(ปิดกระทู้)แจ้งข่าวอ.ต้น (คนวัด) เรื่อง พิธีขอขมากรรม,ระเบิดจิต,สักผงสีวลี,สักไก่แดง ประจำปี 2554

ถามค่ะ ระหว่างคำว่า พระโพธิสัตว์ , พุทธภูมิ , ลาพุทธภูมิ ต่างกันตรงไหนค่ะ และมีแนวทาง และความแตกต่าง การปฎิบัติ แต่ละขั้น มีความเข้มข้น ต่างกันอย่างไร แบ่งออกมาอย่างไรคะ

 

ตอบ ค่อยๆละสังโยชน์ไปทีละข้อครับ และปฏิบัติตามอริยมรรค
สังโยชน์ 10อย่าง มี
1 สักกายทิฎฐิ ความสำคัญหลงผิดว่ารูปกายนี้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเป็นของตน ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของตนโดยขาดการไตร่ตรองพิจจารณาตามภาพจริงมีทิฐิยึดมั่นในตน
2 วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย สงสัยในเรื่องของผลบุญผลกรรม ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าสมควรเชื่อหรือไม่ ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ พรหม ฯลฯไม่เชื่อเรื่องการเวีนยว่ายตายเกิดฯลฯ
3 สีลพพตปรามาส ความสงสัยความด่างพร้อยในการรักษาศีล
4 กามราคะ
5 ปฏิฆะ ความอาฆาตผูกพยาบาทความโกรธ ฯลฯ
6 รูปราคะ ความติดใจพิศวาสในรูปโฉมของบุคคลฯลฯ
7 อรูปราคะ ความพอใจในสุขอันเป็นสุขเวทนา เสียง รสกลิ่น สัมผัสอันน่าพอใจฯลฯ
8 มานะ ความทะนงตนว่าดีกว่าเขา ฯลฯ
9 อุทธัจจะ ความวุ่นวายใจความฟุ้งซ่านคิดปรุงแต่งสารพัดฯลฯ
10 อวิชชา ความไม่รู้ในอริยสัจธรรม ความลุ่มหลงในสิ่งที่ผิด ไม่รู้สัจธรรมตามจริง ความไม่รู้ชัดในสภาวะธรรม

 

ถามค่ะ อ. แล้วพวกเราคนธรรมดา ที่ปฎิบัติมั่ง ไม่ปฎิบัติมั่ง ใช้ชีวิตดำเนินไปตามวิถี ให้นับถือ ครู อาจารย์ คนไหนก็ตามเค้าไป หนังสือเล่าไหนดีก็ซื้อมาอ่าน ทั้งๆที่ยัง หาจุดยืนของตัวเองไม่ได้ ปฎิบัติไปแบบ มั่วๆ ตามเค้าไป แบบนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรคะ ว่าเรามุ่งมั่นไปทางไหน ระหว่างคำว่า พระโพธิสัตว์ , พุทธภูมิ , ลาพุทธภูมิ เราเลยไม่รุ้ว่า ตรงลงเราปฎิบัติไปทางไหน มีอะไรเป็นตัวบ่งบอก ให้เรารู้บ้างคะ จะได้ปฎิบัติให้ถูกทาง

 

ตอบ อาการที่เกิดนั้น อาจมีสาเหตุมาจาก
1 อาการปิติที่เกิดขึ้นในขณะสวดมนต์ฯลฯ
2 กายหยาบเราสามารถรับพลังกระแสของอำนาจคุณพระรัตนตรัยได้
3 เทวดาที่รักษาตัวและรักษาผงยามาร่วมอนุโมทนา
แต่ไม่ว่าจะมีอาการเกิดแบบไหน เวทนาเป็นแบบไหนก็อย่าไปสนใจไปยึดเอาเวทนาไว้ จะเกิดก็เกิดไปเราแค่รับรู้แล้วเราก็นิ่งเฉย อาการที่เกิดจะหายไปเอง
ถ้าเราติดเวทนาดังกล่าว ตัวเราจะปฏิบัติก้าวหน้าไม่ได้เพราะอารมณ์จะคอยสังเกตุว่าเมือ่ไหร่จะมีเวทนาแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก ถ้าเกิดก็ดีใจถ้าไม่เกิดกำลังใจเราจะลดน้อยลงดังนั้นเวทนาอันใดจะเกิดก็ขอให้เราแค่เอาสติตามดูแล้วก็ละวางเสียเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไปพิจจารณาตามสัจธรรมตามจริงก็จะเกิดปัญญาขึ้นมาทำให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้าตามลำดับ

 

ตอบ อาการเบือ่แบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ ตัวผมเองก้เบื่อๆแบบนี้บ่อย แต่ส่วนมากนะ มักจะเบื่อไม่สุด จึงเกิดอาการเบื่อๆอยากๆ ใครก็ตามที่ยังมีกิเลสอยู่ จะอยู่ในสภาพเบื่อๆอยากๆแบบนี้ทุกคน เช่นวันนี้เบื่อ พรุ่งนี้อยากทำนั่นทำนี่ แล้ววันต่อไปก็เบื่ออีก และต่อไปก็เกิดความอยากอีก มันสลับกันอยู่แบบนี้แหละ
เวลาไม่ได้ดังใจก็เบื่อ เห็นความวุ่นวายก็เบื่อ พอมีกิเลสมายั่วก็เกิดความอยากขึ้นมาอีก
หากเบื่อๆอยากๆก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรมาก ปล่อยเอาไว้เฉยๆเดี๋ยวก็หาย หลบพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ความอบอุ่นใจกับตัวเองและครอบครัวไม่นานอาการต่างๆก็หาย
แต่หากเบื่อจริงก้เอาความเบื่อนี้แหละมาพิจจาณณาว่าเราไม่ปราถนามาเกิดอีก
อยู่ลำพังบำเพ็ญเพียรเข้าสู่กระแสนิพพานให้ได้
อันนี้จะเกิดประโยชน์ของการเบื่อได้ดีที่สุด

 

ตอบ อย่าพึ่งไปคิดไกลและกว้างเลย เอาใจเราตัวเรากายเราให้ตั้งมั่นอยู่ในไตรสิกขาสามให้มั่นก่อน ไตรสิกขาสาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เอาตรงนี้ให้มั่นก่อน แล้วปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ เมื่อเราปฏิบัติได้เข้าที่เข้าทางแล้ว เราจะทราบด้วยใจของเราเองว่าเราน่าจะเหมาะสมกับองค์ธรรมข้อไหน เปรียบเหมือนขึ้นต้นไม้ เราก็ค่อยๆปีนจากลำต้นไปหายอดไม้ จะก้าวกระโดดทีเดียวไปไกลคงไม่ไหวแน่ๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะสบายใจกว่าเยอะ

 

เปิดกรรมทางไปรษณีย์
ท่านใดที่มีอีเมล์นะครับแล้วมีความต้องการให้ผมส่งทางอีเมล์ก็ให้ลงอีเมล์เอาไว้ครับ เพราะการเปิดกรรมในครั้งแรกผมจะนั่งดูแล้วเขียนเอาไว้ในทีละหัวข้อ หลังจากนั้นผมจะเช็ตดูอีกทีเพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อน แล้วก็จะสอบถามการแก้ไขจากบรมครู เสร็จแล้วมาเขียนสรุปอีกครั้งแล้วก็มานั่งพิมเอกสารแล้วถึงจะจัดส่ง แต่ถ้าท่านใดมีอีเมล์ก็จะสดวกและง่ายครับท่านได้รับไวแล้วก็ผมจะจัดส่งพระกับเอกสารที่เหลือตามหลังครับ ผมจะจัดส่งครั้ง
เดียวทั้งหมดในวันที่2 ธันวาคม2553ทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน ป้องกันสูญหาย
จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั้งกันครับ
อ.คนวัด บ้านดวงธรรม

 

อ.ครับ ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับ ธรรมะและจิตวิทยา เล่มนึงเค้าบอกว่าในการใช้ชีวิตประจำวันเราควรจะมีสติให้มากกว่าสมาธิ เพราะสติทำให้เรารู้ตัวตลอดเวลา ทำให้ทำอะไรเร็วขึ้น ส่วนสมาธิทำให้เราทำอะไรช้าลงเพราะเรามัวแต่เพ่งหรือจดจ่อกับสิ่งนั้นมากเกินไป ผมอยากทราบว่า แสดงว่าสติดีกว่าสมาธิรึเปล่าครับ หรือ หนังสือเล่มนี้เค้าเข้าใจอะไรผิดไป

 

อ.ต้นครับ ของผมไว้จะไปเอาที่บ้าน อ.ต้น

ที่นครนายก...วันที่ 4 ธค.53 วันที่ไปสักไก่แดงแล้วกันนะครับ อ.ต้น

 

ตอบ สติคือตัวรู้ ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรเป็นอะไร ฯลฯ สมาธิคือจิตที่ตั้งมั่นในอารมณ์ใดอารมณืนึงครับ
แต่ตามจริงแล้วสองอย่างมันต้องควบคู่กันมันสามารถใช้รวมกันได้ ไม่สามารถขาดอย่างใดอย่างนึงได้ เช่น
เรามีสติรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่นะ แต่ว่าถ้าเราไม่มีสมาธิคือมีจิตใจที่มุ่งมั่นในการทำงานนั้นๆงานที่เราทำก็ไม่สามารถทำได้ดีครับ
จริงๆแล้วมันต้องใช้คู่กัน

 

ลำดับที่ 2 เปิดกรรมทางไปรษณีย์ขอแจ้งอีเมลล์ครับ bombee555@hotmail.com

 

ถ้าจะขอเลื่อนวันที่นัดสักไว้แล้วเป็นวันอื่นค่ะ

สวัสดีค่ะ ต้องขอโทษด้วย
ที่ดิฉันได้นัดไปแล้วของวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 จำนวน สองคน ตอนบ่าย อยากจะขอเลื่อนไปเป็นวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม 2553 ตอนบ่าย
ไม่ทราบว่าจะได้ไหมค่ะของวัน11ธันวาคม ค่ะ

 

ลำดับที่ 12 เปิดกรรมทางไปรษณีย์
ขอแจ้งอีเมล์ครับ natona2002@hotmail.com

 

รู้สึกว่า วันที่ 11-12ธค 53 นี้ผมอาจจะไม่ว่างครับเพราะมีคณะกลุ่มศิษย์ที่ใกล้ชิดนัดกับผมจะเดินทางนำข้าวสารไปถวายวัดครับ โดยผมมีโครงการข้าวสารถวายวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ทุกสิ้นเดือนครับโดยเริ่มจากเดือนพ.ย53นี้เป็นต้นไป วัดแรกที่จำนำไปถวายคือ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ครับ
ขออนุโมทนาบุญครับ
อ.คนวัด

 

ถาม สวดคาถาเงินล้านหรือสวดบทคาถาอื่นๆแล้วจะร่ำรวยมีเงินมีทองได้จริงหรือป่าวครับตอบ การสดวมนต์นั้นถือเป็นการสรรเสริญคำสอนที่พระพุทธองค์ที่ท่านทรงตรัสเอาไว้ เมื่อคำสอนของท่านคือสัจธรรมคำสวดที่เราได้สวดออกไปนั้นย่อมมีพลังงานของกระแสบางอย่างเกิดขึ้น จุดมุ่งหมายของการสวดนั้นไม่ได้สวดเพื่อร้องขอหรืออ้อนวอนในสิ่งใดๆแต่เป็นการสรรเสริญคำสอน
แต่ที่คุณถามนั้น ผมขอตอบอย่างตามจริงโดยแบ่งออกเป็นเหตุผลตามจริงได้ดังนี้ครับ
1 ก่อนอื่นเราต้องถามตัวเราก่อนครับว่าจุดมุ่งหมายในการสวดมนต์ของเราเราสวดเพื่ออะไร ถ้าสวดเพื่อสรรเสริญแล้วเอาคำสอนมาปฏิบัติก็ถือว่าได้กุศลอย่างสูงเหมาะบทสวดนั้นเป็นหลักธรรมคำสอนล้วนๆ แต่ถ้าสวดเพื่อจุดประสงค์อื่นก็ว่ากันตามลักษณะต่างกันไป
2 คำสอนของพระพุทธองค์ท่านก็ทรงกล่าวเอาไว้แล้วว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกอย่างมีเหตุและผลตามจริงทั้งนั้น ถ้าไม่สร้างเหตุแห่งการได้มาเอาไว้ผลที่จะได้รับก็คงไม่มีเพราะไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุทุกอย่างล้วนแต่มีเหตุเป็นปัจจัยทั้งนั้นตามหลักความจริง
3 เมือ่บทสวดคือหลักธรรมคำสอนที่เป็นพุทธพจน์ ก็ย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัจธรรมตามจริงสวดสรรเสริญในบทที่กล่าวไว้เช่นไรย่อมมีอำนาจพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นมาเช่นนั้น ดังนั้นการสวดมนต์ถึงแม้เราจะไม่ได้หวังผลอะไรก็ตามมักจะมีผลพลอยได้ที่ติดตามเราเกิดขึ้นมาเสมอๆ
4ที่ถามว่าสวดแล้วจะรวยหรือไม่นั้น ขอให้เราทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า เจตนาของการสวดมนต์ที่แท้จริงคืออะไร แล้วถ้าสวดมนต์นี้ผลที่ได้รับดังที่กล่าวเอาไว้นั้นจะเกิดขึ้นมาตามจริงหรือไม่ ถ้าเราสวดอย่างเดียวโดยขาดการสร้างเหตุซึ่งจะได้มาในสิ่งที่เราต้องการคงเป็นไปได้ยาก เมื่อเราพิจจารณาตามจริงเราจะรู้ว่า อืมเราเอาแต่สวดอย่างเดียวไม่ได้เราต้องสร้างเหตุของการได้มาในสิ่งนั้นเอาไว้ด้วยผลมันถึงจะเกิด
ถ้าพิจจารณาตามจริงนะครับ บทคาถาเงินล้านนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เมตตาให้ไว้เพื่อเป็นกำลังใจในการทำดี แล้วเห็นไหมครับว่าท่านก็ไม่ได้ให้แต่คาถาอย่างเดียวแต่ท่านก็ทรงวางเอาหลักการเอาไว้ดังนี้คือ
ผู้ที่สวดคาถาเงินล้านควรมีข้อวัตรปฏิบัติดังนี้
1 ห้ามลักทรัพย์ ให้รักษาศีลข้ออทินนาอย่างเคร่งครัด
2 ห้ามดื่มสุราเมรัย
3 ต้องทำทานทุกวัน
ถ้าเรามาคิดกันนะครับทำไมท่านถึงวางหลักการปฏิบัติเอาไว้แบบนี้ก็เพราะหลักการทั้งสามข้อนั้นส่งผลที่ตัวผู้ปฏิบัติได้ชัดเจนครับ คือ
1 เมือ่เราไม่ลักทรัพย์ ผลที่เราพึงจะได้รับก็คือทรัพย์ของเราก็ไม่ถูกใครลักขโมยเช่นกันตามอานิสงฆ์ของการรักษาศีลข้ออทินนา
2 เมือ่เราไม่ดื่มสุรา ก็เป็นเหตุให้เราไม่ประมาท ไม่เสียสติ ไม่นำทรัพย์ที่เราหามาได้ไปดื่มสุราเสียหมด แล้วเมื่อเราดื่มแล้วเมื่อขาดสติ เราก็สามารถสร้างเหตุที่ทำให้เสียทรัพย์หมดทรัพย์ ได้อีกหลายอย่างมากมาย
3 เมื่อเราทำทานทุกวัน ผลของการให้ทานก็ย่อมส่งผลให้เรามีกินมีใช้ไม่อดอยากยากจน
ตามอานิสงฆ์ของการทำทาน
นี่คือผลที่พึงจะได้รับเมือ่เราสามารถปฏิบัติตามหลักการที่ท่านได้เมตตาให้ไว้
5 บทสวดที่หลวงปู่หลวงพ่อท่านได้เมตตาให้ไว้นั้นท่านก็ทรงได้มาคุณพระรัตรตรัยเทพเทวาที่ท่านเมตตาบอกเอาไว้เพื่อเป็นการเสริมกำลังใจ ให้เราทำดีเมื่อบทสวดเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ก็ย่อมถือว่ามีแรงพลังตามจริงบางอย่างเมื่อเราสวดกระแสพลังต่างๆย่อมมีเกิดขึ้นได้แน่นอนอยู่แล้ัวครับ
6ถ้าจะถามผมว่าสวดแล้วรวยจริงป่าวผมตอบแบบชัดเจนเลยครับ รวยครับ รวยศีล รวยธรรม รวยทาน รวยน้ำจิตน้ำใจ ฯลฯ ส่วนเรื่องรวยทางโลกนั้นเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาในภายหลังครับถ้าท่านปฏิบัติตามเหตุผลตามจริง ก็ได้ผลครับ
ผมขอเสริมอีกนิดนึงนะครับว่า
- การทำอะไรด้วยจิตที่ประกอบด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ผลของสิ่งที่เราได้ทำนั้นมักจะมีผลน้อยหรือไม่มีเลยก็ได้ครับ
- ดังนั้นขอให้วางใจเป็นกลาง แล้วตั้งมั่นทำความดีปฏิบัติต่อไปคุณจะสมหวังครับ
- มีหลวงพี่หลวงพ่อหลวงตา ญาติธรรม นำไปสวดแล้วปฏิบัติตรงตามเหตุตามผลแล้วได้ผลมีมากครับ ยกตัวอย่าง ก็มีหลายท่าน
สรุป ผลที่ได้รับจากการสวดมนต์ที่เราได้รับในตอนแรกเลยที่รู้สึกได้คือความเย็นกายเย็นใจเบากายและใจครับ ส่วนผลที่จะได้รับในเรื่องต่างๆนั้นก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและการกระทำของตัวเราเองเป็นหลักครับ ศาสนาพุทธไม่สอนให้กราบไหว้อ้อนวอนแต่อย่างเดียว แต่ให้เราลงมือกระทำในสิ่งที่เราต้องการให้เกิดผลสำเร็จขึ้นมามากกว่าครับ
ขออนุโมทนาในคำถามทุกคำถามครับ
อ.คนวัด บ

 

อนุโมทนาครับ อ.คนวัด

 

ร่วมทำบุญข้าวสารด้วยค่ะ และ ตกลงจะไปวันอาทิตย์นี้ค่ะ

อนุโมทนาค่ะ ดิฉันขอร่วมถวายข้าวสาร และจะนำไปให้ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553 นี้ ด้วยเลย
และตกลงยืนยันทำการสักต่างๆ สองคน ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน ด้วยค่ะ จะไปถึงในตอนบ่ายโมง
ดิฉันไม่รู้เส้นทาง แต่ได้ที่อยู่มาแล้ว คิดว่าจะไปได้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

 

แล้วจะร่วมโครงการข้าวสารถวายวัดกับอาจารย์ได้อย่างไรคะ ถ้าไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย

 

ลำดับที่ 1 แจ้งอีเมลล์ค่ะ Pattma402551@hotmail.com

 

จองเปิดกรรม ทางไปรษณีย์ 2 คนค่ะ
โอนแล้ว 500 บาท วันที่ 26/11/53 เวลา 18.44 น.
(ส่ง sms จากธนาคารไปที่เบอร์อาจารย์ ด้วยค่ะ)

รายละเอียด จะ PM ไปให้ค่ะ
Email : mint_8000@yahoo.com