มีใครเป็นลูกหลานเสด็จปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราชบ้างครับ

สวัสดีคับ เข้ามาครั้งแรกเลยช่วยแบ่งปันประสบการณ์บ้างนะคับ...

ทราบไหมคับว่า พ่อปู่ศรีสุทโธมีลูกกี่คน

 

มีภาพบรรลังค์พญานาค 9 เศียร ของพระอุปคุต มาฝากครับ (ภาพก่อนเททองหล่อ) และได้เททองหล่อไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันออกพรรษาที่ผ่านมา พร้อมกับได้จัดส่งเรือเงิน เรือคำ และ เรือเครื่องบริขารพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ทั้งหมด 7 ลำ ล่องไปตามแม่น้ำโขง โดยพญานาคในลุ่มน้ำโขงท่านมารับเอาไป นำโดยพ่อพญาศรีสุทโธและพญาศรีสัตตนาค ท่านทั้งสองก็ได้ให้ภาพปรากฏในกล้องถ่ายรูปมาด้วย ผมกำลังตามรูปจากคนถ่ายรูป แล้วจะนำลงมาให้ชมกันครับ

 

ขออนุโมทนากับคุณอัญญาสิทธิ์และคณะพระเจ้า๕พระองค์ด้วยครับ ขอพระบารมีแห่งเสด็จปู่จงปกป้องคุ้มครองลูกหลานให้พ้นภัยพิบัติด้วยเทอญ..สาธุ.สาธุ

 

มารอดูรูปเหมือนกันค่ะ

 

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ถ้ามีโอกาส คงได้ร่วมบุญกันนะค่ะ

 

สัปดาห์ก่อน(4-5-6 พ.ย.)เดินทางไปภาคเหนือ ไปอธิษฐานที่พระธาตุดอยสุเทพ พระธาตุหริภุญชัย เจ้าพ่อประตูผาและที่ดอยบุษราคัม(วัดอนาลโย) ที่ดอยบุษราคัมนี้เกี่ยวข้องกับพญามังกรที่เป็นภูมิรักษาในเขตนั้น เขาเฝ้าวนเวียนจะเข้ามาร่วมสร้างบารมีสร้างที่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์นานแล้ว แต่ผมไม่มีเวลาไปที่ดอยบุษราคัม ไปคราวนี้ก็สำเร็จกิจเรียบร้อยดี เขาก็สามารถไปๆมาๆระหว่างดอยบุษราคัมกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ได้แล้ว

การสร้างพญานาคที่ติดตามพระอุปคุต คราวนี้ก็ได้ไอเดีย โดยกะว่าจะเททองหล่อพญานาค 9-7-5 เศียร ไว้เป็นสื่อญาณให้พวกพญานาคด้วย โดยแปลงแบบจากเศียรพญานาคติดตามพระอุปคุต แล้วทำลำตัวเพิ่มลีลาของนาคขึ้นมา โดยพญานาคภุชงค์ มี 9 เศียร พญานาคศรีสุทโธและพญาศรีสัตตนาค มี 7 เศียร และพญาปัญจนาค ที่เป็นภูมิดูแลรักษาเขตพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มี 5 เศียร เป็นต้น ตั้งใจว่าจะหล่อพญานาคเป็นโลหะทั้งหมด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วย

คืนก่อน นิมิตเห็นพญานาคศรีสุทโธท่านมาหาและมีพญานาคติดตาม(แปลงเป็นคน)มาด้วยตนนึง เห็นภายในพ่อศรีสุทโธท่านเป็นพญานาคบำเพ็ญ(เป็นนักบวช) ท่านมาคุยด้วยพักนึงเรื่องการสร้างบารมี ก่อนท่านกลับไปท่านบอกว่าติดขัดอะไรก็ให้จุดธูปบอกท่าน ก็กะว่าอีกไม่กี่วันก็จะจุดธูปบอกท่านว่า ให้ท่านจัดหาบริวารท่านมารับผิดชอบจัดสร้างพญานาคโลหะ 9-7-5 เศียรให้ด้วย ก็คิดว่าคงจะไม่ยาก ลูกหลานพญานาคท่านมีเยอะ แต่จะเป็นบุญหรือหน้าที่ของใครคนนั้นก็ต้องมาทำ

สำหรับพญานาคใหญ่ที่มีหน้าที่อยู่ในสามโลก อาทิ พญานาคภุชงค์ พญานาคสุนันโทและพญานาคศรีสุดา ท่านก็มีส่วนร่วมกับการสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มาเช่นกัน โดยเขาได้ขึ้นไปขอกับหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร เมื่อหลวงปู่ใหญ่ท่านอนุญาต ผมจึงได้นำแผ่นทองคำ-นาค-เงิน ไปให้หลวงปู่่ใหญ่ท่านนำไปให้เหล่าพญานาค เขาอธิษฐานร่วมสร้าง

วันที่ 18-19-20 พ.ย.ก็จะข้ามไปฝั่งลาว(เขตพญาศรีสัตตนาค) ไปร่วมงานประจำปีแม่ศรีเมือง(ภูมิประเทศลาว) คนอีสานจะรู้จักกันในนามของ "ย่าสังกะสี" แล้วจะเลยไปภาวนารับกระแสญาณบารมีที่ยอดภูเขาควาย บนเขาแอวขัน กลางเมืองของท้าวเวสสุวรรณ และจะไปภาวนาในเขตวัดเดิมของปู่ตรับ(โลกอุดรอีกองค์นึง)ที่อีกเขตนึงของภูเขาควาย

รวมทั้งจะได้แวะไปทักทายพญานาคใหญ่ตนนึงที่ติดตามผมมาจากภูเขาควายเมื่อเดือนก่อน เขาตามมาชมบ้านชมเมืองฝั่งไทย ตอนนี้ก็กลับไปบำเพ็ญที่ภูเขาควายเหมือนเดิม(บริเวณชั้นที่ 2) ของวัดพระบาทแอวขัน

ส่วนพี่ยักษ์จากภูเขาควายก็ยังติดตามสร้างบารมีกันต่อไป เขาใช้ร่างกายอันกำยำรับของไสยศาสตร์หรือรับของจากพวกเล่นของ แทนผมไปหลายวาระ ก็ช่วยได้มากไม่ต้องเหนื่อยแรงเอง

จากนั้นกลางเดือนธันวาก็ถึงคิวที่จะต้องไปประเทศเขมร อันเนื่องมาจากว่า ต้องไปอาราธนาญาณธรรมของพระพรหม พระอิศวรและพระนารายณ์ ที่ท่านจะมาเชื่อมเข้ากับองค์ท่านที่จะจัดสร้างขึ้นมาที่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ โดยเฉพาะแม่ย่านางรักษานครวัดและนครธม รวมทั้งพวกพญานาคในเขตนั้นเรียกร้องมานานแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ได้ร่วมสร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในคราวนี้ ก็มีหวังเฝ้าที่นั่นกันยาวนานเลย

เอาเป็นว่า ปู่สังกะสาและย่าสังกะสี ที่ท่านมีหน้าที่มาตั้งแต่ยุคสร้างโลก ท่านเป็นต้นตระกูลของพวกสายพญานาค เมื่อมาร่วมกันสร้างบารมี ก็พัวพันกันไปหมด เมื่อถึงเวลาทุกจิตวิญญาณที่มีหน้าที่และเกี่ยวข้องก็จะมาร่วมกัน พวกที่ไม่มีธาตุขันธ์ก็ต้องมาอาศัยผู้ที่มีธาตุขันธ์สร้างบารมี

วันก่อนที่ปรึกษาใหญ่ของผมคือปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านบอกกับผมว่าต่อไปที่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์นั้นจะเป็นศูนย์รวมของสรรพวิญญาณทั้งหลายที่ลงมาสร้างบารมี ท่านอนุโมทนากับผมทุกอย่างในการบารมี ก็เป็นมหาเมตตาของครูบาอาจารย์ที่ท่านเมตตาทุกครั้งที่ผมต้องการคำปรึกษาและความช่วยเหลือจากท่าน ไม่ว่าต้องการจะสื่อสารกับวิถีญาณของจิตวิญญาณพระองค์ใด หลวงปู่ท่านก็จัดการให้ได้ทุกครั้ง

 

ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ

 

วันก่อนพาคณะไปประดับพลอยองค์พระ มีภาพขององค์พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ที่ประดับพลอย(ส่วนนึง)แล้วมาฝากครับ ท่านใดที่เคยไปกราบองค์พระ หากมีโอกาสไปกราบพระอีกครั้ง จะเห็นถึงความอลังการขององค์พระหลังจากประดับพลอยไปแล้วหนึ่งพันกว่าเม็ด ใช้เวลาติดพลอยจากเที่ยงวันถึงตีสี่(ยังไม่เสร็จ)โดยคณะติดพลอย 15 คน

กว่าจะประดับพลอยพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์เสร็จต้องใช้พลอยประมาณ 20,000 เม็ด หลังจากกลับมาแล้วก็มีญาติธรรมที่ไปกราบพระหลายท่าน โทรศัพท์มาหา ขอร่วมประดับพลอยด้วย หลายคณะขอนัดวัน-เวลาไปประดับพลอยแต่เนื่องจากผมไม่มีเวลามาก คณะทำงานจึงมีความคิดว่าจะจัดงานประดับพลอยพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ให้สักครั้งนึงในวันงานบุญสำคัญ โดยจะให้ผู้ที่ไปร่วมบุญได้มีส่วนร่วมอธิษฐานและติดพลอยที่องค์พระด้วยตัวเอง อาจจะเป็นวันงานวางศิลาฤกษ์ปราสาทพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ทั้งสี่ทิศ(ถ้ามีเวลาพอ) ต้นปีหน้า

สำหรับญาติธรรมที่ติดต่อมาแล้ว 2 คณะหากเข้ามาอ่านในบอร์ดนี้ ผมจะอนุญาตให้ท่านประดับพลอยองค์พระในวันสมโภชน์พระอุปคุตและหล่อพระอินทร์ ตอนต้นเดือนมกราคม 54 ก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้ญาติธรรมได้ทำบุญกุศลที่หาทำได้ยาก ก็แล้วกันครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

กลับมาแล้วจ้า~กลับมาตั่งแต่วันที่ 17 แล้ว แต่ก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการเกี่ยวข้าวซะตั่งหลายวัน
วันนี้ถือว่าว่างขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว ก็เลยเข้ามาบอกเล่าเรืองราวที่ได้ไปพบ ไปเห็นมาจากประเทศอินเดีย
แต่เหล่านี้ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ เป็นเพียงบางเสี้ยวบางส่วนของสถานที่ ที่ได้ไปเยี่ยมชม
มีอีกตั่งหลายแห่งที่ยังไม่ได้ไป เอาไว้หากยังมีบุญกับสถานที่เหล่านั้น ก็คงจะได้กลับไปอีกครั้งหรอกนะ

ที่แรกที่ได้ไปชมเมื่อถึง ก็คือพระราชวังวิคตอเรีย ( ถ้าพิมพ์ผิดยังไงก็ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ )

 

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟสายราชธานีเพื่อเดินทางสู่เมืองพุทธคยา เป็นเวลาเย็นแล้ว ชาวบ้านเพิ่งเลิกงาน
เมื่อคนอินเดียจะกลับบ้านด้วยการโดยสารรถไฟ ชาวบ้านชาวเมืองเค้ามานอนรอรถไฟเต็มเลย
นอนกันจริงๆนะ เอาผ้าบางๆมาปูแล้วก็นอนกันตรงนั้นเลย ตามชานชลาเต็มไปด้วยผู้คน เดินกันขวักไขว่
บรรยากาศยิ่งกว่าหัวลำโพงบ้านเราตอนมีหน้าเทศกาลเสียอีก เพราะดูแล้วไม่สวยเลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ดู

พอมาถึงพุทธคยาก็ดึกแล้ว เข้าพักในโรงแรม ตอนเช้าไปกราบนมัสการพระมหาเจดีย์พุทธคยา
กราบนมัสการหลวงพ่อพระพุทธเมตตา ภายในพระมหาเจดีย์ และกราบบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์
ทราบมาว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นปัจจุบันนี้เป็นต้นที่ 4 แล้ว ที่ได้เกิดขึ้นบริเวณเดิมคือ ข้างพระแท่นวัชรอาสน์

 

จากนั้นพรก็ย้ายตัวเองไปเป็นเด็กวัด ขอเข้าพักอาศัยอยู่ในหอพักของวัดไทยพุทธคยา
ชาวอินเดียเรียกวัดไทยพุทธคยาวัดนี้ว่า วัดไทยมันดิน เห็นภาพเทวดาหน้าประตูอุโบสถ์สวยดี
ก็เลยถ่ายภาพเอาไว้ แล้วก็ภาพพระประธาน พระพุทธรูปภายในอุโบสถ ดูคล้ายๆพระพุทธชินราช

จากนั้นก็ไปวัดไทยอีกแห่ง เป็นวัดป่า ชาวอินเดียเรียกว่า วัดไทยบารัก วัดนี้มีบ่อน้ำเก่าแก่มาแต่โบราณ
เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู คนอินเดียยอมขายที่ดินแปลงนี้ให้ชาวไทยสร้างวัดได้โดยมีเงื่อนไขว่า
ห้ามปิดบ่อน้ำของเค้า และต้องให้ชาวฮินดูมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาประจำปีของเค้าที่บ่อน้ำแห่งนี้ได้
โดยเงื่อนไขนี้ ทางวัดจึงสร้างศาลาครอบบ่อน้ำโบราณแห่งนี้เอาไว้ บ่อน้ำแห่งนี้เรียกว่า บ่อมุจรินทร์
บ่อน้ำแห่งนี้เชื่อมต่อกับทางน้ำใต้ดิน ว่ากันว่าสิ่งของที่ทิ้งลงไปที่บ่อนี้ สามารถไปโผล่ที่สระมุจรินทร์ได้
ที่วัดป่ากำลังมีการสร้างศาลา,อุโบสถหลังใหม่ โดยระดมทีมงานช่างฝีมือจากทางภาคเหนือมาสร้าง

 

ตอนที่พรเพิ่งไปถึงใหม่ๆนั้น ทางพระพุทธคยาเจดีย์กำลังมีการปิดทองยอดพระเจดีย์ครั้งใหญ่
คือพระเจดีย์แห่งนี้ได้สร้างไว้นานแล้ว ย่อมมีการเสื่อมไปโดยธรรมชาติ มีคนขอเป็นเจ้าภาพในการหล่อใหม่
คือลูกหลานในตระกูลของมหาตมะ คาลธี เค้าขอมาหลายปีแล้ว เพิ่งจะได้รับการอนุมัติในปีนี้เอง
เจ้าภาพมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำเองได้อยู่แล้ว แต่เห็นว่าควรให้โอกาสผู้อื่นได้มีส่วนบุญ ได้ร่วมสร้างบ้าง
จึงยอมรับเงิน,ทองบริจาค เป็นการบอกบุญเพียงแค่วงในไม่กี่คณะ แถมรับจำนวนจำกัดแค่ไม่กี่วันเอง
ต้นบุญ คือ พี่แอน ที่ได้นำพาคณะทัวร์ไปในช่วงเวลาเหมาะ จึงได้รวมกำลังทรัพย์ร่วมสร้างในกาลนี้ด้วย สาธุ

 

ช่วงที่พี่แอนกลับเมืองไทย พรมีโอกาสได้ไปเที่ยมชมสถานที่แห่งนึงซึ่งไม่มีในโปรแกรมทัวร์
คือ พรฝันว่าโดนเรียกให้กลับบ้าน ที่ไหนสักแห่งในความฝัน ที่แห่งนั้นเป็นสระน้ำในดงตาลและพรรณไม้
ตื่นเช้าขึ้นมาจึงกำหนดจิตถามว่าที่แห่งนั้นคือที่ไหน ใจตอบว่าสระมุจรินทร์ วันนั้นก็เลยเหมารถไปกับเพื่อน
สระมุจรินทร์ และสถานที่ในตำนานที่ว่าพญามุจรินทร์ได้แปลงกายเป็นมนุษย์เพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
โดยต้นมุจริทร์ คือต้นจิกนั้น ได้ตายไปแล้วโดยกาลเวลา แต่ได้บังเกิดมีต้นโพธิ์ขึ้นมาแทนที่
ปัจจุบันจุดนั้นได้มีการสร้างเทวาลัยของชาวฮินดูเอาไว้ใกล้ๆ วันที่ไปชมกำลังมีพิธีบูชาของเค้าอยู่พอดี
จึงไม่สามารถเข้าไปเก็บภาพได้ ( กลัวโดนรุม โดยเฉพาะเด็กๆชาวอินเดียที่ดูจะสนใจนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ )
ก็เลยนั่งรถออกจากจุดนั้นไปยังสระมุจริทร์ ตอนนี้สระน้ำในตำนานได้กลายเป็นสระเลี้ยงปลาไปซะแล้ว
ว่ากันว่าเมื่อก่อนมีรูปปั้นปางนาคปรกที่พระเจ้าอโศกมหาราชท่านมาสร้างไว้เป็นที่ระลึก ตั่งอยู่กลางสระน้ำ
แต่ตอนประเทศอังกฤษเข้ามายึดครอง รูปปั้นอันมีค่านั้นถูกย้ายไปเก็บไว้ที่วังมหันศ์ และหายสาปสูญไป...
จะยังมีก็แต่พระพุทธรูปปางนาคปรกที่สระมุจรินทร์ ข้างพระมหาเจดีย์พุทธคยานั่นแล เอาไว้ดูเป็นที่ระลึก
ในรถตุ๊กๆคณะเล็กๆที่พรไป มีพระไปด้วยจ้า ^_^ หลวงพี่ท่านหลวมตัวเจรจาเรียกรถมาและต่อรองราคาค่ารถให้
สุดท้ายโยมก็เลยนิมนต์ท่านให้ไปด้วยเผื่อคนขับพาหลงทาง ท่านขัดนิมนต์ไม่ได้ เลยได้วิทยากรกิติมาศักดิ์
พอถึงที่หมาย ท่านก็บรรยายของท่านไป เพื่อนร่วมคณะทัวร์เล็กๆของเรา 6-7คน ก็ยืนออฟังท่านเล่าอยู่
พรปลีกตัวออกมายืนอยู่ริมน้ำ กำหนดจิต น้อมใจไปถึงท่านทั้งหลายที่อยู่ยังที่นี้ ทั้งในกาลก่อน แลกาลปัจจุบัน
บอกท่านว่าลูกหลานมาเยี่ยมเยือน และขอพรจากท่าน เหมือนมีอะไรสักอย่างไหลรินเข้าสู่เรือนกาย ปิติท่วมท้น

ยังมีอีกหลายฉากหลายตอนที่จะเล่าสู่กันฟัง แต่เอาไว้วันหน้า วันนี้ขอลาไปก่อน แล้วค่อยคุยกันใหม่จ้า ^_^

 

เอาภาพมาลงไว้ก่อนแล้วค่อยมาเล่าทีหลัง จะเป็นที่ไหนนั้นให้เดากันเอาเองจ้า ^_^

ณ.ที่นี้คือ ทางขึ้นเขาคิชฌกูฏ เส้นทางอันนำพาเรา,ท่าน ไปสู่มูลคันธกุฎี บนยอดเขาคิชฌกูฏ
เส้นทางไกลและชันพอสมควรทีเดียว และหากใครเดินขึ้นเขาเองไม่ไหว ก็มีเสลี่ยงไว้บริการเจ้าค่ะ

 

วันก่อนได้พาคณะไปภาวนา ที่ภูเขาควาย (เลยจากพระบาทแอวขันไปหลายกิโลเมตร) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ข้างบนมีถ้ำจำนวน 27 ถ้ำ มีทั้งถ้ำพญานาค ถ้ำบังบด ถ้ำผีกองกอย ถ้ำฤษี ฯลฯ ที่ถ้ำพญานาคมีเหล็กไหลเยอะแยะ ถ้ำนี้ถ้านำไฟแชค หรือไม้ขีด หรือไฟฉายไปวางไว้เพียงไม่กี่นาทีจะไม่สามารถใช้งานได้ ถ้านี้เป็นเมืองชื่อเมืองอุบล ก่อนกลับภูมิที่รักษาถ้ำที่มีเหล็กไหล เขาเสนอให้เหล็กไหลกับผม 1 ชิ้นเพื่อเป็นสื่อขอมาร่วมสร้างบารมีพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ก็ตอบตกลงไป แต่ที่จริงก็ไม่อยากได้เหล็กไหลเพราะเป็นภาระในการดูแลรักษา

ผมได้คุยกับพรานป่าที่เขาเฝ้าอยู่แถวนั้นว่าจะขึ้นไปเอาเหล็กไหลกันตอนที่ผมไปครั้งต่อไป พรานป่านี้เขาโตมากับป่าจนอายุเกือบจะ 60 ปีแล้ว เขาสามารถสื่อสารกับบางภูมิได้ เมื่อได้คุยกันเรื่องของเหล็กไหล เขากำหนดจิตแล้วบอกผมว่า ที่ถ้ำอุบลเขาให้เหล็กไหลจริง มาครั้งหน้าเขาจะพาไปเอาเหล็กไหล พรานเขาบอกว่า เจ้าเมืองที่ถ้ำอุบล นี่เขาเคยออกมาเป็นคนมาคุยกับพราน เขามาบอกพรานว่า ถ้ำนี้เขาเฝ้า/รักษาอยู่ ถ้าเขาไม่อนุญาต ห้ามใครเข้าไป ใครฝ่าฝืนตายสถานเดียว

และก็ได้ขึ้นไปที่ยอดเขาลูกนึงของภูเขาควาย เขตลาวสูง นั่งรถสองแถวหกล้อเลาะไปตามไหล่เขาสูงประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ได้เห็นบรรยากาศบนยอดภูเขาควายอีกแบบนึงซึ่งเป็นต้นน้ำ ที่เขาสร้างเขื่อนในประเทศลาว

 

ฝันเห็นพญานาคบ่อยมากไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

 

สวัสดีลูกหลานท่านปู่ศรีสุทโททุกท่านค่ะ

 

จากนั้นที่ๆได้ไปกราบนมัสการแห่งต่อมาก็คือ ถ้ำสุกรขาตา ถ้ำคางหมู สถานที่บรรลุธรรมของพระสารีบุตร
อยู่ระหว่างทางที่จะขึ้นไปสู่มูลคันธกุฏิบนยอดเขาคิชฌกูฏ ไม่ไกลกันนั้นก็คือถ้ำของพระโมลคัลลา
ตามลำดับคือ เมื่อขึ้นสู่เขาคิชฌกูฏ ก็จะผ่านถ้ำของพระโมลคัลลา,ถ้ำของพระสารีบุตร,กุฏิของพระอานนท์
แล้วจึงจะถึงมูลคันธกุฏิ ด้วยความรีบเร่งในการเดินทาง ทำให้ไม่ได้เก็บภาพภายในถ้ำของพระโมลคัลลา

แล้วก็ไปที่เวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกของพุทธศาสนา ได้รับพระราชทานที่ดินโดยพระเจ้าพิมพิสาร
เดิมทีเป็นสวนกระรอก มีสระน้ำที่พระเจ้าพิมพิสารทรงโปรดให้ขุดไว้เป็นอุทกทานสำหรับกระรอก

แล้วก็ภูเขาดงคสิริ ( หากพิมพ์ผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ คราวต่อไปจะกลับมาแก้ไขให้ถูกต้อง )
สถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงกระทำการทุกขกิริยา ชาวทิเบตได้มาต่อเติมเสียจนผิดไปจากสภาพเดิม
ระหว่างทางกลับจากดงคสิริได้เห็นรูปทรงของก้อนเมฆอันเจนตา วันนั้นมีเมฆรูปทรงนี้เยอะมาก น่าชื่นใจ

 

ช่วงที่อยู่ที่อินเดีย มีงานบูชาเทพเจ้าแทบจะทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ โดยชาวบ้านจะทำตุ๊กตาเทพเจ้ามาบูชา
นำขึ้นรถไปแห่แหนรอบๆชุมชนของตนในยามค่ำคืน แล้วก็นำไปเผาทิ้งลงแม่น้ำหรือหนองน้ำคือเสร็จพิธี
ที่ได้ไปร่วมกับเค้าก็คือพิธีสุริยะบูชา เมื่อเทียบกับบ้านเราก็คืองานบูชาพระแม่โพสฬเพื่อความอุดมสมบรูณ์
ทุกบ้านจะจัดหาผักผลไม้,พันธุ์พืช,ข้าวปลาอาหาร,ขนมนมเนย มาร่วมในพิธี ขอบคุณธรรมชาติ
โดยมีสุริยะเทพเป็นตัวแทน คือ มีแสงสว่าง จึงมีฤดูกาล และพืชต้องใช้แสงจากดวงอาทิตย์ในการเติบโต

นี่เป็นภาพตัวอย่างบางส่วน จากรูปเป็นร้อยแผ่น จะมีเพียงไม่กี่รูปที่ถ่ายติด ดวงแก้ว คือวันส่งพระอาทิตย์ตกดิน
แล้ววันต่อมาก็คือ วันต้อนรับพระอาทิตย์ขึ้น ชาวบ้านก็จะแห่แหนไปรวมกลุ่มกันที่แม่น้ำเนรัญชรา
กำลังรอภาพทั้งหมดอยู่ ซึ่งเพื่อนของพรจะทยอยส่งมาทีหลัง ให้ทายกันเล่นๆว่าพรอยู่ตรงไหน

 

พระอุปคุต ปางปราบมาร ที่ท่านเนรมิตรูปเหมือนของท่านให้ผมดูก่อนการจัดสร้างพร้อมกับพญานาค 9 เศียร

ผมจะจัดงานฉลองสมโภชน์องค์ท่าน ในวันมาฆบูชา ที่ 18 ก.พ.นี้ ที่พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ จ. หนองคาย

การจัดสร้างใช้งบประมาณ 300,000 บาท ครับ