เรื่องเด่น "พระเจ้าจักรพรรดิ์" ในจิตทัศน์ของนอสตราดามุส

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 23 กันยายน 2010.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "พระเจ้าจักรพรรดิ์" ในจิตทัศน์ของนอสตราดามุส

    [​IMG]

    " เสียงนุ่มนวลแห่งมิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินจากแผ่นดินทิพย์ แสงเพลิงมนุษย์ ฉายรองรับเสียงประเสริฐนั้น จะเป็นเหตุให้โลกต้องเปื้อนเลือด สมณเพศทั้งหลายที่ไม่ยึดถือศีล (พรหมจรรย์) และนำไปสู่การทำลายโบสถ์วิหารที่ไร้ความบริสุทธิ์ "
    (ซ.1 ค.96 )

    นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกน่าอัศจรรย์อย่างมากเลยทีเดียว ที่นอสตราดามุสได้เขียนโคลงทำนายบทนี้ขึ้นเมื่อ 450 ปีก่อน ภายใต้สังฆจักรโรมันคาทอลิก สมมุติว่าท่านได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีประวัติยาวนานถึง 2,000 ปีกว่ามาแล้วในสมัยนั้น ท่านคงจะไม่กล่าวถึงพระศรีอาริยเมตไตรยอย่างแน่นอน ​

    ถ้าในจิตทัศน์ของท่านไม่ได้เห็น สัจธรรมบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีส่วนสัมพันธ์กับศรัทธาใหม่ของโลกโดยตรง คำว่า " มิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์ " นี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากพระนามของพระศรีอาริยเมตไตรย เพราะคำว่า " เมตไตรย " นี้ แปลว่า " เพื่อน " ในความหมายของภาษาบาลี สันสกฤต บุคคลผู้นี้เป็น Sacred Friend จะเป็นใครก็ตาม แต่การใช้คำว่า " มิตรไมตรีอันศักดิ์สิทธิ์ " หรือ " เพื่อนผู้ศักดิ์สิทธิ์ " แสดงให้เห็นว่าผู้ที่จะมาโปรดสัตว์ในโลกยุคนี้ จะไม่ใช่เป็นบุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน

    อีกทั้งมาจากแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ หรือ Holy Ground อีกด้วย ก็ยิ่งชี้ชัดว่าน่าจะเป็นองค์พระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งนายจอห์น ฮอค ฟันธงว่าจะเสด็จมาในโลกนี้ประมาณ ระหว่างคริสต์ศักราช 2000 ( พ.ศ.2543 ) หรือกว่านั้นเล็กน้อย ซึ่งใกล้เคียงกับวันเวลาที่พระเยซู หรือพระมาซิอาร์ พระมะฮุดีย์ ตามความเชื่อของมุสลิม จะเสด็จมาในวันพิพากษาโลกนี้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อกันอย่างเงียบๆ ว่าอาจจะเป็นพระศาสดาโพธิสัตว์องค์เดียวกันก็ได้​

    การเสด็จมาของพระศรีอาริยเมตไตรย ก็คงต้องมาชำระสะสางความเสื่อมของศาสนาอยู่แล้ว ในภาวะที่มีการวิวัฒนาการ บรรดาพระสงฆ์สมณเพศผู้ยึดถือพรหมจรรย์ ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับนักบุญทั้งหลายผู้เสียสละในอดีต วันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นคงต้องผ่านขั้นตอนตามปรกติวิสัย ซึ่งบางครั้งอาจต้องมีความเจ็บปวดอันเกิดจากการต่อต้าน หรือขัดแย้งทางอุดมการณ์และความคิดเกิดขึ้น ซึ่งในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นในอดีต การเสียสละของนักบุญอาจถึงกับต้องเลือดตกยางออก​

    " อังคารกับคฑาของจูปิเตอร์ (พฤหัส) เล็งลัคน์
    เกิดสงครามมหาวิบัติภายใต้ราศีกรกฎ
    หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์ใหม่จะถูกสถาปนา
    เป็นผู้นำสันติสุขมาสู่โลกมนุษย์เป็นเวลายาวนาน "
    ( ซ.6 ค.24 )

    วรรคที่น่าสนใจในโคลงบทนี้ ได้แก่วรรคที่มีคำว่ากษัตริย์ ที่จะนำสันติสุขมาสู่โลกมนุษย์ หลายฝ่ายตีความกันว่า นอสตราดามุสกำลังพูดถึงวันที่โลกชำระบาปแล้ว หลังจากกลียุคอันเกิดจากสงคราม ภัยพิบัติอันเกิดจากธรรมชาติ หรือโรคระบาด โลกจะปรากฎผู้นำใหม่ที่มาในมิติที่อยู่เหนือธรรมชาติ อาจจะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย พระมาซิอา พระมะฮุดีย์ หรือพระยาธรรมิกราช ที่เสด็จมาโปรดสัตว์ตามพุทธทำนาย ตามคำทำนายในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล หรือตามพระวัจนะในพระคัมภีร์อัลกุรอ่านก็ได้

    ตามการคำนวนทางโหราศาสตร์ โดยอาศัยหลักของดาราศาสตร์ ดาวอังคารจะเล็งลัคน์กับดาวพฤหัสหลังปี ค.ศ.1999 เป็นครั้งแรกในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ.2002 (พ.ศ.2545) เพราะฉะนั้นเหตุการปาฎิหาริย์ที่จะทำให้ชาวโลกตะลึง น่าจะเกิดขึ้นในกำหนดเวลาดังนี้​

    ระหว่างเดือนกันยายน - ตุลาคม ค.ศ.2004 ( พ.ศ.2547 )
    ระหว่างเดือนธันวาคม ค.ศ.2006 ( พ.ศ.2549 )
    ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2009 (พ.ศ.2552 )
    ระหว่างเดือนเมษายน- พฤษภาคม ค.ศ.2011 ( พ.ศ.2554 )​

    วันเวลาดังกล่าวที่บันทึกไว้ข้างต้นนี้ น่าจะเป็นการคำนวนเวลาของวาระแห่งการสิ้นยุค ของสังคมมนุษย์โลกจากหลักฐานต่างๆ เท่าที่จะเสาะหามาได้​

    " บรรยากาศ ท้องฟ้า แผ่นดินโลกจะมืดลง และถูกบดบังจนมืดครึ้ม แม้แต่คนไม่เชื่อศาสนา ยังพร่ำเรียกหาพระผู้เป็นเจ้ากับนักบุญ.... "
    ( ซ.9 ค.83 )​

    คำทำนายของนอสตราดามุสข้างต้นนี้ คล้องจองกับพุทธทำนายที่บอกว่า ท้องฟ้าจะมืดเจ็ดวันเจ็ดคืน ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนจรจะกลับกรุง ฟูกจะมีหนาม ผีป่าจะเข้าบ้าน ผีบ้านจะเข้าไพร....และในพระคัมภีร์ไบเบิลกับพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ทำนายว่าพระอาทิตย์จะมืดลง ดวงจันทร์จะหยุดส่องแสง ดวงดาวบนท้องฟ้าจะร่วงหล่น...ช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งเลยทีเดียว.....​

    (คัดลอกมาจาก หนังสือนอสตราดามุส ฉบับเพิ่มเติมเกี่ยวกับศรัทธาใหม่ เขียนโดยศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 15.jpg
      15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.7 KB
      เปิดดู:
      305
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    สิ่งที่น่าสนใจ
    แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้

    อริยเมตไตรย => อริยะ + เมตตา + อัยยะ
    Sacred friend : Sacred ~=> อริยะ
    friend ~=> เมตตา+อัยยะ ~=>ผู้มีความเมตตา,ผู้มีความเป็นมิตร (มิต+ตะ =เมตตา)

     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    สิ่งที่น่าสนใจ
    แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ครับ

    ลองวิเคราะห์หน่วยคำ เป็นพยางค์ (syllable)ทางเสียง (ในวิชาโฟเนติคมีการวิเคราะห์คำเป็นหน่วยพยางค์เสียง phoneme วิชาการอักษรศาสตร์ทางเสียงจะประมาณนิยามคำศัพท์เช่นนี้ครับ ผิดถูกอย่างไรผู้รู้ช่วยเพิ่มเติมด้วยครับ)
    เมต/ไตรย/ยะ
    มา/ซิ/อา
    มะ/ฮุ/ดีย์

    จะเห็นการออกเสียงได้3หน่วยคำ
    ทั้ง3หน่วยคำมีการออกเสียงที่มีฐานในการเปล่งเสียงใกล้เคียงกันครับ ลองออกเสียงกันดูสิครับ (ธรรมชาติของเผ่าพันธ์และสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยในเรื่องพัฒนาการของเสียงถิ่น)


    มะอิต ~=> มิต , มะเอต~=> เมต
    มา(ซิ)
    มะ(ฮุ)
    (หน่วยคำที่มาเชื่อมตามก็อาจจะทำให้เห็นลักษณะของการเปล่งเสียงที่มีบางลักษณะร่วมกันได้ครับ)

    ไต(รย)
    ซิ
    ฮุ(ดี)
    ไต~ไท~ทิ~ซิ~ดี เสียงกลุ่มนี้ใกล้เคียงกันครับ ลองสังเกตุอวัยวะของปากขณะออกเสียงว่ามีฐานอวัยวะย่อยในปากใกล้เคียงกันครับ

    ยะ
    อา
    (ดี)ย์ (ประมาณ ไตร+ยะ? หรือ มิตตยะ ?)

     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  5. kountee

    kountee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +166
    ในความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าคงตายไปแล้วเกิดใหม่อีกกี่หนไม่ทราบได้ เกิดแตกดับไม่รู้อีกกี่ภพกี่ชาติ กว่าจะได้มาเกิดในยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์คงอีกนานโข ท่านไม่น่ามาจุติในยุคนี้นะผมว่า ดูจากความน่าจะเป็น เพราะผมว่าสังคมยังไม่ถึงจุดต่ำสุด มันยังพอประณี ประนอมกันได้อยู่ และผมยังคิดว่ายังมี พระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่อีกแยะ ขอแค่อยู่แบบอย่างไม่ประมาณเป็นพอ แล้วก็หมั่นทำดีกันให้มากๆนะครับ
     
  6. อปมัญญา

    อปมัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +45
    ทำไมเราต้องมาเกิดในยุคนี้ว้า
     
  7. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ยุคนี้สืบไปอีกประมาณ 2450 ปียังคงเป็นยุคพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดมเจ้า
    เพียงแต่จะมีผู้มีบุญญาธิการสูงมาช่วยฟื้นฟูพระศาสนาของพระสมณโคดมให้เจริญรุ่งเรืองสืบ
    ต่อไปจนถึงปีพ.ศ.5000 ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ครับ
    ใครจะเรียกผู้มีบุญญาธิการสูงว่าพระจักรพรรดิก็สุดแท้แต่จะเรียกกันไป

    ส่วนพระพุทธเจ้าศรีอาริยะเมตตรัยคงต้องรอให้เลยปีพ.ศ.5000 ไปก่อนครับซึ่งไม่รู้ว่าเลยไปอีกกี่ปี
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=zHyuv7wHrAo&feature=related]YouTube - กษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตอน2 (1/1)[/ame]
     
  9. 111dew

    111dew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +145
    เราจะเข้าสู่ยุคใหม่กันเสียที่น่ะครับ ยุคที่มนุษย์พัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้น
     
  10. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    คิดเหมือนผมเลย:cool:
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5ZWfxuqSjXg&feature=related]YouTube - กษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตอน4 (1/3)[/ame]
     
  12. อู๋9

    อู๋9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +229
    ไทย
    พระมหากษัตรย์ทรงธรรมที่สุดในโลก
    ไทยมีพระอรหันต์มากที่สุดในโลก
    พระสงฆ์อัฐิกลายเป็นพระธาตุมากที่สุดในโลก
    ศพไม่เน่าโดยไม่ต้องนำไปใส่ไว้ในพลังพีระมิดก็มีมากที่สุดในโลก
    พระมหากษัตรย์และชนชาวไทยก็ได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ให้ผลมากที่สุดในโลกมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
    บุญที่คนเชื่อชาติไทยนั้นได้บำรุงพระพุทธศาสนานั้นแหละจะมาส่งผลในอนาคตอันไกล้นี้
    หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่หลวงพ่อหลวงปู่ทั้งหลายนักภาวนาทั้งหลายที่รู้ทางจิตอนาคตังสญาณว่าต้องเกิดขึ้นแน่วันชำระล้างโลก หลังกึ่งพุทธกาลที่อาจจะเรียกชื่อว่าภัยพิบัติร่วมมิตร
    โลกจะก้มหัวให้ดวงอาทิตย์(คือแกนโลกเอียงแกนแม่เหล็กกับขั้ว
    แผ่นดินไหวคลื่นยักถล่ม ลมพายุเสียงฟ้าฟาดที่รุ่นแรงมากที่สุดที่มนุษย์เคยได้ยินมาและฟ้าผ่าผ่าลงประจุลบคนที่มีศีลธรรมจะมีพลังไฟฟ้าประจุบวกสถิตอยู่ในตัวส่วนคนชั่วจะมีพลังไฟฟ้าประจุลบแล้วแต่ความเข้มข้นของความชั่ว
    นี้แหละคือวันแยกคนชั่วออกจากคนดีโดยแท้
    ผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีศีลธรรมศีล5 หรือศีล8 มีพรหมวิหาร4 และกรรมบถ10 ตามเพศที่ตนถือปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคนทั้วโลกจะเห็นในอิทธิฤทธิ์ของพุทธธานุภาพสถานที่ทางพุทธศาสนาจะมีแสงรัศมีสีม่วงปกป้องคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ
    คนทั่วโลกจะหันมาเลื่อมใส่ศรัทธาในศาสนาพุทธดังที่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกชื่อ อัลเบริด ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่าศาสนาที่จะเป็นศาสนาที่พิสูตรได้และเป็นสากลของโลกและจักรวาลนั้นคือพระพุทธศาสนา
    ไทยจะเป็นมหาอำนาจโดยธรรมไม่ใช่โดยอาวุธหรือไปบังคับใดๆทั้งสิ้นเขาจะมาสยบเราโดยธรรมจะมาสวามิภักดิ์เอง เขาจะมาขอรวมประเทศเข้ากับเราเช่น ลาวเป็นต้น
    ต่อไปโลกจะไม่ได้ปกครองโดยประชาธิปไตยแต่จะปกครองโดยธรรมาธิปไตย





    <DD>[SIZE=-1]เรื่องในตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว มี ๓ ตอน โดยนำมาลงเพียงบางส่วนของแต่ละตอน ดังนี้[/SIZE]<DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๑ เริ่มกล่าวตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาจากดอยเกิ้ง (ในเขตอำเภอจอมทองเชียงใหม่) โดยมีพระอรหันต์ พระอินทร์ และพระยาอโสกธัมมิกราช ติดตามมาด้วย เมื่อทรงพบลัวะผู้หนึ่ง กำลังวิดน้ำเข้านา จึงทรงทำนายว่า ในที่นั้นต่อไปจะเป็นเมืองหอด ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหินที่มีลักษณะคล้ายเต่า เมื่อเดินทางต่อไป พระยานาคเกิดความเลื่อมใสจึงประทับรอยพระบาทไว้ให้และทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองมหานคร ครั้นเดินทางไปถึงบ้านลัวะที่เป็นช่างปั้นหม้อ ทำนายว่า ต่อไปจะเป็นเมืองภุญชานคร และสั่งเอาไว้ว่าหากพระองค์นิพพานไปแล้ว ให้นำเอาธาตุกระดูกศีรษะด้านขวามาบรรจุไว้ที่นี่[/SIZE] <DD><DD>[SIZE=-1]เมื่อเสด็จมาถึงใต้ร่มมะขาม เทวดาบันดาลห่าฝนเงินทองตกลงมาปูชา จึงได้ชื่อว่าดอยเขาฅำหลวง จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองใหญ่ มีอารามสำคัญ ๖ แห่ง ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนก้อนหิน เมื่อมาถึงใต้ร่มไม้บุนนาค สองสามีภรรยานำเอาดอกบัวมาถวาย ก็ทรงทำนายว่าต่อไปจะเป็น วัดบุปผาราม คือวัดสวนดอกไม้ ทรงอธิษฐานให้เกศาธาตุแตกออกเป็น ๘ เส้นบรรจุไว้ในสถานที่ดังกล่าว[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]ครั้นเสด็จมาถึงกอไม้หก จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเวฬุวนารามป่าหก ทรงประทานพระเกศาธาตุไว้ เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดบุพพาราม ต่อมามีพระชาวพม่ามาขอบวชใหม่ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองชีใหม่ หรือเมืองเชียงใหม่ เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ลัวะนำเนื้อวัวกระทิงย่างมาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดอโสการาม ทรงประทานเกศาธาตุไว้ จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศใต้ ลัวะนำผลไม้มาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดพิชชอาราม[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๒ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเสด็จไปพบพระยายักษ์ที่ดอยอ่างสลุง ทรงเทศนาให้พระยายักษ์ฟัง ทรงทำนายว่าต่อไปเมื่อศาสนาได้ ๒๐๐๐ ปี พระยายักษ์จะเกิดเป็นพ่อค้าข้าวสารเป็นผู้มีสติปัญญาและจะได้ครองเมืองเชียงดาว[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]เมื่อเสด็จมาถึงเมืองฝาง ทรงทอดพระเนตรเห็นหนองน้ำใหญ่ จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองล้านช้างอโยธยา ครั้นมาถึงหนองน้ำอีกแห่งหนึ่ง พระยานาคนำเอาน้ำผึ้งมาถวาย ทำนายว่า ต่อไปจะได้ชื่อว่าพระนอนหนองผึ้ง จากนั้นจึงเสด็จไปนอนบนคันนาแห่งหนึ่ง ทำนา[/SIZE]<DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๓ กล่าวพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาว ทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปี โดยองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี องค์ที่ ๓ เกิดในเมืองเชียงดาว องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ องค์ที ๕ เกิดในเมืองอโยธิยาและได้กล่าวถึงพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ที่ดอยอ่างสลุงก็เลยได้ชื่อว่าอ่างสลุงเชียงดาว มีพระยาอินทร์ เทวดา มาเนรมิตมหาเจดีย์ทองคำไว้บรรจุพระธาตุ ต่อจากนั้นก็มีพระยาอินทร์ พระยาพรหม พระยานาค มาสร้างพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ไว้ในถ้ำ ประดับตกแต่งไว้สวยงาม ในถ้ำแห่งนี้มีทางแวะไปสถานที่ต่างๆ ได้ หลายแห่ง และได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติเมื่อจะเข้าไปชมถ้ำตามที่ต่างๆ ซึ่งหากปฏิบัติไม่ถูกก็จะกลับออกมาไม่ได้ ยว่าต่อไปจะได้ชื่อว่าพระป้านและแม่ปูคาแห้ง[/SIZE]

    จากความเห็นส่วนตัวผู้เขียน กรุงเทพน่าจะจมน้ำจากภัยพิบัติ(อ้างอิงจากพงศาวดารตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาวตอนที่1)เมืองมหานครแห่งใหม่จะอยู่เชียงใหม่ตอนล่าง
    การปกครองจากอำนาจสามร่มโพธิ์ศรี
    คือ พระมหากษัตรย์
    พระสังฆราช
    นายกรัฐมนตรี
    ผู้บรรลุธรรมสูงสุดเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี
    แล้วก็ยังมีพระโพธิ์สัตว์ที่ลงมาเกิดสร้างบารีและเหล่าบริวารที่ตามลงมาจากสวรรค์อีกจำนวนมาก
    นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่คงจะไม่มีอะไรมาปฏิเสธได้ว่าชาติที่จะเป็นอันดับ1ของโลกทั้งด้านวัตถุและทางด้านจิตวิญญาณ
    แล้วก็กษัตรย์ต้นแบบผู้นำต้นแบบทศพิศราชธรรมของโลกก็คือชาติไทยของเรา
    และเหตุผลที่ในช่วงนี้ทำไมเหตุการบ้านเมืองดูเค้ารางแล้วไม่น่าจะได้เป็นมหาอำนาจได้นั้นก็ด้วยเรื่องของกรรมมวลรวมของชนชาติไทยอีกนั้นแหละที่ในอดีตเคยรบสงครามก็ดีเคยป้องกันตัวเองจากการถูกล่าอาณานิคมก็ดีแต่กรรมที่ชาติไทยเราสมัยนั้นเวลาก่อนจะไปตีชาติใดเมืองใดเราก็มีกลยุทธกุศโลบายคือเราจะไปยุแยงให้เขาแตกกันจนวุ่นวายเสียก่อนแล้วเราจึงเข้าตีด้วยกรรมนั้นมาส่งผลให้บ้านเมืองเราต้องล้มรุกคุกคลานมาตลอดประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมีคนยุแยงให้แตกกันมีกลุ่มแบ่งสีแบ่งฝ่าย และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้
    มีนักการเมืองที่ดีไม่พอ หรือไม่พอที่จะได้ดีมาตลอดแต่เมื่อเข้าต้นรัชกาลที่10ประเทศจะมีผู้มีศีลธรรมได้ปกครองประเทศเวลานั้นแร่ธาตุต่างๆ
    ทองคำ น้ำมัน รัตนชาติยูเรเนียมก็จะผุดขึ้นมาด้วยบุญกุศลที่เคยทำไว้แต่อดีตกับพระพุทธศาสนากับพระอริยเจ้าทั้งหลายก็จะส่งผลดึงไทยขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแน่นอน
    รัชกาลที่11ไทยเป็นมหารัฐรุ่งเรืองมาก
    รัชกาลที่12จักรพรรดิราช
    ปัจจุบันมีการปรากฏของufo จ่านบิน
    มนุษย์ต่างดาวบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
    ก็เพราะเขามารอผู้มีบุญรอชมบารมีพระศรีอารย์พระเจ้าจักรพรรดิ์แห่งจักรวาลซึ่งมนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริงและยังไม่ไว้ใจมนุษย์ในยุคนี้เขารอให้เข้ายุคพระศรีอาร์ยก่อนแล้วต่อไปเขาจะบินมาปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องปกติไม่เป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป
    และในปัจจุบันมนุษย์ต่างดาวหรือufoก็เลือกที่จะติดต่อทางโทรจิตกับคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เขากะลาจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อที่จะเตือนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
    ที่สุดของที่สุดอยู่ในไทยทั้งนั้น
    ปัจจุบันคือเงากรรมในอดีตมาส่งผลแต่ในอนาคตอันใก้ลนี้ไทยจะเจริญรุ่งเรืองมากเป็นมหารัฐ
    มีพระยาธรรมิกราชหรือพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองแผ่นดินมีพระอริยเจ้ามากกว่าปัจจุบันเป็นยุคพระศรีอริยเมตไตรแต่เป็นพระโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตไตรที่ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีค้ำชูพระพุทธศาสนาของพระสมณะโคดมให้ถึง5000ปี
    เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นองค์ที่5คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีอริยะเมตไตรเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้
    จากพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า
    (พระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นคนหน้าตา ด้วยบุพกรรมที่เคยถวายแตงโมที่มีรอยลิงแทะแก่พระพุทธเจ้า)
    ที่ศรีษะของท่านจะมีรอยแผลดุจรอยหนูเจาะแตงโมครั้นต่อมาท่าน
    จึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใส มีร่างกาย
    งามผุดผ่องดุจสีทอง)



    <DD>หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน) ได้เคยบอกลูกศิษย์ที่ตึกรับแขกเมื่อคราวหนึ่งท่านกล่าวกับคณะศิษย์ที่ตึกรับแขกว่า... ขณะนี้ "พระเจ้าจักรพรรดิ" ได้ลงมาเกิดในประเทศไทยแล้ว และเกิดเป็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ มีเชื้อทางฝั่งลาว ตอนเกิดนั้น มารดาท่านฝันว่าได้แหวนทองจากเทวดา และตั้งชื่อลูกของท่านว่า "เทพ"




    <DD>และจากหนังสืออินตกกล่าวไว้ว่า
    บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ ล้านช้าง(ภาคอีสานในปัจจุบัน)ปี49ท่านเป็นหนุ่มแล้ว ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญให้หมั่นรักษาศีลสดับฟังพระธรรมเทศนา
    จะได้เห็นท่านในปีกุน 62<O:p</O:p
    หลวงปู่ทวด,หลวงปู่ดู่,พระศรีอริยเมตไตรยเป็นองค์เดียวกัน (ในหนังสือกายสิทธิ์)
    จากบทสนทนาของ นายยวง พึ่งสกุล (ปัจจุบันบวชเป็นภิกษุอยู่วัดสะแกตอนหนึ่ง ท่านป่วยเป็นโรคท้องเดินกะทันหัน ในคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าปวดเหลือเกินจะลุกขึ้นยืนก็ตัวคดตัวงอเข้าๆออกๆห้องน้ำตั้งแต่หัวค่ำ งีบหลับไปได้หน่อยก็ตื่นขึ้น ต่างคนต่างทำสมาธิกันไป ขอกล่าวโดยย่อว่ามีหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่มาช่วยในสมาธิ หลวงปู่ทวดหายไปกายเป็นหลวงปู่ดู่ท่านลงจากดวงอาทิตย์แล้วมาหยุดข้างหลังข้าพเจ้า ก้มลงเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือขวามาจับพุงของข้าพเจ้า แล้วกระชากดึงพุงอย่างแรงจนตัวไหวไปทั้งตัว3ครั้ง แล้วท่านบอกว่าหาย ด้วยความดีใจก็บอกกับคุณถมยาว่า "เลิกเหอะ" ฉันหายแล้ว หลวงพ่อทวดมาช่วยหลวงน้าดู่รักษาโดยการจับพุงฉันดึง3ที ก็เลยหายพอดี


    <DD>เมื่อครบกำหนด16วัน ตามที่แพทย์สั่ง ก็กลับบ้านแล้วมาที่วัดทันที่ ไม่มีดอกไม้ธูปเทียน มีแต่ใจมากราบนมัสการ พร้อมกับทองคำเปลวอย่างดีข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้า ข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้าดู่ว่า "การที่หลวงพ่อทวดขึ้นมานั้งบนดวงอาทิตย์ครั้งแรก แล้วต่อมาเป็นหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ พอจะถึงพื้นกลายเป็นหลวงพ่อทวด พอลงต่ำถึงพื้นก็กลายเป็นหลวงน้าดู่ ลงมาช่วยดึงพุงผม3ครั้งจนหาย หมายความว่าอย่าวไร เดี๋ยวเป็นหลวงพอทวด เดี๋ยวเป็นหลวงน้าดู่


    <DD>หลวงน้าดู่พูด "แล้วแกว่าอย่างไร"


    <DD>ข้าพเจ้าว่า"เห็นกลับไปกลับมา ก็คงเป็นหลวงพ่อทวดองค์เดียวกัน"


    <DD>หลวงน้าดู่พูด " ก็อย่างแกว่านั้นแหละ"


    <DD>ข้าพเจ้าว่า "ถ้าอย่างนั้น ก็เป็น พระศรีอริยเมตไตรยนะสิ"


    <DD>หลวงน้าดู่พูด " ก็หลวงพ่อทวด คือ พระศรีอริยเมตไตรย ท่านกลับชาติมาเกิด เพือสร้างบารมี รู้แล้วอย่าพูดไป เพราะคนที่เขาไม่เชื่อเขาจะพากันตกนรก เราจะพลอยบาปไปด้วย"


    <DD>ทองคำที่ปิดเท้าหลวงน้าดู่นั้น ข้าพเจ้าติดถวายแก่พระศรีอริยเมตไตรย


    <DD>ที่เท้าหลวงน้าดู่ พรหมปัญโญ


    <DD>สาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เนื่องจากก่อนที่จะทำการพระราชทานเพลิงศพบิดาของผู้เขียน(อ.ศุภรัตน์ แสงจันทร์)ได้มีโอกาสคุยกับน้ายวง ผู้เขียนได้ถามว่า "น้าคิดว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือหน่อพุทธภูมิ"


    <DD>น้า ยวงจึงตอยว่า "อาจารย์คิดว่าหลวงน้า เป็นอะไร"


    <DD>ผู้เขียนตอบว่า"ท่านเป็นหน่อพุทธภมู เพราะท่านเคยบอกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่นำพระนาคปรก ซึ่งหลวงปู่บุดดาฝากถวายมาให้ และมีอีกหลายอย่าง ครั้งจากนั้งสมาธิ มีคนเห็นหลวงพ่อกับหลวงพ่อทวดสลับกันไป สลับกันมา ซึ่งแสดงว่าท่านต้องเป็นองค์เดียวกัน"


    <DD>น้า ยวงจึงตอบว่า "ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนเรื่องราวที่ผมสัมผัสมากับหลวงน้า ซึ่งหลวงน้าสั่งให้ปิดไว้เป็นความลับ เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว คงจะถึงเวลาที่จะเปิดได้แล้ว


    <DD>


    <DD>


    </DD>
     
  13. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เข้าสู่กึ่งพุทธกาลแล้ว

    คนที่สงสัยว่าตัวเองทำไมต้องมาเกิดยุคนี้ให้ปฏิบัติธรรมได้แล้ว...แล้วจะพบคำตอบ
     
  14. liuyifeiceo

    liuyifeiceo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +33
    ข้าพเจ้า อนุโมทนา กับ บทความต่างๆในกระทู้นี้ ที่ทำให้เกิดปัญญาอย่างยิ่ง
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ยุคใหม่ ****

    ยุคที่มนุษย์ถือสัจจะ
    เพราะผู้นำเขาทำได้ เขามีสัจจะเป็นผู้นำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ผู้นำ...มีสัจจะเป็นผู้นำ ****

    เขาทำได้ ตามเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้า
    ตั้งแต่เกิด จนตาย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...