นบูชาแล้ว จึงตั้งความปรารถนาด้วยว่า “อานิสงค์ที่ข้าพเจ้าได้ปฏิสังขรณ์นิ้วพระหัตถ์นี้ ขึ้นชื่อว่าข้าศึกศัตรูทั้งปวง อย่าให้มีเฉพาะหน้าข้าพเจ้าเลยอนึ่งขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้เป็นสัพพัญญูพระ พุทธเจ้าในอนาคตด้วยเถิด”


    นับแต่นั้นมา ข้าศึกศัตรูและ ร้ายทั้งหลายทั้งหลาย แม้แต่งู ตะขาบ และแมลงป่อง เป็นต้น ก็มิได้กล้ำกลายกุลภัทรกุมาร เมื่อตายไปได้เกิดเป็นเทพในสวรรค์ พวกอสูรในเทวโลกก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พากันหนีหมด เมื่อปฏิสนธิในครรภ์พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี เทพบุตรซึ่งเป็นบริวารพันหนึ่งก็มาเกิดในครรภ์ของภรรยาพวกอำมาตย์ เมื่อประสูติพระกุมารแล้ว ในกาลนั้น ทั้งหลายมีช้าง แลม้าเป็นต้น แม้จะดื้อเพียงใด เมื่อพระราชกุมารยกนิ้วพระหัตถ์ชี้มาในกาลใด เหล่านั้นก็ซวนเซล้มลงพระราชกุมารจึงได้พระนามว่า “วัฏฏังคุลีราชกุมาร”


    เมื่อได้ครองราชย์เป็น “พระเจ้าวัฏฏังคุลีราชโพธิ ” ประกอบด้วยเมตตากรุณา ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดเลย ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในกาลนั้นพระยาร้อยเอ็ดทั้งหลายในชมพูทวีปจึงปรึกษากันจักไปชิงราชสมบัติ ของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช เพราะเห็นว่าพระองค์ไม่ฆ่า เลย คงได้เมืองมาโดยง่ายเมื่อยกทัพมาประชิดเมืองของพระเจ้าวัฏฏังคุลีราช พระองค์เพียงชี้นิ้วพระหัตถ์ พวกพระยาร้อยเอ็ดและเหล่าทหารก็ตกจากยานพาหนะและหกล้มระเนระนาด พระยาร้อยเอ็ดจึงสวามิภักดิ์ยอมเป็นประเทศราชของพระโพธิ สมเด็จพระทศพลจึงตรัสพระคาถาว่า บุคคลผู้สร้างพระพุทธรูปนั้น จะได้เป็นพระอินทร์ ๘ ครั้ง จะได้เป็นสมเด็จบรมจักรพรรดิ ๘๐ ชาติหรือ ๑๐๐ ชาติ จะได้เป็นพระราชานับประมาณไม่ได้ ผลแห่งการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปนั้น ไม่ควรคิดว่ามีค่าเท่าใดเพราะเป็นอจินไตย ประมาณไม่ได้ บุคคลผู้ก่อสร้างพระพุทธรูปด้วยปีติเลื่อมใสแล้วจะเกิดในสวรรค์สิ้นกาลนาน ผู้ปลูกมหาโพธิ์ นรชนผู้บวชตน นรชนผู้สร้างพระปฏิมากร นรชนสามจำพวกนี้ จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้.....
     
  20. TEERAYUTH

    TEERAYUTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    5,056
    ค่าพลัง:
    +7,851
    รายใด้ร่วมปฎิสังขรณ์พระอุโบสถ ที่หลวงปู่ชื้นท่าน สำเร็จในพระอุโบสถนี้

    มีพระอุโบสถกว้าง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>6 เมตร ยาว <st1:metricconverter ProductID="10 เมตร" w:st="on">10 เมตร</st1:metricconverter>
    โครงการก่ออิฐถือปูน บูรณะใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2513
    [​IMG]
    [​IMG]
    บริเวณ พระอุโบสถ วัดญานเสน ที่ชำรุดทรุดโทรม
    [​IMG]

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    พระประธานองค์กลาง เป็นพระเก่าสมัยอยุธยาตอนต้น ที่หลวงปู่ชื้น ท่านเคยบอกว่าเป็นน้องหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงองค์ใน
    เป็น........ เก็บเป็นความลับ เป็น โลหะล้ำค่า<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...