คนรู้จักทักว่า เรามีกลิ่นตัวแปลกๆ เป็นกรรมใดค่ะ

ตอนนี้จิตตกค่ะ เพราะมีคนทัก4คนแล้ว
1 คนทักว่า กลิ่นตัวเราเหมือนเด็กเพิ่งเกิด ตัวแดงๆ คาวๆ
1 คนทักว่า กลิ่นตัวเราเหมือนแม่ชี
2 คนทักว่า เค้าได้กลิ่นโรงพยาบาล กลิ่นยา
แต่คนอื่นๆ ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
ทั้งๆที่ไม่ได้กินยาเลย ไม่ใส่น้ำหอม หรืออะไรไรทั้งสิ้น หนูเป็นคนอาบน้ำนาน มั่นใจว่าอาบน้ำสะอาด แต่พวกเค้าบอกว่ากลิ่นคุ้งไปหมด

นี่เป็นวิบากกรรมชนิดไหนหรอค่ะ ตอนนี้กังวลมาก ไม่รู้มีใครตามมา หรือเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ไม่มั่นใจเลยตอนนี้ ไม่กล้าจะนั่งใกล้ใครเลย
รบกวนชี้แนะหน่อย ว่าควรจะแก้ยังไงดี :'(
ขอบคุณค่ะ

 

อืม....การอาบน้ำนานนั้นไม่ใช่ว่าจะสะอาดนะครับ แต่ต้องทำให้สะอาดให้ทั่วครับ

เกิดจากวิบากกรรมอันใด ????? นั้น ตอบอยากมากเลยนะครับ(อย่าไปคิดเลยนะครับ เพราะเป็น กรรมวิบาก)

เอาเป็นว่า มาสำรวจร่างกายเราดีกว่านะครับ จุดที่ทำให้เกิดกลิ่นนั้น มีตรงไหนบ้าง รักแร้ ปาก หู ผม เสื้อผ้า ที่กล่าวมานี้ทำให้เกิดกลิ่นได้ง่ายมากเลยนะครับ พยายามดูแลให้สะอาดตลอดเวลานะครับ อันนี้ช่วยได้มากเลยนะครับ เพราะร่างกายคนเรามีเหงื่อออกตลอดเวลาอยู่แล้ว แถมประเทศเราอยู่ในเขตร้อนด้วย พอเหงื่อออกมา แล้วมันทำปฏิกิริยาระหว่าง เหงื่อ+ความร้อน+สารเคมีในเหงื่อ+แบคทีเรียที่ชอบความร้อน มันก็เกิดกลิ่นแล้วนะครับ

ต่อมาก็มาเสริมด้วย การเอาธูปหอมบูชาพระรัตนตรัย(พระพุทธรูป พระธรรมและพระสงฆ์) มีตัวอย่างพระอรหันต์รูปหนึ่งในสมัยพุทธกาลท่านระลึกชาติในอดีตกาลได้ว่า

เราได้ถวายธูปในพระสุคตเจ้า และในคณะสงฆ์ผู้ประเสริฐสุดแล้ว ย่อมได้เสวยอานิสงส์ ๑๐ ประการ อันสมควรแก่กรรมของเรา คือ
1. เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยใหญ่ เป็นผู้มีกลิ่นตัวหอมฟุ้ง
2. มียศ
3. มีปัญญาเร็ว
4. มีชื่อเสียง
5. มีปัญญาคมกล้า
6. มีปัญญากว้างขวาง
7. มีปัญญาร่าเริง
8. มีปัญญาลึกซึ้ง
9. มีปัญญาเครื่องแล่นไปไพบูลย์
10. เพราะผลการถวายธูปนั้น บัดนี้ เราเป็นผู้บรรลุนิพพานอันเป็นสันติสุข

 

มีคนบอกหนูว่า กลิ่นตัวเกิดจาก อาหารที่กินเข้าไปด้วยนะคะ เช่นอาหาร ที่มีกลิ่นฉุน พวกนี้คะ เพราะอาหารที่กินจะออกมาพร้อมเหงื่อ ที่ขับออกมาอะคะ
เจ้าของกระทู้ ลองพิจารณาดูนะคะ ว่า กินอะไรบ้าง ที่จะทำให้เกิดกลิ่นได้
ส่วนเรื่องกรรม ท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ คงมาบอกเองละคะ เพราะหนูไม่รุ คะ :boo:

 

ผมก็มีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นตัวแบบนี้เลยครับ กลิ่นคล้ายแม่ชี เด็กอ่อนๆ ซึ่งได้กลิ่นแบบอยู่ใกล้ๆก็ได้กลิ่นนะครับ ผมว่าไม่ใช่เรื่องดวงวิญญาณหรือเจ้ากรรมนายเวรตามอะไรหรอกขอให้สบายใจได้ เพราะทุกวันนี้ที่รู้จักกันผ่านมาเกือบสิบปีก็ไม่มีกรรมใดๆมาทำร้ายผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศนะครับ และโดยส่วนตัวในฐานะเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็ไม่ได้คิดว่าเป็นกลิ่นเหม็นอะไร คุณเองก็ไม่ต้องกังวลหรอกครับ

แต่ถ้ายังไม่มั่นใจอยากให้ผมได้กลิ่นใกล้ๆก็ติดต่อมาได้เลยครับ เต็มใจอยากแรงงงง อิอิ

 

1 อาหารที่เราบริโภค

2 กรรมพันธุ์

3 กรรมเก่า

แก้ไขโ้ดยการดูแลตัวเอง รักษาความสอาด เสื้อผ้า หน้าผมเป็นต้น

 

ถ้ากรรมเก่านะคับ จากพื้นความรู้ตัวเองเกิดจากกรรมที่ริษยานินทา อะไรประมาณนี้แหละ แต่กลิ่นคุณก็ใช่ว่าจะไม่ดีซักหน่อย

 

5555555555 ไม่มีอะไรขอขำหน่อย

อย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่กลิ่นเต่าก็ค่อยยังชั่วนะ

 

ลองปรึกษาคุณหมอด้านผิวหนังดูนะค่ะเผื่อจะได้สบายใจ
โรคกลิ่นตัวเหม็น (Primary Trimethylaminuria)
สัตว์โลกทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ต่าง ก็มีกลิ่นตัวด้วยกันทั้งนั้น และกลิ่นตัวก็เป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์แต่ละชนิด หรือคนแต่ละเชื้อชาติ เช่น สกั๊ง (skunk) มีกลิ่นเฉพาะตัวที่เหม็นรุนแรง ซึ่งกลิ่นนี้ถูกปล่อยออกมาเพื่อใช้ในการป้องกันตัว หมู (pig) ก็ปล่อยสาร pheromone ออกมาเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาผสมพันธุ์ ชะมด (musk) ก็มีกลิ่นตัวเหม็นมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของสัตว์ชนิดนี้ กลิ่นตัวของทั้งคนและสัต์นั้นเกิดจากสารเคมีที่ร่างกายขับออกมาทางเหงื่อ น้ำลาย ลมหายใจและทางปัสสาวะ

สำหรับในคนนั้น บางคนก็มีกลิ่นตัวหอมซึ่งนับว่าโชคดี เป็นที่ปรารถนาของสังคม แต่คนที่โชคร้ายคือคนที่มีกลิ่นตัวไม่สู้จะดีนัก และคนที่โชคร้ายและน่าสงสารที่สุดก็คือคนที่มีกลิ่นตัวเหม็น ซึ่งถ้าเป็นมากก็เรียกว่าเป็น โรคกลิ่นตัวเหม็น หรือ Primary Trimethylaminuria เพราะ คนที่เป็นโรคนี้ นอกจากจะมีกลิ่นตัวเหม็นคล้ายกลิ่นปลาเน่าแล้ว ยังมีลมหายใจที่มีกลิ่นไม่พึงปรารถนาอีกด้วย ดังนั้น คนเหล่านี้จึงเป็นพวกที่ชาวบ้านเรียกว่า เป็นโรคกลิ่นปลาเน่า (Fish-Malodor Syndrome) และคนที่เป็นโรคนี้ก็เป็นคนที่น่าสงสารมาก เพราะจะถูกสังคมรังเกียจ และยังส่งผลกระทบต่อการครองเรือนอีกด้วย ซึ่งบ่อยครั้งบุคคลเหล่านี้จะกลายเป็นคนซึมเศร้าหรืออาจคิดฆ่าตัวตายได้

ยกตัวอย่างเช่น วัยรุ่นสาวอายุ 20 ปี จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีกลิ่นตัวเหม็น เมื่อตอนอายุ 16 ปี และอาการเหม็นก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เคยไปปรึกษาแพทย์ก็ไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไร เพราะถึงแม้ว่าจะผ่าตัดทอนซิลและมดลูกออกไปแล้ว กลิ่นตัวก็ยังเหม็นเหมือนเดิม จึงรู้สึกกลุ้มใจมาก เนื่องจากเป็นที่รังเกียจของสังคมและคนในครอบครัว จากตัวอย่างที่กล่าวนี้จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นโรคกลิ่นตัวเหม็นนั้น จะมีปัญหามากทั้งทางด้านสังคมและจิตใจ และถ้าไม่ได้รับการบำบัดดูแลอย่างถูกวิธีแล้ว ก็อาจจะทำให้คิดสั้น หรือเกิดปัญหาหย่าร้างระหว่างสามีหรือภรรยา และในที่สุดก็อาจคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ โรคกลิ่นตัวเหม็นนั้น มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่อประมาณ 700 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตามหลักวิทยาศาสตร์ในแถบยุโรปมีอุบัติการณ์เกิดโรคนี้ไม่น้อยกว่า 1% และผู้ที่เป็นโรคนี้ มักจะประสบปัญหาดังกล่าวข้างต้นเกือบทุกราย สำหรับในประเทศไทยยังไม่ทราบอุบัติการณ์เกิดโรคนี้แน่นอน แต่ก็มีผู้ที่เป็นโรคนี้มาพบแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ อยู่เรื่อยๆ บางรายแพทย์ต้องให้ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียดและยาแก้ความซึมเศร้าไปรับประทาน ซึ่งยาประเภทนี้นอกจากจะไม่ทำให้อาการของโรคทุเลาลงแล้ว กลิ่นตัวยังจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย ในวงการแพทย์เองก็ยังไม่ทราบว่าจะบำบัดรักษาโรคนี้อย่างไรดี มีคนที่เป็นโรคกลิ่นตัวเหม็นหลายราย ต้องหันไปพึ่งไสยศาสตร์ หมอพระ หมอผี แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

ปัจจุบันทราบว่าอาการกลิ่นตัวเหม็นของผู้ป่วยโรคนี้เกิดจากสารเคมีที่ชื่อว่า TMA (Trimethylamine) ซึ่ง ได้มาจากอาหารบางชนิด สารตัวนี้จะระเหยได้ง่าย มีจุดเดือดเพียง 3 องศา และสามารถส่งกลิ่นแพร่ไปได้ในปริมาณ และความเข้มข้นซึ่งถึงแม้ว่าจะน้อยมาก แต่จมูกของคนเราก็สามารถรับกลิ่นได้ เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป อาหารก็จะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ (Bacteria) ที่มีอยู่มากบริเวณลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ แล้วเปลี่ยนไปเป็น TMA จากนั้น TMA ก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เข้าสู่ร่างกายไปถูกทำลายที่ตับ ในคนปกติตับก็จะใช้เอนไซม์ ชื่อ FMO3 เปลี่ยน TMA ให้เป็น TMA-O ซึ่งละลายน้ำได้ดีและไม่มีกลิ่นเหม็น และถูกกำจัดออกจากร่างกายทาง Body Secretions เช่น เหงื่อ น้ำลาย ปัสสาวะ เป็นต้น ส่วนคนที่เป็นโรคกลิ่นตัวเหม็น FMO3 จะไม่ทำงานหรือทำงานไม่ได้ อันเป็นเหตุมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม TMA ก็จะไม่ถูกทำลาย แล้วมันก็จะถูกขับออกมาทางเหงื่อ และปัสสาวะ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว โรคกลิ่นตัวเหม็นนี้สามารถถ่ายทอดสู่ลูกหลานได้ ทางพันธุกรรมโดยวิธี autosomal recessive transmission

สำหรับการบำบัดและดูแลรักษาโรคกลิ่นตัวเหม็นนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ GENE THERAPY โดยขบวนการตัดต่อยีนส์ แล้วนำ FMO3 GENE ที่ตัดต่อได้ใส่เข้าไปในผู้ป่วย แต่ในขณะนี้เทคนิคหรือวิธีการนี้เพิ่งจะได้รับการพัฒนา ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็น่าจะนำมาใช้ในการรักษาโรคผู้ป่วยกลิ่นตัวเหม็นได้ สำหรับการบำบัดรักษาในขณะนี้ทำได้ 3 วิธี คือ
<table border="0" width="580"> <tbody><tr> <td width="19">
</td> <td valign="top" width="15">

1.​

</td> <td width="540">ควบคุมอาหารโดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแหล่งของ TMA เช่น ไข่แดง ตับ ถั่ว เนื้อสัตว์ สะตอ และทุเรียน เป็นต้น</td> </tr> <tr> <td>
</td> <td valign="top">

2.​

</td> <td width="540">ใช้ยา Flagyl (Metronidazole) และ Yakult หรือนมเปรี้ยว โดยรับประทาน Flagyl ขนาด 250 มก. วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และรับประทาน Yakult วันละ 2 ขวด เช้าและเย็น ซึ่งจะสามารถช่วยให้กลิ่นตัวเหม็นทุเลาลงได้ แต่ยังไม่หายขาด ต้องรับประทานเป็นช่วงๆ ตามความจำเป็น</td> </tr> <tr> <td>
</td> <td valign="top">

3.​

</td> <td width="540">ใช้ Copper Chlorophyllin ในขนาด 180 มก. ต่อวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นพบว่า สามารถลดอาการเหม็นของกลิ่นตัวได้ไม่น้อยกว่า 7 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ยังไม่มีขายในประเทศไทย มันเป็นอาหารเสริมที่วางขายอยู่ทั่วไปในยุโรปและสหรัฐอเมริกา</td> </tr> </tbody></table> กล่าวโดยสรุป โรคกลิ่นตัวเหม็น เป็น โรคทางพันธุกรรม (genetic disease) เกิดจากการที่ร่างกายของคนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง TMA ให้เป็น TMA-O ได้ ดังนั้น TMA จึงถูกขับออกมาจากร่างกายทุกๆ ทาง เช่น น้ำลาย เหงื่อ และปัสสาวะ เป็นต้น ส่วนการดูแลรักษานั้น ในขั้นต้นก็ต้องดูแลเรื่องสุขอนามัยของตนเองให้ดี ควบคุมอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง นม ถั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องพยายามหลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียด ซึ่งจะทำให้กลิ่นตัวของผู้ป่วยโรคนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะยาประเภทนี้จะไปยับยั้งการทำงานของ FMO3 ซึ่งการทำงานของมันในผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว

แหล่งข้อมูล www.ramaclinic.com

<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="760" height="556"><tbody><tr><td bgcolor="#fffef2" width="20">
</td> <td bgcolor="#fffef2" width="580" height="30">
</td> <td bgcolor="#fffef2" width="20">
</td> </tr> <tr> <td width="135">
</td> <td bgcolor="#fffef2" width="20">
</td> <td bgcolor="#fffef2" width="580" height="30">
</td></tr></tbody></table>

 

ขอบคุณทุกความเห็นนะค่ะ
คือกลิ่นไม่ได้เป็นแบบ กลิ่นเต่านะค่ะ เหมือนคนทั่วๆไปไม่ได้กลิ่น ถามคนอื่นเค้าก็ว่าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย

พี่ที่ทักว่าเหมือนแม่ชี แกบอกว่าดี ไม่เป็นไร แต่อีกคนบอกว่าได้กลิ่นแล้วเวียนหัว 2คนที่ว่าเหมือนโรงพยาบาล บอกไม่ชอบเลยอะค่ะ เหม็นว่างั้น

มีโอกาสเป็นจากขมิ้นได้ไหมค่ะ เพราะเมื่อก่อนกินประจำ แต่หลังจากมีคนทัก เลยเลิกกินไป ก็ยังทักอยู่เหมือนเดิม
โยเกริต นมเปรี้ยว เรากินอยู่ค่ะ เยอะมาก กินมานานแล้วอะค่ะ
ส่วนอาหาร เราก็ไม่ได้กินเนื้อมาก หมูไม่กิน ไก่มีบ้าง ส่วนมากจะกินกุ้ง ไม่อ้วน ออกจะแห้งไปด้วยค่ะ

งงเลย สงสัยต้องกินมังสวิรัติดูแล้ว แต่กลัวจะผอมไปมากกว่านี้

* แก้คำผิดค่ะ

 

ตกลงเป็นกลิ่นอะไรกันแน่ ครับ....

เพราะเรื่องกลิ่นกายเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อาหารที่กินเข้าไป เหงื่อที่ไปออกกำลังกาย เสื้อผ้าของเราอาจจะอับชื้น หรือน้ำหอมที่ผสมกับกลิ่นกาย

แต่กลิ่นกายจริงๆ ต้องหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆก่อนนอน น่ะครับ จึงจะวัดตัดสินได้

กลิ่นกายที่ติดมาจากกำเนิด บอกภพภูมิของเจ้าของกายได้ ครับ....เรื่องจริง

 

ครับ
ทานอาหารมังฯ ได้ก็ดีนะครับ
ส่วนผักฉุนที่ทำให้เกิดกลิ่นมี ๕ อย่าง คือ
กระเทียม หัวหอม(ต้นหอม) ใบกุ้ยฉ่าย(ที่กินกับผัดไทย) กระเทียมโทนและใบยาสูบ(ท่านคงไม่สูบอยู่แล้ว)
ลองเลี่ยงดูนะครับ จะดีมากเลยนะครับ

ปล.ที่ท่านบอกทานอาหารมังฯ จะผอมนั้น ไม่จริงครับ ผมทานอาหารเจ(เช้า เที่ยงและเย็น)มา ๑๐ กว่าๆปี ไม่ผอมเลยอ่าครับ หุ่นดีมากเลยอ่าครับ และที่สำคัญโรคประจำผมที่ผมเป็นอยู่นั้น ไม่ค่อยเกิดเลยนะครับ

 

คือเราไม่ได้กลิ่น ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไงอะค่ะ
วันนี้พี่เค้ามาทักอีกแล้วอะ บอกว่ากลิ่นเด็กฟุ้งไปหมด เดินตามกลิ่มมา เจอต้นตอคือเรา :'( เค้าว่า เหมือนเด็กแรกเกิดอะค่ะ คาวๆ -*- ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง

แต่อยากรู้เรื่อง "กลิ่นกายที่ติดมาจากกำเนิด" จังค่ะ ว่างๆรบกวนเล่าสู่กันฟังหน่อยนะค่ะ

เดี๋ยวจะลองกินมังสวิรัติดูค่ะ เผื่อจะดีขึ้น

 

หืม
ปล่อยเค้าทักไปเหอะค่ะ

กลิ่นเด็กกลิ่นแม่ชีงี้ฟังดูดีออกค่ะ เหมือนคนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เห็นต้องเครียดเลย

ดีกว่าข้าพเจ้าตั้งแยะ ตอนเด็กไม่ยอมอาบน้ำแม่ว่า เหม็นกลิ่นโคลนสาบควาย
น้าก็ชอบว่า สาบควาย

พออยู่โรงเรียน เผลอทำไรโง่ๆ เพื่อนก็ว่า สาบควายโว้ย อันนี้น่ากังวลกว่าอีกนะ

 

555555555+++++

ราคุเรียวซาย มาปล่อยฮา 55555+++

ที่นี่เอง 5555555+++++

 

สบู่ที่คุณใช้อ่ะ ยี่ห้ออะไร กลิ่นอะไร น่าจะเป็นต้นเหตุส่วนหนึ่ง แล้วคุณอ้วนหรือเปล่า คนอ้วนส่วนมากจะตัวเหม็๋น

 

กลิ่นหอมดีแล้วค่ะ อย่าไปกังวลเลย (ถ้าเป็นกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ต้องเริ่มเสาะหาลูกกลิ้งมาทาบ้าง) กลิ่นหอม อาจเป็นเทวดามาตามรักษาตัวก็เป็นได้ หรือไม่ก็เกิดจากบุพกรรมอันดีงามเมื่อครั้นอดีตที่คุณได้เคยกระทำไว้ค่ะ

 

กลิ่นกายที่ติดมาตั้งแต่กำเนิด เป็นเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อน

เล่าให้ฟังพอไหว แต่อย่าให้ถึงกับไปพิสูจน์เลย น่ะครับ

เดี๋ยวพอดีพอร้าย เจ้าของกายที่เป็นเจ้าของกลิ่น จะเข้าใจผิด ลุกลามกันไปใหญ่......อิอิอิอิอิ

 

เข้าห้องไหนได้รอยยิ้มห้องนั้นเลยนะค่ะ อิอิ

ว่าแต่กลิ่นแม่ชีนี่เป็นยังไงค่ะ

 

ขอบคุณทุกกำลังใจนะค่ะ

ไม่รู้เหมือนกันว่ากลิ่มแม่ชี้เป็นยังไง ตอนแกไปนั่งสมาธิ มีแม่ชีอยู่ด้วย แกว่าได้กลิ่นแบบนี้อะค่ะ

 

ผมคือคนที่น้องบอกครับ คือกลิ่นมันเป็นอย่างนี้ครับ :boo:
กลิ่นมันจะออกคาวๆ เหมือนขวดนมเด็กที่ไม่ได้ล้างอ่ะครับ
บางวันกลิ่นก็จะเหมือนกลิ่นยาในโรงพยาบาล

ปล.ผู้หญิงทำไมเข้าใจยาก....คิดมาก...ฟุ้งซ่าน...
จะคิดมากอะไรถึงกับต้องมาตั้งกระทู้กันเลยเชียว...
กลิ่นสาปมนุษย์ ก็อย่างนี้แหละ...

ในสมัยพุทธกาล เวลาเทวดาลงมาเมืองมนุษย์ก็ต่อเมื่อจะมาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อทูล
ถามปัญหา ซึ่งธรรมดาเขาไม่มา มีพระอรหันต์ถามเทวดาว่า ทำไมไม่อยากมาเที่ยว
เมืองมนุษย์หรือ โธ่ ก็กลิ่นมนุษย์เหม็นสาบมาก เพราะธาตุในตัวมนุษย์ไม่บริสุทธิ์
เทวดาได้กลิ่นสาบมนุษย์เหมือนกลิ่นหมาเน่า เขาจนใจมาเพื่อจะฟังธรรม กลิ่นพระ
พุทธเจ้า กลิ่นพระอรหันต์หอมพอกลบกลิ่นสาบมนุษย์ได้

อย่างไรก็ตาม เวลาเขามาพื้นดินเมืองมนุษย์ มาฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ เทวดาทั้งหลาย
ไม่อยากนั่ง ยืนหมด พนมมือฟัง ทันทีที่พระพุทธเจ้าเทศน์จบ เทวดาก็เผ่นพรวด ไม่
ยอมอยู่ กลิ่นสาปมนุษย์เหม็นเหมือนกลิ่นหมาเน่า ธาตุในตัวมนุษย์ไม่บริสุทธิ์