คุณคิดว่าวิทยาศาสตร์กับศาสนามีความสัมพันธ์กันหรือไม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย khajornwan, 8 พฤศจิกายน 2010.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องวิทยาศาสตร์ลึกลับ
    เคยเป็นนักเรียนห้องวิทย์ฯ มาเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน
    พอได้ยินข่าวว่าพี่นักเขียนโนวา อนาลัย กำลังจะเปิดคอร์สสมาธิ, ธรรมชาติบำบัด ก็รู้สึกตื่นเต้น
    ที่จะได้เจอเพื่อนๆ อีกครั้ง และก็มีความคิดแว๊ปขึ้นมาว่า
    น่าจะหยิบเอาประเด็น “ วิทยาศาสตร์ & ศาสนา ”
    หรือที่หลวงพ่อองค์หนึ่งเคยกล่าวไว้นานแล้วว่า “ พุทธโธโลยี ” มาเป็นหัวข้อในการสนทนากัน
    หรือจะเป็นเพราะว่าถึงเวลาแล้วที่นักวิทยาศาสตร์และนักศาสนา, ปรัชญา น่าจะมีโอกาสได้มาพบปะ
    พูดคุยเพื่อและเปลี่ยนความรู้ในแง่มุมของแต่ละท่านบ้างมังคะ?
    <O:p</O:p
    สำหรับศาสนาในที่นี้ขจรวรรณจะขอให้เป็นความหมายในแง่มุมทางจิตวิญญาณนะคะ
    ซึ่งหมายความว่า ทุกๆ ศาสนาหรือทุกๆ ความเชื่อที่เกี่ยวกับกับเรื่องของจิตวิญญาณ
    หากท่านใดมีความคิดเห็นประการใดก็ขอเชิญติชมหรือช่วยชี้แนะแนวทาง
    เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อการพัฒนาของพวกเราด้วยนะคะ
    ถึงแม้ว่างานทางกายจะยุ่งมากแค่ไหนแต่ก็จะพยายามเข้ามาร่วมเรียนรู้กับทุกคนค่ะ:cool:<O:p</O:p
     
  2. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    วิทยาศาตร์ คืออะไร?

    [​IMG]
    วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆในธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งกระบวนการประมวลความรู้เชิงประจักษ์ ที่เรียกว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และกลุ่มขององค์ความรู้ที่ได้จากกระบวนการดังกล่าว

    คำว่า science ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า วิทยาศาสตร์นั้น มาจากภาษาลาติน คำว่า scientia ซึ่งหมายความว่า ความรู้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟรานซิส เบคอนได้พยายามคิดค้นวิธีมาตรฐานในการอุปนัย เพื่อนำมาใช้สร้างทฤษฎีหรือกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์จากข้อมูลที่ทดลองหรือสังเกตได้จากธรรมชาติ


    โดยทั่วไปเราถือกันว่า วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มต้นในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ โดยมี "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่" คือ กาลิเลโอ กาลิเลอี เป็นผู้ถอนรื้อและปรับปรุงแนวความคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สมัยเก่า ที่ยึดกับแนวความคิดของอริสโตเติลทิ้งไป. ณ ขณะนั้น กาลิเลโอได้กำหนดลักษณะสำคัญของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไว้ดังนี้
    • ทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ธรรมชาติได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายสาเหตุได้ เช่น ในขณะที่ยังไม่มีความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงนั้น กาลิเลโอไม่สนใจที่จะอธิบายว่า "ทำไมวัตถุถึงตกลงสู่พื้นดิน ?" แต่สนใจคำถามที่ว่า "เมื่อมันตกแล้ว มันจะถึงพื้นภายในเวลาเท่าใด ?"
    • ใช้คณิตศาสตร์เพื่อเป็นภาษาหลักของวิทยาศาสตร์ (ดูหัวข้อ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์)
    ในเวลาต่อมา ไอแซก นิวตันได้ต่อเติมรากฐานและระบบระเบียบของแนวคิดเหล่านี้ และเป็นต้นแบบสำหรับสาขาด้านอื่นๆ ของวิทยาศาสตร์

    ก่อนหน้านั้น, ในปี ค.ศ. 1619 เรอเน เดส์การตส์ ได้เริ่มเขียนความเรียงเรื่อง Rules for the Direction of the Mind (ซึ่งเขียนไม่เสร็จ). โดยความเรียงชิ้นนี้ถือเป็นความเรียงชิ้นแรกที่เสนอกระบวนการคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และปรัชญาสมัยใหม่. อย่างไรก็ตามเนื่องจากเดส์การตส์ได้ทราบเรื่องที่กาลิเลโอ ผู้มีความคิดคล้ายกับตนถูกเรียกสอบสวนโดยโป๊ปแห่งกรุงโรม ทำให้เดส์การตส์ไม่ได้ตีพิมพ์ผลงานชิ้นนี้ออกมาในเวลานั้น

    การพยายามจะทำให้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์เป็นระบบนั้น ต้องพบกับปัญหาของการอุปนัย ที่ชี้ให้เห็นว่าการคิดแบบอุปนัย (ซึ่งเริ่มต้นโดยฟรานซิส เบคอน) นั้น ไม่ถูกต้องตามหลักตรรกศาสตร์. เดวิด ฮูมได้อธิบายปัญหาดังกล่าวออกมาอย่างละเอียด คาร์ล พอพเพอร์ในความคิดลักษณะเดียวกับคนอื่นๆ ได้พยายามอธิบายว่าสมมติฐานที่จะใช้ได้นั้นจะต้องทำให้เป็นเท็จได้ (falsifiable) นั่นคือจะต้องอยู่ในฐานะที่ถูกปฏิเสธได้ ความยุ่งยากนี้ทำให้เกิดการปฏิเสธความเชื่อพื้นฐานที่ว่ามีระเบียบวิธี 'หนึ่งเดียว' ที่ใช้ได้กับวิทยาศาสตร์ทุกแขนง และจะทำให้สามารถแยกแยะวิทยาศาสตร์ ออกจากสาขาอื่นที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ได้

    ปัญหาเกี่ยวกระบวนการปฏิบัติของวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเกินขอบเขตของวงการวิทยาศาสตร์ หรือวงการวิชาการ ในระบบยุติธรรมและในการถกเถียงปัญหาเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ การศึกษาที่ใช้วิธีการนอกเหนือจาก แนวปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับ จะถูกปฏิเสธ และถูกจัดว่าเป็น วิทยาศาสตร์ขยะหรือศาสตร์ปลอม

    ขอบคุณข้อมูลจาก
    http://blog.eduzones.com/jschild/10267
     
  3. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ตอบสมกับเป็นผู้รู้จริง นี่แหละ"ผ่องแพ้ว เนื้อใน นพคุณ"อะไรประมาณนี้
     
  4. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    นี่คือกำลังของจิต

    [​IMG][​IMG]

    เธอจงระวังความคิดของเธอ..
    เพราะความคิดของเธอ
    จะกลายเป็นความประพฤติของเธอ

    เธอจงระวังความประพฤติของเธอ..
    เพราะความประพฤติของเธอ
    จะกลายเป็นความเคยชินของเธอ

    เธอจงระวังความเคยชินของเธอ..
    เพราะความเคยชินของเธอ
    จะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ

    เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ..
    เพราะอุปนิสัยของเธอ
    จะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชีวิต

    พระโพธญาณเถร ( ชา สุภัทโท )
     
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    นักฟิสิกส์ สาขาจิตวิญญาณ

    จักรวาลตั้งอยู่บนรากฐานแห่งการเกื้อกูลซึ่งกันและกันจักรวาลเต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุขวิวัฒนาการเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปอย่างไม่มีวันหยุดยั้งและไม่มีวันจบสิ้นโลกของเธอเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลซึ่งตั้งอยู่และดำเนินไปภายใต้รากฐานเดียวกันกับจักรวาลโลกของเธอจึงได้รับพลังงานใหม่ๆจากต้นกำเนิดซึ่งขยายตัวออกไปอย่างไร้ขอบเขตต่อไปอย่างสม่ำเสมอและไม่มีวันจบสิ้นโลกไม่ได้ถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยพลังงานและภาวะอันจำกัดที่จะถูกใช้ไปจนกระทั้งหมดสิ้นและแตกสลายหรือดับลงไปในที่สุด

    นักวิทยาศาสตร์ของเธอคิดว่าพวกเขาค้นพบการเกิดของโลกและอายุของโลกแต่พวกเขาก็รู้เห็นความเป็นไปของโลกจากมุมมองอันจำกัดเพียงระนาบเดียวเขาไม่ได้รู้เห็นถึงพลังงานใหม่ๆที่มาสู่โลกอยู่ตลอดวันเวลา พวกเขาจึงบอกเธอว่าพลังงานของโลกกำลังจะหมดลง และโลกจะถึงจุดจบไม่ว่าการคำนวณของพวกเขาจะพบบทสรุปเช่นไรมันก็เป็นเพียงการคำนวณจากข้อมูลเพียงมิติเดียวโลกมีจิตวิญญาณไม่ต่างไปจากสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลรวมทั้งตัวตนของเธอโลกจึงมีชิีวิตทางกายภาพที่เกิดจากการสนับสนุนหลากมิติเช่่นเดียวกันกับที่ร่างกายเนื้อหนังและตัวตนทางกายภาพของเธอได้รับการสนับสนุนจากตัวตนต่างร่างหรือเสมือนร่วมร่าง ต่างชาติภพ ต่างมิติอยู่ตลอดวันเวลามีการให้-การรับและการถ่ายทอดพลังงานและความรู้อย่างไม่มีวันจบสิ้น

    ฉันไม่ได้มาเตือนความจำให้พวกเธอทั้งหลายระลึกรู้ถึงการเป็นจิตวิญญาณอันเป็นอมตะและให้ตระหนักถึงการมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังในโลกทางกายภาพเพื่อแสวงหาประสบการณ์และการเติมเต็มคุณค่าชีวิตเพียงเพื่อจะบอกเธอว่า โลกของเธอจะถึงจุดจบและทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเรียนรู้และสะสมมาจะสูญสิ้นเพราะมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    โลกของเธอไม่มีวันถึงจุดจบแต่โลกจะแปลงสภาพต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดโลกของเธอจะถูกใช้เป็นภพภูมิต่อไปในลักษณะที่แตกต่างไปเช่นที่มันได้เป็นมาแล้วหลายยุคหลายสมัยก่อนหน้าที่จิตวิญญาณจะมาถือกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเธอทั้งหลายและอาศัยโลกเป็นภพภูมิเพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์

    เธอต้องเข้าใจต่อไปอีกว่าเมื่อฉันกล่าวถึงอดีตของการใช้โลกเป็นภพภูมิหนึ่งหรืออนาคตของการแปลงสภาพของโลกกลายเป็นอีกภพภูมิหนึ่งฉันกำลังพูดให้ง่ายลงตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จักเพราะตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริงแล้ว ทุกภพภูมิ ทุกกาลสมัยมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    ไม่ว่าเธอทั้งหลายจะดำเนินชีวิตอยู่ในภพภูมิใดฉันก็ติดต่อสื่อสารกับเธอเสมอ เพราะมันเป็นหน้าที่การงานของฉันฉันเปรียบเสมือนนักพูดผู้ท่องเที่ยวไปทั่วจักรวาลเพื่อรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่ฉันได้รับจากโลกหนึ่งมิติหนึ่ง ไปยังอีกโลกหนึ่งมิติหนึ่งเพื่อเตือนใจให้เธอทั้งหลายรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของเธอว่าเธอเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปหลากมิติและเตือนใจให้เธอรู้จักใช้พลังอำนาจตามธรรมชาติที่แท้จริงเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตในภพภูมินั้นๆด้วยข้อมูลความรู้หลากมิติ-หลากภพภูมิ

    หากเปรียบกับภาวะทางโลกกายภาพของเธอเธอก็อาจเปรียบฉันกับ Professor ต่างชาติผู้ท่องโลกและนำข้อมูลความรู้จากประเทศต่างๆทั่วโลกมาถ่ายทอดให้เธอรู้ว่าธรรมชาติที่แท้จริงแห่งจิตวิญญาณของเธอนั้นสามารถเรียนรู้ที่จะใช้พลังอำนาจตามธรรมชาติของตนเองที่จะรับรู้เรียนรู้และถ่ายทอดระหว่างประเทศได้ด้วยตนเองเสมือนการใช้ระบบ Internet เพื่อแสวงหาความรู้ด้วยการฝึกฝนให้สติสัมปชัญญะของเธอขยายตัว-รู้เห็นได้คมชัดกว้างไกลกว่าที่เธอกำลังเป็นอยู่

    ความรู้ในระดับเซลล์ของเธอทั้งหลายซึ่งคาบอยู่หลายมิติ ทำให้เธอรู้เห็นภาวะของโลกในภพภูมิอื่นๆ มิติอื่นๆซึ่งอาจปรากฏต่อสติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกหรือสติสัมปชัญญะที่เธอคุ้นเคยเป็นเสมือนการสูญสิ้นของสภาวะในปัจจุบันที่เธอรู้จัก ยกตัวอย่าง เช่นดาวอังคารเคยเป็นดาวเคราะห์ซึ่งเคยมีสภาวะที่เหมาะสมและเอื้ออำนวยให้จิตวิญญาณที่มีสติสัมปชัญญะเผ่าพันธุ์หนึ่งๆพัฒนาหรือเผชิญกับความท้าทายในลักษณะจำเพาะหนึ่งๆจนกระทั้งเผ่าพันธุ์นั้นๆได้มีวิวัฒนาการไปจนพ้นสภาวะนั้นและไม่จำเป็นต้องมีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในภาวะนั้นๆอีกต่อไปแล้วดาวอังคารก็จะแปลงสภาวะไปเพื่อเอื้ออำนวยต่อเผ่าพันธุ์อื่นๆที่จะมาถือกำเนิดและอาศัยดาวอังคารต่อไปในสภาวะที่แตกต่างไปสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ก่อนหน้านั้น จะมองเห็นดาวอังคารกลายเป็นภาวะล่มสลายเพราะสภาวะที่แปลงสภาพไปนั้นไม่อาจเอื้ออำนวยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกในภาวะเดิมที่เขารู้จักเมื่อพวกเขากลับไปเยี่ยมเยือนดาวอังคารซึ่งเป็นเสมือนบ้านเก่ามันจึงดูราวกับว่าเป็นบ้านร้างที่ขาดการทะนุบำรุงแต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็ไม่ได้ตระหนักว่าเมื่อเขาย่างก้าวกลับไปเยี่ยมบ้านเก่าของเขามันมีเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่ซ้อนกันอยู่ หรือมีมิติที่ซ้อนกันอยู่คือ:

    - ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นหนึ่งหรือมิติหนึ่ง-พวกเขายังคงดำเนินชีวิตต่อไปในดาวอังคารเช่นเดิมด้วยสภาพแวดล้อมเดิมที่เอื้ออำนวยพวกเขาอยู่ และในขณะเดียวกัน

    - ในอีกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่พวกเขาพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่บนดาวอังคารที่ดูเสมือนล่มสลายแท้จริงแล้วมีสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นอีกมากมายที่สถิตย์อยู่และดำเนินชีวิตไปในวิถีทางที่แตกต่างไปโดยที่พวกเขาไม่สามารถจะรู้เห็นได้ด้วยประสาทการรับรู้ที่ได้แปลงสภาวะไปแล้วตามวิวัฒนาการของพวกเขา

    แต่เมื่อเธอรู้เห็นสภาวะที่แตกต่างไปของโลก ( ในอนาคต - ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เธอรู้จัก) หรือการปรากฏของดาวอังคารตามที่ฉันได้ยกตัวอย่างมานี้สติสัมปชัญญะของเธอก็ไม่ได้ตระหนักว่า มันเป็นข้อมูลความรู้ที่มีอยู่เป็นปัจจุบัน

    เธอไม่ได้รู้เห็นการล่มสลายของโลกในอนาคตแต่รู้เห็นสภาวะของโลกที่แตกต่างไป หรือกล่าวได้ว่า เธอรู้เห็นอีกชาติภพหนึ่งของโลกนักวิทยาศาสตร์ทำการค้นคว้าและจดจ่อกับข้อมูลเหล่านี้จิตวิญญาณของพวกเขาจึงเปลี่่่่ยนวิถีการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะไปรู้เห็นโลกหลากมิติ-ของโลกได้เช่นเดียวกันกับที่เธอทั้งหลายสามารถรู้เห็นโลกหลากมิติ-ของตนเองได้เสมอในความฝัน

    ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าโลกของเธอจะถึงจุดจบจิตวิญญาณของเธอก็ตระหนักดีว่า มันเป็นอมตะและจะดำเนินชีวิตต่อไปในวงจรของชาติภพจนการเรียนรู้ของเธอเพียงพอแล้วจิตวิญญาณก็จะดำเนินชีวิตต่อไปอีกในวงจรชีวิตนอกเหนือชาติภพซึ่งจะเป็นโลกในมิติใหม่ ในสภาพแวดล้อมใหม่ ที่เธออาจเรียกว่าเป็นโลกที่ล่มสลายเมื่อเปรียบเทียบกับโลกในวันนี้ เพราะมันปราศจากพืชพันธุ์ธัญญาหารเพียงเพราะจิตวิญญาณที่ดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างสภาวะไปจากร่างกายเนื้อหนังและสภาวะทางกายภาพที่เธอรู้จักไม่ได้ต้องการสภาวะที่เอื้ออำนวยในลักษณะเดิมอีกต่อไป

    ต่อไปในอนาคตอันใกล้วิทยาศาสตร์ที่แท้จริงจะเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับจิตวิญญาณในที่นี้ฉันไม่ได้หมายถึงว่า นักวิทยาศาสตร์ที่ใส่ชุดพิเศษของเขาจะเปลี่ยนหน้าที่แต่ฉันหมายถึงว่า เธอทั้งหลายผู้ใฝ่รู้ตามธรรมชาติของจิตวิญญาณจะกลายเป็นนักฟิสิกส์สาขาจิตวิญญาณ ผู้ค้นพบพลังงานที่แท้จริงค้นพบการเคลื่อนไหวและความเป็นไปของพลังงานเหล่านี้ซึ่งคือจิตวิญญาณของตนเองและสรรพสิ่งทั้งหลายและกลายเป็นแพทย์ที่แท้จริงผู้รู้ัจักรักษาร่างกายเนื้อหนังและจิตวิญญาณรักษาชีวิต-สุขภาพและรักษาความตายของตนเองและผุ้อื่นได้และกลายเป็นศิลปินผู้ฝันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

    เมื่อเธอทั้งหลายมีคำถามและต้องการคำตอบเธอตั้งคำถามกับนักเขียน เขามารับถ่ายทอดเอาคำตอบจากฉันได้อย่างไรเป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายต้องตั้งคำถาม-กับเขาและเอาคำตอบและฝีกฝนที่จะรับถ่ายทอดข้อมูลความรู้ให้ได้ด้วยตนเองนักเขียนแทบจะอธิบายเป็นคำพูดด้วยตนเองไม่ได้เพราะประสบการณ์หลากมิติมักเป็นสิ่งที่ปราศจากคำพูดแต่ฉันก็พูดผ่านนิ้วมือของเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเพราะเธอทั้งหลายปรารถนาที่จะเรียนรู้-ฝึกฝนและทำให้ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ

    หากอุปมาอุปมัยข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงหลากมิติเป็นปริมาตรหรือปริมาณ ก็กล่าวได้ว่า มันมีขนาดและจำนวนมหาศาลเหลือล้นเกินกว่าที่สมองของเธอจะบรรจุได้ หากความปรารถนาและเจตนาของเธอคือการรับเอาข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปเป็นของส่วนตน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการพยายาม download ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอพบเห็นใน Internet ไปเป็นของส่วนตัวที่เธอจะเก็บไว้ได้ด้วยเครื่อง computer ส่วนตัวของเธอเธอจะถูกจำกัดด้วยขนาดความจำและความจุของเครื่อง computer ของเธอเธอจะทำได้อย่างมากที่สุดก็คือ download ข้อมูลต่างๆจนกระทั่งเครื่องของเธอไม่มีเนื้อที่และความจำที่จะรับได้อีกซึ่งเมื่อเปรียบกับข้อมูลความรู้ที่ยังคงมีอยู่อีกมากมายมหาศาลในระบบเครือข่ายของ Internet แล้วเธอก็ download ไปได้เพียงจิบจ้อยเท่านั้นและข้อมูลความรู้ใหม่ๆก็เกิดขึ้นใน Internet อีกมากมายอย่างไม่มีวันจบสิ้น

    นักเขียนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าและเจตนาที่จะรับข้อมูลความรู้จากระบบเครือข่ายแห่งจิตวิญญาณ "เพื่อถ่ายทอด" ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ download ไปเก็บไว้จนกระทั่งหมดเนื้อที่และความจำที่จะรับได้อีกหากแต่การรับและถ่ายทอดต่อของเขาเป็นไปเรื่อยๆทำให้รับข้อมูลใหม่ๆที่เกิดขึ้นในระบบไปด้วยมันทำให้สติสัมปชัญญะของเขากลายส่วนหนึ่งของระบบการจัดการข้อมูลที่ปราศจากขนาดและปริมาณจำกัดข้อมูลความรู้นอกจากจะผ่านเข้า-ออกจากระบบแล้ว ยังทำให้ระบบขยายตัว webiste ที่เติบโตขึ้นทุกวันเวลาด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเปิดเผยและไร้ข้อจำกัดเปรียบได้กับสติสัมปชัญญะซึ่งขยายตัวออกไปทำให้การถ่ายทอด-รู้เห็นเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    การให้เป็นการขยายความเป็นไปได้ในการรับอารมณ์ปรารถนาที่จะให้ทำให้การรับเป็นไปได้มากและฉับพลันยิ่งขึ้นเธอทั้งหลายเป็นผู้ร่วมให้และร่วมรับที่ไม่ต่างไปจากนักเขียนความปรารถนาอย่างแรงกล้าและเจตนาของเธอจึงเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จเสมอ

    จักรวาลเต็มไปด้วยความรัก ความสมบูรณ์พูนสุขและการเกื้อกูลซึ่งกันและกันความเชื่อถือในธรรมชาติของจักรวาลจะทำให้เธอดำเนินชีวิตได้อย่างสงบสุขเพื่อเรียนรู้ เพื่อให้ เพื่อรับ และเป็นจิตวิญญาณที่เป็นร่างกายเนื้อหนังให้สุขสมหวังที่สุดในสภาพแวดล้อมของโลกอันสดสวยที่เธอเลือกมาถือกำเนิด

    เธอจะไม่มีวันได้มาถือกำเนิดในโลกหากเธอไม่ได้เลือกและปรารถนาที่จะมาแสวงหาประสบการณ์บนโลกมนุษย์ ความเชื่อของเธอสร้างโลกและประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดตลอดจนสุขภาพร่างกายเนื้อหนังของเธอ หากเธอปรารถนาโลกอันเต็มไปด้วยความรักและความสมบูรณ์พูนสุขเธอก็ต้องรู้จักใช้ความเชื่อของเธอไปในทิศทางที่คล้องจองกับความปรารถนาไม่ใช่ใช้ความเชื่อไปในทิศทางของความกลัวหรือความหวาดหวั่นโลกคือภพภูมิที่เธอเลือกมาถือกำเนิด เธอสร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกของเธอด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดความเชื่อของตนเองทางเลือกทั้งหมดจึงเป็นของเธอ

    สารจาก - โนวา อนาลัย<O:p</O:p
     
  6. ศิษย์hitler

    ศิษย์hitler Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +77
    ชอบ ที่ นักฟิสิกส์ สาขา จิตวิญญาณนีหล่ะ
     
  7. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ต้องถามว่า ศาสนาอะไร ???

    ถ้าศาสนาทั่วๆไป สอนให้คนเป็นคนดี .. แต่ไม่ได้เน้นเรื่อง โลกของความเป็นจริงหลากมิติ

    แต่สำหรับบางศาสนา เช่น พุทธ ฮินดู หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิ และโดยเฉพาะ พุทธ .. เราคิดว่า มันเป็นเรื่องเดียวกัน

    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ประกอบไปด้วย หลายๆอย่าง .... วิทยาศาสตร์กำลังศึกษาเริ่มจาก 0 ไปหา 1 .. 2.. 3.. 4 ไปเรื่อยๆทีละเล็ก ทีละน้อย

    สิ่งที่วิทยาศาสตร์ค้นพบ เป็นความจริง ที่ถูกต้อง

    ในขณะเดียวกัน ศาสนาพุทธ หรือศาสนาบางศาสนา เช่น ฮินดู หรือ โยคะ .. ก็ศึกษาความเป็นจริงเช่นกัน.. แต่ศึกษาในภาพรวม แบบกว้างๆ

    เช่น ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า ท่านตรัสรู้ รู้แจ้งแทงตลอด เกินขอบเขตของวิทยาศาสตร์ไปแล้ว ... เราเชื่อนะว่า พระพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสรู้เรื่องโลกของความเป็นจริงหลากมิติด้วยเช่นกัน

    ในขณะที่ วิทยาศาสตร์ เอาแต่ที่จับต้องได้ด้วยกายเนื้อ ค่อยเป็นค่อยไป ทีละนิด ทีละนิด

    สรุป 2 อย่างนี้ ก็ศึกษาเรื่องเดียวกันอ่ะแหละ.. วิทย์ ศึกษาแล้วเอามาปรับใช้แก้ทุกข์ แต่แก้ได้ชั่วคราว เช่น อยากได้ TV จอแบน ก็เป็นทุกข์ที่ไม่ได้ พอมีเงินไปซื้อ ก็มีความสุขที่ได้ แต่ความสุขที่ได้ TV มา ก็อยู่ได้ไม่นาน สักพักก็หายไป

    แต่ศาสนา.. ศึกษาแล้วเอามาปรับใช้แก้ทุกข์เช่นกัน แต่เป็นการแก้ทุกข์ให้พบกับความสุขที่แท้จริง
     
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    หวัดดีค่ะน้อง mamboo คิดถึงนะคะเนี่ย^_^

    เคยคุยกับน้อง mamboo มาครั้งนึงในห้องวิทย์ฯ จำได้ว่าน้อง mamboo เปลี่ยนวิถีการจดจ่อขอจิตวิญญาณหรือถอดจิตเก่งมั่กๆ ว่างๆ มาเล่าให้ฟังด้วยนะคะว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง อิอิ.. เผื่อไปเจอกันในความฝันจะได้ทักทายถูกคน เอิ๊ก..:cool:

    เมื่อวานมีน้องที่สนิทกันคนนึง คุยกันทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้บอกเค้าว่าจะเปิดกระทู้นะ แต่บังเอิญที่น้องเค้ามาเจอกระทู้เข้า เค้าบอกว่าพี่ไปทำอะไรแถวนั้น พี่ต้องการให้เค้ามาด่าพี่รึไงอ่ะ เพราะหัวข้อนี้เป็นประเด็นที่เสี่ยงต่อการปะทะกันมากทีเดียว ก็คิดในใจ " นั่นสิเรามาทำอะไรแถวนี้ " เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาก็มีตอบผุดขึ้นมาในความคิดว่า " เธอพร้อมรึยังที่จะเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น? " :boo:

    ก่อนตั้งกระทู้นี้ก็เช่นกันค่ะ วันก่อนตื่นขึ้นมาก็มีความคิดผุดขึ้นมาถึงคำว่า " วิทยาศาสตร์และศาสนาต้องไปพร้อมๆ กัน " ความหมายก็คือว่าหากเน้นแต่คำว่าวิทยาศาสตร์ก็อาจจะไปมุ่งเน้นแต่เรื่องทางวัตถุ แต่ถ้าเน้นแต่เรื่องศาสนาก็อาจเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เด๋วว่างๆ จะนำบทสนทนาระหว่างนักวิทยาศาสตร์กับศาสนามาให้อ่านดูนะคะ.. เด๋ววันนี้ขอไปทำงานก่อนจ๊ะ
    (f)(f)(f)
     
  9. where?

    where? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +883
    อะไรจะเกิดขึ้น?

    อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามีเทคโนโลยีพิสูจน์ว่าแรงกรรมเป็นแรงทางธรรมชาติขั้นพื้นฐานที่ควบคุมแรงอื่นๆ ในจักรวาลให้เป็นไปดังที่กำลังปรากฏ

    สำหรับบางส่วนของนักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีดังกล่าวอาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ต้องถกเถียงหาข้อผิดพลาด และเผื่อใจไว้สำหรับทฤษฏีคัดง้างใหม่ๆ ในอนาคต

    สำหรับบางศาสนา เทคโนโลยีดังกล่าว อาจถูกมองเป็นเพียงมายาเท็จเทียมชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอันตรายและถูกส่งมาจากเบื้องต่ำ

    สำหรับบางลัทธิปรัชญา เทคโนโลยีดังกล่าว อาจถูกมองว่าเป็นความเชื่อที่มีช่องโหว่ให้คัดค้านด้วยโวหารอันคมคาย

    สำหรับคนทั่วไป เทคโนโลยีดังกล่าว น่าจะถูกมองว่าเป็นศาสตร์ยุ่งยากซับซ้อนที่เต็มไปด้วยข้อมูลและศัพท์แสงน่ากลัวเกินกว่าจะเอาตัวเข้าไปศึกษาให้รู้แจ้งเห็นจริง

    อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหลักสูตรการเรียนการสอนทั่วโลกยยืนอยู่บนหลักของกรรมวิบาก

    บรรดานักเรียนจะถามคำถามที่คุณครูส่วนใหญ่ตอบไม่ได้ แล้วเด็กส่วนใหญ่ก็จะไม่เชื่อสิ่งที่อยู่ในตำรา กระทั่งในที่สุดกระทรวงศึกษาธิการของทุกประเทศต้องยอมถอดหลักสูตรเกี่ยวกับกรรมวิบากทิ้งตามคำเรียกร้องของเหล่าครูผู้อับอาย เพราะไม่อาจตอบคำถามซอกแซกที่ยิงมาเป็นปืนกลของนักเรียนในชั้นไม่ไหว

    ดังตฤน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เมื่อก่อน วิทยาศาสตร์ เป็นเพียงการวิ่งไล่ตามปรากฎการณ์ของธรรมชาติ
    วิ่งคู่ขนานไปกับความเชื่อของมนุษย์และศาสนา...ยากจะมาบรรจบกัน

    แต่เดี่ยวนี้สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงขยายตัวออกไปทุกทิศทุกทางแล้วครับ..
    วิทยาศาสตร์กำลังมุ่งเน้นไปที่ช่องว่างระหว่างโมเลกุล พลังงานที่มองไม่เห็น เช่น Zero Point
    ซึ่งกำลังถูกเชื่อมต่อผสมผสานกันอยู่ จึงมีคำถามและคำตอบที่รอการค้นพบอีกมากมาย

    วิทยาศาสตร์และความเป็นจริงทั้งหลาย ที่อยู่นอกกรอบของความเชื่อทางศาสนา กำลังถูกต่อยอด
    มิติใหม่ๆแห่งโลกอนาคต ก็ดำเนินต่อไปตามกฎเกณฑ์ของจักรวาลอย่างเป็นระบบ
    ไม่แน่ว่าปริศนาลึกลับ เงื่อนงำต่างๆ ก็อาจเปิดเผยในไม่ช้านี้แล้วนะครับ

    เข้ามาทักทายคุณขจรวรรณด้วยครับ
    ช่วงนี้งานล้นมือ แต่จะทำตัวให้ว่างสำหรับเพื่อนๆนะครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2010
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณค่ะคุณ Mead ที่แวะเข้ามาทักทาย({)
    ช่วงนี้ขจรวรรณก็งานยุ่งเช่นกันค่ะ แฮ่..

    คุณ where? อ่านหนังสือเล่มเดียวกับขจรวรรณเลยนะคะ เล่มคิดจากความว่าง ว่าจะเอาบทสนทนามาให้อ่านแต่ขอติดไว้ก่อนค่ะยังไม่มีเวลาเลย.. ^_^

    บางท่านอาจจะสงสัยว่าวิทยาศาสตร์จะเข้าไปเกี่ยวพันกับศาสนาได้อย่างไร?
    ลองเปิดใจให้ว่างและหันไปมองรอบๆ ตัวเราหรือแม้กระทั่งตัวเราเองดูว่ามีอะไรบ้างที่เป็นวิทยาศาสตร์ โต๊ะ, เก้าอี้, คอมพิวเตอร์, เพื่อนเรา, ตัวเรา, อากาศธาตุ, สิ่งที่เรามองเห็นหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ฯลฯ เพราะอย่างน้อยที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างย่อมประกอบไปด้วยพลังงาน ไม่ว่าพลังงานจล, พลังงานศักดิ์, พลังงานความร้อน หรือแม้แต่ความว่างที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรแต่ก็ยังคงมีพลังงาน

    จิตวิญญาณ คือ พลังงาน
    พลังงานก็คือ จิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณ คือ ข้อมูลความรู้ ความทรงจำข้ามชาติ
    ซึ่งถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์ จินตนาการ และความรู้สึกนึกคิด

    ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มากมายที่สามารถตรวจจับพลังงานเหล่านี้ได้ เช่น กล้องวิดีโอที่มีความละเอียดสูง, เครื่องตรวจวัดแสงออร่า, กล้องถ่ายรูปดิจิตอล ฯลฯ แม้แต่เรื่องราวของการถอดจิตที่พูดคุยในวงการของศาสนาพุทธนั้น ก็มีบางท่านก็ได้พยายามทำการทดลองด้วยกล้องวิดีโอที่มีความละเอียดสูงใช้จับภาพการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานจริงหรือไม่? หรือการรักษาโรคด้วยพลังทั้งหลายนั้นก็สามารถนำปรอทตรวจวัดไข้ได้ทันทีว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหรือไม่? ฯลฯ เพื่อเป็นการตรวจสอบหรือวัดว่าเป็นเรื่องงมงายหรือเปล่า?

    ส่วนการพิจารณาสังขารร่างกายตามแนวศาสนาพุทธ คุณหมอทุกคนก็มีจำเป็นที่จะต้องเรียนวิชาชีววิทยา เพราะต้องรู้รายละเอียดทุกส่วนภายในร่างกาย หรือบางครั้งก็พบว่ามีพระสงฆ์หลายองค์ก็ขอไปพิจารณาสังขารร่างกายมนุษย์ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลก็มี.. แล้วหยั่งงี้จะเกี่ยวกันมั้ยหนอ?

    วันนี้แค่นี้ก่องค่ะเด๋วยาว.. อิอิ
    chearrchearrchearr
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ธรรมะวันละนิด

    การปฏิบัติธรรม จะว่าปล่อยก็ไม่ใช่
    จะว่ายึดก็ไม่ใช่ จะว่าเดินก็ไม่ใช่ จะว่าถอยหลังก็ไม่ใช่
    เพราะว่าการปฏิบัติมันไม่เป็นไปเหมือนในตำรา
    หลวงพ่อ... ^_^
     
  13. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    วิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบของสรรพสิ่งซึ่งยีงต้องค้นหาอีกมาก

    พระพุทธศาสนาหาคำตอบได้แล้ว แต่ต้องบรรลุอรหันตผล

    ผมกล้าพูดได้ว่า วิทยาศาสตร์คือเศษเสี้ยวของพระพุทธศาสนา
     
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอขอบคุณและยินดีมากๆ ค่ะ ที่คุณเบทร์กรุณาแสดงความคิดเห็น ขจรวรรณเองก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่งมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกเช่นกัน และก็คงไม่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นในชาติภพนี้อย่างแน่นอนค่ะ แต่ในกระทู้นี้จะขออนุญาตสวมบทบาทเป็นคนคอยประสานความเข้าใจกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์และนักศาสนาในทุกๆ ศาสนา เพื่อช่วยกันขยายความรู้ของพวกเราออกไปให้กว้างขึ้นนะคะ.. หวังว่าคงไม่ว่าขจรวรรณไปก่อนนะ
    <O:p</O:p
    เมื่อเราเป็นชาวพุทธ คงต้องย้อนถามกันต่อไปว่าเป้าหมายสูงสุดของชาวพุทธนั้นคืออะไร?
    คือการหลุดพ้นทุกข์เช่นนั้นหรือ? แล้วอะไรที่เป็นเบื้องหลังของการหลุดพ้นนั้น?
    พระพุทธเจ้าสมณโคดมงั้นหรือ? เรายังมองเห็นพระองค์เป็นมนุษย์ที่มีหน้าตาแบบเราๆ อยู่หรือไม่?
    <O:p</O:p
    สำหรับขจรวรรณยอมรับและนับถือพระองค์ในฐานะที่พระองค์ทรงนำคำสอนหรือธรรมะที่จริงแท้มาสอนพวกเราและยังคงดำรงมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคำสอนใดที่เราได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นที่เป็นคำสอนของพระองค์ที่แท้จริง หากลองพิจารณาศาสนาพุทธที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรานั้น ก็น่าแปลกใจอยู่ว่าทำไมศาสนาพุทธจึงมาหลายนิกาย บางกลุ่มก็ทานอาหารมังสวิรัติ บางกลุ่มก็ทานเจ บางกลุ่มก็ทานเนี้อสัตว์ บางกลุ่มก็เน้นพิธีกรรม บางกลุ่มก็นับถือบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อว่าสามารถช่วยให้ตนพ้นทุกข์ แล้วทำไมพระไทยจึงยกมือไหว้ 2 ข้าง ทำไมพระจีนจึงยกมือไหว้เพียงข้างเดียว และอีกหลากหลายคำถามที่ผุดขึ้นมาในความคิด

    [​IMG]

    <O:p</O:pเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่า พระองค์ทรงเป็นมนุษย์เช่นเราๆ มีโครงสร้างทางร่างกายที่เหมือนๆ กับเรา แต่พระองค์ทรงนำความรู้เหล่านั้นมาจากไหน? เคยสังเกตรูปภาพของพระองค์หรือไม่? เหตุใดบนพระเศียรหรือพระวรกายของพระองค์จึงมีรัศมีสีเหลืองทองเปล่งออกมามากมายเช่นนั้น? สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้พระองค์ทรงแต่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ หากเป็นยุคสมัยนี้พวกเราก็คงเรียกสิ่งนั้นว่า “ ออร่า “ ตามภาษาทางวิทยาศาสตร์แต่ในยุคสมัยของพระองค์จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์แล้วพระองค์จะทรงสอนสาวกเหล่านั้นว่าอย่างไรในเมื่อพระองค์ก็ทรงมีเวลาบนโลกใบนี้ด้วยกายมนุษย์ในช่วงเวลาที่จำกัด? ดังนั้นเราจึงต้องมีสมาธิและปัญญา เพื่อพิจารณาสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ ของเราอยู่ตลอดเวลา เพื่อฝึกฝนให้ กาย, วาจา, ใจ อยู่กับปัจจุบันนั่นเอง..
    <O:p</O:p
    หากท่านใดมีมุมมองด้านอื่นที่ปรารถนาจะแลกเปลี่ยนความรู้กันก็เชิญได้เลยนะคะ รู้สึกยินดีมากๆ ค่ะที่มีโอกาสได้สนทนากับทุกๆ คน..<O:p</O:p
    (deejai)(deejai)(deejai)
     
  15. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ธรรมะวันละนิด

    บางคนหลับตาก็ไม่รู้ว่าใครไปใครมา
    คนลืมตามันก็รู้ว่าใครไปใครมา
    ลืมตานี้ก็หมายถึงว่า เรามีจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว
    มีจิตใจอยู่กับปัจจุบัน มีจิตใจที่สบาย.. อย่างนี้นะ

    หลวงพ่อ.. ^_^
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ยินดีที่ได้รู้จักท่าน"ขจรวรรณ" ขอบคุณสำหรับข้อมูลของท่าน น่าสนใจทีเดียว(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ไม่ขอออกความเห็น คงไม่เป็นไรนะ ช่วงนี้อยู่ในช่วงถือศีล ไม่อยากพูดมาก)
     
  17. Jjfreeman

    Jjfreeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +130

    :: อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวก่อนตายว่า ::

    "พลังสมาธิเป็นพลังที่มีอำนาจที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก" -ทำสมาธิเพียง 45 นาที จะเกิดกระแสไฟฟ้าในร่างกายสูงกว่าค่าที่วัด ได้จากคลื่นหัวใจ (EKG) 10,000 เท่า สูงกว่าค่าคลื่นสมอง 100,000 เท่า -คลื่นแสง (ซึ่งมีอนุภาค phyton) มีความเร็ว 300,000 กม./วินาที เคยชื่อกันว่ามีความเร็วสูงสุดในโลก แต่ปัจจุบันเชื่อว่า คลื่นสมองขณะมีสมาธิเร็วกว่าแสง เพราะมีอนุภาพ trachyon เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสงเพราะอนุภาคนี้เป็นกลาง (ไม่มีประจุไฟฟ้า) ผ่านสนามแม่เหล็กได้โดยไม่ ถูกรบกวน -ขณะที่ท่านวาดภาพ หรือ เขียนหนังสือด้วยสมาธิจิต พลังสมาธิจะเป็น พลังงานสถิต อยู่ในนั้นได้นานแสนนาน เช่น ตรวจพบพลังงานสถิตบน ภาพวาดของลีโอนาโด ดาวินชี่ แม้เวลาผ่านไปเป็นศตวรรษแล้วก็ตาม -พลังสมาธิเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่ เป็นมหาสมบัติทางธรรมชาติที่มี อยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับสุขภาพ ความสงบเย็นเป็นสุข ความเจริญรุ่งเรือง และการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ตามที่เราปรารถนาได้อย่างมหัศจรรย์
     
  18. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีที่ได้รู้จักคุณ Kama-Manas เช่นกันค่ะ แต่อย่าเรียกท่านเลยนะคะเพราะรู้สึกห่างเหินกันยังงัยชอบกล ขอให้เป็นการคุยกันในบรรยากาศสบายๆ ดีกว่านะคะจะได้ไม่เครียดกันไปก่อนค่ะ..

    ยินดีที่ได้เจอตัวคุณ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (jifreeman ) ตัวจริงเสียงจริงซะด้วยสิคะ เยี่ยมไปเลยค่ะไว้มีโอกาสจะคุยกันเรื่องของพลังงานที่สถิตย์อยู่ในคลื่นสมองและหัวใจ รวมทั้งพลังงานที่สถิตย์อยู่ในรูปภาพต่างๆ ให้ฟังบ้างนะคะ.. เด๋วต้องออกไปข้างนอกแล้วค่ะ
    (kiss)(kiss)(kiss)
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    บทสนทนา - นักวิทยาศาสตร์ VS นักศาสนา

    เรื่องน่าสงสัย
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เฮ้! ทำไมขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างนั้นล่ะเพื่อน? อย่างกับโลกนี้มีอะไรให้สงสัยนักหนา?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตามนั้น! มองไปรอบๆ สิ บอกสิว่ามีอะไรไม่น่าสงสัยบ้าง?
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    เอาน่า! ขี้สงสัยแล้วได้อะไรขึ้นมา.. ว่าแต่วันนี้เจอเรื่องน่าสงสัยแบบไหนเข้าให้ล่ะ?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เพิ่งเจอนางในฝันในซุปเปอร์มาร์เกต เห็นแล้วเข่าอ่อน ของแทบหลุดจากมือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอ้อเฮอ! อาการชัดมาก! แล้วทำไมไม่เข้าไปจีบหือ ไม่กล้า หรือว่ามีปัญหาอะไร?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ปัญหาคือ ลุกสี่สามีหนึ่ง!<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โอ้ชีวิต...<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พูดก็พูดเถอะ ฉันสงสัยเหลือเกิน คนเราเหมือนๆ กัน เป็นเด็กแป๊บหนึ่ง วัยรุ่นแป๊บหนึ่ง หนุ่มสาวแป๊บหนึ่ง กลางคนแป๊บหนึ่ง แก่เฒ่าแป๊บหนึ่ง สุดท้ายก็ตายเกลี้ยง แต่ระหว่างที่เป็นอะไรแป๊บหนึ่ง ทำไมแต่ละคนมีโอกาสต่างกันเหลือเกิน โอกาสเหล่านั้นลอยมาจากไหน? อย่างนายเจอนางในฝันแล้วได้เธอเป็นเมีย ส่วนฉันเจอกี่ทีมีลูกทุกครั้ง!<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอ้อ.. นายทำหน้าแบบว่าอยากได้คำตอบจากฉันเต็มที่เลยนะ ฉันเป็นเจ้าของเมีย ฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไม?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นั่นสินะ.. มนุษย์ตอบมนุษย์ อย่างมากก็ต่างคนต่างเดา.. คิดไปคิดมาไม่น่าเชื่อเลย ทุกสิ่งทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้า เราเห็นได้ สังเกตให้ละเอียดลออแค่ไหนก็ได้ แต่ไม่มีทางรู้เบื้องหลังที่มาที่ไปจริงๆ เลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แล้วจะบ่นไปทำไม? พวกเรามันผลผลิตชิ้นจ้อยของธรรมชาติ ธรรมชาติเค้ายิ่งใหญ่ ขนาดที่อนุญาตให้พวกเราเดายังไงก็ได้ พอพยายามพิสูจน์ว่า การเดาของตัวเองถูกต้อง ก็จะพบร่องรอยให้ดูเหมือนใช่หมด เป็นต้นว่าชะตากรรมเนี่ย นายอยากจะเชื่อว่ามี “ อะไรบางอย่าง” วางแผนไว้ก็ได้ หรือถ้าอยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ก็ไม่มีใครว่านายถนัดๆ เต็มปากเต็มคำหรอก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นายเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทำไมพูดเหมือนคนเสื่อมศรัทธาจะหาความจริงอย่างนั้น?<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ยังไม่เสื่อม แต่ความจริงที่เกี่ยวกับชะตากรรม อาจไม่ใช่อะไรให้ค้นหาเวลานี้ ฉันรู้จักโครงสร้างสารพันธุกรรมที่กุมความลับของชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ และจากมุมมองนั้น ฉันเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าทุกอย่างในชีวิตถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ระดับเซลล์ ทว่าสิ่งที่ฉันยังอ่านไม่ออกเลยก็คือ “ ใคร ” หรือ “ อะไร ” ที่เป็นคนออกแบบหรือวางแผนสารพันธุกรรม หากนายพูดว่า “ ความบังเอิญ ” เป็นคนออกแบบ ฉันก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียง

    ยังมีต่อนะจ๊ะ
    :z2:z2:z2<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2010
  20. Jjfreeman

    Jjfreeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +130
    :cool: ...สวัสดีครับ คุณ khajornwan:cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...