ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ปลื้มใจปิติอิ่มบุญ อนุโมทนาบุญกับผู้ใจบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ

นิพพานะ ปัจจุโย โหตุ

ชะรอยคุณหนิงจักพักผ่อนจิบน้ำจิบท่าหายเหนื่อยแล้วเริ่มบรรยายความตามท้องเรื่องได้เลยนะขอรับ ข้าน้อยต้องประสงค์อ่านทุกถ้วนถ้อยคำแลทัศนาภาพประกอบ คิดการว่ามิตรรักแควนเพลงท่านอื่นก็คงประสงค์เยี่ยงเดียวกันมิแตกต่าง หากแม้นอ่านไปก็จักพากันอิ่มบุญไปแล้วละขอรับ เยี่ยงนี้เห็นควรขอบน้ำใจขอบคุณ คุณสาวคุณหนิงแลทุกท่านที่มีแต่สิ่งดีๆมามอบให้เสมอมามิเคยขาด ขอมอบน้ำคำว่าขอบคุณจากใจขอบใจจริงๆนะขอรับ การเบื้องหน้าหากมาดแม้นมีข่าวการบุญใด รบกวนบอกกล่าวอย่าได้ดูเบา จักขอบคุณเหลือคณานับ ผลบุญนี้จักเพิ่มพูลแผ่ไพศาลไปหาประมาณมิได้ สืบการเข้าสู่พระนิพพานตามที่ทุกท่านมุ่งประสงค์มิขาดพร่องในกาลภพนี้ด้วยกันทุกรูปทุกนามเทอญ สาธุ

 

โห..พี่ต้อม (หัวหมู่ทะลวงฟัน) พรรณาโวหารมาซะ กระทบโดนดวงจิตน้อยๆ ของหนิง..จนต้อง ขี้โกงเวลางานแอบเข้ามาดู เหมือนจะรู้ว่ามีคนระลึกถึง

กราบขอโทษและกราบขอขมาทุกท่านนะคะ ที่ทำให้ทุกท่านใจจรดใจจ่อ รอชมภาพและเรื่องราวที่พวกเราหายไปหลายวัน อิ่มบุญกันทั่วหน้า..

ขอหนิงเคลียร์งานประจำให้ลดลง และขออนุญาตเรียบเรียงเรื่องราว เท่าที่จะพอระลึกได้ มาถ่ายทอดให้แต่ละท่านทราบและร่วมโมทนาบุญกันอีกครั้งนะคะ

ปล. ยอดเงินจะสรุปแจ้งให้ทราบพร้อมๆ กันค่ะ

 

มาปูเสื่อนั่งรอ นอนรอเตรียมพร้อมอ่านอยู่จ้า

 

อ่านแล้ว รู้สึกดีจังเลยค่ะ อนุโมทนาบุญกับคุณ ถนอม021 ด้วยนะค่ะ

 

=========================================================​

รายงานทริปทำบุญผ้าป่า วัดพุทธวงศ์คีรีเขต เดินทางช่วงวันที่ ๗-๑๐ กรกฎาคม ๕๔​

=========================================================​

พวกเรานัดหมายว่าจะออกเดินทางกันคืนวันพุธที่ ๖ ก.ค. ไปช่วงวันกลางสัปดาห์ รถไม่ติดเลย วิ่งไปสบายๆ (ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เจอรถติดตรงลำตะคอง เข้าไปเกือบ ๒ ชม. ..เอิ๊ก..) ​

รถตู้ก็ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ทอง ศิษย์ของวัดภูโนอีกท่าน ที่อยากไปร่วมบุญกับคณะเรา จุดใหญ่อยู่ที่บ้านอจ.คณานันท์ แล้วมารับหนิงที่บ้าน จากนั้นก็มุ่งไปรับน้องนิก กับน้องปาม ที่รังสิต (น้องเรียนแพทย์แผนตะวันออก พวกพืชสมุนไพรค่ะ งานนี้น้องได้งานวิจัยกลับไปด้วย)​

เช้าตรู่ของวันที่ 7 ที่พวกเราไปถึงอ.กระนวน พี่คนรถบอกว่า ผมคิดว่าน่าจะถวายดอกบัวด้วยนะครับ เมื่อคืนนี้ที่วิ่งรถมาบ้านคุณ(บ้านหนิง) จะเลี้ยวไปปากคลองตลาดเพื่อซื้อดอกบัวมาถวายพระ แต่ว่า..มันเลี้ยวไม่ได้ ​

ความคิดบังเอิญตรงกับพี่ทอง(คนขับรถ) จังหวะดีที่พอเลี้ยวเข้ามาแล้ว หนิงเห็นร้านขายดอกไม้สดพอดี แต่พี่คนขับรถไม่เห็น เลยต้องกลับรถย้อนมาซื้อ ได้.. ดอกบัว 50 ดอกไปจัดถวายพระ.. งามซะ.. ​

พวกเราไปถึงตอนเช้าตรู่ ๖ โมงเช้า จึงรีบจัดเตรียมของและอัญเชิญองค์พระมาประดิษฐานที่ศาลาไว้ก่อน เกรงว่าหลังจากที่พระท่านบิณฑบาตรกลับมาแล้ว เราจะเตรียมไม่ถนัด

ซึ่งตอนที่อัญเชิญองค์พระและเครื่องผ้าป่า สังฆทานมาที่ศาลา.. พอแกะผ้าและพลาสติกที่ห่อองค์พระไว้ ทั้งพระและฆราวาส รวมถึงแม่ขาวบนภูโน ตะลึงในความงามขององค์พระ



(ข้ออนุญาตทำความเข้าใจกันก่อน..... จากที่เคยเล่าให้ทุกท่านทราบแล้วว่า วัดนี้สร้างขึ้นโดยอุบาสิกาที่ถือศีลแปด นุ่งขาวห่มขาว โดยตัวท่านมีองค์ญาณของท่านปู่พญานาค เหล่าศิษย์ที่เคารพนับถือท่าน เรียกท่านว่า "ปู่" พวกเราก็เลยเรียกท่านว่าปู่เช่นเดียวกัน ฉะนั้น..ที่พวกเรากล่าวถึงปู่ภูโน ก็คืออุบาสิกาที่สร้างวัดนี้นะคะ)

ปู่มาเห็นแล้วชอบใจ บอกว่าคิดไม่ถึง ว่าที่ภูโนจะมีบุญได้พระงามๆ มาประทับที่นี่ โมทนาสาธุ กับทุกคนด้วย ท่านให้พรมาอีกยาวมาก สรุปสั้นๆ ว่าขอให้ร่ำรวย และสมปรารถนาค่ะ

จากนั้นพวกเราได้ร่วมใส่บาตรพระภิกษุ ครั้งนี้ไปมีพระ ๒ รูป และช่วยกันพับดอกบัวถวายองค์พระค่ะ

ปล. หนิงฝันไปว่า พระพุทธรูปที่พวกเราร่วมสร้างถวายที่ภูโน นี้ มีพระนามว่า "พระพุทธสัมฤทธิ์ ประสิทธิโชค" นะคะ ใครได้มโนฯ ก็ลองถามพระนามที่ถูกต้องให้ด้วยค่ะ

 

=ต่อ=

ไปครั้งนี้ มีพระภิกษุมาจำพรรษาเพิ่มอีก ๑ รูป ซึ่งตามปกติพระท่านจะเดินลงจากวัด บนภูเพื่อไปบิณฑบาตร (ระยะทางกว่าจะถึงหมู่บ้านก็ไกลพอควรค่ะ) หนิงเคยถามพระท่านว่ามีคนใส่บาตรพระอาจารย์เยอะไหมค่ะ เนื่องจากดูจากสภาพการณ์แล้ว คงจะหาคนใส่บาตรน้อยหรือแทบจะไม่มี พระอจ.ยิ้มๆ แล้วตอบว่าถือว่าเป็นการโปรดสัตว์นะโยม (ก็พิจารณากันนะคะ)

แต่แม่ขาวที่วัด จะหุงข้าวเหนียว และทำอาหารไว้ เพื่อตัวเองได้ใส่บาตรพระหลังจากที่ท่านขึ้นมาจากบิณฑบาตรแล้ว ครั้งนี้ที่ไปพวกเราไปถึงเช้าจึงได้ร่วมใส่บาตรกับแม่ขาวท่านด้วยค่ะ หนุ่มๆ ก็ช่วยจัดเตรียมสถานที่ ปูอาสนะ สำหรับพระ สาวๆ ก็เตรียมหยิบข้าวเหนียวใส่จาน ให้แต่ละคนนำไปใส่บาตรที่วางอยู่หน้าพระ และหนุ่มๆ ก็นำอาหารที่เตรียมไว้ถวายพระ ท่านจะตักอาหารที่เราถวายใส่ในบาตร และฉันในบาตรค่ะ แต่ก่อนที่ท่านจะฉัน ท่านจะสวดมนต์ให้พร อุทิศบุญ พวกเราก็กรวดน้ำอุทิศบุญ






ในช่วงว่างๆ หลังจากอิ่มอาหาร และล้างจานเก็บเป็นที่เป็นทางแล้ว พวกเราก็มานั่งสนทนากับปู่ อ่อ..หนิงลืมบอกไป ว่าวันที่ ๗ ก.ค. พวกเราแกะซองทำบุญ ในส่วนของน้องตุ๊ก , วิน และหนิง

รวมเงินสดที่แกะซองจำนวน ๒๔,๓๒๗.๕๐ บาท
เงินสดที่หนิงเบิกธนาคาร บัญชีกลาง ๔๐,๐๐๐ บาท
และเงินสดในซองบุญที่นับยอดไปแล้ว ๒,๘๓๒ บาท
สองยาย ที่วัดขอร่วมบุญด้วย ๑๔๐ บาท
รวมเงินสดที่ถวายวัดยอดแรก ๖๗,๒๙๙.๕๐ บาท

(ยอดเงินรวม หนิงจะสรุปให้ทราบอีกครั้งนะคะ แจ้งให้ทราบว่านำเงินทั้งหมดถวายพระไปเท่าใด..)

ในขณะเดียวกัน ท่านพี่..ที่คอยนับยอดทางเว็บ ก็มีแจ้งยอดบุญเพิ่มมาเรื่อยๆ จนหนิงจดไม่ได้แล้ว..ฮา.สมองปลาทอง.งง..ค่ะ เลยต้องขอรบกวนท่านกัปตันทำสรุปให้แล้วเอายอดรวมมาแจ้งให้ทราบ ยอดที่เหลือจะโอนเข้าบัญชีค่ะ (ตอนนี้ก็ยังปิดยอดไม่ลงตัว แม่บอกว่าเพื่อนๆ แม่จะขอร่วมบุญมาอีก ก็..ขออนุญาตรอสักนิดนะคะ)

อิ่มบุญจากการใส่บาตร ถวายภัตตาหารพระ และอิ่มท้องจากอาหารเช้า+กลางวัน (ไปครั้งนี้ พวกเราถือศีล ๕ ค่ะ) กันแล้ว ขออนุญาตปู่และแม่ขาวไปจัดสถานที่นอนเตรียมไว้ก่อน กลัวว่าถ้าจัดที่นอนช่วงเย็นหรือหัวค่ำ..ฮา. เพื่อนรักจะแวะมาทักทายซะก่อน..

 

หลังจากจัดที่หลับที่นอนเสร็จ กลับขึ้นมาเจอปู่ ท่านให้ขึ้นไปนั่งสมาธิที่ศาลา ๘ ทิศ ข้างบน พวกเราก็ขึ้นไป ศาลา ๘ ทิศ เป็นศาลาที่อยู่ด้านบน เงียบสงบมากๆ ค่ะ ต่างคนต่างเลือกสถานที่ที่เหมาะกับตัวเอง บ้างก็ไปนั่งบนเพิงหินธรรมชาติ ใต้ต้นไม้ ในป่า หรือจะรอบๆ ศาลา ตามสะดวก..ฮา. แต่แปลกที่พวกเรานั่งสมาธิข้างบนนี้ ลงไปปุ๊บ..ปู่ท่านทักมาตรงกับสิ่งที่เราทำเลย..ฮา. นอนก็รู้ นั่งหลับก็ทราบ..(ขอขมาค่ะ)

พระอาจารย์ดิษฐ์ (พระมหาเทพบัณฑิต) ท่านถามว่าพระที่จะนำมาถวายสร้างจากที่ไหน งดงามดี ตอบท่านไปว่าสร้างที่โรงหล่อพระที่อุทัยธานี พระอจ. ท่านว่าท่านเป็นพระป่าไม่เคยเห็นองค์พระพุทธรูปที่สร้างแบบนี้ , แบบนี้เรียกว่าปางอะไร ตอบเกือบจะพร้อมๆ กัน ว่าพระทรงเครื่องจักรพรรดิ์ พระอจ. ท่านถามต่อว่า แล้วจำเป็นต้องประดับเพชร ใส่แหวนแบบนี้หรือ ท่านทำหน้าแบบงง..งง..

พระอจ.ถามว่า เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน พวกเราตอบว่าเป็นสมเด็จองค์ปฐม พระอจ.ท่านพูดว่า พระป่าไม่รู้หรอกจ้า พระนามว่าอะไร , ตอบท่านไปว่า พระพุทธเจ้าองค์ปฐมทรงพระนามว่า "พระพุทธสิขีที่๑"

พระอจ.ถามต่อว่า มีหลายพระองค์หรือ ถึงต้องเป็นองค์ที่ ๑ องค์ต้นของภัทรกัปป์ ไม่ได้พระนามนี้นี่

ตอบท่านไปว่า "สมเด็จองค์ปฐม" เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นของพระพุทธเจ้าค่ะ

พระอจ. องค์ปฐม องค์ต้นของพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์หรอ.. อาตมาเป็นพระป่า ไม่เคยได้ยินมาก่อน

หนิงเกรงว่าท่านจะถามต่อแล้ว ความรู้เท่าดินที่ติดอยู่หางอึ่งจะไม่มีปัญญาพอจะตอบคำถาม เลยต้องก้มตัวกราบลาท่าน แล้วเลี่ยงๆ ออกมา..แหะๆ เอาตัวรอด..พอได้ค่ะ มาเตรียมตัวทำวัตรเย็นดีกว่า

 

ชมรูปวันที่ ๙ กันก่อนดีกว่าค่ะ..



ในวันเสาร์ที่ ๙ มีคณะของน้อง titapoonyo และคุณ dekdekdee พาครอบครัวไปร่วมถวายของด้วย บังเอิญว่าน้องนิก น้องปาม และยุ่น ขึ้นเขาไปกับพระอจ.เพชร ไปเก็บสมุนไพร พวกเราจึงเหลือไม่กี่คน

ชมภาพก่อนนะคะ มีเรื่องที่อยากถ่ายทอดให้ฟัง เกี่ยวกับช่วงถวายของ

 

หลังจากที่พวกเรามากันครบ ใกล้เวลา บ่ายสองโมงตามกำหนดที่แจ้งไว้พอดี พระอจ.ถามว่ามากันพร้อมแล้วใช่ไหม พระอจ.การถวายของให้ได้อานิสงค์บุญมากที่สุด คือ ช่วงที่องค์ประกอบทุกอย่างทั้งผู้บริจาคทาน และผู้รับพร้อม ดังนั้น ในวันนี้ที่ญาติโยมและคณะผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ตั้งใจที่จะถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์นั้น

การถวายทานในครั้งนี้ มีการถวายพระพุทธรูป "องค์ปฐม" เทียนพรรษา และเครื่องบริวารทั้งหลาย ก่อนที่อาตมาภาพจะรับถวายของ เพื่อให้เกิดอานิสงค์มากๆ แก่คณะที่มาถวาย อาตมาขอเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ทั้งหลายของพวกท่าน ให้ธรรมะ เทศน์ให้ญาติโยมที่มาเป็นตัวแทนคณะได้ฟังก่อน

"อาตมาภาพ พระมหาเทพบัณฑิต ขอเป็นตัวแทนขอพระตถาคตเจ้า เทศน์โปรดคณะญาติโยมที่มีจิตศรัทธานำสิ่งของมาถวาย อันมีพระพุทธรูป สมเด็จองค์ปฐม บรมศาสดา ผ้าไตรจีวร และเครื่องบริวาร อาตมาภาพขอรับพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวรและของที่เป็นบริวารทั้งหลายนี้ไว้ ถือเป็นการทำบุญที่มีอานิสงค์มาก จัดเป็นทานบารมี บารมีตัวแรกของทศบารมี และพูดถึงบารมีทั้ง ๑๐ ........ยาวมากค่ะ...หนิงจำได้ไม่หมดต้องขอโทษด้วยนะคะ มัวแต่ฟังพระท่านเทศน์เพลินมาก น้อมจิตตามไปด้วย ซึ่งครั้งแรกที่สะดุดใจตรงที่พระอจ.ขอเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าเพื่อให้ธรรมะก่อนจะถวายของ ข้อความที่จำได้แม่น และขึ้นใจคือ..


เรื่องการให้ทาน พระท่านว่า ถ้าตั้งใจจะทำทานแล้วนำ ไม่ต้องไปคิดอะไร เงินหรือของที่ถวายพระไปแล้ว พระท่านจะนำไปทำอะไร ไปใช้อะไร นั่นเป็นเรื่องของพระ ไม่ใช่เรื่องของเรา พระท่านจะนำไปใช้ผิดหรือใช้ถูก ก็เป็นกิจของพระท่าน พวกเรานะ ทำผ่านไปแล้ว

ครั้งต่อไป ถ้าจะทำทานกันนะ (อ่อ ท่านมีกล่าวว่าการทำทานไม่ได้หมายถึงการให้ทานแก่ผู้อื่น แต่ยังหมายถึงการบริจาคทานแก่พระภิกษุสงฆ์ด้วยค่ะ) ให้ตั้งใจไว้ตามนี้ แล้วทำให้มันสุดๆ ไปเลย เหมือนขี้นะ ปวดท้องขี้เราก็ปล่อยให้มันสุดๆ ไปเลย ขี้ลงส้วมไปแล้ว ใครจะไปเก็บขี้นั้นมากอดอีกไหม ก็ไม่มี พอท่านพูดจบตรงนี้แล้วท่านก็ยิ้มกว้าง ........(จำไม่ได้แล้วค่ะ)...........

หลังจากจบประโยคนี้ก็เรียกเสียงหัวเราะของคนฟังได้พอควร..แต่ตัวหนิงเอง..สะดุด..ค่ะ..ช่วงที่พระท่านเริ่มเทศน์ หนิงหลับตาแล้วฝันไปว่า มีพระงามกายสีทองประกายวาววับ ฉัพพรรณรังสีงดงามมาก ประทับอยู่ด้านหลังของพระอจ. ในท่านั่งที่สูงกว่า กายท่านก็ใหญ่กว่า แล้วยังเห็นกายทิพย์ของพระ อีกมากมาย กายทิพย์ที่สวยงามอีกมากมาย.. มาสะดุด สะดุ้งลืมตาก็ประโยคข้างบนเรื่องการให้ทานนี่ละค่ะ

น่าแปลกที่ช่วงขณะที่ถวายของนั้น ฟ้าที่มีแดดอ่อนๆ กลับครึ้มลงมีเมฆสีดำก้อนใหญ่มาปกคลุมเหนือภูโน ตรงบริเวณศาลาและลานโล่งๆ ไม่รู้ว่าท่านที่ไปมีท่านใดสังเกตบ้างไหมค่ะ ลมพัดอ่อนๆ ก็มีกลิ่นหอมๆ โชยมาเป็นระยะๆ

พระอจ.นำกล่าวคำถวาย ไม่มีภาษาบาลีเลยนะคะ นะโมที่เราสวดกัน พระอจ.ยังให้ว่าเป็นภาษาไทย บทสวดบูชาพระรัตนตรัย และอื่นๆ พระอจ.ท่านนำกล่าวเป็นภาษาไทยทั้งหมด

หลังจากที่ถวายของเสร็จแล้ว พาขึ้นไปชมสถานที่ (ขออนุญาตจากพระอจ.แล้ว) กลับลงมา หนิงเห็นพระอจ. ท่านนั่งมององค์พระอยู่ หนิงเข้าไปกราบถามพระอจ. ว่า พระอจ.คะ หนิงอยากจดคำเทศน์ที่พระอจ.เทศน์ก่อนจะถวายของค่ะ หนิงชอบมาก พระอจ.เทศน์ได้ดีมาก จับใจอยากนำมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพราะหนิงอัดไม่ทัน อีกอย่างระยะห่างด้วย เสียงเข้าไม่ชัดเลยค่ะ

พระอจ.บอกว่า อาตมายังแปลกใจว่าเทศน์ไปได้อย่างไร เทศน์ไปก็ยังนั่งพิจารณาคำพูดของตัวเองไปด้วย..

_/\_ กราบขอขมาพระอจ.ค่ะ (ทราบมาว่า พระอจ.เป็นพระนักเทศน์องค์หนึ่งค่ะ)


เรื่องที่เล่ามาก็พิจารณาด้วยนะคะ

 

อนุโมทนา สาธุ
ดีใจมากๆที่ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญสร้างองค์พระปฐมฯและบุญผ้าป่าในครั้งนี้
อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ เป็นอย่างยิ่ง กราบขอบคุณคณะผู้จัดและเพื่อนๆกัลยาณมิตรทั้งหลาย
ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจร่วมบุญในการสร้างบุญกุศลร่วมกันในครั้งนี้ครับ
อนุโมทนา สาธุ

--------เป้าหมายสุดท้ายของชีวิต คือ พระนิพพาน-----------

 

อนุโมทนาบุญครับ ถึงแม้ไม่ได้ไปร่วมถวายแต่ก็ได้ร่วมทำบุญกับทริปนี้ และก็พยายามจะร่วมทุกๆทริปบุญของคณะเรือธรรมลำนี้ต่อไป อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านอีกครั้งครับ

 

บอกบุญย้อนหลังครับ เมื่อวันที่ 08/07/54 ผมและครอบครับได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมอบจากคุณสาวไปประทับ ณ สำนักสงฆ์ดอยกู่แก้ว อ.เมือง จ.แพร่ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาแด่พุทธศาสนิกชน และเพื่อสืบทอดพระศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป พร้อมทั้งจัดผ้าป่าไปถวายครับ
และวันนี้ ( 15/07/54 ) ผมและครอบครัว ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมอบจากคุณสาว ไปประดิษย์ฐานประทับ ณ วัดวังเย็น ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ พร้อมทั้งถวายเทียนพรรษาด้วยครับ อนุโมทนาบุญร่วมกันครับ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ บุญที่พวกเราได้ร่วมกันทำทุกบุญทุกท่านมีส่วนร่วมในบุญนั้นเช่นเดียวกันทุกประการค่ะ

คณะที่ไปเป็นเพียงตัวแทนของพวกท่าน นำบุญที่พวกเราทุกคนตั้งเจตนาไว้ ไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ค่ะ

อนุโมทนาบุญกับพี่นกและครอบครัวด้วยนะคะ วันนี้วันพระใหญ่ วันอาสาฬหบูชาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ไปทำบุญและเวียนเทียนในวันนี้ด้วยค่ะ

==========================

มีภาพจากครั้งที่นำบุญของทุกท่านไปถวายพระที่ภูโน น้องนิกและน้องปาม เป็นนักศึกษาการแพทย์แผนตะวันออก ศึกษาเรื่องสมุนไพร..พระอจ.เพชร เจ้าอาวาส เมตตาพาน้องทั้งสองเดินขึ้นเขาไปดูสมุนไพรทั้งที่ขึ้นเองตามธรรมชาติและที่ปลูกเพิ่ม

ครั้งแรกหนิงว่าจะตามไปด้วย..ปู่บอกว่าหนิงเหนื่อยนะ จะไหวเร้อ.....ฮา..ถามคำเดียวว่าใช้เวลานานไหมค่ะ พระอจ.บอกว่าก็น่าจะลงมาตอนห้าโมงเย็นนะ (ตอนที่ถามนะประมาณสิบโมงเช้า..) เลยต้องขออนุญาต รับคณะที่จะมาถวายของดีกว่า..ฮา.. ไม่ได้แก่นะ..ยังไหว..แต่ว่า กลัวขาดคนเก็บเรื่องราวมาเขียนให้เพื่อนๆ อ่านต่างหากละ..คริ..คริ..


น้องนิกถวายยา พระอจ.ก่อนขึ้นเขา




สาวน้อยคนนี้ ขอพรพระก่อนขึ้นเขา เข้าสวนสมุนไพร..ไปศึกษาจากตัวอย่างจริงๆ ครั้งหน้าจะให้มาฝึกงานที่นี่..ดีมะ



เดินขึ้นเขา..ดูเส้นทางสิคะ



ภาพนี้ คงไม่ต้องบอกนะคะ เล่นเอาฤาษีจับไข้..ไปเลย..

 

เมื่อวานนี้ วันเข้าพรรษาชวนท่านกัปตันไปทำบุญใส่บาตรดอกไม้ ที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี เป็นงานบุญที่หมายตา และตั้งใจมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ชมการถ่ายทอดสดในทีวีแล้วคิดว่าอยากมีโอกาสเช่นนี้บ้างจัง ปีนี้..ได้ใส่บาตรดอกไม้สมใจแล้วค่ะ

นอกจากนั้นยังได้ไปทำบุญถวายสังฆทาน กับหลวงตาวัชรชัย ที่วัดดถ้ำเขาวงมาด้วยค่ะ โมทนาร่วมกันนะคะ

รายละเอียดอื่นๆ ให้ท่านกัปตันมาเล่า..ฮา..ฐานะหน่วยความจำเป็นเลิศ..อิชั้น...พนง.เก็บภาพ..เจ้าค่ะ..^___^






แวะไปรับน้องเอ ที่บ้าน..อยู่ใกล้ซะป่าว บอกว่าไม่เคยมาเลยพี่ใหญ่..ฮา.



ใส่บาตรดอกไม้ หน้าพระมณฑป (เล็งที่นี้ไว้เหมือนกันค่ะ แล้วแม่น้องเอมาบอกอีกที) ต้องบอกว่าจังหวะช่างเหมาะจริงๆ ที่ให้พวกเรามาอยู่ ณ จุดนี้ ในขณะที่พระท่านเดินขึ้นบันไดเพื่อจะเข้าไปในมณฑป



จากนั้นก็เดิน(เร็วๆ) มาที่บันไดด้านหลัง เพื่อเข้าแถวรอล้างเท้าพระ



สุดท้าย สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเห็นประเพณีใส่บาตรดอกไม้ และดอกไม้ที่ใช้ในงาน



ดอกหงส์เหิร หรือดอกเข้าพรรษา ที่จะบานในช่วงวันเข้าพรรษา

 

งานวัฒนธรรมประเพณีหนึ่งเดียวในโลก "ตักบาตรดอกไม้"้ ที่พุทธศาสนิกชนชาว อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ยึดถือสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล งานดังกล่าวจะจัดขึ้นในช่วงวันเข้าพรรษา ของทุกปี

และที่แปลกอย่างยิ่งคือ ระหว่างวันเข้าพรรษาจะมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง และขึ้นอยู่ทั่วไปบริเวณแนวเขาโดยรอบมณฑป "รอยพระพุทธบาท" ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

ดังนั้นพี่น้องประชาชนชาวพระพุทธบาทจึงเรียกขานดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกเข้าพรรษา"เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษาของแต่ละปี จะมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง ออกดอกสีขาว เป็นช่อเล็กๆ ถ้าดอกนั้น อยู่กับต้นก็จะดูธรรมดาไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรแต่เมื่อมีคนคิดสร้างสรรนำ ดอกไม้นี้มาจัดรวมกันเป็นชั้นๆ คล้ายบายศรี ก็ดูสวยงาม แปลกตา ไถ่ถามกันพึมพำว่า "ดอกอะไร" แปลกดี ดอกไม้ที่ว่านี้ เรียกกันว่า "หงส์เหิน" หรือ ?ดอกเข้าพรรษา? เพราะ จะออกดอกในช่วงเข้าพรรษาพอดี คือ ระหว่าง พฤษภาคม - ตุลาคม

อาจจะมีชื่อเรียก แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น กล้วยจ๊ะก่า (ตาก) กล้วยจ๊ะก่าหลวง (ลำพูน) กล้วยเครือคำ (เชียงใหม่) ก้ามปู (พิษณุโลก) ขมิ้นผี หรือ กระทือลิง (ภาคกลาง) ว่านดอกเหลือง (เลย)ดอกเข้าพรรษา (สระบุรี) ที่เรียกว่า "หงส์เหิน" เพราะดอกและเกสรจะมี ลักษณะเหมือนตัวหงส์กำลังจะบิน มีลีลาสง่างาม มีกลีบประดับเรียงตามช่อดอก



แหล่งกำเนิด

หงส์เหิน (Globba winiti) เป็นไม้พื้นเมืองของไทยที่เกิดในป่าร้อนชื้น ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่หรือ ขึ้นอยู่ตามชายป่า ซึ่งในป่าเมืองไทยมีพืชสกุล Globba ขึ้นกระจายอยู่ทุกภาค อาจมีมากถึง 40 ชนิด จากการสำรวจพบว่า แถบภาคเหนือและภาคกลาง มีความหลากหลายของพันธุ์สูงกว่าภาคอื่นๆ แต่ยังไม่มีการศึกษา ทบทวนด้านอนุกรมวิธาน สำหรับพื้นที่บริเวณภาคเหนือรายงานว่าพบ Globba 3 ช นิด คือ G.nuda, G.purpurascens และ G.reflexa บริเวณป่าทิศตะวันออกดอยสุเทพ นอกจากนี้ พบ G. reflexa หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า "ดอกคำน้อย" ขึ้นตามทุ่งหญ้าที่ค่อนข้างชุ่มชื้น ในภาคเหนือ ตั้งแต่ระดับความสูง 700 - 1,000 เมตร สำหรับ G.nuda พบในป่าผลัดใบ สำหรับ G.pupurascens. นี้จะสร้างหัวเล็กๆ (bulbil) ที่โคนกลีบเลี้ยง และรากจะงอกในขณะที่อยู่บนช่อ เมื่อหัวเล็กๆ นั้นโตเต็มที่ยังสำรวจพบ G.clarkel, G.obscura, G.platystachya. G.purpur-ascens และ G.reflexa ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์อีกด้วย สำหรับ G.winitil หรือหงส์เหิน เป็นพันธุ์ที่มีกลีบประดับขนาดใหญ่สีม่วงเข้มและยังมีพันธุ์ที่มีกลีบประดับ สีขาว ซึ่งได้มีการนำ ไปปลูกประดับแพร่หลายไปทั่วโลกแล้ว

ที่มา : http://www.baanmaha.com/community/thread23333.html

 

ขอบคุณคุณหนิงค่ะที่มาชวนไปใส่บาตรดอกไม้ เพราะว่าก่อนวันที่คุณหนิงจะมาชวน ได้ดูทีวีที่เขาประมวลประเพณีของแต่ละที่มาให้ดูว่า ช่วงเข้าพรรษาที่ไหนมีงานอะไรบ้าง ก็ไปเห็นภาพงานใส่บาตรดอกไม้ที่สระบุรี ก็ยังคิดว่าน่าไปจัง แต่คงไม่มีโอกาส

ถัดมาอีกวันคุณหนิงมาชวนว่าไปใส่บาตรดอกไม้กันไหม ก็เลยตกลงไปค่ะ แวะไปรับน้องเอที่บ้านด้วย อยู่เลยพระพุทธบาทไปอีกหน่อย ประเพณีใส่บาตรดอกไม้จะมีสองรอบค่ะ รอบเช้าตอน 10.00 น. รอบบ่ายตอน 15.00 น. ตอนไปก็คิดว่า กว่าเราจะไปถึง คนคงมายืนรอเต็มหมดแล้ว จะมีที่ให้ยืนหรือเปล่า พอดีแม่น้องเอบอกเคล็ดลับว่า ให้ขึ้นไปรอตรงมณฑปพระพุทธบาท ก่อนที่พระท่านจะเข้ามณฑปจะได้ไม่ต้องไปยืนเบียดกับคนอื่น พอใส่บาตรดอกไม้เสร็จ ก็ให้เดินอ้อมไปอีกด้าน ไปรอล้างเท้าของพระท่าน เพราะท่านจะเดินลงอีกด้าน<O</O
<O</O
พอได้เคล็ดลับเสร็จ เราก็รีบออกจากบ้านน้องเอเดินทางไปที่พระพุทธบาทกันทันที แล้วก็เอาน้ำติดกันไปด้วยสามขวด (คนละขวด) ไว้ล้างเท้าพระ แล้วก็แปลก ที่แม่เอตักน้ำใส่ขวดไว้พอดีเลยสามขวด ซึ่งไม่ใช่น้ำกินด้วย ยังกับรู้แน่ะ ไปถึงบริเวณหน้าพระพุทธบาท รถก็เริ่มติด แล้วพระก็เริ่มเดินรับบาตรแล้ว เราก็ภาวนากันว่าให้มีที่จอดรถ สุดท้ายได้ไปจอดรถหน้าร้านขายอาหารพอดี แล้วเราก็รีบเดินเข้าทางด้านหลัง ไปที่มณฑป ซื้อดอกไม้แล้วก็เลยเดินเวียนรอบมณฑปสามรอบระหว่างรอพระ<O</O
<O</O
พอเวียนครบสามรอบ ก็มานั่งอยู่ตรงมุมบันไดทางขึ้นมณฑป ก็นั่นเม้าท์ปรับทุกข์กันไป ฮา คนอื่นๆที่เขาเดินเวียนรอบมณฑปก็มองพวกเรากันใหญ่ เขาคงคิดว่า ยัยสามคนนี่มานั่งทำอะไรอ่ะ อิอิ ขนาดพนักงานที่ดูแลมณฑปยังมาถามเลย ก็บอกว่ารอใส่บาตรพระค่ะ พวกเขาก็ว่า ไม่ร้อนเหรอ ไม่ไปนั่งหลบที่ร่มๆก่อน กว่าพระจะมาอีกนาน พวกเราก็ว่าไม่เป็นไรค่ะ ไม่ร้อน ฮา (แบบว่านั่งกันไม่กลัวดำอีกต่างหาก เอาบุญก่อน) จะว่าไปก่อนออกจากบ้านไป ก็ขอพรพระท่านไปแล้วว่า อย่าให้ฝนตก อย่าให้แดดออก ขออากาศสบายๆ เมื่อวานช่วงที่ทำบุญก็เลยไม่ค่อยเจอแดด ฝนก็ไม่ตก ช่วงที่นั่งรอพระ ก็มีแดดออกเป็นช่วงๆแล้วก็จะมีเมฆมาบัง ทำให้ร่มขึ้น แล้วก็มีลมพัดมาตลอดเวลา เลยทำให้นั่งรอได้โดยไม่ร้อน<O</O
<O</O
จนประมาณสิบเอ็ดโมงหน่อยๆ พระท่านก็มาถึง เนื่องจากมีประชาชนมาคอยใส่บาตรที่ถนนเยอะมาก ๆ เมื่อพระเดินขี้นบันไดนาคมาและก่อนเข้ามณฑปพวกเราก็ได้ใส่บาตรดอกไม้กัน โดยที่น้อมจิตไปใส่บาตรสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าข้างบนด้วยค่ะ จากนั้นเราก็เดินอ้อมมาอีกฝั่งมานั่งรอตรงบันไดเพื่อรอล้างเท้าพระในขณะที่พระท่านเดินลงค่ะ คุณหนิงก็เป็นตากล้องคอยเก็บภาพ เพราะกล้องดิฉันแบตเหลือน้อยมากๆ เพราะเจ้าลูกชายเอาไปใช้แล้วไม่ได้ชาร์ตแบตให้ เมื่อคณะของพระท่านคล้อยหลังไปแล้ว พวกเราก็ได้พากันไปซื้อกระเบื้องมุงหลังคาวิหารป่าเลไลยก์ อุโบสถ และทำให้กับคณะชุมชนมโนมยิทธิด้วยค่ะ นอกนั้นก็ร่วมบุญอื่นๆอีก เช่น ชำระหนี้สงฆ์ บูรณะโบสถ์และอื่นๆค่ะ<O</O
<O</O
เสร็จจากวัดพระพุทธบาทเราก็แวะไปกินอาหารกันก่อน แล้วก็คุยกันว่าจะไปกราบหลวงตาวัชรชัยที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)กัน เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เมื่อไปถึงวัดก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ หลวงตากำลังพัก ต้องรอประมาณบ่ายโมงครึ่ง ดังนั้นพวกเราจึงได้เข้าไปไหว้พระในโบสถ์กันก่อน และได้ไปกราบรูปปั้นหลวงพ่อฤาษีด้วย ไม่ได้ไปวัดนานแล้ว อะไรก็มีเพิ่มขึ้น มีรูปปั้นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ นั่งสบายๆอยู่ใต้ร่มไม้ด้วย ระหว่างที่รอพวกเราพากันเดินไปหาซื้อหนังสือ และก็ร่วมทำบุญกับทางวัด คือ ซื้อที่ดินถวายวัด ทำบุญสร้างห้องสุขา ชำระหนี้สงฆ์ ธรรมทาน และอื่นๆ <O</O
<O</O
ได้เวลาที่หลวงพ่อลงศาลารับแขกญาติโยม พวกเราก็เข้าไปถวายสังฆทานกับท่าน และก็มีคณะญาติโยมอื่นๆมาถวายสังฆทานกันเรื่อยๆ พวกเราก็นั่งโมทนาบุญ(ฟรี)กันต่อเนื่องเลย ฮา ระหว่างที่นั่งโมทนาบุญก็เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สร้างไว้สำหรับถวายสังฆทาน เมื่อเห็นก็ถามคุณหนิงว่า “อ้าว ที่วัดหลวงตา ยังไม่มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ เหรอ เห็นตอนนั้นว่าใครจะเอามาถวายนี่นา” คุณหนิงบอกว่า “ยัง เรานี่แหละที่เคยคิดว่าจะเอามาถวาย แต่ก็นึกว่ามีคนอื่นมาถวายแล้ว” ก็เลยว่า “สร้างมาถวายหลวงตากันดีไหม” คุณหนิงก็ตอบรับทันทีเลยว่า “ดี” แล้วก็ได้เข้าไปขออนุญาตจากหลวงตา ซึ่งท่านก็อนุญาต และท่านได้ขออนุญาตพวกเราไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยว่า “ถ้าเกิดหลวงตาไปเจอวัดไหนที่เขายังไม่มีพระ อนุญาตให้หลวงตาถวายต่อได้ไหม พวกเราจะได้บุญกันยิ่งขึ้นไปอีก เพราะบางวัดเขายังไม่มีพระเลย ได้ไปนี่แห่กันจนฝนตกเลยนะ” ก็ตอบท่านว่า “ได้ค่ะ” แต่ตอนหลังพอท่านรู้ว่า ขนาดองค์พระไม่ได้ใหญ่มาก พอๆกับองค์พระที่ไว้ใช้ถวายสังฆทานที่มีอยู่แล้ว ท่านเลยว่า “งั้นก็เอาไว้ที่นี่ก็ได้ ไว้ให้เขาใช้ถวายสังฆทานกัน นึกว่าองค์ใหญ่มาก กลัวไม่มีที่ไว้”<O</O
<O</O
พวกพี่ๆน้องๆญาติธรรมที่นั่งอยู่ในที่นั้นก็เลยได้ขอร่วมบุญด้วย ก็ได้ยอดเงิน ณ ตรงนั้น 2,060 บาท ได้แจ้งให้ทราบกัน แล้วหลวงตาก็บอกว่า “เอ๊างั้น หลวงตาร่วมสร้างด้วย 100 บาท” แล้วท่านก็นำเงินออกมาวางไว้ พวกเราก็ดีใจ ยกมืออนุโมทนากับหลวงตากันใหญ่เลย เดี๋ยวรอให้คุณหนิงเปิดกระทู้บอกบุญอีกทีนะคะ คอยฟังข่าวกันค่ะ<O</O

 

ลืมรูปที่ทำบุญกระเบื้องมุงหลังคาไปซะนี่..





พระประธานในโบสถ์วัดเขาวง



หลวงตาวัชรชัย

 

จากนั้นหลวงตาก็ได้เทศน์ธรรมะสั่งสอนพวกเราด้วย ก็จี้โดนจุดของแต่ละคนไปตามๆกัน ท่านบอกว่าควรจะทำทาน ศีล ภาวนาให้ครบ กรรมฐานนี่ไม่จำเป็นต้องเป็นมโนมยิทธิก็ได้ สายสติปัฏฐานก็ได้เหมือนกัน หรือสายอื่นๆก็ดีเหมือนกัน ถ้าเราทำได้จริงๆ ท่านว่าอย่าไปโจมตีสายอื่นที่คิดเห็นและปฏิบัติไม่เหมือนเรา ส่วนคนอื่นเขาจะไม่เห็นด้วยกับเราจะว่าเรา เราก็เฉยๆไว้ ให้มองคนอื่นหรือพระที่ท่านไม่เห็นด้วยกับเราแบบนี้ คือ ให้คิดว่า คนๆนี้หรือพระองค์นี้ ต่อไปในอนาคตกาลข้างหน้า ท่านก็ต้องพ้นเวรพ้นกรรมแล้วก็เข้านิพพานกันทุกดวงจิต ให้มองเห็นว่า นี่คือพระอรหันต์ในกาลข้างหน้าไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง ส่วนท่านเหล่านั้นจะทำดีทำเลวแค่ไหนก็เรื่องของท่าน ท่านจะไปเวียนว่ายตายเกิดอยุ่ที่ไหน อีกกี่ชาติ ก็เรื่องของท่าน เราอย่าไปคิด ให้มองดูตัวเราดีกว่า ว่าเราทำดีแล้วหรือยัง เรายังต้องการจะลงไปอบายภูมิอีกไหม ยังอยากจะเวียนว่ายตายเกิดอีกไหม

หลวงตาบอกว่าหลังจากทำบุญเสร็จก็ให้อธิษฐาน ขอเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด แต่บางคนพอบอกว่าให้เข้าถึงนิพพานในชาตินี้ก็คิดว่า เอ๊ะ ไม่ดีมั้ง ก็เลยอธิษฐานว่า ขอเข้าถึงพระนิพพานในชาติข้างหน้าโน้นเถิด ฮา หลวงตาบอกว่า ทำไมเราไม่อธิษฐานไว้ตั้งแต่ชาตินี้ ยังอยากจะไปอ้อมอยู่อีกเหรอ ยังอยากจะทำเลวทำชั่วกันอีกเหรอ ลงไปอบายภูมิกันอีกเหรอ ก็บอกกับหลวงตาว่า น้องๆบางคนเขาก็ไม่อธิษฐานแบบนั้นเพราะเขากลัวว่าเขาจะไปไม่ได้ เขาเลยว่าเอาแค่สวรรค์ก่อน ปิดอบายภูมิก่อนก็พอ หลวงตาบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ แต่ให้ตั้งกำลังใจผูกไว้กับกระแสพระนิพพานตั้งแต่ชาตินี้เป็นต้นไป ผูกเอาไว้เลย ห้อยไว้ก่อน ส่วนด้านล่างก็ค่อยๆปลดออก เพราะในเมื่อจิตเราเข้าสู่กระแสพระนิพพานแล้ว เราจะได้ไม่คิดทำเลว เราจะได้ไม่ต้องลงอบายภูมิ ถ้ายังไปพระนิพพานไม่ได้ เราก็ยังได้อยู่สวรรค์หรือพรหม แล้วเราก็กลับมาเกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ เราก็ได้ไปนิพพานแล้ว ดังนั้นอย่ามัวไปเสียเวลาอ้อมอยู่ เอาจิตเข้าสู่กระแสพระนิพพานตั้งแต่ชาตินี้ไปเลย

ก็บอกหลวงตาว่า บางคนกลัวว่าพออธิษฐานแล้ว กรรมจะเข้ามาหมดเลยในชาตินี้ กลัวจะรับไม่ไหว เพราะว่ามีน้องบางคนขอถอนตัวไปแล้วว่า ไม่ไปแล้วนิพพานเพราะว่าอะไรๆก็เข้ามารุมเร้า รับไม่ได้ หลวงตาว่า กรรมมันก็มีมาเป็นปกติของมันนั่นแหละ แต่เมื่อก่อนจิตเราหยาบ เราก็เลยมองไม่เห็น พอเราเริ่มทำดี จิตเราละเอียดขึ้น เราก็จะมองเห็นถึงสิ่งเหล่านี้ เราก็เลยคิดว่ากรรมมันมาเยอะ จริงๆมันก็มาเป็นปกติของมันนั่นแหละ เมื่อก่อนตอนเราไม่ทำดี เราก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งที่มันจะทำให้ตัวเองไม่สบายจริงไหม จะไปคิดถึงมันทำไมละ ใครๆก็ไม่ชอบหรอก ก็ทำตัวสบายๆของตัวเองไง แต่พอทำดี จิตละเอียดขึ้นเลยเริ่มมองเห็นถึงสิ่งไม่ดี ก็เลยคิดว่ากรรมมันมาเยอะ

หลวงตาสอนอีกว่า อย่าสงสัยในเรื่องของกรรม อย่าคิดว่าไอ้ที่เรารับเราโดนนี่ไม่ได้เป็นผลมาจากการเหตุของกรรมในอดีต แล้วก็เวลาฝึกมโนมยิทธิก็เหมือนกัน ให้ฝึกเพื่อพ้นทุกข์ อย่าเอาไปรื้อฟื้นว่าเราเคยเป็นอะไรกับใครมาก่อน เพราะว่าอดีตชาติมันผ่านพ้นไปแล้ว สังขารนั้นมันไม่มีแล้ว มีแต่จิตดวงเดิมที่ยังจดจำกันได้อยู่ พยายามละให้มาก ต้องละกามคุณออกก่อน อย่าให้มีอารมณ์แบบนั้น ฝึกเพื่อไปนิพพานกันดีกว่า ส่วนใครจะมีสัญญงสัญญาอะไรกันมา เราก็มาช่วยเหลือกันให้พ้นทุกข์ดีกว่า ถ้าเราไปก่อน ไอ้คู่สัญญาก็ให้นั่งอธิษฐานไปว่า ใครที่เราเคยมีสัญญากัน ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นพรหม หรือบนนิพพานก็ดี ให้มาช่วยเหลือกันหน่อยเถิด ดังนั้นอย่าฝึกเพื่อไปรื้อฟื้น เพราะว่าทุกอย่างมันไม่มีแล้ว มันสลายหายไปหมดแล้ว เราแค่มาอยู่ในร่างใหม่เท่านั้น

จริงๆหลวงตาเทศน์สอนเยอะ แต่ที่จำๆได้ก็ประมาณนี้แหละค่ะ และขอขมาต่อพระรัตนตรัยไว้ก่อนหากว่าลูกเขียนคำพูดใดผิดไป เพราะก็ใช้แค่สมองน้อยนิดจดจำมาทำที่จะจำได้ค่ะ

 

โมทนากับทุกท่านด้วยนะครับ
เมื่อวันอาสาฬหบูชาได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) ได้ทำบุญธรรมทาน
วิหารทาน สังฆทาน ช้ำระหนี้สงฆ์ และหยอดตามตู้ทำบุญต่าง ๆ ด้วยครับ
พร้อมกันนี้ได้ฟังหลวงตาเทศน์สอนพวกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญด้วยครับ
ได้ฟังหลวงตาสอนแล้วน้ำตาจะไหลให้ได้เลยครับ ดีใจมากครับที่ได้ฟังหลวงตาสอนวันนั้น
พร้อมกันนี้ยังได้ช่วยเจ้าหน้าที่รับส่งสังฆทาน เทียนพรรษา และของใช้ต่าง ๆ
ที่ญาติโยมนำมาถวายด้วย เนื่องจากว่าบุคคลากรของทางวัดเขาวงมีน้อยครับ
แต่ญาติโยมไปกันเยอะครับ อยากให้มีคนไปช่วยหลวงตาเยอะ ๆ ครับ
หลวงตาบอกว่า หลวงตาเหนื่อยมากแล้วครับ
(อ่านจากหนังสือเสียงจากถ้ำเล่มที่แจกวันอาสาฬบูชา)

 

ใช่เลยค่ะ อันนี้พี่เองก็ได้อ่านมาเหมือนกัน ว่าจะเอามาลงให้พี่น้องญาติธรรมดู เผื่อใครจะได้ไปช่วยหลวงตาบ้าง วันที่ไป ก็ได้ไปคุยกับน้องที่ไปช่วยที่วัด เขาก็ชวนพวกพี่ให้ไปช่วยด้วย น้องว่าไม่มีคน เหนื่อยมาก ก็ว่าพวกพี่เองก็ยังแยกร่างไม่ถูกเลย หลายที่เหมือนกัน แต่ก็อยากไปช่วยหลวงตาเหมือนกันนะ คงอาจจะมีบางวาระได้ไปน่ะค่ะ คุยกับคุณหนิงอยู่เหมือนกัน