อุเบกขา การวางเฉยอย่างถูกวิธี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จันทรเพ็ญ, 22 เมษายน 2011.

  1. จันทรเพ็ญ

    จันทรเพ็ญ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +2
    เช่น ถูกนินทาว่าร้าย ถูกเยาะเย้ยถากถาง ต่างๆ นาๆ ฯลฯ เราจะว่างเฉยอย่างไร?
    จึงจะเรียกว่า การวางเฉยอย่างถูกวิธี ขอโมทนานะค่ะ สาธุ .... :cool:
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็อย่าเอาหู ไปรับรู้ หรือ รู้ก็ให้พิจารณาให้เห็นจริงว่า ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ไม่มีใครไม่เคยถูกเยาะเย้ย
    แม้พระศาสดา ประเสริฐไม่มีใครเทียม ยังถูกนินทาตำหนิ

    ถามตัวเองว่า ต้องการอะไร ต้องการให้เขาชมอย่างเดียวหรือ แล้วตัวเราชมคนอย่างเดียวหรือเปล่า
    เราไม่เคยคิดร้าย คิดไม่ดีกับใครเลยหรือ ก็เปล่า แม้แต่พวกเดียวกันเอง คนไม่สงบก็นินทากันเอง

    ธรรมชาติของคนไม่สงบ มันก็ปรุงไปต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา แล้วเราจะไปใส่ใจทำไม

    พิจารณาให้ใจเห็น เป็นเรื่องปกติ เหมือนเห็นว่า คนทั่วไปเขากินข้าว เราจะไปเอะใจอะไรกับคนกินข้าว

    คนนินทา มันก็เหมือนคนกินข้าวนั่นแหละ มันทำกันทุกวัน ทั้งโลก
     
  3. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    มาการันตี ธรรมที่ลุงขันธ์แสดง
     
  4. แมงปอปีกดำ

    แมงปอปีกดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +379
    ก็อย่าเอาหู ไปรับรู้ หรือ รู้ก็ให้พิจารณาให้เห็นจริงว่า ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ไม่มีใครไม่เคยถูกเยาะเย้ย
    แม้พระศาสดา ประเสริฐไม่มีใครเทียม ยังถูกนินทาตำหนิ

    ถามตัวเองว่า ต้องการอะไร ต้องการให้เขาชมอย่างเดียวหรือ แล้วตัวเราชมคนอย่างเดียวหรือเปล่า
    เราไม่เคยคิดร้าย คิดไม่ดีกับใครเลยหรือ ก็เปล่า แม้แต่พวกเดียวกันเอง คนไม่สงบก็นินทากันเอง

    ธรรมชาติของคนไม่สงบ มันก็ปรุงไปต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา แล้วเราจะไปใส่ใจทำไม

    พิจารณาให้ใจเห็น เป็นเรื่องปกติ เหมือนเห็นว่า คนทั่วไปเขากินข้าว เราจะไปเอะใจอะไรกับคนกินข้าว

    คนนินทา มันก็เหมือนคนกินข้าวนั่นแหละ มันทำกันทุกวัน ทั้งโลก
    มีประโยชน์มาก
    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  5. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ลองศึกษาและปฎิบัติตามหลักพรหมวิหารสี่ดู พรหมวิหารที่เจริญจะสมดุล ใจไม่ทุกข์ร้อน พรหมวิหารประกอบไปด้วยสี่อย่างนั้น ถ้าเอียงเช่น เมตตามากไป หรืออุเบกขามากไป มันก็ไม่ดี อย่างเมตตามาก ใครเป็นไรช่วยหมด ใครมีปัญหาเราไปแบกหมด อันนี้ก็หนัก

    สำหรับกรณีนี้ ควรเริ่มที่เมตตาให้มากครับ เห็นใจต่อเพื่อนร่วมทุกข์ให้มาก เดี๋ยวกรุณา มุฑิตา และอุเบกขา จะค่อยเจริญตามมาครับ และศึกษาโลกธรรมแปดเพิ่มด้วยนะครับ ^-^
     
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    รู้ทันความสภาวะธรรมเป็นจริงที่ปรากฏ

    เสียงเป็นปรมัตถ์ธรรม เป็นสภาวะธรรมหนึ่ง ไม่ใช่เราเขา ตัวตน คนสัตว์

    เสียงกระทบหู จิตเข้าไปรู้สภาวะแล้วดับไป เป็นปกติธรรม

    ความจำได้หมายรู้ ยึดสมมุตติบัญญัติ เป็นเขาด่า เป็นด่าเรา เราโมโห เพราะไม่รู้สภาวะความเป็นจริงที่ปรากฎ

    พิจาณณาด้วยปัญญาเมื่อเสียงกระทบหูบ่อยๆ ว่าเดี๋ยวก็ดับไปเองครับ

    จิตจะเป็นอุเบกขาดัวยปัญญา ไม่ต้องคอยข่มอารมณ์
     
  7. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -คำสรรเสริญเมื่อจิตปรุงแต่งแล้วทุกคนชอบ
    -คำนินทาเมื่อจิตปรุงแต่งแล้วทุกคนไม่ชอบ
    -ให้รู้จักทั้งสรรเสริญเเละนินทาอย่างไปวิ่งตามอารมณ์ที่เกิดจากธรรมเหล่านั้น
    -อุเบกขา จะเกิดเมื่อไม่วิ่งตามอารมณ์เหล่านั้น
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คราวนี้ลองมาฟังสิ่งแปลกๆกันบ้าง

    เหตุของการถุกนินทา หรือ กล่าวไม่ตรงความเป็นจริง มาจากอะไร

    ใครจะเชื่อบ้างว่า เหตุของการได้รบการกล่าวถึงในทางที่ไม่จริง มัน
    มาจากการ พูดเล่นหัว หยอกเอิ้น กันระหว่างคนนี่แหละ

    สมมตินะสมมติ

    เราเจอเพื่อนรักกันมานาน พอเจอปั๊ป แหมมันอ้วน เราก็ทักเลยว่า

    เห้ย แกไปกินช้างมาทั้งตัวหรือไงวะ แล้ว ก็หัวเราะต่อกระซิกกันตามประสา

    แต่ทว่า

    วันหนึ่ง ขณะอยู่ที่กลางประชุมใหญ่ ทุกคนกำลังเสนอผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง

    ขณะที่เรากำลังพูดถึงการได้มาของความร่ำรวย แล้ว กรรมที่ทำมันมาให้ผล
    โดยไม่มีการขอนุญาติ ไม่จำกัดเรื่อง เวลา สถานที่ ก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
    นึกสนุก

    "พี่ครับ ผมทราบว่าตอนนี้พี่ร่ำรวย พี่ไปกินตามน้ำงานไหนมาหรือครับ"

    .............................

    ถามว่า สมมติว่า เราต้องการถามว่า เมื่อไหร่เราจะรู้ว่า พ้นแล้ว

    ในงานนี้ก็คือ "เมื่อเราหยุดพูดเล่นหัว" กรรมใหม่ไม่สร้าง กรรมเก่าก็รับ
    ไปตามสภาพไม่มีใครเดินไปบนถนนโดยไม่เหยียบกองมูล เพราะมันเป็นเส้น
    ทางที่ผ่านมาแล้ว มีสติสัมปชัญญะดี ก็หลบได้บ้าง เหยียบลงไปบ้าง แต่
    หากรู้ว่านั่นคือผลของกรรมตามความเป็นจริง ก็คงไม่บ่น ไม่ถาม หรอกเนาะ


    จะว่าง่ายมันก็ง่าย

    จะว่ายากมันก็ยาก เนาะ
     
  9. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072

    จขกท. เขาต้องการเพียงแค่ระดับตัวยาPARACETAMOL นี่เล่นจัดยา PABRON ซึ่งมีอนุภาคการทำลายล้างสูง ร่างกายจะรับไม่ไหว น๊า
     
  10. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    เห็นด้วยครับ ธรรมที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้ ตรงแล้ว ถูกแล้วครับ เมื่อคุณ จขกท. เจริญ(สติ) เมตตาด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ลำเอียง เจริญ(สติ) กรุณาด้วยใจที่เป็นกลางไม่ลำเอียง เจริญ(สติ) มุฑิตาด้วยใจที่เป็นกลางไม่ลำเอียง ก็จะเกิดผลคือ อุเบกขา ที่ถูกแล้ว ควรแล้วครับ(ทำเอง จึงรู้เอง แล้วก็เห็นเองครับ)

    ใจ ที่สะอาด สว่าง สงบ สำหรับผมนั้นคือการเริ่มต้นที่ ไม่ทำปาบทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อม ทำจิตให้ผ่องใส ครับ
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เอาของดี ของเที่ยงมาให้

    เมื่อถึงเวลา จขกท. จะสนใจเอง

    ทุกอย่างอยู่ที่สั่งสมมา ไม่มีอะไรบังเอิญถูกไหม

    ศึกษาธรรมไม่ใช่ของง่าย แต่สะสมกันได้

    เขาเรียกอะไรนะ ...อัธยาศัยไช่ไหม :cool:
     
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    นี่แหละน๊า อภิญญาญาณ ฌาณ สมาบัติ ใครว่าไม่จำเป็น

    พระสัพพัญญุตญาณ ที่ส่องสัตว์ก่อนที่จะโปรดด้วยธรรมบทใด กับใคร เวลาใด สถานที่ใด พระองค์ทรงเลือกเฟ้น

    ด้วย อธิมุติญาณ อินทริยะปะโรปะริยัตตะญาณ จุตูปะปาตะญาณ
    พระองค์ย่อมรู้ ฐานะอัชฌาสัยของสัตว์เหล่านั้น

    ฉะนั้น ความบังเอิญ หรือการหว่านโปรยธรรม ย่อมไม่มี
    มีแต่ความเที่ยงแท้ตรงต่อธรรม ในอัชฌาสัยของเหล่าสัตว์ ที่จะทำลายกิเลส

    หรือแม้พระสาวกในสมัยหลวงปู่มั่น ทำไมหลวงปู่มั่น ให้แม่ชีแก้ว รอหลวงตามหาบัว มาสอนธรรมแก้ธรรม

    เข้าใจอยู่ว่าในฐานะปุถุชน ผู้เข้ามาศึกษาปฏิบัติ ก็ย่อมแสดงไปตามภูมิที่ตนเรียนรู้ หรือได้ศึกษามา

    แต่หากจะเป็นหมอยา ก็ย่อมต้องสะสมเรียนรู้วิธีการจัดยาให้ถูก ตรงกับโรคของผู้ป่วย แค่นั้น

    นี่ล่ะวิถีของผู้สืบทอด เผยแผ่ธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2011
  13. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    [FONT=&quot]นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต[/FONT]
    [FONT=&quot]ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก[/FONT]

    ตอบ ในจิตอริยชนมีความพิเศษคือ เหนือกระแส ตามกระแส สวนกระแส หรือรอยคอดูเรื่องราวนั้นๆ อยู่เฉยๆได้ แต่ในบุคคลธรรมดา ถ้าจิตไม่รับรู้อารมณ์ ก็แปลว่า เป็นคนผิดปรกติ ในเมื่อเป็นคนปรกติ ก็ต้องรับรู้อารมณ์ นั่นคือต้องอาศัยปัญญา กับบารมีเก่าช่วย(อดทน ศีล สมาธิ) จึงจะเอาตัวรอดเรื่องนี้ได้จ้า...ส่วนเรื่องต้องบีบคั้นตนเองให้เฉยอย่างไร เป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน ตอบให้ไม่ได้จ้า...แปลว่า จัดการเอาเองนะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2011
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ในโลกนี้ ผู้ไม่ถูกนินทานั้นไม่มี

    ผมจะขออันเชิญคำสอนของพระอริยะสงฆ์ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน มากล่าวไว้ ณ ที่นี้
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านจะใช้คำว่า "ช่างมัน"

    ข้าพเจ้าจะขออันเชิญพระราชดำรัสคำสอนของในหลวง มากล่าวไว้ ณ ที่นี้
    พระองค์ท่าน จะทรงตรัสว่า "เรื่อย ๆ"

    ถ้าหากเมื่อไรที่เราเป็นทุกข์เพราะคำนินทาว่าร้าย ทั้งหลาย ก็แสดงว่าตัวเรานั้นเป็นอย่างที่เขาพูด เขานินทา

    วิธีป้องกัน อย่าส่งจิตออกนอก และภาวนา ช่างมันๆๆๆ หรือ เรื่อยๆๆๆ

    เจริญพร
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    ทางตรง ทางเอกนั้นมีอยู่
    หมอเลี้ยงไข้ ย่อมไม่ใช่ทาง
    ยาทา กับ ยากิน สรรพคุณย่อมต่างกัน

    เกิดเป็นคนนั้นยากนัก พบพระศาสนายากกว่า
    ผู้ถูกศร จะถามใครยิงไปใย
     
  16. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ทางตรง ทางเอกนั้นมีอยู่ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครไปถึงจุดหมายอย่างง่ายได้

    หมอเลี้ยงไข้ย่อมมีเป็นรายๆ เพื่อรอจังหวะรักษาให้หายขาด

    ยากิน กับ ยาทา สรรพคุณย่อมต่างกัน เป็นไข้ตัวร้อน จะไปเอายานวดมาทา ไม่หายแน่นอน

    ธรรมดาผู้ถูกศร ย่อมต้องถอดถอนศรนั้นเองก่อน ก่อนที่จะถามหาผู้ยิง
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แถกไปเรื่อย

    ทำเป็นแตกเนื้อสาวไปได้ พูดอะไรวนเวียน เดี๋ยวปัดเหนี่ยว

    ชักนอกเรื่อง เอาล่ะเท่านี้ก่อนนะ เกรงใจเจ้าของกระทู้
     
  18. ธรรมชาติมีพอเพียง

    ธรรมชาติมีพอเพียง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +86
    เอาหลักการก่อนนะ
    พรหมวิหารช่วยได้
    เมตตา คือ รักทุกคนเสมอกันในยามที่เขาเป็นอยู่ปกติ โดยไม่มีความใคร่หรือหลงรักเขาข้างเดียว ความรักแบบนี้ควรพัฒนาตั้งแต่เด็กๆเลยนะ เพราะโตขึ้นแล้วรักไม่พอดีก็จะเกิดอาการคลั่งรัก เช่น หลงรักดารามากกว่าพ่อแม่ฯลฯ
    กรุณา คือ พลอยเสียใจเมื่อเขาตกต่ำหรือประสบอุบัติเหตุในชีวิต ถ้าสามารถสงเคราะห์เขาได้ก็ควรทำ แต่ถ้าเกินวิสัยก็ต้องวาง เช่น ซึนามิที่ญี่ปุ่น เราเสียใจที่เขาประสบเคราะห์ แต่เราไม่สามารถช่วยเขาได้ อาจจะช่วยได้เล็กน้อยเช่นการบริจาคผ่านองค์กรต่างๆได้ ก็ทำไป แต่ไม่ควรเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาไปทุกเรื่องและที่สำคัญกรณีคนใกล้ตัว เช่น ลูกหลาน เราจะรักมาก มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย สุดท้ายกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน คือ ลูกโตขึ้นเป็นคนเอาแต่ใจ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ฯลฯ เป็นต้นอย่างนี้เรียกว่ากรุณาไม่เป็น
    มุฑิตา คือ พลอยยินดีกับผู้อื่นเมื่อเขาได้ดีมีโชค ไม่อิจฉา ไม่ริษยาเมื่อเขาได้ดีเกินหน้าเรา คิดว่าคงชัดนะข้อนี้ แต่ก็เคยเห็นเหมือนกันที่ยินดีจนออกนอกหน้า อันนี้ก็เกินงาม
    อุเบกขา คือ การวางเฉยก็ต่อเมื่อผู้อื่นทำผิดศีล ผิดหลักธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดาเอกของโลก หรือ ถ้าเกินสติปัญญาในการให้ความช่วยเหลือก็ต้องวาง เป็นต้น แต่การวางเฉยแยกได้สองกรณี
    1 เฉยแบบไม่รู้เรื่อง คือ ไม่เอาเรื่องอะไรเลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ภาษาเราๆเรียกว่า เฉยโง่
    2 เฉยแบบมีปัญญา คือ การวางใจ วาจา การกระทำ ต่อ ทั้งสามข้อแรก เพราะถ้าเราวางไม่ถูกก็จะเกิดโทษได้ หรือไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย

    กรณีที่ ถูกนินทาว่าร้าย ลองใช้วิธีของอาตมาแบบนี้นะ
    ฝึกแผ่เมตตามากๆ คิดให้เขามีความสุขแม้ว่า แต่ช่วงแรกจะทำได้ยากนะ แต่ถ้าอยากได้บุญก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะได้บาปแทน คือ การตอบโต้ ไม่ว่าจะด้วยความคิด วาจา หรือ การกระทำ เราจะเป็นฝ่ายเสียมากกว่านะ แต่ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผู้ที่มีการศึกษาเรียนรู้พระธรรมมาบ้างแล้วเราควรคิดสงสารเขา ทดลองคิดสงสารเขามากๆ นึกในใเสมอว่าเขาเป็นลูกหลานของเราที่เราไม่สามารถห้ามไม่ให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ เช่น บอกว่าอย่านะลูกแต่เขาก็ทำ เป็นต้น จะช่วยได้ในระดับหนึ่งนะ ฝึกทำบ่อยๆสุดท้ายเราจะไม่เกลียดเขา และรักเขาได้ในที่สุด (ในโลกนี้บุคคลที่เกิดแล้ว ได้พบกับ ได้เจรจาพูดคุยกัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกันหาคนที่ไม่เคยเกิดเป็นญาติกันนั้นยากมาก) เมื่อจิตเราเข้าถึงภาวะแห่งความรักที่แท้จริงแล้วแต่ยังไม่บริสุทธิ์นะ จะทำใจได้สบายมากเลย

    แต่ถ้าจิตเรายังไม่มีพื้นฐานเลย(พรหมวิหาร)ก็ต้องใช้ยาแรงเลยก็ได้คือ คิดเสียว่ามันเป็นขี้
    เพราะคำถามก็คือ ถ้ารู้ว่าเป็นขี้ยังจะเอามือจับขี้มาบี้เล่นอีกหรือไม่ (เว้นเด็กเล็กๆหรือคนเสียสติแล้ว)
    ถ้าคำตอบคือไม่ก็จบ
    แต่ถ้าคำตอบคือ อยากลองดู ก็แสดงว่าโยมต้องเวียนว่ายอีกนานนะ

    อาตมาเคยใช้วิธียาแรงนะตอนที่บวชแรกๆ
    แต่ตอนนี้สบายแล้วรักเขาเหมือนลูกหลานเราจริงๆจากใจนะแล้วโยมจะเห็นผลเอง (ปัจจัตตัง)

    ขอให้มีความสุขและเจริญในธรรมนะ
    ข้อคิด
    เรียนปริยัติจนหมดตู้ได้แต่รู้ได้แต่จำ
    เรียนปริยัติแล้วตั้งใจทำไม่ต้องจำได้แต่รู้
     
  19. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    นั่นเป็นการแตกอาการของการรับไม่ได้

    แล้วนอกเรื่องซะที่ไหน
    มันวนเวียนอยู่กับเรื่องของอาหลง นี่ล่ะ

    จบ
     
  20. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    ออกความเห็นนิดนะครับ
    ที่เจ้าของกระทู้ถามว่า จะวางเฉยอย่างไรให้ถูกวิธี
    ยกตัวอย่างเช่นการถูกนินทา จะวางเฉยอย่างไรให้ถูกวิธี

    ตามความเห็นผมว่า อุเบกขา ไม่ใช่วิธีการ แต่เป็นอุปนิสัย ที่เกิดจากการฝึกฝน
    จนเราเป็นคนที่มี อุเบกขา เมื่อเรามี อุเบกขา เราก็ไม่ต้องทำอย่างไร เพราะ
    เราคงไม่ รู้สึกอะไร กับคำนินทา คือเฉยๆ โดยไม่ต้องวาง

    ผมได้ยินบ่อยๆว่า อุเบกขา คือการวางเฉย ผมว่าก็น่าจะเป็นคำแปลที่ใช่
    แต่เราจะเข้าใจ ใน อุเบกขาได้แค่ไหน วางยังไง เฉยยังไง

    ตัวผมเองผมเข้าใจของผมว่า อุเบกขา หมายถึง สภาวะจิตใจที่เป็นกลาง
    ที่เกิดจากการ "ปล่อยวาง"

    ปล่อยวาง คำนี้อีกคำ ผมได้ยินบ่อย แต่ใครจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง ของคำนี้
    ว่า ปล่อยอย่างไร วางอย่างไร

    สำหรับผม ผมก็เข้าใจของผมว่า ปล่อยวาง ก็คือ ความสงบนิ่งของจิตใจ ในเหตุการณ์นั้นๆ

    แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...