ชีวิตจริงบางครั้งก็ยิ่งกว่านิยาย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ปมณฑ์, 3 พฤศจิกายน 2007.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โอเคครับพี่ เรียบร้อยแล้วครับ เราคุยกันใน PM นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  2. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    หลายๆท่านช่วงนี้คงกำลัง ได้มีโอกาสที่จะกลับบ้าน ไปหาครอบครัว และ ได้มีโอกาส ที่จะไปเที่ยวกับครอบครัว ในยังสถานที่ต่างๆ และ ดิฉัน ก็ยังต้องขอขอบคุณ มายังเวปมาสเตอร์ ของพลังจิต มา ณ โอกาส นี้ด้วยน่ะค่ะ เนื่องจาก ขณะนี้ กำลัง มีเรื่องราว บางเรื่อง ที่เกิด ขึ้น กับดิฉัน เหมือนกับ นิยาย เป็นฉากๆ คงต้อง ให้ ผู้ที่ได้ อ่าน กระทู้ นี้ ว่า ช่วยติดตาม ว่า บทสรุป ของเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไร และ อยากนำเรื่อง นี้ มาลงอีกครั้ง ในกระทู้ ของตนเอง นั่น คือ ที่ไปที่มา ของ หัวข้อที่ว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย และ น่าจะใช้ หัวข้อนี้ได้เป็น อย่างดี ทีเดียวค่ะ

    ก่อนที่ดิฉัน จะนำมาเขียน เป็นเรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราว ที่เกิดขึ้น โดยได้คาดคิดเลย ว่า จะเป็นปัญหา แค่เรามีใจบริสุทธิ์ ที่จะร่วมทำบุญจริงๆ แต่กลับกลายเป็นเรื่องราวขึ้นมา และ ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ ถ้าหากมีคำพูดใดที่ไม่เหมาะสม และ มิได้มีเจตนา ที่จะใส่ร้าย หรือ ว่ากล่าว ให้ผู้หนึ่ง ผู้ใด เสียหาย แต่อย่างใด

    ดิฉัน ได้เข้ามาในเวปพลังจิตครั้งแรก ก็เพื่อ ตั้งใจที่จะดูดวง ฟรี เป็น วิทยาทาน และอุทิศ ส่วนกุศล ให้แก่ครูบาอาจารย์ เทพเทวา ทั้งหลาย ที่ปกปักรักษา ดิฉันอยู่ เป็นเพราะ เหตุการณ์ ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิต จริงๆ จึงทำให้ อยากมีโอกาส ได้แนะนำ คนอื่นๆบ้าง ไม่มากก็น้อย การดูดวงนั้น ดิฉัน บอกเสมอว่า ดิฉันเองก็ไม่สามารถ ที่จะดูได้ ทั้งหมด เป็นแค่บางส่วนของชีวิต เท่านั้น และ เราก็จะเป็นผู้เลือก ทางเดินนั้นๆ ด้วยตนเอง

    ครั้งแรก ที่ดิฉันลง ดิฉันก็ได้ พูดถึง การสร้างพระประธาน ของตรเอง ครั้งแรก และ แจ้งเจตนาในกระทู้ ว่า อยากที่จะสร้างอีก จึงมีคนเข้ามาบอกเรื่องนี้ ในกระทู้ ซึ่งดิฉัน เองก็ได้คุย กับเจ้าของโครงการนั้น และ เรียน ให้เขาทราบว่า ดิฉัน จะช่วยเขาบอกบุญ และ ดิฉันก็ได้ นำเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนๆ และ เราก็ได้คุยกัน ในช่วงหลังว่า คนไทยน่ะ ชอบทำอะไรกันที่ถูกต้อง เอาเป็นว่า ดิฉัน และ เพื่อนๆ จะบอกบุญจริงๆ กัน ในช่วง เมษายน และ คงจำนำเงินไปร่วมทำบุญ กันในต้นเดือน พฤษภาคม และ เราก็จะไป ที่นั่น พร้อมๆกัน เพราะ ดิฉันเองก็ยังอยากเห็น ในสิ่งที่เราเองได้ มีส่วนร่วม เราทำบุญกัน มิได้ หวังผล ว่า จะเด่น จะดัง อะไร ทั้งสิ้น นั่น คือ ความตั้งใจ ของกลุ่มดิฉัน และเพื่อนจริงๆ และ ก่อนหน้าที่จะไป ใครมาบอกบุญ สร้างพระประธาน ดิฉันก็จะร่วม ทำบุญ เช่นเดียวกัน วันก่อน เพื่อน ที่ระยอง ก็บอกบุญ ว่า จะไปสร้างพระที่ จ.หนึ่งทางภาคอีสาน ดิฉัน ก็ส่งเงินไปร่วมทำบุญ เช่นกัน โดยไม่เคยต้องไปตรวจสอบว่า วัดไหน ที่ไหน มีหลักฐาน หรือไม่ เพราะ แค่คิดว่า เพราะ เราคิดว่า เรามีเจตนาที่จะทำ จริงๆ มิได้ทำไป แล้วคิดไปว่า ทำจริงหรือ ปล่าว และ บางครั้ง ที่ดิฉัน ไปสวดมนต์ หรือ ไปวัด ดิฉัน ก็จะร่วม ทำบุญ ทุกครั้งที่มีโอกาส ดิฉันก็ได้ แต่ ตั้งจิต อุทิศ บุญกุศล กับท่าน ที่เข้ามาดูดวงกับ ดิฉัน ทุกครั้งไป ดิฉัน คงไม่ได้ อยากให้ใครมาเชื่อ ว่า ดิฉัน ทำจริงหรือ ไม่ หรือ ดิฉัน ต้องการเอาหน้า แต่อย่างไร และ การที่ดิฉัน จะไปสร้างพระประธาน ที่วัดนั้น กับเขา ดิฉันก็ถามเสมอ ว่า สร้างองค์ท่านไปถึงไหน แล้ว ใกล้เสร็จ หรือยัง ถ้า ใกล้เสร็จ ดิฉันก็จะบอกเพื่อนๆ และ รวบรวมเงิน และ ไปด้วยกัน เพราะ เพื่อนที่จะร่วมบอกบุญ เขาต้องการไปถ่ายรูป และ ไปดูสถานที่ด้วย เราจึงยังไม่เคยบอกบุญ ใครก่อน และ ดิฉันเองก็ยังคุย กับ เขาคนนั้น อยู่เสมอ ว่า เมื่อดิฉัน รวบรวม ปัจจัย เสร็จ จะแจ้งกำหนดวันให้ทราบอีกทีหนี่ง หรือ แม้แต่โครงการ ไถ่วัว กระบือ ของดิฉัน ถ้าหาก มีใคร แจ้งเจตนา บางคน ต้องการร่วมไถ่เป็น ตัว ดิฉันเองก็ได้ให้เบอร์โทร ติดต่อกันเอง ดิฉันก็เคยแจ้งเขาไปเช่นกัน ครั้งล่าสุด เขาก็โทรมาหา ดิฉัน และ เขายังบอกว่า เขาโทรมาหาดิฉัน เป็นคนแรก และ หลังจากนั้น ดิฉันก็ได้ แจ้งว่า ผู้ที่ต้องการไถ่ชีวิต วัวกระบือนั้น เธอ ต้องการไปดู วัวตัวนั้น ด้วยตนเอง ถึงแม้จะทางไกล แค่ไหน เธอก็จะไปดูด้วยตนเอง มิได้ไม่ไว้ใจ แต่ เธอต้องการไปเห็นด้วย ซึ่งดิฉัน ยังคุยกับเธอว่า ถ้าไปเมื่อไหร่ ให้แจ้ง ดิฉัน ด้วย เผื่อ ดิฉันได้มีโอกาส ไปดูด้วย เพราะ เธอเองก็แจ้งว่า อยู่ไกล แค่ไหน เธอก็จะไป และ พอดิฉัน เห็นในกระทู้ ของเขา เขาก็แจ้งว่า คนร่วมทำนั้น เต็มแล้ว ดิฉัน ก็ยังโทรไปถามเธอว่า เขาได้โทรหา หรือปล่าว เธอก็บอกว่า ไม่เห็นโทรเลย ดิฉัน จึงได้แจ้งว่า มีผู้ร่วมครบจำนวนแล้ว ดิฉัน จึงไม่ทราบว่า เหตุผลใด ที่ เขาไม่โทรหา ก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน เขาก็ได้คุย กับดิฉัน ทาง msn และ บอกว่า เขากำลังไปสอน วิปัสสนากรรมฐาน ที่พิษณุโลก และ ระหว่างทาง เขาถูกมารผจญ จึงต้องคอยวัด ความดัน อยู่เรื่อยๆ ดิฉันเองก็ไม่ได้ ถามว่า อะไร คือ มารผจญ สำหรับ เขา และ ยังบอกว่า กลับจาก พิษณุโลก เขาก็จะไป ไถ่ชีวิต วัวกระบือ ที่ จ.อุบล ดิฉัน ยังบอกว่า เขา วาสนา ดีจัง ไม่ต้อง ทำงานเลี้ยงดู ครอบครัว แต่ก็มีเงินที่จะไปไหน มาไหนได้ โดย ไม่ต้องทุกข์ร้อน เหมือนกับ ดิฉัน ที่ยังคงต้องทำงาน หาเงิน เลี้ยงครอบครัว แถมยังต้องถูก คนอื่น โกงไปเป็น แสน จนถึงกับทำให้ตนเองลำบาก ในช่วงนี้ ไปไหนก็ไม่ค่อยได้ อย่างเช่นคนอื่น อีกหลายๆคน และ เขายังบอกว่า ที่ต้องเช็คความดันเรื่อยๆ เพราะในตระกูลของเขา จะเป็นโรค ชนิดหนึ่ง ที่เป็นมรดกตกทอดมา ดิฉัน ยังบอกว่า เขาคงไม่เป็นหรอก เพราะ เขาเป็นผู้ที่สอนกรรมฐาน และ ทำบุญมาเยอะ เขาอาจจะเป็นคนที่ลบล้างมรดก ไม่ดี อันนั้นก็ได้ และ เขาก็ยังแจ้งให้ดิฉันทราบว่า โครงการบุญที่เขาจะทำให้กับวัดป่าภูมนนั้น เขาจะไม่ทำต่อแล้ว แต่จะทำอะไรที่ค้างไว้ให้เสร็จ และ จะไม่ทำต่อไปอีก เขาก็บอกว่า เขาได้โอนเงินให้หลวงพ่อ ไปแสนกว่า แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ ทำอะไรต่อ ดิฉันก็ไม่ได้ถามเหตุผลอะไรมากมายว่า เป็นเพราะสาเหตุใด เพราะดิฉันคิดว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา กับหลวงพ่อ ดิฉันเป็นคนนอก ไม่ขอทราบดีกว่า ก็ในเมื่อเขายุติที่จะทำที่วัดนั้นแล้ว ดิฉันก็ได้แต่บอกเพื่อนๆ ที่เรากำลังจะรวบรวมเงินไปทำบุญ ไป และก็บอกเขาไปตามที่ดิฉันทราบ ไม่ได้บอกว่า เกิดอะไรขึ้นเพราะดิฉันไม่ทราบ ทราบเท่าที่ดิฉันได้ทราบเท่านั้น และวันนั้น เขายังบอกว่า ยังไง ก็ขอเป็นเกียรติ ให้ดิฉันไปลงในกระทู้ เขาที่เวปหนึ่ง ซึ่งดิฉันก็ได้ไปลง และ ไปลงตอนสุดท้ายว่า ดิฉันน่ะ ดูดวงฟรี เป็นวิทยาทาน ไม่ได้บอกเบอร์โทรศัพท์ เพียงแต่บอกว่า ให้มาหาอ่าน ที่เวปพลังจิต แต่ 2-3 วัน ให้หลัง ดิฉันก็เข้าไปอ่านอีก ปรากฎว่า กระทู้นั้นของดิฉันได้ถูกลบทิ้งไป ( ปกติไม่ค่อยจะเข้าในเวปนั้นอยู่แล้วค่ะ ) ดิฉันก็เลย สงสัยว่า เราเขียนอะไร ตรงไหนผิด จึงถูกลบ และ เมื่อวันที่ ดิฉัน เห็นเธอ คนนั้น online อยู่ ดิฉันก็ถามว่า " เขาคนนั้นได้ลบ กระทู้ของดิฉันหรือปล่าว " " เธอก็ตอบว่า ไม่ใช่ เวปมาสเตอร์ คงเป็นผู้ลบ " ดิฉันก็บอกว่า กระทู้ของพี่ผิดหรือเขียนไม่ดีตรงไหน เธอก็ยังบอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนดีๆน่ะ หายไปเวปนี้ก็หลายคนแล้ว ดิฉันก็เลยบอกว่า งั้น ถ้าเขาไม่ให้ลง แสดงว่า เวปนี้ไม่ได้เปิดจิต สำหรับเรา เราก็ไม่เข้าไปอีกแล้ว และ หลังจากนั้น อีกไม่กี่วัน ก็เป็นเรื่องขึ้นมา ดิฉันก็ได้ ถามเธอคนนั้น เธอก็บอกว่า เธอไม่ได้พูดอะไรมาก กับเขาคนนั้น และ สุดท้ายที่เธอ เข้ามาฝากใน msn เธอก็บอกว่า เกิดอะไรขึ้น งง ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกน่ะค่ะ ว่าเธอไปพูดอะไรไว้บ้าง จนทำให้ เป็นเรื่องราว ขึ้นมา ทำให้ดิฉันย้อนกลับมาคิดว่า ถ้าตัวเองไม่ไปยุ่งกับเขา โดยไม่ลงในกระทู้ หรือไม่ได้ไปถาม เขาหรือเธอ ทุกอย่างก็คงไม่เกิด ดิฉันเองก็ได้โทรไปคุยกับเพื่อนๆ กับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และแจ้งไปยัง คนที่ ต้องการไถ่วัว กระบือ ว่า ยุติโครงการนั้นแล้ว จริงๆ แล้ว เราคงจะไปกันหลายท่าน และ คงนำเงินไปทำบุญทั้งหมด เท่าที่ได้มา โดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีหักค่าน้ำมัน จากเงินทำบุญ เราก็จะใช้วิธี เก็บเงิน เลี่ยกัน เพราะ ดิฉัน เคยไปงานบุญ หลายๆที่ บางที่ เขายังมาชี้แจง ว่า หักค่าใช้จ่าย ดิฉันยัง คิดว่า เงินทำบุญ นี่ เขานำมาหักค่าใช้จ่ายด้วยหรือ ขอโทษ น่ะค่ะ คิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะไม่เคยรู้มาก่อน ว่า เขาทำอย่างนั้นกันได้ด้วยหรือ มิได้ จะเจตนา ร้ายน่ะค่ะ พุดจริงๆ ตามที่เคยพบมากับตัวเอง

    ดิฉัน นำเรื่องราว มาลง อีกครั้ง ก็แค่ อยากให้หลายๆท่นได้รู้ ว่า ทุกเรื่องเกิดขึ้นจริง กับชีวิต หลายๆเรื่อง ทำให้ปลง แต่ บางครั้ง ดิฉันก็ตอบโต้ไปบ้าง และ พูดภาษาชาวบ้าน คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น และ บางที คำพูดของเราเอง ก็อาจกลับมาทำลาย ตัวเราได้เช่นกัน และ ดิฉัน ก็ไม่ทราบว่า เรื่องนี้ จะยุติ อย่างไร เราเองก็พยายามที่จะไม่ตอบโต้ เอาธรรมะ เข้าไปให้อ่าน เวปมาสเตอร์ก็ลบ เขาบอกว่า ผิดกระทู้ เอาคำสอน ของพระแม่ กวนอิม ของท่านจี้กงไปลง เขาก็ลบ ว่า ผิดกระทู้ และ ทุกวันนี้ กระทู้ ดูดวง ฟรีเป็นวิทยาทาน ก็ยังคงมีอยู่ในเวปลานธรรม และ ยังมีเบอร์โทรศัพท์ เบอร์บัญชี ลงให้เรียบร้อย และ ไม่โดนลบด้วย แต่คราวก่อน ไม่มีเบอร์ บอให้มาตาม ดูในเวปนี้ กลับ ถูกลบ ดิฉันก็ได้ แต่ คิดว่า ความคิด เห็น ของแต่ละคน ก็แตกต่างกัน และ ดิฉันก็เคยขอร้องให้ยุติ ก็ยังไม่ยุติ ดิฉัน ต้องลบ กระทู้ ของดิฉัน หลายๆกระทู้ ในเวป พลังจิต เพราะ คิดว่า ในเมื่อ เขาไม่อยากให้ใครยุ่ง ดิฉัน ก็ไม่ยุ่ง ดีกว่า ถ้าหาก เขาต้องการที่จะทำโครงการของเขาคนเดียว ไม่ต้องการให้ใคร ไปกับเขา เราก็เลิก ไม่ได้ คิดโกรธ หรือ อะไร ทั้งสิ้น ไม่เคยแม้แต่ ความคิด อาฆาตมาดร้าย ไม่คิดทำลาย ไม่ได้ ยุแยงให้ใครต้องมาโกรธ ใคร ใดๆทั้งสิ้น ยังคงขอให้ ทุกๆฝ่าย อ่าน ถ้อยคำ และ พิจารณา ในเจตนา อย่างแท้จริง แต่ดิฉัน ก็ยังคงยืนยัน ในความบริสุทธิ์ ของตนเอง พร้อมเสมอ ที่จะ ชี้แจง กับ ใครก็ตาม สิ่งที่ ตลเองได้ กระทำ ลงไป ทั้งหมด ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรแอบแฝง ใครไม่รู้ ฟ้าดินก็ย่อมรู้ ฟ้าดิน ย่อมมีตาเสมอ รวมทั้ง ตัวเราเอง ว่า ในเวลานั้นๆ เรา มองคนอย่างไร จิตเป็นอย่างไร มนุษย์เรา ชอบที่จะมอง ความผิด ของผู้อื่น แต่ไม่มีใคร มองตนเอง ว่า เป็นอย่างไร ดิฉัน บอกเสมอ ว่า ตัวเองไม่ได้ดี ทั้งหมด แต่ ขอแค่ พยายาม ทำชั่วให้น้อยที่สุด

    ดิฉัน ก็ขอบอกอีกครั้งว่า การที่ดิฉัน มาลง ก็ไม่ได้ หวังผล ใดๆ ทั้งสิ้น แต่แค่ อยากบอกให้รู้ว่า มนุษย์เรา ชีวิตจริงๆ ที่เกิดขึ้น นั้น ยิ่งกว่า นิยาย จริงๆ และ ดิฉันก็มิได้ ให้หลายๆท่าน ต้องมานั่งอ่านเรื่อง ไร้สาระ หรือ ต้องมา นั่ง เห็นใคร ต้องมา นั่ง ทะเลาะ กับใคร และ มานั่งสาดโคลน ใส่กัน แต่ ดิฉันก็ต้อง ตอบโต้ คำถามไปบ้างตามสมควร ขอให้ทุกๆท่าน ได้ อ่าน และ นำไป วิเคราะห์กันเอง ให้ ใช้ จิตที่เป็นกลาง ในการอ่าน บางท่าน มาตอบกระทู้ เขาเหล่านั้น ยังไม่เคยรู้จัก ดิฉันมาก่อนด้วยซ้ำไป บางครั้งก็ ทำให้ เรารู้สึกเหนื่อย ที่ต้อง มานั่ง ตอบ ในสิ่งที่ไม่ได้เป็นสาระ แถม ยังทำให้ หลายๆท่าน ต้องหงุดหงิด และ รำคาญ ด้วยซ้ำ ไป และ ดิฉัน ก็ยินดี เสมอ ค่ะ ถ้า ทุกกระทู้ ของดิฉัน ต้องถูกลบ ทั้งหมด ถ้า หาก สิ่งเหล่านั้น ทำให้ หลายๆ ฝ่าย เกิด ความ สบายใจ ดิฉัน เอง ก็สามารถ ที่จะไปนั่งดูหมอ ตามโรงแรม ใหญ่ๆ ได้ ยังคงหาเงินได้ แต่ ดิฉันก็ไม่เคย ไปหากิน จากการดูหมอ จริงๆ สักครั้ง แต่ กลับไปภาคภูมิ ใจ ที่ได้ ใช้แรงงาน และ ใช้ ความสามารถ ทำงานสร้างสรรอย่างอื่น ของตนเอง มาเป็นวิชาชีพ

    สุดท้ายนี้ ก็ต้อง ขอขอบคุณ เวปมาสเตอร์ ของ พลังจิต ทุกๆท่าน มา ณ โอกาส นี้ด้วย ค่ะ ขออนุโมทนา ในคุณงาม ความดี ที่มา จากจิตใจ อย่างแท้จริง กับทุกๆท่าน ดิฉัน ยัง คิดเสมอ ว่า คนเรา จะทำความดี ที่ไหน อย่างไร ก็ได้ ไม่ได้ คิดว่า จะโด่งดัง มีชื่อเสียง และ ไม่ได้ หวัง จะเอาหน้า กับใคร อย่างไร ขอแค่ได้ ทำ และ ให้ จาก หัวใจ เราเองก็ยังยิ้ม และ มีความสุข อยู่ได้เสมอ ยังคงขอให้กำลัง ใจ กับทุกๆท่าน ดิฉัน เอง ทุกวันนี้ ก็ยังคงมีความสุข อยู่ ภายในจิตใจเสมอ ยิ่งเห็น ก็ยิ่ง ปลง

    ขอฝากคำกลอนดี ไว้เช่นเคยค่ะ

    " จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง "

    ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด

    ใครเชิด ใครแช่ง ช่างเขา

    ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา

    ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

    และขอฝากพระราชนิพนธ์ ของพระบาทพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ไว้ด้วยค่ะ

    " อันผู้ใดใฝ่ธรรมเป็นเนืองนิจ

    และรู้จักข่มจิตไม่ย่อหย่อน

    ปฎิบัติพร้อมพรั่งดั่งครูสอน

    คงไม่ต้องอนาทรและร้อนใจ


    ปราชญ์สรรเสริญว่าธรรมนั้นล้ำเลิศ

    สุดประเสริฐกว่าทรัพย์ทั้งน้อยใหญ่

    ธรรมคุ้มผู้ประพฤติธรรมไซร้

    คงต้องได้ผลงามตามตำรา "

    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ที่ได้อัญเชิญ มานี้ เพื่อแสดง ถึงความสำคัญ ของธรรม ซึ่งมีคุณค่า ยิ่งกว่า ทรัพย์ทั้งมวล ถ้าผู้ใด นำไปปฎิบัติ และได้ ประพฤติตามคำสอน ของครูด้วย ก็ย่อมจะประสบ แต่ความสุข ความเจริญโดยส่วนเดียว

    ต่อแต่วันนี้ ดิฉันก็จะไม่ตอบโต้ ใดๆ ทั้งสิ้น เหนื่อยกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เหนื่อยกับจิตใจ ของแต่ละคน ก็คงได้แต่รอ ว่า ถ้าหากเขา จะฟ้องร้อง อะไร อย่างไร เมื่อไหร่ ก็ไปเมื่อนั้น ก็แล้วกัน ไม่มี ประโยชน์อะไร อีกแล้ว ที่จะไปตอบโต้ และ ก็ต้อง ขอโทษ สมาชิก ทุกๆ ท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ และ หวังว่า เรื่อง ราว ที่ ดิฉันได้ นำมาให้หลายๆ ท่านได้ อ่านได้ คงจะได้เป็น ประโยชน์ ที่จะนำมา ใช้ ในชีวิต ประจำวัน ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ค่ะ

    ขออนุโมทนา ค่ะ
     
  3. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ความหมายของจิตเข้มแข็งกับพลังจิต


    ในโลกธาตุประกอบไปด้วยธาตุหยาบและธาตุละเอียด ธาตุหยาบก็คือกายของสรรพสัตว์ ซึ่งมีธาตุละเอียดอยู่ในกาย คอยส่งผลบุญบาปคุณโทษ จากอดีตชาติให้เกิดมีชีวิตขึ้น จะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ตามกฎแห่งกรรมของภพเวียนว่ายตายเกิด ในการปฏิบัติสมาธิ จะต้องเดินสมาธิด้วยใจกับจิตพร้อมกัน ธาตุละเอียดก็จะส่งผลบุญให้จิตเข้มแข็ง สามารถแก้กรรมเก่าของตนและประหารกิเลสได้ เมื่อพลังจิตเกิดฌาน ก็มีหน้าที่สูงขึ้น ทำลายสิ่งอัปมงคลทุกอย่างของใจที่ปรากฏเห็นในและนอกกายให้หมดสิ้น เหลือแต่ธรรมล้วนๆ เพราะตนเป็นที่รู้แห่งตน เป็นสิ่งที่เที่ยง ถ้าไปพึ่งตำราอย่างเดียวจะสับสน การปฏิบัติธรรมทำได้ทุกอิริยาบถ และไม่จำกัดเวลา
    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --></OBJECT></LAYER>
     
  4. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ใจสามัคคี

    ทุกคนต่างมีแนวทางดำเนินชีวิตตามความถนัด สิ่งที่ได้เรียนรู้กันมา มุ่งไปสู่เป้าหมายสูงสุดของชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง แต่ก็ต้องระมัดระวังความคิดตนด้วย เพราะไม่แล้ว การไม่ยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น อาจเป็นอาวุธร้าย กลับมาทิ่มแทง ปล่อยให้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทุกอย่างต้องประสบเอาเอง ทำทุกอย่างไม่มีใครช่วยได้เลย เพราะตนเองไม่ได้เปิดทาง ไม่เปิดช่องให้คบหา ไม่ได้คบกันด้วยจิตใจ ความเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ฟังและไม่เชื่อใครทั้งนั้น ในที่สุดชีวิตก็จะอยู่คนเดียวเก่งคนเดียว โดยไม่มีใครกล้าแนะนำอีกต่อไป หากเป็นคนเก่งคนดีจริง ทำอะไรอยู่ดนเดียวไม่พลาดก็โชคดีไป แต่ถ้าหากไม่เก่งจริง หรือเมื่อมีโอกาสผิดพลาดในชีวิต ซึ่งอนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ชีวิตก็ตกที่นั่งลำบากได้ง่ายๆ
    การอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องดี ที่ทุกคนจำเป็นต้องให้ความสำคัญยิ่ง ร่วมงาน ร่วมกันยอมรับสภาพปัจจุบันของกลุ่มชน สังคมอยู่สุขสบาย บางครั้งต้องขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือสังคมต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้งหลายที่ไม่เหมาะสมกับการปกครอง ก็จำเป็นต้องขอความร่วมมือร่วมใจกัน สังคมอยู่เย็นเป็นสุขได้ ต้องร่วมด้วยจิตใจ
    ไม่ใช่ว่า เราอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องไปยุ่งกับใครใดๆ อยู่คนเดียวสบายดีแล้ว เอาตัวเองรอดแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร ไม่ต้องไปช่วยใครเขาหรอก อยู่คนเดียวดีกว่า ใครเขาจะเป็นอย่างไรก็ชั่งเขา เป็นไปได้อย่างไร? เขาเดือดร้อน เพื่อนบ้านเดือดร้อน สังคมเดือดร้อน แล้วเราจะอยู่ดนเดียวอย่างมีความสุขได้อย่างไร เจตนาเป็นสิ่งสำคัญ ทุกความคิด ทุกการกระทำ ขอให้เป็นด้านจิตใจ ทุกอย่างเป็นกระจกเงา ทุกคนเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา นำออกมาช่วยเหลือสังคม วิสัยทัศน์ Vision สมัยนี้ทำอะไรต้องให้มันทันสมัยก็จริง แต่ก็ต้องรู้จักมันด้วย ใช้ให้เป็นจริงๆ เลือกตามที่ตนถนัด สร้างสัมพันธ์ที่มีมากหน้าหลายตา แต่ละกลุ่ม แต่ละบุคคล ต่างเป็นคนเก่ง ขอให้ใจกว้างพอ เกียรติและความเลื่อมใส มีอยู่แล้ว อยู่ที่ผลลัพธ์ ที่ทุกคนกระทำลงไป เน้นมากๆ ให้เคารพกฎบ้านกฎเมือง ยึดถือหลักพระธรรม หลักความเป็นจริงที่ถูกต้อง ที่เหมาะสมกับยุคสมัย ความสมบูรณ์พูนพร้อม อยู่ที่ทุกคนต่าง มีความรับผิดชอบร่วมกัน เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

    "หากบุคคลใด เห็นว่า จะได้สุขอันไพบูลย์ ต้องสละสุขอันน้อยเสีย
    ผู้มีปัญญาก็ควรสละสุขอันน้อย แล้วจะได้ประสบสุขอันไพบูลย์"

    สละความสุขอันเล็กน้อย เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ เพื่อสังคมชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อความบริบูรณ์สมเจตนารมณ์ ของพ่อหลวงของพวกเรา จะได้สมประสงค์ ดังปณิธานที่ว่า "เราจะปกครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของชาวไทย" พ่อหลวงของเรา ไม่ได้คิดจะเอาอะไรกับพวกเราเลย พร้อมให้ชาวไทยทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข สังคมเดือดร้อน แล้วจะให้พ่อหลวงมีความสุขได้อย่างไรกัน
    ฉะนั้นช่วยกันรักษาแผ่นดิน ให้มีความพูนพร้อมเต็มไปด้วยความสุขด้านจิตใจกันมากๆ สร้างความกลมกลืนอย่างนุ่มนวล Soft ด้วยความจริงใจ Sincerity ด้วยความอดทนอย่างซื่อตรง Obedient เลือกสรรสังคมเข้ากลุ่มพัฒนาอย่างเหมาะสม Contact ด้วยความเมตตาชน มีจิตใจคิดดี เห็นอกเห็นใจ เกรงใจผู้อื่น Considerate ด้วยการยอมรับความเป็นกฎกติกาบ้านเมือง Commitment รู้จักยอมรับ สร้างความเป็นกันเอง ความคุ้นเคยในการคบหาสู่กัน Intimacy ด้วยความชื่นชม เห็นคุณค่าต่อผู้อื่นเสมอ Appreciate มีความสุขร่วมกันในสังคม หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ยิ้มสยามเกิดขึ้นอีกครั้งทั่วเมืองไทย ชีวิตที่สร้างสรรค์ มีชีวิตชีวา Lively รู้จักวางตนให้สง่างามอย่างมีสไตล์
    ชนะความตระหนี่ ด้วยการให้ ชนะคนพาล ด้วยความจริง
    ไม่ทำตนให้เป็นคนหัวสูง เหนือคนไปทุกอย่าง สร้างความเป็นกันเอง ด้วยการวางตัวเสมอกัน สยบคนด้วยความดี ไม่เป็นคนจับผิด ไม่วางตัวเป็นนักเลง มีสติทุกเมื่อ ชื่นบานทุกเรื่องราวที่คิด กำกับด้วยความรู้สึก ตอกย้ำจิตด้วยความสามัคคีแห่งใจตน สร้างมิตรภาพทั้งภายนอกและภายใน ด้วยความเคารพชีวิตของตนเอง

    "บุคคลใดปรารถนาสุขเพื่อตน ด้วยการสร้างทุกข์ให้ผู้อื่น
    บุคคลนั้นจะพัวพันกับเวรไม่สิ้นสุด จะไม่พ้นจากเวรได้เลย"

    ชีวิตตนต้องการสุขสบาย แต่กลับสร้างทุกข์ให้กับผู้อื่น แล้วจะได้สุขได้อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล กระทำอะไรไป ย่อมเป็นปัจจัยเชื่อมโยงกัน สิ่งที่ควรทำ กลับทอดทิ้งกัน สิ่งที่ไม่ควรทำ ก็ไปทำเข้าแล้ว กระแสกิเลสเข้าจรเข้ามาในชีวิต กระทำมากเข้าไป เป็นเรื่องหมักดองในจิตลึก ด้วยความไม่รู้ซึ้ง ด้วยความไม่ละเอียดจากความสน อก สน ใจภายใน ความเย่อหยิ่ง ความประมาทมัวเมาชีวิตอย่างสุดโต่ง
    "มองประเทศ ต้องมองความพฤติกรรมคน ความสามัคคีในหมู่คณะ ย่อมทำให้เกิดสุข หมู่คณะใดมีความสามัคคี มีความเห็นที่ตรงเสมอกัน หมู่คณะนั้นย่อมเจริญทุกเมื่อ"
    พร้อมแล้ว ที่ทุกคนต้องมาเพิ่มความสามัคคีในตัวเราเอง เพิ่มพลังความสามัคคีในตัวเรงเองก่อน ตัวเราเองไม่สามัคคีในตัวเราเองหือก็ว่าได้ บางครั้งเราลองสังเกตสิว่า
    บางครั้งเราต้องการทำอย่างหนึ่ง ข้างในก็ต้องการอย่างหนึ่ง ความคิดก็ไปอีกอย่างหนึ่ง เหตุการณ์มันก็ไปอีกอย่างหนึ่ง จนเราเองรู้สึกว่า ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้สึกว่า ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำอย่างไงต่อ ไม่ว่าอยู่ที่ทำงาน ต้องการอย่างหนึ่ง แต่เหตุการณ์เป็นอีกอย่างหนึ่ง นี่แหละ ความขัดแย้งในตัวเราเองยังมีอยู่
    แล้วจะทำอย่างไงดี แม้ตัวเราเอง ภายในยังมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยไป เราจะอยู่บนโลก อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้อย่างไร ให้สังเกตตรงนี้ไว้ พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และนับวันกระแสโลกที่ขาดจิตวิญญาณที่แท้ๆ ก็ยากจะเจอกันด้วย วันเวลาที่อยู่ร่วมกัน คบกันด้วยจิตใจก็ไม่แสดงออกมา นี่แหละ ไม่มีใครรู้จิตใจคน เพราะแม้ตัวเราเองยังไม่เข้าใจตนเองเลย ไม่แสดงออกมากัน ชีวิตที่แหลกเหลว สังคมที่จ้องทำลายศีลธรรม ช่วยสังคมก็มีคนอิจฉากัน นินทากัน เกิดการลักเล็กขโมยน้อย ปล้นชิงทรัพย์ ภัยพิบัติ รอคอยเขมือบชีวิตคน ชีวิตที่ต่ำกว่าวัตถุนอกกาย ตำแหน่ง ลาภยศ ชื่อเสียง อ้างแต่ความอยู่รอด ซึ่งนับวันฟุ่มเฟือยมากด้วยความต้องการไม่สิ้นสุด หมกมุ่นครุ่นคิดแต่ความจะได้มาเป็นของตน แทนที่จะเสียสละความสุขเล็กน้อยของตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคม
    เราเปลี่ยนเหตุการณ์ข้างนอกไม่ได้กัน แต่เราปรับกระแสข้างในเราได้ เราเปลี่ยนเหตุการณ์ข้างนอกไม่ได้ เปลี่ยนคำพูดคนก็ไม่ได้ แต่ปรับโปรแกรมข้างในเราได้ โปรแกรมแห่งความดีงาม ด้วยความสุขภายใน ด้วยความปลอดภัยของชีวิต พร้อมปรับด้วยความรู้สึก มีสัมปชัญญะบ่อเกิดสติปัญญา ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด
    ที่พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ทุกคน หลุดออกจากเหตุการณ์ต่างๆได้ ด้วยการมีปัญญาเห็น ตามความเป็นจริง เพราะเหตุการณ์ข้างนอก มันก็มีอยู่ ด้วยแรงแห่งกรรมที่ทุกคนจะต้องมาเจอกันในโลกใบนี้ หนีไม่ได้กัน อยู่ร่วมในสังคม คนที่เราเจอ ไม่ว่าคนนี้ จะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ทั้งหลายทั้งปวงนี่
    ด้วยแรงแห่งกรรมที่เหวี่ยงมา อาจไม่ใช่คนนี้ก็ได้ เป็นคนดีกับเรา แต่ด้วยผลกรรมดี เราก็ได้เจอ เห็นคนๆนี้ มาช่วยเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เป็นลูก เพื่อนๆที่ทำงาน หรือใครในสังคมก็ตาม
    ดังนั้น สิ่งต่างๆ ที่เราเจอเรื่องหนักๆ บ้าง ที่ทำงาน ที่บ้าน ให้เราทำดีไปเรื่อยๆ ทำแล้วรับผลได้เลย ทุกอย่างทำปุ๊ปได้ผลเลย เราจะรู้ทันทีว่า ความดีนั้นมีจริง ทำแล้วเห็นผล เห็นผลแล้วรับเลยก็ได้เลย ได้สร้างความดีช่วยชาติแล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การให้ความสะดวกแก่ประชาชน หรืออะไรก็ตามที่เล็กน้อย หรือแม้ในบริษัทที่เราทำงานก็ตาม เราทำความดีแม้เล็กน้อย ฯลฯ ทำแล้ว ไม่กังวลเลย ความดีเราสะสมไว้แล้ว ทีละนิดๆ มีแน่นอน
    ดังนั้น ฝึกจิตแล้ว ต้องให้พลังกับจิต ส่งเสริมพลังความดียิ่งๆ ขึ้น ให้มีพลังความดียิ่งขึ้น
    จุดเริ่มต้น ฝึกจิตแล้ว ก็หมั่นฝึกต่อ ฝึกใจให้สามัคคี เพิ่มพลังตัวเองก่อน ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น เก่งอยู่แล้ว ให้เก่งยิ่งขึ้น ฝึกอยู่แล้ว ให้ฝึกต่อไป ประคองจิตใจให้ปลอดภัย และต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองด้วย นั่นคือ มีความสุขแล้ว ออกไปช่วยผู้คนในสังคม มีความสุขแล้ว ออกไปทำงาน มีความสุขอิ่มสุข อิ่มบุญ จึงไปบอกต่อ.

    ขออนุโมทนา กับเจ้าของกระทู้ สร้างสรร นี้ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2008
  5. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
  6. ยิ้ม..ยิ้ม

    ยิ้ม..ยิ้ม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอให้พี่พบแต่สิ่งที่ดีๆๆนะคะวันไหนน้องท้อแท้หมดกำลังใจจะคิดถึงเรื่องราวของพี่เพื่อจะได้มีกำลังใจในการดำรงชีวิตต่อไป
     
  7. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และ ดิฉันก็ยังอยากให้กำลังใจกับทุกๆท่านเช่นเดิมค่ะ หลังสงกรานต์ คงจะมีอีกเรื่องราว ที่จะมาเขียนให้อ่านอีกค่ะ และ อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะเขียนเรื่องราวให้อ่านกัน ไม่ได้หนี สิ่งที่ ใครคนหนึ่ง ที่กล่าวอ้างไว้ คนเรา ถ้าไม่ได้มีความผิดอะไร ก็ไม่เห็นต้อง หวั่นไหว หรือ กลัวอะไร แล้ว จะมาเขียนเหตุผลให้อ่านกัน

    แค่หวังว่า เหตุการณ์ที่ดิฉันได้เขียน ให้ทุกๆท่านได้อ่าน จะเป้นกำลังใจ เล็กๆน้อยๆ ให้กับหลายๆท่าน ที่จะฟันฝ่า อุปสรรค ต่างๆ ไปได้ด้วยดี ชีวิตของคนเรา มีอีกมากมาย ท่เจอ เหตุการณ์ ที่แสนสาหัส บางท่านก็มิได้ มาเล่าให้ ฟังกัน ด้วยเหตุผล ที่ต่างกัน ที่ผ่านมา ทำให้ เราได้ ทั้ง มิตร ที่ดี และ ศัตรู โดยไม่ได้ตั้งใจ ดิฉัน ขอแค่ หวังว่า ความดีงาม ความจริงใจ และ ความบริสุทธิ์ใจ ที่ ดิฉันได้ ทำไปนั้น คงมีหลายๆท่าน ที่ได้ จดจำวัน เวลา ดีๆ เอาไว้ในความ ทรงจำ น่ะค่ะ

    ขอให้ คนไทย ทุกคน มีความรัก ความสามัคคี รู้จัก คำว่า ให้อภัย ซึ่งกัน และ กัน ตลอดไป น่ะค่ะ
     
  8. kunyard

    kunyard สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +2
    ดิฉันว่าเรื่องของดิฉันทุกข์หนักมากแล้วแต่..พออ่านเรื่องของคุณ เรื่องของดิฉันเลยจิ๊บจ๊อยไปเลย ขอบคุณที่เอามาเล่าสู่กันฟัง และขอให้คุณมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตนะคะ ไม่แน่นะเผื่อวันหน้าดิฉันจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง
    "คนดีพระคุ้มครองคะ"
     
  9. ปมณฑ์

    ปมณฑ์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วันที่ 18 ดิฉัน จะเข้ามาเขียน เรื่องราว เป็นครั้งสุดท้าย แล้ว ค่ะ อย่าลืม เข้ามาอ่านน่ะค่ะ และ ทุกๆเริ่อง ที่ดิฉัน เขียน เป็นเรื่องจริง ทั้งสิ้น ก็ได้ แต่หวังว่า เรื่องราว ทั้งหมด ของ ดิฉัน จะทำให้ หลายๆท่น ได้มีกำลังใจ ที่จะต่อสู้ ด่อๆไปน่ะค่ะ เรา ทุกคน ก็ยัง ต้องต่อสู้ ต่อไป จนหมดลม หายใจจริงๆ ค่ะ แต่สิ่งเดียว ที่ ทำให้ หลายๆ ท่าน ยัง รำลึก ถึงกันได้เสมอ ก็คือ ความดี เท่านั้น จริงๆค่ะ ขออนุโมทนา ค่ะ พรุ่งนี้ ต้อง ไปไหว้ ราหู และ จะเลย ไปทำบุญ 9 วัด เสียก่อนค่ะ จะถึงหรือปล่าวก็ไม่รู้ค่ะ เพราะ ได้ข่าวว่า รถติดมากเลย อย่าลืม เข้ามาอ่าน ตอนอำลา น่ะค่ะ ดิฉัน คิดว่า ยังมีสิ่งดีๆ ที่รอ อยู่ ข้างหน้า ไม่ได้ คิดว่า มีสิ่ง เลวร้าย เข้ามา ก็ เราไม่ได้ ผิดอะไร จึงไม่ได้ มีความกลัวอะไร สักนิดเลยค่ะ ขออนุโมทนา น่ะค่ะ
     
  10. henglonk

    henglonk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +28
    สู้ต่อไปขอเป็นกำลังใจให้
     
  11. nonggibpan

    nonggibpan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +8
    เรื่องนี้ทำให้คิดอะไรได้มากเลย เจ้าของเรื่องอดทนมากครับ นับถือ

    ยิ่งเรื่องที่โดนโกง ถ้าเป็นผมคงทนไม่ไหวแน่

    -----------------------------------------------------------

    คนเราสมัยนี้เป็นอะไรไปกัน เห็นผิดเป็นชอบ ไม่รู้คิดอะไรกันอยู่

    ไม่รู้จิตใจ ใคร่ครวญไตร่ตรองหรือยังที่ทำในเรื่องผิดๆ เว็บนี้ดีมากๆเลยครับ

    อ่านเว็บนี้แล้วได้ความรู้เยอะเลย โดยเฉพาะเรื่องเวรกรรม

    อนุโมทนาครับผม
     
  12. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    รู้จักทุกข์จึงรู้จักนิพพาน ถ้ารู้จ้กว่าการเกิดเป็นทุกข์ ไปนิพพานกันเถอะครับจะได้ไม่ต้องมาทุกข์อีก


    จงตัดสินใจว่า การเกิดชาตินี้เราเกิดเป็นชาติสุดท้าย กรรมอะไรที่ทำไว้มันจะสนอง ก็ยอมรับมัน คือว่า <O:p</O:p
    ยอมรับโทษแห่งปาณาติบาตทำให้เราป่วยไข้ไม่สบาย เราก็ยอมรับว่า ฉันใช้หนี้แกเท่านี้นะ <O:p</O:p
    โทษแห่งอทินนาทาน ทำให้ของเสียหาย เราก็ยอมรับว่า ฉันใช้หนี้แกเป็นเท่านี้นะ<O:p</O:p
    โทษกาเมสุมิจฉาจาร ทำให้คนในบังคับบัญชาดื้อด้าน เราก็ยอมรับว่า ฉันชำระหนี้แกชาติสุดท้ายเพียงเท่านี้นะ<O:p</O:pโทษมุสาวาท ทำให้เราเป็นคนพูดดี พูดจริงใครก็ไม่เชื่อ ก็ยอมรับว่า เพราะความชั่วของเราให้ชาติก่อน ก็ชื่อว่าใช้หนี้เป็นชาติสุดท้าย โรคปวดหัว โรคเส้นประสาท โรคบ้า ที่มันเกิดขึ้นในกาล โรคบ้า ที่มันเกิดขึ้นมาในกาลใด ก็ทราบว่า เป็นกรรม ร้ายที่เราเคยดื่นสุรา และเมรัย ก็ยอมใช้มันเป็นชาติสุดท้าย<O:p</O:p
    หลังจากนี้ เราจะไม่เกิดมาเป็นการชดใช้กรรมมันอีก เราจะหลีกกรรมประเภทนี้ คือ หลีกอบายภูมิทั้ง ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน โดยยึดองค์สมเด็จพระพิชิตมาร พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ยอมรับนับถือด้วยความจริงใจหลังจากนั้น ทรงศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ และก็ตั้งใจคิดว่า การเกิดเป็นมนุษย์มีชาตินี้ชาติสุดท้าย ชาติต่อไปไม่มีสำหรับเราอย่างนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกบุคคลนั้นว่าเป็นพระโสดาบัน ถ้าทรงอารมณ์พระโสดาบันได้ แล้วก็คิดไปตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงสอนว่า มนุษย์โลกเป็นทุกข์ เราไม่ต้องการ เทวโลก กับพรหมโลก เป็นสุข ชั่วคราว เราไม่ต้องการ จุดที่ต้องการ คือ นิพพาน แล้วพยายามกำจัด โลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง ให้พินาศลงด้วยกำลังความดีของเรา<O:p</O:p
    เอา ละ บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ผู้เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัญญาณบอกหมดเวลา ปรากฏแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสุขสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนานิกชนทุกท่าน สวัสดี<O:p</O:p
    ที่มา กฎของกรรมเล่มที ๑ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ<!-- / message --><!-- attachments -->
     
  13. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    สิ่งใดเป็นบุญข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญด้วยขอรับ สาธุ สาธุ
     
  14. คุณมณฑ์

    คุณมณฑ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    สวัสดีอีกครั้งค่ะ

    จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลาร่วมปี ที่ห่างหายไป พยายาม search หาประวัติ ของตนเอง ที่เคยเขียนไว้ พึ่งจะมีเวลาได้ค้นเจอ 1 ปี ที่ผ่านมา ดิฉันก็ยังเจอเรื่องราว อีกมากมาย จึงอยากเข้ามาเล่าเรื่องราว ทั้งหลายอีก สิ่งที่พบเจอมามากมาย ยิ่งเจอ ยิ่งพบ สิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกมากมาย ก็ได้แต่ มอง และ พิจารณา มากขึ้น เห็นมาก ปลงมาก ละมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดิฉันอยากเล่าให้ท่านฟัง เรื่องราวที่พบเจอมา

    ดิฉันมิได้มีเจตนา ที่จะว่ากล่าวติเตียนผู้หนึ่งผู้ใดที่ดิฉันกล่าวถึง และดิฉันก็ขออโหสิกรรม กับทุกท่านเหล่านั้น หากดิฉันได้มีหนี้เวรกรรมกับท่านทั้งหลาย ไม่ว่าชาติภพใดก็ตาม ขอให้อโหสิกรรม ณ พบชาตินี้ ด้วยเทอญ ชาติภพนี้ ดิฉัน ขอใช้หนี้ ให้แก่ทุกๆท่าน ทุกประการ และ ขออโหสิกรรม ต่อกัน ด้วยเทอญ

    หลังจากที่ดิฉัน โด่งดัง ในเวปหนึ่ง ที่กล่าวหา ว่าดิฉันเอาเงินทำบุญ เข้าบัญชีตนเอง และ ดิฉันได้ แจ้งเจตนาชัดเจนว่า ให้แจ้งความ และดำเนินการกับ ดิฉัน ดิฉันก็ยินดี ที่จะนำบัญชี ธนาคาร ที่ เป็นปัญหา นั้น ให้กับเจ้าหน้าที่ ได้รับทราบ แต่ปรากำว่า เรื่องราว ต่างๆ ก็เงียบหายไป มิได้ดำเนินการใดๆต่อ นอกจาก เข้ามาตอบโต้ กันทาง เวปเท่านั้น

    จากเรื่องราวหลายอย่าง ทำให้ ดิฉัน ต้องกลับมาพิจารณา ว่า บางครั้ง วิบากกรรมต่างๆ เป็นเพราะ เราวิ่งเข้าไปหามัน ยิ่งคิดว่า พบผู้คนมากหน้า เท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอปัญหา เท่านั้น ระยะหลัง ดิฉันชอบเก็บตัวมากกกว่า หันกลับมาทำงานตามที่ตัวเองเรียนมา ไม่ได้ใช้ ศาสตร์วิชา โหราศาสตร์ สักเท่าไหร่ ก็คงเหลือ แต่ที่ไป โพสท์ ในเวป ของ วัดปทุมธาราม ของหลวงปู่นะ ที่ดูดวง และ ให้โอนเงินเข้าวัด ตามกำลังศรัทธา ดิฉันไม่ได้ มีเงินทองมากมาย แต่กุศลที่ดิฉันได้ ทำจากชีวิต และ จิตวิญญาณ ของดิฉัน ก็คงทำให้ดิฉันได้รับกุศล บ้าง ดิฉันก็ได้ แต่บริจาคเลือด หรือ อื่นๆ ที่ดิฉัน ทำได้ตาม กำลัง

    ดิฉัน ได้หันกลับมารับงานทาง ด้านเสื้อผ้า พยายาม เป็นงานที่ส่ง และ จบ งาน เท่านั้น แต่ วิบากกรรม หลายๆ อย่าง ก็มิได้เลือนหายไป ดิฉัน ได้ พบ ทั้งเจ้าของงงาน และช่าง มากมาย 2 เดือน ที่ผ่านมา ยิ่ง เจอ ปัญหา ที่ซ้อนๆ ตาม กันมา ไม่ขาดสาย ดิฉัน ก็ยังแปลกใจ ว่า ทำไม เพราะ อะไร พยายาม หาสาเหตุ
     
  15. คุณมณฑ์

    คุณมณฑ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    ดิฉันขอเล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้น ในช่วงนี้เลยน่ะค่ะ

    เดือนก่อน ดิฉัน รับ order จากเจ้าของร้านร้านหนึ่ง เป็น จำนวน 100 กว่าตัว ซึ่งดิฉัน ต้องหาช่าง ที่ทำงานชิ้นนี้เพิ่มขึ้น ในการตกลง กัน ดิฉัน ต้องซื้อ อุปกรณ์เอง จากราคา ที่กำหนด ซึ่งราคา ที่ดิฉันเรียกไป ถ้าคำนวณแล้ว ดิฉัน คงไม่เหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ ไหน ต้องขับรถไปซื้อ อุปกรณ์ ไหน ต้องไปส่งงาน ให้เขา หากเขาร้องขอ แค่ 10 ตัว ราคาที่ดิฉันเรียกไป แค่ 25 บาท ต่อตัว ค่ายางยืด 300 บาท ค่าช่าง จ่ายเขา ตัวละ 15 บาท ไหนๆ ก็รับงาน มาแล้ว ถึงไม่เหลือเงินเลย ก็ต้องทำจนเสร็จ น่ะแหละ ดิฉัน ก็ส่งงาน ไว้กับช่าง ที่บ้านหนึ่งทั้งหมด และ บอกว่า อีก 1 อาทิตย์ จะส่งงาน ซึ่ง เขารับปากว่า จะเสร็จ จนอีก 2 วัน ใกล้ จะส่งงาน เขาก็โทรมาบอกว่า คุณมณฑ์ พี่น่ะ มีปัญหางานที่อื่น ต้องแก้งาน เขาบ้างล่ะ พี่ต้องทำงาน ที่ได้เงินเลยบ้างล่ะ ซึ่งทำให้ดิฉัน ต้อง ขับรถ ตระเวณ หาช่าง เพื่อ ทำให้เสร็จ ตาม กำหนดอีก ลงทุนอีกแล้ว พยายาม ขับรถไปหลายๆที่ จนได้ช่างอื่น มาช่วย ทำงาน กันจนสว่าง คาตา จนได้ส่งงาน ปรากฎว่า งาน ที่ช่างเก่า ทำแค่ 35 ตัว จากช่างเก่า ถูกตีกลับหมด ส่วนงานที่ทำโดย ช่างใหม่ ผ่านหมด ดิฉัน ส่งงาน ประมาณ ตี 1 ฝ่ายเจ้าของร้าน เขาก็นับจำนวนตามลำพัง โดย ที่ดิฉันไม่ได้ นับ แต่ ขณะที่ส่งงาน ดิฉัน เขียน จำนวน ถูกต้อง สีถูกต้อง โดยที่ตอนส่งงานมา เขาไม่ได้ แยกสีให้ บอกแต่ จำนวนเต็ม พอ เขานับเสร็จ เขาก็ขึ้รรถไป โดยไม่ได้ พูดอะไรกับดิฉันเลย และ ดิฉัน ก็กลับบ้านไปนอน เพราะ ทำงานเหนื่อยมาทั้งคืน ปรากฎ ว่า จำนวน ที่ เขารับไป กับจำนวน ที่ถูกส่งกลับมา กลับหายไป 9 ตัว ซึ่งดิฉันนำไปให้ช่างแก้ ในวันรุ่งขึ้น ดิฉันก็ได้ แต่ปลง เป็นความผิดพลาด ของเราเอง เพราะ ดิฉันนึกแต่ว่า เขาคงไม่ทำอะไรแบบนี้ หลังจาก ที่ ดิฉัน ส่งให้ช่างแก้งาน และ ดิฉันได้โทรไป คุย กับเจ้าของงาน ว่า งานหาย เขาก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่เห็น งานที่ ดิฉัน ส่งแก้ กับช่าง เดิม เชื่อมั๊ยค่ะ ดิฉัน ต้องไปนั่ง ทนฟัง ว่า งานราคานี้ ก็สมควรกับงาน แก้ไปแล้ว เงินก็ยังไม่ได้ เขาก็ไม่มีเงิน แก้งานไป บ่นไป หนี ไปนอนเฉยเลย ดิฉัน ต้องไปนั่ง ทำงานแก้ ตัวนั้น กับลูกสาว เขาด้วย เขาพูดแต่เรื่อง จนดิฉัน ต้องบอกว่า งานแก้เสร็จ แล้ว ดิฉัน จะจ่ายเงินให้เลย ซึ่ง ดิฉัน ต้อง นำงานทั้งหมด กลับก่อน และ นั่งแก้ และ เนาผ้า แต่ละชิ้น และ ส่งกลับไปให้เขาเย็บ ดิฉัน ต้อง ทำงานจนสว่างอีก แต่ ช่างแค่เย็บ ก็นั่งนั่งบ่นตลอด ดิฉัน ยังต้อง ถามตัวเองเลยว่า ดิฉัน ช่างอดทน ได้จริงๆ ความผิด ไม่ใช่ ของตนเอง แต่ต้องใ นั่งรับฟัง เขาบ่นได้ จริงๆ วันที่รับงานเสร็จ ปรากฎว่า งานหายไปอีก 3 ตัว เท่ากับงานหายไปเท่ากับ 12 ตัว พอเอางานไปส่ง เขากลับบอกว่า งานแก้ไม่ผ่าน และ ดิฉัน ทำให้ เขาเสีย เป็นจำนวนมาก ทั้งที่งาน ที่เสร็จแล้วไปขายแล้วด้วย กำไร ก็คงได้มาแล้วบ้าง ครั้งแรก ดิฉันคิดว่า คงจะมีปัญหาแน่ๆ จะไม่ส่งงาน แต่ให้เขาคิดค่าผ้ามาดีกว่า เพราะ ดูแล้ว ว่าเล่นไม่ซื่อ แต่แรกแล้ว แต่ด้วยที่ ดิฉันไม่เคยคิดโกง ใคร จึงนำงานไปคืน เขากลับบอกว่า งานไม่ผ่าน ขอจ่ายเงิน แค่ที่ส่งไป จำนวนที่เอางานไปแก้ ไม่คิดเงินให้ เพราะเขาต้องส่งงานนี้ไปให้ช่างอื่นทำ และหักเงิน ที่หายไป 12 ตัว เป็นจำนวน ตัวละ 100 บาม รวมเป็น 1,200 บาท หักโน้นหักนี่ จนเลยจ่ายดิฉัน แค่ 4 ร้อยกว่าบาท แต่ เขากลับไม่คิดว่า ไอ้ยางยืด ที่เราใส่ให้เขานี่ เขากลับไม่คิดให้ด้วย ดิฉัน ก็ได้ แต่คิดว่า เขาอยู่บ้านเดี่ยวใหญ่โต ร้านเขามีจำนวนหลายร้าน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ทำไม คุณถึงไม่เห็นความยากลำบาก ของคนทำงาน แต่กลับ มองแต่ว่า งานที่ดิฉันกลับไปแก้นั้น ทำให้เขาขาดรายได้ แต่ช่างที่ เขาแก้งานให้ดิฉัน ดิฉันก็จ่ายค่าแรงไปแล้ว ในขณะที่ดิฉันยังไม่ได้รับเงิน และ เงิน แค่ 4 ร้อยกว่าบาทนั้น เขายังบอกว่า ค่อยมารับเงิน วันจันทร์ ดิฉันส่งงาน วันพุธ ดิฉันก็ได้แต่ปลง และ คิดว่า มนุษย์เราหนอ ทำไม คุณถึงคิดและ ทำได้แต่ เท่านั้นหรือ จนดิฉันต้อง ถาม ว่า เงิน แค่นี่ ยังต้องรออีก หรือ จนสามีเขาบอกว่า งั้นจ่ายๆ ไปเถอะ ถึงได้รับเงิน หลังจากดิฉัน ออกมาแล้ว ก็ได้ แต่บอก ตนเองว่า ดิฉัน ขออโหสิกรรม ทั้งหมด ตั้งแต่ วันนี้ เวรกรรม ใด ที่เรา ได้ ก่อ เวรกัน ชาติใด ก็ตาม ขออโหสิกรรม กัน ณ บัดนี้
     
  16. คุณมณฑ์

    คุณมณฑ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    สวัสดี อีกครั้งค่ะ ทุกๆท่าน

    ดังที่หลายๆท่าน ได้ทราบว่า ดิฉัน มี งานอดิเรก เป็นหมอดู และ ดิฉันก็รู้ว่า ตอนนี้กำลัง ที่เป็น ช่วงเวลา ที่แสนสาหัส กับชีวิต อีกครั้งหนึ่ง ถ้าคนเป้ฯ หมอดู ว่า ก็จะรู้ว่า คนราศีกันต์ และ ราศีมีน ดาวแห่งความทุกข์ เข้ามาอยู่ รวมกัน ซึ่งใจของดิฉันก็ กำลัง คิดว่า เราจะต้อง พยายาม ยอมรับมันให้ได้ แต่วิกฤตของชีวิต ในปัจจุบันเข้ามาซ้ำ แล้ว ซ้ำอีก จริงๆ จนรู้สึก เหนื่อยล้า เต็มที่ จนเมื่อ ต้นเดือน ดิฉันได้ โทรคุยกับอดีตสามีและ คุยกับ เพื่อนคนหน่ง ว่า ถ้าดิฉัน เลือกได้ ดิฉัน เลือก ที่จะไม่มีลมหายใจแล้ว ทำไม ดิฉัน ต้อง เข้ามาเขียนอีก เพราะ ดิฉัน ไม่แน่ใจตัวเอง เลยว่า ดิฉัน จะมีชีวิตได้ อีกนาน เท่าไหร่ ดิฉัน จะขอเล่า อีกครั้ง หลังจาก ที่เริ่มรู้ ว่า ดาวเสาร์ ทับลัคน์ น่ะค่ะ


    สำหรับคนที่เรียน โหราศาสตร์ แล้ว ใครๆ ก็รู้ ว่า ดาวเสาร์ เป็น ดาวแห่ง ทุกข๋โทษ ในดวงดิฉัน ดาวตัวนี้ ดัน อยู่ รวมกับดาวอังคาร เป็นดาวคู่อุบัติเหตุ คู่เสียเลือดเสียเนื้อ ด้วย ตอนนี้ ถึงได้ เจอแต่ เรื่องหวาดเสียว และ ความรู้สึก ในเวลานี้ ก็ดูเหมือน ภายในใจดิฉัน มันแตกสลายไป จริงๆจะขอเริ่มเรื่อง หลังจาก เสาร์ เข้าน่ะค่ะ หลังจาก ที่เสาร์ เข้า ดิฉัน ได้รับการติดต่อ จาก บริษัท เพื่อไปสัมภาษณ์งาน แถว ย่านสุขุมวิท และ ปรากฏว่า หลังจากนั้น 1 เดือน ดิฉัน ก็ ได้รับการติดต่อ ให้ไปทำงาน บ้านดิฉัน อยู่รังสิต แต่ต้องไปทำงาน ย่านสุขุมวิท ดิฉัน ต้อง ขับรถ วันละ 1ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งต้องรับว่าไกล เหลือเกิน และจะกลับ ถึงบ้าน 3 ทุ่มทุกวัน ดิฉันเริ่มทำงาน ตั้งแต่ เดือน ธันวาคม ในขณะนั้น แค่ ดาวเสาร์ ตัวเดียว กำลังคิดว่า ถ้า พฤหัสเข้าเนี่ย คงหนักกว่า เดิมแน่ๆ เพราะ เป็นดาวคู่แสนสาหัส

    แต่พอ ดาวพฤหัส กำลังเริ่มมี อิทธิพล สังเกตได้ เลยว่า ช่วงนั้น เกิด เหตุการณ์ เสื้อแดง พอดี ดิฉัน ยัง ต้อง ถามตัวเองว่า จะต้อง เกิด เรื่องแสนสาหัส กับ ดิฉัน แน่ๆ ก็คงต้องรอดู ว่า เกิดอะไร ขึ้นบ้าง หลังจากนั้น ไม่นาน เรื่องก็เริ่มมา ทีละอย่างจริงๆ ค่ะ ในระหว่าง ที่ ทำงาน เราจะต้อง เรียนรู้ ว่า ตามกฎแรงงาน เจ้าของจะต้องทำประกันสังคมให้ลูกจ้าง แต่เจ้านาย ดิฉัน กลับบอกว่า 3 เดือนแรกจะไม่ทำประกันสังคม แต่ จะหักเป็นค่า ภาษี 3% ก่อน หลังจาก 3 เดือน ก็ยังไม่ได้ทำให้ จนกระทั่ง วันหนึ่ง ดิฉันกำลัง จะข้ามถนน เกือบถูก มอเตอร์ไซด์ชน จึงได้มีการทวงถามถึง ประกันสังคม กลายเป็นว่า เดือนที่ 5 ของการทำงาน เจ้านาย ดิฉันถึงเริ่มทำให้ ดิฉัน มีลางสังหรณ์ ว่า ปีนี้ ดิฉัน ยังต้องเจออุบัติเหตุ อีกแล้วแน่ๆ พยายามที่จะระวังการขับรถอยู่เสมอ

    ปรากฎว่า วันสิ้นเดือน ของเดือนหนึ่ง ลูกชายดิฉัน บอกว่า แม่ มีคนมาบอกว่า จะมายึดทรัพย์ที่บ้าน ก่อนหน้านี้ ดิฉัน ได้เล่าให้ฟังว่า ถูกเพื่อน โกงไป และเป็นเงินที่ ดิฉันไปกดมาจากบัตรเครดิต และ ดิฉัน กำลังตั้งใจว่า 3 ปีนี้ จะพยายาม เคลียร์หนี้ bank ให้หมด ซึ่งดิฉัน เองก็พึ่งจะขึ้นศาลไป 1 bank เพื่อเจราจา และ ดิฉันตกลงว่า จะจ่ายเดือนละ 7000 บาท ทุกเดือน จาก เงินเดือน 18000 บาท และ ต้อง เสียค่า น้ำมันรถไปทำงานอีก และ ค่าน้ำ ค่าไฟอีก และ ลูกอีก 2 ชีวิต สุนัขอีก 10 กว่า ตัว คุณ ว่า ดิฉัน ต้องประหยัด ขนาดไหน เรียกว่า กระดิกไปไหน ไม่ได้ ป่วยก็ไม่ได้ เลยที่เดียวล่ะ และ วันเสาร์-อาทิตย์ ดิฉัน ต้องไปทำงานพิเศษ ได้ค่าจ้าง วันละ 500 บาท วันนั้น ดิฉัน เพิ่งจะเข้าไป จ่ายเงิน ที่ bank 7000 บาทพอดี และ จ่ายค่าไฟ ไป 1500 บาท ในกระเป๋า ก็เหลือ ประ มาณ 10000 บาท พอลูก ดิฉัน โทรมาว่า เขาจะมายึดทรัพย์ ดิฉัน ก็โทรไปลางาน และ หันหัวรถกลับบ้าน ทั้งที่ๆ จ่ายเงินเสร็จ จะต้องไปทำงาน ในระหว่าง เดินทาง เจ้าหน้าที่ bank บอกว่า ดิฉัน ต้อง จ่ายเงินให้ เขา 16000 บาท ดิฉัน ก็เจรจา ว่า ขอจ่าย 10000 บาท ได้ หรือ ปล่าว เขาบอกไม่ได้ ต้องจ่าย 16000 บาท ถึงจะไม่ยึดทรัพย์ เราก็คนธรรมดา ที่ไม่ได้เรียนรู้กฎหมายมากนัก พยายาม ถามคนอื่นๆ ว่า เขาสามารถ มาทำได้อย่างนั้น จริงหรือ ถ้า ดิฉัน จ่ายเงิน ก็เท่ากับว่า ดิฉันก็จะไม่มีเงินเลย และดิฉันก็ไม่รู้ว่า จะไปพึ่งพาใคร ในภาวะ แบบนี้ มักไม่ค่อยมีใคร จะยินดี ช่วยเหลือเราแน่นอน และ ดิฉันก็ได้โทรไป หา อดีต สามี จน เขาหาเงินมาช่วยอีก 6000 บาทกว่า จน ดิฉัน จ่ายเงิน เขาหมด แต่ ตัวเราซิ แถมไม่มีเงินไป ทำงานด้วยซ้ำ ค่ารถ ก็ไกล เหลือเกิน ในช่วงนั้น เริ่มเกิด อาการ เหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว ทำงานทุกวัน เงินก็ไม่ได้ ใช้เลย ซึ่ง ดิฉันก็เตรียมสภาพไว้แล้ว และ ทาง bank ก็บอกว่า ดิฉัน ต้องจ่ายอีก เดือนละ 9000 บาท 3 เดือน เพื่อ เคลียร์ หนี้ คุณลอง คิดดูซิ ส่ง bank หนึ่ง 7000 บาท อีก bank หนึ่ง 9000 บาท เงินเดือน 18,000 บาท และ ยังมีค่าไฟ อีก แล้ว ดิฉัน จะมีเงินหรือปล่าวค่ะ
     
  17. คุณมณฑ์

    คุณมณฑ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    ทำไม ดิฉัน ถึงได้ มาเขียนให้หลายๆท่านได้อ่าน เพราะมันเป็นเรื่องที่ดิฉัน คิดว่า มันเป็นเรื่องที่เกิด กับใคร แล้ว มันดูเศร้าเหลือเกิน ท้อแท้ หดหู่ใจ ยังไม่รู้ว่า ทำงานมาทั้งเดือน แต่ ดิฉันแทบไม่มี เงิน ติดกระเป๋าเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้อง พยายาม หาเงินพิเศษที่จะต้อง กินใช้ให้พอกับ ทุกวัน ก็พอไปได้ แทบว่า กินแบบประหยัด ช่วงนั้น อดีต สามี ก็เข้ามาช่วยเหลือ ลูกมากขึ้น พอสิ้นเดือนถัดไป ดิฉัน ก็ยังพอมีที่จะมีเงินที่จะส่ง bank อยู่ รับเงินเดือน ก็จ่ายหมดอีกเดือน ก็แทบไม่มีเงินเหลืออีก หดหู่จริงๆ กับชีวิต ดิฉัน ก็ต่อง พยามยาม ประหยัดอีก แต่ตลอดเวลา ดิฉัน ก็พยายาม ปรึกษา กับ ผู้รู้หลายๆท่าน ในเรื่อง ของการยึดทรัพย์ ว่า การเป็นหนี้ 3 หมื่น กว่าบาท เขาสามารถ เดินเข้ามา หรือ งัดกุญแจบ้าน เพื่อ ยืดทรัพย์สินไปได้ เลยหรือ ฟังดูเหมือนกับว่า โหดร้ายเหลือเกิน และ มีสิทธิ์ ที่จะยึดเงินเดือน เรา หรือ สามารถ บังคับให้เรา จ่ายเงินตามที่เขาตั้งเป้าได้ จริงหรือ คำถามมากมาย ที่เกิด ขึ้น ภายใน 2 เดือนนั้น ในวันที่ไม่มีจะกิน ไปที่ศาล ไปหาทนายอาสา เขาก็บอกว่า สามารถ ทำได้ โอ้ พระเจ้า ดูเหมือน ว่า ถูกบังคับจิตใจจริงๆ เราไม่สามารถ ต่อรองอะไรได้เลย กำลังคิดว่า นี่เมืองพุทธ หรือ เขาไม่สนใจว่า เราจะมีเงิน กินหรือ ไม่ คุณต้องจ่ายอย่างเดียว ความทุกข์ และ ความเศร้า เริ่มรู้สึก ท้อ และ เหนื่อมากๆ และ ถ้า ใครรู้ กฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง ก็รบกวนช่วยตอบดิฉัน เป็นวิทยาทาน ด้วยเถอะค่ะ เผื่อจะได้ ฉลาดขึ้น หรือ ใครที่กำลังเจอเหตุๆการณ์ อย่าง ดิฉัน จะได้รู้ ว่า ควรทำอย่างไร ภายใน 2 เดือนนี้ วันๆ แทบไม่มีเงิน เลย ก็เลย ต้อง คิดว่า คำว่า : ดาว แสนสาหัส เริ่มกำลังผลกับชีวิตแล้ว จนกระทั่ง อีกสิ้นเดือนหนึ่ง ประมาณ วันที่ 30 มิถุนายน ดิฉัน ได้ไป บริจาคเลือด ที่ สภากาชาดไทยอีกครั้ง เพื่อคิดว่า แก้ วิบากกรรม ที่จะเจออีก และ ดิฉันก็เตรียมตัว ไว้ล่วงหน้า แล้วว่า จะต้องเจออะไรเอง มีลางสังหรณ์ ค่ะ เดือนนั้น ดิฉันได้ จ่ายเงินไปกับอีก bank แค่ 5000 บาท เท่ากับมีเงิน ติดตัวบ้างเล็กน้อย คงไม่พอเดือนอีก ปรากฎว่า คืน วันที่ 2 กรกฎาคม ประมาณ ตี1 ดิฉัน ถูบ้านและ กำลังเดือน เอาจานไปเก็บ ข้างล่าง ปรากฎว่า ลื่นน้ำ ตกบันได จากขั้นแรก ด้านบน ไปถึงจนถึงบันได ขั้นสุดท้าย ลูกดิฉัน ได้ยิน ก็ออกมาดู และมาเก็บกวาดจานทั้งหมด ดิฉัน ก็เจ็บ ข้อศอก และ เจ็บตรงสะโพก ซึ่งดูจาก ภายนอก ก็เป็น ฟกช้ำ ดำเขียว เท่านั้น แต่ก่อนหน้สนี้ ได้ลื่น ห้องน้ำไปแล้ว ก็ต้อง ถามตัวเอง อีกว่า มันจะมีผล ในอนาคตหรือ ปล่าว ลุก ก็ถาม ดิฉัน บอกกว่า แม่เป็นยังไง บ้าง ก็ตอบไปว่า มันยอกๆน่ะ และ ก็ไม่ได้ไปหาหมอ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยมีเงิน และ ในช่วงนี้ ดิฉัน ได้ ขอพรว่า ถ้า เอา ชีวิต ดิฉันไปได้ ช่วยมาเอา ชีวิต ไปด้วยเถอะค่ะ ตอนนี้ เริ่ม รู้สึกหเนื่อย และ ล้า เต็มที ต่อสู้ กับอะไรมากมายแล้ว เริ่มอ่อนแรงแล้ว ดิฉัน เป็นแม่ ที่ต้อง เลี้ยงลูกชาย 2 คน ร้องไห้ ก็ไม่ได้ ต่อหน้าลูก ต้อง เข้มแข็ง ตลอดเวลา ในขณะที่ หัวใจ ของแม่นี้ อ่อน แรง เต็มที ลูกคนแรก ใกล้จบ ส่วนลูก อีก คนก็กำลังเรียน ปริญญษตรี ปี 2 ดิฉัน คิดเสมอว่า ดิฉัน กำลังส่งลูก ขึ้นฝั่งแล้ว กำลังจะหมด หน้าที่ ของดิฉัน แล้ว ด้วยซ้ำไป ดิฉัน เอง ก็แอบร้องไห้ บ่อยๆ พยายาม ถาม ต่อ เทพยดา ฟ้าดินว่า คนทำดี แทบตาย ไม่เคนคิดคดโกงใครเลย ชีวิตเราดูเหมือน พบ แต่เรื่อง เศร้ามากมาย หรือ ดิฉัน บอกว่า ขอชดใช้กรรม ทุกอย่างให้ หมด ชาตินี้ จึงทำให้มี วิบากกรม เข้ามาไม่ได้หยุดเลย ปรากฎว่า วันนั้น ดิฉัน ก็ต้อง บอกลูกว่า ไม่เป็นอะไรมาก แค่ กินยาแก้ปวด และ ทายาหม่อง สิ่งที่เศร้า คือ ถ้า เจ้านาย ดิฉัน ทำประกันสังคมให้ ดิฉัน ดิฉัน ก็สามารถ ใช้สิทธิ์ ปรากฎว่า ดิฉัน เช็คกับประกันสังคม ดิฉันยังใช้สิทธิ์ไม่ได้ ในขณะที่ เจ้านาย ดิฉัน หักเงินสมทบ ไป 750 บาท ในเดือน เมษายน พฤษภาคม และ มิถุนายน ดิฉันเกิดเรื่อง ในวันที่ 2 กรกฎาคม ดิฉัน ก็ได้ แต่ถาม ตัวเองว่า ความผิด นี้คือ ของใคร หักเงินไป ก็ใช้ สิทธิ์ ไม่ได้ หรือ เป็น ความผิด ที่เรา ดันไปทำ วิบากกรรม ไว้กับใครในชาติก่อน

    และ ยังมี เรื่องที่เจอหนักๆ อีก แล้ว ดิฉัน จะกลับมาเขียนอีกครั้งน่ะค่ะ ตอนนี้ อยากให้ใครนำเรื่องดิฉัน ไปสร้างหนัง หรือ ทำเป็นอะไรก็ได้ เพื่อเผยแพร่ ให้คนได้ รับรู้ เป็นเรื่องจริงๆ ทั้งสิ้นค่ะ อ่านต่อไปน่ะค่ะ ยังมีวิบากกรรม ที่ ดิฉัน ยังต้องเจออีก จนต้อง ขอพร ทุกคืน ว่า ขอให้ ดิฉัน หมดลมหายใจเถอะ
     
  18. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนากับประสบการณ์ชีวิตของคุณนะครับ

    ผมคงแนะนำได้ว่า คนที่ลำบากกว่าคุณมีเยอะครับ

    แต่เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาสู้ชีวิตต่อไปครับ

    คนเราเกิดมาเป็นคนแสนยาก ดังนั้นก็ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม

    อะไรจะต้องโดนยึดก็ปล่อยไป ไม่ตายเราก็หาใหม่ได้ครับ

    แต่ลมหายใจเพื่อทำความดี เราต้องรักษาไว้ครับ

    ก็ขอให้คุณจงพบหนทางที่เหมาะสม และขอเป็นกำลังใจให้ในการสู้ชีวิตครับ

    โมทนา
     
  19. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คุณเคยอธิษฐานขอรับกรรมหรือคะ
    คุณลองไปอธิษฐานขอรับกรรมดีแทนไหมคะ
    เราทำชั่วสะสมมาตั้งมาก
    ให้รับชาติเดียวท่าไม่ไหวหรอกค่ะ ได้ดราม่าจนแก่ไม่ลดละทีนี้ละ
    ไม่งั้นก็เจอมหกรรมมหาศาลบานตะไท

    ส่วนใหญ่คนมีบุญมากทั้งนั้น
    ใจดีอธิษฐานมาเป็นนางเอกละครอยู่เนี่ย
    คุณพี่ก็ขอผ่อนใช้กรรมแบบที่ผ่อนใช้หนี้แบงค์ดูนะคะ
    พี่คิดดูตอนแบ้งค์เอาตังค์เราไปหมดจะไม่เหลือกินเลยนะคะ เหมือนกันเลย กะที่เราไปเรียกเจ้าหนี้กรรมเวรมา

    เชื่อน้องสักครั้งเถิดค่ะ
    พี่จงอธิษฐานว่า พอเรารวยหรือเราพ้นกิเลสมารทั้งสิ้นตอนนั้นหัวใจบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นทองคำแท้ๆ เป็นพระอรหันต์เจ้าเมื่อใด
    ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นอโหสิกรรมแล้ว ตอนนั้นค่อยนัดแนะเจ้ากรรมนายเวรมารับบุญแผ่กุศล อนุโมทนา อโหสิกรรม ร่วมกัน ทีเดียว ไว้ค่อยเจอกันใหม่ นะคะ ตอนนี้ข้าน้อยขอตัว และขอเชิญทุกผู้ทุกนามไปตามที่ชอบใจมีสุขกันดีกว่า


    สาธุ สาธุ สาธุ ค่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  20. คุณมณฑ์

    คุณมณฑ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    ดิฉัน เพิ่งเห็น หน้าเวบบอร์ด ว่า ฟ้าผ่าเด็ก อายุ 13 ขวบ เวลา13.13 น. เมื่อวานก็เิดเหตุการณื กับดิฉันเช่นกันค่ะ เมื่อวานนี้ขณะที่ ดิฉัน กำลัง อยู่หน้าคอม ก็ได้ ยินเสียงหน้าบ้าน ว่า ไอ้เห... เหม็นเหลือเกิน ไม่เคยปรับปรุงเลยบ้านเลย อีเว... ดิฉัน ก็รู้ ว่า เป็นเสียงหนุ่มข้างบ้าน ซึ่งพื่งจะมีเรื่องขึ้นโรงพักไป เมื่อเดือน เมษายน จนดิฉัน ต้องไป พูด ว่า ทำไม ถึงพูดดีๆ ไม่เป็น เขาก็ตอบว่า คนอย่างมีง มันพูดไม่รู้เรื่อง อีหน้า.... และ ดิฉัน ก็ยัง ตอบโต้กลับ ไป สักประมาณ 5 นาที เขาก็กลับมา และ ตะโกน ว่า อีเห.. มีงลงมาหากูเลย ซึ่ง ดิฉัน ว่า ดิฉันก็เริ่ม หมดความอดทนแล้ว ครั้งแล้ว ครั้งเล่า คุณเคยมั๊ย ที่อยู่บ้านดีๆ แล้วมีคนมาหน้าบ้านคุณสารพัด ในขณะที่ คุณไม่เคยออกไปยุ่งกับชาวบ้านเลย ดิฉันขอ เล่าความนิดน่ะค่ะ บ้านดิฉัน เลี้ยงสุนัข ในบ้าน ประมาณ 10 กว่า ตัว และ ถูบ้าน ด้วยแฟ๊บ และ น้ำสะอาด ตาม วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น เขา ก็ยังบอกว่า บ้านดิฉัน เหม็นกลิ่น สุนัข และ ครั้ง ก่อนที่ มีเรื่องกัน เนื่องจาก ว่า บ้าน ดิฉัน ปลุก ต้น มะม่วง น้ำดอกไม้ ไว้หน้าบ้าน และ ลูก ก็ออกดก ทุปี แถม เป็นมะม่วงที่รสชาด อร่อย ใครผ่านไป ผ่านมาก็ จะมองเสมอ ว่า ลูก ดกจริงๆ และ คนที่มีปัญหา ก็อยู่ ติดกับบ้านดิฉัน เวลา กิ่งมะม่วง บ้าน ดิฉัน เลยไป บ้านเขา ก็ไม่พอใจ ดิฉัน ก้บอกว่า จะตัด แต่ทุกครั้ง เขา ก็ตัด ด้วยตัวเขาเอง และ ปีนี้ มะม่วงบ้าน ดิฉัน ก็ออก ลูกดกอีก และ ดิฉัน ก็บอกว่า ใครมาเก็บมะม่วงไม่บอก ดิฉันจะเอา เรื่องบ้าง เพราะ อะไร รู้มั๊ยค่ะ มีคน ไปเอาตะกร้อ มาสอย โดยไม่ขออนุญาติ เขาบอกว่า ไปซื้อไม่อร่อย ดิฉัน ก็ถามว่า ทำไม ไม่ขอ ก่อน ถึงจะมาสอย เขาบอกว่า ก็ไม่อยู่นี่ เฮ้อ คนเรา คนที่มาสอย ก็อยู่ฝั่งตรงข้าม บ้านดิฉัน ดิฉันเคยอนุญาติให้กิน ทุกปี แต่ดิฉันก็ไม่เคยไปยุ่งอะไรกับเขาเลย กลับบ้านมาก็เข้าบ้านเลย ไม่เคยออกไปเลย ลูกดิฉัน 2 คน ก็เหมือนกัน เพราะ เราไม่ชอบยุ่ง กับชาวบ้านต่างหาก และ คนที่ตัดต้นมะม่วงก็ไปนั่งกินด้วยกัน คุณ เป็นเจ้าของบ้าน เป็นคุณ จะทำอย่างไรล่ะ ดิฉันก็เลย เอา ป้ายไปติดหน้าบ้านว่า ใครมาสอย มะม่วงโดยไม่ได้รับอนุญาติ ดิฉันจะดำเนินคดีลักทรัพย์ ตามกฎหมาย ปรากฎว่า คนข้างบ้านดิฉัน เขาไม่พอใจค่ะ พี่สาวเขามายืนด่า ดิฉัน ว่า อีเห....ทำเป็นมาติดป้าย ทุเรศ คุณคิดดูซิค่ะ บ้านเรา ติดป้ายเขาก็มายืนด่า ดิฉันก็ลงไปโต้เถียง จน น้องชายเขาเข้ามา ก็มาตะโกนว่า ใครๆ มีเรื่องกับพี่สาว กูว่ะ และ เขาก็เข้ามาดีงป้ายที่ดิฉัน เขียนไว้ หักทิ้ง และ มาขย่มต้นมะม่วง บ้านดิฉัน แถม ยังท้าทาย ไปฟ้อง ตำรวจเลย และ ยังโทรไปหา 191 ด้วย ก่อนตำรวจมา ดิฉัน ก็บอกว่า ตกลงเนี่ย ดิฉัน เนี่ย ทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง นี่มันบ้านดิฉันน่ะ เขาก็บอกว่า " กูไม่พอใจที่มึงมาติดป้าย " และ ดิฉันก็ ยืนทะเลาะ กับเขาจนเขาวิ่งไปในบ้าน ไปเอาฆ้อนปอนด์ ถือออกมา และ จะเหวี่ยงใส่ ดิฉัน ดิฉัน ก็ไม่หลบ คุณเข้าใจ มั๊ยค่ะ มันไม่ไหวแล้ว และ ยังบอกว่า มึงไปบอกลูกมึงออกมาเลย ไอ้ลูกมึงน่ะ เหมือนคนติดยา สงสัย ติดยาด้วย ลูกดิฉัน เรียนอยู่ ม.รังสิต และ ผอม คุรเข้าใจมั๊ยค่ะ ดิฉัน ผู้ซึ่งเป็น แม่ และ เลี้ยงลูกผู้ชาย 2 คน ตามลำพัง ดิฉันจะเข้มแข็งเสมอ ต่อหน้าลูก ดิฉันก็เลยบอกว่าลูกๆไม่ต้องออกมา อย่างน้อยที่สุด ดิฉัน คิดเสมอ ว่า ไม่ว่าเป็นอะไรไป ดิฉัน ก็เลี้ยงลูกมา จนจะจบปริญญา แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้เกิด กับดิฉัน อนาคต ของลูก ยังยาวไกล แต่ดิฉันไม่เคยบอกลูก แค่คิด ในใจ ดิฉันก็ต่อสู้กับเขา เท่าที่ผู้หญิง คนหนึ่ง ทำได้ แต่ เขาไม่กล้า ลงมือ กับดิฉัน จริงๆ พอ 191 มาถึง ดิฉันก็เลาให้ ตำรวจฟัง ต่อหน้า ตำรวจ เขาก็ไป หยิบขวาน ออกมา และ เอื้อม มาตัด ลำต้นมะม่วง บ้านดิฉัน ดิฉัน เห็นแล้ว เจ็บปวด แทนต้นไม้ดิฉันจริงๆ เขาไม่เคยเกรงกลัวต่อ กฎหมาย เขาก็บอกว่า กูไม่เห็น กลัว ตำรวจ จน ดิฉัน ต้องไปแจ้งความ ที่โรงพัก ปรากฎว่า ตำรวจ คงเห็นเป็นเรื่อง เล็กน้อย แค่ลงบันทึก ประจำวันไว้ ไม่ได้ทำอะไร แต่ ท่านบอกว่า ถ้ามีอีกครั้ง ท่านจะเอา 2 คดีมารวมกัน ซึ่งคดี เก่า ท่านแจ้งว่า ถ้าขึ้นศาล จริงๆ ฝ่ายนั้น จะติดคุก 3 ปี แถม ไปโรงพัก ก็ไป กร่าง ต่อหน้าตำรวจอีก

    และ ครั้งนี้ ก็เช่นกัน ที่ดิฉัน เล่า ว่า เขาตะโกน ว่า มึงลงมาเลย ดิฉัน ก็ทนไหวแล้วค่ะ ยิ่ง ดิฉัน อยู่ในช่วง ที่เจอ ปัญหามากมาย ด้วย อย่างที่บอก ดิฉันว่า ดิฉัน เริ่ม ขอหมดลมหายใจแล้วด้วย พอดิฉัน ลงไป ก็เห็นหนุ่ม คนเดิม ถือ มีดยาว เกือบข้อศอก ออกมา พร้อม ไม้ยาว เกือบ 2 เมตร ออกมา ในใจ ก็คิดว่า เป็นผู้ชายอะไร ถีอ อาวุธ ออกมาทุกครั้ง ครั้งนี้ลูกชายดิฉันไม่อยู่ แต่บังเอิญ หลานชาย เขามาฝึก ทหาร และ มาพักที่บ้านพอดี ซึ่งวันที่เขามา ดิฉันก็ได้ดูดวงให้เขาก่อน เห็นดวง เขาแล้ว เลือดร้อนแรง เข้าขั้น ตายไม่กลัวเลยเชียวล่ะ เขาก้เตรียม ถือ มีดสั้นมาเหมือนกัน ดิฉันเลยบอกว่า ไม่ต้องออกไปลูก ครั้งนี้ พอดิฉัน เห็นเขาถือ มีด ตรงๆ เหมือนจะแทง ดิฉัน ดิฉันก็เดินเข้าไป โดยไม่สนใจ ทั้งสิ้น ปรากฎว่า เขาใจไม่กล้า ดิฉันก็เอามือ จับไม้ และเข้าไปด้วย แถม วั้นนั้น ใส่กระโปรง โดยไม่มีกางเกงขาสั้นด้วย เขาคงจะนึก ไม่ถึง ว่า ดิฉัน ใจกล้า ขนาดนี้ เขา ก็ได้ แต่กระดด เตะดิฉัน ไป 2-3 ครั้ง และ บอกว่า มึงเข้าบ้านไปเลยไป ดิฉัน ก็บอกว่า คดีเก่ายังอยู่น่ะ เขาบอกว่า กูไม่กลัวหรอก มึงก็เห็น กูไป รอบที่แล้ว กูก็ไม่กลัว ใจหนึ่ง ดิฉัน คิดว่า มีเรื่องถึงขั้นนี้ ถ้า ตำรวจ ทำอะไรไม่ได้จริงๆ แล้ว เราเห็นจะต้องปกป้องตัวเองเสียแล้ว พอเข้าบ้าน ดิฉัน ก็เห็นว่า หน้าแข้ง ดิฉันบวม ปูดเป็นลูกมะกรูด และ ดิฉันก็โทรหา ลูก ดิฉันให้ขับรถ กลับบ้าน เพราะ ดิฉัน มีเรื่อง กับ หนุ่มข้างบ้านอีก และก็โทรหาลูก คนเล็ก อีก เป็นว่า ทุกๆคน เริ่มอึดอัด กับการกระทำ ของหนุ่มข้างบ้าน พอลูกดิฉัน มาถึง ดิฉันก้ไป แจ้งความ และ ตำรวจส่งไปตรวจ ที่โรงพยาบาล และ กลับมาลงบันทึกประจำวัน ดิฉันก็ถามร้อยเวร เขาก็บอกว่า แค่ปรับ เท่านั้น ดิฉันก็เลย แจ้งว่า งั้นก็รอ รองผู้กำกับ ท่านก่อน เพื่อ ถามว่า ดิฉัน ทำอะไร ได้บ้าง และ ท่านก็เข้าเวร ในวันที่ 17 นี้ ช่วงที่ ดิฉัน ดำเนินการต่างๆ ลูกคนเล็ก ดิฉันก็โทรถาม ตลอก ว่าดิฉันเป็น อย่างไรบ้าง และ ดิฉันก็รู้ ว่า เขาบ้านเพื่อน เพื่อไป เอา ปืน มา ดิฉันก็บอกว่า ไม่ต้องลูก รอ ท่านรอง ก่อนว่า ่าน จะพูด อย่างไร ส่วนดิฉัน ก็พกพา อาวุธ บ้าง เพราะ เป็นผู้หญิง ที่กลับบ้านดีก บ่อยๆ คิดดูสภาพ เถอะ ทุกคน อยู่ในสภาพ ไม่ไหว กันยหมด ลูก 2 คน ก็เริ่ม ไม่ทน อดีตสามีรู้ ก็บอกว่า เดียวเตรียมไปเอาเรื่องมัน แต่ เราไม่รู้ว่า บ้านเขาอยู่ไหน ที่นี่ เป็นบ้าน พ่อแม่เขา นานๆ มาที หลังจากกลับบ้าน ดิฉัน ก็อยู่คนเดียว แอบร้องให้ ว่า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ลูกๆ ดิฉัน จะเสียคน เพราะ คนๆ เดียว หรือ ยังไง ดิฉันก็ไม่ยอม ให้ลุก ดิฉัน ทำอะไร แน่นอน วันที่ ดิฉัน มีปัญหา มากมาย ดิฉัน ไม่มีแม่ ให้ ต้องมานั่งฟัง เรื่องราว ของ ดิฉัน ปรึกษาใครก็ไม่ได้ เนื่องจาก ที่หลายท่านได้ อ่านมา ดิฉัน ต้องแกร่งมาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉัน ก็ยัง เป็นผู้หญิง เหมือนๆ คนอื่น แม่ คนหนึ่ง ที่พยายาม ทำเพื่อลูกมาตลอด จะเหนื่อยอย่างไร ก็ไม่เคยบ่น ดิฉัน ต้อง แอบร้องให้ คนเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่า เกิด อะไร หนักหนา กับชีวิต ดิฉัน รู้มาตลอดว่า ช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่จะแสนสาหัส และ ดูเหมือน ปัญหา ต่างๆ ถาโดถม เข้ามายังไม่หยุด

    ใครก็ตาม ที่อ่าน กระทู้ ของ ดิฉัน ดิฉัน อยาก ถาม ว่า ทั้งหมด เนี่ย ใครผิด

    หรือ เรา ผิด ที่ดันซื้อ บ้าน ที่มีเพื่อนบ้านไม่ไดี หรือ ผิด ที่เกิดมา มี วิบากกกรม หรือ อะไร กันแน่ ดิฉัน เริ่ม ตั้งคำถามมมากมาย ให้กับตัวเองแล้วค่ะ เรื่องนี้ ยังไม่รู้ ว่าจะจบ อย่างไรค่ะ แต่ ดิฉีน เตรียมใจ ไว้แล้ว ถ้า กฎหมาย ทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้ามีปัญหา ดิฉัน ก็ขอแลก แล้ว ล่ะค่ะ ดิฉันก็เริ่ม ที่จะ ท้อ กับชีวิต เช่นกันค่ะ

    ยังไม่จบน่ะค่ะ ยังมี อีก 2 เรื่อง ค่ะ ลองคิดดูซิค่ะ แสนสาหัส ตาม ดวงหรือไม่ อ่านดีๆ น่ะค่ะ ดิฉัน คิดว่า จะส่งราว ของดิฉัน ไปตาม รายการ TV หลังจากเขียนอีก 2 เรื่องค่ะ มิได้ อยากเด่น อยากดังเลย แต่ อยากให้คนรู้ ว่า ดิฉํน เจอ เหตุการณ์ อะไร มากมาย จน ดิฉัน เอง ยังเหลือเชื่อ เรื่อง ของ ตัวเองเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...