ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คุณประโยชน์ของเครื่องเล่น MP3

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Kongp<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2878350", true); </SCRIPT> สมาชิก

    โดยปกติแล้ว ชีวิตประจำวัน ผมจะออกข้างนอกเสียส่วนใหญ่ครับ ผมมักจะติดเครื่องเล่น MP3 อยู่เป็นประจำ และเครื่องเล่น MP3 ถือว่า เป็นสิ่งๆหนึ่ง ที่จำเป็นมาก ที่น่าจะรวมไว้กับเป้ฉุกเฉิน หรือพกพาติดตัวตลอดเวลา เพื่ออัพเดทข่าวสาร ทางวิทยุ เช่น ช่องที่ผมฟังบ่อยที่สุด คือ จส.100 และ ลูกทุ่ง FM

    ปัจจุบันนี้เครื่องเล่น MP3 ส่วนใหญ่มีแต่แบบชาร์จไฟในตัว (แบตลิเธียม) และด้วยพฤติกรรม ชอบกดนั่นกดนี่ตลอดเวลา ผลที่ตามมาคือแบตหมดเร็ว ปัญหาแบตหมดเร็ว เกิดขึ้นจากการกดบ่อยๆ และการแสดงผลเป็นจอสี ทำให้เปลืองแบตมาก เมื่อใช้ไปนานๆ เข้า แบตก็เสื่อมไปตามกาลเวลาครับ

    ตอนนี้ ผมหารุ่นที่เป็นถ่าน AAA ได้แล้ว ยี่ห้อ CUBE ครับ แถมจอแสดงผล เป็นขาวดำด้วย นี่ล่ะสิ่งที่ผมต้องการ เพราะแบบใช้ถ่าน AAA หาได้ยากเต็มที วันนี้มาทดสอบ พฤติกรรมกดบ่อยๆ เหมือนเดิม แถมใช้ถ่านรุ่นที่ดีๆ หน่อย อย่าง Panasonic Evota ฟังตลอดเกือบทั้งวัน แบตเตอรี่ที่หน้าจอ ยังไม่ลดเลยครับ

    อีกทั้ง ถ่าน AAA ก็หาได้ง่ายกว่า หมดเมื่อไหร่ ก็สามารถหาซื้อได้ ไม่เหมือนแบบชาร์จในตัว ที่ต้องมานั่งหาปลั๊กไฟ หรือกลับบ้านเท่านั้น ถึงจะชาร์จได้ครับ เวลาซื้อ ต้องดูว่ามีวิทยุ FM ไหม และใช้แบตเตอรี่อะไรครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    21-01-2010, 02:18 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ.51726/page-77

    หมายเหตุ

    วันนี้ผมได้ไปซื้อเครื่องเล่น MP3 มา 1 เครื่องเป็นแบบใช้ถ่าน AAA เพียงหนึ่งก้อน และสามารถรับวิทยุภาค FM ได้ด้วย ราคา 790.-บาทครับ

    ผมกะเอาไว้ว่าจะโหลดเสียงสวดมนต์เอาไว้สวดตามครับ ตอนนี้ก็โหลดเสียงสวดคาถาเงินล้านเอาไว้ในเครื่องเล่น MP3 เรียบร้อยแล้วครับ เศรษฐกิจโลกตอนนี้มีแต่จะทรุดตัวลงไปเรื่อยๆ ต้องรีบสวดคาถาเงินล้านกันครับ ครั้นจะสวดในใจไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิ ก็ต้องอาศัยตัวช่วยชั้นยอดคือเจ้าเครื่องเล่น MP3 นี้แหละครับ ฟังไปด้วยสวดตามไปด้วย นานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่าเพราะเครื่องเล่น MP3 เป็นเครื่องฟังส่วนตัวเสียงไม่รบกวนใคร และใครๆก็ไม่รู้ว่าเรากำลังฟังอะไรอยู่ด้วยครับ

    ขอเชิญดาวน์โหลดและอ่านประวัติของคาถาเงินล้านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    http://www.dhammakaya.org/forum/index.php?topic=166.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • book-of-eli.jpg
      book-of-eli.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.9 KB
      เปิดดู:
      1,920
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2010
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไม่เอา ****

    เรื่องสงครามอาวุธนิวเคลียร์
    ทำไมคนทั้งโลก ไม่ช่วยกันอ้อนวอน รวมตัวกันหยุดยั้ง !!!
    ถ้าปล่อยให้เกิด เดี๋ยวก็หลงมาตกบ้านเรา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. jaaee

    jaaee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +19
    ผู้รู้เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นฝนตก
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อวานนี้ทั่วโลกเกิดภัยพิบัติ ค่อนข้างรุนแรงโดยอย่างยิ่งทางสภาพอากาศทั่วโลกครับ

    ที่อเมริกาเกิดพายุหิมะตกหนักมากจนสนามกีฬาพังลงมา

    ที่ฉนวนกาซ่า และกรุงเยรูซาเล็ม เกิดพายุรุนแรง

    และมีอีกหลายสถานที่ทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เกิดพายุฝนแรงจนเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน เกือบ 50 คัน จุดหนึ่งมีชนกันรวดเดียว 11 คัน

    ในขณะเดียวกัน

    เมื่อวานเกิดมีฝนดาวตก และมีท่านผู้ปฏิบัติแจ้งมาว่า มีผู้มีจิตอันเป็นกุศลลงมาเกิดจำนวนมาก เพื่อรองรับความเจริญแห่งศีลแห่งธรรม ภายหลังภัยพิบัติครับ

    ตั้งจิต ตั้งใจเป็นกุศลทำความดีกันเอาไว้มากๆครับ
     
  5. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์เห็นเมฆแปลกๆ พอมาเช็คกับที่นี่ก็ถึงบางอ้อ
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อธิบดีกรมอุตุนิยมยืนยันหลัง 15 ธ.ค.นี้หนาวแน่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุฝนที่ตกในช่วงนี้เป็นภาวะปกติ ไม่ใช่อากาศแปรปรวนแต่อย่างใด พร้อมยืนยันจะมีฝนระลอกใหม่อีกครั้งก่อนราววันที่ 15-16 ธันวาคม หลังจากนั้นอากาศจะหนาวลง

    นายต่อศักดิ์ วานิชขจร อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ฝนที่ตกในช่วงนี้เกิดจากคลื่นกระแสลมตะวันตกพาดผ่านประเทศไทยโดยเฉพาะตอนบน ทำให้เกิดฝนตกไล่จากทิศตะวันตกของประเทศมายังฝั่งตะวันออก และส่งผลกระทบมายังกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ตอนล่างด้วย อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝนที่ตกนี้ มีปริมาณราว 50 มิลลิเมตรต่อวัน ถือว่าไม่มากนัก และคาดว่าจะเป็นอย่างนี้ไป 1-2 วัน

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้

    เข้ามากระทบความกดอากาศต่ำในประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองในช่วงนั้น ซึ่งถือเป็นฝนช่วงสุดท้ายของปี เพราะหลังจากนั้นอากาศจะเริ่มเย็นลง และเข้าสู่ภาวะปกติของฤดูหนาว

    อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวยืนยันว่าการที่มีฝนตกในช่วงนี้ไม่ถือว่าเป็นเหตุผิดปกติแต่อย่างใด และไม่ใช่ปรากฏการณ์ลานินญา หรือแอลนิโญ

    เพราะการเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดในระดับภูมิภาค หรือระดับโลก ไม่ใช่เกิดเฉพาะประเทศไทย และที่ผ่านมาความกดอากาศสูงจากเมืองจีนแผ่ลงมาไทยระลอกเล็กๆ เป็นช่วงๆ เช่นนี้ ทำให้เกิดฝนตก และหนาวไม่เต็มที่.-สำนักข่าวไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    งามทั้งเชิงอรรถ และ จิต ทำให้ลดใจที่เห็นแก่ตัวของเราลง
    :cool:
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>นักเที่ยวเกาะหลีเป๊ะตื่นสึนามิกลับเข้าฝั่งอื้อ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นักเที่ยวไทย-เทศวิตก หลังกระแสลือสึนามิถล่ม แห่คืนที่พักเกาะหลีเป๊ะ-ตะรุเตา ผู้ประกอบการวอนรัฐแจงด่วน


    วันนี้ (14 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวที่บนเกาะหลีเป๊ะและบนเกาะตะรุเตา หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล จำนวนมาก ที่เดินทางลงไปพักผ่อนและจองที่พักยาวรอเคาว์ดาวรับส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ 2554 ที่จะมาถึงนี้ ต่างเช็กเอ้าว์ยกเลิกออกจากที่พัก รวมทั้งจองตั๋วเดินทางลงเรือกลับเข้าฝั่ง ที่ท่าเทียบเรือปากบาราเพื่อเดินทางกลับกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ภายในรีสอร์ทที่พักเคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต้องว่างโล่ง ภายหลังมีกระแสข่าวจะมีคลื่นยักษ์สึนามิ เข้าถล่มฝั่งทะอันดามันในช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่มั่นใจว่าจะมีคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเข้ามาฝั่งอันดามันตามกระแสข่าวจริงหรือไม่ ในขณะที่ทางจ.สตูล ก็ยังไม่แสดงท่าทีประชาสัมพันธ์ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงกับนักท่องเที่ยวให้กระจ่างถึงเรื่องภัยพิบัติดังกล่าว

    ด้านนายสหรัฐ ยาหยาหมัน อายุ 35 ปี มัคคุเทศก์ชายฝั่ง กล่าวว่า

    กระแสข่าวการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิเข้ามาถล่มชายฝั่งอันดามันฝั่งตะวันตก มหาสมุทรอินเดีย นั้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ และจองห้องพักมากมายนั้นในขณะนี้ได้มีการกลับกันมาก รวมทั้งคณะทัวร์ยกเลิกการเดินทางมาก็มีกันเยอะ ซึ่งกระแสข่าวนี้เกิดผลกระทบในภาพการท่องเที่ยวทางทะเลในจ.สตูลอย่างหนักเป็นระยาวถึงปีใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่า คลื่นยักษ์สึนามินี้เป็นปัญหาที่น่ากลัว

    นายสหรัฐ กล่าวอีกว่า รัฐบาล หรือผู้เกี่ยวข้อง หรือฝ่ายการท่องเที่ยว ควรออกมาชี้แจ้งเรื่องกระแสข่าวนี้ อย่าปล่อยให้ข่าวเงียบไปเอง

    ซึ่งผลอยู่ที่เศรษฐ์กิจของภาพการท่องเที่ยว หากไม่ชี้แจ้ง นักท่องเที่ยวก็คิดไปเรื่อยๆ จนต่อไปอาจจะไม่มาเที่ยวในช่วงใกล้ปีใหม่ แม้จะมีรายงานว่านักท่องเที่ยวเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะก็มีเช่นกัน แต่มีน้อยมากวันล่ะไม่ถึง 20 คน จากที่ช่วงเดียวกันก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวลงเกาะนับร้อยคน



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯออกประกาศเตือนภัยตอนบนอากาศหนาวเย็น หลัง16ธ.ค.อุณหภูมิลดลงอีก3-5องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ประกาศเตือนภัย

    "อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในภาคใต้ "

    ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2553

    บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายในช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค. 2553 หลังจากนั้นอากาศจะเย็นลง อุณหภูมิลดลง 3-5 องศาและมีลมแรง โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

    สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงจะพัดเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ในช่วงวันที่ 16-19 ธ.ค. ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงนี้ไว้ด้วย

    ประกาศ ณ วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553
    ออกประกาศ เวลา 05.00 น.


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้



    ภาคเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา และมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    โดย บพิตร วิทยาวิโรจน์
    ——————————
    พม่า…ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ปิดตัวเองมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันพม่าเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัสกับศิลปะล้ำค่า วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม รวมไปถึง ศาสนาพุทธที่เคร่งครัด ในภูมิภาคอินโดจีนด้วยกันถือว่าชนชาติที่เก่าแก่ที่สุดคือมอญ, เขมรและขอม ซึ่งอารยธรรมมอญนั้น เราจะพบได้ในบางส่วนของไทยและเห็นได้อย่างชัดเจนที่…พม่า

    ประเทศพม่ามีอายุกว่าสองพันปี ชาวพม่าส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่สมัยโบราณ พม่าจึงมีมรดกเป็นวัดและพระเจดีย์ต่าง ๆ มากมาย ให้เรากราบไหว้บูชา นั่งสมาธิอย่างสงบสบายใจ เด็กพม่าถูกสอนให้เข้าวัดตั้งแต่เล็ก ในขณะที่เด็กวัยเดียวกันในประเทศอื่น ๆ เติบโตท่ามกลางแสงสีของเมืองใหญ่ เพลิดเพลินไปกับเกมคอมพิวเตอร์ เด็กพม่ามักจะใช้เวลาในวันหยุด นั่งสมาธิอย่างสงบอยู่ในพระเจดีย์ละแวกบ้าน ถ้าเป็นคนรุ่นหนุ่มสาว สถานที่พบปะก็มิใช่ตามห้างสรรพสินค้าอย่างเช่นที่อื่น หากแต่เป็นการชักชวนกันไปนั่งสวดมนต์ทำสมาธิที่วัด เป็นภาพที่น่าชื่นชมยิ่ง

    ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยีสมัยใหม่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สำหรับพม่าแล้วไม่ว่าโลกจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร พม่าก็ยังคงมีความสุขอยู่กับธรรมชาติที่แสนจะบริสุทธิ์ มีสังคมที่ไม่ใช่วัตถุนิยม มีรอยยิ้มที่จริงใจ อบอุ่นเสมอเมื่อยามพบเห็น ภาพของคนหนุ่มนุ่งผ้าโสร่ง สาวพม่าทาแป้งทานาคาเหลืองนวลไปทั่วตัว หนุ่มสาวขี่จักรยานไปทำงานพร้อมกับหิ้วปิ่นโตไปกินกลางวัน โอ่งน้ำดื่มที่ตั้งไว้หน้าบ้านสำหรับคนผ่านไปผ่านมาดื่มดับกระหาย คงเป็นภาพที่เราไม่ค่อยได้เห็นนัก ใครบางคนเคยบอกว่า มาเที่ยวพม่าแล้วเหมือนหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลาไปสามสิบปี คงเป็นคำพูดที่ไม่เกินจริง

    ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษาประเทศพม่า เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา เมื่อเดินทางถึงกรุงย่างกุ้ง ภาพที่เคยอยู่ในใจ คือ พระเจดีย์ทองคำทรงระฆังคว่ำองค์ใหญ่ แสงทองของพระเจดีย์ส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสงแดด พระเจดีย์ในฝันที่อยากจะไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต…พระเจดีย์ชะเวดากอง เป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า ถือเป็นพระเจดีย์ทองคำที่สวยที่สุดในโลก มีอายุกว่า ๒,๕๐๐ ปี

    องค์พระเจดีย์ห่อหุ้มด้วยทองคำหนักถึง ๒๓ ตัน มีทับทิมขนาดเท่าไข่ไก่ และเพชรซึ่งมิอาจประเมินค่าได้ประดับอยู่บนยอดพระเจดีย์ นอกจากนั้นภายในองค์พระเจดีย์ยังประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุจำนวนแปดเส้นและอัฐบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามองค์ เมื่อแดดล่มลมตกในตอนเย็น เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการไปนมัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง ได้นั่งสวดมนต์ ณ จุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ สรงน้ำพระประจำวันที่อยู่รายรอบ สายลมเย็น ๆ ภาพผู้คนที่นั่งสมาธิอย่างสงบ และองค์พระเจดีย์ที่สวยงามสร้างความประทับใจยิ่ง

    [​IMG]

    นอกเหนือไปจากพระเจดีย์ชะเวดากองแล้ว ย่างกุ้งยังมีพระพุทธรูปและพระเจดีย์อีกมากมาย อาทิ พระพุทธไสยาสน์เฉ้าทัตยี พระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ มีพระพักตร์งดงามมาก รวมไปถึงพระเจดีย์โบตาทอง ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้ง พระเจดีย์โบตาทองแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์คราวรับเสด็จพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจากประเทศอินเดีย นอกจากนี้ บริเวณพระเจดีย์ยังมี เทพทันใจ ให้อธิษฐานขอพรจากท่านในเรื่องหน้าที่การงานและครอบครัว ซึ่งหลาย ๆ คนเห็นพ้องต้องกันว่าสมญานามของท่านนั้น รวดเร็วสมใจจริง

    จากย่างกุ้งได้ไปยังเมืองสำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ เมืองพุกาม ดินแดนที่เงียบสงบมากกว่าพันปี ศาสนาพุทธของชาวพม่ามีการเริ่มต้นที่อาณาจักรแห่งนี้ ภายในอาณาจักรยังคงปรากฏร่องรอยแห่งความรุ่งเรืองและศรัทธาของคนที่มีต่อพุทธศาสนาในสมัยนั้น ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้และซาบซึ้งไปกับแรงศรัทธาของคนในอดีตกาล ในอดีตมีการก่อสร้างพระเจดีย์ในอาณาจักรแห่งนี้ถึงสี่ล้านกว่าองค์ แต่เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง ทำให้พระเจดีย์ได้รับความกระทบกระเทือน ปัจจุบัน จึงคงเหลือพระเจดีย์ที่ยังคงสภาพดีและได้รับการบูรณะราวสี่พันกว่าองค์ ระหว่างทางจากสนามบินจะเข้าตัวเมือง ได้แวะชมตลาดยองอูในตอนเช้า ทำให้นึกถึงภาพเชียงใหม่ในอดีตที่เคยเห็น จากภาพถ่ายเก่า ๆ ซึ่งบัดนี้บ้านเราไม่มีลักษณะนั้นอีกแล้ว

    [​IMG]

    เมื่อเข้าสู่เมืองพุกาม สิ่งที่พบเห็นเต็มไปหมดคือ พระเจดีย์ใหญ่น้อย ได้คุยกับผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ ๘ เชียงใหม่ ซึ่งเดินทางไปด้วยกัน ท่านบอกว่า เราทำงานที่เชียงใหม่ คิดว่าโบราณสถานมีมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับพุกามแล้วเทียบกันไม่ได้เลย พระเจดีย์สำคัญที่ได้ไปนมัสการ ได้แก่ พระเจดีย์ชะเวซิกอง พระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรพุกาม สร้างในสมัยพระเจ้าอนอว์ระธา พระเจดีย์อานันดา ซึ่งได้ชื่อว่าสง่างามที่สุดในพุกาม เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุขรอบทั้งสี่ด้านที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ตามความเชื่อของชาวพม่า หันหน้าไปทั้งสี่ทิศ คือพระพุทธศรีศากยมุนี ประจำทิศตะวันตก พระพุทธโกนาคมน์ ประจำทิศตะวันออก พระพุทธกักกุสันโธ ประจำทิศเหนือ และ ที่ซุ้มด้านทิศใต้ประดิษฐาน พระพุทธกัสสปะ จากนั้นเดินทางไป พระเจดีย์ธาตุบินยู ซึ่งแปลว่ารู้แจ้งเห็นจริง มีความสูงถึงสองร้อยหนึ่งฟุต ถือว่าสูงที่สุดในพุกาม

    [​IMG]

    เมื่อเดินไปยืนบนระเบียงเจดีย์มองไปโดยรอบไม่ว่าทิศใดจะมองเห็นเจดีย์น้อยใหญ่เรียงรายสุดสายตา พระเจดีย์ธรรมยางยี ซึ่งใหญ่ที่สุดในพุกามสร้างในสมัยพระเจ้านรสุ กษัตริย์องค์ที่ ๕ ของพุกาม สร้างเพื่อเป็นวัดประจำรัชกาล นอกจากนั้นยังกล่าวกันว่าพระเจ้านรสุ สร้างพระเจดีย์นี้เพื่อไถ่โทษที่ทรงทำปิตุฆาต เพื่อแย่งราชบัลลังก์จากพระราชบิดา แต่พระเจ้านรสุ ก็ถูกลอบปลงพระชนม์หลังจากครองราชย์ได้เพียงสามปี วัดมานูฮา สร้างโดยพระเจ้ามานูฮา กษัตริย์มอญ ซึ่งถูกจับมาเป็นเชลยพร้อมกับมเหสีและข้าราชบริพาร ราษฎรมอญอีกกว่าสามหมื่นคนเมื่อครั้งที่พระเจ้าอนอว์ระธาตีเมืองสะเทิมได้ในปี พ.ศ. ๑๖๐๐

    ภายในวิหารสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่จนทำให้วิหารคับแคบลง ว่ากันว่าการที่พระเจ้ามานูฮาสร้างเจดีย์วิหารแห่งนี้ก็เพื่อเป็นการถ่ายทอดให้รับรู้ถึงความอึดอัดใจและความไม่สบายใจที่พระองค์ทรงพ่ายแพ้สงครามต้องตกมาเป็นเชลยในต่างแดน บางคนเรียกพระพุทธรูปที่วัดนี้ว่า พระพุทธรูปติดคุก ในตอนเย็นขึ้นไปบนพระเจดีย์ชะเวซานดอร์ เพื่อชมทิวทัศน์พุกาม ยามพระอาทิตย์อัสดง ความงดงามที่พระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมภูเขาทางทิศตะวันตกท่ามกลางดงเจดีย์ โดยมีลำน้ำอิระวดีทอดขวางเบื้องหน้าทิวเขา เป็นภาพที่ประทับใจยิ่ง

    [​IMG]

    จากพุกามไปเมือง มัณฑะเลย์ ระหว่างทางจากสนามบินไปสู่เมืองมัณฑะเลย์ แวะเมืองอมรปุระ อดีตเมืองหลวงเก่าที่พระเจ้าปะดุงให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๖ เป็นเมืองหลวงอยู่ ๗๖ ปี ก่อนที่พระเจ้ามินดง จะย้ายเมืองหลวงไปที่มัณฑะเลย์ ที่อมรปุระ มีวัดสำคัญ คือ วัดมหากันดายน มีพระภิกษุสามเณรจำวัดพันกว่ารูป ล้วนแต่มาบวชเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน ในตอนสาย ๆ ของทุกวันภิกษุสามเณรในวัดทั้งหมด จะลงมาบิณฑบาตพร้อมกัน ให้นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนได้ทำบุญตักบาตร เป็นภาพที่น่าประทับใจและมีความงดงามมาก

    เมืองมัณฑะเลย์ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม การศึกษาพระพุทธศาสนา และศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของพม่า สถานที่สำคัญที่ทุกคนต้องไปชมเมื่อมามัณฑะเลย์ คือพระราชวังมัณฑเลย์ ซึ่งเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ ในสมัยพระเจ้ามินดง พระราชวังตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ ๒ กิโลเมตร ด้านนอกมีถนนรอบกำแพง ถัดจากถนนเป็นคูน้ำขุดขนานกับกำแพง คูน้ำกว้าง ๕๒ เมตร ลึก ๕ เมตร ตัวพระราชวังอยู่ตรงกลางเมือง พระราชวังมัณฑะเลย์กลายเป็นสนามรบระหว่างทหารอังกฤษกับทหารญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ปราสาทราชมณเฑียร อาคารสำคัญ ๆ ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้น พระราชวังที่เห็นในปัจจุบันเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ มีรูปร่างลักษณะคล้ายของเดิมทุกประการ เพราะจำลองมาจากภาพถ่ายที่เก็บรักษาไว้

    [​IMG]

    ไม่ไกลจากพระราชวังมัณฑะเลย์ มีวัดที่สำคัญวัดหนึ่งคือ วัดชะเวนันดอ วัดซึ่งสร้างด้วยไม้สักทองแกะสลักที่ประณีตงดงามมาก โดยพระเจ้าสีป่อ ให้รื้อพระตำหนักไม้สักทองของพระเจ้ามินดง มาสร้างไว้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระเจ้ามินดงผู้ให้ความสนพระทัยในศิลปวัฒนธรรม และสร้างพระตำหนักนี้ โดยใช้ช่างฝีมือทั้งหลาย งานแกะสลักไม้ทุกชิ้นมีความละเมียดละไมวิจิตรงดงามด้วยศิลปะแบบพม่าที่ไม่อาจหาดูได้จากที่อื่น

    [​IMG]

    วัดกุโสดอ เป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งในมัณฑะเลย์ สร้างในสมัยพระเจ้ามินดง งานสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่พระเจ้ามินดงทรงจัดขึ้น คือ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๕ นับเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นนอกชมพูทวีป เมื่อสังคายนาพระไตรปิฎกเสร็จสิ้นลง พระเจ้ามินดงทรงมีบัญชาให้จารึกพระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ด้วยหมึกทองบนแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ กว้าง ๓ ฟุตครึ่ง ยาว ๕ ฟุต หนา ๓ นิ้ว จำนวน ๗๒๙ แผ่น แล้วสร้างมณฑปครอบมีลักษณะคล้ายเจดีย์เล็ก ๆ ตั้งเรียงรายไว้ในวัดกุโสดอ แห่งนี้

    เมื่อไปมัณฑะเลย์ ต้องไม่พลาดการไปร่วม พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่มคู่บ้านคู่เมืองมัณฑะเลย์ พิธีนี้เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน โดยเจ้าอาวาสที่เป็นผู้ทำหน้าที่ล้างพระพักตร์ จะได้รับการคัดเลือกจากเจ้าอาวาสทั่วประเทศ ให้เป็นผู้ทำพิธีนี้ ในระหว่างทำพิธี ผู้คนมักอธิษฐานขอในเรื่องสุขภาพและความสำเร็จ พิธีนี้จะเริ่มในเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ ของทุกวัน พระมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักประมาณ ๙ ฟุต พุทธศาสนิกชนคนพม่าเชื่อกันมาแต่โบราณว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล โดยพระพุทธเจ้าทรงประทานลมหายใจศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในกายพระพุทธรูปองค์นี้ เสมือนหนึ่งได้มอบชีวิตวิญญาณไว้เป็นตัวแทน ด้วยความเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต จึงเป็นที่มาของธรรมเนียมการล้างพระพักตร์ให้องค์พระทุกเช้า

    เริ่มด้วยการประพรมด้วยน้ำผสมเครื่องหอม จากนั้นใช้แปรงขนาดใหญ่ขัดสีบริเวณพระโอษฐ์เสมือนดังเป็นการแปรงฟัน แล้วใช้ผ้าเปียกลูบไล้เครื่องหอมจนทั่วพระพักตร์ ขั้นตอนสุดท้ายคือการใช้ผ้าขนหนูเช็ดพระพักตร์ให้แห้งแล้วขัดสีให้เนื้อทองสำริดที่พระพักตร์เป็นประกายวาววับงามจับตา ซึ่งใช้เวลานับชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จ หลังจากนั้นผู้ชายสามารถขึ้นไปปิดทองที่องค์พระได้ด้วย ส่วนผู้หญิงไม่สามารถปิดทองได้ จากการได้ขึ้นไปปิดทองที่องค์พระ เมื่อสัมผัสก็จะพบว่ามีเนื้อนิ่มจริง คงเป็นเพราะแผ่นทองที่ผู้คนขึ้นไปปิดทับซ้อนกันจนมีความหนามากนั่นเอง (ภาพที่ ๖ พระมหามัยมุนี)

    [​IMG]

    อีกเมืองหนึ่งที่คนไทยรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี อยู่ไม่ไกลจากกรุงย่างกุ้ง คือหงสาวดี เมืองเก่าแก่ของชาวมอญและเป็นอดีตราชธานีของพระเจ้าบุเรงนอง มีพระเจดีย์ชะเวมอร์ดอร์ หรือพระธาตุมุเตา พระเจดีย์เก่าแก่สมัยเดียวกันกับพระเจดีย์ชะเวดากอง เป็นพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหงสาวดี ก่อนพระเจ้าบุเรงนองออกศึกทุกครั้งต้องมานมัสการพระเจดีย์องค์นี้ สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ต้องไปชมคือ พระราชวังพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งมีความงดงามและประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกรุงศรีอยุธยา (ภาพที่ ๗ เมืองหงสาวดี) (ภาพที่ ๘ วังบุเรงนอง)

    [​IMG]
    [​IMG]

    พม่าในวันนี้ เป็นเมืองที่ยังคงยึดมั่นในจารีตประเพณี มีวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางพระพุทธศาสนา การเข้าไปในวิหารหรือเจดีย์ทุกแห่ง ทุกคนจะต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า ต้องเดินด้วยเท้าเปล่าเท่านั้น การแต่งกายเมื่อไปวัดแทบไม่ต้องพูดถึงถ้าเป็นชาวพม่าเขาจะรู้ดีว่าต้องแต่งกายอย่างไร ส่วนนักท่องเที่ยวก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไม่มีข้อยกเว้น ในบริเวณวัดจะพบเห็นชาวพม่า ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา ชายหญิง ไปไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ บางคนก็ไปปัดกวาดบริเวณเจดีย์ บริเวณวัด หนุ่มสาวนั่งพูดคุยกัน ตอนสาย ๆ ประมาณ ๙ นาฬิกา จะเห็นพระภิกษุ สามเณร ออกเดินบิณฑบาต นำด้วยเด็กตีกังสะดาล

    ทราบว่าเหตุผลที่บิณฑบาตในเวลาสายเช่นนี้ไม่เหมือนบ้านเราเนื่องจาก ต้องรอให้ชาวบ้านรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก่อน พระสงฆ์ จึงจะไปรับบิณฑบาตอาหารที่ชาวบ้านเตรียมไว้ ในขณะที่บ้านเราชาวบ้านจะต้องตักบาตรพระสงฆ์ก่อน ตนเองรับประทานทีหลัง ในวัดทุกแห่งที่ไปในเวลาปกติจะไม่ค่อยได้พบเห็นพระสงฆ์สามเณรเดินไปมา แม้แต่ในโบสถ์ วิหารต่าง ๆ ท่านจะอยู่ในกุฏิอ่านหนังสือ ท่องบทสวดมนต์ต่าง ๆ นี่คือวิถีชีวิตชาวพม่าที่น่าสัมผัส…มินกาลาบา…สวัสดี.

    มีโอกาส ไปเรียนรู้ ดูพม่า
    เห็นคุณค่า วิถีเก่า เขาสานต่อ
    ใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ อย่างเพียงพอ
    เริ่มสร้างก่อ ความเข้มแข็ง แห่งดินแดน

    ยังยึดมั่น ประเพณี ที่ดีงาม
    ไม่มองข้าม สิ่งเก่าเก่า เขาหวงแหน
    ถึงยากจน แต่น้ำใจ ไม่ขาดแคลน
    ยังเป็นแคว้น แห่งชาวพุทธ สุดรุ่งเรือง

    แหล่งบันเทิง ยั่วอบาย ไม่มากนัก
    ยังยึดหลัก ศาสนา มาหนุนเนื่อง
    สร้างอาราม น้อยใหญ่ ไว้ทั่วเมือง
    คอยประเทือง ฟังเทศน์ธรรม นำจิตใจ

    ศาสนสถาน ทุกแห่ง เขาเคร่งครัด
    ปฏิบัติ ด้วยศรัทธา รักษาไว้
    เป็นแบบอย่าง อนุชน คนต่อไป
    ไม่ว่าใคร ก็ต้องทำ ตามครรลอง

    มีเวลา เข้าวัด ไปปัดกวาด
    จึงสะอาด ทั้งกายใจ ใสผุดผ่อง
    วัดสวยงาม สะอาดตา น่าแลมอง
    คือแสงส่อง วิถีชน บนทางธรรม

    พระเจดีย์ น้อยใหญ่ ให้คุณค่า
    แรงศรัทธา ยึดมั่น อันสูงล้ำ
    สร้างเจดีย์ ถวายไว้ ได้น้อมนำ
    เมื่อพ้นกรรม สู่แดนสรวง หมดห่วงใย

    ณ วันนี้ วิถีงาม ตามที่เห็น
    ความร่มเย็น ธรรมชาติ สะอาดใส
    ความเจริญ เริ่มคืบคลาน ผ่านเข้าไป
    โลกยุคใหม่ ยุคสื่อสาร ผ่านหน้าจอ

    นักท่องเที่ยว จากแดนไกล ไปชื่นชม
    ค่านิยม จะเปลี่ยนไป เช่นไรหนอ
    แหล่งบันเทิง จะเกิดผุด สุดรั้งรอ
    สุดท้ายก็ จะหมดค่า น่าเฝ้ามอง

    ควรคิดการ วางแผน ให้รอบคอบ
    กำหนดกรอบ พัฒนา อย่าให้หมอง
    วิถีชน อย่าให้ ใครครอบครอง
    ควรปกป้อง มีแนวทาง สร้างตนเอง

    เมืองไทยเรา ก้าวหน้า มาไกลโข
    ความใหญ่โต ทางวัตถุ ดูว่าเก่ง
    ด้านจิตใจ ถอยหลัง ดังโครงเครง
    ต้องรีบเร่ง ให้หลักธรรม มานำพา

    ทุกเส้นทาง แก่งแย่ง มุ่งแข่งขัน
    ต่อสู้กัน เพื่อเงินทอง ไม่มองหน้า
    ศักดิ์ศรีคน มองเห็น เป็นเงินตรา
    ลืมคุณค่า คุณธรรม นำจิตใจ

    ความพอเพียง จะนำทาง สร้างชีวิต
    จงน้อมจิต นำปรัชญา ค่ายิ่งใหญ่
    ด้วยเมตตา องค์พ่อหลวง ทรงห่วงใย
    ไทยทั่วไทย นำเป็นทาง สร้างชีพเอย.

    ที่มา http://moradoklanna.com
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องที่คุณไม่รู้ เกี่ยวกับพม่า

    -สกุลเงินของพม่าคือ kyat อ่านว่าจ๊าด
    -เมื่อก่อน 1 จ๊าดเท่ากับสองบาทไทย
    -ตอนนี้ 100 จ๊าด เท่ากับ 3 บาทไทย
    -พม่ามีสกุลเงินพิเศษเป็นของตัวเองคือ สกุลเงิน FEC
    -ในประเทศพม่า 1 FEC มีค่าเท่ากับ 1USD
    -นอกประเทศพม่า 1 FEC เท่ากับกระดาษธรรมดา
    -FEC เป็นหน่วยเงินที่คิดขึ้นมาเพื่อหา USD เข้าประเทศ
    -แบงค์พม่า แบ่งเป็น 50,100,500,1000
    -แต่เมื่อก่อนนั้น แบ่งเป็น 10,50,75,100,200,500,1000
    -จำได้คล้ายๆ ว่าเคยมีแบงค์ 95 กับ 250ด้วย แต่ไม่แน่ใจ
    -พม่าไม่มีเอทีเอ็ม พม่ามีธนาคารนะ แต่คนนิยมเก็บเงินกันเองที่บ้านมากกว่า
    -รถยนต์ที่วิ่งอยู่ในประเทศพม่าทั้งหมดเป็นรถยนต์มือสอง
    -รถยนต์หนึ่งคันบังคับให้เติมน้ำมันแค่เดือนละ 6 แกลลอนเท่านั้น
    -พม่าขับรถเลนซ้ายครับ
    -พม่ามีไฟแดงที่บอกเวลาถอยหลังตั้งแต่สิบปีที่แล้ว
    -คนพม่านิยมข้ามสะพานลอยมากกว่าคนไทย...เพราะรถขับกันโหดมาก
    -พม่าก็มีมือถือใช้นะครับ เครื่องโทรศัพท์ราคาพอๆ กับเมืองไทย
    -แต่ราคาเบอร์มือถือแพงบรรลัยจักรวาล
    -ราคาเบอร์มือถือ (รายเดือน)นั้นอาจจะพุ่งตะลุยถึงกว่าแสนบาทเงินไทย
    -อ่านไม่ผิดครับ หนึ่งแสนบาทไทย
    -เบอร์มือถือ (รายเดือน)ที่พม่าก็เหมือนกับอสังหาริมทรัพย์บ้านเราน่ะครับ
    -ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า รัฐบาลออกเบอร์มาให้ประชาชนใช้ 100 เบอร์ จะไม่มีการผลิตเพิ่ม
    -100 เบอร์นั้นก็เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ ซื้อขายกันเอง แน่นอนเป็นใครก็โก่งราคา
    -เพื่อนพม่าบอกว่า บิลแจ้งค่าใช้บริการที่นี่มักจะช้าเสมอ...เฉลี่ยแล้วสองเดือนมาที
    -ในขณะที่เมืองไทยมี วันทูคอลใช้ พม่าก็มีนะ
    -เบอร์มือถือ (เติมเงิน)ที่พม่าสนนราคาอยู่ที่เบอร์ละ 20USD
    -ไม่ต้องปวดกะบาลมาทำความเข้าใจกับโปรโมชั่นเพราะไม่มี
    -โทรออกราคานึง รับสายราคานึง รับก็เสียเงินครับ
    (อะไร...อ่านมาตั้งนานยังมีเรื่องให้แปลกใจอีกเหรอ)
    -เบอร์ (เติมเงิน) ที่ว่ามีอายุใช้งานประมาณ 3 เดือน
    -หากใช้ครบเวลา หรือใช้เงินหมด ก็ไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อบัตรมาเติมเงินนะ
    -เพราะต้องซื้อเบอร์ใหม่เลย...(ยังจะทำท่าแปลกใจกันอีก...)
    -ถูกต้องครับ...เราก็แค่เสียเงินเล็กน้อย กับเวลานิดหน่อยโทรบอกเพื่อนทั้งหมดใหม่เท่านั้นเอง
    -มือถือพม่าส่ง SMS ได้ครับ ถึงที่หมายด้วย...ก็แค่เสียเวลานิดหน่อย บางทีก็หลักนาที บางทีก็เป็นวัน (ดีมาก...เริ่มไม่แปลกใจกันแล้ว)
    -สัญญาณมือถือที่พม่า เปลี่ยนแปลงบ่อยพอๆ กับอีควอไลเซอร์บนเครื่องเสียง
    -พม่าไม่ต้องรณรงค์ขับไม่โทร...เพราะถ้ารถวิ่งเร็วหน่อย สัญญาณจะขาด
    -เด็กวัยรุ่นพม่าก็บ้ามือถือเหมือนกับเด็กเมืองสยาม เพราะเห็นไอโฟนที่พม่าบ่อยพอๆ กับเดินอยู่ในสยามพารากอน
    -ชุดนักเรียนพม่าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและโสร่งสีเขียวอ่อนๆ
    -โรงเรียนพม่าเรียนแค่ครึ่งวัน
    -นักเรียนพม่าเรียนหนังสือโหด และหนักกว่าเด็กไทยมากนัก
    -โรงเรียนสอนแค่ครึ่งวัน แต่ครึ่งวันที่เหลือจะต้องไปหาเรียนพิเศษเอาเอง
    -โรงเรียนพม่ามีแค่ สิบชั้น
    -การศึกษาพม่ายังเป็นแบบท่องจำอยู่
    -ท่องจำในที่นี้คือ ท่องทุกตัวอักษร ทั้งหน้า และทั้งเล่ม (อันนี้จริงๆ อนุญาติให้ตกใจได้อีกรอบ)
    -มหาลัยพม่าตอนนี้ปิดอยู่ ซึ่งนับปีนี้ก็คงจะร่วมๆ สี่สิบปีแล้ว
    -มีแค่ไม่กี่คณะทีเปิดเรียน...ซึ่งจำไม่ได้แล้วคือคณะอะไรบ้าง
    -Toefl Toeic เป็นอะไรที่เด็กพม่าไม่สอบกัน เพราะง่ายไป
    -เด็กพม่าสอบ GCE กันมากกว่า
    -ข้อสอบภาษาอังกฤษ GCE มีแค่ห้าข้อ คือเขียนเรียงความในหัวข้อที่กำหนด เขียนแบบฟรีสไตส์ หนึ่งหน้ากระดาษ
    -ห้างพม่าไม่ใหญ่เลย โลตัสบ้านเรายังใหญ่กว่า
    -เมืองไทยมี dunking donut พม่าก็มี J donut อร่อยเหมือนๆ กัน
    -พม่าถูกคว่ำบาตรโดยอเมริกามานามนมละ
    -โค้ก เป๊ปซี่เลยมีราคาแพงมาก (แพงกว่าเมืองไทยซะอีก) และเป็นแค่สินค้าตู้โชว์ซะมากกว่า
    -พม่ามีน้ำอัดลมเองชื่อ star cola, Fantasy, max ที่สำคัญคือซ่าสะใจมาก
    -พม่าจ่ายไฟเป็นช่วงเวลา เช่นวันนี้ มีไฟใช้ตั้งแต่ แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น วันพรุ่งนี้ มีไฟตั้งแต่หกโมงเย็นถึงแปดโมงเช้า
    -จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะหาน้ำเย็นๆ ดื่มลำบาก เพราะตู้เย็นไม่ทันจะเย็นก็โดนตัดไฟ
    -ไม่ต้องห่วงเรื่องทีวีเพราะพม่ามีทีวีแค่สองช่อง แน่นอนว่าควบคุมโดยทหาร และหนึ่งในสองช่องที่ว่า ไม่ชัด!
    -อินเตอร์เนตพม่าช้ามาก! ถ้าซื้อชั่วโมงอินเตอร์เนตมาที่บ้านก็ราคาแพงมาก
    -พม่าเข้า hotmail ไม่ได้ แต่เข้า gmail ได้
    -เข้าเวบบล็อกต่างๆ ไม่ได้
    -แต่เข้า Exteen ได้
    -เวลาสั่งข้าวแกงที่พม่า...เราสั่งแต่แกง เพราะข้าวฟรี กินไม่อั้น แถมน้ำพริกอีกตังหาก
    -โยเกิร์ตพม่าอร่อยมาก อันนี้ยืนยันโดยมยุรี
    -มะตะบะพม่าอร่อยมาก อันนี้ยืนยันโดยวิชัย
    -น้ำอ้อยคั้นสดพม่าสุดยอดมาก อันนี้ยืนยันโดยวิชัยและมยุรี
    -เมืองไทยคั้นน้ำอ้อยสดเต็มที่ก็สองสามครั้ง
    -พม่าคั้นน้ำอ้อยสดสองแท่ง สิบสามครั้ง! อยากไปบอกคนขายว่า เอาอ้อยมาให้กูเคี้ยวเลยดีกว่า
    -น้ำอ้อยที่นี่เลยสดอร่อยและได้น้ำได้เนื้อ
    -ซากอ้อยจริงๆ
    -ห้ามใส่รองเท้าเข้าวัดพม่า
    -พระสงฆ์ที่พม่าไม่จำวัดในวัด แต่จะพักอาศัยกันอีกที่
    -พระสงฆ์เดินกันในตลาด นั่งคุยกับผู้หญิง เป็นเรื่องชินตาที่นี่
    -คนพม่าเข้าวัดบ่อยกว่าคนไทยเยอะ
    -เทศกาลเข้าพรรษาถือว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ พอๆ กับลอยกระทงบ้านเรา
    -เจดีย์ชเวนันด่อ (เขียนงี้รึเปล่า)มีบันไดเลื่อน นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้า 5USD
    -คนพม่าไม่รู้เรื่องที่เขามาขโมยทองจากอยุธยานะ
    -อย่างว่าประวัติศาสตร์นี่เนอะ
    -ว่ากันว่าบนยอดเจดีย์ชเวนันด่อ มีเพชรเม็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่
    -ไม่รู้จริงรึเปล่า แต่คำว่า "ว่ากันว่า" มักจะจริงและไม่จริงพอๆ กัน
    -พระธาตุอินทร์แขวนมีชื่อภาษาพม่าว่า ไจทิโย
    -ไจทิโยเป็นเจดีย์ที่อยู่บนหินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงขอบๆ หน้าผา จะตกไม่ตกแหล่
    -นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้า 6USD หากมีกล้องเสียเพิ่มอีก 2USD
    -ผู้หญิงอนุญาติให้แค่ดูไจทิโยจากห่างๆ ผู้ชายอนุญาติให้เข้าไปจับลูบไล้ได้
    -ผู้ชายผมยาวก็อดลูบไล้เช่นกัน
    -ภาษีสนามบินเวลาออกจากประเทศพม่าคือ 10USD
    -คนพม่าใจดีมาก อันนี้ยืนยันจริงๆ
    -และพม่าเที่ยวสนุกมากด้วย
    -และที่สำคัญที่สุด...พม่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่สื่อนำเสนอ
    -พม่าชายแดนกับพม่าย่างกุ้ง มันต่างกันคนราวป่าดงดิบกับสวนสัตว์เลยนะครับ
    -พม่าเป็นประเทศที่มีหลายเผ่ามาก (ก็เลยมีคำนำหน้า "สหภาพ" ไง)

    -อ่านถึงตรงนี้...อย่าสงสัยเรื่องอองซานซูจีเลยครับ
    -มันเป็นเรื่องแช่แฟ้บที่ประเทศไหนๆ ก็มีครับ
    -อ่านถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าเค้าจะล้าหลังเราตลอดไปนะ
    -พม่าก็เหมือนชิ้นปลามันที่ประเทศไหนๆ คันตัวอยากมาลงทุนใจจะขาด
    -ลองเปิดประเทศเมื่อไหร่ มีเขย่งก้าวกระโดดข้ามหัวพี่ไทยแน่ๆ

    posted on 02 Mar 2009 03:37 by doggiestyle

    ที่มา http://doggiestyle.exteen.com/20090302/entry
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    The Book of Eli
    "ที่ใดปกคลุมด้วยความหมองหม่น ย่อมมีความหวังทอแสงเสมอ"

    [​IMG]

    [​IMG]

    ถ้าจะหานักแสดงอเมริกันที่โดดเด่น ทั้งบทในภาพยนตร์ตลาดแต่ขณะเดียวกันก็ขายฝีมือได้อย่างไม่น่าเชื่อ เดรเซล วอชิงตัน ต้องเป็นหนึ่งในนักแสดงกลุ่มนี้อย่างแน่นอน รับประกันด้วยรางวัลออสก้าร์ 2 ตัว และรางวัลอื่นๆอีกกว่า 50 รางวัลระดับบุคคล ในขณะเดียวกันก็มีภาพยนตร์ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ชมในด้านความบันเทิงจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น The Pelican Brief, Philadelphia, Inside Man, Deja Vu ฯลฯ

    และภาพยนตร์เรื่องล่าสุด The Book of Eli ก็เป็นอีกหนึ่งที่เดนเซล วอชิงตัน มาโชว์ฝีมือในบทของผู้นำความหวังมาสู่มวลมนุษย์ชาติในโลกที่หมองหม่นและเต็มไปด้วยมลพิษที่มาจากน้ำมือมนุษย์ นอกจากเดนเซล วอชิงตันแล้วยังมีอีกยอดฝีมือก็คือ แกรี่ โอลด์แมน ซึ่งไม่ต้องบอกว่านักแสดงผู้นี้จะมารับบทบาทอะไรไปได้ นอกจากตัวร้ายที่ศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะประกบกับเดนเซล วอชิงตันได้อย่างสบาย ส่วนผู้กำกับเป็นพี่น้องฮิวจ์ คืออัลเลนกับอัลเบิร์ต ที่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 2001 กับเรื่อง From Hell ภาพยนตร์จัดอยู่ในกลุ่มของภาพยนตร์ไซไฟ ที่อยู่ในโลกหลังสงครามครั้งใหญ่ที่ทำลายล้างโลกไปจนเหลือแต่ซากและสิ่งไร้ค่าเต็มไปหมด รวมทั้งผู้คนที่ต่างแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างบ้าคลั่ง

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>หลังสงครามที่เปลี่ยนแปลงโลกจากความอุดสมบูรณ์ มาสู่โลกที่แย่งชิงแม้แต่สิ่งที่เคยไร้ค่า อีไล (เดนเซล วอชิงตัน) เริ่มออกเดินทางหลังจากเหตุการณ์นั้นมาเป็นเวลา 31 ปี ด้วยการเดินเท้าผ่านถนนมุ่งไปทางทิศตะวันตก พร้อมกับแบกหนังสือเล่มหนึ่งที่ว่ากันว่ามีอำนาจถึงขนาดเปลี่ยนแปลงชะตาของมนุษยชาติทีเดียว เส้นทางที่เดินผ่านจึงต้องเผชิญกับความอดยาก มลพิษ การดักปล้น แย่งชิง และมนุษย์ที่เปลี่ยนตัวเองมากินมนุษย์ด้วยกันเอง แต่เมื่อมาถึงเมืองหนึ่งที่มีผู้ปกครองที่ชื่อคาร์เนกี (แกรี่ โอลด์แมน) และต้องการครอบครองหนังสือเล่มเดียวกับที่อีไลนำติดตัวมาด้วย เพราะเชื่อว่ามันจะนำอำนาจมาสู่ตัวเขา </O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>การแย่งชิงหนังสือก็เกิดขึ้นตามชื่อเรื่อง The Book of Eli พล็อตเรื่องไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากภาพยนตร์แนวโลกหลังหายนะที่มืดหม่นมากนัก โดยเฉพาะการมีฮีโร่ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือและนำความหวังมาให้ แต่ภาพยนตร์ก็หักมุมตอนจบได้อย่างน่าติดตาม แม้เราจะพอเดาออกได้ว่าหนังสือแห่งความหวังและเป็นที่มาของการแย่งชิงคือหนังสืออะไร เพราะเพียงต้นเรื่องก็เปิดเผยข้อมูลหนังสือนี้แล้ว แต่สิ่งที่โดดเด่นคงเป็นงานด้านภาพ และการแสดงของดาราคนสำคัญคือทั้งเดนเซล วอชิงตัน และแกรี่ โอลด์แมน โดยเฉพาะรายหลังต้องบอกว่าเหนือชั้นเหมือนเกิดมาเพื่อการนี้โดยแท้ </O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>The Book of Eli ให้มุมมองเชิงประชดประชันกับการบริโภคของมนุษย์ยุคปัจจุบันได้อย่างเจ็บแสบ เมื่ออีไลพูดคุยกับหญิงสาวที่เป็นตัวละครสำคัญคนหนึ่งในเรื่องคือโซลาร่า ซึ่งไม่เคยเห็นโลกก่อนเกิดหายนะและต้องการฟังว่า โลกเก่ามีความอุดมสมบูรณ์เพียงใด อีไลก็เล่าให้ฟังว่าโลกยุคนั้นมีการบริโภคอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งของมีค่าและของไร้ค่า รวมทั้งทิ้งขว้างสิ่งของอย่างมากมาย ซึ่งต่างจากโลกหลังหายนะแล้วที่ทุกอย่างมีราคาหมดไม่ว่าจะไร้ค่าเพียงใด ซึ่งก็หมายรวมถึงหนังสือที่อีไลแบกมาด้วยนั่นเอง เพราะถ้าเรามองในโลกปัจจุบันเราจะพบว่าหนังสือแบบนี้มีมากมาย จนหลายคนมองเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไปด้วย

    และถ้าเปรียบเทียบกับภาพในหนัง แม้แต่ซ้อสในถุงที่แจกในร้านฟาสต์ฟู๊ด ก็กลายเป็นสิ่งของล้ำค่าในโลกหลังสงครามไป มันเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและก็ย้อนมามองว่า ทุกวันนี้เราบริโภคแบบฟุ่มเฟือยจนลืมอนาคตทั้งใกล้และไกลมากน้อยเพียงใด และความหดหู่ หม่นหมอง หรือหายนะที่เกิดขึ้นก็มาจากตัวมนุษย์เองที่มุ่งเน้นแต่วัตถุ เหมือนอีไลที่แบกหนังสือและปกป้องและคาร์เนกีที่พยายามแย่งชิง แต่ลืมไปหนังสือก็เป็นเพียงวัตถุ หีบห่อหรือภาพลักษณ์ภายนอก แต่เนื้อหาและวิธีการในหนังสือต่างหากที่สำคัญที่ผู้คนต่างหลงลืมไป และเป็นอีกครั้งที่ได้เห็นมนุษย์ที่ถนัดกับการแย่งชิงเพื่อครอบครองมากกว่าการอื่นใด

    <O:p>ภาพยนตร์เสนอแง่มุมทางศาสนาเป็นประเด็นหลักอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่เป็นผู้นำหนังสือเล่มหนึ่ง (the book) ตามชื่อเรื่องไม่ต่างอะไรจากศาสดา ไม่เพียงแต่ในคริสต์ศาสนาเท่านั้น แต่เป็นทุกศาสนาเลยทีเดียว ไม่พ้นแม้แต่นิทานอย่างเห้งเจียที่เดินทางไปชมพูทวีปเพื่อนำพระไตรปิฎกมาเผยแพร่ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเมื่อโลกอยู่ในภาวะวิกฤติ มืดมน ไร้ความหวัง แต่ถ้ามีศรัทธาก็จะมีผู้ชี้นำทางออกเสมอ ซึ่งรวมไปถึงภาพยนตร์อย่าง Matrix หรือ Water World แม้ผู้ชมและนักวิจารณ์จะมุ่งไปว่าเป็นภาพยนตร์ที่โปรโมทคริสต์ศานาอย่างแรงก็ตาม

    ประเด็นที่ภาพยนตร์พยายามจะสื่อให้เห็นชัดด้วยภาพก็คือ ภาพมุมกว้างที่อ้างว้างเต้มไปด้วยมลพิษ และภัยร้ายจากมนุษย์ด้วยกันเอง แต่จะมีถนนพาดผ่านอยู่เส้นหนึ่งพร้อมกับการมาของอีไล ผู้แบกหนังสือไปหาจุดหมายที่วางไว้ มันเป็นภาพของความหวังบนเส้นทางที่ไร้หวัง รวมทั้งการเสนอภาพเหมือนกับวิวที่สวยงาม แม้จะแห้งแล้งและมีซากปรักหักพังอย่างไรก็ตาม เพื่อบอกว่าโลกยังสวยงามและมีความหวังเสมอ แต่ทำไมเราต้องรอให้โลกเกิดภัยพิบัติก่อนล่ะ ในเมื่อทุกวันนี้เราก็ป้องกันสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้โดยไม่ต้องรอฮีโร่คนใดได้เลย เพียงแค่เริ่มลงมือทำเท่านั้นเอง

    Posted by รักพงษ์, ผู้อ่าน : 1,565 , 18:38:45 น.

    ที่มา http://www.oknation.net

    </O:p></O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2010_book_of_eli_020.jpg
      2010_book_of_eli_020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      1,417
    • book-of-eli-560.jpg
      book-of-eli-560.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      1,452
    • eli-02.jpg
      eli-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      109
    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.4 KB
      เปิดดู:
      96
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.8 KB
      เปิดดู:
      107
    • 04.jpg
      04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      117
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.9 KB
      เปิดดู:
      109
    • the_book_of_eli-9.jpg
      the_book_of_eli-9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      105
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  12. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    Eli ตอนหนังกำลังโปรโมทผมเห็นปุ๊ปเข้าใจว่าอ่านเป็น ยูไล ของภาษาทางจีนๆ

    พอดูจนจบถ้าไม่ให้เห็นปกหนังสือคงเข้าใจว่าเป็นของพุทธ อิอิ
     
  13. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    ทำไมถึงเบิ้ลได้เนี่ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ได้ยินเสียงจากพระเจ้า….

    [​IMG]

    ผมยังไม่รู้จักว่าเสียงพระเจ้าเป็นอย่างไรครับ เป็นเสียงให้เราได้ยิน หรือเป็นความคิดที่เกิดขึ้นโดยพระวิญญาณทรงนำครับ คือบางครั้งมีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในคำภีร์ คือวันนั้นกำลังอธิษฐานอยู่ พออธิษฐานจบ ก็มีข้อพระคำภีร์ ลูกา 16 เข้ามาในหัว พอเปิดอ่านดู ก็เป็นเรื่องที่เพิ่งอธิษฐานไป อย่างนี้ที่มีข้อพระคำภีร์เข้ามานี่เป็นเสียงของพระเจ้ารึเปล่าครับ

    ผู้เชื่อ 17 เม.ย. 49 เวลา 1:36:46

    คริสเตียนส่วนใหญ่ มักเรียกการสื่อสารชนิดต่างๆ ที่ได้รับจากพระเจ้าว่าเป็น "เสียง" ค่ะ มีหลายรูปแบบ เป็นทั้งเสียงที่ได้ยินด้วยหู เสียงที่ได้ยินได้ในวิญญาณ หรือสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์, ธรรมชาติ, ถ้อยคำแห่งความรู้, ความฝัน, ภวังค์, นิมิต, พระคัมภีร์, หนังสือคริสเตียน, สัญลักษณ์ ฯลฯ

    อย่างเวลาอ่านพระคัมภีร์ถ้าเราได้อธิษฐานแบบดาวิดในสดุดี 119.18 พระเจ้ามักจะนำให้เราเกิดความเข้าใจพิเศษกับข้อความที่ดูธรรมดาๆ ให้เข้าใจในความล้ำลึกของข้อความนั้นๆ มากเป็นพิเศษ และบางครั้งพระเจ้าก็ตรัส หรือประทานคำตอบที่ตรงกับความจำเป็นของเราให้

    ในลูกากล่าวว่า แกะของพระเยซูย่อมรู้จักเสียงพระเจ้า และในยอห์นกล่าวว่าการตรัสของพระวิญญาณเป็นเสมือนลม เราได้ยินเสียงลม แต่ไม่รู้ว่าลมมาจากไหน ... เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ และท่อนไหนที่พระเจ้าต้องการสื่อด้วยกับเรา ลักษณะจะเป็นเหมือนแสงที่วาบเข้ามาในความคิด คล้ายๆ ปิ๊งๆๆๆ ใช่เลย!!! ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงพระเจ้าแหละค่ะ แต่เราก็ต้องมั่นใจดีๆ นะคะ เพราะบางครั้งเราก็เข้าข้างตัวเองได้ และมีโอกาสที่มารจะหลอกใช้พระคำพระเจ้าหันเหความจริงได้ด้วย ต้องอธิษฐานพึ่งพาการทรงนำดีๆ โดยเฉพาะคำตอบเรื่องสำคัญๆ ... มิฉะนั้น เราจะเอาโล่(ความเชื่อ)ของตัวเอง ป้องกันพระแสง(พระคำ)พระเจ้าไม่ให้ทะลุแทงใจได้ ^_^

    วิธีอื่นๆ ที่พระเจ้าจะตรัสด้วย นอกจาพระคัมภีร์แล้ว ก็จะคล้ายๆ กัน คือ ถ้าเราคุ้นเคยกับพระองค์ เราก็จะรู้จักพระองค์ คือ พัฒนาความสัมพันธ์เรากับพระเจ้า ... และสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุด ก็เป็นพระคัมภีร์นี่เอง เพราะการสื่อสารทางอื่น จะต้องไม่ขัดแย้งใดๆ กับพระวจนะของพระเจ้าเลย

    Pop BFC 18 เม.ย. 49 เวลา 18:01:17

    คุณ คำตอบที่ 1 ชัดเจนดีครับ แต่ขอขยายความในส่วน ของการที่เรามีประสพการณ์ในการฟังเสียงของพระเจ้านะครับ พระเจ้าสื่อสารกับเราหลายวิธี ในส่วนของการแยกแยะการฟังพอจะจำแนกได้ดังนี้
    1. เสียงในใจที่แผ่วเบา
    - เสียงนี้จะเกิดในความคิดของเรา ระดับของเสียงชั้นนี้ มีโอกาสที่จะเป็นความคิดของเราค่อนข้างมาก และ ควบคุมได้ให้อธิษฐานทูลขอให้ชัดเจน และ อธิษฐานผูกมัดเสียงรบกวนจากมาร เพื่อจะฟังเสียงของพระเจ้าเท่านั้น ลักษณะของเสียงจะคล้ายเสียงของเรา แต่เหมือนสะท้อนมาจากที่ห่างไกล เสียงของพระเจ้าจะเป็นด้านบวกเท่านั้น เสียงของมารจะมีลักษณะรุกเร้าและถือสิทธิ และ เป็นความคิดแง่ลบ ถ้ารู้สึกว่าถูกรบกวนระหว่างอธิษฐานให้อธิษฐานในนามพระเยซู และ ขอ พระโลหิต ของพระองค์ผูกมัด การรบกวนของมาร ..จงต่อสู้กับมารแล้วมันจะหนีท่านไป ส่วนมากในการอธิษฐานเรามักจะได้ยินเสียงนี้ ให้ทูลถามว่านี่มาจากพระองค์หรือไม่ ขอการยืนยันจากพระองค์

    2. เสียงในใจที่ผ่าเข้ามาท่ามกลางการอธิษฐาน

    - บางครั้งเมื่อเรา อธิษฐานพระเจ้าจะตรัสกับ เราผ่าเข้ามาท่ามกลางการอธิษฐาน เสียงนี้จะชัดเจน ในใจบางครั้งมาพร้อมภาพนิมิต ข้อสังเกตุ คือ ลักษณะเสียงในใจ เช่นนี้เรา ไม่สามารถบังคับให้หยุดได้ ต้องยอมพระองค์จนจบ ข้อสังเกตุอีกประการ คือ เสียงนี้จะมีพลังอำนาจจนเราไม่สงสัย สิ่งใดอีก เพราะบอกแล้วว่า เสียงของพระเจ้าเป็นแง่บวกเท่านั้น ผมเคยมีประสพการณ์นี้ครั้งหนึ่งเมื่อไปที่ นอร์เวย เป็นพระมหาบัญชา ที่ตรัสผ่ามาท่ามกลางการอธิษฐาน ในฝ่ายวิญญาณ นั้น ผมยอมจำนนต่อพระองค์ จนร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ น่าสังเกตุว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสจะมีรากฐานอยู่ในพระคัมภีร์ ทั้งสิ้น (ตรงนี้เป็นข้อสังเกตุส่วนตัว แต่หัวข้อที่ผมยกมานั้นได้มาจากหนังสือ " เพื่อท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะ" ขออภัยที่ตอนนี้จำชื่อผู้เขียนไม่ได้ต้องไปค้นดูก่อน)

    3. เสียงที่ตรัสให้เราได้ยิน

    - เสียงนี้เป็นเสียงที่พระองค์ตรัสให้ได้ยินจริง ๆ แต่พระองค์ไม่ใช้วิธีนี้กับทุกคน หรือ ไม่บ่อยนักนอกจากพระองค์ มีสิ่งที่เฉพาะเจาะจงจะตรัสกับเรา (ผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงในขั้นที่ 3 นี้เลย) ขอหนุนใจให้อธิษฐานทุกวัน หมั่นเข้าเฝ้าพระเจ้า แล้วคุณจะคุ้นเคยกับพระองค์เป็นการส่วนตัว เพราะ พระนามหนึ่งของพระเจ้าของเรา ในภาษาฮีบรู ได้ชื่อว่า พระเจ้าแห่งความเป็นส่วนตัว (ในภาษาฮีบรู มีชื่อที่ใช้เรียกพระเจ้าด้วยความยำเกรงหลายชื่อ เพราะ คนฮีบรูในสมัยก่อนยำเกรงพระเจ้าจนไม่กล้าเอ่ย พระนามอย่างพล่อย ๆ พระนามที่ชาวฮีบรูเรียกขาน เช่น พระเจ้าแห่งอับราฮัม, พระเจ้าแห่งยาโคบ , อาโดนาย, อาโดน ,เอโลฮิม ฯลฯ

    นิติ 25 เม.ย. 49 เวลา 20:39:03

    ที่มา http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=2174

    หมายเหตุ

    ที่ผมได้นำเรื่องได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้มาโพสต์ในกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการจะมาชักจูงให้ท่านไปนับถือศาสนาคริสต์แต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า ชาวพุทธของเราที่มีความสามารถได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้ก็มีมากมายหลายท่านด้วยกัน เช่น อ.ปริญญา ตันสกุล เรียกเสียงที่ได้ยินนี้ว่าจิตจักรวาลดวงใหญ่ คุณหนุมาน ผู้นำสาร เรียกเสียงนี้ว่าโลกุตตรธรรม คุณแม่เกษร สุทธจิตจันทร์ประภาพ เรียกเสียงนี้ว่า องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา ทางสำนักอนุตรธรรมเรียกเสียงนี้ว่า องค์พระอนุตรธรรมมารดา

    สรุปรวมความว่า จะเรียกแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม แต่หมายถึงผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสากลจักรวาล ส่วนตัวตนที่แท้จริงของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสากลจักรวาลนี้ จะเป็นใครหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ความคิดความเชื่อของท่านที่ได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้ ซึ่งเรียกแตกต่างกันไปตามความคิดความเชื่อของตนเองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1258368960.jpg
      1258368960.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      97
    • 1258361643.jpg
      1258361643.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.7 KB
      เปิดดู:
      93
    • 00.jpg
      00.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.4 KB
      เปิดดู:
      2,736
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2010
  15. newcherry

    newcherry สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +3
    จงดูอดีตย้อนหลัง... และปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ตราบใดที่มนุษย์โลก
    ยังเบียดเบียดธรรมชาติมากเกินไป ไม่รู้จักคำว่า ..พอดี.. มันก็ถึง
    เวลาที่ธรรมชาติจะลงโทษมนุษย์โลก ...
     
  16. Dear_Jung

    Dear_Jung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +143
    ปิดเสียงจากเว็บตรงไหน
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ข่าวสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ยังคงรุนแรงอยู่ครับ วันสองวันนี้ เกาหลีใต้ หยุดทั้งประเทศเพื่อให้ทุกคนในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ซ้อมอพยพเข้าที่หลบภัย (ส่วนใหญ่หลายประเทศทั่วโลกนิยมใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นที่หลบภัยตั้งแต่สมัยสงครามโลก)

    รวมทั้งซ้อมรับมือกับอาวุธเคมี ชีวภาพ

    มีข่าวว่า รัสเซียส่งมิก มาสังเกตุการณ์สองลำและไม่เห็นด้วยกับการกดดันเกาหลีเหนือของสหรัฐ

    ตอนนนี้จึงมีปีก เกาหลีเหนือ จีน รัสเซีย

    และเกาหลีใต้ สหรัฐ ญี่ปุ่น

    ------------------------------------------


    มีเค้ารางของสงครามเกิดขึ้น ไทยเราพร้อมรับผลกระทบจากการยิงนิวเคลียร์แล้วหรือยัง

    ฝุ่นกัมมันตรังสี

    ฤดูหนาวนิวเคลียร์
     
  18. chaiwatnchu

    chaiwatnchu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +28
    ร้อยเอ็ดอ่วมลำน้ำชีทะลัก อ.จังหารจมบาดาล 7 ตำบล


    วันพุธ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553
    [​IMG]


    ร้อยเอ็ดอ่วมสาเหตุเกิดจากลำน้ำชีทะลัก อ.จังหารจมบาดาล 7 ตำบลเสียหายหนักรอรับการช่วยเหลือ


    จาก สถานการณ์ฝนตกหนักและเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ปล่อยน้ำออกเต็มที่ทำให้ไหลลงลำน้ำชีที่อยู่ตอนล่าง ไหลบ่าล้นตลิ่งเข้าท่วมอำเภอที่อยู่ติดลำน้ำชี ของจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ อ.จังหาร อ.เชียงขวัญ อ.โพธิ์ชัย อ.เสลภูมิ อ.อาจสามารถ อ.พนมไพร และ อ.ทุ่งเขาหลวง หนักสุดได้แก่อำเภอจังหารซึ่งเป็นอำเภอแรก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 เป็นต้นมา ทำให้น้ำชีล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วม นาข้าว บ้าน วัด โรงเรียน ถนนระหว่างหมู่บ้านของอำเภอจังหาร ระดับน้ำสูง 1 - 3 เมตร และขยายวงกว้างออกไป 7 ตำบล 47 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลผักแว่น,ตำบลม่วงลาด,ตำบลแสนชาติ,ตำบลดินดำ,ตำบลดงสิงห์,ตำบลจังหาร,และ ตำบลปาฝา นาข้าวเสียหายสิ้นเชิงกว่า 15,000 ไร่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 754 ครัวเรือน ชาวบ้านต้องลุยน้ำเร่งเก็บเกี่ยวข้าวแม้ยังไม่สุกเต็มที่เอาผึ่งแดดไว้กิน เองและ เลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรในหมู่บ้านสูง 1-2 เมตร ต้องใช้เรือพายและเรือท้องแบน หนักสุดบ้านดินแดง หมู่ 3 ตำบลดงสิงห์ น้ำท่วมหมดทั้งหมู่บ้านจำนวน 124 หลังคาเรือน บ้านหนองแค หมู่ 8 ตำบลผักแว่น บ้านเรือนจมน้ำ 24 หลังคาเรือนมีสภาพเป็นเกาะ บ้านดินดำ หมู่ 9 น้ำท่วมสูง 129 หลังคาเรือน และบ้านเลิงคา หมู่ 8 ,หมู่ 12 ตำบลดินดำ น้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน 161 หลังคาเรือน ทั้งนี้มีวัดที่ถูกน้ำท่วมสูงเดือดร้อน ได้แก่ วัดสุขสวัสดิ์ , วัดบ้านโนนเชียงบัง วัดท่าสมบูรณ์ วัดป่าศรีเรืองชัย และวัดป่าดอนสวรรค์ ต้องชาวบ้านอพยพสัตว์เลี้ยง สิ่งของ ยานพาหนะ เด็ก คนชราไปพักบ้านญาติที่น้ำท่วมไม่ถึงและสร้างเพิงพักบนพนังกั้นน้ำจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นและลมแรง นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ต้องปิดโรงเรียน 2 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านโนนเชียงบังหาดหนองแค และโรงเรียนดินดำหนองบัวรองวิทยา ซึ่งอาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้บ้านและวัดก็เสียหายเช่นกัน รอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด่วน ส่วนชาวนาวอนรัฐบาลแจกพันธุ์ข้าวปลูกนาปรังด่วนเพราะสิ้นเนื้อประดาตัว เงินหายไปกับน้ำหมดแล้ว

    จังหวัด ร้อยเอ็ดได้รับผลกระทบจากลำน้ำชีติดต่อกันมา 9 ปีแล้ว แม่น้ำชี ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำมูล เกิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ แม่น้ำชีถือว่าเป็นแม่น้ำที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ไหลผ่านชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคามและร้อยเอ็ด และไหลไปบรรจบกับแม่น้ำมูลในจังหวัดอุบลราชธานี มีความยาวทั้งสิ้น 765 กิโลเมตร ในทุกปีหากฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดทางเหนือและเขื่อนปล่อยน้ำออกหวั่น เขื่อนพัง รวมทั้งฝนตกหนักในพื้นที่ร้อยเอ็ด น้ำชีจะล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อำเภอริมฝั่งลำน้ำชีของจังหวัด ร้อยเอ็ดทันที ราษฎรชาวร้อยเอ็ดต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนกว่ารัฐบาลจะหาวิธีการจัดการบริหารน้ำชีได้อย่างยั่งยืนเมื่อไหร่ชาว ร้อยเอ็ดจึงจะพ้นวิกฤติน้ำท่วมได้
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนนี้เราหลายท่านอาจลืมไปแล้วว่า มีอีกหลายจังหวัดของไทยเราเองที่ยังประสบภัยพิบัติทางน้ำอยู่

    พัทลุง และอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้

    ร้อยเอ็ด

    แต่ความช่วยเหลือ แผ่วไปมากแล้ว

    ทำอย่างไรที่จะช่วยกันทำให้ทุกพื้นที่พึ่งพาตนเองได้
     
  20. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    15 ธ.ค. 53


    วันอาทิตย์ที่ 19 ที่จะถึงนี้ หากว่าหลานจิ๊บ(อติกานต์ หนุนภักดี) เสร็จจาก
    การพูดเรื่องภัยพิบัติให้ผู้ไม่ทานเนื้อสัตว์ ณ.สถานธรรมแห่งหนึ่งถ้าไม่ติดธุระ
    ก็จะไปร่วมฟังการบรรยายที่ ม.ศรีประทุมด้วยกัน ท่านผู้ใดที่สนใจฐานผาแบ่น
    อ.เชียงคาน จ.เลยก็เข้ามาทักทายและพูดคุยกันเผื่อจะมีบุญสัมพันธ์กัน




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...