แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. ก้องครับ

    ก้องครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,447
    ค่าพลัง:
    +10,647
    เมื่อช่วงเย็นนี้ได้โอนเงินค่ากรรมการชุด 1 จำนวน 2,000 บาทให้เรียบร้อยแล้วนะครับ

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ

    ปล. แจ้งที่อยู่ที่ใครเอ๋ย
     
  2. akikai

    akikai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +47
    เวบแน่นมาก

    ล่มป่าวนี่
     
  3. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    เลือกอ้างอิงข้อความเดิมยังไงอ่ะครับ
    ของผมมันclickอ้างอิงไม่ได้เลย
    หรือเป็นเพราะเป็นแอ๊ปเปิ้ลไม่ใช่pc(เกี่ยวป่าวอ่ะ)
     
  4. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333
    สอบถามอีกที
    ผู้ที่มีรายชื่อสีแดง จะไม่รวมอยู่ใน 55 ลูกที่จะจับฉลากลูกอมใช่หรือไม่ครับ
    ทำเสร็จแล้ว
    แต่อยากตวรจความแน่นอนก่อน โพสครับ

    รบกวน ทุกท่านช่วยบอกความถูกต้องด้วยครับ
     
  5. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    โรคกระเพาะอักเสบ Peptic Disease

    source: รายการตะลุยโรงหมอ
    รศ. นพ. นุสนธิ์ กลัดเจริญ
    (ู้เชี่ยวชาญระบบกระเพาะอาหาร และตับ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

    โรคกระเพาะอักเสบ คือภาวะกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ บวม แดง ซึ่งเกิดจากกระเพาะอาหารถูกบางสิ่งรบกวน ทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้น จนเยื่อบุกระเพาะเกิดเป็นผื่น และอักเสบซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจลุกลามกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
    ปกติแบคทีเรียส่วนใหญ่เมื่อถึงกระเพาะมักจะตายหมดเพราะว่ากระเพาะอาหารมีน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งฆ่าเชื้อได้แต่มีแบคทีเรีย Helicobacter pylori ซึ่งวิวัฒนาการทนกรดในกระเพาะอาหารได้ แต่เดิมเรามักจะเชื่อกันว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากกรดออกมามากเกินไป ทำลายเยื่อของตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเกิดจากเชื้อ Helicobacter pylori
    สรุปสาเหตุที่ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ
    1. อาหาร หรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูก
    2. แบคทีเรีย โดยปกติแบคทีเรียจะไม่สามารถทนกรดในกระเพาะอาหารได้ แต่ยกเว้นแบคทีเรียที่ชื่อ Helicobacter pylori ซึ่งส่งผลให้กระเพาะเกิดการอักเสบได้
    3. มีกรดในกระเพาะมากเกินไป

    โรคกระเพาะอักเสบ จะปวดแน่น ตรงกลางท้องช่วงบน อาการพวกนี้จะแตกต่างกันตามเกณฑ์อายุ ยิ่งอายุมากอาการของโรคยิ่งน้อย
    การรักษา
    จุดประสงค์ของการรักษากระเพาะอาหารอักเสบ คือ
    1. บรรเทาอาการปวดท้อง
    2. รักษาการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร
    3. ป้องกันการเกิดซ้ำ
    4. ป้องกันภาวะแทรกซ้อน

    1. การบรรเทาอาการปวดท้อง ใช้หลักการของด่างมาสะเทิ้นกรดภายในกระเพาะ ยาที่นิยมใช้คือยาธาตุน้ำขาว(Alum milk) หรือใช้เป็นยาเม็ดอลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์ก็ได้ผลเช่นกัน ซึ่งในกรณีของยาเม็ดควรเคี้ยวก่อนกลืนเพราะยาเม็ดบางชนิดแตกตัวในกระเพาะ อาหารช้า ยากลุ่มนี้จะรับประทานก่อนอาหาร 3เวลา หรืออาจรับประทานเพิ่มเติมเมื่อมีการปวดระหว่างมื้อ นอกจากนี้ควรเลี่ยงอาหารรสจัด น้ำอัดลม กาแฟซึ่งอาจกระตุ้นอาการปวดท้อง
    2. การรักษาการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ใช้ยารักษานาน 14วัน นิยมใช้ยาลดการหลั่งกรด(Acid suppression) ได้แก่ ยากลุ่ม H2 receptor antagonists หรือยากลุ่ม Proton pump inhibitors เพราะหาซื้อได้สะดวกตามร้านขายยา ส่วนยากลุ่ม Cytoprotective เช่น Sucralfate หรือ Bismuth ก็สามารถใช้ได้
    3. การป้องกันการเกิดซ้ำ คือการป้องกันสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โดยหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด หรือยาแก้ปวดข้อ การออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันโรค 4. การป้องกันภาวะแทรกซ้อน ส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนมักเกิดจากยาแก้ปวดข้อ เนื่องจากยานี้จะลดอาการปวดได้ขณะที่ยากัดกระเพาะ ทำให้อาการปวดท้องซึ่งเป็นอาการเตือนถูกบดบัง ภาวะแทรกซ้อนมักเกิดในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะมาก่อน ผู้ป่วยที่รับประทานยาชุด-ยาลูกกลอน เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมา การรักษามักจะต้องใช้การส่องกล้องรักษาหรืออาจต้องผ่าตัดถ้ามีกระเพาะอาหารทะลุ
     
  6. ลูกน้ำเค็ม

    ลูกน้ำเค็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,022
    ค่าพลัง:
    +14,548
    ข้างล่างข้อความที่โพสนั่นแหละครับ
     
  7. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    > เรื่องเล่าที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
    > คนซื่อสัตย์ คือ
    > สมบัติของพระราชา
    > ที่มา
    > หนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่
    > ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
    > เมื่อหลายปีก่อน
    > (ประมาณสัก ๑๓ปี)
    > มีนักธุรกิจคนหนึ่งไปหาอาตมาที่วัดสุทัศน์ฯ
    > เป็นนักธุรกิจที่ทำงานอยู่กับคุณเจริญคุณหญิงวรรณา
    > สิริวัฒนภักดี
    > เมื่อพบกัน
    > ท่านผู้นี้ก็แจ้งความประสงค์ของการมาพบ
    > และเล่าเรื่องที่เป็นจุดประสงค์
    > ดังนี้...
    > "ท่านคงพอจะจำผมได้นะครับ
    > เราเคยพบกันที่บ้านของคุณเจริญคุณหญิงวรรณา
    > สิริวัฒนภักดี
    > ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ท่านฟังดังนี้ว่า
    > เมื่อก่อนผมเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์
    > ปกติผมต้องไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติ
    > ต่อมา
    > ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย
    >
    > ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง
    > ว่างก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ
    > ...อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนนั้นก็ชวนผมไปเที่ยวบ้าน
    > โดยบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ
    > ในฐานะที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ
    > โดยมีการนัดแนะกันที่พระราชวังดุสิต
    > สวนจิตรลดา
    > โดยเธอบอกว่าเมื่อเข้าประตูที่
    >
    > แล้วขอให้บอกแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้
    > (เป็นคำเฉพาะ)
    > ...ครั้นถึงวันนัดหมายผมก็เดินทางไปโดยรถแท็กซี่
    > เมื่อเข้าประตูผมก็มิได้สงสัย
    > คงบอกเจ้าหน้าที่ตามนั้น
    > ครั้นถึงขั้นที่ ๒
    > ผมก็บอกตามนั้นอีก
    > เจ้าหน้าที่ก็อัธยาศัยดี
    > ให้ความเคารพผมอย่างยิ่ง
    > แต่พอถึงขั้นที่๓
    > ผมก็เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่า...แท้ที่จริงเด็กผู้หญิงคนนั้นคือ
    > "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
    > สยามบรมราชกุมารี"
    > ซึ่งตอนนั้นยังมิได้เฉลิมพระยศนี้...
    > ...ท่านครับ
    > พอผมนึกออกก็เริ่มสั่นแล้ว
    > แต่เหตุที่ผมนึกไม่ออกนั้น
    > เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่า
    > เจ้าฟ้าจะสนพระทัยในวิชาการอย่างจริงจัง
    > เวลาค้นคว้าก็ทรงสืบค้นด้วยพระองค์เองทุกอย่าง
    > ทรงค้นคว้าและจดจำอย่างขมีขมัน
    > โดยมิได้มีข้าราชบริพารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์
    > และเวลาที่ทรงสนทนาก็ให้ความนับถือคู่สนทนา
    > ยิ่งรู้ว่าผมเป็นครูสอนวิชาดังกล่าว
    > ...เมื่อผมรู้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นคือสมเด็จพระเทพฯ
    > ผมก็ประหม่า
    > และแล้วรถแท็กซี่ก็ถึงที่นัดพบ
    > สักครู่พระองค์ก็เสด็จออกมาแล้วตรัสปฏิสันถาร
    > ถึงตอนนี้ผมก็ก้มลงกราบกับพื้น
    > และที่ทำให้ผมสั่นยิ่งขึ้นก็คือ
    > ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณพ่อของเด็กผู้หญิงคนนี้คือ
    > "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
    > ...ท่านครับ
    > สักครู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมา
    > ทรงมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแล้วตรัสว่า
    > "
    > ห็นลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกัน"
    > เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้
    > ผมก็ก้มลงกราบด้วยความประหม่าเป็นที่สุด
    > แล้วกราบบังคมทูลว่า
    > "มิเป็นการบังอาจ
    > พระพุทธเจ้าข้า"
    > ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสว่า
    > ขอให้ทำตัวตามปกติไม่ต้องประหม่าหรือกลัวแต่อย่างใด
    > พระองค์ตรัสขอบใจที่ได้เป็นเพื่อนสนทนาในวิชาการดังกล่าว
    > จากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า
    > "อันที่จริงก็มีผู้อยากขอเข้าเฝ้าฯ
    > เป็นจำนวนมาก
    > บางรายก็ขอนำเงินขึ้นทูลเกล้าถวาย
    > แต่เราก็ไม่สามารถจะรับเงินของบางคนได้
    > เราจะรับเงินของเขาได้อย่างไร
    > ในเมื่อเงินที่เขานำมาถวายเรานั้น
    > เป็นเงินที่เกิดจากการขายแผ่นดินของเรา
    > เราจึงรับเงินนั้นไม่ได้
    > ...ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร
    > เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการคนที่ซื่อสัตย์
    > เพราะคนที่ซื่อสัตย์
    > คือ
    > สมบัติของพระราชาอย่างเรา"
    > ...ท่านครับ
    > ผมก้มลงกราบถวายบังคมพระองค์อีกครั้ง
    > ด้วยความซาบซึ้งน้ำตาไหล
    > ในพระมหากรุณาธิคุณ
    > ที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้แก่ครูสอนหนังสือเล็กๆ
    > คนหนึ่ง
    > พระราชดำรัสของพระองค์มีคุณค่ายิ่งต่อชีวิตของผม
    > จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว
    > เป็นอาหารที่ผมรับประทานแล้วอิ่มตลอดชีวิต.......
    > ...ท่านครับ
    > จากวันนั้นมา
    > ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไป
    > โดยที่ผมเองก็มิได้รู้ว่าทำไม
    > ชีวิตของผมซึ่งเป็นครูต้องเปลี่ยนแปลงงานที่ทำโดยมิได้ตั้งใจ
    > ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ
    > แต่พระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้นั้นจารึกอยู่ในใจผมเสมอ
    > ...ผมอยากจะเรียนท่านให้ทราบเพียงเท่านี้แหละครับ
    > ถ้าท่านจะกรุณานำไปเล่าให้คนทั้งหลายได้รับทราบ
    > ก็จะเป็นลาภของคนที่ฟัง
    > เขาจะได้รู้ว่าพวกเขาควรทำอย่าง
    > ไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนของพระราชา
    > อาจารย์ท่านนี้เมื่อเล่าจบก็ลากลับด้วยสีหน้าที่อิ่มสุขและน้ำตาที่คลอเบ้าตา
    > มิใช่เพียงอาจารย์ท่านนี้ที่อิ่มสุขเท่านั้น
    > อาตมาเองซึ่งเป็นผู้ฟังก็อิ่มสุขน้ำตาคลอเบ้าเช่นเดียวกัน
    > บทความของ
    > พระราชวิจิตรปฏิภาณ
    > วัดสุทัศน์
     
  8. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
  9. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ......สวัสดียามเย็นครับ......
     
  10. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    คุณลูกนํ้าเค็มครับ.
    ที่ช่องตัวเลือกอ้างอิงใช่ไหมครับ...
    ถ้าใช่.ก็แปลว่าเครื่องผมมันคลิ๊กไม่ได้จริงๆ
     
  11. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    นิทานอีสป... เรื่องวัวสามสหาย (สามัคคีคือพลัง) <!--sizec--><!--/sizec-->

    [​IMG]


    ครั้งหนึ่งยังมีวัวอยู่สามตัว เป็นเพื่อนที่ดีมีความเกี่ยวข้องที่สามัคคีต่อ กัน มันทั้งสามอาศัยอยู่ในทุ่งกว้างที่ป่าใหญ่อัฟริกา มันทั้งสามตัว จะไปไหนมาไหนไม่ว่าจะเป็นเวลากินหญ้าหรือแม้แต่ในเวลานอน ก็จะอยู่ในที่ที่ใกล้ ๆ กันอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ในวันหนึ่ง ในขณะที่วัวทั้งสามตัวกำลังรวมกลุ่มกันยืนกินหญ้าอยู่นั้น ก็เกิดได้มีสิงห์โตหิวโซตัวหนึ่งเดินผ่านมาและได้เห็น มันหมายที่จะบุกเข้าจับกินเป็น เหยื่อ
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" ว้าว! พวกมันดูน่าอร่อยมากเลยทีเดียว "<!--colorc--><!--/colorc-->
    แต่วัวทั้งสามตัวได้ร่วมพลัง กันกางเขายืนจังกล้าหันหน้าเข้าปะทะกับสิงห์โตอย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเกรงแต่ อย่างใด "<!--coloro:#006400--><!--/coloro--> ม่อๆๆ กางเขาหันหน้าสู้กับสิงห์โต ห้ามแยกจากกันเป็นอันขาด "<!--colorc--><!--/colorc-->


    [​IMG]


    สิงห์โตจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปในที่ที่ใกล้ ๆ และทำอะไรพวกมันได้เลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิงห์โตจึงทำได้ก็แต่แค่เพียงเดินเมียงมองอยู่ในที่ห่าง ๆ และ
    รอบ ๆ ได้แต่เพียงอย่างเดียว มันเฝ้ารอคอยเพื่อหาโอกาสที่จะบุกเข้าโจมตี แต่แล้วก็ต้อง เลิกลาและถอยห่างออกไปในที่สุด
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" ถ้าพวกเราร่วมมือสามัคคีกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวอ้ายสิงห์โตตัวนั้นเลยสักนิด " <!--colorc--><!--/colorc-->สิงห์โตรู้สึกอับอาย เป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถที่จะกินวัวทั้งสามตัวพวกนั้นได้


    [​IMG]


    [​IMG]


    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" มันน่าที่จะมีหนทางอะไรที่ดี ๆอยู่บ้างนะ " <!--colorc--><!--/colorc-->สิงห์โตพยายามใช้ความคิด
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->"อ้อ ข้ารู้แล้ว.. ! ว่าด้วยเหตุใดข้าถึงได้บุกเข้าไปจับกินพวกมันไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น...ก็เป็นเพราะว่าพวกมันมีความสามัคคีกันนั่นเอง,,, ดังนั้นก่อนอื่นใด ข้าก็จำเป็นที่จะต้องจัดการทำให้พวกมันแตกแยกขาดความ สามัคคีต่อกัน...แล้วตอนนั้นแหละ ข้าก็จะกินพวกมันได้ทีละตัว ๆ อย่างง่าย ๆ นั่นไง ใช่แล้ว ! " <!--colorc--><!--/colorc-->และเมื่อมันคิดได้ดังนั้นแล้ว สิงห์โตก็ได้ย้อนกลับมาปรากฏตัวในที่ ทุ่งกว้างที่พวกวัวทั้งสามอยู่อีกครั้งหนึ่ง <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" ดีมาก...ดูสิ..นั่นพวกมันกำลังแยกกันออกไปยืนกินหญ้าอยู่ในที่ที่ห่าง ๆ อยู่พอดีเลยทีเดียวเชียว "<!--colorc--><!--/colorc-->


    [​IMG]


    [​IMG]


    สิงห์โตรีบเดินไปในที่ที่ใกล้ ๆ กับวัวตัวสีแดงก่อนอื่นใด แล้วกระซิบด้วย เสียงที่อ่อนหวานที่สุดว่า <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" นี่นี่..นายสีแดง เราต้องขอยอมแพ้ในความเก่งกาจของ พวกท่านแล้วหละ เพราะพวกท่านนั้นทั้งเก่งทั้งแข็งแรง..เราขอนับถือ..แต่ว่านะ..เราอยาก รู้จังเลยว่าท่านทั้งสามนั้นใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูงล่ะ" <!--colorc--><!--/colorc-->วัวตัวสีแดงจึงพูดว่า " พวกเรานั้นทั้งเก่งและแข็งแรงด้วยกันทั้งสามนั่นแหละ " สิงห์โตทำท่าทีเป็นตกใจ " จริงน่ะ???แต่ที่ข้าได้ยินมาจากวัวตัวอื่นนั้น..มันไม่ใช่อย่างเช่นที่ท่านพูดนี่ ! "

    [​IMG]


    วัวตัวสีแดงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ถามไปว่า <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" แล้วพวกนั้นพูดว่าอย่างไร??" <!--colorc--><!--/colorc-->
    สิงห์โตจึงได้ทีพูดว่า <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" วัวตัวสีดำนั้นบอกว่ามันนั้นทั้งเก่งและ แข็งแรงที่สุดในฝูง แล้วยังได้บอกอีกด้วยว่าถ้าไม่มีมันแล้ว รับรองว่า วัวตัวสีแดงกับวัวตัวสีน้ำตาลจะต้องโดนสิงห์โตกินไปนานนมแล้วเสียด้วยนะ.." <!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" อะไรนะ? ทำไมมันถึงได้พูดในสิ่งที่ห่วยและแย่มาก ๆ อย่างเช่นนี้ได้ ยังไง!"<!--colorc--><!--/colorc-->
    วัวตัวสีแดงเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ให้เป็นโกรธเป็นอย่างมาก...


    [​IMG]


    [​IMG]


    แล้วในที่สุด,สิงห์โตก็ได้ไปพูดบอกหลอกลวงแบบเช่นนี้กับวัวตัวสีน้ำตาล แล้วก็แน่นอนเหมือนกันกับวัวตัวสีดำอีกด้วย...
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" นี่ นี่ วัวตัวสีน้ำตาลท่านได้ ฟังแล้วหรือยัง? ว่าวัวตัวสีดำพูดว่า มันนั้นต้องมีหน้าที่ดูแลป้องกันภัย ให้กับวัวทั้งสอง เพราะว่าวัวทั้งสองตัวนั้นทั้งอ่อนแอและทำอะไรที่เป็น ประโยชน์ไม่ได้เสียเลย.. " <!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" ม่อๆๆๆโอ้ยนี่ข้าโกรธแล้วด้วยนะ! " <!--colorc--><!--/colorc-->สิงห์โต พูดหลอกลวงแบบนี้กับวัวทั้งสามตัวตามแผนการณ์ได้อย่างแนบเนียนมากเสียด้วยสิ


    [​IMG]


    [​IMG]


    .แล้วหลังจากนั้นในที่สุด..ที่ทุ่งกว้างของป่าใหญ่ก็เป็นอันได้เกิดการต่อสู้กันขึ้น
    มา เสียแล้ว...เริ่มต้นจากวัวตัวสีดำก่อนเลย มันตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" มาเลย เราจะต้องมาสู้แข่งขันกัน เพื่อให้รู้ให้แน่ชัดเสียเดี๋ยวนี้ ว่าใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูง "<!--colorc--><!--/colorc-->
    วัวตัวสีแดงก็เหมือนกันก็พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->"ตัวที่เก่งและแข็งแรงที่สุดก็คือข้า!" <!--colorc--><!--/colorc-->มันทั้งสามตัวจึงเริ่มต่อสู้กัน..โดยใช้เขาอันแหลมคมของพวกมันนั้นเอง..เสียบแทง ซึ่งกันและกันอย่างไม่ยอมลดละให้กันและกันเลยสักน้อยนิดเสียด้วย...


    [​IMG]


    [​IMG]


    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->" ม่อๆๆม่อๆๆ..ม่องเท่งสิ" <!--colorc--><!--/colorc-->สัตว์ทั้งสามตัวจึงมีอันต้องนองและเต็มไปด้วยเลือด มันทั้งสามตัวได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมากและอ่อนแรงลงอย่างไม่ได้สติ จากการต่อสู้
    <!--coloro:#006400--><!--/coloro-->"ม่อๆๆ..ข้าไม่ปรารถนาที่จะอยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไป " <!--colorc--><!--/colorc-->ทั้ง ๆ ที่เคยมีความสามัคคีและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่แล้ววัวทั้ง สามตัวก็จำต้องมาแตกแยกขาดความสามัคคีเป็นมิตรที่ดีต่อกันและกันไปในที่สุด และในตอนนั้นสิงห์โตก็ยิ้มด้วยความพอใจ เพราะได้โอกาสเข้าไปจับกิน พวกวัวที่อ่อนแรงใกล้ตายได้ทีละตัว ทีละตัว สมใจสบายโก๋ไป ตั้งสามวันเต็ม ๆเลยทีเดียว...


    [​IMG]



    <!--coloro:#006400--><!--/coloro--><!--sizeo:5--><!--/sizeo-->นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#0000FF--><!--/coloro--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->นิทานเรื่องเล่าเรื่องนี้..ได้เล่าถึงวัวที่คือผู้ที่ได้รับการหลอกลวง จากสิงห์โตที่กุข่าวลือขึ้นมา...จนทำให้ต้องมาแตกขาดความสามัคคีและความ มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน " จงให้ความสำคัญและให้ความเชื่อใจ กับคนหรือ เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียว
     
  12. 9046

    9046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +2,503
    เริ่มออกตัวกันแล้ว เห็นฝุ่นเริ่มลอยมาแล้วครับ
     
  13. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขอเอาใจช่วยเพื่อนๆผู้ที่ร่วมแข่งขันในหน้า 999 ทุกท่านครับ ผมจะกลับมาโพสอีกครั้งในหน้าประมาณ 1002 ครับ ผมเป็นคนไม่มีโชคลาภ แต่ก็จะไม่ขัดลาภของเพื่อนๆ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
     
  14. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    ขอนำเสนอข้อคิดดีๆครับ

    ขออภัยครับ ฮัพโหลดไม่ได้
     
  15. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    คุณ PITINATTH73 ไม่ลองดูก่อนหรือครับ...
    ครั้งนี้อาจเป็นของคุณก็ได้...
     
  16. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    มาอวยพรครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี และขอให้ได้กับผู้ที่มีจิตเป็นบุญเป็นกุศล อยู่ในศีลในธรรม เพื่อเป็นการร่วมสร้างบารมีซึ่งกันและกัน ทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นที่อยู่ในลูกอม และทั้งผู้ที่ได้ครอบครองลูกอมนั้นด้วยครับ จากใจจริง ขออนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งนะครับ ยินดีล่วงหน้ากับผู้โชคดีทุกท่าน
     
  17. akikai

    akikai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอลุ้นด้วยนะคะ

    ขอให้ทุกท่านโชคดีเช่นกัน
     
  18. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,901
    ผมก็อยากทราบเหมือนกันครับ
    เพราะชื่อผมก็อยู่ในนั้นเหมือนกัน อิอิ
     
  19. area

    area เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +362
    เรียนปรึกษาผู้รู้หรือคณะทำงานของ web หน่อยครับ ผมเคยเห็นที่ pantip.com มีการ post กระทู้มาก ๆ ประมาณสัก 600-700 ข้อความ แล้วในที่สุด เนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นั้นก็ล่มไปเลย เขาเลยแก้ปัญหาโดยการแตกกระทู้เป็น กระทู้ตอนที่ 2,3 เป็นต้น

    ไม่ทราบว่า web พลังจิตเรานี้ หากมีการ post กันมาก ๆ จนเป็น 1000 ข้อความ จะมีโอกาสล่มจนทำให้กระทู้อันมีเนื้อหาที่มีประโยชน์นี้หายไปหรือไม่ครับ หากหายไปก็น่าเสียดายมากครับ

    หากมีโอกาสล่ม เราอาจต้องแตกกระทู้เป็น กระทู้ 2 หรือไม่ครับ ฝากผู้รู้ช่วยพิจารณาด้วยครับ

    อนุโมทนากับพี่หนุ่มและพี่น้องทุกท่านด้วยครับ
     
  20. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    โรคไหนๆ ก็แพ้เกลือ


    เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้านกันทุกคน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง...

    1. ไอเพราะเป็นหวัด
    แค่เอาน้ำเปล่า 1 ถ้วย มาเหยาะเกลือลงไป 1
    ช้อนชา คนเบาๆ จนกว่าเกลือจะละลาย แล้วใช้บ้วนปากกลั้วคอหลายๆ ครั้ง ค
    วามเค็มจะเข้าไปละลายเสมหะในลำคอ ทีนี้ก็ไม่ต้องไอให้คนข้างๆ รำคาญแล้ว

    2. มึนหัว สมองไม่แล่น
    สาวทำงานที่เจอแบบนี้อย่ารอช้า รีบรองน้ำอุ่นให้เต็มถัง หยอดเกลือลงไป 2-3
    ช้อนชา แล้วเอามาอาบ รับรองว่าสมองจะโล่งคิดงานได้ปรู๊ดปร๊าด เพร
    าะเกลือช่วยกระตุ้นให้เลือดลงไหลเวียนดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง

    3. เร่งให้อาเจียน
    ถ้าบังเอิญกินสารพิษเข้าไป หรืออึดอัดอาหารไม่ย่อย จนต้องทำให้อาเจียนออกมา ให้ดื่มน้ำเกลือเข้มข้น
    แก้วใหญ่ๆ ไม่นานจะได้อาเจียนสมใจ

    4. คัดจมูก
    จะแค่คัดจมูกน้ำมูกไหล หรือลุกลามจนกลายเป็นโรคจมูกอักเสบก็ตาม ให้ใช้น้ำเกลือเจือจางหยอดเข้า
    ไปในรูจมูกทั้งสองข้าง เกลือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคในโพรงจมูก จะได้หยุดซี้ดซ้าดปาดน้ำมูกได้เสียที

    5. คันตามผิวหนัง
    ทาบริเวณที่คันด้วยน้ำเกลือ เชื้อราบริเวณนั้นจะสิ้นฤทธิ์

    6. โรคตาแดง
    โรคนี้มีเชื้อโรคเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แต่สามารถปฐมพยายาบาลตัวเองก่อนถึงมือหมอได้ง
    ่ายๆ ด้วยการเอาผ้าขนหนูสะอาดๆ (
    ถ้าต้มฆ่าเชื้อโรคก่อนได้ยิ่งดี) จุ่มน้ำเกลือแล้วเอามาเช็ดตา อาจจะแสบบ้างแต่นั่นล่ะคือยาดี หลังจากท
    ี่เกลือเข้าไปฆ่าเชื้อโรคในตาแล้ว ก็ล้างตาหลายๆ ครั้งด้วยน้ำสะอาด อาการบวมแดงมีขี้ตาของคุณจะทุเ
    ลาลง

    7. แผลยุงกัด
    ถ้าใครถูกเจ้ายุงตัวร้ายมาขอบริจาคเลือดไป แถมยังทิ้งรอยแผลไว้เป็นที่ระลึก อย่ามัวแต่เกาให้
    เสียลุคส์สาวงาม รีบๆ ใช้น้ำเกลือทาที่รอยแผล ไม่นานความคันจะหายไป และรอยบวมก็จะยุบเร็วด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...