ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394





    วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011


    [​IMG]

    ราคาอาหารในเอเชียอาจจะพุ่งขึ้นอีกในระยะใกล้นี้ เมื่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน
    ส่งผลกระทบต่อซัพพลาย ซึ่งคงจะสร้างความปวดหัวให้กับผู้กำหนดนโยบาย
    ที่พยายามจะควบคุมมันให้ได้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า
    วิกฤติราคาอาหารในปีนี้จะไม่รุนแรงอย่างเช่นปี 2550 และต้นปี 2551
    นอกเสียจากว่าสภาวะอากาศจะสร้างปัญหาให้กับภูมิภาคที่ทำการเกษตรอีก

    รัฐบาลควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย กล่าวว่า น้ำท่วมอาจสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
    ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และนักเศรษฐศาสตร์ของเครดิตสวิสกล่าวว่า
    ในขณะที่เงินเฟ้อราคาอาหารเอง อาจจะไม่มีผลที่จะบีบให้ธนาคารกลางในภูมิภาค
    ต้องเข้มงวดนโยบายเงิน แต่แนวโน้มเงินเฟ้อจากราคาอาหารอาจจะยังกระตุ้นให้
    ธนาคารกลางต่างๆ ต้องขึ้นดอกเบี้ยหรือปล่อยให้เงินแข็งค่า ได้ และแรงกดดันเช่นนี้
    อาจจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษในจีนและอินเดีย เนื่องจากทั้งสองประเทศกำลังเผชิญกับ
    เงินเฟ้อราคาอาหารที่รุนแรงมาก

    นักวิเคราะห์เครดิต สวิส กล่าวว่า ในขณะที่เริ่มเกิดวิกฤติราคาอาหารในเอเชีย
    เมื่อปี 2550-51 เพราะขาดแคลนข้าวสาลีในบางประเทศ แต่รัฐบาลอย่างเช่นอินเดีย
    และเวียดนามกลับทำให้มันรุนแรงขึ้นเมื่อไปจำกัดการส่งออกข้าว แต่ในขณะนี้
    อัตราส่วนของสต๊อกต่อการใช้ของทั้งข้าวสาลีและข้าวของประเทศที่ส่งออกทั่วโลก
    ถือว่าสูงกว่าปี 2550-2551 มาก และเห็นว่าไม่น่าจะทำให้เกิดการขาดแคลน
    จนต้องมีการห้ามส่งออกอย่างรุนแรง

    อย่างไรก็ดี หากเกิดวิกฤติดีมานด์และซัพพลายอีก จีนและอินโดนีเซีย
    คือประเทศที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเจอกับแรงกดดันเงินเฟ้ออาหาร
    มากที่สุด ในขณะที่มาเลเซีย และเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

    เงินเฟ้อราคาอาหารได้เป็นสาเหตุให้รัฐบาลทั่วโลกเป็นกังวลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
    เมื่อสภาวะอากาศแปรปรวนส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยว เมื่อต้นสัปดาห์นี้
    ดัชนีราคาอาหารประจำเดือนขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ)
    ชี้ว่า ราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม ซึ่งสูงกว่า
    ระดับราคาเมื่อปี 2551

    โรเบิร์ต โซเอลลิค ประธานธนาคารโลก ได้แสดงความเห็นในไฟแนนเชียลไทม์
    ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กลุ่มจี 20 ควรจะรีบดำเนินมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจว่า
    จะมีอาหารให้กับคนยากจน และยังกล่าวว่า การเปิดตลาดเสรีน่าจะเป็นทางแก้ปัญหา
    ได้ดีกว่า มาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

    ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คนอื่นๆยังคงมีความเห็นว่า จำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆ
    เพื่อที่จะจัดการกับราคาอาหารและสินค้านอกกลุ่มอาหารในภูมิภาค

    จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีราคาอาหารรายสัปดาห์
    ในอินเดียเพิ่มขึ้นถึง 18.3% ในขณะที่ราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารพุ่งขึ้นรุนแรงกว่า
    เป็น 23.1% ข้อมูลนี้ทำให้ดอยช์แบงก์ มองว่า ในขณะนี้ยากที่เงินเฟ้อในอินเดีย
    จะลดลงต่ำกว่า 7% ภายในเดือนมีนาคม และอาจมีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกหากผู้กำหนด
    นโยบายยอมให้ขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเมื่อราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น

    จากการคำนวณของดอยช์แบงก์ การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรวมกัน 0.75%
    ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ดูเหมือนว่าจะน้อยที่สุด และเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
    ธนาคารอินโดนีเซียเลือกที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงสูงไม่หยุด
    เนื่องจากราคาอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาพริกเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ
    ประธานาธิบดีอินโดนีเซียตอบโต้ต่อการดีดตัวของราคาพริกต่างจากที่ผ่านๆมา
    ด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนปลูกพริกในสวนกินเอง

    เวลเลียน วิรันโต นักเศรษฐศาสตร์เอเชียของเอชเอสบีซี
    คาดว่าฤดูฝนจะหมดไปในไม่กี่เดือนนี้ และกล่าวว่า สภาพอากาศเมื่อเร็วๆนี้
    ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่ไม่นอนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังเตือนว่า
    เราไม่สามารถที่จะเพิกเฉยต่อราคาน้ำมันโลกที่พุ่งขึ้นไม่หยุด และผลกระทบ
    ของการเปลี่ยนแปลงที่จะมีต่อราคาเชื้อเพลิงได้


    “การปลูกอาหารเองเป็นสิ่งที่ดี แต่เรายังเลือกที่จะให้มีการขึ้นดอกเบี้ย
    ในเดือนกุมภาพันธ์แทน อย่างน้อย เราไม่จำเป็นต้องปลูกผัก”
    วิรันโต กล่าว


    ที่มา : http://www.kaohoon.com/daily/index....glbrg&catid=92:2010-04-23-14-49-41&Itemid=126
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2011
  2. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    12 ม.ค. 54


    สามข้อ

    ยิ่งฟัง----------ก็ยิ่งเศร้า-------สามข้อพระ
    ที่มานะ---------กล่าวแจ้ง------แถลงไข
    เรื่องพาคน------หลบหนี-------ให้พ้นภัย
    ดูวุ่นวาย--------ต่างฝ่าย-------ต่างกระทำ

    อันข้อหนึ่ง--------ผู้ลงมา-------ต่างลืมตัว
    เป็นเพราะกลัว-----จึงไม่กล้า-----เข้าช่วยเหลือ
    บ้างขัดสน--------เงินทอง-------ไม่เหลือเฟือ
    จะจุนเจือ---------ชาวบ้าน-------ดูกระไร

    ข้อที่สอง--------ท่านกล่าวว่า-------มีโมหะ
    ก็ขอจะ----------พูดแทน-----------หายสงสัย
    เป็นเพราะว่า------อาสาเป็น---------ผู้นำภัย
    จึงต้องใช้--------ความสามารถ------เฉพาะตัว

    ทั้งหน่วยเหนือ------ท่านได้แบ่ง------การทำงาน
    ไม่ต้องการ---------ให้ผู้นำ----------รวมกระจุก
    จะได้ช่วย-----------ผู้คน-----------ในเชิงรุก
    ช่วยกันฉุด----------ให้ผู้คน---------ได้ปลอดภัย

    ยิ่งข้อสาม--------ยิ่งฟัง-------------ยิ่งตกใจ
    ที่กลุ่มใหญ่-------มีความพร้อม-------กลับทำลาย
    เป็นเพราะว่า------รวมเป็นกลุ่ม-------ไม่เอาใคร
    คอยทำลาย-------กลุ่มอื่นๆ----------มิใช่ตน

    ขอเสนอ---------วิธีการ---------นำประสาน
    ให้ทุกท่าน-------ช่วยเหลือ-------กันทำงาน
    ท่านต้องหา------ผู้นำ-----------ตัวประธาน
    เข้าเชื่อมกัน------ระหว่าง--------คนที่ตาม

    งานทุกกลุ่ม------ก็จะเสร็จ--------ตามมุ่งหมาย
    ไม่มีใคร---------ไม่มีเขา---------ไม่มีเรา
    ต่างก็ช่วย--------งานทุกกลุ่ม-----เพื่อแบ่งเบา
    ทั้งพระเจ้า-------ต่างก็ร่วม--------โมทนา




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เกิดแผ่นดินไหวปานกลางในนครเซี่ยงไฮ้

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 12 ม.ค. – เกิดแผ่นดินไหวปานกลางในนครเซี่ยงไฮ้ของจีนวันนี้ โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ในทะเลเหลืองนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศ ทำให้อาคารหลายหลังสั่นสะเทือน แต่ไม่มีรายงานความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือผู้เสียชีวิต

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 09.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 08.19 น. ตามเวลาไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 270 กม. และอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 18.5 กม. อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน แต่มีประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในย่านใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ต่างโพสต์ข้อความลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ว่า รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที -สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    อากาศหนาวจัดที่อินเดียคร่าชีวิตอีก 13 คน

    [​IMG]

    ลัคเนา 12 ม.ค. - ตำรวจกล่าวว่า อุณหภูมิเกือบจุดเยือกแข็งและลมแรงจากเทือกเขาหิมาลัย ทำให้คนไร้บ้านอย่างน้อย 13 คน เสียชีวิตทางภาคเหนือของอินเดีย และยอดผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวรุนแรงเพิ่มเป็น 129 คนแล้ว

    อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 1 องศาเซลเซียส ในพื้นที่บางส่วนของรัฐอุตตรประเทศ ในสัปดาห์นี้ และดิ่งลงต่ำกว่า 0.6 องศาเซลเซียส ในเมืองอักรา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรักของอินเดีย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 13 คน ในรัฐอุตตรประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่แจกจ่ายผ้าห่มและเชื้อเพลิงทำความอบอุ่นให้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน ในรัฐพิหาร รัฐฌาร์ขัณฑ์ และกรุงนิวเดลี ตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ปกคลุมไปด้วยสภาพอากาศหนาวเย็น นอกจากนี้ ทัศนวิสัยไม่ดียังเป็นอุปสรรคต่อการเดินรถไฟทั่วภาคเหนือของอินเดีย ทำให้ประชาชนตกค้างหลายพันคน. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    พายุถล่มโมซัมบิกมีผู้เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 7 คน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    มาปูโต 12 ม.ค. - สถานีโทรทัศน์โมซัมบิก รายงานวันนี้ว่า อิทธิพลของพายุรุนแรงที่พัดถล่มในจังหวัดมานิกา ทางภาคกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 7 คน

    สถานีโทรทัศน์รายงานว่า พายุที่พัดถล่มเมื่อวันจันทร์ได้ทำลายบ้านเรือนไปกว่า 100 หลัง และเสาไฟฟ้าแรงสูงหลายต้น และว่าผู้เสียชีวิต 7 คน เป็นสมาชิกของนิกายศาสนาที่กำลังประชุมอยู่ใต้ต้นไม้

    ฝนที่ตกอย่างหนักในโมซัมบิกและแอฟริกาใต้ในเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมหนักอีกครั้งเช่นเดียวกับในปี 2543 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 350 คน และประชาชนอีกหลายล้านคนต้องอพยพในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศ. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    อินโดนีเซียบริจาคเงินช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วมในออสเตรเลีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 12 ม.ค. - อินโดนีเซียจะบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (30 ล้านบาท) ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งรุนแรงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ในสัปดาห์นี้

    โฆษกกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนออสเตรเลียเคยให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซียเมื่อเกิดหายนะภัย ประกอบกับอินโดนีเซียเคยให้ความช่วยเหลือออสเตรเลียมาก่อน การช่วยเหลือครั้งนี้จึงเป็นตัวอย่างของความสัมพันธ์อันดีและความสามัคคีระหว่าง 2 ประเทศ

    ทั้งนี้ นครบริสเบน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลีย ประสบภัยน้ำท่วมบ้านเรือนกว่า 30,000 หลัง ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 12 คน ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพละทิ้งที่อยู่อาศัยไปยังพื้นที่สูง ทำให้ศูนย์กลางนครบริสเบนมีสภาพเป็นเมืองร้าง เพราะน้ำได้ไหลเข้าท่วมอย่างรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1893 นอกจากนี้ น้ำได้ท่วมเป็นบริเวณกว้างทั่วพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    เกาหลีใต้เตือนหลายพื้นที่อาจมีปัญหาไฟดับ
    [​IMG]
    โซล 12 ม.ค. – รัฐบาลเกาหลีใต้แนะนำให้ประชาชนหันมาสวมใส่ลองจอห์น หรือชุดซับในกันหนาว และปิดเครื่องทำความร้อน พร้อมประกาศเตือนว่า บางพื้นที่อาจเผชิญปัญหาไฟดับท่ามกลางอากาศหนาวเย็นผิดปกติ

    นายชเว คยองฮวัน รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจฐานความรู้ เปิดเผยว่า ความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ถึง 3 เท่าในช่วงฤดูหนาวนี้ และอาจทำให้บางพื้นที่เกิดปัญหาไฟดับ หากสถานการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลง และว่า รัฐบาลได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงเศรษฐกิจจึงแนะนำให้ประชาชนหันมาสวมชุดซับในกันหนาวแทนการเปิดเครื่องทำความร้อนในที่ทำงาน ลดการเปิดเครื่องทำความร้อนในช่วงเวลา 10.00 น. – 12.00 น. และ 16.00 – 18.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุด และแนะให้ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์

    ทั้งนี้ อุณหภูมิในกรุงโซลเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ลดลงมาอยู่ที่ – 15.1 องศาเซลเซียส นับเป็นสถิติต่ำสุดของเดือน ธ.ค.นับตั้งแต่ปี 2523 ขณะที่หลายจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งโดยปกติมีอากาศอบอุ่นกว่าและจะเกิดหิมะตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังถูกพายุหิมะพัดถล่ม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระบบขนส่งมวลชนในเมืองโพฮัง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกลายเป็นอัมพาต หลังถูกพายุหิมะลูกใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 60 ปีพัดถล่ม -สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    เกาหลีใต้จะให้วัคซีนปศุสัตว์ทั่วประเทศป้องกันโรคปากเท้าเปื่อย

    [​IMG]

    โซล 12 ม.ค. - ทางการเกาหลีใต้จะให้วัคซีนปศุสัตว์ทั้งหมดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันสถานการณ์โรคปากและเท้าเปื่อยระบาดรุนแรงขึ้น

    กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้ แถลงว่า การประชุมฉุกเฉินที่มีประธานาธิบดีลี มยอง บัก เป็นประธานการประชุม ระบุว่า มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อป้องกันการระบาดอย่างรุนแรง หลังจากที่มีการให้วัคซีนไปบางส่วน ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องการวัคซีนเพิ่มและจัดการให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยระบุว่า มีแผนนำเข้าวัคซีนจากอังกฤษ 11 ล้านชุด ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้สั่งฆ่ากำจัดสัตว์ 1.41 ล้านตัว และประกาศการระบาดในพื้นที่ 116 แห่ง นับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    จีนสั่งห้ามนำเข้าหมูและไข่จากเยอรมนี

    [​IMG]

    เบอร์ลิน 12 ม.ค. - ทางการจีนแถลงว่า จีนสั่งห้ามนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ไข่จากเยอรมนีแล้ว ขณะที่ปัญหาสารพิษไดออกซินปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เกษตรของเยอรมนีรุนแรงขึ้น

    ก่อนหน้านี้ เยอรมนีสั่งฆ่ากำจัดหมูที่ฟาร์มทางภาคเหนือ ภายหลังพบสารไดออกซินในระดับที่เป็นอันตรายในเนื้อหมูเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่พบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน คำสั่งของจีนที่ห้ามนำเข้าเนื้อหมูและสินค้าไข่จากเยอรมนีจะมีผลบังคับใช้ในทันที เพื่อเป็นการป้องกันสุขภาพของผู้บริโภคในจีน พร้อมกันนี้จะได้ตรวจสอบสินค้าที่มาจากเยอรมนี เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย หลังจากก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้และสโลวาเกียสั่งห้ามและระงับการนำเข้าเนื้อหมู ไข่ และเนื้อสัตว์ปีกจากเยอรมนีไปแล้ว. - สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 12 ม.ค. 2554

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อย่างที่ได้เตือนเอาไว้ว่า โลกจะพบกับทุพภิกขภัย อาหารการกินขาดแคลนและราคาแพงแน่นอน

    ซึ่งมีตัวเร่งจากการเก็งกำไรฟิวเจอร์มาเสริมจนราคาน้ำมันปาล์มพุ่งขึ้นไปขนาดนั้น ไม่นับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆทุกชนิด

    อาหารอาจแพงหรือขาดแคลนหนักจนทำให้เกิดสงครามหรือการฆ่ากันแย่งอาหารได้


    ดังนั้นขอให้เราทุกๆคนช่วยกันส่งเสริม สนับสนุน ลงมือ ปลูกพืชกินได้ กินใบ กินผล

    เร่งสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนแผ่นดินให้ธรรมชาติโดยเร็ว

    โครงการปลูกป่า ปลูกต้นไม้ เราเพิ่ม เราเสริมเป็นเลือกปลุกไม้กินใบ กินยอดกันดีไหม เร่งปลูกให้มากๆ ยิ่งมากยิ่งอดอยากกันน้อย

    จุดที่ปลูกเป็นริมทาง ริมถนน ทางเข้าวัด ทางเข้าโรงเรียน ให้เด็ดกินเด็ดไปทำบุญได้ง่ายๆดีไหม

    จะช่วยกันทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้ ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด รวมทั้งในเมืองเองด้วย

    ตอนนี้มีเครือข่ายอีกมากที่ตอบรับแนวคิดนี้แล้ว แต่ยังต้องได้รับความร่วมใจอีกมากครับ

    ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อทุกๆคน ให้พอมี พออาศัยครับ

    เมื่อมีจิตเมตตาแล้วย่อมนำประโยชน์สุขมายังทุกๆคน
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    ร้อง กทม.ทำแผนที่ข้อมูล"สตอมเซิร์จ"ไม่ถูกต้อง

    เมื่อวันที่ 19 ส.ค.52 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชน กรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำแผนที่จุดเสี่ยงในคู่มือการเตรียมความพร้อมเพื่อ “รับมือคลื่นพายุซัดฝั่ง” หรือ Storm Surge ที่กทม. ได้แจกจ่ายให้ประชาชน ซึ่งในคู่มือได้ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคลื่นพายุซัดฝั่ง พร้อมการเตรียมตัวรับมือ และบอกพื้นที่สุ่มเสี่ยง ที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ที่ระบุว่า พื้นที่สีแดง จะเกิดภัยพิบัติรุนแรงมาก อาจมีคลื่นสูง 1-3 เมตร สีส้มพื้นที่ที่มีความรุนแรงน้อย อาจเกิดคลื่นสูง 0.2-1 เมตร ขณะที่สีเหลืองและสีเขียว จะแสดงถึงพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขังเพียงเล็กน้อย สามารถควบคุมแก้ไขในเวลาอันสั้น

    แต่ปรากฏว่าแผนที่ที่จัดทำไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ระบุไว้ เพราะข้อมูลในเอกสารระบุว่าเขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางส่วน ของเขตจอมทอง และเขตราษฎร์บูรณะ อยู่ในพื้นที่สีส้ม แต่ในแผนที่ ไม่ปรากฏเขตบางขุน เทียนและจอมทอง ส่วนเขตทุ่งครุกลับอยู่ในพื้นที่สีแดง นอกจากนี้ในแผนที่ยังระบุพื้นที่ของ อ.พระประแดง อยู่ในพื้นที่สีแดง ทั้งที่ความจริงพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็น อ.พระสมุทรเจดีย์ ส่วน อ.พระประแดงจะอยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นสีส้ม จึงทำให้ประชาชนสับสน ทั้งที่แผนที่ดังกล่าวควรจัดทำอย่างถูกต้อง แม่นยำ ชัดเจน สอดคล้องกับพื้นที่จริงเพื่อประโยชน์กับประชาชน

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้บริหาร กทม. ได้สั่งการกองประชาสัมพันธ์กทม. ให้จัดทำคู่มือดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ส.ค.52 ที่ผ่านมา กองฯ ได้แต่งตั้งกรรมการจัดซื้อในวันดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาจ้าง กลับสั่งให้บริษัทผลิตคู่มือไปก่อน 200,000 แผ่น แผ่นละ 1.85 บาท บริษัทลดให้ในวงเงิน 370,000 บาท โดยนำไปแจกจ่ายตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.52 ที่ผ่านมา ซึ่งกระทำอย่างเร่งรีบจนทำให้เกิดความผิดพลาด

    ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=11499&area=1&name=board37&topic=148&action=view

    ขอเชิญท่านที่สนใจคู่มือ “รับมือคลื่นพายุซัดฝั่ง” หรือ Storm Surge ที่กทม. ได้แจกจ่ายให้ประชาชน สามารถเข้าไปดาวน์โหลด ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    http://office.bangkok.go.th/weather/storm_surge.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปลูกผักลอยฟ้า ทำสวนครัวในถุงพลาสติก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ตามไปดูนักเรียนเมืองแพร่ปลูกผักลอยฟ้า งานสร้างสรรค์ที่งามตาสู่ความภูมิใจ สูตรสำเร็จที่มีค่า-สอนเด็กให้คิดเป็น สถานที่บางแห่งอย่างเช่น ตึกแถว บ้านทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีเนื้อที่น้อยนิดจนคิดว่าไม่สามารถปลูกผักสวนครัวได้ แต่มีตัวอย่างที่ทำได้แล้ว เป็นสถานที่บ่มเพาะต้นกล้าที่จะนำความคิดนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์บนพื้นฐานแห่งความประหยัด ความพอเพียง ด้วยการปลูกผักสวนครัวบนพื้นคอนกรีต ความคิดนี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ได้เกิดขึ้นแล้วที่โรงเรียนวัดเมธังกราวาส จังหวัดแพร่

    โรงเรียนวัดเมธังกราวาส ขึ้นชื่อว่าเป็นโรง
    เรียนยอดนิยมที่ผู้ปกครองมักจะนิยมให้บุตรหลานเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ และลองนึกภาพดูจะเห็นสภาพบริเวณของโรงเรียนคับแคบ ก้าวเท้าตั้งแต่ประตูโรงเรียนเข้าไป ก็จะเห็นแต่คอนกรีตที่เทลาดเข้าไปถึงอาคารเรียน ไม่มีพื้นที่เป็นดิน เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด

    นั่นเป็นเพราะโรงเรียนต้องใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิด
    ประโยชน์ แต่วิชาเกษตรครูจะสอนได้อย่างไร เพราะไม่มีพื้นที่เป็นดิน แต่ที่โรงเรียนวัดเมธังกราวาส ได้ปลูกผักทั้งผักโขมจีน ผักชีลาว หอมแบ่ง ผักกาด ลงกระถาง และถุงพลาสติก แล้วนำไปวางใต้ต้นไม้กลายเป็นไม้ประดับ สวนหย่อมกินได้ และปลูกบวบ แตงร้านลงกระถาง กลายเป็นบวบ และแตงร้านลอยฟ้า สามารถตัดขาย มีเงินทุนหมุนเวียน

    ด้าน นายสุระชัย รัตนากรไพบูลย์ ครูสอนวิชาเกษตร เ
    ล่าให้ฟังพร้อมกับพาไปดูผลงานว่า เนื่องจากสภาพพื้นที่โรงเรียนมีน้อย แต่นักเรียนต้องเรียนวิชาเกษตร และลงมือปฏิบัติจริง ถึงจะได้ความรู้ครบถ้วน จึงให้นักเรียนปลูกผักในถุงพลาสติก และกระถาง หรือเรียกให้ใกล้เคียง คือ การปลูกผักลอยฟ้า

    เทคนิคการปลูกพืชผักในถุงปลูก ขั้นตอนแร
    กต้องให้นักเรียนเตรียมดินปลูก ซึ่งดินปลูกโดยทั่วไปอัตราส่วนผสม ใช้ดินร่วน 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน อินทรียวัตถุ (เศษซากพืชที่แห้งและละเอียด) 1 ส่วน

    อย่างไรก็ตามให้สังเกตความอุดมสมบูรณ์ของดิน
    ซึ่งดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ดี จะมีลักษณะร่วนซุย สีคล้ำ (ดำ) หากดินแข็ง แน่น เหนียว สีออกไปทางสีอิฐหรือสีเหลืองซีด แสดงว่าดินขาดอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารพืช ให้ลดอัตราส่วนของดินลง 1 ส่วน และควรเพิ่มปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ (EM) อีก 1 ส่วน โดยผสมดินให้ส่วนผสมคลุกเคล้าทั่วถึงกัน

    ครูสุระชัย เล่าให้ฟังอีกว่า สำหรับการเลือกถุงปลู
    ก ให้คำนึงถึงขนาดทรงพุ่มและอายุในการเก็บเกี่ยวพืชผักที่ปลูก พืชผักที่มีทรงพุ่มแคบ และมีอายุในการเก็บเกี่ยวเร็ว เช่น ผักชี ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ผักสลัด หอมแบ่ง ผักคะน้า ให้ใช้ถุงขนาดเล็ก เช่น 4 x 5 นิ้ว หรือ 4 x 6 นิ้ว

    สำหรับพืชที่มีทรงพุ่มกว้างช้เวลาในการปลูกนาน เช่น ก
    ะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี กะหล่ำดอก ควรใช้ถุงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ขนาด 6 x 11 นิ้ว หรือ 6 x 12 นิ้ว เพื่อสามารถบรรจุดินปลูกได้มากขึ้น และมีธาตุอาหารพืชเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช

    การบรรจุดินปลูกลงในถุงปลูก ควรบรรจุดินป
    ลูก โดยให้ดินปลูกต่ำจากปากถุงปลูก 1 เซนติเมตร ไม่ควรบรรจุดินเสมอหรือพูนสูงกว่าปากถุง เนื่องจากเวลารดน้ำจะทำให้น้ำไหลออกนอกถุง ทำให้ดินในถุงขาดความชุ่มชื้นสูญเสียธาตุอาหารพืช

    นายสุระชัย เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการเลือกพื้นที่วางถุงปลูกโดยทั่วไป พืชผักสวนครัวมีความต้องการแสงแดดอย่างน้อย 8-9 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นจึงควรเลือกพื้นที่วางถุงปลูกในที่โล่งแจ้งได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตามพืชผักสวนครัวบางชนิด เช่น ผักขึ้นฉ่าย เจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มรำไร

    การปลูกและวิธีการปลูกโดยการหว่านเมล็ด
    หรือหยอดเมล็ดแล้วบำรุงดูแลรักษาจนถึงวันเก็บเกี่ยว เช่น ผักบุ้งจีน ผักสลัด ผักชี ผักกาดหัว ปลูกโดยการหว่านเมล็ดแล้วแยกต้นกล้าปลูก โดยให้ต้นกล้ามีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ โดยทั่วไปอายุของต้นกล้าที่จะนำมาปลูก ไม่ควรเกิน 30 วัน หลังจากเพาะเมล็ด เพราะจะทำให้พืชที่ปลูกใหม่ ๆ ตั้งตัวได้ช้า การเจริญเติบโตช้า

    หลังจากปลูกพืชใหม่ ๆ ควรทำร่มบั
    งแดด เพื่อให้พืชตั้งตัวได้เร็วขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถทำร่มบังแดดให้ได้ ให้รดน้ำบ่อย ๆ โดยรดน้ำในเวลาเช้า-กลางวัน-เย็น หรือจะตัดใบพืชออกครึ่งหนึ่งก็ได้ เพื่อลดการคายน้ำ ป้องกันต้นกล้าที่ปลูกใหม่เหี่ยวเฉา และควรปลูกพืชถุงละ 1 ต้น เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้เต็มที่

    พืชที่ปลูกโดยการหว่านเมล็ด แล้วแยกต้นกล้าปลูก ได้แก่
    กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี ผักขึ้นฉ่าย ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง กะหล่ำดอก บรอกโคลี สลัดแก้ว มะเขือ ปลูกโดยการปักกิ่งชำ ได้แก่ กะเพรา โหระพา ต้นแมงลัก ผักไผ่ สะระแหน่ โดยการนำกิ่งพืชเหล่านี้มาปักชำลงในถุงปลูก ให้ความชุ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในระยะปักชำใหม่ ๆ ควรวางไว้ในที่ร่มรำไร ประมาณ 10-15 วัน เมื่อกิ่งแตกราก และแตกใบอ่อนยอดอ่อนจึงนำมาไว้กลางแจ้งจนกระทั่งออกผลผลิต

    นับว่าเป็นความคิดที่ดี ซึ่งผักที่ปลูกสามารถตกแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม และเมื่อออกผลผลิตยังสามารถนำไปจำหน่ายได้อีกด้วย ที่สำคัญเป็นการเดินตามรอยพ่อแห่งแผ่นดิน ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการทำให้เด็กนักเรียนได้เห็น ได้รู้จักใช้สิ่งต่าง ๆ มาดัดแปลงให้ประหยัด และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

    จากคอลัมน์ในเดลินิวส์ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2550

    ที่มา http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=6162.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. M78

    M78 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +55
    เคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้แล้ครับ
    ว่ากล่องนม UHT สามารถกันรังสีได้
    รบกวนท่านผู้รู้ ตอบหน่อยนะครับ ว่าจริงไหม แล้วกันรังสีอะไรได้บ้าง

    ถ้าจริงจะได้เริ่มสะสม เอาไว้ใช้ยามเกิดเหตุ
    ขอบคุณครับ
     
  8. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ข่าวล่าสุดเมื่อ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา "น่ากลัวดีครับ"


    เอเชียผวา ราคาอาหารพุ่งซ้ำรอยปี 2551

    [​IMG]

    [​IMG]
    ราคาอาหารที่พุ่งขึ้นในเอเชียกำลังสร้างความวิตกมากขึ้นในหมู่รัฐบาล
    ประเทศต่างๆ ว่า จะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยวิกฤติอาหารเหมือนเมื่อปี
    2551 ที่เป็นชนวนของการก่อจลาจลทั่วภูมิภาค


    เสียงเตือนภัยระดับโลกมีขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อองค์การอาหารและการเกษตร
    ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่าผู้คนหลายล้านตกอยู่ในความเสี่ยง
    หลังจากดัชนีราคาอาหารโลกทะลุระดับสูงสุดของเมื่อปี 2551
    จนพุ่งไปอยู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์

    นายโรเบิร์ต เซลลิค ประธานธนาคารโลก ตอกย้ำคำเตือนดังกล่าว
    ด้วยการระบุว่า ราคาสินค้าที่สูงขึ้นเป็นภัยคุกคามครั้งใหม่ต่อการเติบโต
    ของโลกและเสถียรภาพทางสังคม ในเอเชียนั้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
    ที่เพิ่มขึ้นสร้างความกระสับกระส่ายให้ 3 ประเทศที่มีประชากรมากที่สุด
    ในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย หรืออินโดนีเซีย ซึ่งล้วนเปราะบาง
    ต่อการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าจำเป็นอย่างข้าวและข้าวสาลี

    นายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ ของอินเดีย เรียกประชุมรัฐมนตรีสำคัญๆ
    ในคณะรัฐบาล เพื่อหารือปัญหานี้ หลังจากเงินเฟ้ออาหารขยับขึ้นสูงกว่า
    18% และเกิดฝนตกนอกฤดูกาลทางใต้ของประเทศจนคุกคามผลผลิต
    รัฐบาลของนายซิงห์วิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางการเมือง และได้ดำเนิน
    ความพยายามเพื่อดึงราคาสินค้าไม่ให้สูงขึ้นมากนัก ด้วยการปล่อยสต็อกข้าว
    และข้าวสาลี ขยายเวลาห้ามส่งออกถั่ว รวมถึงบังคับใช้ข้อจำกัดสต็อกน้ำตาล
    แต่นายเกาชิก บาซู หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำกระทรวงการคลัง
    เตือนว่าการประเมินความสามารถของรัฐบาลสูงเกินไป เป็นเรื่องอันตราย

    "เป็นเรื่องผิดพลาดอย่างสิ้นเชิงที่จะคิดว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการขึ้นและลงของราคาสินค้าได้ รัฐบาลเป็นแค่หน่วยงานบังคับใช้ ซึ่งสามารถทำได้ในรูปของการส่งสัญญาณ และเข้าแทรกแซงทางยุทธศาสตร์เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด" นายบาซูกล่าว

    ทั้งนี้ การทะยานขึ้นของราคาอาหารกำลังเป็นชนวนให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
    ทั้งยังทำให้อินเดียและจีน ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเป็นกลไกขับ
    เคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก ต้องเผชิญทางเลือกที่ลำบากในการคุมเข้ม
    การเงิน โดยเมื่อปีที่แล้ว ธนาคารกลางอินเดียขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 6 ครั้ง
    ขณะที่จีนขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2553

    นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือหยาบๆ ในการแก้ปัญหา
    ราคาสินค้าสูงขึ้น เพราะสภาพการณ์ดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากปัจจัยด้าน
    อุปสงค์และอุปทานที่ซับซ้อน โดยแรงกดดันด้านราคาสินค้าในปัจจุบันเป็น
    ผลลัพธ์จากสภาพอากาศเลวร้ายที่กระทบถึงการเพาะปลูกในบางประเทศ
    ประกอบกับปัจจัยอื่นอย่างเอเชียมีความต้องการอาหารและสินค้าต่างๆ
    มากขึ้น การจำกัดการส่งออก และการเก็งกำไร

    ในกรณีของจีนนั้น เงินเฟ้ออาหารอยู่ที่ระดับ 11.7% เมื่อเดือน พ.ย.
    จนรัฐบาลประกาศจะจัดหาอาหารจำเป็นให้เพียงพอต่อความต้องการและปราบปรามการเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ได้ไปเยี่ยมครอบครัวรายได้ต่ำ
    ในกรุงปักกิ่งและรับปากจะช่วยเหลือคนยากจนมากขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรี
    เวิน เจียเป่า ก็ย้ำทางวิทยุถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะตรึงราคาสินค้า
    ให้มีเสถียรภาพ

    นายโอลิเวอร์ เดอ ชุตเตอร์ เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิในการมีอาหาร ประจำยูเอ็น
    เดินทางเยือนจีนเมื่อเร็วๆ นี้ และระบุว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งต้องแก้ไข
    ประเด็นต่างๆ อย่างการเสื่อมของดินและที่ดินทำกินที่ลดลง เพื่อรับรอง
    ถึงความมั่นคงด้านอาหารในอนาคต

    "ราคาอาหารที่สูงขึ้นในจีน เป็นลางล่วงหน้าว่าอาจมีบางสิ่งรออยู่
    สถานการณ์นี้น่าจะกระตุ้นจีนให้เคลื่อนไหวไปสู่การทำเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น"
    เดอ ชุตเตอร์ระบุ

    ด้านธนาคารเครดิตสวิสเผยรายงานวิจัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแนวโน้ม
    สำหรับจีนน่าวิตก พร้อมคาดว่าเงินเฟ้อด้านอาหารทั่วภูมิภาคเอเชีย
    ไม่รวมญี่ปุ่น จะพุ่งสู่ระดับสูงสุดที่ 15% ช่วงกลางปีนี้ แต่คาดว่า
    สถานการณ์จะไม่เลวร้ายเหมือนเมื่อปี 2551

    "เราคาดว่าจะไม่เกิดวิกฤติอาหารเต็มรูปแบบ เพราะมีปัจจัยที่ดึงราคาอาหาร
    ให้ลดลงเช่นกัน และเราเชื่อว่าความเสี่ยงของการเก็งกำไรว่าจะมีความต้องการธัญพืชมากขึ้น ได้ลดลงอย่างมาก"
    เครดิตสวิสระบุ

    อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งนี้ตั้งข้อสังเกตว่ายังเป็นการยากที่จะประเมิน
    ผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบของเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
    ในปากีสถาน ไทย และเวียดนาม ซึ่งอาจทำให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวจำนวนมาก
    ได้รับความเสียหาย

    ด้านนักเศรษฐศาสตร์ก็ระบุว่าประเทศในเอเชียที่ส่งออกข้าวและข้าวสาลี
    มีสัดส่วนสต็อกข้าวเทียบกับสัดส่วนการใช้ ดีกว่าเมื่อช่วงปี 2550-5251
    ทั้งนี้ วิกฤตเมื่อปี 2251 มีสาเหตุส่วนหนึ่งจากสัดส่วนอาหารที่ต่ำ
    จนทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นเพราะมีความวิตกว่าจะเกิดการขาดแคลนอาหาร
    และมีผลกระทบต่อเนื่องให้มีการจำกัดการส่งออก ทำให้ราคาในโลกพุ่งขึ้นสูง
    ในที่สุด สถานการณ์ดังกล่าวจุดชนวนการประท้วงและจลาจลในประเทศต่างๆ
    อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบังกลาเทศ

    *********************************
    ตูนิเซียยังจลาจล

    ทางการตูนิเซียปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างไม่มีกำหนด
    เพื่อรับมือเหตุวุ่นวายครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 23 ปี ผลจากการประท้วง
    ที่ยืดเยื้อมาหลายสัปดาห์ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่อัตราว่างงาน
    อยู่ในระดับสูง จนประธานาธิบดีไซเน เอล อไบดิน เบน อาลี
    ต้องประกาศสร้างงานใหม่หลายแสนตำแหน่ง

    เหตุรุนแรงครั้งใหม่ปะทุขึ้นในเมืองคัสเซรีน ซึ่งชาวบ้านกล่าวหาว่า
    มีมือปืนไปอยู่บนหลังคาบ้านและยิงผู้ประท้วง แต่ทางการกล่าวหา
    ผู้ก่อจลาจลว่าทำร้ายตำรวจ

    สหภาพแรงงานเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุวุ่นวาย 50 ราย ขณะที่รัฐบาล
    กล่าวหาผู้ก่อจลาจลว่ายั่วยุให้เกิดการปะทะครั้งล่าสุด เพราะขว้างปาระเบิดขวด
    เผายางและท่อนเหล็ก ตำรวจยิงเตือนหลายครั้งจนต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัว
    ล่าสุดทางการได้ส่งทหารและรถถังเข้าไปประจำการตามสี่แยกในกรุงตูนิส
    หลังจากเหตุรุนแรงลุกลามไปชานเมือง นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤติ
    ที่มีการส่งทหารมารักษาสถานการณ์

    เหตุจลาจลครั้งนี้มีชนวนจากความพยายามฆ่าตัวตายของบัณฑิตวัย 26 ปี
    เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งจุดไฟเผาตัวเอง หลังจากตำรวจไม่ให้เขาขายผัก
    ผลไม้ยังชีพ
    ล่าสุดก็มีญาติของนักศึกษาวัย 23 ปี ที่ตกงาน ได้พยายามฆ่าตัวตาย
    นับเป็นการฆ่าตัวตายรายที่ 5 เกี่ยวเนื่องกับความวุ่นวายและปัญหาในประเทศ
    ทั้งนี้ อัตราว่างงานของตูนิเซียอยู่ที่ 14% แต่จำนวนบัณฑิตว่างงานมี 2 เท่า
    ของตัวเลขดังกล่าว

    ที่มา : The Krungthep turakij web site
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต(HARRP) ปลาตาย นกตาย ฯลฯ

    [​IMG]

    <object width="480" height="385">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/2jV6Dhza2G0?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>

    <object width="480" height="385">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/eU4pVxvUQGw?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>​
    ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ iwhale

    เริ่มกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลก ในกรณีนกตาย ปลาตาย และสัตว์อื่นๆพากันตายหมู่ในหลายๆที่ทั่วโลกตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา

    ใน ระหว่างที่รอสาเหตุการตายก็มีเสียงวิพากษณ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานาๆใน Social Media และโดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุก็จะเกิดความหวาดวิตก กันมากหน่อย จากการวิเคราะห์ข้อมูลเท่าที่มีในวันนี้นับเป็นเวลาราวหนึ่งสัปดาห์มาแล้ว ของการเกิดเหตุ

    ผมขอนำเสนอทฤษฎีที่น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด คือ ทฤษฎีคลื่นเสียงพิฆาต (Deadly Sound Theory)

    การ ตั้งทฤษฎีคือหนึ่งในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปทดลองหาข้อเท็จจริงต่อไป ดังนั้นเมื่ออ่านแล้วควรยึดหลักกาลามสูตรคืออย่าเพิ่งเชื่อนะครับ

    คลื่นเสียง สามารถส่งพลังงานผ่านตัวกลางมาได้ เช่น อากาศ ลองดูการทดลองทำแก้วไวน์แตกได้ด้วยการเปิดคลื่นเสียงสั่นสะเทือน

    เสียง มีความถี่ที่แตกต่างกัน มนุษย์สามารถได้ยินเสียงที่มีช่วงความถื่เสียง 20Hz - 20,000 Hz โดยประมาณ ย่านเสียงความถี่ต่ำ (<20 Hz) จะเรียกว่า “Infrasound” ส่วนย่านความถี่สูง (> 20,000 Hz) จะเรียกว่า “Ultrasound’

    เรา คุ้นเคยกับอัลตราซาวน์เป็นอย่่างดี โดยเฉพาะตอนที่แพทย์ให้ดูบุตรในครรภ์มารดาด้วยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูง เข้าไปสะท้อนออกมาสร้างเป็นภาพ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่ค้างคาวส่งเสียงความถี่สูงออกไปใช้ในการมองเห็น ในเวลากลางคืน ส่วนอินฟราซาวด์นั้นสัตว์บางชนิดก็ได้ยิน เช่น สุนัข,ช้าง จะสามารถได้ยินเสียงสั่นสะเทือนฮัมๆที่เป็นความถี่ต่ำได้ด้วย ช่วงที่จะเกิดสีนามิจึงสังเกตว่า ช้างไทยและช้างในเอเชียได้ยินเสียงนี้และพยายามวิ่งหนีออกห่างฝั่ง ปลาและกุ้ง สัตว์ทะเลหลายๆชนิดต่างพากันหนีมาที่ชายฝั่งให้จับกันได้ง่ายๆเป็นต้น

    กบพยายามวิ่งเสี่ยงตายข้ามถนนช่วงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในจีน

    สิ่ง หนึ่งที่วิจารณ์กันมากคือ ทำไมสัตว์บางชนิดเท่านั้นที่ตายแต่สัตว์อื่นไม่ตายในบริเวณเดียวกัน ขอยกตัวอย่างปลา Drum Fish ซึ่งหากถูกสารพิษในแหล่งน้ำก็น่าจะมีสัตว์อื่นตายไปด้วย สิ่งที่ดรัมฟิชแตกต่างคือ กายวิภาคของมัน คืออวัยวะที่ใช้ในการส่งเสียงและรับเสียง ที่มันชื่อดรัมฟิชก็เพราะมันสร้างเสียงได้แปลกๆและมันก็มีอวัยวะรับเสียง พิเศษอยู่ด้านหลังดวงตา ต้องชำแหละออกมาจึงจะเห็น ซึ่งอวัยวะนี้จะรับเสียงเข้าสู่สมอง จึงเป็นไปได้หรือไม่ว่า ดรัมฟิชได้ยินเสียงความถี่ต่ำพร้อมๆกัน และอาจเป็นเสียงที่ดังมากจนมันได้รับพลังงานสูงและตายในที่สุด ซึ่งตรงนี้อยากให้มีการชำแหละอวัยวะชิ้นนี้ออกมาดูว่ามันมีความเปลี่ยน แปลงอย่างไรหรือไม่

    ต้นกำเนิดเสียงความถี่ต่ำ (Infrasound) น่าจะมาได้จากแผ่นดินไหว เสียงการเคลื่อนใต้ธรณี ภูเขาไฟ หรือแม้แต่บนอากาศเช่น ออโรร่า, เสียงประจุไฟฟ้า ฯลฯ หรืออาจเกิดจากฝีมือมนุษย์ก็ได้เช่น ดอกไม้ไฟ, เสียงระเบิด หรือแม้กระทั่งลือกันว่ามีการสร้างอาวุธชนิดใหม่เกิดขึ้น

    ประเด็นนี้ ยังต้องติดตามต่อกันอีกครับ ข้อเสนอตอนนี้ของผมคือ ควรที่จะสร้างเครือข่ายรับมือ - Crisis Response Network ขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก โดยเน้นประสานงานทุกภาคส่วนและให้ภาคประชาสังคมเป็นแกนนำเพราะจะกระจายตัวทำ งานได้ในทุกพื้นที่และทุกเวลาอยู่แล้วครับ


    พุทธพยากรณ์ และ ภัยพิบัติโลก

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


    1.เกิดน้ำท่วมครั้งใหม่

    2.พายุถล่ม

    3.แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว

    4.ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก อีกทั้งที่ จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)

    5.คลื่นยักษ์จากทะเล

    6.โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ virusterria,อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตภายใน 6 วัน

    7.คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน

    8.อดอยากขาดแคนอาหาร


    อ่านต่อ : อยากให้ทุกคนได้อ่าน คำพยากรณ์และภัยพิบัติโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ร่ม UV จากกล่องนม

    โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องร่ม UV จากกล่องนม จัดทำขึ้นเพื่อนำแผ่นอลูมิเนี่ยมฟลอยด์จากกล่องนม ซึ่งเป็นเศษวัสดุที่เหลือใช้หาง่าย มาทำร่มที่สามารถป้องกันแสง รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีความร้อน เพื่อช่วยลดอันตรายจากแสงอาทิตย์ ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ชุมชน ซึ่งจากการทดสอบหาประสิทธิภาพในการป้องกันแสง รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีความร้อน ของร่ม UV จากกล่องนม

    โดยเปรียบกับร่ม UV และร่มผ้าร่ม พบว่าร่ม UV จากกล่องนมมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสง รังสีอัลตราไวโอเลตและรังสีความร้อนสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ72.77, ร้อยละ 94.91 และร้อยละ 11.76 ตามลำดับ รองลงมาคือร่ม UV (ธรรมดา) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสง รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีความร้อนคิดเป็นร้อยละ 69.23, ร้อยละ 93.29 และร้อยละ5.88 ตามลำดับ ส่วนร่มผ้าร่มมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสง รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีความร้อน น้อยที่สุดคือคิดเป็นร้อยละ 20.27, ร้อยละ 22.53 และร้อยละ 2.94 ตามลำดับ จึงสมควรจะเผยแพร่ให้ชุมชนได้นำไปผลิตใช้ต่อไป

    โรงเรียนปัญญาวรคุณ 2545

    ที่มา http://elib.ipst.ac.th
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  11. M78

    M78 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +55
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
    จะได้เก็บกล่องนมไว้ ปิดตามหน้าต่าง น่าจะกันได้บ้าง
     
  12. ณัฐธยาน์12

    ณัฐธยาน์12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +612
    ขอคำแนะนำสำหรับคนที่อยู่ตึกหน่อยได้ไหมคะ จะปลูกอะไร ยังไงดี มีแต่พื้นที่ดาดฟ้าคะ ที่ว่างอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  13. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ยังซ้ำเติมไม่หาย

    น้ำทะลักเข้าเมืองใหญ่ที่3ออสซี่คาดศก.เสียหายร่วม4แสนล.บาท

    [​IMG]

    เอเจนซี/เอเอฟพี - น้ำท่วมใหญ่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี
    ทะลักเข้าสู่ย่านใจกลางนครบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์
    และก็เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของออสเตรเลียเมื่อวันพุธ(12)
    ทำให้ผู้คนนับหมื่นต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัย และจุดชนวน
    ให้มีการกว้านซื้ออาหารอย่างตื่นตระหนก ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย
    พยายามค้นหาผู้สูญหายไปในกระแสน้ำอีก 43 คน ด้านนัก
    เศรษฐศาสตร์เพิ่มประมาณการความเสียหายที่เกิดขึ้นไปอีกเท่าตัว
    เป็นร่วมๆ 13,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (396,500 ล้านบาท)

    อุทกภัยครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 16 คนแล้ว นับตั้งแต่
    เริ่มท่วมท้นควีนส์แลนด์ที่เป็นรัฐอันอุดมด้วยถ่านหินและการเกษตร
    ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแดนจิงโจ้ในเดือนที่แล้ว และทำลาย
    โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เสียหายย่อยยับ อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมถ่านหิน
    อยู่ในภาวะอัมพาต ส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และทำให้
    สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์​

    บริสเบนซึ่งเป็นนครริมแม่น้ำที่มีประชากรราว 2 ล้านคน คาดหมายกัน
    ว่าจะเผชิญกับระดับน้ำท่วมสูงที่สุด ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นในวันพฤหัสบดี(13)
    แต่น้ำยังจะท่วมขังต่อไปอีกหลายวัน​

    “เมืองบริสเบนจะเข้านอนในคืนนี้ และตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญกับฉาก
    ทิวทัศน์ซึ่งคนจำนวนมากจะไม่ได้ประสบพบเห็นอีกเลยในตลอดชีวิตของพวก
    เขา” แอนนา บลิก นายกรัฐมนตรีหญิงของรัฐควีนส์แลนด์กล่าวเตือน พร้อมกับ
    ทำนายว่าในตอนที่น้ำจากแม่น้ำบริสเบนเอ่อท้นขึ้นมาสูงสุดนั้น บ้านเรือนที่อยู่
    อาศัยซึ่งจะถูกท่วมน่าจะมีร่วมๆ 20,000 หลัง​

    เมื่อวานนี้ ชาวเมืองบริสเบนจำนวนมากพากันผลักรถเข็นช็อปปิ้งที่
    บรรทุกอาหารเอาไว้เต็ม ไปตามถนนที่เจิ่งนองด้วยน้ำ ขณะที่คนอื่นๆ ลุยน้ำลึก
    ถึงไหล่เพื่อเก็บกู้สมบัติข้าวของต่างๆ เรือเล็กและเรือท้องแบนจำนวนมากถูก
    ซัดหลุดออกจากท่าจอดเรือตามชายฝั่งแม่น้ำบริสเบน และปะทะเข้ากับสะพาน
    ในเวลาที่กระแสน้ำขุ่นสีน้ำตาลมีกำลังแรง​

    ตามสี่แยกที่ถูกน้ำท่วม หลายๆ คนพยายามใช้กระดานเซิร์ฟบอร์ด
    ฝ่าข้ามสายน้ำ โดยที่วางสมบัติข้าวของของพวกเขาเอาไว้ให้สมดุลบน
    กระดาน ขณะที่เรือหลายๆ ลำวิ่งขึ้นล่องช่วยเหลืออพยพผู้คนไปยังพื้นดิน
    ที่ยังแห้งอยู่​

    ทั้งนี้ประมาณกันว่ามีชาวเมืองราว 4,000 คนย้ายเข้าไปอยู่ตามศูนย์อพยพ​

    ตามเมืองเล็กๆ ทางด้านตะวันตกของบริสเบน ซึ่งเผชิญกับน้ำท่วมใหญ่
    ที่ทะลักขึ้นมาอย่างฉับพลันรุนแรงประดุจดังคลื่นสึนามิเมื่อต้นสัปดาห์นี้
    เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉวยประโยชน์จากสภาพอากาศที่ดีขึ้นมาบ้างเมื่อวานนี้
    ในการออกค้นหาผู้ที่ยังสูญหายไปจำนวนรวม 43 คน

    [​IMG]


    “บ้านบางหลังแตกทะลายด้วยกำลังแรงของน้ำ ผู้คนถูกพัดกวาดหายไป
    คงจะต้องใช้เวลาหลายๆ วันกว่าที่จะเสร็จสิ้นการค้นหาและช่วยเหลือนี้ได้”
    เอียน สจวร์ต รองผู้บัญชาการตำรวจควีนส์แลนด์กล่าว

    สำหรับความเสียหายโดยรวมจากอุทกภัยร้ายแรงคราวนี้
    บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างพากันปรับเพิ่มประมาณการเดิมของพวกตน
    โดยที่ วอร์วิก แมคคิบบิน นักวิชาการที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการ
    กำหนดนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าววานนี้ว่า ความหายนะที่
    เกิดขึ้นอาจเท่ากับอัตราเติบโตของเศรษฐกิจ 1% หรือร่วมๆ 13,000 ล้าน
    ดอลลาร์ออสเตรเลีย (396,500 ล้านบาท) ซึ่งเป็น 1 เท่าตัวของตัวเลข
    ประมาณการเดิมที่ให้ไว้

    คำพูดของแมคคิบบิน เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
    ตกลงสู่ระดับ 0.9803 ดอลลาร์อเมริกัน อันเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 4สัปดาห์

    ควีนส์แลนด์นั้นเป็นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมถ่านหินออสเตรเลีย
    ขณะที่ออสเตรเลียคือผู้ส่งออกถ่านหินโค้กที่ใช้ในการผลิตเหล็กกล้า เป็น
    ปริมาณกว่าครึ่งหนึ่งของโลก นอกจากนั้นแดนจิงโจ้ยังเป็นอันดับสองของโลก
    ในการส่งออกถ่านหินให้ความร้อน ซึ่งใช้ในโรงไฟฟ้าจำนวนมาก

    “อุตสาหกรรมถ่านหินจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ และในบางกรณี
    ต้องอีกหลายเดือนทีเดียวกว่าจะกลับคืนสู่การผลิตเต็มที่ได้”
    นายกฯบลิกกล่าว


    ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000004424
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  14. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    คลิ๊ก >> YouTube - สอนการปลูกผัก ปลอดสารพิษ ปลูกบนดิน ดาดฟ้า และ ตึกแถว Planting vegetables free bane
     
  15. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    <H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3><H3 align=center>ปลูกผักสวนครัวบนดาดฟ้า







    [​IMG]

    ปลูกสวนผักบนดาดฟ้าบ้านที่อยู่เป็น apartment จึงไม่มีที่ปลูกผัก เลยใช้ วิธีปลูกในกระถาง และเต้นคลุมเพื่อให้สภาพอากาศเหมือนเมืองไทย



    [​IMG]

    ประตูปิดเปิดกรีนเฮ้าท์



    [​IMG]

    มาเปิดดูสวน ข้างไนปลูกอะไรบ้าง



    [​IMG]

    ทีเห็นมีผักกาดกวางตุง ผักคะน้า ต้นพริก ผักบุ้งอยู่ด้านใน





    [​IMG]

    ที่เห็นดอกขาวๆนั้นคือต้นพริกคะ


    ต้นตะไคร้

    [​IMG]

    [​IMG]

    ต้นตะไคร้ปลูกไว้2 กระถาง เพราะเวลาฤดูหนาว มันจะไม่แตกหน่อเลย จึงไม่พอใช้คะ



    วิธีการปลูก

    เอาตะไคร้ที่เขาขายตามซุปเปอมาร์เก็ต เลือกเอาต้นแก่ ๆตัดเอา ส่วนปลายใส่แกง

    ส่วนต้นให้เหลือประมาณ 4-5 นิ้วนำไปแช่ในแก้วหรือแจกันใส่น้ำ น้ำต้องเปลี่ยนทุกวัน
    ประมาณ 1 อาทิตย์ รากมันจะงอกออกมา หลังจากนั้นก็เอาไปลงในกระถางเก็บไว้ในที่ร่มๆ
    ก่อนเพราะหากแดดร้อนจัด มันจะแห้งคอยรดน้ำทุกๆ วันให้ดินชุ่มอยู่เสมอ หลังจากนั้น
    ประมาณ 1 อาทิตย์ใบมันจะโป่งออกมา ปลูกประมาณ 1 เดือนก็จะแตกหน่อ
    หากอากาศร้อนจะแตกหน่อไวมาก พอฤดูหนาวมันจะไม่แตกหน่อ
    วิธีรักษาไม่ให้มันตาย โดยการเก็บมันมาอยู่ส่วนไดส่วนหนึ่งของบ้านที่บอุ่นยิ่งดี

    สรรพคุณ
    ใช้ส่วนของเหง้าและลำต้นแก่ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่สำคัญหลายชนิดเช่น
    ต้มยำ และอาหารไทยหลายชนิด ให้กลิ่นหอม ดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อ
    มีสรรพคุณทางยาเช่น บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้
    เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้อหิวาตกโรค บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี

    ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียน ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆ ช่วยให้สร่างเร็ว ส่วนหัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว ากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับ ช่วยลดความดันสูง น้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้ ถ้าปลูกใกล้ผักอื่นๆจะช่วยกันแมลงได้และยังให้กลิ่นหอม ที่ดับกลิ่นบางชนิดใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมเพราะมีกลิ่นที่หอมและที่กำจัดยุงบางชนิดก็ใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมด้วยเนื่องจากมีกลิ่นที่แรงจึงช่วยทำให้ไล่ยุงได้ นอกจากนี้ตะไคร้ยังแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลาและเนื้อสัตว์ได้ดีมากๆ


    <H3><H3><H3>

    วิธีทำน้ำตะไคร้ไว้ดื่ม
    นำต้นตะไคร้มาทุบแล้วใส่ลงไปต้มในน้ำที่กำลังเดือดพล่านรอจนน้ำเปลี่ยนสีให้ยกลง เอากากออกแล้วเอาน้ำตาลใส่ชิมดูรสชาติหวานปานกลาง พอเย็นลงเก็บใส่ตู้เย็น แก้กระหาย ใช้ดื่มก่อนดื่มเหล้าจะทำให้ดื่มเหล้าได้น้อยลง และทำให้เจริญอาหาร

    ข้อมูลจาก ตะไคร้ - วิกิพีเดีย




    <H3></H3< font>


    ผักคะน้า
    [​IMG]

    ต้นผักคะน้าตอนนี้อากาศร้อนกำลังงามเลยคะผักคะน้าปลูกง่ายกว่าผักกวางตุ้งคะแต่ว่าปลูกในกระถางนี่ต้องขยันรดน้ำคะ วันละครั้ง
    หากอากาศร้อนจัด ต้องรดน้ำเช้าเย็นคะ

    <H3>
    วิธีการปลูก
    ใช้เมล็ดในการขยายพันธ์ เราเอาเมล็ดมาจากเมืองไทยเตรียมกระถาง เจาะรูกระถางให้มีรูพอระบายน้ำ เส้นผ่านศูนย์กลางของรู
    ประมาณครึ่งซม เจาะห่างกัน 5 นิ้ว

    <H3>ใช้หญ้าแห้งหรือก้อนหิน หรือถุงชาเก่าๆรองก้นกระถางก่อน
    เพื่อป้องกันไม่ให้มีการอุดตัน
    ของรู หลังจากนั้นก็เอาดินใส่ลงไป(ดินที่เขาขายตามศูนย์สวนผักผลไม้) ลดน้ำให้ดินชุ่ม
    ก่อน หลังจากนั้นก็เอาเมล็ดหว่านลงไป โรยด้วยดินบางๆ (อย่าให้หนามาก) เพื่อป้องกัน
    ไม่ให้เมล็ดที่หว่านลอยตัวเวลารดน้ำครั้งต่อไป หากมันลอยตัว มันจะไปรวมตัวกันเป็นจุกๆ
    ทำให้ได้กล้าไม่งาม หว่านได้ประมาณ 2 อาทิตย์ มันจะออกใบมาประมาณ 4-5 ใบเริ่มแยก
    กล้าไปปลูกในแปลง ที่เตรียมไว้ก่อนถอนต้นกล้าไปปลูกในแปลงใหม่ รดน้ำให้ชุ่มก่อนถอน
    ต้นกล้า เพราะจะมีดินติดที่รากต้นกล้า จะทำให้ต้นกล้าไม่เหี่ยวเฉา การปลูกควรปลูกห่างกัน
    ประมาณ 1 คืบ ระยะแรกปลูก ควรรดน้ำเช้าเย็น ในช่วงฤดูร้อน สำหรับฤดูหนาววันละครั้งพอ
    ต้นกล้าติดดี รดน้ำวันละครั้ง หากปลูกในกระถางควรให้สารอาหารเสริมทุกๆ 7 วัน ใช้เวลาในการปลูก ประมาณ 2 เดือนในฤดูหนาว 45 วัน ในฤดูร้อนก็สามารถนำมาปรุงอาหารได้
    ผักคะน้า ใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง ผัดใส่หมูกรอบ
    ใส่ก๋วยเตี๋ยว ทำก๋วยเตี๋ยวลาดหน้า ใช้แช่เย็นทานสดก็ได้



    <H3><H3>ผักกาดกวางตุ้ง
    [​IMG]

    วิธีปลูก
    สำหรับผักกาดกวางตุ้งวิธีการปลูกเหมือนกันกับผักคน้า แต่ การดูแลรักษายากค่ะ
    คือจะมีปัญหาเรื่องใบเป็นจุด หรือใบเป็นรู มีตัวหนอนมากัดกินยอดผัก ต้นเล็กที่พึ่งหว่าน
    จะมีพวกใบเหลือง และมีเชื้อราสำหรับใบเป็นเชื้อรา


    การดูแลรักษา
    ใช้วิธี เอากระเทียมปั่นกับน้ำในเครื่องปั่น กรองเอากากออก แล้วฉีดพ่นทุกๆวัน

    <H3><H3>เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ต้นผักจะกลับมางามอย่างเดิม พวกตัวหนอนหรือใบเป็นจุดๆ ใ
    ช้น้ำยาล้างจาน1 ชช ผสมน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆวัน เป็นเวลา 2 อาทิตย์หรือ
    จนกว่าผักจะกลับมางามอย่างเดิม
    ผักกาดกวางตุ้ง ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น ทำแกง ผัด
    หรือต้มจิ้มน้ำพริก หรือทานสดๆ เป็นเครื่องเคียงหรือต้นอ่อน ๆ
    นำมายำใส่ปลา

    <H3><H3>

    มะเขือเปราะ กำลังออกดอกคะ เอาพันธ์มาจากเมืองไทย
    [​IMG]




    ผักตำลึง
    [​IMG]

    [​IMG]

    ผักตำลึง ปลูกไว้2 กระถาง พอมันเริ่มขึ้นคาน เลยต้อง เสียเงินไปซื้อคานมาให้มันไต่ม่งั้นมันจะเกาะกำแพงบ้าน


    วิธีปลุก
    ปกติ ผักตำลึงขยายพันธ์โดยการปักชำหรือเพราะจากเมล็ด จ.ข.บ
    เอาเมล็ดผักตำลึง

    <H3>มาจากเมืองไทย โดยหาลูกตำลึงที่มันสุกแล้ว นำมาตากแดดให้แห้ง
    ส่งมาทางไปรษณีย์ หลังจากนั้นได้เมล็ดก็เพาะพันธ์ในกระถาง
    โดยใช้เมล็ดวางบนดินในกระถาง
    เอาดินโรยบนเมล็ดบางๆ เพื่อเร่งในการงอกของมัน
    ประมาณ 1 อาทิตย์ มันก็เริ่มโผ่แตก
    งอกออกมา ดูการเจริญเติบโต หากมันยาวประมาณ 5-6 นิ้ว
    เริ่มแยกไปลงกระถางใหญ่
    พอมันเริ่มแตกยอดเป็นหลายๆแขนงก็รีบหาคานมาให้มันเกาะคะ
    คอยเด็ดยอดมันบ่อยๆ
    มันจะแตกกิ่งก้านสาขาเรื่อยๆ แต่พอถึงฤดูหนาวมันจะหดลง
    และบางทีก็ตายไปเลย ต้องเตรียมพันธ์ไว้เพราะใหม่ในฤดูร้อนคะ


    ประโยชน์ของผักตำลึง
    ผักตำลึง ใช้รับประทานกับน้ำพริก ทำเป็นต้มจืดก็ได้ หรือ ใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยว เป็นก๋วยเตี๋ยวผักตำลึงรับประทานอาหารที่ทำจากผักตำลึง
    ร่างกายจะได้แร่เหล็ก รับประทานใบแก่ได้ประโยชน์กว่าใบอ่อน


    <H3>อ้างอิงจาก ผักตำลึง | homeguru
    รูปข้างล่างปลูกเพิ่มอีกหนึ่งต้น


    <H3>[​IMG]

    พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    พริก ปลูกหลายต้นคะเพราะปลูกง่าย พริกต้นที่4 ปลูกมาได้4 ปีแล้วคะ พอมันออกลูก เก็บมันเสร็จแล้ว ตัดกิ่งเก่าทิ้ง มันจะแตกกิ่งใหม่มาอีก
    ออกดอดออกผลงามคะ ไม่ต้องปลูกใหม่



    <H3>สะระแหน่
    [​IMG]

    ขยายพันธุ์ โดยการปักชำ เอาพันธ์มาจากบ้านเพื่อนหลานสาวที่ประเทศฝรั่งเศสคะ โดยการปักชำ ปลูกง่าย ขึ้นเร็วและต้องคอย
    ตัดยอดมันทิ้งบ้าง เพราะมันจะแตกกิ่งก้านมากขึ้น ปลูกในกระถาง
    หากมันแน่นเกินไป ต้องขุดรากเหง้ามันทิ้งบ้าง หากรากมันเต็ม
    กระถางแล้ว ใบมันจะเล็กแคระแกรนไม่สวยงาม


    <H3>กระเพรา โหระพา แมงลัก
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผักกระเพรา โหระพา แมงลัก ปลูกรวมกัน ไปหมด เพราะว่านพันธ์ไป รวมๆกันไป
    วิธีการขยายพันธุ์โดยใช้ เมล็ด หรือปักกิ่งชำสำหรับจขบ
    ใช้เมล็ด หว่านไปบนดิน ในกระถาง ใช้ดินโรยกลบบาง
    เพราะเมล็ดของกระเพรา โหระพา แมงลัก มันเบาเวลารดน้ำ
    มันจะไหลไปรวมตัวกันเป็นกระจุกๆ หลังจากหว่านแล้วรดน้ำทุกวัน
    ประมาณ 1 อาทิตย์เมล็ดเริ่มแตกงอกออกมา พอมันแตกใบสัก 4-5 ใบก็แยกปลูกพอมันสูง 1 ฟุต คอยตัดยอดมันทิ้งหรือว่าเก็บไปประกอบ
    อาหารได้ หลังจากนั้นมันจะแตกยอดมาเรื่อยๆ หากตัดยอดไม่ทัน
    มันจะออกดอกเร็ว เหมือนต้นที่เห็นในภาพ แต่ก็ดี มีพันธุ์ให้ขยายไป
    เรื่อย ๆ

    <H3>

    สรรพคุณ
    ใบ บำรุงธาตุไฟธาตุ ขับลมแก้ปวดท้อง แก้ลมตานซาง แก้จุกเสียด
    แก้คลื่นเหียนอาเจียน และขับลม

    <H3>ราก ใช้รากที่แห้งแล้ว ชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม แก้โรคธาตุพิการ

    <H3>น้ำสกัดทั้งต้นมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร นใบมีฤทธิ์ขับน้ำดี ช่วยย่อยไขมันและลดอาการจุก
    เสียด

    ข้อมูลจากกะเพรา - วิกิพีเดีย

    @@@เกระถางนั้นไม่ใช่กระถางปลูกต้นไม้นะคะ พอดีเห็นมันไม่ค่อย
    ได้ใช้เลยเอามาเจาะรูหว่านพันธ์ไป พอมันตากแดดนานๆไป
    กระถางเลยแตก ก็เลยได้ความรู้ว่า ใช้ของไม่ถูกที่ถูกทาง
    จะย้ายตอนมันโตก็กลัวมันตาย เลยทนประคับประคองไปจนมัน
    หมุดอายุ แล้วค่อยหว่านใหม่ มีพันธ์เหลือเฟือ ใครอยากได้
    ขอพันธ์มานะคะส่งส่งไปให้


    ต้นกระถิน
    [​IMG]

    การขยายพันธุ์
    การขยายพันธุ์โดย เพาะเมล็ด หรือ ปักชำกิ่ง สำหรับของจขบ
    ใช้วิธีเพาะเมล็ด(เอาเมล็ดแห้งมาจากเมืองไทย)
    เมล็ดของกระถินแข็ง จึงต้องเอาแช่น้ำอุ่นไว้ 3 คืน
    เปลี่ยนน้ำทุกวันเพื่อให้เปลือกเมล็ดมันอ่อนตัวลง หลังจากนั้น
    ก็นำเพาะในกระถาง โดยเอานิ้วมือจิ้มดินให้เป็นรู ลึก 1 ซม
    เอาเมล็ดกระถินหยอดลงไปในหลุม ไม่ต้องกลบดิน แล้วรดน้ำ
    ดินมันจะค่อยทับลงไปในหลุม รอจนกว่ามันจะงอกออกมา
    ใช้เวลา 2 อาทิตย์ พอต้นมันเริ่มสูงประมาณ หนึ่งฟุต
    จัดการตัดยอดมันออก มันจะได้แตกกิ่งก้านสาขาออก
    และคอยตัดยอดมันไปเรื่อย ๆ จนมีหลายๆกิ่งก้านสาขา
    หลังจากนั้นก็คอยเก็บยอดมันไปทานได้

    <H3><H3>
    ประโยชน์
    ยอดฝักอ่อนและเมล็ดเป็นอาหาร มีฟอสฟอรัสมาก ช่วยสร้างกระดูกและลดการเกิดนิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะ ใบ ใช้เป็นอาหารสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก

    <H3>
    ผักบุ้งจีน

    <H3>[​IMG]

    [​IMG]

    ขยายพันธุ์
    วิธีการปลูกผักบุ้ขยายพันธ์โดยใช้เมล็ด (สำหรับผักบุ้งไทย ขยายโดยการปักชำกิ่ง )ก่อนอื่นต้องเอาเมล็ดพันธุ์ แช่น้ำไว้ 3 คืน
    เปลี่ยนน้ำทุกวันเตรียมกระถางขนาดความสูง 25 ซม
    เพราะผักบุ้งเป็นพืชที่รากตื้น แต่รากฝอยจะมาก เจาะรู ขนาด 1 ซม ห่างกัน 5 นิ้วใส่ดิน พอแช่เมล็ด ครบ แล้ว นำไปปลูก
    ที่กระถางที่เตรียมไว้ โดยการใช้นิ้วมือจิ้มดินให้เป็นรูลึก 1 ซม
    หางกันประมาณ 4 นิ้ว หลังจากนั้นเอาเมล็กผังบุ้ง

    <H3><H3>
    ใส่ในรูที่เจาะไว้ ใส่รูละ 2 - 3 เม็ด กันไว้บางเม็ดอาจจะไม่งอก
    ไม่ต้องกลบดิน หลังจากนั้นก็รดน้ำ ดินที่อยู่ข้างๆ มันจะไหลลงในรูเอง(ที่เจาะรูเพื่อเร่งการงอกของเมล็ดผัก ใช้ความร้อนของดิน
    ทดลองโดยการ เอาดินใส่ในกระถางที่ปลูก รดน้ำให้ชุ่ม
    ทิ้งไว้กลางแดดสัก 4 ชม เอามือจิ้มในดินนั้นจะมีความรู้สึกว่าในดิน
    ร้อน) หลังจากหว่านแล้วรดน้ำทุกๆวัน 4 วันจะเห็นผักบุ่งเริ่มแตกใบ
    งอกมาบนดิน รดน้ำทุกวัน ประมาณ 25- 30 วันจะได้ผักบุงมารัปประทานแล้ว

    วิธีเก็บเกี่ยว
    สามารถใช้มีดตัดยอด ปล่อยโคนต้นไว้ เหลือต้นตอยาว 1 คืบ
    และรดน้ำบำรุงดูแลใส่ปุ๋ย
    ผักบุ้งจีนสามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ใหม่อีก 1- 2 รุ่น
    การปลูกในกระถาง คอยสักเกตุดูหากรากมันเต็มกระถาง
    ผักบุ้งจะแคระแกรน แก้ไขโดยการ ดึง ผักบุ้งและดินในกระถาง
    ออกมา แล้วค่อยๆ คาะเอาดินออก และรากฝอยมันจะขาดออกไป
    เอารากฝอยทิ้ง เอาดินเดิม ผสมดินใหม่

    <H3>ครึ่งต่อครึ่งใส่ในกระถางเดิมแล้วเอาผักบุ้งต้นเดิมปลูกลงไป
    รดน้ำผสมอาหาร ผักบุ้งจะฟื้นตัวใน 2 วัน แล้วมันจะแตกใบออก
    ยอดมาใหม่สวยงามอย่างเดิม ดีกว่าปลูกใหม่

    การดูและรักษา
    การดูแลรักษา ให้อาการทุกๆ 10- 15 วัน อาหารที่ใช้เป็นอาหารเหลว
    สูตร nitrogeno 3% fosforo 3% potasio 3%
    (อันนี้มันเป็นภาษาสเปนนะ เข้าใจว่าเป็นพวก ไนโตรเจน ฟอสฟอร์รัส โปรตัสเซี่ยม)หรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 ควรงดให้ปุ๋ยก่อนเก็บเกี่ยว 7 วัน

    ผักบุ้ง จะมีปัญหาเรื่องใบ เป็นเชื้อรา ใบจะเหลือง ใช้กระเทียมปลอกเปือกออกผสมน้ำ ปั่นในเครื่องปั่น กรองเอากากออก ฉีดพ่นทุกๆวัน
    จนกว่าใบจะกลับมาเขียวอย่างเดิม(ใบใหม่ที่โป่งออกมา)
    อย่าลืมตัดเอาใบเหลืองๆ นั้นทิ้งทำลายโดยการเผาหรือ
    เอาออกไปไกลๆจากสวน

    <H3>


    ผักโขมไทย

    [​IMG]

    [​IMG]

    การขยายพันธุ์
    วิธีการขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด ในการขยายพันธุ์ ปกติผักโขมไทย
    ส่วนมากเขาจะไม่ปลูกกัน มันจะออกมาตามธรรมชาติ
    คิดว่าลมพัดเอาเมล็ดมันไปตกในที่ดิน อุดมสมบรูณ์ มันก็จะงอกออกมา ให้คนเก็บไปปรุงอาหาร จ.ข.บ. ด้วยความอยากจะทาน
    เลยขอให้พี่สาวหาพันธุ์ส่งมาให้ ไม่มีพันธุ์ขายด้วย
    พี่สาวเลยไปเก็บเอาตามสวน เอามาตากแดดแห้งดีแล้วส่งมาให้
    ผักโขมไทย เขาจะใช้ต้นอ่อนๆทาน เพราะฉะนั้นกระถางทรงลึก
    ไม่จำเป็น ลยเอาขวดน้ำดื่มขนาด 5 ลิตร นำมาตัดด้านข้างออก
    แล้วเจาะรูอีกด้านหนึ่ง(ตามรูปที่เห็น)หลังจากนั้นก็เอาดินใส่
    รดน้ำ เอาเม็ดผักโขมหว่านไป ลดน้ำทุกวัน ประมาณ 3 วันจะเห็นมัน
    งอกออกมาใบเล็กๆ หลังจากนั้นก็เฝ้ารอการเจริญเติบโตของมัน
    หากมันขึ้นมาหนาแน่นเกินไปก็ถอนทิ้งบ้าง เพราะหากมันแน่นไป
    จะทำให้ได้ผักที่แคระแกลน ใบไม่อ้วน

    <H3><H3>ผักโขมไทยหลังหว่านดูแลง่าย ไม่มีแมลงมารบกวนประมาณ
    25 - 30 วันก็สามารถเก็บมาปรุงอาหารได้



    วิธีการเก็บเกี่ยว
    ผักโขม จะใช้ต้นอ่อนๆ(ตามรูปแรกนั้นขนาดพอดีเก็บมาปรุงอาหารได้) หากเป็นต้นแก่ๆ จะมีรสขม ใช้ผักโขมปรุงอาหาร เช่น ผัด ทำต้มจืด ต้มจิ้มน้ำพริก

    <H3>
    คุณค่าทางสารอาหาร
    คุณค่าทางอาหาร ผักโขมเป็นผักสุขภาพชั้นยอด ในใบผักโขมเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี กรดแอมิโน และสารอาหารอื่น ๆ เช่น ธาตุเหล็กแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นอกจากนั้น ในผักโขมยังมี
    เบต้าแคโรทีนสูง มีสารซาโปนินที่ช่วยลดคอลเลสเทอรอลในเลือดอีกด้วย ผักโขมยังมีเส้นใยอาหารมาก จึงช่วยระบบขับถ่าย
    และลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้

    <H3><H3><H3>
    ข้อมูลอ้างอิงจาก
    �ѡ���....�ѡ��鹺�ҹ�ҡ�س��� - ��ٺ�ҹ�͡�ͷ��� ����� ���ǡ���֡�� ���͡ ��������ҡ���


    ผักคื่นฉ่าย
    [​IMG]


    ขยายพันธุ์
    ผักคื่นฉ่าย ชื่อสามัญ Celery
    ขยายพันธุ์ โดยใช้เมล็ด หว่านเมล็ด ตามแปลง
    หากมีฟางคุมบนดินบางๆ จะช่วยให้เร่งการงอกเร็วขึ้น
    หลังจากหว่านเมล็ดแล้วรดน้ำทุกๆ วัน ประมาณ 7 วันในฤดูร้อน
    จะเห็นใบเล็กๆคล้ายๆใบผักชี รอจนกว่ามันแตกใบออกมาประมาณ ๔ ใบ สามารถแยกปลูกได้ ให้ปลูกห่างกัน ประมาณ หนึ่งคืบ
    เฝ้าดูการเจริญเติบโตของมัน

    <H3><H3>

    การดูแลรักษา
    การดูแลรักษา ต้นคื่นฉ่าย ไม่ค่อยจะมีแมลงมารบกวน ดูแลไม่ยาก
    หากปลูกในกระถางอาจจะต้องให้อาหาร อาทิตย์ละครั้ง
    อาหารเป็นพวกสูตรเสมอ เหมือนผักกาด

    <H3>
    ผักคะน้า
    การปลูกในกระถางหากรากมันเต็มกระถางต้นมันจะแคระแกรน
    แก้ไขโดยการ นำออกมาทั้งต้นทั้งดิน เคาะๆ เอาดินออก
    แล้วตัดรากฝอยทิ้งไป แล้วเอาดินเก่าผสมดินใหม่อย่างละครึ่ง
    เอาต้นคื่นฉ่ายปลูกต่อไป จะงอกสวยงามอย่างเดิม

    <H3>
    การเก็บเกี่ยว
    การเก็บเกี่ยว หากปลูกไว้รับประทานเอง ควรเก็บเฉพาะใบต้นๆ ล่อยให้มันออกยอดมาเรื่อย ๆ ต้นคื่นฉ่ายมีอายุอยู่ได้ สองปี

    <H3><H3>[​IMG]

    ในรูปคือเครื่องฉีดพ่นน้ำ ก่อนๆ นั้นเราใช้สายยางในการรดน้ำสวน
    ทำไปได้ระยะหนึ่ง ค่าน้ำมันขึ้นอย่างมากๆ ก็เลยคิดว่าใช้เครื่องนี้
    ดีกว่า ได้ออกกำลังกายด้วย และใช้น้ำทุกหยดอย่างคุ้มค่า
    เพราะการฉีดพ่นน้ำเป็นฝอยๆ น้ำจะค่อยซึมลงดิน ไม่ไหลล้นไปนอกกระถาง พื้นก็ไม่เปื้อนด้วย หลังจากใช้ถังฉีดพ่นน้ำปรากฏว่า
    ค่าน้ำลดลง ก็เลยใช้วิธีนี้มาตลอด ถังนั้นยังใช้พ่นพวกกระเทียม
    หรือน้ำยาล้างจาน เพื่อฉีดไล่แมลงศัตรูพืช และยังใช่พ่นพวกสารอาหารพืชได้ด้วยในขวดที่เห็นสีเขียว และสีแดงคือสารอาหารพืช


    [​IMG]

    เอาสวนดอกไม้มาให้ดูบ้าง
    ในภาพคือดอก Geranium
    ซื้อพันธุ์มาจากสวนดอกไม้ ราคาไม่แพงนักอยู่ที่ต้นละ 2.50 - 5 ยูโร
    มีให้เลือกหลายสี แดง ส้ม เหลือง ชมพู บานเย็น
    ปลูกง่ายทนแดด ทนความแห้งแล้ง ไม่ต้องรดน้ำบ่อย
    สามารถออกดอกได้ทุกฤดูกาล ดอกออกมาช่อหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ หนึ่งอาทิตย์





    [​IMG]

    โป๊ยเซียน ซื้อมาปลูกหลายครั้งแล้วแต่ไม่โตสักที พึ่งมีต้นนี้ ที่ ซื้อมา
    ปลูกแล้วไม่ตาย จะพยายามเลี้ยงให้มีดอกสวยๆ บ้างกำลังศึกษา
    รายละเอียดอยู่






    [​IMG]

    ต้นนี้ดอกอะไรไม่รู้ เห็นมันสวยดีเลยซื้อมาปลูก จะออกดอกเฉพาะฤดูหนาว






    [​IMG]

    ต้นนี้ดอกอะไรไม่รู้ เห็นมันสวยดีเลยซื้อมาปลูก ต้นนี้ มีหลายสี เวลานำหลายๆสีมาปลูกในกระถางเดียวกัน พอออกดอกพร้อมกันสวยมากๆ
    ออกดอกได้ทุกฤดู ปลูกง่ายมากๆ ทนแดดทนน้ำ


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="50%" colSpan=3>Create Date : 26 มิถุนายน 2552</TD></TR><TR><TD width="50%">Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 2:50:39 น

    ที่มา : Bloggang.com]Bloggang.com : brackleyvee :





    </TD></TR></TBODY>
    </B></B></B>
    </B>




    </H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3>


    </TABLE>


    <!-- End main-->

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="50%" colSpan=3></TD></TR><TR><TD width="50%">




    </TD></TR></TBODY></B>


    </H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3></H3>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2011
  16. suriyawibool

    suriyawibool Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +25
    กันได้แต่รังสีที่อำนาจทะลุทะลวงต่ำครับ เนื่องจากวัสดุที่ใช้จะมีชั้นของกระดาษ พลาสติก และเคลือบอะลูมิเนียม ซึ่งวัตถุประสงค์คือกันรังสี UV ครับ
     
  17. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ขออนุญาต และ ขออภัย ที่ขอนอกเรื่องสักนิดครับ

    คุณย่าของผมเพิ่งเสีย เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่านได้บริจาคร่างกาย เป็นอาจารย์ใหญ่ ให้กับ โรงพยาบาลรามาธิบดีไป

    ตอนนี้ ทาง รามา ได้มารับคุณย่าไปแล้ว

    ผมอยากทราบว่า เมื่อไหร่จะมีการพระราชทานเพลิงศพครับ ???
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    สะสมเมล็ดพืชพันธุ์ดี ไว้กับตัว
    ปลูกสิ่งไหน สิ่งนั้นก็เลี้ยงตัว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ

    บริจาคร่างกาย : ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
     
  20. 1535

    1535 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +2,105
    ระลึก 1 ปี เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เฮติ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3l9B1dvfT-o&feature=&p=638E3C1D9B909442&index=0&playnext=1]YouTube - World: Surviving the Haiti Earthquake - nytimes.com/video[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...