ตามรอย "พระมหาชนก"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 15 กรกฎาคม 2010.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    สัตว์ประเภทปู

    สัตว์ประเภทปูในป่าหิมพานต์นั้นมีรูปร่างไม่ต่างกับปู ในโลกของเรานัก จะมีก็เพียงแต่ขนาดใหญ่กว่าปูปกติเล็กๆน้อยๆ ไม่มากมาย เพียงแค่ลากช้างลงไปกินได้เท่านั้นเอง


    [​IMG]
     
  2. saksitI

    saksitI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,702
    ค่าพลัง:
    +10,609
    'ปูทะเลมีขาเดิน 4 คู่ = 8ขา' ของคุณ วจีทุจริต นั้น เรามาแวะดูสิ่งปัจจุบัน ที่ภูพะลานสูงกันหน่อยไม๊? หรือที่
     
  3. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ขอเชิญร่วมกันโหวต.. เมืองไทยในใจคุณ : ดำเนินโครงการโดยกระทรวงการต่างประเทศ 2553




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2010
  4. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    ประเทศไทย

    เหมือนไก่อยู่ในเข่ง ที่รอเขาเอาไปเชือด แต่ยังไม่วาย กัดจิกกันเอง

    นิทราเถอะนะ มนุษยชาติ



    [​IMG]



    วิเคราะห์สถานการณ์โลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    [​IMG]
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    [​IMG]
     
  7. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
    "เริ่มด้วยช่วยกัน"
    ร่วมสร้างระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤต


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=03Wdaw7ZDu8"]YouTube - กระแสปูทะเลย์มหาวิชชาลัย[/ame]



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7LsGwWEsErQ"]YouTube - กระแสปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ๒[/ame]


    ท่านสามารถส่งรายชื่อพระปราชญ์ นักปราชญ์ พระดี คนดีในสังคม ที่เป็น
    "ต้นบุญต้นแบบ" เข้าร่วมโครงการปราชญ์พลังแผ่นดินฟื้นฟูถิ­่นไทย เพื่อจัดระบบการศึกษาตามแนวพระราชนิพนธ์"พระมหาชนก"
     
  8. ธัมมะอาสา

    ธัมมะอาสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +2,648
  9. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ชอบกระทู้นี้จัง...ขอแจมด้วยนะครับ




    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Mani-Mekhala-2-May.jpg
      Mani-Mekhala-2-May.jpg
      ขนาดไฟล์:
      246.8 KB
      เปิดดู:
      2,590
    • K2.jpg
      K2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.4 KB
      เปิดดู:
      2,636
    • Mithila.jpg
      Mithila.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193.2 KB
      เปิดดู:
      3,889
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2010
  10. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]




    [​IMG]






    จากรูปแรก....พระอัฉริยะภาพในการทำนายพายุนาร์กีส

    ความหมาย

    Manimekhala Meterological Service Mount Sumeru Videha : สำนักงานบริการอุตุนิยมวิทยามณีเมขลา เขาพระสุเมรุ แคว้นวิเทหะ(มิถิลา)

    K2 : จากแผนที่โลก ยอดเขา K2 อยู่ในประเทศปากีสถาน ซึ่งมีความสูงที่สุดเป็นอันดับสอง ความสูง 8611 เมตรจากระดับน้ำทะเล

    ดูต่อที่ http://climbing.about.com/od/mountainclimbing/a/K2FastFacts.htm

    Kailas : จากแผนที่โลก ยอดเขาไกรลาศ Mt kailash, หิมาจัลประเทศ, อินเดีย ความสูง 6638 เมตรจากระดับน้ำทะเล

    Sumeru : จากแผนที่โลก ยอดเขาพระสุเมรุ.....เข้าใจว่าอยู่ในเขตประเทศจีน

    Mithila : เมืองมิถิลา (วิเทหะ) ปัจจุบันคือเมืองชนะกะปูระ ประเทศเนปาล (Janakapur Nepal...ภาคผนวก)

    Kalachampaka : เมืองกาลจัมปากะ แคว้นอังคะ ปัจจุบันคือเมืองภาคัลปูระ แคว้นพิหาร ประเทศอินเดีย (Bhagalpur Bihar...ภาคผนวก)

    Yangon : ย่างกุ้ง

    Devamahanagara : เทวามหานครา / กรุงเทพมหานคร

    Dharmarajanagara : ธรรมราชานครา / นครศรีธรรมราช

    Srivijaya : ศรีวิชัย (อาณาจักร)


    หมายเหตุ

    จากแผนที่โลก.....เมืองกาลจัมปากะอยู่ทางทิศใต้ของเมืองมิถิลา

    แต่ในหนังสือพระมหาชนก......เมืองกาลจัมปากะอยู่ทางทิศเหนือของเมืองมิถิลา

    ส่วนข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับพายุก็มีความเห็นเช่นเดียวกับคุณอ๋อ.....ครับ

    หมายเหตุ 2

    พายุนาร์กีสเข้าประเทศพม่าเมื่อ 2 พฤษภาคม 2551

    Download ข้อมูลพายุนาร์กีส





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010
  11. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]


    จากภาพ....เมืองมิถิลา A (ในเขตภูเขา) เมืองกาลจัมปากะ B (ติดแม่น้ำ)


    [​IMG]


    ข้อสังเกตจากภาพ Mekhala 2 May

    1. แผนที่ : ใช้แผนที่ปัจจุบัน

    2. ชื่อเมือง : ใช้ชื่อเมืองปัจจุบัน และชื่อเมืองในอดีตผสมกัน

    3. เหตุการณ์ในปัจจุบันและอนาคต : ใช้เหตุการณ์ในหนังสือมาเล่าและทำนายเหตุการณ์

    4. สำเภา : สำเภาในทะเลอันดามัน....จึงมีความหมายซ้อนกันระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันกับเหตุการณ์ในหนังสือพระมหาชนก

    5. เกวียน : ระหว่างเมืองมิถิลาและเมืองกาลจัมปากะ....แสดงถึงสถานที่จริงในหนังสือพระมหาชนก

    6. ปูและสัตว์น้ำ : มีความหมายเชิงสัญญลักษณ์เช่นเดียวกับ....สำเภา....อาทิเช่น


    ปู : เปรียบได้ดังสรรพวิชา ความรู้ต่างๆ (มหาวิทยาัลัยปูทะเลย์)....และเทพเทวา....ที่คอยค้ำจุนช่วยเหลือพระมหาชนก

    ปู : บุคคลประเภทที่ 6 ในอุทกูปมสูตร (บุคคลเปรียบด้วยน้ำทั้ง 7 ประเภท) โผล่ขึ้นแล้วไปถึงที่ตื้น หยั่งพื้นทะเลได้......ได้แก่พระอนาคามี

    เต่า / ปลา : พวกที่เขลาเบาปัญญา.....โผล่ไม่พ้นน้ำ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อ้างอิงจากหน้า 136 จากหนังสือ เรื่องพระมหาชนก

    ครั้นอยู่ลำพังพระราชาตรัสกะพราหมณ์ว่า "เราสงวนเรื่องนี้มาหลายเวลาแล้ว
    นับแต่คราวลงเรือมุ่งสู่สุวรรณภูมินั้น ก่อนคลื่นยักษ์กระหน่ำนาวา
    เราได้ยินพาณิชชาวสุวรรณภูมิพูดกัน เป็นภาษาสุวรรณภูมิว่า

    :"โน่นปูทะเลยักษ์สู้กับปลาและเต่า"

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    หลังจากนั้นเรือสำเภาของพระมหาชนกก็ล่มลง....พระมหาชนกลอยคออยู่ในมหาสมุทรแต่ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอตลอด 7 วัน 7 คืน ในวันที่ 8 นางมณีเมขลาจึงมาช่วยพระองค์ไว้

    แผ่นดินสุวรรณภูมิเวลานี้จึงเปรียบได้ดังพระมหาชนกได้ครองราชย์แล้ว....และหากจะคำนวณเวลา...ก็เทียบเคียงได้ว่า.....เป็นเวลาที่พระมหาชนกได้พบว่า....ต้นมะม่วงกำลังถูกยื้อแย่งทำลาย....ฉกชิงผลประโยชน์จากประเทศชาติ....และประเทศชาติอาจล่มสลายลง....ดังเช่นที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง




    7. กากบาท : ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของย่างกุ้ง และอยู่เหนือหมู่เกาะนิโคบา....เข้าใจว่าเป็นภูเขาไฟใต้ทะเล ที่อยู่ในแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก


    [​IMG]

    ภาพตำแหน่งแผ่นดินไหวทำให้เกิดสึนามิ ปี 2547






    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  12. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ต้นมะม่วงถูกล้ม.....ไม่ได้หมายถึงการล้มล้างสถาบัน (อย่างที่เข้าใจกัน)

    สถาบันยังคงดำรงอยู่คู่ประเทศไทยอีกนาน....ดังที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้กล่าวบรรยายไว้ดังนี้


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อนาคตของประเทศชาติ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    เรื่อง : อนาคตของชาติ
    (บรรยายเมื่อ วันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘)

    โดย.. พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    มัชฌิมา : คัดลอก

    เรื่องมีอยู่ว่า... ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหา วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ ผ้ายันต์พิชัยสงครามและเหรียญเอกราช ไปแจกให้แก่ทหาร ตามฐานปฏิบัติการ ชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำ การแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง "อนาคตของชาติ" ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา

    มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล

    "..เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า "...สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษี ลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง.."

    ความจริง อาตมาห่วงทหารทางภาคอีสาน เช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวย ความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้

    ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพล ได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่าย ว่าทรง คุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น

    เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จาก นั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย

    เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่า ตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้ว ก็คือ อยาก มีดีนั่นเอง

    แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยาก นั้นก็คือความดีนั่นเอง

    รักษาศีล 5 ให้ได้

    ความดีนั้นมีกฏเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการ คือ

    1. เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รังแก ข่มเหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า ไปรังแก ไม่ข่มเหงเขา
    2. เราไม่อยากให้ใครมาลักของๆ เรา เราก็อย่าไปลักของๆ เขา
    3. เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
    4. เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
    5. เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราจะกลายเป็นคนบ้า

    เจริญพรหมวิหาร ๔ ไว้

    ความดีที่สูงขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำรงชีวิต เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเองคือ พรหมวิหาร มี ๔ ประการคือ
    1. เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รักครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ ตลอดจนถึงรักประเทศชาติ
    2. กรุณา ความสงสาร ที่มีต่อบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่
    3. มุทิตา ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา เขาได้ดีก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย
    4. อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของเราไม่ทำผิด เราต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อเขาจะได้รับโทษก็ถือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือเขาในทางที่ผิด

    เว้นจากความลำเอียงทั้ง ๔ ประการ

    ผู้ที่จะมีคุณธรรมในข้อที่ ๔ นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ คือ
    ๑. ความลำเอียงเพราะความรัก
    ๒. ความลำเอียงเพราะความชัง
    ๓. ความลำเอียงเพราะความหลง
    ๔. ความลำเอียงเพราะความกลัว

    ทหารแปลว่าคนหนุ่ม

    ทหารทุกคนต้องเป็นคนหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นคนหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม

    คนหนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรง ว่องไว กล้าหาญ บึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อ มีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

    และข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตายเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น นี้พูดอย่างทหาร เพราะอาตมาเคยเป็น ทหาร เรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี

    ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง

    ทหารที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่ว แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่ดีงามเอาไว้ ความดีนั้นคือ ความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุข ของปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน

    ความสงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล การที่เรายอมเสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตของเรา เพื่อรักษาความดี ทั้งหลาย ดัง กล่าว มาแล้วนั้นไว้ จึงได้ชื่อว่าเราทุกคนได้ทำความดี สมศักดิ์ศรีของทหารไทย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม

    ภูอันธพาล (ภูพาน)

    อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณา ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า

    เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่ พระบาทสมเด็จ พระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถาม ความเป็นไป ของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

    อนาคตของชาติ

    อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า "ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่ง สมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป"

    ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ

    คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์

    ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ

    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า

    "กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่"

    และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง

    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล

    ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้

    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล

    ความแม่นยำของคำทำนาย

    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด

    รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ

    รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัย รวบรวมกัน เป็นการใหญ่

    รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้

    รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่ง พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน

    รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค ์ทรงยอมเสียแขนขา ดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้

    รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระ ปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะ ต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย" ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่น เห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร

    ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงจำเป็น ต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก

    รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อนพระองค์ จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ ต้องจำพระทัย สละราช สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์

    รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้น แสนสา หัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต

    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น

    สำหรับรัชกาลต่อไปคือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้วจะได้ประสบความ เจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย

    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?

    ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?

    เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่าน เป็นสมาธิ เข้า ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูป ที่อาตมาสอบ ถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า

    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่า

    เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทย จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลาน ดังที่ แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"


    พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก

    ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนาย นี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้

    "..อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕) จะมีฝน เหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศเหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และ สมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก

    แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล

    หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หิน ที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาด สมณะชีพราหมณ์ จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน

    แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก"

    ความแม่นยำของพุทธทำนาย

    จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิด ต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์

    หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบ กระเทือน มาจนกระทั่งบัดนี้

    มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง

    ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะ มีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะ เห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงและเป็นประเทศสุดท้าย ที่พระพุทธศาสนา ยังเหลือ อยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว

    เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป

    พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์

    ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า

    พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระ องค์ ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด

    พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทาง มา เผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน

    ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี

    ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์ เกี่ยวกับความเป็นไป ในอนาคต ของพระพุทธ ศาสนา ไว้ว่า

    "พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี"

    เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่น อยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทย ตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่า เมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาส ของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร

    จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็น หลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า

    "เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้

    แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกันสามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลง ไปกับคำยุแหย่ของบุคคล ผู้มุ่ง ร้าย ต่อชาติบ้าน เมือง"

    ดวงทหารคู่กับดวงเมือง

    ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติ บ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น

    เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัย ก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหารโดยให้ ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด

    ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยง ให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่... ขอให้เราทุกคน ช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุมรักษาเมืองแล้ว

    ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ราชาโชค ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมือง ตั้งแต่เดือน มกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น

    เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล

    สภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติ และประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่า ประเทศชาติและประชาชน จะร่ำ รวยขึ้นมีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป

    เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้นอาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด

    ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย

    อย่างน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่ง ในสาม ที่มีในเมืองไทยเรา

    ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ

    เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยัง จังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน

    พอไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู จึง ถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า

    "เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทย ไปลงทะเล

    เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น

    เขาบอกว่า น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริต ก็จะงุบงิบ เอาไป เป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด

    เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อ น้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทย กลายเป็นเศรษฐี มีชื่อ เสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย"

    ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่

    เจ้าเทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขต พม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร

    ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง

    อาตมาอยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่า เป็นความจริงทุกอย่าง

    บริเวณนั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่า เทวดาดำองค์นั้น ไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ

    ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ ให้บ้านเมือง เรา มีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว

    ธงมหาพิชัยสงคราม

    สำหรับ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ที่นำมาแจกจ่ายครั้งนี้ ได้ทำขึ้นครั้งแรก ๑๐๐,๐๐๐ ผืน นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙๐,๐๐๐ ผืน มีเหลือนำมาแจกจ่ายคราวนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ ผืน

    การทำผ้ายันต์นี้ ก็ทำจากตำราของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเคยทำเพื่อมอบให้เป็นธงนำทัพเข้าตีข้าศึก

    ได้ตำราทำยันต์พิชัยสงคราม

    ตามตำราบอกว่าใครอยากเรียนตำรานี้ไปทำต่อต้องนำดาบสองเล่มออกไปรำกลางแจ้ง หากเกิดฟ้าผ่าในขณะรำดาบจึงจะเรียน ตำรานี้ได้

    อาตมาเป็นพระไม่สามารถจะนำดาบออกไปรำได้ แต่ก็อยากเรียนตำรา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากตนมีบุญบารมี ที่จะเรียน ตำรา นี้ได้แล้ว เวลาถือดาบออกพ้นจากชายคาขอให้เกิดฟ้าผ่า

    เมื่อตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ถือดาบ ๒ เล่ม ออกนอกชายคา พอพ้นจากชายคาเท่านั้นแหละฟ้าก็ผ่าขึ้น ๒-๓ ครั้ง จึงมั่นใจได้ว่า ครู ได้อนุญาตให้เรียนตำรานี้ได้แล้ว จึงได้เรียนตำรามาทำผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามขึ้น

    มีพระเถระทางเหนือช่วยปลุกเสกด้วย

    และเมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อ เดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี

    มีฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐาน ปลอดภัยทุก คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

    อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย

    อานุภาพของผ้ายันต์

    ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอน ชีวิต เราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง เพียงแค่ให้เรา บาด เจ็บไม่ถึงตาย

    หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาตเพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิด ก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น

    ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป

    ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล

    และทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศ ต่อชาติ บ้านเมืองด้วยแล้ว อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า

    มีอยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า แต่เขารับ รองตนเองเช่นนั้นอาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย

    สุดท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน จงมีความสุขความเจริญ และปลอด ภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล.

    สวัสดี.

    ข้อมูลจาก




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649




    จากข้อความของคุณ Heureuse

    สรุปความได้ว่า...ต้นมะม่วง.....คือประเทศชาติ......ผลมะม่วงคือ....ทรัพยากรและผลประโยชน์ชาติ

    ถูกชาวเมือง....ประชาชน.....นักการเมือง....ทำร้าย....ฉกชิง....ทำลายด้วยความเขลาเบาปัญญา.....และความเห็นแก่ตัว


    วิธีการทั้ง 9 วิธี....คือวิธีแก้ปัญหาที่พระมหาชนก (พระมหากษัตริย์) ทรงแนะนำวิธีแก้ไข.....ฟื้นฟูชาติของเรา......นั่นเอง




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]


    ความหมาย



    1. สามเหลี่ยมใหญ่ด้านซ้าย : คือสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถดำรงคงอยู่ได้ด้วย

    1.1 เมืองมิถิลาไม่สิ้นคนดี / กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี....ฉันใด.....กรุงรัตนโกสินทรืไม่สิ้นคนดี......ฉันนั้น

    1.2 สถาบันดำรงคงอยู่ได้....ด้วยการ...อนุรักษ์.....วิริยะ....พัฒนา (ตรงตัว)


    2. สามเหลี่ยมใหญ่ด้านขวาย : คือประเทศชาติ (ที่มีแผนที่ จานดาวเทียม เทคโนโลโยต่างๆ ผู้คนซึ่งมีศีลธรรม ปัญญา) สามารถดำรงคงอยู่ได้ด้วย.....คุณธรรม (ตรงตัว)



    ปล. จานดาวเทียมหันไปทางตะวันตก(เฉียงใต้) เพราะประเทศไทยตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย ตำแหน่งดาวเทียมของไทยเมื่อขึ้นสู่วงโคจร จะคล้อยมาทางตะวันตก....ดังนั้น....เมื่อต้องการติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมในประเทศไทยจะต้อง

    2.1 หันหน้าจานไปทางตะวันตก.....เพราะวงโคจรดาวเทียมของไทยคล้อยไปทางตะวันตก (ดาวเทียมทางโทรคมนาคมทุกดวง...ลอยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรไปตามแนวตะวันออกจรดตะวันตก)

    2.2 หันหน้าจากก้มลงทิศใต้เล็กน้อย......เพราะประเทศไทยอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร

    รวมความว่า....ต้องหันหน้าจานรับสัญญาณ...ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้




    3. สามเหลี่ยมต้นมะม่วง 2 ภาพ : หมายความว่าประชาชนต้องช่วยกันฟื้นฟูประเทศที่กำลังเหี่ยวเฉาั....ให้เป็นประเทศที่งอกงาม.....ดังเดิม

    4. สายน้ำใต้สามเหลี่ยม : หมายถึงแม่น้ำเจ้าพระยา / สายน้ำหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ (สายน้ำสงบ) ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว.....สามเหลี่ยมทุกรูปตั้งอยู่บนสายน้ำที่อุดมสมบูรณ์....ประชาชนมีศีล.....มีคุณธรรม

    5. เฮลิคอปเตอร์ : แสดงถึงการคมนาคม ที่ทันสมัย....สะดวกสบาย....เหมาะสมกับประเทศชาติที่ได้ฟื้นฟู....ให้เจริญรุ่งเรืองแล้ว




    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  15. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]


    ตัวปู : เปรียบได้ดังสรรพวิชา ความรู้ต่างๆ (มหาวิทยาัลัยปูทะเลย์) เป็นที่รองพระบาทของพระมหาชนกให้ทรงพ้นภัยอันตรายต่างๆ

    ปู 8 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....มรรค 8.....ซึ่งเป็นพื้นฐานในการค้ำจุน....ตัวปู.....ให้เข้าถึงมรรคผล

    ปู 4 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....พรหมวิหาร 4....เป็นพิ้นฐานของตัวปู....เช่นกัน

    นอกจากนั้น.....หากทรงพรหมวิหาร 4 แล้ว.....จะได้ของแถมเป็น......ศีล 5 และอินธิบาท 4 อีกด้วย

    ปู 2 ขา : เปรียบได้ดั่ง.....มนุษย์ที่มีจิตใจดี....พร้อมที่จะละความชั่ว....แล้วหันมาปฏิบัติธรรมความดี....ให้มีขา(ความดี) มากขึ้น....ยิ่งๆขึ้นไป

    ปล. ภาพ Mekhala แทบทุกภาพและภาพ ส.ค.ส. พระมหาชนก ปี 2542.....นั้น.....จะมีภาพปู 2/4/8 ขารวมอยู่ด้วยทั้งสิ้น....แปรความได้ว่า

    แม้เหตุการณ์ต่างๆจะร้ายแรงเพียงใด....แต่....พรหมเทวดา....พระสยามเทวาธิราช....และความดีอันมีองค์มรรคทั้ง 8.....พรหมวิหาร 4 .....ได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระมหาชนกและสุววรณภูมิประเทศ....ให้แคล้วคลาดปลอดภัย....ทุกครั้งไป


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2010
  16. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    [​IMG]



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เรื่องราวพระมหาชนก.....ที่เกี่ยวข้องกับภาพ

    จวบจนกระทั่งอายุได้ ๑๖ ปี เจ้ามหาชนกก็เรียนศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการจบหมด ผิวพรรณของเจ้ามหาชนกผ่องใสเปรียบเหมือนทองคำความคิดที่จะเอาสมบัติของพ่อคืนก็มากขึ้น วันหนึ่งจึงเข้าไปถามมารดาว่า

    “แม่จ๋า แม่จากเมืองมาแต่ตัวหรือว่าได้สมบัติของพ่อมาบ้าง”
    “เจ้าถามทำไม”
    “เพราะว่าลูกต้องการจะเอาไปทำทุน แก้แค้นเอาสมบัติของพ่อกลับคืนมา”

    “แม่เอาแก้วมาด้วย ๓ ดวง เป็นแก้ววิเชียรดวง ๑ มณีดวง ๑ แก้วมุกดาดวง ๑ แก้วทั้ง ๓ นี้ มีราคามาก หากจะมาขายก็ได้เป็นเงินเป็นจำนวนมาก พอที่จะทำทุนสำหรับเอาราชสมบัติของพ่อเจ้ากลับคืนมาได้”

    “ลูกต้องการเอาเพียงครึ่งเดียว เพี่อจะทำทุนไปค้าขายยังสุวรรณภูมิ จะได้รวบรวมเงินทองและผู้คนเพื่อชิงเอาราชสมบัติของพระบิดากลับคืนมาให้ได้”

    “เจ้าอย่าไปค้าขายเลย เอาแก้วสามดวงนี้แหละขายซ่องสมผู้คนเถิด เจ้าไปไกลแม่เป็นห่วง”

    เจ้ามหาชนกก็ไม่ยินยอม มารดาจึงเอาเงินทองมาให้ เจ้ามหาชนกก็ซื้อสินค้าบรรทุกสำเภาเตรียมจะไปค้าขาย ณ สุวรรณภูมิกับพวกพ่อค้ามากหน้าหลายตาด้วยกัน เมื่อจัดแจงเรียบร้อยแล้ว มหาชนกก็มาลามารดาเพื่อจะเดินทาง

    “เจ้าจงเดินทางโดยสวัสดิภาพ คิดอะไรให้สมปรารถนา”
    มารดาเจ้ามหาชนกให้พรแถมท้ายว่า “เจ้าจงอย่าจองเวรเลยสมบัติมันเสียไปแล้ว ก็แล้วไปเถิด เรามีอยู่มีกินก็พอสมควรแล้ว”

    แต่เจ้ามหาชนกก็บอกว่าอยากจะเดินทางท่องเที่ยวเป็นการเปิดหูเปิดตา และจะไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    เหตุการณ์จากภาพ Mekhala 20 Apr นั้น.....จะเกิดขึ้นก่อน.....เหตุการณ์ Mekhala 9 May

    เพราะ....พระมหาชนกท่านเดินทางออกจากเมืองกาลจัมปา....มาค้าขายที่สุวรรณภูมิ....จากนั้นผ่านมาได้ 7 วัน....สำเภาของพระองค์จึงล่มลง


    อธิบายภาพ Mekhala 20 Apr

    พายุโซนร้อนซึ่งค่อยๆก่อตัวทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์....ได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำด้านทะเลแปซิฟิค.....เคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์.....มุ่งหน้ามายังทะเลจีนใต้.....โดยสถิติพายุที่ก่อตัวเหนือมหาสมุทรแปซิฟิคจะเคลื่อนที่เข้า จีน ใต้หวัน หรือคล้อยลงใต้มาปะทะเวียดนาม.....แล้วจึงอ่อนกำลังไป

    แต่พายุโซนร้อนลูกนี้มีการเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ....เมื่อเข้าเขตทะเลจีนใต้-อ่าวไทย....ได้ทวีกำลังแรงขึ้น....ทิศทางของพายุไม่ได้ขึ้นฝั่งที่เวียดนาม....แต่มีทีท่าที่จะเข้ามายังอ่าวไทย....ส่งผลให้ฝั่งอ่าวไทยและประเทศเพื่อบ้าน......มีฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง


    ภาพเทียบเคียงเส้นทางของพายุ


    [​IMG]


    จากภาพ....พายุไต้ฝุ่น “โกนเซิน” (Conson) บริเวณทะเลจีนใต้ เมื่อเวลา 10.00 น. 17 ก.ค. 53


    [​IMG]


    ไต้ฝุ่น “ทุเรียน” 1 ธันวา 2549 คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 100 คนที่ฟิลิปปินส์ แต่พอมาถึงประเทศไทย วันที่ 5 ธันวา 2549 ก็เลี้ยงลงอ่าวไทยแล้วออกจุดที่แคบที่สุด





    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++













    [​IMG]





    9 พฤษภาคม 2556 (ค.ศ. 2013) วันที่น่าจะเกิดเหตุการณ์อากาศแปรปรวน (และอาจเกิดแผ่นดินไหว) ครั้งใหญ่



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เพิ่มเติม....เรื่องราวพระมหาชนก.....ที่เกี่ยวข้องกับภาพ

    ในขณะที่เจ้ามหาชนกลงเรือเพื่อเดินทางไปค้าขายยังสุวรรณภูมินั้น ก็พอกับเจ้าโปลชนกกำลังประชวรหนักอยู่ในเมืองมิถิลานคร หลังจากที่ออกเดินทางเห็นแต่น้ำกับฟ้าแล้วประมาณได้สัก ๗ วัน เรือก็ประสบเข้ากับมรสุมอย่างหนัก ผลสุดท้ายเรือบรรทุกสินค้า และผู้โดยสารก็อัปปางลงท่ามกลางเสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้กลัวตาย แต่เจ้ามหาชนกมิได้คร่ำครวญร่ำไรอย่างคนอื่นเขา กับ ๑๕ วา นับว่าเป็นระยะไกลมาก

    ขณะที่เรือของเจ้ามหาชนกอับปางนั้น ก็พอดีกับเจ้าโปลชนกซึ่งครองราชสมบัติอยู่ ณ กรุงมิถิลา เสด็จสวรรคตเพราะโรคาพาธ .. เจ้ามหาชนกมิได้ท้อถอย พยายามว่ายน้ำกระเสือกกระสนเพื่อจะให้รอดจากความตาย กล่าวว่านานถึง ๗ วัน และในวันที่ ๗ กำหนดได้ว่าเป็นวันอุโบสถ ก็ยังได้สมาทานโดยอธิษธานอุโบสถในขณะลอยคออยู่ในทะเล ..ด้วยบุญบารมีแต่ปางบรรพ์ของเจ้ามหาชนกได้ทำไว้ให้ ร้อนถึงนางเมขลา

    ซึ่งกล่าวว่าเป็นผู้รักษาสมุทรดังที่เล่าไว้ในรามเกียรติ์ว่า นางเมขลาเป็นพนักงานรักษาสมุทร มีแก้วประจำตัวอยู่ ๑ ดวง ถ้านางโยนขึ้นจะเห็นแสงแวววับจับตา ซึ่งเราเรียกกันว่าฟ้าแล่บ ได้ไปเล่นกับเทพบุตรและนางฟ้าในเวลานักขัตฤกษ์ได้โยนแก้วเล่นแสง แก้วนี้ส่องไปจนรามสูรเห็นก็อยากได้ จึงไปไล่หวังจะได้แก้ว แต่ก็ไม่ได้ เพระนางเมขลาเอาแก้วส่องตาทำให้หน้ามืด เลยโมโหขว้างขวานหวังจะฆ่าซึ่งก็ไม่ถูกนาง ทางมนุษย์เราเรียกฟ้าร้องและฟ้าผ่านั้นเอง นี้แหละเป็นเรื่องของนางเมขลา

    เผอิญวันเรือแตกนั้นนางเมขลากำลังไปประชุมอยู่กับเทพบุตรนางฟ้า จวบจนถึงวันที่ ๘ จึงกลับมา ได้เห็นมหาชนกว่ายน้ำอยู่จึงช่วยพาขึ้นจากสมุทรมาไว้ในอุทยานของพระเจ้าโปลชนก แล้วก็กลับไปที่อยู่ เจ้ามหาชนก ก็นอนหลับอยู่ในสวน

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





    อธิบายภาพ Mekhala 9 May


    1. เมื่อไปไล่ปฏิทิน 120ปี เดินหน้า-ถอยหลัง ตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งพิมพ์หนังสือพระมหาชนก ไปจนถึงปี 2556

    (แก้ไข......พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก มีทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ในเล่มเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแปลพระมหาชนกชาดกเสร็จสมบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ จัดพิมพ์ ในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล เมื่อปี พ.ศ.2539

    และในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ.2542 พระองค์ทรงโปรดฯ ให้จัดพิมพ์ พระมหาชนก เป็นฉบับการ์ตูนเพื่อสะดวกแก่การศึกษาทำความเข้าใจของเด็กและเยาวชน อีกทั้งยังมีการจัดพิมพ์เป็น ฉบับอักษรเบรลล์ เพื่อเผยแพร่แก่คนตาบอดอีกด้วย )



    ก็ได้พบว่า....วันที่ 9 พฤษภาคม ที่เป็นวันพระ มีอยู่ 2 วันเท่านั้น....คือ

    วันที่ 9 พฤษภาคม 2550 และวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 (ค้นพบโดยคุณ...Falkman)


    2. จุดกากบาทใต้เมืองย่างกุ้ง.....ที่ผมเดาเอาว่า....เป็นภูเขาไฟใต้ทะเล เพราะอยู่ในแนวรอยเลื่อนที่พาดมาจาก.....หมู่เกาะสุมาตรตรา (เกิดสึนามิคราวที่แล้ว)....และหมู่เกาะนิโคบา

    และจุดกากบาทที่ด้านบน (หลังคำว่า....วันนี้วันอุโบสถ) นั้น....คาดว่า.....เป็นจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว....แห่งใหม่....ซึ่งห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่าดินไหวเดิมที่เมืองเฉิงตู (มณฑลเสฉวน).....ไปอีก....Lat 1 องศา N (จาก 31 องศาเป็น 32 องศา) Long 4 องศา E (จาก 103.3 องศาเป็น 107.5 องศา )

    แผ่นดินไหวที่เมืองเฉิงตู ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ขนาด 7.9 ริกเตอร์นั้น....ทำให้ มีผู้เสียชีวิต 68,516 คน บาดเจ็บ 365,399 คน และสูญหาย 19,350 คน

    http://th.wikipedia.org/wiki/แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน_พ.ศ._2551

    3. สี่เหลี่ยมใกล้เกาะศรีลังกา (ยังไม่ทราบความหมาย)

    4. โดยปกติพายุต่างๆจะเกิดจาก....หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง......แต่ในรูปได้เกิด "พายุฤดูร้อน" จุด A (ประเทศพม่า) คือ....บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงเหนือพื้นดิน (เดาว่า....น่าจะเคลื่อนตัวมาจากแถบเทือกเขาหิมาลัยทางด้านบน)

    พายุฤดูร้อนลูกนี้....แผ่กำลังลงมาปะทะหย่อมความกดอากาศต่ำ....บริเวณอ่าวไทย....ทำให้เกิดพายุกำลังแรงเคลื่อนตัวเข้าประเทศไทย

    ในภาพ....ยังเกิดพายุซ้อนขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง....ตีขนาบข้างประเทศไทย บริเวณทะเลอันดามัน เขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และยังเกิดพายุซ้อนอีก 2 ลูกในเขตอินเดียและบังคลาเทศ

    ในภาพ....เราจึงเห็นสัญญลักษณ์.....พระมหาชนกทรงกำลังว่ายน้ำ.....หมายความว่า....พวกเราต้องเผชิญภาวะวิกฤต....ต้องอดทน.....และไม่สิ้นหวังต่อเหตุการณ์

    วันที่ 9 พฤษภาคม 2556....จึงนับว่าเป็น....วันแห่งภิบัติภัย....ซึ่งเราไม่อาจละเลยการเตรียมการ.....ได้



    [​IMG]





    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9May-Big-with-mark.jpg
      9May-Big-with-mark.jpg
      ขนาดไฟล์:
      386.8 KB
      เปิดดู:
      6,045
    • RSOE.jpg
      RSOE.jpg
      ขนาดไฟล์:
      200.2 KB
      เปิดดู:
      4,406
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    เย้ คุณ zz มาแล้ว มาช่วยกัน :cool:
     
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    คิดถึงนะ....ตัวเอง 5555
     
  19. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    คุณสนั่นสบายดีนะครับ
    ประมาณ May 2013 นักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าคาดการณ์ไว้ว่าดวงอาทิตย์จะปลดปล่อย Solar Flare ขนาดใหญ่มากๆอาจจะใหญ่กว่าที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต อาจจะส่งผลต่อโลกที่รุนแรงมาก อาจทำให้โลกพลิกแกนหมุนได้
     
  20. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สวัสดีครับท่าน...สบายดีครับ

    ข้อมูลท่าน...ยังแน่นเหมือนเดิม....นะครับ :cool:




    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เพิ่มเติม


    รู้ไหมว่า.... ปี 2402 โลกถูก “พายุสุริยะ” กระหน่ำแรงที่สุด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2553 11:10 น.


    [​IMG]


    ภาพแสงเหนือที่เกิดจากพายุสุริยะทำอันตรกริยากับชั้นบรรยากาศโลก (Tom Walker / Getty Images/Discovery)

    ปี พ.ศ.2402 เป็นปีที่โลกต้องจดจำ ถึงผลกระทบจาก “พายุสุริยะ” ซึ่งทำให้การสื่อสารขัดข้องเป็นวงกว้าง เมื่ออนุภาคที่ส่งตรงจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในระบบเสาส่งโทรเลขไปทั่วโลก และหลายพื้นที่ยังเกิดแสงออโรราทั้งที่ปกติจะพบเฉพาะแถบขั้วโลก

    เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2402 เกิดแสงออโรราเหนือท้องฟ้าสหรัฐฯ ที่สว่างจนบางคนนึกว่าเมืองเกิดเพลิงไหม้ ขณะเดียวกันเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วโลก บันทึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกชั่วขณะ และระบบการสื่อสารขัดข้องจากกระแสไฟฟ้าที่รบกวนเสาส่งโทรเลข จากนั้นในวันที่ 1 ก.ย. ริชาร์ด ซี.คาร์ริงตัน นักดาราศาสตร์อังกฤษพบจุดมืดกลุ่มหนึ่งบนดวงอาทิตย์

    เพียง 17 ชั่วโมงหลังคาร์ริงตันพบจุดมืด ก็ปรากฏแสงออโรราระลอกที่ 2 ที่สหรัฐฯ ซึ่งสว่างมากจนเปลี่ยนกลางคืนให้กลายเป็นกลางวัน และยังเห็นไปจนถึงประเทศปานามาซึ่งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ความสว่างที่เกิดขึ้นมากพอให้ผู้คนอ่านหนังสือพิมพ์ภายใต้แสงสีแดงและเขียวได้ และระบบส่งโทรเลขทั่วสหรัฐฯและยุโรปไม่สามารถทำงานได้อีกครั้ง

    จากการศึกษาของ บรูซ สุรุทานิ จากห้องปฏิบัติการจรวดขับเคลื่อนความดัน ของนาซา พบว่า พายุสุริยะเมื่อ 151 ปีก่อนนี้รุนแรงกว่าเมื่อปี 2532 ที่ทำให้ไฟดับทั่วแคนาดามากถึง 3 เท่า

    อย่างไรก็ดี ปกติสนามแม่เหล็กโลกจะช่วยปกป้องอันตรายจากลมสุริยะหรือพายุสุริยะได้ในบางครั้ง แต่ในกรณีนี้ เกราะป้องกันของโลกทำงานล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

    (อ้างอิง : Scientific American/ Space.com)

    อ่านเพิ่มเติม
    รับมือ “พายุสุริยะ”

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000138876


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    รับมือ “พายุสุริยะ”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2553 11:06 น.


    [​IMG]




    การปะทุบนดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุพุ่งตรงมายังโลกที่มีสนามแม่เหล็กป้องกันอันตรายจากอนุภาคเหล่านั้น (ดิสคัฟเวอรี)


    [​IMG]


    ภาพการปะทุบนดวงอาทิตย์เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา (NASA/GSFC/AIA)


    [​IMG]


    ภาพเส้นสนามแม่เหล็กที่พุ่งขึ้นจากจุดมืดบนดวงอาทิตย์ (Hinode JAXA/NASA/PPARC/ESA)


    [​IMG]


    ภาพแสงออโรราเหนือชั้นบรรยากาศโลกเมื่อปี 2003 ที่บันทึกโดยโดนัลด์ อาร์.เพตติท (Donald R. Pettit) ลูกเรือสถานีอวกาศนานาชาติ (NASA)



    [​IMG]


    ศ.ดร.เดวิด รูฟโฟโล



    เมื่อ 20 กว่าปีก่อนแคนาดาเคยเกิดเหตุไฟดับครั้งใหญ่หลังถูก “พายุสุริยะ” ถล่ม และย้อนไปไกลกว่านั้นกว่า 150 ปีเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นที่เสาส่งโทรเลขของสหรัฐฯ และยุโรป หากเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นในยุคที่ชีวิตคนเราผูกติดกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจสร้างความเสียหายที่มากกว่านั้น

    ศ.ดร.เดวิด รูฟโฟโล อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ศึกษาดวงอาทิตย์ พายุสุริยะและรังสีคอสมิคมากว่า 20 ปี อธิบายว่า การเกิดพายุสุริยะต้องมีจุดมืด (sunspot) บนดวงอาทิตย์ ซึ่งที่จุดมืดนั้นมีสภาพเป็นขั้วแม่เหล็ก และมีโครงสร้างเส้นแรงแม่เหล็กที่จะออกจากจุดหนึ่งของจุดมืดไปยังอีกจุดหนึ่ง ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กจากการเคลื่อนที่ดังกล่าว และเส้นแรงแม่เหล็กนี้เหมือนหนังสติ๊กที่สะสมพลังงานได้แล้วปลดปล่อยออกมา

    กล่าวได้ว่าดวงอาทิตย์สะสมพลังงานแม่เหล็กจนระเบิดออกมาเป็น “พายุสุริยะ” โดยเส้นแรงแม่เหล็กที่สะสมพลังงานจน “ตึง” จะปลดปล่อยพลังงานออกมาได้ 2 รูปแบบ หากแปลงเป็นความร้อนจะเกิดการปะทุที่เรียกว่า “การลุกจ้า” (solar flare) หรือหากแปลงเป็นพลังงานจลน์จะเป็น “การปลดปล่อยก้อนมวลจากโคโรนา” (Corona Mass Ejection: CME) ซึ่งทำให้อนุภาคมีประจุ ถูกปล่อยออกจากบรรยากาศดวงอาทิตย์ในทุกทิศทาง และส่วนหนึ่งพุ่งตรงมายังโลก และกระทบกับเส้นแรงแม่เหล็กโลก

    ทั้งนี้ จุดมืดจะมีจำนวนมากสุดเฉลี่ยในทุกๆ 11 ปี จากนั้นจะลดจำนวนลงต่ำสุด ซึ่งล่าสุดจำนวนจุดมืดมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2543 และจำนวนจุดมืดต่ำสุดเมื่อปี 2551 แต่ปัจจุบันดวงอาทิตย์ฟื้นตัวช้ากว่าปกติ และยังมีจุดมืดน้อยอยู่

    ดังนั้น คาดว่าวัฏจักรจุดมืดครั้งนี้จะใช้เวลาถึง 13 ปี โดยน่าจะมีจุดมืดมากที่สุดในช่วงปี 2555-2556 ซึ่งจากการคำนวณขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) คาดว่าเดือน พ.ค.56 จะเกิดจุดมืดมากที่สุด

    หากแต่ ศ.ดร.รูฟโฟโลให้ข้อมูลว่า จำนวนจุดมืดนี้ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดพายุสุริยะรุนแรง พร้อมยกตัวอย่างเมื่อปี 2548 ที่เกิดพายุสุริยะรุนแรงทั้งที่ห่างจากปีที่มีจุดมืดสูงสุดถึง 5 ปี และในปีที่เกิดพายุสุริยะรุนแรงนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์มากนัก ทั้งนี้ ความรุนแรงของพายุสุริยะมีหลายระดับและขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจพบการเกิดพายุสุริยะได้ทุกวัน แต่ระดับรุนแรงมากนั้นจะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ครั้งในรอบวัฏจักรจุดมืด

    การมีสนามแม่เหล็กโลกและชั้นบรรยากาศ ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกปลอดภัยจากอนุภาคที่ส่งตรงจากดวงอาทิตย์ ตราบเท่าที่เรายังอยู่บนพื้นโลกและพายุสุริยะไม่รุนแรงจนไปเกินไปเรายังคงใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยจากอนุภาคเหล่านั้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมนุษย์อวกาศซึ่งขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะมากกว่าคนบนพื้นโลก รวมถึงดาวเทียมและกล้องโทรทรรศน์ที่โคจรอยู่รอบโลก และโครงการสำรวจอวกาศอื่นๆ

    ผลกระทบจากพายุสุริยะที่ไม่รุนแรงแต่สวยงาม นั่นคือแสงเหนือแสงใต้หรือออโรรา (Aurora) ซึ่งเกิดจากอนุภาคมีประจุที่ส่งตรงจากดวงอาทิตย์ทำอันตรกริยากับชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งจะเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ที่บริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ อย่างไรก็ดี แม้จะมีเกราะปกป้องถึง 2 ชั้นแต่พายุสุริยะที่รุนแรงเคยทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นในเสาส่งโทรเลขของสหรัฐฯ และยุโรปเมื่อปี 2402 และทำให้เกิดแสงเหนือแสงใต้ที่เห็นได้ที่ฮาวายของสหรัฐฯ หรือโรมของอิตาลี และผลกระทบรุนแรงล่าสุดเมื่อปี 2532 ที่ทำให้ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าของแคนาดาเสียหายและไฟดับทั้งเมืองนานถึง 9 ชั่วโมง

    อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 1 ส.ค.53 ที่ผ่านมาได้เกิดพายุสุริยะที่นาซาขนานนามว่า “สึนามิสุริยะ” (solar tsunami) ซึ่งด้านที่หันเข้าหาโลกนั้น เกิดการปะทุรุนแรงเกือบทั้งด้าน โดยดวงไฟยักษ์ได้ปลดปล่อยซีเอ็มอีมายังโลกด้วยความเร็ววินาทีละ 1,000 กม. หรือ 3.6 ล้าน กม. ต่อชั่วโมง ซึ่งอนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์นี้ ได้ปะทะสนามแม่เหล็กโลกเมื่อวันที่ 3 ส.ค. และทำให้เกิดแสงออโรราที่สังเกตได้ แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายที่เห็นได้ชัดเจน

    นอกจากนี้ ศ.ดร.รูฟโฟโลยังได้ให้ข้อมูลที่ทำให้คนไทยได้รู้สึกโชคดีอีกครั้งว่า ประเทศไทยตั้งอยู่บนตำแหน่งเส้นศูนย์สูตรทางแม่เหล็กโลก และมีแกนแม่เหล็กโลกที่เลื่อนมาใกล้ๆ ประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีสนามแม่เหล็กโลกที่เข้มที่สุด ซึ่งเมื่อรังสีคอสมิคหรือพายุสุริยะรุนแรงเข้ามา ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าจุดอื่นๆ ของโลก โดยจุดที่มีสนามแม่เหล็กเข้มที่สุดอยู่ใน จ.ชุมพร

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9530000138872




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...