ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ฝรั่งไม่สามารถพัฒนาทางจิตได้อย่างก้าวหน้าเหมือนประเทศเอเซีย พวกเขาจึงเหมาเอาทุกสิ่งทุกอย่างคือพระเจ้าไปหมด นับถือ แบบไม่เข้าใจ บางส่วนก็ งมงาย ไปเลย และทำก็ในสิ่งที่ผิดพลาดร้ายแรง

ชาวพุทธ ก้าวหน้าทางจิต มากที่สุดในโลก และในจักรวาล รู้ว่าอะไร เป็นอะไร เราจึงสามารถแปลความสิ่งที่ฝรั่งคิดว่าเป็นพระเจ้า ออกเป็นพระธรรม ซึ่งอยู่บนหลักการของเหตุ และผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฏแห่งกรรม ภพภูมิ มรรคมีองค์ ๘ คือเส้นทางสู่นิพพาน ก็คือความเป็นพระเจ้าอย่างที่ฝรั่งนับถือ แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมาย เลยไม่เคยปฏิบัติทางจิตวิญญาณ ก็เลยไม่ถึงความเปนพระเจ้าสักที ร้ายแรงกว่านี้ พวก บาทหลวง ร้าย ๆ ก็มาคอยบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาด้วยเล่ห์อุบายต่าง ๆ เพราะเมื่อใดที่ชาวฝรั่งเริ่มมีปัญญา หันมานักถือพุทธ กันมากขึ้น บาทหลวง ก็จะยากจนลง และสูญเสียสถานภาพผู้นำทางสังคมไป

 

เราจะใช้อะไรมาพิสูจน์คำพูดนี้ครับ ว่ามันเป็นจริงตามนั้น
เพราะว่าเรารู้จักแต่คนรอบๆ บริเวณรอบๆ และสิ่งรอบๆตัวเราเท่านั้น

เราไม่รู้จักฟรั่งจริงๆถึง 10 คนด้วยซ้ำไป
และเราก็ไม่ได้รู้จักสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นเลยแม้แต่ดวงเดียว
เพราะฉะนั้น คำพูดที่ว่า "ที่สุดในจักรวาล" ก็คงยากที่จะพิสูจน์
หากไม่ยกข้อความ ที่ดูเหมือนว่าจะมีในตำรามาพูดหนะนะครับ

คนที่ไม่เข้าใจเรื่องพระเจ้าหนะ เห็นได้ชัดว่าคือ "เราเอง"
ไม่ใช้พวกเขาหรอกครับ เพราะภาพลักษณ์ของพระเจ้า
ในความเข้าใจ "ของเรา" ยังไม่ใกล้กับที่พวกเขากล่าวถึงเลยด้วยซ้ำไป

ปล. "พวกเขา" ในที่นี้ หมายถึงตามนัยยะของกระทู้นี้นะครับ
............................................

 

เห็นด้วยกับคุณชยุตค่ะ คุณอภิญญาลองเปิดใจให้กว้างแล้วจะมีความรู้อะไรดีๆเข้ามาอีกเยอะ อย่าเพิ่งตัดสิน อย่าด่วนเปรียบเทียบ

 

อย่าด่วนสรุป เพราะไม่มีอะไรที่เรารู้จริงแท้แน่นอน ถ้ายังอยู่แบบโลกๆ แบบนี้ที่เป็นอยู่

 

พระเจ้าของศาสนาคริส คือ จิตแห่งพุทธะหรือจิตที่ประภัสสรที่อยู่ในทุกสรรพสิ่ง
จะเข้าสู่อาณาจักรแห่งพระเจ้าได้ จะต้องมีความรักและปราถนาดีต่อทุกสรรพสิ่งหรือ เมตตาอัปประมัญญา แล้วจะเห็นอาจารจักรของพระเจ้า หรือ อนุตรธรรม หรือ นิพพานธรรม ในพุทธเกษตร ในทุกสิ่ง
พระเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหน คือ จิตพุทธะ หรือจิตเดิมแท้ของพวกเรานั้นเอง

 

โอ้..ขอกราบอนุโมทนาสาธุกับข้อความนี้อย่างสูง และอย่างจริงใจครับ

เพราะว่าเป็นคำพูดที่ชัดเป๊ะ และแจ่มแจ้งทุกอย่าง
ซึ่งในความหมายของรูปธรรมต่างมิติทั้งหลายที่พร่ำบอกมา
และสื่อสารมาตลอด ก็คือความนี้แหละครับ

มันเป็นสิ่งที่พวกเราทีมแปลเอง ก็พยายามที่จะสื่อสารต่อในความหมายนี้มาโดยตลอด

แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นหละครับ คำศัพท์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา
ท่านผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์พระพุทธเจ้า พระนิพพาน และพระธรรมทั้งหลาย
ก็มักจะออกมาด่ากัน..หรืออย่างน้อยก็..อะไรทำนองนั้น..

โมทนาอีกครั้งครับ
......................................................

 

เห็นด้วยค่ะ มองความหมายของคำว่า พระเจ้าให้ลึกซึ้งกว่านี้ อย่ามองแค่ผิวเผินว่าพระเจ้าหมายถึงบุคคลตัวตนเท่านั้น

 

ในสภาวะที่หยุดนิ่ง เป็นสภาวะที่จิตนิ่ง และจิตอยู่ในทุกอณุของทุกสรรพสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล เป็นแหล่งพลังงานรวม แต่ในความนิ่งยังมีสภาวะที่หมุนเวียนอยู่ซ้อนอยู่ พระพุทธองค์บอกสภาวะนี้ว่า ไม่ไป ไม่มา , ไม่ขึ้น ไม่ลง , ไม่เกิด ไม่ดับ , ไม่สว่าง ไม่มืด เป็นสภาวะพ้นซึ่งธรรมคู่ . ว่างแต่ไม่ว่าง เป็นสภาวะที่เหนือ บุญ เหนือบาป เนื่องจากจิตเราคือทุกสิ่ง แทรกอยู่ในทุกอณู จึงไม่ตัดสินในว่า สุข ทุกข์ ดี ไม่ดี มีแต่ความสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่สร้างสรรค์ตลอดเวลา เป็นสภาวะที่เหนือกาลเวลา
--- กายเนื้อ เมื่ออยู่ในโลก ใต้พระอาทิตย์ จึงเห็นการเปลี่ยนแปลง จึงมีเวลา
--- จิต นั้นจะมีสภาพเห็นแบบนี้ กว้างขวาง สว่าง สดใส และจะพัฒนา ไปเห็นสภาวะที่ไม่มีเวลา นิ่งสงบ แต่เห็นทุกสิ่ง
-----------------------------------------------------------------------
เคล็ดลับ: ชื่อว่า วิชาเชื่อมจิต หรือ สอนธรรมจากจิตสู่จิต สภาธรรมจะพัฒนาไปเร็วมาก
Noted. คนไหนที่มีจิตสัมผัส ลองสัมผัสจิตผมดูนะครับ เปิดให้สัมผัสดูตลอดเวลา โดยให้ทำความรู้สึกแบบนี้
1 มีความรู้สึกว่า จิตตนเอง กับจิต คุณ จิตอิสสระ เป็นหนึ่งเดียวกัน
2 คิดถึง คุณจิตอิสสระ
3 สังเกตุอารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง

สนใจเทคนิควิชาเชื่อมจิต ติดต่อได้ที่ 082-1433013 . ตอนนี้สอนฟรีนะครับ กำลังเก็บข้อมูลทำวิจัยอยู่

 

ขอกราบอนุโมทนาสาธุอีกครั้งหนึ่งครับ
ผมได้อ่านข้อความของคุณจิตอิสระทีไร
ผมรู้สึกจิตใจเบิกบานอยู่ลึกๆภายใน

มันเหมือนปราศจากความหน่วงของกรอบใดๆ
เหมือนรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวา หรือกระปรี้กระเปร่า
อะไรแบบนั้น บางอย่าง ซ่อนอยู่ภายใน
และกระตุ้นการเต้นของหัวใจเราให้คล้อยตามไปด้วย

มันรู้สึกเบาๆ ลอยๆ รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ รู้สึกสบายๆ

ใจจริงแล้วผมเองก็อยากจะมีโอกาสได้ศึกษา
แนววิชาเชื่อมจิตนี้เหมือนกันหละครับ
เพราะรู้สึกว่าเป็นแนวของตัวเองด้วยเหมือนกัน

แต่ไม่รู้จะไปเรียนได้อย่างไร เพราะอยู่ต่างประเทศหนะครับ
ยังไงขอรบกวนทิ้งคำแนะนำไว้ใน PM ให้ผมสักหน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
................................................

 

ข้อความจากจิตเอกภพ ( จิตผมเองครับ )
> ขอให้เธอทั้งหลายจงวางความคิด ความเชื่อทั้งหลายเสีย โดยวิธีการเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ หรือ สิ่งที่ได้ยินมา เป็นความรู้อย่างนี้ แม้ กระทู้นี้ข้อความจากต่างมิติ เป็นความรู้อย่างหนึง
(พวกเธอจะสามารถสังเกตุเห็นว่า เมื่อไหร่ที่พวกเธอเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก ความสงสัย ทั้งหลาย เป็นความรู้แล้ว จิตเนื้อในอันบริสุทธิ์ของพวกเธอจะไม่เข้าไปตัดสินใจทั้งสิ้น และพวกเธอจะตระหนักชัดหรือได้เห็นธรรมชาติอันบริสุทธิ้ที่ไม่เข้าไปตัดสินใจ อะไรเลย นิ่ง บริสุทธ์ )
> ขอย้ำดังที่กล่าวมาแล้วว่า พวกเธอเป็นจิตวิญญาณอันบริสุทธิอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในพุทธเกษตร ทุกอะตอม ทุกเซล ในร่างกายของพวกเธอ และสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเธอ เช่นอะตอมของ จาน ชาม ช้อน ถนน โทรศัพธ์ และอื่นๆมากมาย ล้วนเป็นดวงจิตอันประภัสสร เพียงแค่รอการพัฒนาขึ้นเท่านั้น เธอจงมอบความรักให้แก่ตัวเธอเอง และสิ่งรอบๆตัวเธอ และทั้งเอกภพให้ได้ตระหนักชัดถึงความรักของเธอ และเมื่อนั้นเธอจักได้รับการตอบรับจากทั้งหลายเหล่านั้น
> เธอเป็นจิตอันประภัสสร ในขณะนี้ เดี่ยวนี้เธออาสาเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่บางอย่าง เพื่อเรียนรู้ ความคิด ความรู้สึก และความอุดมสมบูรณ์ของมนุษย์ พร้อมทั้งพัฒนาจิตวิญญาณของพวกเธอเพื่อให้เข้าถึงความเป็นหนึ่งกับเอกภพ เมื่อเธอพร้อมที่จะเรียนรู้ และถึงจุดนั้นเธอจะเข้าใจทุกสรรพสิ่ง และกลับไปสู่ที่ๆเธอจากมา
> ขอบอกเธอว่า จักรวาลและเอกภพที่ให้กำเนิดเธอนั้น มอบความรัก ความอบอุ่น ความมั่งคั่ง สมบูรณ์ ให้ตัวเธอเสมอ และตลอดเวลา ขอให้เธอตระหนักชัดในสิ่งนั้น และเธอจะเห็นว่าเธอนั้นเป็นคนพิเศษของเอกภพ และจักรวาล
> เธอจงมองสิ่งที่กระทบตัวเธอ ให้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ในร่างกายมนุษย์ เธอจงนิ่ง สงบ และเข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์ตรงนี้ แล้วเธอจะเห็นว่า ความคิด ความรู้สึกนั้น แค่เป็นเพียง สายลม หรือ แสงแดด ที่มากระทบเธอชั่วครู่แล้วหายไป ซึงมั่นมีลัษณะธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง สมดังองค์พระพุทธองค์กล่าวว่า ตถาคตา มันเป็นเช่นนั้นเอง หรือ เป็นธรรมชาติของมันที่มีอยู่แล้ว แล้วเธอไปเห็นมันเข้า


-------------------------------------------------------------------

 

อนุโมนาคะ







...................................................................................

ขอเชิญร่วมลงนะมหาสิทธิโชคสิทธิมงคลขจัดภัยกับ ครูบาคำเป็ง
Click ลงนะมหาสิทธิโชคสิทธิมงคลขจัดภัยกับ หลวงปู่ครูบาคำเป็ง รับปีใหม่ 2554<!-- google_ad_section_end --> ​

 

โมทนาครับ ข้อความของคุณจิตอิสระมีความหมายอย่างยิ่งครับ
ส่วนตัวรู้สึกว่าทุกอย่างที่ดูเสมือนมีว่าการเปลื่ยนแปลงนี้ (บนโลกใบนี้หรือในห้วงจักรวาลก็ตาม) ล้วนมีต้นกำเนิดจากพลังงานหนึ่งเดียวกันทั้งสิ้นนะครับ ไม่ว่าเราจะมองว่าพลังงานต้นกำเนิดนั้นเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่เราสัมผัส-รู้สึก-เข้าใจไปตามจินตนาการและความคุ้นเคย เนื่องจาก ความเชื่อ กับ ธรรมชาติความเป็นจริง มันมีขอบข่าย มีขีดจำกัด ตามการจดจ่อและการเอาใจใส่น่ะครับ

การเคลื่อนไหวแรกเริ่มของ "พลังงานต้นกำเนิด" นั้นเป็นเหตุการณ์หลักที่สร้างสรรค์ และก็เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดช่องว่างและกาลเวลาตามมา เหตุการณ์ต่างๆก็ถูกฉายแสงปรากฎขึ้นมาให้เราสังเกตุเห็นในมิติต่างๆ เป็น ก้อนเมฆ-กลุ่มแก๊ส เป็นอดีต-อนาคต เป็นอารยธรรม และเป็นสารพัด ฯลฯ

ส่วนเราจะขนานนามพลังงานนี้ว่าอะไรก็ว่ากันไปตามภาษามนุษย์ล่ะครับ..
พระเจ้า God พระบิดา-พระมารดา จิตต้นธาตุ .....ฯ
เราทุกคนก็ล้วนเป็นประกายแสงแห่งพลังงานอันน่าทึ่งนี้ด้วยกันทั้งสิ้น
พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสอยู่บ่อยๆ ให้หมั่นแสวงหาสัจธรรม สร้างสรรค์ปัญญา
สู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกสรรพสิ่ง "โลกคือเรา และเราคือโลก"

การเปลื่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ ก็เป็นหนทางแห่งแสงสว่างเช่นกัน
ดังนั้นการอ่านข้อความจากกระทู้ต่างมิติฯนี้ ก็เป็นการแสวงหาความรู้อีกช่องทางหนึ่ง
จะเกิดประโยชน์ต่อผู้อ่านมากน้อยเพียงใด ก็พิจารณาจากสาระกันได้เต็มที่ ไม่ต้องไปตัดสินอะไรให้ปวกหมองเลยนะครับ ส่วนจะเป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่ มันมีคำตอบรออยู่ในอนาคตเรียบร้อยแล้วล่ะครับ

เป็นแสงแดดอันอบอุ่น เป็นสายลมที่นุ่มนวล เป็นสายน้ำที่ชุ่มเย็น
เมื่อเป็นได้อย่างที่จิตปรารถนา เราจะเป็นอิสระ...
นานๆเข้ามาทีครับ ...*-*

http://www.thaiplastic.co.th/ecard/CheerfulLeafbirdCard.html

 

วันนี้ย่องไปอ่านข้อความของคุณไมค์ ควินซี่มานิดหน่อย
แปลผ่าน Google และอ่านคร่าวๆดูว่าภาระกิจและแผนการณ์ของเค้าไปถึงไหนแล้ว (ของท่าน SaLuSa น่ะครับ)


ดูเหมือนใกล้ถึงเวลาที่เรารอคอยแล้วก็ได้นะครับ

เค้าบอกว่า เมื่อมีการสื่อสารระหว่างกันแต่มีผู้คนจำนวนน้อยมันก็ยากที่จะเผยแพร่ความจริง เค้าต้องการจะเปิดเผยและพูดจากับเราโดยตรงในรูปแบบที่เราไม่อาจคาดคิด เพื่อช่วยปลุกจิตวิญญาณในตัวมนุษย์ ซึ่งกลุ่มของเค้าก็ใกล้จะถึงความพร้อมแล้ว (ในการเปิดเผยตัว)

ปลายปีนี้จนถึง 2011 ก็น่าจับตามองเป็นพิเศษครับ


ในส่วนอื่นๆก็พูดถึงพลังงานกระแสใหม่ที่กำลังถูกวางรากฐานลงไป พลังงานรอบๆตัวเราทุกๆสิ่งจะสั่นสะเทือนอย่างสันติและอ่อนโยน เพื่อให้ทุกคนอยู่ในความสามัคคีด้วย

Stargate ก็ถูกดูแลเป็นอย่างดี เค้าคอยป้องกัน และไม่อนุญาติให้ฝ่ายใดๆที่ไม่หวังดีหรือไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามารบกวนดาวเคราะห์โลกแม้แต่นิดเดียว
จริงๆก็มีอะไรให้อ่านอีกมาก แต่แปลไม่หมดครับ ได้แต่เก็บตกสาระมาเล็กๆน้อยๆมาฝากเท่านั้นครับ

 

Update
วันนี้ได้รับแนวคำสอนจากอาจารย์พระโพธิสัตว์มา จึงนำมาเผ่ยแพร่ เน้นในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน

องค์ความรู้แรก : ในชีวิตประจำวัน ไม่ตัดสินใจในสิ่งทั้งปวง เปลี่ยนทุกอย่างเป็นประสบการณ์และความรู้

องค์ความรู้ที่สอง : เข้าใจว่าเนื้อแท้ของจิตเรานั้นประภัสสร ใส่อะไร ย่อมเป็นเช่นนั้น และ เนื้อแท้ของจิตเขาประภัสสรอยู่ในตัว ในการดำเนินชีวิตให้มีความคิดสร้างสรรค์ และความรู้สึกดี และความรู้สึกสร้างสร้างหรือแง่บวกตลอดเวลา

องค์ความรู้ที่สาม : ในการดำเนินชีวิตให้มีความคิด และความรู้สึกเสมอว่าเราเป็นคนที่มีความมั่งคั่ง สมบูรณ์ ร่ำรวยสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา และมีทุกอย่างบริบูรณ์อยู่แล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------

 

อ่านข้อความของคุณแล้ว รู้สึกปลอดโปร่งมีอิสระในจิตวิญญาณ แต่รักษาอารมณืไว้ได้ไม่นาน นี่ืคือสิ่งที่ปรารถนาคือมีจิตอิสระอยู่เหนือ ความครอบงำจากสิ่งทั้งปวง

 

อนุโมทนากับความคิดเห็นดีๆและมีประโยชน์ของหลายๆท่านค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆ

 

พลังความรักอันยิ่งใหญ่ : พลังแห่งการเกิดขึ้น+พลังแห่งการขอบคุณ​

ขอขอบคุณในสิ่งที่ได้อ่าน และพานพบ
ขอขอบคุณทุกประสบการณ์ที่เข้ามาให้เรียนรู้
ขอขอบคุณทุกองค์ความรู้ที่ผ่านมาให้สัมผัส
ขอขอบคุณพระพุทธองค์ที่ทรงชี้ทาง ตถาคตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
ขอขอบคุณพระเยชูที่บอกว่าความรักจากใจที่บริสุทธิ์เชื่อมและสร้างสรรค์ได้ทุกสรรพสิ่ง
ขอขอบคุณที่ได้เกิดมาในโลกนี้ ให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์การเป็นมนุษย์
ขอขอบคุณ ครูบาและอาจารย์ที่ได้ชี้นำทางแห่งแสงสว่าง
ขอขอบคุณทุกๆความเชื่อที่ทำให้ได้ความรู้ในการก้าวข้ามความเชื่อต่างๆ
ขอขอบคุณทุกๆความเห็นที่แตกต่างทำให้เรามองโลกได้หลายมุม
ขอขอบคุณจักรวาลที่ได้มอบความรัก ความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งผ่านตัวผมและส่งผ่านไปหาผู้คนที่อยู่รอบข้างผมอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา
ขอขอบคุณเวปพลังจิตที่ได้ให้สถานที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ
ขอขอบคุณงานทุกชิ้นทีผ่านเข้ามาให้ได้ทำ และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ
ขอขอบคุณเงินทุกบาท เหรียญทุกเหรียญ และแบงค์ทุกใบที่ได้ผ่านเข้ามาให้ผมได้มีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยน และแบ่งปันความสุข
ขอขอบคุณทุกๆเซลที่อยู่ในร่างกาย ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและขยันขันแข็ง
ขอขอบคุณทุกประสบการณ์ที่เข้ามาให้ได้เรียนรู้และพัฒนาจิตวิญญาณจนเป็นหนึ่งกับเอกภพหรือแหล่งกำเนิดพลังงานจักรวาลใหญ่
และขอขอบคุณ จขกท ที่ได้ตั้งกระทู้นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการไม่ตัดสินใจในทุกสิ่ง เข้าใจในทุกสิ่ง รักในทุกสิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกัน ร้อยรักดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพือสร้างสรรพจักรวาลของเราทั้งหลายให้มีแต่ความสร้างสรรค์ เบิกบาน

ขออำนวยพรให้ผู้ที่มีจิตศรัทธา เชื่อมั่น คิดดี พูดดี ทำดีอยู่ทุกขณะจิต จนประสบพบแต่สิ่งดีอยู่ทุกขณะ

 

พลังแห่งความจริงอันยิ่งใหญ่ : พลังแห่งการกระทำ​

ทุกอย่างตรงไปตรงมา
ไม่มีอะไร
เป็นเช่นนั้นเอง​

ACTION = RE-ACTION
ใส่อะไร (จิต) ออกมาเป็นเช่นนั้น ​

จักรวาลได้มอบโอกาสและอิสระในการใส่ให้แก่ท่านแล้ว
ดังนั้น ท่านเป็นผู้เลือกสิ่งที่จะใส่เองครับ
เรามาออกแบบจิตเราให้สร้างสรรค์เพื่อโลกและจักรวาลอันสวยงามของเราเถอะครับ
NOW

( คิดและรู้สึกเช่นไร ย่อมเป็นเช่นนั้น )​

 

เห็นด้วยกับข้างบนทุกประการค่ะ
เราสร้างจักวาลของเราได้เอง
แต่บางทีอย่าเผื่อใส่หรือปรุงแต่งจิตมากไปจนหลงทาง

 

ใส่ความว่างลงไปในจิต กลายเป็นจิตว่าง
ใส่ความโกรธลงไปในจิต กลายเป็นจิตโกรธ
ใส่ความเมตตาลงไปในจิต กลายเป็นจิตเมตตา
ใส่ความกว้างใหญ่ไพศาลลงไปในจิต กลายเป็นจิตกว้างใหญ่ไพศาล
ใส่ความคับแคบกลายเป็นจิตคับแคบ
ไม่ใส่อะไรเลย กลายเป็นจิตไม่มีอะไร
ดังนั้นจึงควรใส่สิ่งที่เป็นกุศล ใส่ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณฺ ความสร้างสรรค์ลงไปในจิตเรา และให้พลังงานไหลผ่านตัวเราและแผ่ไปให้บุคคลอื่นรอบๆตัวเรา และสิ่งของทุกชิ้นที่อยู่รอบตัวเรา จะทำให้โลกเราและตัวเรามีแต่ความรัก ความเบิกบาน