ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี สายกลางนี่แหละดี ดีอย่างไร ทำอย่างไรล่ะ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 10 พฤษภาคม 2011.

  1. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,774
    ค่าพลัง:
    +12,933
    ขอขอบคุณและคารวะบัณฑิตทุกท่าน ที่เมตตากรุณาเอื้อเฟื้อข้าน้อยด้อยในทางสายกลางครับ:cool:
     
  2. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ทำอย่างไร

    ทางสายกลาง คือการ ละชั่ว ทำดี และทำได้ตลอดรอดฝั่ง

    เมื่อไม่ตึงเกินไป ดีก็ไม่แตก

    เมื่อไม่หย่อนเกินไป ความชั่วก็ไม่เข้าแทรก

    เมื่ออยู่ทางสายกลาง ความทุกข์ ก็ยากจะเข้าถึง ก้นบึ้งของจิตใจ
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ในทางศาสนาคือ ไม่ลุ่มหลงกาม กับ ไม่สุดโต่งทางทรมาณตนนะ แต่ระดับ ปุถุชน เอาจากหลักนี้ไปใช้ก็ได้ แต่ถ้ามุ่งหวังเป็นนักปฎิบัติออกจากทุกข์ ต้องอริยมรรคมีองค์8 ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ศิล สมาธิ ปัญญา ใน มรรค8คืออะไรต่อยอดเอาเอง
     
  4. The Jude

    The Jude เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +109
    ให้จขกท.สังเกตุแบบง่าย ๆ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ หากไม่เดือดร้อนใคร และ ไม่เดือดร้อนตนเอง ก็เรียกว่าเป็นทางสายกลางเช่นกัน

    เหมือนเวลาเรานอน ถ้าเรานอนน้อยไปเราก็ง่วง ถ้าเรานอนมากไปเราก็จะขี้เกียจ ถ้าเรานอนพอดี ๆ เราก็จะไม่ง่วง ไม่ขี้เกียจ แต่ถ้าเรานอนมากเราไม่ขี้เกียจ ไม่เดือดร้อนใคร ก็ไม่เป็นไร นอนน้อย ไม่ง่วง ไม่เดือนร้อนใคร ก็ไม่เป็นไร

    อย่างเงินทอง ไม่สำคัญว่าเรามีมากหรือน้อยแค่ไหน สำคัญที่ว่ามีมากแล้วตัวเองทุกข์มั้ย มีน้อยแล้วตัวเองทุกข์มั้ย มีมากไม่ทุกข์ก็ไม่ผิด มีน้อยไม่ทุกข์ก็ไม่ผิด

    สังเกตุการกระทำของเราให้ดี ๆ จะพอเข้าใจว่าสายกลางนั้นประมาณไหน

    จุดสำคัญสายกลางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่านำคนอื่นมาเปรียบเทียบ หาทางสายกลางของตนเองให้เจอ ไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่น นั่นแหละคือทางสายกลาง
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทานี่มันมีทั้งแบบฆราวาสทั่วไปและแบบปฏิบัติ
    ถ้าแบบปฏิบัติก็คือไม่วิ่งตามกิเลศและไม่ต่อต้านความต้องการทั้งหลายแบบเสพ
    ทุกข์อย่างนี้ วิ่งตามกิเลศก็อย่างเช่น ท้องมันไม่หิวแต่เห็นอะไรน่าอร่อยวิ่งไปกิน
    หรือร่างกายไม่มีอารมณ์ทางเพศก็ปลุกเร้าอารมณ์มัน อย่างนี้เรียก กามสุขัลลิกา
    นุโยค ส่วนทรมาณร่างกายก็บางทีร่างกายต้องการอาหาร ต้องการนอน ต้องการ
    อุณหภูมิที่เหมาะสมก็ไม่ให้มันเลย อย่างเจ้าชายโสณะพอเป็นเจ้าชายก็เสพกาม
    ทุกอย่างแบบสุดๆ พอบวชก่อทำความเพียรแบบสุดๆ คนอื่นเดินทางเรียบท่าน
    เดินทางขรุขระ คนอื่นหลบแดนท่านยืนกลางแดด ทรมาณร่างกายสุดท้ายก็
    บรรลุธรรมด้วยทางสายกลาง
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ความหมายของทางสายกลางก็คือ ความพอดี พอเหมาะ พอสมควร ไม่มากไป ไม่น้อยไป

    เพราะมากไปก็เป็นทุกข์ น้อยไปก็เป็นทุกข์

    ไม่มาก ไม่น้อย จึงพอดี

    คำว่า "พอ" ไปนิพพาน
    1.พอในความชั่ว
    คือ เราทำบาปมาเยอะแล้ว ไม่ว่าในชาติก่อน หรือ ชาตินี้ ตกนรกมาเยอะแล้ว เราไม่เอาแล้ว เราหยุดทำความชั่วแล้ว

    2.พอในความดี
    คือ ทำตามสมควรแก่ฐานะของตน มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก ไม่เดือดร้อนตนเอง
    ไม่ไปกู้หนี้ยืมสิน หรือ บังคับใคร ให้มาทำบุญ ไม่เดือดร้อนคนอื่น
    ไม่ทำความดีเพียงเพื่อหวังในลาภยศ และคำสรรเสริญ

    3.พอในการเกิด
    คือ เราเกิดมาหลายภพ หลายชาติแล้ว เกิดเป็นคน เป็นเทวดา เป็นพรหม ก็ดี เกิดเป็นสัตว์นรก อสูรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน ก็ดี ล้วนแต่เป็นการเวียนว่ายอยู่ใน วัฏฏะสงสาร ตามกฎแห่งกรรม เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ วนเวียนกันไป ดังนั้นเราจึงพอแล้ว ไม่เอาแล้วการเกิด ไม่เอาแล้วขันธ์5 ตายเมื่อไหร่ ขอไปนิพพานที่เดียว

    เจริญพร
     
  7. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +946

    ยกมือให้อีกคนครับเป็ยเช่นนั้นแล...ตรงใจครับ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...