วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    กลับมาเรื่องการปฏิบัติเพื่อความดีกันต่อครับ

    การมีสหธรรมมิก เพื่อนทางธรรมนั้น เป็นวาสนาที่ช่วยเกื้อกูลให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าขึ้น

    ช่วยสะกิดให้เราเข้าใจในหลายๆสิ่ง
    ช่วยเตือนเราในสิ่งที่เราพลาด เราพลั้งไปในการปฏิบัติ

    สหายธรรมนั้น เป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้ง ถึงก้นบึ้งของหัวใจ บางคนเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็เหมือน เคยรู้จักกันมานานหลายชาติ หลายภพ

    เพื่อนทางโลกหลายคน คบหาเพียงเปลือกชั้นนอกของเรา รู้จักเรายังไม่ถึงผิวแท้ที่เราเป็น

    แต่เพื่อนทางธรรม "แค่มองจิตก็รู้ใจ " เห็นวิสัย คำอธิฐาน ปฏิปทา ของเรา ว่าแก่นของใจเราคืออะไร

    เป็นมิตรภาพที่อบอุ่น งดงาม ในทางธรรม

    ต่างคน ต่างชื่นชมในปฏิปทาของกันและกัน

    หวังดีกับความก้าวหน้าในธรรมของกัน

    ผมได้เจอพี่ท่านหนึ่ง ที่ผมขอยกย่องเป็นพี่ชายของผม

    ในการปฏิบัติธรรมมา ผมยังไม่เจอฆราวาสที่วางใจได้อย่างพี่ท่านนี้เลย

    พี่ท่านนี้ ท่านวางกำลังใจในการปฏิบัติไว้ดังนี้

    นอกจากความเคารพในพระรัตนไตรอย่างที่สุดแล้ว
    ท่านก็ทรงศีลเป็นปรกติ
    มีการเจริญอาณาปานสติกรรมฐานแบบแทบจะไม่คลาดจากใจเลย
    การทรงฌาน ทรงมโนมยิทธิ เป็นปรกติ ของท่านอยู่ตลอดเวลา

    และที่สำคัญ ปฏิปทาของท่านนั้นไม่ธรรมดา
    ท่านทรงฌานในเมตตาอัปปันณานญาณ เป็นปรกติของใจ ตลอดทุกที่ที่ท่านไป ท่านจะแผ่เมตตาเพื่อเกื้อบุญกุศลให้แก่ทุกดวงจิต ที่อยู่บริเวณนั้น ให้ได้รับผล ผู้ที่พึงเลื่อนภพภูมิไปสู่ที่ ที่ดีกว่าได้ก็ได้ไปเสวยบุญที่ยิ่งขึ้นไป

    และในทุกก้าวย่าง ก้าวเหยียบ ปฐพี ของท่านท่านก็ปรารถนาในสรรพสัตว์ที่ถมกายตายลง ณ จุดนั้น ได้รับกุศล และไปเกิดยังภพที่ดีกว่าเช่นกัน เป็นมรณานุสติ ควบเมตตาญาณ

    งานที่พวกเราชาวเวบพลังจิตพิชิตภัยพิบัติก็ได้พี่ท่านนี้ ช่วยเหลืออยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครได้ทราบมาก่อน นอกจากที่ท่านอธิฐานจิตช่วยให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นแล้ว ท่านยังช่วยใช้เมตตาฌาน เบิกเส้นทาง และการทำงานให้กับพวกเราให้ปลอดภัยด้วย

    มีจุดหนึ่งที่ผมประทับใจในพี่ท่านนี้ ก็คือ ท่านสอนแบบสะกิดให้เรารู้ว่าเรายังวางอารมณ์ใจยังไม่ถูกในบางเรื่อง แบบที่เราจะทราบเองว่าเป็นการสอนด้วยความเอื้อเฟื้อในธรรมอย่างแท้จริง หวังผลเพื่อให้เราก้าวหน้าในการปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นการกล่าวทับกันแต่อย่างไร

    สิ่งที่ผมได้จากพี่ท่านก็คือ

    "การวางตัวของผมที่มีต่อเทวดา พรหม รวมทั้งท่านผู้ที่ไม่มีกายเนื้อทั้งหลาย แต่เดิม ผมจะว่าของผม ตามที่ทราบในจิต ในสมาธิ ท่านที่เปนพ่อ เป็นแม่ก็ว่าตามนั้น ท่านที่เป็นเพื่อน ก็เพื่อน ท่านที่เป็นคู่ บ้าง เป็นบริวาร บ้างก็ว่าไปตามนั้น

    แต่สำหรับที่พี่ท่านได้เมตตาสอนผม ท่านบอกว่า เรายังมีกายเนื้อ ยังมีความสกปรกมาก ส่วนท่านทั้งหลายที่ไม่มีกายเนื้อนั้น อยู่ในภพภูมิที่ดีกว่า สูงกว่าเราทั้งสิ้น พี่กราบทุกท่านไม่ว่าเป็นท่านใดก็ตาม ให้เป็นพ่อ เป็นแม่ ด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยวิสัยของพ่อ ของแม่นั้น ย่อมหวังดีต่อบุตร ไม่ทำร้ายบุตรฉันใด เทวดาพรหมทั้งหลายที่เรายกย่องท่านให้เป็นพ่อแม่ย่อมดูแลคุ้มครองเราผู้เป็นบุตรด้วยความเอ็นดูฉะนั้น นี้เป็นประการที่หนึ่ง

    ส่วนประการที่สอง ก็เพื่อเป็นการลด ละ กิเลส ความมานะในจิตของตัวเราเอง อันเป็นกิเลสที่ละเอียด "

    นับเป็นการวางอารมณ์ใจที่ถูกต้องและมีเหตุผล อย่างยิ่งครับ ผมได้น้อมมาปฏิบัติและขอแนะนำท่านทั้งหลายในข้อการปฏิบัติในเทวดานุปัสนา กองนี้ครับ

    ธรรมใด บุญใดที่ผมได้บำเพ็ญแล้วนับแต่อดีต ปัจจุบันและจะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต ผมของน้อมถวายสู่ ใจอันงดงามของเพื่อนสหธรรมมิก สหายธรรมทั้งหลาย ตลอดไปครับ และขอเป็นสหธรรมมิกที่ดี ของทุกท่านตลอดไช่นกัน เทอญ
     
  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ได้ติดตามอ่านโพสต์ของคุณKANANUN ได้รับความรู้มากขึ้น เข้าใจมากขึ้น สิ่งที่ผมเคยปฏิบัติมา คือ ครั้งแรกที่ฝึกนั่งสมาธิเมื่อปี 2533 ผมศึกษาเองจากตำราที่ซื้อมาจากโลกทิพย์ของดร.คนอง เนินอุไร แต่พอไปปรากฏว่า เมื่อถึงระดับไปแล้วมีอยู่วันหนึ่งปรากฏความรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในห้อง เหมือนไม่มีตัวต้น มันเงียบจนเสียงวิทยุจากห้องรุ่นน้องที่อยู่ห่างไปแค่ 2-3 เมตรแผ่วเบา มาก จนผมคิดเราปฏิบัติพลาดหรือเปล่า มันเหมือนลอยอยู่ในอากาศไม่มีความรู้สึกว่ามีมือหรือแขนขาอยู่ แต่เพราะความผิดพลาดทนการเย้ายวนกิเลสไม่ได้จึงไปทำผิดพลาดในศิลข้อ 3 เลยเลิกปฏิบัติไป พอมาเริ่มต้นใหม่ผมไปฝึกที่วัดอัมพวัน ก็มีอาการเห็นมีแสงมาจากข้างบนตัวหมุนแล้วปรากฏภาพตอนเป็นทหาร กำลังวางระเบิดดักทหารเวียตนาม และภาพทหารเวียตนามขาขาดและกำลังพยาบาลรักษาในกระท่อม แต่ปัจจุบันผมปฏิบัตินั่งสมาธิวันละ 30 นาที เพราะต้องรีบไปทำงาน มีอาการเพียงตัวแข็งเหมือนถูกเชือกรัดหรือตัวพองขยาย พออาการหายไปก็ได้เวลาที่นาฬิกาปลุกพอดี ผมก็ทำตามวิธีการคุณKANANUN แนะนำการถอนออกจากสมาธิ เพราะเมื่อก่อนออกทันที่มันจะตุกเหมือนรถที่เบรคแบบกระทันหัน สมองนี้มึนตึบเลยเหมือนกระแทกของแข็ง ช่วยแนะนำวิธีปฏิบัติที่จะให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นด้วยครับ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบ คุณมารีน24 ครับ

    อาการที่เคยปฏิบัติสมาธิมาในครั้งแรกๆแล้วมีอาการ หูหรี่ ไม่ค่อยได้ยินเสียง นั้น เพราะจิตเริ่มเข้าสู่สมาธิ ระดับฌาน ถ้าจิตเข้าถึงฌานสี่ ก็จะเกิดอาการหูดับ คือไม่ได้ยินเสียงภายนอก เนื่องจากจิตได้แยกความรู้สึกออกจากกาย ไม่ใช่ปฏิบัติผิด แต่เป็นสภาวะปรกติของการปฏิบัติ ที่เราควรกำหนดรู้ด้วยใจที่เป็นอุเบกขา ไม่ตกใจ และไม่ตื่นเต้นยินดี มองให้เห็นว่าเป็นธรรมดา

    ส่วนศีลข้อสามที่พลาดไปนั้น อย่าได้ทำให้ใจเราหมองแล้วเลิกปฏิบัติ ให้วางกำลังใจว่า ถ้ายังละไม่ได้เราจะสู้ต่อไป ค่อยๆทำไปจนกว่าจะชนะ ส่วนการฝึกสมาธิเราก็จะไม่ทิ้ง เราจะทำเป็นปรกติ และให้ระลึกว่า ในยามปรกติ เราก็ยังรักษาศีลได้ สี่ข้อ มีพรหมวิหารสี่ทรงตัวอยู่
    และให้ระลึกในยามที่นั่งสมาธิ ว่า ขณะนี้เราทำความดี เรามีศีลที่สะอาดบริสุทธ์ทั้งห้าข้อ (หรือจะระลึกว่าแปดข้อก็ได้) การระลึกถึงศีลชั่วกาล ชั่วเวลาหนึ่งก็มีอานิสงค์เช่นกัน ไม่ช้าจะรวมตัว จนเป็นปรกติศีล

    ส่วนที่ไปฝึกที่วัดอัมพวันนั้น หลวงพ่อจรัญท่านเน้น เรื่องการเจริญกรรมฐานแก้กรรม ดังนั้น จึงได้ปรากฏ กรรมเก่าในอดีตของคุณขึ้นมา ให้ทราบ
    วิธีการคือ
    การแผ่เมตตาให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรที่ปรากฏ
    การขอขมาโทษและขออโหสิกรรม ให้กรรมทั้งหลายเป็นโมฆะกรรม
    การอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านเหล่านั้น


    ส่วนอาการตัวแข็งรัดมัดแน่นหรือ ตัวพองนั้น เป็นอาการของสมาธิ อาการรัดเป็นอาการของฌาน ส่วนอาการตัวพองเป็นอาการของปิติ
    วิธีการคือการกำหนดรู้ และวางเฉยเป็นอุเบกขาปล่อยอาการที่เกิดไปตามสภาวะ เราเป็นผู้ตามดูด้วยสติที่ตั้งมั่น ไม่วางอารมณ์หนักเกินไป หรือเบาเกินไป เน้นใจที่สะบายโปร่งโล่งเบา

    จากนั้น ให้ตามดูอาการของจิตไปเรื่อยๆ จนใจสะบาย จากนั้น น้อมมาพิจารณาในวิปัสนาญาณ ในสังขารร่างกาย และความทุกข์ ว่ามีเหตุแห่งทุกข์ มาจากสิ่งใด ค่อยๆทำไปทีละน้อยครับ

    ลองหาหนังสือกรรมฐานสี่สิบกอง หลวงพ่อธุดงค์ ประวัติหลวงพ่อปานและสติปัฏฐานสี่ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมาอ่านเพิ่มเติมด้วยครับ จะทำให้เข้าใจมากขึ้น

    ขอความเจริญในธรรม ในการปฏิบัติจงมีแด่คุณมารีน 24 เพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ พ้นจากวัฏฏะสงสาร สัมผัสพระนิพพานอันเป็นบรมสุขได้โดยเร็วครับ สาธุ....
     
  4. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ขอบคุณคุณkananunมากนะคะ
    เป็นคำสอนที่ประทับใจที่สุดอีกครั้งหนึ่ง

    อยากแชร์ประสบการณ์บ้างค่ะ
    ...ที่บ้านมีหลานสาวเป็นลูกครึ่งเรียนโรงเรียนในเมือง
    ก็เป็นห่วงเธอบ้างเพราะถ้าเกิดเหตุกลัวเธอจะเอาตัวรอดไม่ได้
    และเมื่อหลายวันก่อนเธอมาบ่น ว่า..
    ทำคะแนนวิทยาศาสตร์ไม่ได้ดีเท่าไหร่
    เกรดต่ำมาก..โดนพ่อดุเป็นประจำ

    ก็เลยลองสอนเธอให้จับภาพพระวิสุทธิเทพ
    เธอก็ถามว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหน
    ก็ได้อธิบายคร่าวๆให้เธอฟังและสอนให้เธอสวดมนต์ไปด้วย
    เห็นเธอพยักหงึกหงักไปตามเรื่อง..ไม่รู้ว่าเข้าใจแค่ไหน

    แต่ได้กำชับไปว่า
    เวลานั่งรถไป-กลับโรงเรียนให้นั่งหลับตาจับภาพพระ
    ถ้าเกิดเหตุภัยต่างๆจวนตัวให้นึกถึงท่าน
    และค่อยๆให้เธอนอนสมาธิ

    ผ่านไปได้สัก3อาทิตย์
    เธอมาบอกว่าได้คะแนนวิทย์ดีขึ้นมากทั้งเคมีและฟิสิกส์
    และ...เธอส่งภาพนี้ให้ค่ะ


    [​IMG]

    เราถึงกับอึ้ง
    ตอนแรก..ด้วยไม่นึกว่าเธอจะสนใจ และเอาไปปฎิบัติตาม
    เธอยังบอกอีกว่าเธอนอนสมาธิเกือบทุกคืน
    ก็ได้บอกเธอว่าให้ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวจะรู้และเข้าใจเอง

    คุณkananunมีคำแนะนำเพิ่มไหมคะ
    ขออนุโมทนาและขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ "ฝึก" อยู่นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2007
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สาธุด้วยกับคุณน้าและคุณหลานครับ

    ได้ถามพระท่าน ๆได้บอกว่าที่หลานสาวได้มโนง่ายๆด้วยอาการเพียงอธิบายง่ายๆสั้นๆนั้น เป็นเพราะบารมีเก่าของเธอในอดีตชาตินั้นมาให้ผล หลานสาวคนนี้ มีเกณฑ์ที่จะได้อภิญญาใหญ่ครับ ถ้ามีโอกาสให้เธอได้ฝึกการแผ่เมตาอัปปันนาณฌาน และการอธิฐานให้ตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิเป็นฐานให้มั่นคงไว้ก่อนครับ ไม่ช้าอภิญญาเก่าจะค่อยๆรวมตัวกันเองครับ

    ขอกราบโมทนาบุญในความดี และผลในการปฏิบัติที่กระจ่างแก่ใจของตนและบุคคลใกล้ตัวทุกๆท่านครับผม
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต้องกราบขอโทษหลายๆท่าน ที่ติดตามการปฏิบัติครับ ช่วงนี้ผมออกทริปถี่สักหน่อย ซึ่งก็ตรงกับที่ได้สังหรณ์ใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่พระท่านสั่งให้ไปครับ บางครั้งท่านก็ดลใจให้เราทำงาน โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือทราบล่วงหน้าก็บ่อยๆ

    บางทีเราแว่บไปเที่ยวเล่น ของเราคิดว่าขอแว่บซะหน่อย แต่ทำไปทำมากลับไปพบผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวเนื่องต้องไปทำงานร่วมกันก็มีครับ

    ต้องขออนุญาตออกตัวอีกครั้งว่า

    "ความเลวของผมยังมีแน่นหนาอยู่อีกมาก ยังมีธรรมที่ยิ่งกว่า มีกเลสที่ยังต้องเกลาอีกเยอะ มีบารมีที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ธรรมมะที่นำมาถ่ายทอดสู่ทุกท่านนั้น เป็นธรรมมะที่พระท่านผ่านมาถ่ายทอด ยังหมู่ชาวธรรมผู้ตั้งใจในการปฏิบัติ โปรดอย่าได้เข้าใจว่าเป็นธรรมมะจากผม ตัวผมเองได้ร่วมฟัง ร่วมเรียนรู้ตามที่พระท่านได้เมตตาสั่งสอน ถ่ายทอดให้ได้เข้าใจไปด้วยครับ
    ไอ้ความเลวของผมนั้น ผมยังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์อยู่ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อีกได้แต่กราบขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านให้พ้น นรก ไปแต่ละชาติ ๆไปตราบถึงฝั่งพระนิพพาน ยังมีแก่ มีเจ็บ มีตายอยู่ ยังไม่ดีไปได้ดอก ดีจริงได้ก็ต่อเมื่อ ถึงฝั่งพระนิพพาน หมดเกิดได้ เมื่อนั้นผมจึงจะถือว่า "ดี" เมื่อนั้น "
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อวันเสาร์ที่ได้ไปกราบ หลวงตาวัชรชัย ที่สระบุรี มาท่านได้ให้คำแนะนำและเมตตาสั่งสอนพวกเรามาหลายประการด้วยกันครับ

    ดังนั้นผมขออนุญาตนำคำสอนของท่านมาใช้ ณ บัดนี้ด้วยครับ

    "ข้าพเจ้า ขอกราบขอขมาลาโทษ ในบาป แล อกุศลทั้งปวงที่อาจบังเกิดมี ต่ บรรดา เพื่อนสหธรรมมิก และเพื่อนๆในเวบไซท์พลังจิตนี้ทุกๆท่าน ที่ข้าพเจ้าอาจได้ประมาท พลาดพลั้งล่วงละเมิด ล่วงเกินต่อท่านทั้งหลาย อาจจะด้วย กาย ก็ดี วาจา ก็ดี ทางใจ ก็ดี ทั้งที่มีเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาต่อท่านทั้งหลาย ณ กาลบัดนี้ ขอโทษทั้งหลายจงงดเว้นไว้ด้วยเถิด

    ส่วนบุญกุศลใดที่ข้าพเด้บำเพ็ญไว้แล้ว อันประกอบไปด้วยบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ศีล สมาธิ ปัญญา สัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาทิษฐิ นับแต่อดีต ปัจจุบัน และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต อันข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณ มีนิพพานเป็นที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในบุญ ในกุศล เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับทุกประการด้วย เทอญ"

    สาธุ.......
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เข้าสู่การปฏิบัติกันต่อเลยครับ ติดหนี้ท่านทั้งหลายมานานเลยทีเดียว

    ความก้าวหน้าในธรรมนั้น ท่านผู้ปฏิบัติ พึงต้องพิจารณา ใคร่ครวญในข้อธรรมการปฏิบัติที่เรียกว่า "ธรรมมะวิจะยะ" ว่า

    -ธรรมใดที่ทำให้เจริญ (จากความดี จากกุศล จากฌาน จากญาณทัศนะ จากคุณธรรม) ธรรมข้อนั้นพึงทำให้เจิญยิ่งขึ้นไป

    -ธรรมใดที่ทำให้เสื่อม (จากความดี จากกุศล จากฌาน จากญาณทัศนะ จากคุณธรรม ) ธรรมข้อนั้น พึงละ พึงเว้น พึงหลีกเลี่ยง

    -ข้อปฏิบัติ ปฏิปทาใดทำให้เจริญ( ในการทำความดี ในการการสร้างกุศล ในสามัคคีธรรม ในการทำฌาน ในการก่อให้เกิดญาณทัศนะ ในความสิ้นอาสวะ ในการสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ) พึงปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไป

    - ข้อปฏิบัติ ปฏิปทา ใดที่ทำให้เสื่อม ( ในการทำความดี ในการสร้างกุศล ในสามัคคีธรรม ในการทำฌาน ในการก่อให้เกิดญาณทัศนะ ในความสิ้นอาสวะ ในการสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศน์ ) ปฏิปทานั้น พึงละ พึงเว้น พึงหลีกเลี่ยง

    -ค่อยๆขัดเกลา กิเลส เครื่องเศร้าหมอง ออกไปจากจิตใจทีละน้อย ทีละน้อย จนปรากฏ ดวงจิตที่ประภัสสร พึงติโทษโจษตนเองไว้เสมอ สิ่งใดที่ทำให้ใจเราบริสุทธ์ขึ้นได้ก็พึงทำ เมื่อใดที่เราหยุดโจษโทษตัวเองก็เหมือนเราหยุดทำความบริสุทธ์ของใจให้ปรากฏ ปล่อยให้กิเลสเครื่องเศร้าหมองให้มาจับมาเกาะพอกพูนเข้าไปอีก เรามีใจเป็นแก้วแล้วก็ควร หมั่นเช็ดถู ดูแลใจเราให้สะอาด สว่าง แพรวพราว

    - อย่าได้ไปสนจริยาของผู้อื่น ว่า เขาจะดี จะเลวอย่างไร ความดีความเลวของเขา ไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้ ยิ่งเราไปติเตียนผู้อื่นมากเท่าไร ใจเราก็ยิ่งเศร้าหมอง ยิ่งมันปาก มันอารมณ์ แต่ถ้าเราดูใจของเราเองในขณะนั้น เราจะเห็นว่าสีของจิตเราหมองคล้ำด้วยกิเลส

    -อย่าได้ไปดูเยี่ยงอย่างผู้อื่นที่เขาทำบาปอกุศล แล้ว มาให้เหตุผลกับตนเองว่า "ทำไมทีผู้อื่นยังทำได้ " "เขาก็ทำอย่างนี้เป็นปรกติ"
    ขอยกตัวอย่างว่า ถ้ามีผู้คน เห็นหมามันกินอุจจาระได้ เราจะอ้างว่า เราก็กินได้เช่นกันหรือไม่ ดังนั้นเมื่อกระแสโลกเชี่ยวกรากในบาป อกุศล เราชาวธรรม ไม่จำเป็นที่จะต้อง เลวไปตามกระแส ทางโลก

    ถ้าใจเรา"ฝืนกระแส" ว่าทำไมอย่างโน้นอย่างนี้ ใจเราจะเหนื่อย กับการต้าน การทวน กระแสที่เชี่ยวบ่า

    การสู้กับกระแสทางโลกที่ดีที่สุด คือ "การอยู่เหนือกระแส " อยู่ในสังคมที่มากด้วยคนหลากหลายทั้งชั่วทั้งดี แต่เราไม่ยอมให้ตัวเราชั่วไปได้ อยู่ในทุกข์โดยไม่ทุกข์

    การอยู่ในหมู่ สหธรรมมิกผู้มีคุณธรรมความดี มีความเอื้อเฟื้อในธรรม อยู่ในสามัคคีธรรม ยินดีในความดี ความเจริญในหมู่เพื่อน ย่อมเป็นสิ่งประเสริฐที่จะทำให้ก้าวหน้าในธรรมให้ยิ่งๆขึ้นไป

    พวกเราทั้งหลาย การที่ได้มาประสบพบกันแม้จาก หลายที่ หลายแห่ง ต่างวัย ต่างกรรม ต่างวาระ แต่กลับมาได้พานพบกันได้นี้ นับว่าเป็นบุญที่เกื้อหนุนมาให้พบ มาให้ช่วยเหลือ มาให้สงเคราะห์กันในความดี

    ขอกราบโมทนาในความดี ความงาม ในการปฏิบัติของทุกท่านด้วย
    ขอความเจริญไพบูลย์ในธรรมจงบังเกิดมีแด่ทุกๆท่านด้วยเทอญ.......
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    การสู้กับกระแสทางโลกที่ดีที่สุด คือ "การอยู่เหนือกระแส "

    ขออนุโมทนาและชื่นชมคุณคนานันท์ด้วยใจจริงครับ ที่ตั้งมั่นในกระแสธรรมแล้วนำธรรมะมามอบให้ทุกๆคนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ได้มุมมอง+แง่คิด+และเป็นตัวอย่างที่ดีๆให้เห็นอยู่เสมอ..จะพยายามนำไปปฎิบัติและทำให้ดีที่สุดเช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2007
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    คุณmead ก็เป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามเสมอมา ครับ คุณก็เสียสละหลายๆอย่างเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติ อย่างเต็มที่มาตลอดครับ

    ขอกราบโมทนาบุญของคุณ Mead ด้วยเช่นกันครับ
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เห็นด้วย กับอนุโมทนากับคุณ Mead ด้วย :cool:
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตลง การตอบพีเอ็มของคุณคำแปง เป็นการ ขัดตาทัพชั่วคราวก่อนจะมาลงการปฏิบัติเพิ่มเติมครับ


    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>kumpeang<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 02:36 PM
    วันที่สมัคร: May 2006
    สถานที่: จ.น่าน
    ข้อความ: 18 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 30 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 90 ครั้ง ใน 16 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->Re: `สวัสดีครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ปลื้มปิติ ได้รับข้อความแล้ว ขอขอบพระคุณพี่มากครับ ผมจะนำไปปฎิบัติแล้วอย่างไรผมติดขัดเหตุตรงไหน จะรบกวนพี่นะครับ
    ขออายุ วรรณะ สุขพละ จงมีแด่พี่ครับ


    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
    คำแปง

    ปล. ชื่อพี่ออกเสียงภาษาไทยอย่างไรคับ ด้วยว่ากลัวโทรไปจะออกเสียงชื่อผิดครับ




    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kananun
    ขออนุญาตตอบคุณคำแปง

    ก่อนอื่น ต้องกราบขอโทษเป็นอย่างสูงที่ตอบช้าครับ เนื่องจากเดินทางไปทริปเชียงใหม่เชียงรายครับผม ในทริปผมเพิ่งพูดถึงคุณอยู่พอดี เพราะเห็นหายไปนับจากที่น้ำท่วมทางภาคเหนือ

    สำหรับการปฏิบัติที่ขออนุญาตแนะนำเบื้องต้นคือ
    1. การทรงศีล หรือพยายามให้ศีลทรงตัว โดยพยายาม ตั้งใจที่จะรักษาศีลให้ได้ ไม่ได้ทั้งห้า ได้ซัก หนึ่งข้อก็ยังดี ไม่ได้ทั้งวัน ให้ได้ชั่วขณะก็ยังดี แต่ขอให้มี"จิตเจตนาที่จะรักษาศีล"ให้ยิ่งขึ้นไปจนเป็นปรกติ

    2. ให้วางกำลังใจในความเคารพในพระรัตนไตร ตลอดชีวิต

    3.มีความเข้าใจในวิปัสนาญาณ ว่า ชีวิตเราไม่เที่ยง มีความตายเป็นที่สุดทุกคน แต่หากเราตายเมื่อไร เราขอไป สุคติภูมิ มีสวรรค์ พรหม และนิพพานเป็นที่สุด

    จากนั้นให้อธิฐานขอพระพุทธเจ้าท่านว่า

    "ขอถวายชีวิตบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ขอให้บารมีธรรมแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดคุ้มครองรักษากาย วาจา ใจ ของข้าพเจ้าให้ ตั้งมั่น ดำเนินอยู่ใน สัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา ได้มีผู้แนะนำในแนวทางที่ถูกต้องตามพุทธประสงค์ของพระพุทธเจ้าทุกประการ ด้วยเทอญ"

    จากนั้นเริ่มเรียนรู้การฝึก"ลมสบาย" จากกระทู้วิชชาที่ทำให้อยู่รอดจากภัยพิบัติ จนกระทั่งปรากฏลมละเอียด และลมหายใจหายไป จับลมสบายนี้ให้เป็นปรกติ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าหลับตาลืมตา ทุกอิริยาบท จนใจเราสงบสบาย

    แล้วจึงเริ่ม จับภาพพระพุทธรูป ในใจให้ทรงตัว

    ในเบื้องต้นขอแค่นี้ก่อนครับ

    มีอะไรโทรมาสอบถามเป็นการส่วนตัวได้ครับ
    081-209-9151

    ขอกราบโมทนาในความตั้งใจปฏิบัติของคุณคำแปงด้วยครับ

    หวังว่าคำตอบนี้จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของเพื่อนๆอีกหลายท่านด้วยครับ
    (verygood)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ในช่วงเวลานี้ เท่าที่ผมได้พบเห็นธรรมมะปฏิบัติของพวกเราหลายๆท่านก็อดที่จะแสดงความยินดีด้วยไม่ได้ เนื่องจาก

    หลายคนได้ก้าวหน้าในธรรมอย่างก้าวกระโดด

    มีเพื่อนท่านหนึ่งที่ผมได้พบกับเขาครั้งแรกก็มีความรู้สึกว่า เขาเองเต็มไปด้วยความสงสัยในการปฏิบัติและการค้นหาแนวทางธรรมของตัวเขาเองอยู่มาก จนกระทั่งเขาได้ตัดสินใจอธิฐานขอให้ได้พบครูบาอาจารย์ผู้แนะนำตัวเขาเองได้ และแล้วเขาก็ได้พบท่านผู้นั้นจริงๆ

    ณ. วันนี้ที่ผมไปเดินทางไปทริปร่วมกับเขา เขาได้เปลี่ยนไปในทางธรรมมากๆ ทุกครั้งที่ว่างแค่หย่อนตัวนั่ง เขาจะเข้าสมาธิทันที สามารถนั่งสมาธิได้นานมากๆเป็นชั่วโมงๆ ตอนนอนก็เข้าฌานอีก เห็นได้จากการที่ได้นอนติดๆกันในห้องพระ เพื่อนๆโดนยุงหามกันหมด มีเพื่อนท่านนี้ที่ยุงไม่กินอยู่คนเดียว นอนนิ่งในท่าเดียว ไม่ดิ้นไม่ขยับ ถ้าเอาเกณฑ์ที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ ว่ายุงไม่กัดผู้ที่เข้าฌานสามละเอียดขึ้นไป ผมดูจากปฏิปทาและอารมณ์ใจแล้ว เพื่อนท่านนี้น่าจะเกินไปถึงกว่านั้นเพราะลมหายใจหายไป เหลือเพียงลมละเอียดเท่านั้น มิหนำซำ คำพูดคำจา ที่เพื่อนท่านนี้ได้กล่าวออกมา ล้วนเป็นอรรถเป็นธรรม ที่เข้าถึงจิตตรงอารมณ์ใจของผู้สนทนาอย่างน่าแปลกใจ

    ก็ต้องขอกราบโมทนาในความมุ่งมั่นในการปฏิบัติและผลที่ได้รับจากการปฏิบัติของเพื่อนผู้นี้ด้วยครับ และขอให้พวกเราได้ดูเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติว่า แม้เบื้องต้น เราอาจไม่มีความรู้ทางธรรมเท่าไรนัก แต่ความวิริยะตั้งใจจริงในความพยายามเข้าถึงซึ่งความดีสามารถที่จะทำให้การปฏิบัติธรรมก้าวรุดหน้า อย่างน่าอัศจรรย์ใจได้ เราก็ขอให้อย่าได้ดูถูกตนเองว่าเอาดีไม่ได้ และขณะเดียวกันก็จงอย่าได้ อยากได้ อยากเป็น อยากบรรลุ กันจนเกินไป

    สำหรับอารมณ์ใจที่อ.ของเพื่อนท่านนี้ได้แนะนำการปฏิบัติไว้ก็คือ
    -อย่าได้ลืมลมหายใจ
    -ทรงภาพพระไว้ควบในความรู้สึกในลมหายใจไว้ตลอดเวลา
    -แผ่เมตตาพรหมวิหารสี่แก่ทุกดวงจิต ตลอดเวลาทุกก้าวย่าง ให้จิตเหล่านั้นไปจุติสู่สุคติภูมิ
    -ก่อนนอน จงนอนท่าสีหไสยาศน์สักครู่ก่อนขยับกายนอนเป็นปรกติ

    ข้อไหนที่กำลังใจของเราทำได้ก็จงทรงไว้ให้ได้ ทุกวัน ทุกเวลา ทุกลมหายใจ ไม่ช้าจิตจะทรงตัวอยู่ในความดีนี้ ที่สำคัญรักษาใจเราให้สบาย อย่าเครียดหรือตึงไป ให้รู้จักผ่อนอารมณ์ ใจให้เบาสบาย เพื่อให้ปรากฏความเป็นทิพย์ของจิต

    ขอกราบโมทนาบุญในกุศลของทั้งอาจารย์ผู้แนะนำให้เข้าสู่ความดี และเพื่อนผู้ได้เข้าถึงซึ่งความดีในการปฏิบัติ รวมทั้งผู้ที่เล็งเห็นถึงผลและได้ปฏิบัติในธรรมเสมอมา ขอให้ทุกๆท่านเจริญรุ่งเรืองในธรรม เป็นกำลังของพระบวรพุทธศาสนาสืบต่อไปด้วยเทอญ......
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะ คือ ผู้นำเที่ยง ***

    ไม่ว่าเราจะทำอะไร....ความตั้งใจอย่างแท้จริง เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
    เพราะ... "สัจจะ" คือ หัวใจของการปฏิบัติทั้งปวง !!!!

    "สัจจะ" เป็นทางตรงที่สุด...ที่จะทำความดี
    อย่า...หลงสิ่งอื่นอยู่เลย....จะเสียเวลาปฏิบัติ

    จะถือ ศีล ....ถ้าไม่มี "สัจจะ" ก็ไม่สำเร้จ !!!
    " หลักสัจจะธรรม" จึงเป็นหลักเดียวที่ยิ่งใหญ่...คือ ธรรมเที่ยง
    "สัจจะ" จึงเป็น ผู้นำเที่ยง...ให้กับตัวเราเอง
    กรรม ที่เกิดขึ้น จึงเป็น "กรรมเที่ยง"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    สาธุๆ

    ศีลสำคัญที่สุดเน้อ ศีลไม่มีเอาชีวิตไม่รอดแน่ๆ
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ถูกต้องที่สุดแล้วครับ "ศีล"เป็นพื้นฐานของใจที่สำคัญที่สุดที่ไม่อาจละเลยได้ ต้องทรงศีลให้เป็นปกติของใจ

    ไล่ความละเอียดของศีลขึ้นไปนับแต่
    -ไม่มีศีลครบทั้งห้าข้อ ขอให้ได้สัจจะรักษาไว้ให้ได้สักข้อก็ยังดี ขอให้ตั้งใจที่จะรักษาศีล ทรงศีลไว้

    -รักษาศีลไม่ได้ในทุกเวลาทั้งวัน ขอให้กำหนดรักษาให้ได้ในช่วงกาลหนึ่งเวลาหนึ่งก็ยังดี

    -รักษาศีลให้บริสุทธิ์ไม่ได้ ตลอด แต่ พยายามสำรวมระวังให้ศีลบริสุทธิ์สะอาดยิ่งขึ้น ไม่เลิกกลางครันก็ยังดี

    เหล่านี้เป็นเบื้องต้นแห่งการรักษาศีล เพราะกำลังใจคนเราไม่เท่ากัน

    สิ่งสำคัญอยู่ที่ "เจตนาการตั้งใจที่จะรักษาศีล เจตนาที่จะ ละ เลิก การเบียดเบียน ผู้อื่นและตนเอง เป็นสำคัญ"

    เมื่อรักษาศีลได้ ผ่านมาในตอนต้น เราต้องระมัดระวังกาย วาจา ใจของเราให้ รักษาศีล ไม่ละเมิดศีล แต่ไม่ช้า ศีลจะรักษาตัวเรา ใจเรา ไม่ให้ทำชั่วเอง พอขยับใจแค่คิดก็จะมีตัวสติมาเตือนเอง โดยอัตโนมัติไม่ให้ละเมิดศีล จึงได้ชื่อว่า "ศีลรักษาเรา"

    ส่วนระดับขั้นความละเอียดของศีลก็ตามที่หลวงพ่อท่านได้สอนไว้ว่า
    -ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง
    -ไม่ใช้ ไหว้วานให้ผู้อื่นล่วงละเมิดศีล
    -ไม่ยินดี เมื่อมีผู้อื่นล่วงละเมิดศีล

    ถ้าจะกำกับให้ ศีลทรงตัวก็ควรควบกรรมบทสิบไว้ด้วย

    ส่วนการทรงพรหมวิหารสี่เป็นปกติของใจไว้เสมอ ย่อมเป็นเครื่องเลี้ยงศีลให้เจริญงอกงาม ด้วยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจเราให้เมตตา รักเอ็นดู ในหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ปรารถนาให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์ เราจึงไม่อยากเบียดเบียนเขาด้วยทั้งกาย วาจา ใจ เหตุนี้ การรักษาศีล จึงมีสุคติภูมิมีสวรรค์เป็นที่ไป ส่วนการทรงพรหมวิหารสี่ จึงมีสุคติภูมิมีพรหมเป็นที่ไปฉะนี้

    ส่วนศีลของโลกียชน ยังไม่ทรงตัวมีขึ้นมีลง เป็นธรรมดา
    ส่วนศีลโลกุตรของพระอริยเจ้านับแต่พระโสดาบันขึ้นไปนั้นจะทรงตัวเป็นปกติ และมีความละเอียดถี่ถ้วนในศีลสูงกว่าปุถุชนคนธรรมดาเป็นอย่างมาก

    ขอให้ทุกท่านเข้าเขตความดีของ ศีลทุกคนทุกท่านให้เป็นปกติของใจ ทุกวัน ทุกเวลา ด้วยเทอญ....
     
  17. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,069
    ค่าพลัง:
    +13,915
    " เห็นเค้าทำไม่ดี รู้แล้วก็อย่าไปทำตามเค้า "


    ถึงผมกับพ่อ เราจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก แต่ผมยังจำได้และจำไว้ตลอด พ่อสอนผมเสมอว่า " เห็นคนอื่นเค้าทำไม่ดี ก็ดูไว้ รู้แล้วก็อย่าไปทำตามเค้า "
    ผมอยากให้พ่อผมเลิกตกปลาจังเลยครับ แต่อะไรมันจะเกิด ก็คงต้องเกิด ถ้าใครได้คิดจากข้อความนี้ แล้วอนุโมทนา ผมขอยกเครดิตให้พ่อผมนะครับ (b-oneeye)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2007
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเพิ่มเติมเรื่องของ "ศีล" จากคำชี้แนะของคุณอักขรสัญจรครับ

    หากยังไม่อาจรักษาศีลให้บริสุทธิ์สะอาดได้ครบทั้งห้าข้อ ก็ขอจงให้รักษาศีล ให้ได้ สักหนึ่งข้ออย่างเข้มข้น เรียกว่า"การถือศีลปรมัตถ์ " รักษาศีลยิ่งชีวิต ถึงตายก็ไม่ยอมขาดจากศีลข้อนี้ เป็นความดีที่มั่นคง

    ศีลข้อที่แนะนำได้แก่ศีลข้อ ห้า เนื่องจากเมื่อขาดจากศีลข้อนี้จะพาลให้ขาดสติสัมปชัญญะจนทำให้ละเมิดศีลได้ทุกข้อตามไปด้วย

    และจะยิ่งดี ขึ้นไปอีกหากได้รักษาศีลปรมัตถ์จนครบ บริสุทธิ์ ทั้งห้าข้อ สามระดับความละเอียด ควบกรรมบทสิบ ด้วยกำลังใจสูงสุดรักษาศีลยิ่งชีวิต

    หากแม้ท่านผู้ใด เริ่มคิด เริ่มระลึกว่าจะเริ่มรักษาศีลก็ดี ตั้งสัจจะในศีลปรมัตถ์ก็ดี รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ได้ก็ดี รักษาศีลห้าละเอียดได้ทุกระดับก็ดี ควบกรรมบทก็ดี ผมขอกราบโมทนาในความดี ในเจตนาในการรักษาศีลของทุกๆท่านด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะศีลเป็นพื้นฐานในการละความชั่ว เพื่อการก้าวไปสู่ความดีครับ

    ขอให้ความเจริญงอกงามในธรรมจงมีแด่ทุกๆท่านด้วยเทอญ....
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนนี้พระท่านได้สั่งลงมาว่า ให้ผม รวบรวม การแนะนำในการปฏิบัติในส่วนของกระทู้นี้ไว้ ให้สมบูรณ์เพื่อให้เสร็จงานในส่วนนี้ที่ท่านได้มอบหมายมา เพื่อการทำงานในภาระกิจอื่นต่อๆไป

    หากแต่การปฏิบัตินั้น เป็นงาน เป็นสิ่งที่เราต้องทำต้องบำเพ็ญไปตลอดชีวิต ตราบเท่า เสร็จกิจ เข้าสู่พระนิพพาน เมื่อมีกายอยู่ เราต้องกินข้าว อาบน้ำ ยังต้องหายใจฉันใด เราก็ต้องประพฤติธรรม ทุกวัน ทุกเวลาทุกลมหายใจ ฉันนั้น
     
  20. thavornsiripat

    thavornsiripat สิ่งใดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มี เป็นธรรมดา เช่นนั้นเอง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    2,069
    ค่าพลัง:
    +13,915
    เยี่ยมเลยครับ

    เยี่ยมเลยครับ รวมเล่มจะได้อ่านได้ง่ายๆหน่อย (verygood)
     

แชร์หน้านี้

Loading...