ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

.. อะนะ..คนเราชอบคิดกันว่าเปนเทพสบายจัง...ท่านภราดรภาพช่วยให้หลายคนได้เข้าใจมากขึ้นว่า ยิ่งชั้นสูงก็ยิ่งหนาวววววๆๆ ...งานเพียบ อาจไม่ต้องใช้แรงแบบเราๆๆ แต่ก็ต้องใช้จิตสั่งเปนหลักทำงาน 24 ชม. เหมือน Seven Eleven ไม่ได้พักกันเลย ส่วนบางร่างที่เปนฐาน..อาจจะทนกันไม่ได้เดี้ยงไปก็มี ถึงแม้จะมีการโอนงานเป็นโซนๆ แต่งานบางงานสำหรับเทพชั้นสูง ฝากก็ไม่ได้... ให้ก็ไม่มีใครกล้ารับ...เปลี่ยนก็โดน...ปรับก็อาจจะโดนอีก...ฟังแล้วเรื่องมันเศร้าแต่ถ้าคิดว่าจะสร้างบารมีให้ไวๆๆ ก็ต้องเปนไปตามนั้นแหละ
...สู้ๆๆ สู้ๆๆ....

 

อย่างนี้ก็ไม่ต้องไปเกิดเป็นเทพแล้วขนาดเกิดเป็นเทพยังมีงานทำอยู่ ตอนเกิดเป็นมนุษย์ก็ทำงานเหนื่อยจะแย่ ที่แรกดิฉันคิดว่าการงานจะมีแต่พวกเทพชั้นต่ำๆ ส่วนชั้นสูงจะไม่มีงานทำไปเกิดเพื่อเสวยผลแต่ชั้นสูงยังมีงานทำอยู่ อย่างนี้ขอไปนิพานดีกว่า

 

พี่ค่ะ ญาณทัศนะ คืออะไรค่ะ คือหนูอยากรู้ค่ะ

 

คุณ nanthiya1 ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกว่า ยิ่งชั้นสูงมากเท่าไร งานยิ่งชุมมากเท่านั้น ยิ่งชั้นสูงสุด ยิ่งต้องแบ่งภาคแบ่งจิตทำงานป็นพันละวันเลยละจะบอกให่

 

อ้างอิงจาก วิกีพีเดีย
ญาณทัศนะ <SUP>/ยานะทัดสะนะ/</SUP> แปลว่า การรู้และการเห็น การเห็นคือการรู้จริง, การเห็นด้วยการรู้จริง, การเห็นอย่างประเสริฐ คือการรู้อย่างแจ่มแจ้ง

ญาณทัศนะ เป็นที่ใช้แพร่หลายในคัมภีร์พระพุทธศาสนา และมีความหมายหลายระดับตามเนื้อหาในเรื่องนั้น ๆ เช่นหมายถึงการเห็นพระธรรมที่พระอริยเจ้าเห็น การแทงตลอดธรรมอย่างที่พระอริยเจ้าแทงตลอด การบรรลุธรรมที่ทำให้เป็นพระอริยะ การบรรลุความเป็นพระอริยะ ซึ่งก็คือปัญญานั่นเอง

ญาณทัศนะ ยังหมายรวมไปถึงวิปัสสนาญาณ ทิพจักขุญาณ มรรคญาณ ผลญาณ ปัจเวกขณญาณ สูงสุดถึงสัพพัญญุตญาณ ในที่บางแห่งอธิบายว่าแม้ความเห็นที่บริสุทธิ์หรือทิฏฐิวิสุทธิ์ก็เรียกว่าญาณทัศนะได้

แต่ในความเห็นผมนะครับ ก็คือ ผู้ที่สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ ผู้มีวิชชาสาม ผู้มีอภิญญา ฯลฯ

ซึ่งก็แล้วแต่จะจำกัดความนะครับ

ขอให้เจริญในธรรม

 

งั้นที่รุ้มาคืออ่านหนังสือหรือรู้มาจากวัดต่างๆว่าเทพฯชั้นสูงไม่มีงานทำไปเกิดเพื่อเสวยผลบุญอย่างเดียวก็ผิดละชิคือหมดบุญและก็ลงมาเกิดไหม่อะไรประเภทเนี่ย แล้วจะเชื่อใครดีหว่า เชื่อตัวเองดีกว่ามังขอนิพานชาตินี้

 

อย่างที่บอกแต่แรกนะครับว่า ขอบเขตของหน้าที่และความรับผิดชอบในแต่ละชั้น มีความแตกต่างกัน ยิ่งระดับผู้บริหารระดับสูง ก็ต้องประชุม กำหนด กำกับ และติดตามงานให้เป็นไปตามทิศทางของเป้าหมายที่วางไว้ เวลาเขาหมดบุญ ก็จะหมดภาระหน้าที่ไปด้วย แต่การทำงานของท่าน ไม่เหมือนบนโลกมนุษย์นะครับ ของท่านแบบ auto แต่ของเราแบบ manual ประมาณว่าท่านเป็นสภาวะทิพย์ ส่วนเราเป็นกายขันธ์ นะครับ


หมดบุญแล้ว ก็ต้องมาอุบัติบนโลกมนุษย์ เพื่อสร้างกรรมดี และชดใช้กรรมเก่าให้เป็นโมฆะ เพื่อจะได้ไต่ระดับภพภูมิที่สูงขึ้น เหมือนสอบขึ้นชั้นอะไรประมาณนั้นนะครับ ชั้นบารมีอ่อน บารมีกลาง บารมีแก่


อย่างการสร้างบารมีอย่างอ่อน ก็คือ การเจริญไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา)


การสร้างบารมีอย่างกลาง ก็คือ การโปรดมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ช่วยเหลือ สงเคราะห์ โดยไม่หวังอานิสงค์ใด ทำด้วยกายใจบริสุทธิ์ ไม่หวังลาภสักการะ ไม่หวังศรัทธา นะครับ


สุดท้ายการสร้างบารมีอย่างแก่ ก็คือ การสร้างกุศลใดๆ ที่เหนือสามัญวิสัย เช่น การจะโปรดมนุษย์และสรรพสัตว์บนโลกมนุษย์หรือนรกจนไม่เหลือ หรือว่าจะขอเกิดทุกชาติไป แต่ละชาติของได้โปรดมนุษย์และสรรพสัตว์ อันนี้ จะเน้นไปที่แรงอธิษฐานจิตครับ


เป็นไงครับ คุณคิดว่าจะสร้างบารมีแบบไหนดีครับในวาระนี้?
คุณคิดว่าพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว จะมาโปรดลูกหลานไหม?

ขอให้เจริญในธรรม

 

คำแผ่เมตตาที่ได้เคยสอนไว้

อาจารย์ภราดรภาพ หมายถึง คำแผ่เมตตาที่ลงไว้ในบอร์ด ที่เป็นของวิชชาสาม หรือเปล่าค่ะ สามารถนำมาใช้ได้หรือค่ะ ยังไม่เคยเข้าไปร่วมงานเปิดวิชชาสามเลย สอบถามเพื่อความแน่ใจ
ที่ใช้อยู่และจับสังเกต ก็ใช้สัพเพฯ ธรรมดาค่ะ พอใช้ก็มากันเลย ก็ใช้ไปเรื่อย ๆ จนหมด(ถ้ารู้ตัวตามสมาธินะค่ะ เพราะบางครั้ง คิดว่าร่างกายมีอาการแบบนั้นเป็นธรรมดา)
และมีอีกเรื่องคือเรื่องโทรศัพท์ ที่ไม่ชอบโทรเลย เพราะเราไม่ชอบโทรศัพท์และมีความกังวลทุกครั้งถ้าต้องโทรศัพท์ ที่เรียนมาให้อาจารย์ทราบด้วย เพราะลองโทรหาอาจารย์ที่สอนจักระ ตื่นเต้นมาก ไม่มีคำถามอะไร พูดไม่ได้ ไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไรที่ต้องถามเหมื่อนคนอื่นเค้า และ อาจเป็นอาการเดียวกันที่ไม่ได้โทรมาแนะนำตัวกับอาจารย์เลย ขออภัยด้วยค่ะ ใช้วิธีเขียน จะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ด้วยความเคารพ
ญาณิศา กระบี่ศรี
QUOTE=ภราดรภาพ;3666190]อาการที่คุณเดมีดี แจ้งมา มองได้สองประเด็นหลัก ในแง่ของสุขภาพ อาจมีการเจ็บปวดบริเวณไหล่เนื่องจากการยกของ หรือการเคลื่อนไหวผิดท่าทางก็เป็นได้

แต่หากมองในแง่จิตวิญญาณ บ้างก็กล่าวว่ามีเทพเทวัญหรือครูบาอาจารย์ของท่านมาประทับที่ไหล่ เพราะท่านมาอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้สร้างในกาลนี้ คุณสังเกตดีๆ ว่าทำไมเวลานั่งสมาธิ แล้วเกิดอาการนั่งตัวแข็งหรือหนักไหล่มากๆ แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ก็เพราะสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นเอง

แต่ถ้านั่งแล้วมีอาการเป็นอื่น เช่น คันหน้าคันตาไปทั้งตัว เหน็บกินขาบ้าง ปวดตรงนั้นตรงนี้บ้าง บอกได้เลยว่าเจ้ากรรมนายเวรมาขอส่วนบุญ ก็ขอให้แผ่เมตตาให้เขาไปตามระเบียบ คำแผ่เมตตาตามที่ได้เคยสอนไว้นะครับ

ขอให้เจริญในธรรม[/QUOTE]

 

การสวดแผ่เมตตาจิตให้แก่ผู้อื่น หากทำอย่างเนืองๆ จะมีอานิสงค์มากมายทีเดียว มนตราทุกมนตรา จะสำเร็จผลได้ ก็อยู่ที่กำลังจิตของคนแผ่ หากมีกำลังสูง แรงบุญที่ส่งไปก็ย่อมสุงขึ้นไปด้วย กำลังจิตก็คือฐานแห่งกรรมฐานและวิปัสสนานั่นเอง สำหรับมนตราที่ให้ไปจะใช้อันไหนก้ได้ครับ ตามแต่ใจชอบ สำหรับวิชชาสามแล้ว มนตราทุกมนตรา สำคัญหมดครับ ก็ลองใช้สลับกันดู อันไหนจะมีพลังกระแสบุญมากกว่ากัน อันนี้ก็แล้วแต่พลังแห่งชีวิต

ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ คู่สนทนาหากมีพลังจิตหรือญาณบารมีด้วยกัน มักจะรับรู้ได้จากกระแสพลังจิตหรือญาณบารมี หากเรามีกระแสพลังน้อยกว่า เราก็จะรู้สึกอึดอัด หรือพูดไม่ค่อยออก หรือพูดแล้วติดๆ ขัดๆ อันนี้ ก็ให้เป็นข้อสังเกตได้ว่า เขามีบารมีสูงกว่าเรา แต่เมื่อเราสนทนาไปสักพักหนึ่ง กระแสพลังจะมีการปรับเข้าหากันจนเป็นปกติทั้งสองฝ่ายครับ

 

มีคนเคยบอกว่า ช่วงเข้าพรรษา เหล่าเทพเทวาท่านจะเข้าบำเพ็ญ จะไม่ลงประทับทรงในโลกมนุษย์ อันนี้เท็จจริงแค่ไหนครับ

แล้วผมมีเรื่องสงสัยอยากจะถามคุณภราดรภาพหลายเรื่องมาก แต่ก็เกรงใจมากๆ เพราะมันอาจจะดูไม่มีสาระอะไร อย่างเช่น ผมมีปู่ฤาษีคุ้มครองอยู่ เป็นองค์ประธานสังขาร (มีร่างทรงเขาบอกผมมา) แล้วท่านปู่ก็เคยลงมาสนทนาผ่านร่างทรงอยู่หลายครั้ง ท่านบอกพระนามท่านเองแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่า มีชื่อนี้หรือเปล่า (พระฤษีอิศวรนารายณ์....)

เลยอยากถามคุณภราดรภาพในข้อนี้ก่อน แล้วผมจะมาถามใหม่นะครับ

 

เห็นจะจริงค่ะคุณภราดรภาพ เพราะดิสงสัยเรื่องนี้ เคยถามท่านเทพฯที่ดูแลดิฉันท่านติดตามดิฉันได้อย่างไรทำไมไม่อยู่บนวิมานของท่าน ท่านพูดว่าท่านแบ่งภาคได้ดิฉันก็ งงแบ่งภาคแบบไหน ท่าน ก็พูดว่า ที่เธอฝึกสมาธิแบบมโนมยิทธิ เธอก็เคยเนรมิตหลายกายไปกราบพระพุทธเจ้าเธอจำได้ไหมก็แบบเดี๋ยวกัน ดิฉันก็เลยเข้าใจ

 

สวัสดีอาจารย์ภราดรภาพ
เห็นอาจารย์อยู่บนบอร์ดพอดี เลยเข้ามาทักทาย หน่อยค่ะ อาจารย์ไม่ต้องส่งกระแสจิตมานะค่ะ เดี๋ยวนั่งเล่นไม่สนุกค่ะ แค่มาทักทายค่ะ และแจ้งว่า ครั้งที่ 8 ขออย่าเป็นวันที่ 5 และ 26 กันยายน เลย เพราะช่วงนี้ ต้องส่งเด็กไปสอบบ่อยมาก
ด้วยความเคารพ
ญาณิศา กระบี่ศรี

 

ผมเองก็เพิ่งจะรู้จากคุณนี้แหละครับ อาจเป็นไปได้ว่า เทพไทยคติพุทธ จะต้องเขาร่วมฟังธรรมและบำเพ็ญกุศลด้วยกระมั่งครับ ส่วนเทพฮินดู เทพจีน เทพทิเบต คงไม่มั่งๆๆๆๆ

เวลาท่านขานพระนาม เอาแบบฟันธงนะ ท่านจะเอ๋ยพระนามผ่านโอษฐ์เราดังๆว่า เจ้าจงฟังพระนามเหนือกล้าเหนือกระหม่อมแห่ง องค์พระ... หรือ พระฤาษีอิศวรนารายณ์ ๆๆๆๆๆ สามครั้ง หรือเก้าครั้ง อย่างนี้ใช้ได้


แต่หากเราโต้ตอบและสื่อสารทางจิตขณะนั่งสมาธิ แล้วบอกพระนามออกมา อันนี้ ยังไม่ confirm. ให้ผู้มีบารมีเขาตรวจสอบอีกครั้งนะครับ


ปู่ฤาษีอิศวรนารายณ์ ยังไม่เคยได้ยินครับ ปกติหากเป็นพระอิศวรครึ่งพระนารายณ์ เราเรียกว่า พระหริหรา ครับ

แต่ที่เคยได้ยิน เช่น ปู่ฤาษีนารายณ์ ปู่ตาไฟ ปู่นารอด ฯลฯ สำหรับพระอิศวร หากเป็นภาคปู่ฤาษี มีพระนามว่า ปู่ฤาษีตรีเนตร แต่หากเป็นภาคนักบวช มีพระนามว่า พระอกัสตยะ (Agastya) ดังรูปซ้ายมือ ครับ ส่วนภาพซ้ายมือเป็นมเหสี มีพระนามว่า พระแม่ทุรคาเทวี (Durga) ปางมหิษาสุรมรรทินี




รูปเคารพทั้งสอง ประดิษฐาน ณ วัดพรัมบานัน แห่งเมืองยอกยา ประเทศอินโดนีเซียครับ

หากคุณมีพระอกัสตยะ (Agastya) เป็นประธานละก็ สุดยอดจริงๆ ครับ
อย่าได้คิดมาก ถือว่าแลกเปลี่ยนและแบ่งบันความรู้นะครับ

 

เสียใจด้วยจริงๆ ครั้งที่ 8 นั่นเป็นวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน ครับ จัดให้ตามคำขอร้องมา เพื่อเป็นเกียรติแก่ แม่คำมี แห่งเมืองชัยภูมิ

ผู้ซึ่งมากด้วยบารมีของพระเวสสุวรรโณ กว่าจะยืนจุดนี้ได้ ต้องผ่านชะตากรรมที่เหนือวิสัยจริงๆ ต้องยอมรับว่าเก่งจริงๆ ไว้จะแจ้งข่าวสารเพิ่มเติมในโอกาสต่อไปนะครับ รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังจ้า

 

เสียดายจัง... ไม่เป็นไร ..ไปฝึกก่อน...อย่างน้อยอาจารย์ก็อนุญาติมนตราแล้ว จะลองขอดูและลองใช้ ....นั่งพิมพ์ไป ..ก็เสียดายไป...หนทางยังอีกไกล
ด้วยความนับถือค่ะ
ญาณิศา กระบี่ศรี

 

จริงๆ ค่ะคุณภราดรภาพ ดิฉันไปร่วมบวชชีพรามที่วัดท่าชุงเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ให้ลูกเพื่อนอธืฐานจิตถ่ายภาพที่ลานธรรมะที่ญาติโยมนั่งธรรมะกันตอนตี สี่ มีภาพพยานาค ครุฑ ติดมเพียบเลย ญาติโยมทำสมาธิ ท่านทั้งหลายก็ทำสมาธิกัน เอาไว้ถ้าส่งเป็นจะส่งมาให้ดูค่ะ

 

ขอบคุณที่ให้คำแนะนำที่ดีกับผมนะครับ อีกอย่างนึงครับ เป็นไปได้ไหมที่เทวดาจะมาพรมน้ำมนต์ให้กับเรา แบบไม่ใช่ในฝันนะครับ แต่มาเป็นน้ำให้เราเห็นเลย

ขอบคุณครับ

 

คุณว่าน่าจะเป็นไปได้ไหมละ ปาฏิหารย์ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติที่เชื่อและศรัทธาเสมอ เรื่องบางอย่างมันเหนือสามัญวิสัย ย่อมเป็นปัจจัยตัง ส่งที่คุณกล่าวมาผมเชื่อครับ

 

มีเรื่องมาเล่าค่ะอาจารย์
บารมีของแม่คำมี แห่งเมืองชัยภูมิ ตัวญาณิศา เอง แขวนท้าวเวสสุวรรณ ก็เลยอธิฐานจิตถึงท่านท้าวเวสสุวรรณ และ ขอเอ่ยนามของแม่คำมี แห่งเมืองชัยภูมิ องค์ท่านร้อนขึ้นมาได้ทันทีเหมือนชาร์ตพลังเพิ่มได้เลยค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าอุปทาน ก็ลองใหม่ ทุกครั้งที่เอ่ยนามองค์ท่านก็ร้อนขึ้น สาธุ สาธุ ตอนกลางคืนก็เลยได้ลองความแน่วแน่ของจิตเลยค่ะ ตอนนี้ก็ค่อย ๆ ฝึก กับจิตของตนเองนี่แหละ เพราะจิตจะออกนอกไวมาก ต้องพยายามกักไว้ในตัวเอง ทดลองยามปกติ และ ยามเข้าสมาธิ ยากเหมือนกันเพราะความคุ้นเคย จิตมันเหมือนเด็ก ซุกซนไปเรื่อย เดี๋ยวก็มีเรื่องมาให้ เดี๋ยวก็เป็นไข้ตัวร้อน , ดวงจิตเรามี 84 ดวงจริง หรือค่ะ ดวงจิตสามารถแตกสลายได้ไหมค่ะ และเกิดขึ้นทดแทนได้ไหม....(มีความรู้สึกว่าของเราเป็นแบบนั้น และกำลังซ่อมแซมดวงจิตอยู่)
ด้วยความนับถือค่ะ
ญาณิศา กระบี่ศรี

 

ขอเรียนถามคุณภารดรภาพ

เวลาเรานั่งสมาธินั่งภาวนาสักพัก จะมีความรู้สึกว่าหนักบนหัวและบ่า หนักมากเป็นอย่างทุกวัน บางครั้งก็ที่มือหนักจนมือชา จิตก็แผ่เมตตาและอุทิศบุญให้กับทุกสรรพสัตว์เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีพระคุณ นั่งทุกวันประมาณ 30 นาที เมื่อครบเวลาก็คลายทันที วันนี้เปลี่ยนไปเล็กไม่หนักที่หัวและบ่า มีความรู้สึกได้ว่ามีพลังหมุนอยู่ที่กลางฝ่ามือก็ไม่ทราบว่าพลังอะไรหมุนแรงมากเหมือนเอาลุกข่างลูกใหญ่ ๆหมุนบนฝ่ามือ ด้วยความรู้สึกที่ได้รับก็อฐิษฐานในใจว่าถ้าเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ขอให้หมุนแรงขึ้นปรากฎว่าแรงขึ้นจนมือชา ๆ ถึงครึ่งแขน ก็ไม่มั่นใจพอคลายสมาธิเสร็จก็นอนเริ่มใหม่วางมือหงายนอนในท่าสบายแล้วกำหนดใหม่ก็หมุนอีกแต่ไม่แรงเหมือนเดิมหมุนไปเรื่อย ๆ ดิฉันก็หลับไป อยากถามว่าเป็นพลังอะไรคะถึงได้หมุนแรงขนาดนั้น