วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** วิชชาที่จะทำให้อยู่รอด **** หากเชื่อ "สัจจะ"... จงเชื่อ "ความรู้สึกตนเอง" ....อย่าเชื่อ "คำจากคนมีกรรม ที่ยังหลงใหลในวัตถุ"... ตัวเรา จะบอกตัวเองว่า ควรทำอะไร - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ห่างหายในการปฏิบัติกันไปบ้าง ขอกราบขออภัยทุกท่านด้วยครับ


    ถึงแม้ว่าเราจะมีงาน มีภาระกิจ ที่ต้องรับผิดชอบประการใดก็ตาม แต่ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย มีธรรม มีการเจริญจิตเจริญกรรมฐานกันเป็นปรกติ เราจะอ้างว่าไม่มีเวลาไม่ได้ ลมหายใจของเรานั้น หากพิจารณาดูให้ดี ก็นับว่าเป็นกรรมฐานกองหนึ่งแล้ว พระพุทธเจ้าท่านจึงได้กล่าวสรรเสริญไว้ว่า "หากผู้ใด แม้นจับลมหายใจในอาณาปานสติ แม้เพียงสักนิดหนึ่ง นับว่าท่านผู้นั้นไม่คลาดจากการปฏิบัติกรรมฐาน " เพราะอารมณ์ใจที่สบายในการจับลมหายใจนั้น จะค่อยๆรวมตัวไปทีละน้อย ทีละน้อย จนกระทั่งท่านทำไปเองเป็นปรกติ โดยไม่รู้ตัวไปเอง พอเผลอเมื่อไหร่ท่านก็เข้าฌานของท่าน เอง ไม่ต้องไปตั้งท่า ไม่ต้องไปบังคับ เมื่อนั้นใจของท่านก็จะสบาย ว่างจากกิเลส มีความชุ่มเย็นในจิตในใจเป็นปรกติ

    หากจะให้ ก้าวหน้าในการปฏิบัติกว่านี้
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ก็ควรที่เราจะมีหลักของใจ ไว้ใน สัมมาทิษฐิ ที่ถูกต้อง
    ในเรื่องของไตรสรณคมม์ การมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งที่อาศัยของใจ ตลอดไปตราบจนเข้าสู่ พระนิพพาน ไม่ว่าท่านจะ เป็นพุทธภูมิก็ดี หรือสาวกภูมิก็ดี

    ในเรื่องของกรรม กฏของกรรม การเวียนว่ายตายเกิด ว่ามีจริง มีผลจริง

    และคุณธรรม สำคัญของการเป็นมนุษย์อันได้แก่ ศีลห้าประการ เป็นเบื้องต้น และอริยศีล ในอารมณ์ท่านที่ถึงความเป็นพระอริยเจ้าเป็นที่สุด

    พรหมวิหารสี่ เป็นปรกติของใจ ความเมตตาที่เป็นปรกติ จนฉายออกมาจากดวงใจของเราสู่ ใบหน้า รอยยิ้ม เป็นคลื่นใจที่เย็นสบาย สงบ จนคนและสัตว์รอบด้านที่อยู่ใกล้สามารถสัมผัสและรับรู้ได้ ด้วยใจ ซึ่งเมื่อปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่ง สัตว์ทั้งหลายจะเข้ามาหา มาคลอเคลียกับเราเองด้วยอำนาจของการเจริญเมตตา จนเป้นเนื้อเดียวกับดวงจิตของเรา

    จากนั้น ตัววิปัสสนาญาณ ก็ควรเจริญให้เห็นเป็นปรกติในกฏไตรลักษณะญาณว่า ทุกสรรพสิ่ง อันหมายรวมไปถึงตัวเราก็ด้วยนั้น ล้วนแล้ว แต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา ไม่มีแก่นสารใดๆ ให้ยึด ให้ห่วงหา ทุกสิ่งล้วนเป็นมายา ชั่วเวลาก็ผ่านเลยไป ไม่อาจคว้าจับให้อยู่นิ่งตลอดกาล ตลอดสมัยไปได้ เมื่อถึงสภาวะนี้ เราจะมองเห็นธรรมชาติเป็นครูเราในเรื่องนี้ ในทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ทุกสภาวะ จนใจ เราเกิดอุเบกขาญาณในสรรพสิ่ง เห็นทุกข์ อยู่ในทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ เพราะใจที่รู้เท่าทัน ค่อยๆทำไป บางวาระ ใจเราอาจจับอารมณ์ได้ทัน บางครั้งก็อาจจะไม่ทัน บ้างเป็นธรรมดา

    เมื่อใจเราบริสุทธิ์ในธรรม ปล่อยวางจากความยึดมั่น ในร่างกายขันธุ์ห้าดี แล้ว ก็ขอให้ทรงอารมณ์ใจ ให้มั่นคงในพระนิพพาน
    " มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ให้เป็นปรกติของใจ "

    ตั้งใจของเราไว้ว่า"จะไม่มีวันใดที่ ใจของเราคลาดจาก พระพุทธเจ้า "
    "จะไม่มีวันใดที่ใจเราคลาดจากพระนิพพาน"

    เมื่อทำได้เช่นนี้แล้ว ใจของเราก็จะมีหลักของใจ เป็นที่มั่นคง ให้วางอารมณ์ใจให้เบาๆ สะบายๆ ทำได้เช่นนี้ การทรงอารมณ์เช่นนี้ไม่ใช่ของหนัก เกินวิสัยที่เราจะสามารถทำได้เป็นปรกติ

    หมั่นตรวจจิตดูใจของเราเอาไว้เสมอว่าเรามั่นคงในพระรัตนไตร เพียงใด มีพระนิพพานเป็นอารมณ์เสมอหรือไม่ ตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิ ไว้เสมอหรือไม่ มีศีล มีพรหมวิหารสี่เป็นปรกติหรือไม่

    หากทำได้ดังนี้ ใจของท่านก็จะไม่คลาดจากความดี และมีสุขคติเป็นที่ไป อย่างมั่นคง

    ขอให้ท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในความดี ความงาม ของจิตใจ ตามที่สมเด็จพระชินสีห์ได้ทรง มีพุทธประสงค์ไว้ ทุกท่าน ด้วย เทอญ....
     
  4. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +433

    ขออนุโมทนากับคุณคณานันท์ด้วยนะคะ ที่มาเตือนสติเราทุกคนไม่ให้หลงกับทางโลกและเร่งที่จะทำความดี
     
  5. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
    <DIR><DIR>ก่อนที่ผมจะเข้ามาสู่เว็บนี้นั้น ผมเป็นเพียงคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ที่จิตยังหลงในทางโลกอยู่มาก วันนึงๆก็ไม่รู้ว่าตัวเอง ได้คิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่วไปมากน้อยเท่าไร ชีวิตก็ลุ่มๆดอนๆ ผีเข้าผีออก ทะเลาะกับภริยาได้เกือบทุกวัน

    จนมาถึงต้นปีพ.ศ.2549 ก็เริ่มมีบางอย่างมากระตุ้นให้เราเข้ามาหาความรู้ในการปฏิบัติพระกรรมฐาน ก็มาเจอเว็บนี้เข้า ได้เจอมิตรธรรมคือคุณริช(วิปปจิตัญญู)เป็นท่านแรกและก็ได้รู้จักกับอีกหลายๆท่านตามมาในภายหลัง

    นับตั้งแต่เริ่มมีกระทู้นี้ขึ้นมา ผมก็อาศัยเข้ามาหาความรู้เพื่อพัฒนาจิต ให้เข้าถึงความดีอยู่โดยตลอด รวมถึงหาความรู้เพิ่มเติมทั้งจากภายนอกและภายในจิตอยู่เสมอ จนบัดนี้นั้นผมได้รับผลแห่งการปฏิบัติตนให้ตั้งอยู่ในความดีระดับนึงแล้วครับ

    จากที่เคยคิดชั่ว พูดชั่วและทำชั่วก็ค่อยๆลดลงเรื่อยมา เริ่มรู้ทันสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในจิตมากขึ้น เริ่มปล่อยวางกับทุกสิ่งได้มากขึ้นเรื่อยมา ชีวิตของผมได้เปลี่ยนมาสู่สภาวะที่สุขสงบร่มเย็นจริงๆครับ

    เมื่อได้เห็นธรรมได้เห็นความดีของพระรัตนไตรแล้ว ก็ขอผูกจิตเราไว้กับความดีที่พระพุทธเจ้าท่างทรงสั่งสอนมา ให้ได้ตลอดจวบจนกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน หากมีโอกาสจะเกื้อกูลพระศาสนาให้เจริญและเพื่อนทุกข์ให้ได้เข้าถึงซึ่งความดี ผมก็จะขอทำให้ดีที่สุดครับ

    พี่คณานันท์เองก็เป็นอีกหนึ่งท่านที่เป็นแบบอย่างให้กับผมได้อย่างดีเยี่ยมครับ ผมจะพยายามศึกษาและน้อมนำธรรมที่พี่ได้ถ่ายทอดมาให้นั้นเข้าสู่ตัวเองจนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมให้ได้ครบถ้วนครับ

    ผมขอกราบโมทนาในความดีทั้งหลายที่พี่และทุกๆท่านได้กระทำอยู่ด้วยนะครับ
    </DIR></DIR>
     
  6. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
    <DIR><DIR>



    </DIR></DIR>
    <DIR><DIR>จริงอย่างที่พี่คณานันท์กล่าวครับ ว่าการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้น จะมาอ้างว่าไม่มีเวลานั้นไม่ควรเลย เพราะเราสามารถทำได้ตลอดเวลา พระกรรมฐานนั้นมีอยู่หลายแบบมาก ผมเองก็เป็นคนที่ต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดครับ แต่ก็ฝึกกรรมฐานอยู่ตลอด

    สำหรับการฝึกกรรมฐานของผมในระยะนี้นั้น การรักษาศีล5นั้นไม่รู้สึกหนักแล้วครับ แต่การรักษาศีล8ทุกวันพระของผมนั้นยังมีพลาดอยู่ในส่วนของการฟังเพลงบ้าง เพราะรักษาที่บ้าน และที่บ้านก็เปิดเพลงฟังกันตลอดครับ บางครั้งผมก็เผลอปล่อยจิตไปตามเพลงบ้างก็เลยผิดศีลไป

    สำหรับพรหมวิหาร4นั้นก็พยายามวางอารมณ์เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขาแผ่ออกไปไม่มีประมาณตามที่พี่สอนครับ พยายามสำรวจตรวจจิตอยู่เสมอตามหลักสติปัฏฐาน4ครับ จับลมสบายวางอารมณ์สบายเท่าที่จะสามารถทรงอารมณ์ได้ จิตจับภาพพระแก้วมรกตให้ได้ตามกำลังสมาธิเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ได้สนใจว่าจะทำได้ฌาณขั้นไหนหรือจะไม่ได้ฌาณเลยก็ตามครับ

    ด้านวิปัสนานั้นฝึกให้มองเห็นสภาพความเป็นจริงของทุกสิ่งที่มีเกิดขึ้นในโลกนี้นั้น เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเที่ยง แต่มีความเสื่อมความดับและความตายของชีวิตเป็นของเที่ยงที่เราต้องเจออย่างแน่นอน ดังนั้นชีวิตที่ดำเนินอยู่นี้นั้นก็จะลดความยึดมั่นในสิ่งต่างๆที่มีอยู่และสิ่งต่างๆที่จะเกิดมีขึ้นในอนาคต ขอเกาะกระแสพระนิพพานตามรอยพระพุทธองค์และพระอริยะสาวกทั้งหลาย จิตใจก็จะเป็นอิสระมากขึ้นต่อสิ่งต่างๆที่มากระทบทั้งด้านบวกและด้านลบไปเองโดยที่เรารู้ได้ด้วยตัวเองเลยครับ

    นับตั้งแต่เข้ามาในเว็บพลังจิตและได้เริ่มปฏิบัติพระกรรมฐานนี้ มีหลายครั้งที่ผมได้สัมผัสกับหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ทำให้ผมเกิดความอัศจรรย์ใจมากมายครับ แต่จะขอเล่าสักหนึ่งเรื่องที่พึ่งจะเกิดเมื่อต้นปีนี้ครับ และเห็นว่าสอดคล้องกับที่พี่คณานันท์ได้สอนอยู่ด้วยครับ

    เรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับผลแห่งเมตตาที่ผมฝึกจนน้องหมาเค้ารับรู้ได้ครับ คืออยู่มาวันหนึ่งเกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว ผมได้ยินเสียงน้องหมาไม่มีเจ้าของมาร้องอยู่หน้าบ้าน คล้ายจะขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง ผมและภริยาก็ออกไปดู ก็ได้คุยกันว่าสงสัยเค้าจะหิว ก็เลยทำข้าวให้เค้ากินหน่อยนึง ปรากฏว่ากินซะหมดเกลี้ยงเลย ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียวครับ ก็ทำมาให้เค้าอีกรอบนึง ครั้งนี้ขณะเทข้าวลงให้เค้ากินนั้น ผมเห็นด้วยหางตาว่าเค้ามองหน้าผมอยู่ แล้วก็มีเสียงผุดขึ้นในใจผมว่า "คนนี้ใจดีจัง" คล้ายกับได้ยินเค้าคิดหน่ะครับ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นจิตผมปรุ่งแต่งขึ้นมาเองหรือเปล่า แต่จิตในขณะนั้นสงบดีครับ จากวันนั้นเค้าก็หายไปได้สักสองสามวันก็มากร้องขอข้าวกินอีก ก็จัดการให้เค้ากินจนอิ่ม หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นเค้าอีกครับ

    ก็ขอเล่าไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ขอกราบโมทนาในความดีและความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของทุกๆท่านด้วยครับ


    </DIR></DIR>
     
  7. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,982
    โมทนาด้วยจริงๆ กับคุณกุหว่าใจ๋ ที่ได้ลิ้มรสแห่งพระธรรมจนชีวิตเจริญยิ่งขึ้น

    ส่วนผมเองนั้นเริ่มเมื่อกลางปี 49 ครับ หลังจากได้บวชถวายในหลวงเมื่อต้น พ.ค. ใจนั้นไม่เคยคิดว่าจะได้ศึกษาพระธรรมมากขนาดนี้ จากที่เมื่อก่อนนั้นไม่เคยสนใจธรรมะเลย มีเพื่อนชวนไปโน่นไปนี่ก็ตามไปงั้น ไม่ได้รู้รสแห่งพระธรรมเลย พอสึกเสร็จ ฟังธรรมะข้อไหนก็ get หมด เข้าใจหมด มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดกับผมหลังจากเล่าเรื่องราวธรรมะตอนหนึ่ง บอกว่า "นี่เข้าใจธรรมะข้อนี้เหรอ ไม่ใช่ใครจะมาเข้าใจง่ายๆ นะ ยากนะสำหรับคนที่ไม่เคยศึกษามาก่อน" ไอ้เราก็ยืนยันว่าเข้าใจจริงๆ ฟังรอบเดียวเข้าใจเลย เขาก็เลยงง

    ตอนนี้มาคิดว่า คงเป็นเพราะการบวชถวายในหลวง ทำให้เราได้อานิสงส์มากเช่นนี้ เพื่อนที่บวชด้วยกันชื่อป๊อป (poprock) แนะนำเว็บพลังจิตให้รู้จัก และได้ศึกษาจากเว็บนี้เรื่อยมา จนความรู้ในทางธรรมเพิ่มพูนขึ้น แม้ว่าเราจะยังรู้สึกว่าความรู้ที่เรามีอยู่ตอนนี้นั้นมันแค่หางอึ่ง แต่ก็พอจับต้นชนปลายได้ และมีประสบการณ์มากมายที่ไม่เคยคิดมาก่อน กิเลสเบาบางกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อก่อนเห็นเขาโพสอะไรที่ไม่พอใจเรา ก็ตอบโต้เขาบ้าง ทำให้จิตตกบ้าง แต่เมื่อรู้หลักความจริงว่า อ๋อ นั่นไง ที่เราไปตอบโต้เขามันก็เป็น "กิเลส" ของเราเอง ที่อยากเอาชนะ อยากเหนือกว่า แม้ว่าเราจะพูดกันเรื่องธรรมะและรู้สึกว่าเราถูกก็เถอะ สุดท้ายมาจบที่ "พรหมวิหารสี่" ... "อุเบกขา" เป็นข้อที่ทำให้เรานิ่ง และหันมาพิจารณาใจของตนเอง มากกว่าจะไปพิจารณาพิพากษาคนอื่น ผมงี้ดีใจสุดๆ ที่ได้เห็นการพัฒนาของตนเองในทางธรรมให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ยังมีข้อเสียบางประการที่ต้องปล้ำสู้มันหน่อย ตราบใดที่กิเลสยังไม่หมดผมก็ยังไม่ยอมแพ้

    สุดท้าย "วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ" ผมวิเคราะห์ว่า ก็คือวิชชา "ละกิเลส" นั่นเอง มีกิเลสอยู่กับเราก็เหมือนมีตัวอะไรมืดๆ ดำๆ มาเกาะหลังเรา ทำให้เราล้มบ้าง ทำให้เรามึนบ้าง ว่างๆ ก็มาเป่าหูเราบ้าง หากเราสละตัวกิเลสไปได้ วันละเล็กน้อย แม้วันนี้มันยังเกาะหลังเราอยู่ แต่ก็เป็นตัวกิเลสตัวเล็ก เล็กลงกว่าแต่ก่อน คงไม่ทำให้เราเซเท่าไหร่ คงไม่ทำให้เรามึนเท่าไหร่ และหากมันจะเป่าหูเรา เสียงมันคงจะเบามาก เป่าอาจไม่ค่อยสำเร็จ

    หากเราละกิเลสได้ เอาง่ายๆ แค่สังโยชน์ 3 ข้อแรก ก็ได้ชื่อว่าปิดประตูอบายภูมิแล้ว จะอยู่หรือจะตายก็ไม่ต้องห่วงแล้วครับในยุคแห่งอภิมหาภัยพิบัตินี้ครับผม
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ความจริงแล้วท่านทั้งสองก็ล้วนแต่มี"ของเก่า"ที่เคยได้บำเพ็ญมานับแต่อดีตชาติ ครับ รวมทั้งอีกหลายๆท่านในเวบนี้อีกด้วย


    เมื่อวาระที่กรรมฝ่ายกุศลส่งผล จิตก็หวนระลึกถึง บารมี และภูมิธรรมที่ต่างท่าน ต่างได้บำเพ็ญมา และคืนกลับสู่ดวงจิตของเรา ดังเดิม

    ไอ้ตัวผมนั้นก็ยังมีความเลว ความชั่วอยู่อีกมาก กิเลสก็ยังไม่หมดไปจากจิตใจ เพียงแต่เป็นกรรมเก่าที่ผมได้อธิฐานจิตมา ว่าจะช่วยรักษาพระบวรพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปี พระท่านอยากจะใช้อะไร สั่งอะไรผมก็ทำตามผู้ใหญ่ท่านสั่ง ท่านสอนมา การลงกระทู้ในวิชชาที่ทำให้รอดจากภัยพิบัตินั้น มีถึง 90 % ที่เป็นความรู้สึกเหมือนผมกำลังเรียนธรรมมะจากพระท่านอยู่ และก็เป็นเหตุที่ไปสะกิดตรงกับใจของอีกหลายๆท่าน ให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติ ยิ่งขึ้น

    ทำให้ท่านที่มีความเข้าใจ "มีความรู้สึก มีอารมณ์ใจ ว่าการปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินกำลังของท่าน"

    โปรดอย่าลืมว่า พระพุทธเจ้าท่านมีพระพุทธประสงค์ ให้ทุกๆคนได้รับผลแห่งการปฏิบัติ ไม่ใช่การสอนที่วิจิตรพิสดารจนเกินจะเข้าใจ หรือ เกินกำลังในการปฏิบัติ เพราะหากเป็นเช่นนี้ จะกลายเป็นการสอน การแนะนำที่ไม่มีผลในการปฏิบัติแต่อย่างไร แต่ผู้สอน ผู้แนะนำ ก็จะเกิดอุปกิเลสว่า ธรรมมะของเราวิเศษลึกซึ้ง พิสดาร เกินปัญญาของผู้ใด มีเพียงเราผู้เดียว ที่เข้าใจในธรรมนี้

    ดังนั้น ธรรมมะที่พระพุทธองค์ท่านทรง มีพุทธประสงค์ นั้นก็เพื่อ
    ประโยชน์ของผู้ฟังธรรม ทั้งในเบื้องต้น คือ ความสุขในปัจจุบัน อยู่ในทุกข์ อย่างไม่ทุกข์

    ในท่ามกลาง คือเพื่อความสุขในอนาคต และการไปจุติในภพภูมิที่ดีในอนาคต

    ในที่สิ้นก็เพื่อความสิ้นซึ่งอาสวะกิเลส ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุดครับ

    ธรรมใดที่พระพุทธชินสีห์ท่านได้ ตรัสไว้ดีแล้ว ขอให้ธรรมนั้น น้อมเข้าสู่ดวงจิตที่ดีงามของทุกๆท่านด้วยเทอญ.....
     
  9. ลุงคนเชียงใหม่

    ลุงคนเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +2,521
    ******************
    ถ้ายังไม่มีแนวทางอะไรในใจเลย
    ชวนมาบวชใจกันครับ
    ******************

    ท่านที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี
    ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นตรงใหน ลองเริ่มเหมือนผมก็ได้ครับ
    คุณลุงให้ผมเริ่มจากการ
    **************************************
    1.การฝึกเอาจิตไปเป็นเด็กวัดก่อน
    คือเริ่มจากเตือนตนเองเหมือนมีหลวงตามาคอยดูแลไม่ให้ผิดศิล 5
    จนเกิดความเป็นปกติในการเตือนตนเองไม่ผิดศิล
    ในช่วงนี้อาจผิดได้บ้าง แต่รู้ตัวเร็วเหมือนมีหลวงตาเอาไม้เรียวคอยตี
    จนสามารถถือศีล5บริสุทธิ์ได้
    ***************************************
    2.บวชเณรจิต คือเมื่อสามารถทำปกติของจิตได้จนไม่เกิดทุกข์
    แล้วก็อธิฐานบวชเณรจิตหรือการตั้งที่จะรักษาศิล8 หรือศีล10 ให้บริสุทธิ์
    ทอลองบวชในพรรษาก่อน แล้วจึงค่อยๆพัฒนาศีลตนเองให้เข้มแข็ง
    ก่อกำแพงให้จิตไม่คิดกระทำล่วงละเมิดศีลให้ตนเอง
    จนกำแพงล้อมตัวได้ทั้ง 10 ทิศ
    ***************************************
    3. เมื่อสามารถถือศีลเณรบริสุทธิ์ได้ (ทุกขณะลมหายใจ)
    ก็เริ่มพัฒนาจิตตนเองด้วยการฝึกสมถะกรรมฐาน
    โดยกสินกองใดกองหนึ่งก็ได้
    ***************************************
    4.เรียนรู้ความเป็นปกติของจิต(ในเวบนี้มีมากมายเลย)
    จนเข้าใจธรรมชาติของจิต
    จากนั้นก็ฝึกให้จิต เป็นจิตรู้ จนถึงจิตที่เป็นสภาวะจิตเดิมที่แท้จริง
    ***************************************
    ซึ่งการเริ่มต้นจากการถือศีลบริสุทธิ์จนเป็นปกติแล้ว
    จะทำให้การพัฒนาของจิตก้าวหน้าไปได้เร็วมาก
    ยิ่งถ้ามีบุญวาสนาได้อาจารย์ดี ก็จะสามารถแยกกายเนื้อกับจิต
    ได้อย่างไม่ยากมากนัก แต่จะไปได้เร็วไม่ติดควรฝึกปลงมรณะสติ
    นะเพราะจะทำให้เข้าใจความตายได้มากขึ้น
    (ผมเองคุณลุงพาไปนั่งดูคุณลุงผ่าพิสูตรการตายจนเห็นชีวิตเป็นอนิจจัง
    มาตั้งแต่ยังหนุ่มๆแล้ว คงเป็นโชคที่ได้เจริญมรณะสติมานาน ทำให้
    การยึดติดกับการมีตัวตนน้อยกว่าชาวบ้านเขา) เพราะยิ่งฝึกในระดับลึกเข้าไป
    คนที่กลัวตายหรือไม่เข้าใจชีวิตจะก้าวหน้าไปช้ามากรับ
    แต่ช่วงนี้ต้องมีผู้ที่รู้มากกว่าเรา มาช่วยคอยกำกับนะครับ
    ผมไม่เคยฝึกจากที่อื่นมากนักนอกจากที่คุณลุง
    ถ้าใครคิดว่าสามารถนำไปใช้ได้ ก็นำไปเป็นแนวทางได้ครับ
    ******************************************
    หลานคุณลุง คนเชียงใหม่
    ******************************************
    (ช่วงนี้ผมติดต่อคุณลุงไม่ได้เลยครับ
    ไม่ได้สมัครสมาชิกใหม่ ขอแอบใช้ชื่อคุณลุงไปก่อน
    เพราะยังไงคุณลุงก็ให้ผมโพสส์ให้ทุกที
    โดยคุณลุงเขียนเป็นกระดาษส่งมาให้ผมส่งให้ทุกทีอยู่แล้วครับ
    จะสังเกตุ ว่า ข้อความถึงไม่ค่อยปะติดปะต่อกับกระทู้ชาวบ้านชาวช่องเขาเท่าไร
    เพราะที่ผ่านมากลุ่มเราเองไม่เคยติดต่อกับใครเลย
    ติดตามจนแน่ใจจึงเริ่มติดต่อเข้ามาครับ
    อย่าเพิ่งหมั่นใส้นะครับ เป็นอกุศลกรรม
    ขอบคุณคุณคนานันท์และหลายๆท่านที่ให้ข้อกระจ่าง
    ในหลายเรื่องหลายราวมากมาย
    )
    ********************************************
     
  10. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผมติดตามอ่านโพสของลุงคนเชียงใหม่และหลานทุกวัน อยากให้เอาอะไรใหม่มาลงทุกๆวันเลยครับ ขอบคุณและอนุโมทนาข้อความครับ
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** พรโปรดมวลมนุษย์ จาก โลกุตตระ ****



    ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก


    " เราขอประกาศไว้ว่า.......
    สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
    อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ


    ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ
    .......ฟ้าจะต่ำลงมา "




    วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐
    "หนุมาน ผู้นำสาร"
    ผู้บันทึก
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** อย่าเอาท้องฟ้า มาเป็นสนามรบ ****



    หมายถึงว่า...เรื่องพื้นดิน นั้น.... แล้วก็แล้วไป
    ประเทศต่างๆ อเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย พม่า ลาว เขมร และ ประเทศอื่นๆ
    ที่เคยครองสิทธิ ที่ดิน นานมาแล้ว...ก็แล้วไป


    ทุกชนชาติ...ไม่ควรเอาท้องฟ้าเป็นสนามรบ
    ให้เป็นโอกาสของดวงวิญญาณ ที่เขาจะมา


    หากไม่เชื่อ...รบกันแล้ว
    จะไม่มีใครเสีย....ใครสูญ
    มันระส่ำระสาย
    ไม่มีใครเสียหาย แต่ทำให้ปั่นป่วน


    เวลานี้...แต่ละประเทศ
    ถ้ากดปุ่มอาวุธนำวิถีเมื่อไหร่....มันจะเป็นไปทั้งหมด
    มันจะเกิดความผิดพลาด...ไปหมด
    แต่นี้...แน่นอนหรือไม่ ???
    ของเหล่านี้จูนระบบ...นำร่องด้วย "แสง"
    แต่ แสงหักเหได้
    มันอาจหักเหได้...ไปตกประเทศอื่น
    จะลุกลามใหญ่
    หลายประเทศ จะเอาข้อมูลไม่เป็นเรื่องมาอ้าง


    ดังนั้น...เรื่องภัยพิบัติโลกาวินาศ
    จะเกิดขึ้น หรือ ไม่
    ขึ้นอยู่กับ...ความคิด การตัดสินใจของผู้นำแต่ละประเทศ


    หาก...มีประเทศหนึ่ง ประเทศใด
    กดปุ่มยิงขีปนาวุธขึ้น
    โลก...จะเปลี่ยนแปลง...อย่างฉับพลัน !!!!
    จึงขอฝากไว้...ถึง ผู้มีอำนาจของแต่ละประเทศ


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** พรโปรดผู้นำ ****



    ควรเป็นธุระ เห็นใจเขาบ้าง
    มี "เมตตา กรุณา"....
    ให้ออกมาก ๆ...ไม่ใช่ออกน้อย


    อย่าลิดรอน ผู้อื่น...
    " ต้นไม้ ไม่ทันโต....ถูกคมมีดแล้ว "


    ขอร้องให้มี... "เมตตา กรุณา"....ที่อยู่ในส่วนลึกสุด
    อย่า...โกรธเขา
    อย่า....อิจฉาเขา
    อย่า...เอาเรื่องส่วนตัว ไปวิพากษ์วิจารณ์
    อย่า....ทำตัวเป็นนักข่าว
    ที่พูดนี้...ดูจากสภาพที่เป็นอยู่


    " ขึ้นต้นไม้สูงสุดแล้ว จะไปรบกับใครที่ไหนอีก "
    เมตตา กรุณา....ทำใจเห็นเขาบ้าง


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลกุตตระ คือ... ****



    องค์โลกุตตระ
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะ จะทำให้อยู่รอดจากภัยพิบัติทั้งปวงกึ่งพุทธกาล ***



    โลกุตตระ...ส่งมอบ "สัจจะ" ให้พระพุทธเจ้าปฏิบัติ...
    เพื่อหลุดพ้น


    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. รัก+ยม

    รัก+ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +3,122
    -*-
     
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    กรณีผม เมื่อเรียนจบใหม่เราคิดพวกเราคือ นักรบ เราจะทำลายล้างศัตรู การออกรบเหมือนการเล่นกีฬาอย่างหนึ่ง ต้องชนะ แต่มันคือกีฬาล่าคน ผมมาสนใจฝึกสมาธิเพราะตอนไปประจำการที่ชายแดนภาคใต้ ได้เห็นเพื่อนทหาร และตำรวจบาดเจ็บล้มตาย ครอบครัวเขามานั่งร้องไห้เต็มศาลาสวดศพ จึงมีความคิดขึ้นว่า ถ้าไม่มีศึกสงคราม พวกเขาคงจะอยู่พร้อมกันทั้งครอบครัว ไม่ต้องพลัดพรากจากกัน แล้วคิดว่าทำไมมนุษย์ต้องรบกันเพราะเหตุผลแค่ต่างอุดมต่างกันแค่นี้ ต่างคนต่างอยู่บ้านใครบ้านมัน ก็หมดเรื่อง เมื่อเริ่มอ่านหนังสือโลกทิพย์ อ่านชีวประวัติหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤษีลิงดำ จึงทดลองนั่งสมาธิประมาณ 6 เดือนก็ได้ณาญ แต่ก็มารผจญ จนล้มเลิกไป ปัจจุบันก็ปฏิบัติธรรมสมาธิทุกวัน แต่มีมารผจญ ถูกใส่ความว่าเป็นมือปืน โจรบ้าง มีตำรวจ ทหาร ค่อยติดตามสะกดรอย เพราะผมชำนาญด้านวัตถุระเบิด จึงผมไม่อาจจะไปร่วมสนทนาหรือบรรยายเรื่องหลุมหลบภัยให้ฟังตามคุณ KANANUN แจ้งมาเพราะจะทำให้กลุ่มคุณเดือดร้อนได้
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ครับ ขอบคุณมาก ที่ห่วงใยส่วนรวมครับ

    ขอให้คุณมาร์รีน24 ตั้งมั่นในธรรม ในความดี ปฏิบัติธรรมต่อไป ทำสมาธิ ทำญาณ ฌาน ให้กลับมาดังเดิมนะครับ เอาใจช่วย ผู้ประพฤติธรรมทุกๆท่านครับ
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** มีกี่คน ****

    จะมีกี่คน ?...ที่รู้ว่า "สัจจะ" คือ การปฏิบัติจาก "โลกุตตระ"
    จะมีกี่คน ?...ที่รู้ว่า ..."สัจจะ" คือ หนทางรอดจากสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล ... ที่ โลกุตตระ ได้ประกาศเตือนมนุษย์ไว้แล้ว !!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** นึกออก ****

    วิชา "สามัคคีและมีจุดยืนที่ถูกต้อง"...นั้นเอง
    ที่จะพาให้เรารอดปลอดภัย
    การกระทำ...จึงมีความสำคัญมาก
    เพื่อป้องกันไม่ให้แตกความสามัคคี
    ควรมี "สัจจะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด" นำขบวน !!!

    เมื่อแตกแล้วจะกู้ติดได้ยาก
    กันไว้ก่อน...ดีกว่าแก้ภายหลัง
    เหมือนบ้านเมืองของเราเวลานี้...ยากมาก !!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...