ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    มีแบบขยับได้ด้วย ...ok รอ..ๆ..:cool:
     
  2. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,460

    ตามความคิดของผมเองน่ะครับ

    เขื่อนภาษาท้องถิ่นภาคใต้ หมายถึง สถูปที่บรรจุอัฐิ เหมือนเขื่อนท่านช้างให้ ในอดีต อาจจะเป็นไปได้ครับ ตรงที่สถานที่ ๆ ตั้งเขื่อนสมเด็จเจ้าจอมทอง บริเวณตรงนั้นอาจจะเป็นสถานที่ ๆ เกี่ยวข้องกับองค์ท่าน อาจจะเป็นบ้านเกิดของท่าน และเมื่อท่านมรณภาพแล้วตามธรรมเนียมสำนักเขาอ้อ เจ้าสำนักต้องมรณภาพที่วัดเขาอ้อ เหมือนตอนพระอาจารย์ปาล ตอนท่านชราภาพท่านอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์ปาลมาจำพรรษาที่วัดดอนศาลา เพื่อจะได้ดูแลพระอาจารย์ปาลได้สะดวก แต่เมื่อพระอาจารย์ปาล รู้ถึงวาระขององค์ท่าน ท่านได้ขอให้นำท่านไปจำพรรษาที่วัดเขาอ้อตามเดิม เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เจ้าสำนักเขาอ้อจะต้องมรณภาพที่วัดเขาอ้อทุกรูป หลังจากพระอาจารย์ปาลกลับมาจำพรรษาที่วัดเขาอ้อได้ประมาณ 2 เดือน ท่านก็มรณภาพด้วยโรคชรา สมเด็จเจ้าจอมทองท่านอาจจะสั่งให้ศิษย์ของท่านแบ่งอัฐิของท่านมาไว้ตามสถานที่ดังกล่าวเนื่องด้วยว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องประการใดของท่านก็เป็นได้ครับ เหมือนตอนที่ท่านลังกา ให้นำร่างท่านมาฌาปณกิจที่ วัดช้างให้ ก็เป็นไปได้ครับ ....
     
  3. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    (ไม่แน่ใจ แต่ลองอ่านดูค่ะ)


    [​IMG]


    พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ปรมาจารย์สำนักวัดเขาอ้อ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

    วัดเขาอ้อ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ยังมีการกล่าวถึงอยู่ในพงศาวดารพัทลุง ดังปรากฏในหนังสือ "พระสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (อาจารย์ทองเฒ่า) อาจารย์ผู้เฒ่าวัดเขาอ้อ" ซึ่งอาจารย์ชุม ไชยคีรี ศิษย์เอกทางไสยเวทคนหนึ่ง ของสำนักวัดเขาอ้อได้ค้นคว้าและเรียบเรียงขึ้นมา มีความว่า

    เท่าที่ค้นพบจากพงศาวดารและจากคำบันทึกของพระ เจ้าของตำรา พระอาจารย์ทุกองค์ในสำนักวัดเขาอ้อ มีความรู้ความสามารถในทางไสยศาสตร์ให้แก่ทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นเจ้าเมือง และนักรบมาแต่ครั้งโบราณ เริ่มตั้งแต่สมัยศรีวิชัยตลอดมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น พระอาจารย์ที่ปรากฏองค์ที่ 1 ชื่อ พระอาจารย์ทอง ในสมัยนั้นทางฟากตะวันตกของทะเลสาบตรงกับวัดพระเกิด ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน ปัจจุบันนี้

    ครั้งนั้น ตามพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าวว่า ยังมีตายาย 2 คน ตาชื่อ สามโม ยายชื่อ ยายเพ็ชร์ ตายายมีบุตรหลานบุญธรรมอยู่ 2 คน ผู้ชายชื่อ กุมาร ผู้หญิงชื่อ เลือดขาว นางเลือดขาวกล่าวว่าเป็นอัจริยะมนุษย์ คือ เลือดในตัวนางมีสีขาว ผิวขาวผิดกับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ตาสามโมเป็นนายกองช้าง หน้าที่จับช้าง เลี้ยงช้างถวายพระยากรงทอง ปีละ 1 เชือก

    เมื่อบุตรธิดาทั้งสองเจริญวัยพอสมควรแล้ว ตายายจึงนำไปฝากให้พระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ สอนวิชาความรู้ให้ พบบันทึกในตำราว่าเริ่มนำตัวไปถวายพระอาจารย์ทองเมื่อวันพฤหัสบดี ปีกุน เดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 301 (พ.ศ.1482) จะศึกษาอยู่นานเท่าใดไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่าเป็นผู้มีความรู้ทางอยู่ยงคงกระพัน กำบังกายหายตัว และอื่นๆ เป็นอย่างดียิ่ง ต่อมาตายายให้บุตรบุญธรรมทั้งสองแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน พระยากรงทองโปรดให้ไปเป็นเจ้าเมืองชื่อพระกุมารและนางเลือดขาว ตั้งเมืองอยู่ที่บางแก้วฝั่งทะเลสาบตะวันตก ชื่อเมืองตะลุง ได้สร้างวัดและเจดีย์วัดตะเขียน (วัดบางแก้ว ตำบลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เดี๋ยวนี้)

    การที่ให้ชื่อเมืองว่า เมืองตะลุง อาจจะเป็นเพราะว่าเดิมเป็นหลักล่ามช้าง ต่อมาจึงกลายเป็นเมืองพัทลุง พระกุมารและนางเลือดขาวเป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างวัดวาอาราม พระพุทธรูป พระเจดีย์ ในเขตเมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช และเมืองตรัง หลายแห่งด้วยกัน เช่น วัดบางแก้ว วัดสทังใหญ่ เมื่อปีพ.ศ. 1493 สร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดตรัง 1 วัด สร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ พอจะจับเค้ามูลได้ว่าวัดเขาอ้อมีมาก่อนเมืองพัทลุง เพราะกุมารมาศึกษาวิชาความรู้ก่อนเป็นเจ้าเมือง"

    และยังมีตอนหนึ่ง ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องถึงประวัติของหลวงพ่อทวด แห่งวัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่ครั้งยังอยู่วัดพะโคะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ว่า

    "เมื่อจุลศักราช 991 (พ.ศ.2171) พระสามีรามวัดพะโคะ หรือที่เราทราบกันเดี๋ยวนี้ว่า หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นยกย่องถวายนามว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ ท่านได้ไปเรียนพระปริยัติธรรม ณ กรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แตกฉานในอรรถธรรม ครั้งนั้นยังมีพราหมณ์เป็นนักปราชญ์มาจากประเทศสิงหล (ลังกา) มาตั้งปริศนาปัญหาธรรมที่แสนยาก พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาโปรดให้พระสามีรามเถระแก้ปัญหาธรรมนั้นๆ จนชนะพราหมณ์ชาวสิงหล จึงพระราชทานยศเป็นพระราชมุนี

    เมื่อกลับมาเมืองพัทลุงได้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระรัตนมหาธาตุไว้บนเขาพะโคะ สูง 1 เส้น 5 วา มีระเบียงล้อมรอบพระเจดีย์

    ตาม ตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้นฉลองพระเจดีย์นั้น ท่านอาจารย์เฒ่า วัดเขาอ้อ พัทลุง องค์หนึ่งชื่อ สมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งคงจะเป็นชื่อที่ยกย่องเช่นเดียวกับสมเด็จเจ้าพะโคะ นำพุทธบริษัทไปในงานฉลองพระเจดีย์ทางเรือใบ แสดงอภินิหารวิ่งเรือใบเลยขึ้นไปถึงเขาพะโคะ ซึ่งไกลจากทะเลมาก ทำให้ประชาชนที่เห็นอภินิหารเคารพนับถือ และปัจจุบันสถานที่ตรงนั้นเรียกกันว่า "ที่จอดเรือท่านอาจารย์วัดเขาอ้อ"

    ต่อมา ท่านสมเด็จเจ้าพะโคะ ให้คนกวนข้าวเหนียวด้วยน้ำตาลโตนด ภาษาภาคใต้เรียกว่า เหนียวกวน ทำเป็นก้อนยาวประมาณ 2 ศอก โตเท่าขา ให้พระนำไปถวายสมเด็จเจ้าจอมทอง วัดเขาอ้อ ครั้นถึงเวลาฉันท่านสมเด็จเจ้าจอมทองสั่งให้แบ่งถวายพระทุกองค์ ศิษย์วัดตลอดถึงพระก็ไม่มีใครที่จะแบ่งได้ เอามีดมาฟันเท่าใดก็ไม่เข้า ทราบถึงสมเด็จเจ้าจอมทอง ท่านสั่งให้เอามาแล้วท่านจึงเอามือลูบ แล้วส่งให้ศิษย์ตัดแบ่งถวายพระอย่างข้าวเหนียวธรรมดา

    อยู่มาวันหนึ่ง สมเด็จเจ้าจอมทองให้พระนำแตงโมใบใหญ่ 2 ลูก ไปถวายสมเด็จเจ้าพะโคะ พอถึงเวลาฉันก็ไม่มีใครผ่าออก สมเด็จเจ้าพะโคะทราบเข้าก็หัวเราะชอบใจ พูดขึ้นว่า สหายเราคงแสดงฤทธิ์แก้มือเรา ท่านรับแตงโมแล้วผ่าด้วยมือของท่านเองออกเป็นชิ้นๆ ถวายพระ

    การแสดง อภินิหารของพระอาจารย์ครั้งโบราณเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่งมีมากอาจารย์ด้วยกัน ต่อจากนั้นพระอาจารย์วัดเขาอ้อทุกๆ องค์ ได้แสดงฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ตลอดมา จึงเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลทุกชั้น เจ้าเมืองพัทลุงทุกคนต้องไปเรียนวิชาความรู้ที่วัดเขาอ้อ

    กล่าวสำหรับเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เท่าที่สืบค้นพบจนถึงปัจจุบัน มี 11 รูป ด้วยกัน ดังนี้

    1. พระอาจารย์ทอง

    2. พระอาจารย์สมเด็จเจ้าจอมทอง

    3. พระอาจารย์พรมทอง

    4. พระอาจารย์ไชยทอง

    5. พระอาจารย์ทองจันทร์

    6. พระอาจารย์ทองในถ้ำ

    7. พระอาจารย์ทองนอกถ้ำ

    8. พระอาจารย์สมภารทอง

    9. พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต

    10. พระอาจารย์ปาล ปาลธฺมโม

    11. พระครูอดุลธรรมกิตติ์ (กลั่น อคฺคธมฺโม)

    พระอาจารย์วัดเขาอ้อนั้นล้วนต่างมีวิชาความรู้ความสามารถ มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งนี้เพราะต่างศึกษาวิชากันมาไม่ขาดระยะ ตำราและวิชาความรู้ที่เป็นหลัก คือ การศึกษาเวทมนตร์คาถาเป็นหลัก เรียนตั้งแต่ธาตุ 4 ธาตุ การตั้งธาตุ หนุนธาตุ แปลงธาตุ และตรวจธาตุ วิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด สอนให้รู้กำเนิดที่มาของเลขยันต์อักขระต่าง ๆ

    นอกเหนือจากการสอนวิชาความรู้ทางไสยเวทแล้ว ยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับรักษาโรคด้วยสมุนไพร

    มี เรื่องเล่าขานถึงปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ ในวิชาของอดีตเจ้าอาวาสวัดเขา อ้อมากมาย อย่างอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อ สมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งนับว่ามีบุญญาวาสนาสูงส่งยิ่งนัก นอกจากจะมีสานุศิษย์มากมายแล้ว สัตว์ป่านานาชนิดยังเข้ามาพึ่งพาอาศัยอยู่ในวัดเป็นจำนวนมาก และไม่มีผู้ใดเข้ามาทำร้ายทำอันตรายต่อสัตว์เหล่านั้น ด้วยต่างทราบกันว่า ท่านให้การปกปักรักษาเหล่าสัตว์เหล่านั้น ที่สำคัญคนละแวกวัดเขาอ้อล้วนทราบดีว่าท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ทว่า ครั้งหนึ่งคนต่างถิ่นตามล่ากวางเผือกตัวหนึ่งของสมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งอาศัยอยู่ในวัดเขาอ้อ เป็นกวางที่เชื่องมาก โดยปกติแล้วกวางตัวนี้จะหายไปจากเขตวัดเพื่อหากินไกลๆ ครั้งละ 2-3 วัน แล้วจะกลับมาหมอบอยู่หน้ากุฏิท่าน ปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นประจำ วันหนึ่งกวางเผือกตัวนี้ได้วิ่งเข้ามาหมอบอยู่หน้ากุฏิของท่านด้วยอาการแสดง ความหวาดกลัวเหมือนหนีสัตว์ร้ายมา เผอิญสมเด็จเจ้าจอมทองนั่งอยู่หน้ากุฏิ และได้มองไปที่กวางด้วยอำนาจญาณสมาบัติอันสูงส่งของสมเด็จเจ้าจอมทอง จึงทราบได้ทันทีว่ากวางเผือกหนีอะไรมา ท่านจึงได้กล่าวกับพระภิกษุที่นั่งอยู่ในที่นั้นว่า "เจ้ากวางเผือกเกือบจะไปเป็นอาหารของเขาเสียแล้ว" ยังไม่ทันที่จะกล่าวสิ่งใดต่อพลันก็มีคนถือหอกวิ่งเข้ามาข้างหน้ากุฏิทำท่า ง้างหอกในมือเตรียมจะทิ่มแทงกวางเผือกซึ่งหมอบอยู่ใกล้ๆ ท่าน สมเด็จเจ้าจอมทองจึงตวาดออกไปดังกังวานว่า "หยุดเดี๋ยวนี้เจ้ามนุษย์ไม่มีศีลมีธรรม จะฆ่าสัตว์แม้แต่ในเขตวัดไม่เว้น เคยเบียดเบียนแต่สัตว์ต่อนี้ไปสัตว์จะเบียดเบียนเจ้าบ้างล่ะ"

    ชาย ผู้ถือหอกถึงกับหยุดชะงักนิ่ง และเมื่อสิ้นคำพูดของสมเด็จเจ้าจอมทอง ชายผู้นั้นก็ร้องลั่นสลัดหอกในมือทิ้ง แล้วร้องขึ้นมาว่า "งู งู ฉันกลัวแล้วงู" เพราะเห็นหอกที่ตัวเองถือเป็นงู จากนั้นจึงวิ่งหนีออกจากวัดไปพร้อมส่งเสียงร้องลั่นด้วยความกลัวงู แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็เห็นงูไล่ล่าเขาอยู่ตลอด ผู้ที่เล่าเรื่องนี้กล่าวว่า ชายผู้นี้ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ หยุดนิ่งเมื่อใดจะเห็นงูไล่ล่าตัวเองอยู่ตลอด

    ยังมีกาเผือกอีก 2 ตัว ที่อาศัยเกาะต้นไม้อยู่หน้ากุฏิสมเด็จเจ้าจอมทองเป็นประจำ อาศัยกินข้าวก้นบาตรที่ท่านโปรยให้ทุกวัน สมเด็จเจ้าจอมทองเคยเอ่ยถึงกาทั้ง 2 ตัวนี้ว่า "เป็นสัตว์ที่ประเสริฐไม่กินเนื้อสัตว์หรือสิ่งมีชีวิต" มีพระลูกวัดเคยโยนเศษเนื้อสัตว์จากอาหารที่ญาติโยมใส่บาตรให้กาทั้ง 2 แต่ก็หาได้กินไม่ กลับเลือกกินแต่เฉพาะเม็ดข้าวสุกเท่านั้น

    อยู่มา วันหนึ่งกาเผือกทั้ง 2 บินลงมาเกาะใกล้ๆ กับที่สมเด็จเจ้าจอมทองนั่ง แล้วส่งเสียงร้องลั่นกุฏิอยู่เป็นเวลานาน สมเด็จเจ้าจอมทองก็นั่งนิ่งสงบฟังเสียงกาทั้ง 2 อย่างตั้งใจ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับพระภิกษุลูกวัดที่อยู่บนกุฏิท่านว่า "กาเผือกเขามาร่ำลา ถึงเวลาที่เขาจะต้องบินกลับไปในป่าแล้ว จะไม่กลับมาอีก เจ้ากาตัวเมียจะไปวางไข่อีกไม่นานเขาคงจะต้องตาย คงไม่ได้มาเขาอ้ออีก เขาจะมาเขาอ้ออีกก็คงชาติต่อไป เขาจะต้องมาแน่"

    ต่อเมื่อกาเผือกทั้ง 2 ได้รับศีลรับพรจากสมเด็จเจ้าจอมทองแล้ว ได้บินทักษิณารัตนะรอบกุฏิแล้วบินมุ่งเข้าป่าไป จากนั้นไม่มีใครพบเห็นกาเผือกทั้ง 2 อีกเลย

    กล่าวสำหรับอดีตเจ้า อาวาสวัดเขาอ้อที่พอสืบค้นประวัติได้บ้าง นับแต่สมัยพระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (ทองเฒ่า) แต่จะเป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า "พ่อท่านเขาอ้อ"เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังทางวิทยาคมไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป กล่าวว่าตรงศีรษะของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) มีเส้นผมสีขาวซึ่งไม่สามารถโกนหรือตัดขาดได้

    ในสมัยของ พระปรมาจารย์ทองเฒ่า สานุศิษย์ของท่านนิยมทำพิธีแช่ว่านยา กินเหนียว กินมัน กันมาก ราวสมัยรัชกาลที่ 5 พระอาจารย์ทองเฒ่า ได้รับแต่งตั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น "พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต” เป็นเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ และเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย ท่านได้ปรับปรุงวัดให้มีความเจริญขึ้นเป็นอันมาก และสอนสั่งศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ด้วยวิชาพุทธาคม ที่เข้มขลังด้วยการประพฤติตนไว้ในที่ชอบ ไม่เบียดเบียนตนเองและบุคคลอื่นให้ลำบากกายใจ นำวิชาไปใช้ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก

    น่าเสียดายว่าอัตโนประวัติ ของพระครูสังฆสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) สืบค้นได้จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยังจะพอจดจำกันได้บ้างว่า พื้นเพของท่านเป็นชาวบ้านสำนักกอ ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บิดานั้นไม่ทราบชื่อ ส่วนมารดาชื่อ นางรอด ตัวของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) เป็นพี่คนโต และมีน้อง 2 คน เป็นชายและหญิง ครอบครัวมีอาชีพทำนา

    ในการอุปสมบทจะเป็นเมื่อใด ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดจนพระกรรมวาจาจารย์ และพระอนุสาวนาจารย์ หาทราบไม่ แต่มีเรื่องเล่ากันว่า ก่อนที่ท่านจะบวชได้ล้มป่วยมีอาการหนักมาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานศาลกล่าวว่า หากหายจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะบวชเป็นการถวายแก้บน หลังจากนั้นไม่นานอาการป่วยไข้ก็ทุเลาเบาบาง และหายไปในที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์

    ซึ่งต่อมาได้อุปสมบทตามที่ตั้งจิต อธิษฐานไว้ และได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์เอียดเหาะได้ วัดดอนศาลา ซึ่งเป็นศิษย์สายสำนักวัดเขาอ้อ เป็นที่กล่าวขานถึงวิชาพุทธาคมของพระอาจารย์เอียดเหาะได้ว่า เหตุที่ท่านมีสมญานามเช่นนั้นสืบเนื่องมาจาก ทุกวันพระ 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ พระอาจารย์เอียดเหาะได้ จะเหาะไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำที่วัดเขาอ้อเป็นประจำ ชาวบ้านหลายคนได้พบเห็นเป็นประจักษ์ต่อสายตา จึงได้ขนานนามท่านว่า "พระอาจารย์เอียดเหาะได้"

    กล่าวสำหรับพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์ บรรพต (ทองเฒ่า) ได้ชื่อว่ามีตบะบารมีสูงส่งทีเดียว ถึงกับเคยตวาดคนทีเดียวจนเป็นบ้า และเป็นผู้ที่เข้มงวดกวดขันกับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างยิ่ง หากพบเห็นว่าทำสิ่งใดไม่ถูกต้องก็จะตำหนิตักเตือน ทั้งนี้ก็ด้วยความปรารถนาดีที่อยากให้ศิษย์ของท่านได้ดีในวิชาความรู้

    ใน ส่วนของมารดาของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ในช่วงบั้นปลายของชีวิตได้บวชชีที่วัดเขาอ้อ โดยพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ได้ปลูกกุฏิให้พำนักอยู่ใกล้ๆ กับกุฏิของท่าน เพื่อจะสะดวกในการปรนนิบัติตามหน้าที่ของบุตรผู้กตัญญูตราบจนสิ้นอายุขัย

    สมณศักดิ์ ที่ "พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต" เจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ ได้รับพระราชทานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย

    พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) เกิดในปี พ.ศ.2392 ท่านมรณะภาพเมื่อปี พ.ศ.2470 สิริอายุ 78 พรรษา

    วิชาที่ท่านแสดงประจักษแก่ศิษย์ที่เล่าต่อกันมาคือ

    1.วิชา “หินเบา” หรือ “ชาตรี” อันเป็นวิชาที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาใครที่สำเร็จวิชานี้สามารถแบกซุงต้น ใหญ่ หรือแบกก้อนหินก้อนใหญ่เพียงลำพังได้อย่างสบายในสมัยนั้นแบกสำหรับการสร้าง พระอุโบสถ ซึ่งเรื่องวิชาหินเบานี้ ศิษย์สำนักเขาอ้อรุ่นเก่า ๆ หลายคนทำได้

    2. เสกน้ำมันงา เสกน้ำมันงา ให้ศิษย์กินเพื่อความคงกระพัน โดยทำให้น้ำมันงาแข็งตัวเป็นวุ้นได้ภายในอึดใจ ซึ่งโดยปกติแล้ว น้ำมันงาดังกล่าว ต่อให้เอาไปแช่ในช่องฟริสตู้เย็นเป็นเดือน ๆ ก็จะไม่มีวันแข็ง

    3.พวงประคำ ท่านนำชาวบ้านไปตัดไม้ในป่ามาก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด ก่อนที่จะตัดไม้แต่ละต้น ท่านจะทำพิธีพลีกรรมขอเสียก่อน จากนั้นท่านก็จะเอาพวงประคำฟาดไปที่โคนต้นไม้ ต้นไม้ก็จะล้มเหมือนโดนโค้น ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ทองเฒ่า กำลังทำพิธีอาบว่านแช่ยาให้กับศิษย์ที่บนเขาอ้อ ขณะนั้นได้เกิดท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะฝนจะตก ท่านกลัวว่า หากฝนตกจะทำให้เสียพิธี จึงถอดพวงประคำออกจากคอมาบริกรรม แล้วโยนอย่างแรงขึ้นไปในอากาศ พวงประคำจะลอยหายไปครู่ใหญ่ ๆ แล้วก็เกิดลมกระโชกพัดพาเอาเมฆฝนไปตกที่อื่น จากนั้น พวงประคำก็จะตกมาหาท่านอย่างเดิม

    ปีหนึ่งฝนแล้งขาดช่วงมานานจน ข้าวกล้าที่ชาวบ้านปลูกไว้ทำท่าว่าจะแห้งตายคาต้น พระอาจารย์ทองเฒ่าทนเห็นความทุกข์ของชาวบ้านไม่ได้ได้เอาพวงประคำพวงนี้ มาบริกรรมแล้วก็โยนไปในอากาศพวงประคำก็จะลอยหายไปครู่ใหญ่ท้องฟ้าก็จะมืด ครึ้มและมีฝนตกลงมาอย่างหนักจนเพียงพอแล้วท้องฟ้าก็จะแจ่มใสเป็นปกติจากนั้น พวงประคำก็จะลอยมาหาท่าน

    4.ตรงศรีษะของท่านมีเส้นผมสีขาวกระจุกหนึ่ง ไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้

    สิ่ง หนึ่งที่เหลือไว้สำหรับให้รำลึกถึง คือ วัตถุมงคลที่พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ได้สร้างขึ้น นอกเหนือจากพิธีกรรมของสำนักวัดเขาอ้อ คือ พิธีอาบว่านแช่ยา พิธีหุงข้าวเหนียว พิธีป้อนน้ำมันงา ซึ่งในสมัยท่านเป็นพิธีกรรมที่เข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง

    วัตถุมงคลที่สร้างมีหลายชนิดทั้ง มีดหมอ ตะกรุด ผ้ายันต์ ลูกไม้มงคล และพระปิดตา

    พระปิดตาของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2450 เป็นต้นมา ที่พบเห็นจะเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ และเนื้อตะกั่วผสมดีบุก

    หากเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ วรรณะของเนื้อโลหะออกสีน้ำตาลไหม้เข้ม หากเป็นเนื้อตะกั่วผสมดีบุก จะปรากฏคราบสนิมสีแดงเรื่อๆ
     
  4. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>charoen.b, ballaman+, ล้างใจ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีตอนเช้าครับ คุณล้างใจ +ขุนบอลล์ และอีกท่านที่เร้นกาย เข้ามาอัพข้อมูลก่อนไปทำงานครับ
     
  5. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    สุดยอดข้อมูลจริงคุณAimee2500 อ่านแล้วอยากไปวัดเขาอ้อจัง..:cool:

    สวัสดียามเช้าครับคุณ เจริญ บี และทุกคน ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  6. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ขอกราบโมทนาในธรรมทานนี้ด้วยทุกประการครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  7. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    ฝังลูกนิมิต..

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2001.JPG
      IMG_2001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.1 KB
      เปิดดู:
      1,917
    • IMG_2005.JPG
      IMG_2005.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.8 KB
      เปิดดู:
      2,165
    • IMG_2002.JPG
      IMG_2002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      181.6 KB
      เปิดดู:
      2,199
    • IMG_2004.JPG
      IMG_2004.JPG
      ขนาดไฟล์:
      182.2 KB
      เปิดดู:
      2,156
  8. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    เรื่องพระหลวงปู่ทวด รุ่นเอ็ม 16 ของ อ.นอง ในความคิดของผมช่วงนี้ค่อนข้างสับสนนะครับ จากการหาข้อมูลตามเว็บบ้างก็ว่า รุ่นเอ็ม 16 จริงๆสร้างก่อนปี 34 และไม่มีทับหลัง คือไม่ไช่รุ่นที่ลงให้บูชากันอยู่ สาเหตุที่เรียกว่ารุ่นเอ็ม 16 เพราะมีทหารบูชาพระรุ่นนี้ติดตัวแล้วถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ไม่เข้า หลังจากนั้นก็มีทหารพากันมาขอบูชาพระรุ่นนี้กันมากเรื่องเลยด้ง รุ่นที่เล่นสับสนกันกับรุ่นเอ็ม 16 น่าจะเป็นรุ่นปี 34 ไม่แน่ใจว่าเป็นรุ่นสร้างหอระฆังหรือเปล่า ตอนนี้เลยไมแน่ใจว่ารุ่นเอ็ม 16 จริงๆแล้วคืออย่างไร

    ท่านใดอยู่ใกล้ข้อมูลจริง ถ้าเอามาพูดคุยกันน่าจะดีนะครับ เพระจะได้เป็นมาตรฐานในการเล่นหากันภายหน้า เพราะระยะนี้หลวงปู่ทวดรุ่น เอ็ม 16 กำลังมาแรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  9. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ ว่าจะทักความสวยของคุณล้างใจหลายครั้งแล้ว....อิอิ (^_^)
    สวยวันสวยคืนนะครับ..ถ้าเดาไม่ผิด คนสวยคนนี้น่าจะเป็นพริ๊ตตี๊ที่ดังมากๆของเกาหลีครับ..(^_^)..
     
  10. chai wong

    chai wong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +1,366
    ได้รับพระหลวงปู่ทวดวัดโพธิ์เรียบร้อยแล้วครับ ขอบพระคุณ คุณtong 5959 มากๆครับ
     
  11. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068

    มาแล้วคุณนอร์ :cool:
     
  12. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    charoen.b.. ต้องหาผู้รู้แล้วหละ...รู้อย่างเดียว 72 น. = อาจารย์ นอง อายุครบ72..^^
    ปล. กำลังหาข้อมูลอยู่เหมือนกัน...
    Norragate.. ถูกต้องครับ คนนี้ขวัญใจ ผม..หุ่นดี น่ารักถูกใจ เอิ๊กๆๆ..
    งานยุ่ง แสดงว่า ดีครับ ..กำลังรุ่งเรือง...^^

    ppoonsuk.. วันนี้มี อะไรเด็ดๆมาโชว์บ้างครับ รอชมอยู่..^^
     
  13. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    เดี๋ยวจะค้นหาเพิ่มให้ค่ะ
    <center>[​IMG]</center>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เมื่อคืน นึกเบื่อ ๆ เลยไปรื้อชั้นวางของ ดูของที่เก็บซ้อน ๆ กันไว้ เจอเอาแผ่นโปสเตอร์ของวัดทรายขาว จ.ปัตตานี นึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ได้โปสเตอร์นี้มา ก็จำไม่ได้ ว่าได้มาเมื่อปีไหน แต่น่าจะหลังจาก ปี 2539 แล้ว จำได้แต่ว่าตอนที่ได้มานั้น ท่านอาจารย์นองยังมีชีวิตอยู่ โดยได้เช่าโปสเตอร์ใบนี้มาจากในโบสถ์ที่ให้บูชาวัตถุมงคลของท่าน ราคาน่าจะประมาณ 10-20 บาท แผ่นโปสเตอร์ใบนี้ เป็นโปสเตอร์ที่รวมภาพวัตถุมงคลที่ออกโดยวัดทรายขาว น่าจะช่วงประมาณยุคแรก ๆ จนถึง ปี 2539 แต่ไม่น่าจะหมดทุกรุ่นของช่วงนั้น
    แต่ถ้าวัตถุมงคลใดมีภาพอยู่ในโปสเตอร์ใบนี้ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ก็มั่นใจได้ว่า มีที่มาจากวัดทรายขาวแน่นอนครับ
    (ปล. ไม่ได้หมายความว่าวัตถุมงคลที่ไม่มีภาพอยู่ในโปสเตอร์นี้ จะไม่ได้ออกจากทางวัดน๊ะครับ)
    [/FONT] <center>[​IMG]</center>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]พระหลวงปู่ทวด อาจาริยบูชา 72 ปี อ.นอง เนื้อว่านพันปี ดินผงพระธาตุนครฯ ปี 34
    ไม่ทราบประวัติการสร้าง แต่ในโปสเตอร์บอกว่า รุ่นนี้ เป็นเนื้อว่านพันปี ดินผงพระธาตุนคร ฯ
    ส่วนที่บอกว่า อาจาริยบูชา 72 ปี ก็เพราะตอนที่บูชามา มีกระดาษใบหนึ่งซึ่งแจ้งให้ทราบไว้ บรรจุอยู่ในกล่องใส่พระด้วย
    หมายเหตุ บูชาจากวัดทรายขาว ในสมัยที่ท่าน อ.นองยังมีชีวิตอยู่
    [/FONT]
    <center>[​IMG]</center>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นเอ็ม 16 ปี 34
    พระรุ่นนี้ ที่มีชื่อเรียกว่า รุ่นเอ็ม 16 ก็เนื่องจากมีประสบการณ์ ผู้ที่แขวนพระรุ่นนี้ได้ถูกยิงด้วยปืน เอ็ม 16 จนเสื้อขาด แต่กระสุนไม่สามารถทะลุผิวหนังได้ครับ
    หมายเหตุ พระองค์นี้ได้บูชามาจากวัดทราบขาว สมัยที่ท่าน อ.นอง ยังมีชีวิตอยู่
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  14. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    เดี๋ยวจะค้นหาเพิ่มให้ค่ะ

    <center>[​IMG]</center>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นเอ็ม 16 ทับหลัง 72 น ปี 34
    พระรุ่นนี้จัดสร้างพร้อมกับ รุ่นเอ็ม 16 แต่จะมีลักษณะพิเศษคือ ด้านหลังจะมีการประทับคำว่า 72 น. ไว้ด้วย
    หมายเหตุ พระองค์นี้ได้บูชามาจากวัดทรายขาว สมัยที่ท่าน อ.นอง ยังมีชีวิตอยู่
    [/FONT]


    <center>[​IMG]</center>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นสร้างหอระฆัง ปี 34
    จัดสร้างเพื่อหาทุนในการสร้างหอระฆัง ทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2534
    หมายเหตุ พระองค์นี้ได้บูชามาจากวัดทรายขาว สมัยที่ท่าน อ.นอง ยังมีชีวิตอยู่
    [/FONT]​
     
  15. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,460

    ข้อมูลอันนี้ทราบแล้วครับ อยากทราบเรื่อง "พระเครื่องสมเด็จเจ้าจอมทอง"
     
  16. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,460
    ปลอมเยอะเหมือนกันครับ ข้อมูลสับสนมากครับพระเครื่องรุ่นนี้ แต่มีบางองค์ด้านหลังเป็นรอยกระป๋องโอวันติน เด็กที่มาช่วยกดพิมพ์ เอามากดเล่น ๆ
    กลายเป็นของหายากไปซะงั้น เรื่องประสบการณ์ เอ็ม 16 หาอ่านในเน็ต ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเรื่อง พระรุ่นนี้แขวนแล้วดีครับ พุทธคุณเลิศมาก
     
  17. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,460
    เล่าให้ฟังประสบการณ์การจากคนใกล้ตัวให้ฟังครับ สำหรับตะกรุดปลอกลูกปืน..ทั้งหลาย

    ณ. สนามบินแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ ลาดกระบัง

    พนักงาน เข้าไม่ได้นะครับตามพรบ.....มันคือเครื่องอาวุธกระสุนปืน

    ผู้โดยสาร แต่นี้ตะกรุด เป็นเครื่องรางของขลังน่ะ

    พนักงาน แต่มันก็คือเครื่องอาวุธกระสุนปืน

    ผู้โดยสาร ผมก็รู้ว่าเป็นเครื่องอาวุธกระสุนปืน แต่มันหมดประสิทธิภาพไปแล้ว

    พนักงาน หมดประสิทธิภาพไปแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นเครื่องอาวุธกระสุนปืน

    ผู้โดยสาร แล้วทำไมผมขึ้นเครื่องบินมาจากสนามบินหาดใหญ่ถึงขึ้นได้

    พนักงาน นั้นมันคนละมาตรฐานกัน มันคือเครื่องอาวุธกระสุนปืน

    ผู้โดยสาร ผมขอคุยกับหัวหน้าคุณ

    พนักงาน ไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ให้เข้าไม่ได้ มันคือเครื่องอาวุธ กระสุนปืน (มีพนักงานล้อมหน้าล้อมหลัง)

    จบด้วยการไปส่งไปรษณีย์ ณ ไปรษณีย์ในสนามบิน

    อีกครั้งที่ครั้งหนึ่ง ประสบการณ์จากคนใกล้ตัวเหมือนกัน ณ สนามบินสิงคโปร์ บางครั้งหลายคนลืมตัวอาจจะพกติดตัวไปด้วย เข้าประเทศไม่ได้กับตะกรุดปลอกลูกปืน แต่ถ้าปลอก .22เลี่ยมทองไว้ ทางนั้นไม่ได้ว่าอะไร แต่อันนี้ไม่ได้เลี่ยม จบลงด้วยการถูกเจ้าหน้าที่สนามบินโยนทิ้งถังขยะ ....
     
  18. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดีครับคุณ poonsuk (^_^)
    ช่วงนี้มีหลวงพ่อทวดองค์เด็ดๆ มาให้ชมกันมั้ย
    ครับ..งานยุ่ง+เพิ่มขึ้น แต่เงินเดือนเท่าเดิม...(>_<)....
    คลังแสงหลวงปู่ทวดคุณล้างใจไม่หมดง่ายๆเลยนะครับเนี๊ย...555..(^_^)...
    ส่วนใหญ่เก็บสะสมเองหรือว่ามีปล่อยให้บูชาบ้างอ่ะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  19. ppoonsuk

    ppoonsuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    3,994
    ค่าพลัง:
    +7,068
    สวัสดีครับ คุณนอร์ เหลือพระหลวงปู่ทวดอีกนิดหน่อยครับ เดี๋ยวขอไปธุระก่อนครับ
     
  20. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    เข้ามากราบหลวงปู่ครับ สาธุ
    สวัสดีครับ คุณนวล,คุณโต้ง,คุณนอ,คุณบังรอน,คุณจงอาง,คุณล้างใจ,คุณCHAROEN.B,คุณPHATTHARAPHONG,คุณPPOONSUK และ สมาชิกทุกๆท่าน
    เข้ามาชมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...