ไชน่า ซิตี้ บุกไทย เยาวราช สำเพ็ง วิกฤติ แก้อย่างไรดี?

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หวั่น "ไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์" ขยี้ SMEsไทย ตายเรียบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กุมภาพันธ์ 2554 09:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>หวั่น "ไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์" ขยี้เอสเอ็มอีไทย 2 ล้านรายตายเรียบ "ชัยวุฒิ" สั่งการ สสว. เร่งศึกษาหาแนวทางรับมือสินค้าจีนบุกตีตลาด กระตุ้นบีโอไอหามาตรการรับรองการลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ สสว.ศึกษาและหาแนวทางตั้งรับการเปิดศูนย์ค้าส่งไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ ย่านบางนา-ตราด มูลค่าลงทุนประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเปิดดำเนินการในปี 2555 ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยที่มีอยู่ประมาณ 2.9 ล้านราย จนต้องปิดกิจการหรือไม่ และหากต้องอยู่ร่วมกันจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการดังกล่าวแม้จะเป็นโอกาสของไทยในการที่จะผลิตสินค้าบุกตลาดจีนเพราะมีตลาดอยู่แล้ว หากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถผลิตสินค้าที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยขายให้ชาวจีนที่ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยกลุ่มเป้าหมายเพียง 100 ล้านคน ก็ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลแล้ว

"เราหลีกหนีการบุกตลาดการค้าจากจีนไม่ได้ และการแข่งขันกับจีนยอมรับว่าแข่งยาก เพราะเราสู้ต้นทุนเขาไม่ได้ แต่เราต้องดูว่าจะอยู่กับเขาได้อย่างไร และสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีก็ได้สั่งให้ สสว.ศึกษาผลกระทบการเข้ามาของศูนย์ค้าส่งไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ เพราะมีความเป็นห่วงว่าจะทำให้เอสเอ็มอีบ้านเราตาย และถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีที่ให้ไว้ คือ ต้องการเห็นอุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน"

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรมีมาตรการและให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมและเตรียมพร้อมที่จะรองรับการลงทุนจากประเทศจีนและญี่ปุ่น

รายงานข่าวจากบีโอไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ บีโอไอยังไม่ได้รับคำร้องขอรับส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มอาซือม่ากรุ็ปจากประเทศจีน ในการก่อสร้างศูนย์แสดงสินค้านานาชาติย่านถนนบางนา-ตราด โดยปัจจุบันบีโอไอไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง แต่ผู้ประกอบการสามารถยื่นรอรับสิทธิประโยชน์ด้านอื่นได้ เช่น การอำนวยความสะดวกเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอยู่ในบัญชีแนบท้าย 3 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติต้องยื่นขออนุญาตที่กระทรวงพาณิชย์ และการที่บีโอไอไม่ส่งเสริมกิจการค้าปลีกและค้าส่ง เพราะไม่ต้องการให้มาแข่งขันกับผู้ประกอบการไทย ส่งผลให้บริษัทต่างชาติไม่สามารถใช้เงื่อนไขการถือหุ้นของบีโอไอได้เหมือนธุรกิจภาคการผลิต เช่น เหมืองแร่ และหากมีการถือหุ้นแทนหรือนอมินี จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบ

ทั้งนี้ หากกลุ่มอาซือม่ากรุ็ปจะขอส่งเสริมการลงทุน อาจขอใช้สิทธิประโยชน์การลงทุนโลจิสติกส์ปาร์คได้ โดยบีโอไอจะให้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผลิตในไทย และถ้าต้องการลงทุนเขตปลอดอากรหรือฟรีโซน จะต้องยื่นขออนุญาตที่กรมศุลกากร ซึ่งการจัดตั้งฟรีโซนจะทำให้สินค้าที่เก็บไว้ในฟรีโซนไม่ต้องเสียภาษีเพื่อความสะดวก ก่อนจะนำเข้ามาหรือส่งออกต่อไปยังประเทศอื่น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
SMEs]SMEs - Manager Online -

 

แก้ไม่ได้ครับ สินค้า Brand ของ USA ยัง Made in chaina เลยครับ

 

กินของไทย ใช้ของไทย อุดหนุนสินค้าไทย

 

ผู้อำนวยการ สสว. เขาพูดถูก [FONT=Tahoma,]"เราหลีกหนีการบุกตลาดการค้าจากจีนไม่ได้.....แต่เราต้องดูว่าจะอยู่กับเขาได้อย่างไร"

ชง 10 มาตรการปกป้องสินค้าไทย

สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปกป้องสินค้าไทย แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมฯระบุว่ามีทั้งหมด 10 มาตรการ คือ

1.องค์การอาหารและยา (อย.) ต้องกำหนดมาตรฐานด้านอาหารและเครื่องสำอาง โดยการยกระดับมาตรฐานการนำเข้าสินค้าให้เป็นมาตรฐานสากล

2.สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ต้องเข้มงวดในการกำหนดมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ อะไหล่ เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น

3.ด้านการคุ้มครอง ผู้บริโภค หน่วยงานที่กำกับดูแลต้องทำหน้าที่ให้เข้มงวด โดยอาจกำหนดตั้งเบี้ยปรับให้สูงขึ้น

4.กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้มงวดใน การบังคับใช้กฎหมายค้าปลีก-ค้าส่ง กฎหมายป้องกันการทุ่มตลาด รวมถึงกำหนดมาตรฐานและคุณภาพสินค้าโดยการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O) ไม่ให้ผู้ประกอบการจีนใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกสินค้า Made in China

5.ให้กระทรวงพาณิชย์จัดตั้งคณะทำงานติดตามผลกระทบต่อภาคการค้าส่ง-ค้าปลีก และการผลิตโดยเฉพาะ SMEs 6.ให้กรมศุลกากร เข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่จะนำเข้ามาจำหน่ายภายในศูนย์

7.สำนัก งานตรวจคนเข้าเมืองจะต้องเข้มงวดตรวจสอบผู้ประกอบการจีนและพนักงานขายว่าถือ วีซ่าในฐานะนักท่องเที่ยวโดยที่ไม่มี Work Permit หรือไม่

8.กระทรวงพาณิชย์ต้องตรวจสอบทะเบียนร้านค้าว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตาม กฎหมายไทยหรือไม่

9.ควรใช้ชื่อว่า Thai-ASEAN Complex และไม่ควรขายเฉพาะสินค้าจีน แต่ต้องขายสินค้าไทยเป็นส่วนใหญ่และสินค้าของอาเซียน

10.ภาครัฐควรศึกษาผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การจราจร ผังเมือง สังคม และมิติเชิงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม มิติเชิงมหภาค

ที่มา : [/FONT]ประชาชาติธุรกิจ
"��ҧ"ᨧ����˹��"�����" �¹"�ŧ�ó�-�ҫ������"�ѹ䪹�ҫԵ�� : ��ЪҪҵ��͹�Ź�

 

พูดง่ายๆว่า พยายามตีกรอบและเข้มงวดเอาไว้ให้มากที่สุด
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยในสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายให้แก่คนไทย ซึ่งก็เป็นมาตรการสากลอยู่แล้ว

ถ้าว่ากันในฐานะผู้บริโภค ดิฉันมองว่าสินค้าจากจีนหลายอย่างจะไม่ค่อยมีคุณภาพ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า การใช้มาตรการเหล่านี้ ก็จะช่วยตีกรอบได้ในระดับหนึ่ง เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคด้วย

 

ว่ากันเข้าไป ตามแต่ใจของตัวเอง ปัญหาจริงๆมันอยู่ตรงไหนครับ?

 

*** เมืองในฝัน ****

ระดับน้ำทะเล จะสูงขึ้น
กรุงเทพ จะเป็นเกาะแก่ง กลับคืนสู่ธรรมชาติ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ผึ้งแตกรัง ผึ้งงานย้ายรังใหม่
ไปทำรังชนบทห่างไกลให้เจริญ
ร้องขอผึ้งให้กระจายความเจริญ
ผึ้งไม่สนใจ เพราะยึดสมบัติเก่า
อาศัยกำลังศัตรู จึงยังผลสำเร็จ


เข้าใจไหม?

 

ใครได้ ใครเสีย

ประชาชนได้ซื้อของถูก (เหมาะสมกับคุณภาพ)
เถ้าแก่ ยี่ปั้ว ที่มีอันจะกินอยู่แล้ว /ห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดนกระทบแน่นอน
คงห้ามกระแสโลกยาก ต่คนไทยต่างหากต้องมีสติและจิตสำนึก

 

ข้อเสนอสิบข้อ พอเป็นไปได้ 9
แต่การกำหนดให้นายทุนต่างชาติ
ตั้งเป็น "อาเซียน ซิตี้" คงไม่ได้
เพราะเกินขอบเขตอำนาจประชาธิปไตย


(แต่ใช้เป็นกลยุทธ์เจรจาต่อรองได้)

 

24 องค์กร เขาคงพยายามจะเสนอมาตรการเอาไว้ให้มากที่สุด แต่เป็นไปได้แค่ไหนภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คงต้องพิจารณากันอีกที และค่อยชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้เสนอเรื่อง ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือกันอย่างไร

 

เราก็ไปตั้ง siam city ที่เมืองจีนบ้างดิ


แล้วเอาขนมจีนไปขาย


เจ๊กงงแน่นอน

 

ดูรายการ นายทุนไทยคนหนึ่ง ชวนคนไทยไปทำ
"ไทย ทาวน์" ที่อเมริกา เพื่อสู้กับ "ไชน่า ทาวน์"
แต่ตอนนี้ เขาบุกตีใจกลางเมืองเราแล้ว ท่าจะสาย
ไป เราต้องคิดก้าวไกลกว่าเขาก้าวหนึ่ง ไกลเกินไป
ไม่ได้ เพราะคนตามไม่ทัน วางหมากก่อนก้ไมได้
(แม้จะคิดได้ก่อนก็ตาม เพราะคนไทยเราคิดตาม
ไม่ทัน ย่อมจะต่อต้าน ไม่ยอมรับความคิดที่นำสมัย
เกินไปของเรา จึงต้องปล่อยให้คู่แข่งลงหมากก่อน)

 

อีกมาตรการก็คือ ควรจะขายเป็นล๊อตใหญ่ ขายยกแพ๊ค
เป็น 50 ชิ้น 100 ชิ้น ต่อแบบ ขึ้นไป

ป้องกันรายเล็กๆ รับมาขาย แล้วตัดราคากันเอง

ย่านค้าส่ง สามารถรับต่อมา แล้วนำไปขายส่งต่อได้ ทีละ 6 ชิ้น ทีละโหล

เพราะถ้าหาก sme อยู่ไม่ได้ เศรษฐกิจโดยรวมก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่พนักงานกินเงินเดือน

แต่ถ้ามีมาตรการที่ดี ให้อยู่ด้วยกันได้
เม็ดเงินจะไหลเข้าประเทศเยอะขึ้น จากคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยที่ต้องใช้ปัจจัย 4 รวมถึงการท่องเที่ยวจากต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อสินค้า แล้วใช้จ่ายในไทย

 

ถ้าแก้กลยุทธ์การตลาดผิด ก็ล้มละลายเป็นแถวๆ
แต่ถ้าทำได้ถูกทางละก็ จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสทองทีเดียว


ตอนนี้ ยังเผยไพ่ไม่ได้ เผยเร็วไป จะพลาดโอกาส...

 

ถึุงเวลา ปลาใหญ่ิกินปลาเล็ก
เป็นธรรมดาของการแข่งขันเชิงธุรกิจ

 

โลกมนุษย์ปัจจุบันแปรเปลี่ยน กลมกลืน แทรกซึม ทั้งความรู้สึก ลักษณะบ้านเรือน ความเป็นอยู่ อาหารการกิน การแต่งกาย การย้ายถิ่นที่อยู่ของทุกชนชาติ วัฒนธรรมประเพณี
มนุษย์ได้รับการผสมผสานในทุกเรื่อง อย่างค่อยเป็นค่อยไปมานานแสนนานแล้ว แม้กระทั่งเรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน
ต่อไปในอนาคต เราจะไม่สามารถแยกแยะได้ออกมาชัดเจนว่า เป็นการลงทุนของชนชาติไหน ของแผ่นดินไหน กันแน่



เพราะแผ่นดินทุกแผ่นดิน มีชนทุกชาติอาศัยอยู่กันทั่วถ้วน คล้ายคลึงกันหมด
ประชาชนทุกแผ่นดิน ได้รับการผสมผสานสายพันธุ์กันมานานแล้ว
เพราะฉะนั้น มนุษย์ไม่ควรจะรังเกียจ ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าชาติไหนก็ตาม
เพราะฉะนั้น ธุรกิจใดๆก็จะกลายเป็น นานาชาติ กันไปหมด
สินค้าเอกลักษณ์เฉพาะเจาะจงของชนชาติใด ก็จะไม่มีเฉพาะเจาะจง จริงๆๆ


โลกลื่นไหลไปตามกาลเวลา ถ้ามัวมากีดกัน กัดกัน หวงของกัน หวงเงินทองกัน หวงสมบัติ หวงแผ่นดิน แผ่นดินข้าใครอย่าแตะ
ใครมีความคิดแบบนี้ ก็ต้องเป็นคนยุคโบราณ ใจแคบ ใจตีบตัน รบราฆ่าฟันกันเพื่อปกป้องแผ่นดินที่ตนเอง พวกพ้องตนเองยึดกันไป ยึดกันมา แย่งกันไป แย่งกันมา ไม่รู้จักจบจักสิ้นซักที

 

ลุงบวม รู้ไม๊ว่า ถ้ามนุษย์เปิดใจให้กว้างขวาง
กำแพงต่างๆ เช่น กำแพงภาษี ของทุกๆแห่ง ก็จะค่อยๆสลายลงไปเรื่อยๆๆๆ
เมื่อมนุษย์สามารถเชื่อมจิตใจได้หมดทุกชนชาติ ไม่กีดกัน ไม่รังเกียจกัน ต่อไปเราต้องเสียภาษีไม๊ ไม่ต้องเสียแล้ว เพราะว่า มนุษย์รักกันและกัน ภาษีคือกำแพง ภาษีคือตัวขวางกั้น ภาษีคือการแบ่งแยก

 

พัฒนาการค้าตนเองดีกว่าคอยแต่กลัวชาติอื่น

 

เหรอ แล้วพัฒนาการค้าตัวเองก่อน
กับลดกำแพงภาษีนี่ จะให้ทำอย่างไรหรือ?
ลองว่ามาสิ...