เหตุที่พระพุทธเจ้าไม่นับถือพระผู้สร้าง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Army56, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ที่พี่พูดใช่ใช่พระพรหมมาหรือป่าวครับขอชัดๆหน่อย
     
  2. ศิษย์hitler

    ศิษย์hitler Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +77
    เสียเวลาสร้าง เสียเวลานำ เสียเวลาชี้ ถ้าคนสร้างมีจริงเขาจะสร้างเพื่อ?
    แสดงว่าตนคือผู้ยิ่งใหญ่ เหนือเหล่าผู้มาทีหลังหรือ
    แสดงอัตตาของพระผู้สร้างหรือ สรรพสิ่งเกิดโดยเหตุปัจจัยที่แสดงได้โดยวิทยาศาสตร์
    ผู้สร้างคือใครแสวงหาทำไม
    ถ้าอยากหาผู้สร้าง แล้วถ้าเกิดว่า
    ผู้สร้างตายไปแล้วเหลือแต่คนรับช่วงต่อ ก็ได้ลองนึกถึงมนุษย์ไม่สิสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งที่ทดลองการกำเนิดจักรวาลในห้องทดลองห้องหนึ่งแล้วเราอยู่ในจักรวาลนั้นจักรวาลห้องทดลอง ผู้สร้างคือใคร
    เมื่อมองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ก็เอาสิ่งที่เป็นอัตตามากระแทกกัน กระทบกัน ที่ได้กลับไปทั้งสองฝ่ายคืออะไร
     
  3. tamagod

    tamagod Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +31
    พระพุทธเจ้า รู้จักพระผู้สร้างเป็นอย่างดี เรื่องพระผู้สร้างต้องถามมนุษย์ต่างดาวจะรู้เรื่องดีเพราะท่องมิติได้ แต่เขาคงไม่กล้าบอก ปัจจุบันเมตราตอนที่คุณชยุตแปลอยู่ก็คือพระผู้สร้างที่คงเหลืออยู่(อวตาร)และอาศัยอยู่ในโลกนี้ พระผู้สร้างไม่ได้มีคนเดียว มีหลายคน ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงตัวตนไปหมดแล้ว
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เรื่องราวของสัจจะโลกุตตระธรรม ****

    โลกุตตระ...สอนผู้ทำได้ให้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้า....สอนคนให้เป็นอรหันต์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. ศิษย์hitler

    ศิษย์hitler Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +77
    จริงหรือที่ไม่เคยอวดตัว ไม่เอาดีเข้าข้าง เช่นนั้นแสดงว่าศาสนาที่นับถือพระผู้สร้างทั้งหมดนั่นของปลอม เพราะพระผู้สร้างไม่เคยยกย่องตน ปรากฎตัว โปรโมตตัว
     
  6. rainstorm

    rainstorm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +16
    พระผู้สร้างไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกอย่างเกิดเองจากความอวิชชา

    เกิดขึ้นดับไป แล้วเกิดขึ้นใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    พระผู้สร้างเป็นสิ่งที่มนุษย์อุปโลกขึ้นมาเองเพราะความไม่รู้ความจริง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  7. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    เว็ปธรรมะ แท้ๆ แต่มีแต่การ หมิ่นบ้าง อุตริบ้าง ควรให้ เกียรติในภูมิความรู้ ของแต่ละคนครับ
     
  8. crimsonn

    crimsonn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +455
    ที่ทุกท่านกล่าวมาทั้งหมดไม่คิดมั่งรึไงว่า แล้วใครเป็นผู้สร้างพระผู้สร้าง???หรือจะมีพระผู้สร้างมากกว่า1แล้วใครสร้างพระผู้สร้างองค์แรกกันล่ะ?
     
  9. ศิษย์hitler

    ศิษย์hitler Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +77
    ใครสร้างไม่สำคัญสำหรับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะจบทุกอย่าง ให้มันสิ้นๆไปก่อนข้าพเจ้าสูญ
     
  10. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,437
    ค่าพลัง:
    +1,770
    อันที่จริงนะ ทุกอย่างเกิดขึ้นตามกรรม ตามธรรมชาติ
    พระมหาพรหม อุบัติมานาน จนระลึกไม่ได้แล้วว่าตัวเองมาจากสิ่งใด
    แต่รู้ว่าตัวเองใหญ่สุด ก็เลยเคยว่าตัวเองสร้างทุกสรรพสิ่ง
    เทวดาทั้งหลายก็นึกว่า พรหมสร้างตนมา จึงบูชาพระพรหม

    พอพระพุทธเจ้า เสด็จไปโปรค พรหมก็เข้าใจในไตรลักษณ์
    ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

    เหล่าเทวดาก็หันมานับถือพุทธ
     
  11. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    ไม่รู้...เราไปคิดแทนคนอื่นไม่ได้หรอก ต้องถามเจ้าตัว
     
  12. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ตามความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า "ไม่จริง" ค่ะ

    มนุษย์มาจากที่เดียวกัน และสุดท้ายเราก็จะกลับไปสู่ที่เดียวกัน เมื่อใดที่เราเบื่อหน่ายจะเล่นเกมส์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กันแล้ว

    ถ้ายังไม่เบื่อหน่าย จิตยังไม่ต้องการที่ดับสูญ จิตก็จะสร้างภพสร้างชาติของตนเองต่อไป เพื่อมีประสบการณ์ซ้ำอีก มันเหมือนเป็นการหลับใหลที่ยาวนาน ต่อเมื่อตื่นแล้ว เกิดสติ เกิดปัญญา จึงดับลงได้ กลับสู่สภาวะความว่างแต่แรกเริ่ม ก่อนเกิดทวิภาวะให้เราเรียนรู้ (ดิฉันอยากเรียกว่า เป็นสภาวะพระเจ้า)

    จิตเป็นตัวสร้าง ร่างกายเป็นตัวประสบ (ผู้รับรู้ประสบการณ์) เกมส์นี้จิตเราเองเป็นผู้กำหนดความเป็นไปของตัวเราเองและสิ่งอื่นที่มาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

    สภาวะที่ไ้ด้รู้หลังมีประสบการณ์แล้ว ด้วยความยอมรับ เข้าใจ และปล่อยวาง นั่นคือความหลุดพ้นเป็นอิสระ จะจบเกมส์ หรือจะเล่นต่อ เราเป็นผู้เลือก

    เป็นเกมส์แห่งจิตที่เราต้องรับผิดชอบโดยตรง
     
  13. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ทำไมพระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่อง “พระเจ้า” และ “พระผู้สร้าง” ?

    พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนหมอผ่าตัดผู้ป่วยที่ถูกลูกศรปักอก หมอไม่จำเป็นต้องใส่ใจว่าคนยิงเป็นใคร ทำไมคนร้ายจึงยิง หมอทำหน้าที่เพียงเร่งผ่าตัดช่วยชีวิตให้เร็วที่สุด ....แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ยอมให้ผ่าตัด โดยตั้งเงื่อนไขว่า “ต้องหาคนยิงให้ได้ก่อน ..เขาหน้าตาเป็นอย่างไร? ผู้หญิงหรือผู้ชาย...ต้องให้เขาบอกเหตุผลที่ยิงให้ได้ก่อน...ผมจึงจะยอมให้ หมอผ่าเอาลูกศรออก” ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็รับรองได้ว่า “ผู้ป่วยตายแหง๊แก๊ !???” ปรากฏหลักฐานในคัมภีร์พระไตรปิฏกจูฬมาลุกยสูตร เล่ม ๑๓ ข้อ ๑๒๖ หน้า ๑๓๘ ดังนี้

    “หากมีใครกล่าวว่า „ตราบใดที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ทรงตอบเราว่า „โลกเที่ยงหรือโลกไม่เที่ยง? ฯลฯ (..โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร )‟ ตราบนั้นเราก็จักยังไม่ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระองค์ ต่อให้บุคคลนั้นสิ้นชีวิตไปตถาคตก็ไม่ตอบเรื่องนั้น เปรียบเหมือนบุรุษต้องลูกศรที่อาบยาพิษอย่างร้ายแรง มิตรอำมาตย์ญาติสาโลหิตของบุรุษนั้น พึงไปหาแพทย์ผู้ชํานาญในการผ่าตัดมารักษาบุรุษผู้ต้องลูกศรนั้นพึงกล่าว อย่างนี้ว่า „ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักคนที่ยิงเรา เราก็จักไม่ให้ถอนลูกศรนี้ออกไป‟ ฯลฯ

    บุรุษผู้ต้องลูกศรนั้นพึงกล่าวอย่างนี้ว่า „ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักลูกธนูที่เขาใช้ยิงเราว่า เป็นลูกศรธรรมดา ลูกศรคม ลูกศรหัวเกาทัณฑ์ ลูกศรหัวโลหะ ลูกศรหัวเขี้ยวสัตว์ หรือลูกศรพิเศษ ตราบนั้นเราก็จักไม่ถอนลูกศรนี้ออกไป‟ ต่อให้บุรุษนั้นตายไป เขาก็จะไม่รู้เรื่องนั้นเลย [21]

    “เราไม่ตอบปัญหาว่า „โลกเที่ยงหรือโลกไม่เที่ยง? ฯลฯ (..โลกเกิดขึ้นได้อย่างไร )‟ เราไม่ตอบเพราะเหตุไร? เราจึงไม่ตอบเพราะปัญหานั้นไม่มีประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความคลายทุกข์ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน เหตุนั้นเราจึงไม่ตอบปัญหาอะไรเล่าที่เราตอบ คือปัญหาว่า „นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา‟ เราตอบเพราะเหตุไร? เราตอบเพราะปัญหานั้นมีประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็น ไปเพื่อความคลายทุกข์ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน เหตุนั้นเราจึงตอบ

    เพราะเหตุนั้นแล เธอจงจำปัญหาที่เราไม่ตอบว่าเป็นปัญหาที่เราไม่ตอบ และจงจำปัญหาที่เราตอบว่าเป็นปัญหาที่เราตอบเถิด” [22]



    พระพุทธเจ้าไม่ตอบเรื่อง “สร้างโลก” เพราะไม่มีความรู้..??

    ตอบว่า..หลังจากตรัสรู้ เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้พระนามใหม่ อีกพระนามหนึ่งว่า“พระสัพพัญํู” แปลว่า ทรงรู้เรื่องทั้งปวง คือ รู้หมดทุกอย่าง ด้วยความที่พระองค์รู้ทุกอย่างนี่เอง ทำให้พระองค์ประมวลความรู้ทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วมีพระดำริว่า ถ้าหากทรงสอนทั้งหมด หรือบอกทั้งหมดที่รู้ จะก่อให้เกิดโทษ เกิดหายนะแก่มวลสรรพสัตว์เสียมากกว่า พระองค์จึงเลือกที่จะสอนเฉพาะเรื่องที่เป็นไปเพื่อดับทุกข์ คล้ายโศกเพียงเท่านั้น ปรากฏหลักฐานในคัมภีร์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙ หน้า ๖๑๓ ดังนี้

    พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวันเขตกรุงโกสัมพี ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคทรงหยิบใบประดู่ลาย ๒-๓ใบขึ้นมา แล้วรับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร ใบประดู่ลาย๒-๓ใบที่เราหยิบขึ้นมากับใบที่อยู่บนต้น อย่างไหนจะมากกว่ากัน”

    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ใบที่อยู่บนต้นไม้นั้นแลมากกว่า ใบประดู่ลาย๒-๓ใบ ที่พระองค์ทรงหยิบขึ้นมามีเพียงเล็กน้อย พระพุทธเจ้าข้า”

    ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้ว.. แต่มิได้บอกเธอนั้นมีมาก เพราะเหตุไรเราจึงมิได้บอก? เพราะสิ่งนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่จุดเริ่มต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อดับ ไม่เป็นไปเพื่อสงบระงับไม่เป็นไปเพื่อรู้ยิ่ง ไม่เป็นไปเพื่อตรัสรู้ ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้นเราจึงมิได้บอก

    สิ่งอะไรเล่าที่เราบอกแล้ว คือ เราบอกว่า„นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา‟ เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนี้มีประโยชน์ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งพรหมจรรย์ เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพิ่อตรัสรู้ เพื่อนิพพานเพราะเหตุนั้นเราจึงบอก [23]

    ศาสนาพุทธมิใช่ว่าปฏิเสธเรื่อง “พระเจ้า” แต่ไม่ให้ความสําคัญ และไม่ใส่ใจที่จะไปพึ่งพายึดถือ เพราะพระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่า การได้เป็นเทพหรือการไปเกิดอยู่ในวิมานในสวรรค์กับพระเจ้าแล้ว....ก็ยังมิใช่สุขแท้สุขถาวร ที่ไม่ต้องกลับมาเป็นทุกข์อีก คือ แม้จะได้เกิดเป็นเทวดาแล้วก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ตกนรกบ้าง ขึ้นสวรรค์บ้าง ถ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ก็มีโอกาสที่จะตกนรกอีก เพราะคนที่เกิดมาแล้วไม่ทำบาปเลยไม่มี

    ศาสนาพุทธมุ่งศึกษาแต่ในประเด็นว่า ทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงได้ ไม่ต้องยอมสยบอยู่กับอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น ในที่สุดพระพุทธเจ้าก็ทรงค้นพบวิธีการนั้น นั่นก็คือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ที่สามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้จริงในชาติปัจจุบัน ผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ด้วยตนเองในชาตินี้ ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อน ซึ่งมีพระอริยเจ้าในพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ทราบจนเห็นประจักษ์ แล้วนำออกเผยแผ่สืบทอดต่อ ๆ กันมาทุกยุคทุกสมัย จนถึงปัจจุบัน
     
  14. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    เพราะท่านยังไม่แน่ใจละมั้งว่าตกลงมีรึไม่มี เราทุกคนนี่แหละคือผู้สร้างจะสร้างอะไร บ้าน รถ ถนน ก็มีแต่คนทั้งนั้น พระเจ้าอีกท่านคงไม่มีเวลาทำตามใจมนุษย์ได้หมดหลอก แค่ขยันสร้างสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ เพิ่มให้แก่โลกนี้ก็แย่แล้วมั้ง
     
  15. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ท่านพูดถูกใจข้าพเจ้ามากเรยย ขออนุโมทนา สาธุ(ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร)
     
  16. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ฮ่าฮ่า... :cool:

    เมื่อความเชื่อ กับความจริง เป็นคนละเรื่องกันแล้ว
    หากจะเอาแต่ความเชื่อมาพูดกับความจริง คุยกันไปด้วยความมีอัตตา (ความยึดถือตัวตน) ตัวฉัน ของๆฉัน จ้างก็ไม่รู้เรื่อง...

    เอาแต่คาดเดาเหมารวมกันไปอย่างนั้น เมื่อสถานการณ์จริงใกล้ตัวมากๆก็ขอให้อยู่กับสิ่งที่ท่านคิดและเชื่อไว้เถิด
     
  17. supahron_lee

    supahron_lee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +94
    งงครับ ไม่ทราบว่าสร้างกระทู้ มาเผื่อ เสาะหาความจริง หรือสร้างมาเพื่อเหตุอันใดหรือครับ
    ยิ่งอ่านมา ยิ่งเข้าใจตามความคิดของผม ว่า มันเลยเถิดกันมามากมาย

    หากคำพูดขัดใจท่านใด ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย
     
  18. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    ทรงเล็งญาณทั่วทั้งสากลจักรวาล ก็ไม่ทรงพบผู้ใดที่พระองค์จะทรงเคารพบูชา
    เพราะว่าพระองค์ล้วนทรงเป็นเลิศกว่าทั้งหมด
    พระองค์ดำริว่า
    บุคคลผู้ไม่มีสิ่งที่ตนเคารพบูชาแล้วจักอยู่เป็นทุกข์
    อย่ากระนั้นเลย เราจักเอาพระธรรมที่เรารู้แจ้งแล้วนี่แหละเป็นที่เคารพเป็นที่บูชา

    (พระพุทธเจ้าก็ทรงมีสิ่งที่พระองค์ได้ตั้งไว้เคารพบูชาอยู่ โปรดพิจารณาธรรมนั้น)
     
  19. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    พระผู้สร้าง

    ก้แค่สร้างเกมสนุกๆขึ้นมาเท่านั้น

    โดยไม่ได้คำนึงถึงว่า เบี้ยแต่ละตัว

    ตัวละครแต่ละตัวจะต้องพบเจออะไรบ้าง
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หลายสาย ****

    อันนี้...สายคนสร้าง
    อันนี้....สายคนทำลาย
    ส่วน โลกุตตระ...สายศาสนศาสตร์ นำพาสัตว์โลกหลุดพ้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...