เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

อันที่จริง..สินค้า กระจุ๊ก กระจิก..ของญี่ปุ่น มี บริษัทในไทย สั่งเข้ามาขาย กระจายไป
ไปทั่ว ศูนย์การค้าใหญ่ๆๆ..ทำเป็นซุ้มขายกระจาย...ใครซื้อมาฝาก จาก ญี่ปุ่น..จะ
เอามะพร้าวมาขายสวน...โต้โผใหญ่..น่าจะเป็น บริษัทในเครื่อ สหพํฒน์..ที่ ค้าขายกับ
ญี่ปุ่น มานานแล้ว

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ (ต่อ)
บนเส้นทางสู่ ปราสาทสด๊คก๊กธม
....................................................

ออกจาก ปราจีน ..ก็มุ่งต่อทิศตะวันออก..นั่นคือ สระแก้ว
ประมาณ เที่ยงเศษ..เรามาถึง อ.วัฒนานครท้องเริ่มร้อง..
จึงต้องวนรถ หา ร้านอาหาร

ในขบวนสมาชิก ที่ไปด้วย..คงจะเคยมาบ่อย..เลยแนะนำ ร้านให้
ผ่านมาทางร้าน..โอ้โฮ..รถ จอด กัน เต็ม
มีทั้งรถ บัส และรถตู้ 6-7ขนาดจุ 9-10 คน จอด คันเรียงราย
ลงไปเดิน..ก็พบว่า เป็น ร้าน อาหารเวียตนาม..
จำชื่อไม่ได้ ว่า "ร้านเจ๊ตุ๊ก "...หรือ เปล่า

เท่้าที่เคย ผ่านและแวะกิน ใน กทม..อย่างมาก ก็ ห้อง สอง ห้อง คูหา
ผู้คน 8-10 คน...แต่ร้านนี้ กว้างขวางมาก มี ทั้ง ธรรมดา ลมโกรก และ ติดแอร์
มองไป ทั่ว..ผู้ คนลูกค้า ประมาณ 150-200 คน....มากอะไร ขนาด นั้น

ตอนเราไป ห้อง แอร์ เต็ม หมด แล้ว...ก็เลยได้ ห้อง ลมโกรก
ได้ลมโกรก ก็ ดี ..เพราะ นั่งมาตลอดทาง..รถเราติดแอร์..ไม่ีมีก็ดี

.......................................................................

 

นั่งๆๆรอ อาหาร...สังเกตุ สิ่งผิด ปกติ อย่าง คือ ผู้ คนเป็น ร้อย พากัน นั่งเงียบ
แทบไม่ได้ ยินเสียง..ถ้า ที่อื่น..คงจะคุยกัน แบบ นก กระจอก นอก รัง

มีแต่เสียง พนักงาน ที่ มากกว่า 10 คน...พากันเดิน วิ่ง เสริฟ คนที่มากมายเกิน
.ในครัวที่อยู่ด้านหน้า ร้านตะโกน สั่งยก อาหาร สับโขก อาหารเตรียมทำ
เจี๊ยวจ๊าว ไป หมด..เรานั่งใกล้ หน่วยทำ ครัว..มันดังอยู่แล้ว..ก็นั่งเงียบๆๆ

พอดี คนขับรถที่เราเช่ามา เล่าให้ ฟัง ว่า
พวกรถตู้ รถ บัส ที่ มาจอด..มาจาก ปอยเป็ต..ส่วนใหญ่ จะมาจาก กทม
เขาจะมีบริการรถ จาก วงเวียนใหญ่..อนุสาวรีย์..ไปยัง ปอยเป็ต กำพูชา

เป็นการบริืการฟรี ทั้ง ค่ารถ ค่า อาหาร ค่า ที่ พัก ฟรี
ลองคิดดู..ค่าใช้จ่าย ต่อ หัว..คนละไม่เกิน3000.-บาท
แต่คนที่มาเล่นการพนัน..อย่างน้อย ก็ นำเงินมา
ตั้ง แต่หลัก หมื่น แสน และล้าน..คุ้มอยู่แล้ว

ใน 100 คน ที่ ไป ปอยเป็ต มี สัก กี่คนที่เล่นได้
กว่า 90 %.เสียทั้งนั้น..หมด ตัว แล้ว ขากลับก็ พากลับ
บริการฟรี เพื่อ เอาใจ..เมื่อมาถึงที่ ร้านนี้..เป็นชุมทาง ขากลับ
และเวลาใกล้ เที่ยง ร้านจึง แน่นกว่า ปกติ

ถ้าจะว่า ไป..อาหารร้านนี้ รสชาติ ค่อน ข้างดี อร่อย.
.หรือ ว่า พวกเราหิวก็ไม่รู้.... ซิ...ตอนเช้าเล่นแต่ข้าวมันไก่
ส่วนที่ แพ้พนันบ่อน หมดตัว...คงกินไป..กัด กรามไป
ไม่รู้รส..รู้ชาด..ว่า ของ เขาอร่อย แค่ไหน

"วันนี้ ไม่ใช่วันกู...วันหน้า กูจะมาเอาคืน..."

............................................................................
(มีต่อ)

 

สมัยรัชกาลที่ 4 และที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ลัทธิมหาอำนาจ ล่า อาณานิคม ระบาด ไป ทั่วโลก
ด้วยกองทัพเรือ และ อาวุธที่ี ทันสมัย
อังกฤษ มาทางทิศตะวันตก..ยึดได้ อินเดีย พม่า และมลายา
ฝรั่งเศส มาทาง ตะวันออก ได้ ลาว เวียตนาม และ กัมพูชา บางส่วน

แนวยุทธศาสตร์..การล่า อาณานิคม.
.อังกฤษ จะเอามาถึง แม่น้ำเจ้า พระยาฝั่งตะวันออก
ฝรั่งเศส จะเอามาถึง แม่น้ำ เจ้า พระยา ฝั่งตะวันออก

สยามเสีย กลันตัน ไทรบุรี ปลิส รวมทั้งเกาะ หมาก (ปีนัง)
ให้ อังกฤษไป เพื่อ แลก กับ สิทธิ นอกอาณาเขต..ในการขึ้นศาล

ฝรั่งเศสส่งเรือ รบ มาปิด ปาก แม่น้ำเจ้าพระยา..สู้รบกัน
ตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย..แต่ด้วยอาวุธ ที่เหนือ กว่า..สยามแพ้
ต้องเสีย ค่าปฏิมากรรมสงครามให้ ฝรั่งเศสมากมาย

ฝรั่งเศสจึงไป ยึด จังหวัด ตราด และ จันทบุรี
สยาม จึงต้องยอม เสีีย มณพล บุรพา
อันมี ศรีโสภณ พระตะบอง และ เสียมราช..ให้ ฝรั่งเศสไป
..................................................................

 

ร.5 พระองค์ เห็น อันตรายใกล้ ตัว..ทรงเห็นว่า เสียแขน ดีกว่า เสียตัว
สยามจึงต่อยๆๆถูกแทะ ไปเรื่อยๆๆ
ด้วย ลัทธิ ล่า อาณานิคม ของ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส

พระองค์ จึง ทรงมีวิเทศโยบาย ผูกมิตร กับ มหาประเทศ เพื่อ การถ่วงดุลย์
ได้ ทรง เสด็จประพาสยุโรบ สอง ครั้ง เป็น อย่างน้อย

ไป ผูกมิตร กับราชวง์ พระเจ้าซาร์ แห่ง รัสเซีย..มหาอำนาจยิ่งในขณะนั้น
ไปผูกมิตร กับ เยอรมัน กับราชวงศ์ ไกเซอร์
ซึ่งก็ได้ ผล ทำ ให้ อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส หยุดคุกคามสยาม ในทันที
ทำให้ ประเทศสยาม คง อยู่ แบบ แหว่งๆๆ มาได้ จนบัดนี้
...............................................................

 

ถึงแม้ ในสมัย ต้น รัตนโกสินทร์..ประเทศสยาม ยังไม่มี การสอน
วิชาเรื่องแผนที่ และ การรังวัด..การปักแนวเขต
เอาแค่เขตแนวธรรมชาติ เช่น แนวสันเขา แนวแม่น้ำ ลำคลอง..ฯลฯ

ในขณะที่ ฝรั่งเศส เจริญ รุ่งเรือง มาตั้ง นานกว่า 200 ปี ก่อนสยาม
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช..ขณะที่ ไทยส่ง ราชฑูต ไป ฝรั่งเศส
ไป เฝ้า พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14...ตอนนั้น มี การสร้าง พระราชวังแวร์ซาย
เสร็จ เรียบร้อยแล้ว...แสดงว่า วิชา แผนที่ การวางผัง การรังวัด ฝรั่งเศสไปไกลมาก

เมื่อมีการปักปันแนวเขต แบ่ง ศรีโสภณ พระตะบอง เสียมราชออกไป
ทีมนักรังวัด และ แผ่นที่ ฝรั่งเศส..ก็ลงสนาม..


ถึงตรงไหนที่ พบ ปราสาทขอม..ก็เลี้ยวเข้าไป..ผ่าปราสาท แบบตรึ่งๆๆ
เอาไว้ ก่อน ครึ่งหนึ่ง ที่หลังก็จะบังคับเอาได้ ด้วยอาธ ที่เหนือ กว่า บังคับเอา

พอดี ร.5 ใช้ กุศโลบาย ต่างประเทศ คบ รัซเชีย กับ เยอรมัน
ทำให้ หยุด การล่า อาณานิคมได้..
การปักปัน เขตแดน ก็ ค้างคา อยู่ อย่างนั้น
.................................................................

 

ในสมัย จอมพลสฤษอิ์ ธนะรัชต์ เป็น นายก รัฐมนตรี
เขมรเอาเรื่อง เขาพระวิหาร ขึ้นศาลโลก..ซึ่งตั้งอยู่ที่ กรุงเฮก
ประเทศ เนเธอร์แลนด์...มี พวกฝรั่ง เป็น อนุญาโตตุลาการ

ข้าพเจ้าจำได้ ว่า มีการเรี่ยไร นักเรียน คนละ
โดยทนายฝ่ายไทย ตือ มรว.เสีนีย์ ปราโมช

ในที่สุดในการต่อ สู้ ไทยแพ้ เพราะ ตุลาการ เป็น ฝรั่ง
เข้าข้างฝรั่งเศสที่เป็น กุนซือ..ค้นหาแผนที่เก่า ที่ ทหารฝรั่งเศสได้ทำไว้
ตั้งแต่ ร.5..ที่ ฝ่ายไทย..ไม่รู้เรื่อง แผนที่

เพราะ มั่นใจว่า เป็น ของไทย..จะขึ้นต้องมาทางไทย...เชมรขึ้นมาไม่ได้
...........................................................................

 

เพราะ ฝ่ายรังวัดฝรั่งเศส ทำ แผนผังรังวัดไว้ แบบ หมกเม็ด..
คือ ผ่า ครึ่ง ปราสาทเขาพระวิหาร
ทำให้ ส่วนปราสาท ลอยอยู่ในชง่อนสูง..เข้าไป ยังเขมรต่ำ
ส่วนแนวรางน้ำ อยู่ตรงทางเข้า ปราทพอดี..อยู่ในประเทศไทย

เหมือนกับว่า ตัวประตู ที่ ว่า เป็น ของ ไทย
ขณะนี้ จึงเกิด กรณี พิพาท.อย่าง พื้นที่ ทับซ้อน ที่ วุ่นวายกันในขณะนี้
นี่เป็น ตัวอย่างแรกที่ มีการแย่ง สิทธิ์กัน
................................................................

 

ที่ยังคงมีแบบ ลากเส้นผ่ากลาง ปราสาท
คือ ปราสท ตาเมียนธม.. ปราสาทตาควาย
ที่ แต่ละปราสาท มีทหารเขมร กับ ไทย ดูกันคนละตรึ่ง

โชคดี นะ ที่ ปราสาทเขาพนมรุ้ง ลึกเกินเข้ามาในแดนไทย..
ช่างรางวัด ฝรั่ง เอื้อมมาไม่ถึง
ปราสาท สด๊คก๊กธม ก็อยู่ใกล้ ชิด พรมแดน ไทย เขมร
ไม่รู้ว่า วันนหน้า จะวุ่นวายหรือ เปล่า

เราจึงต้อง ไป เส้นทางสู่ สด๊คก๊กธม..เพราะเหตุนี้
...........................................................

 

ขอบคุณค่าอาจารย์ อุตส่าห์พิมพ์ก่อนไปญี่ปุ่น วันเดียวพิมพ์ให้อ่านยาวเลย
เดินทางปลอดภัย ไม่แพ้อากาศ นอนหลับสบายนะคะ
รออ่านเรื่องเล่าญี่ปุ่นต่อ (เรื่องสด๊คก๊กธม ยังไม่จบ อิอิ )

 

ก่อนขึ้นเครื่อง ยังพอมีเวลาเขียน..ตั่งใจจะให้จบก่อน ผีญี่ปุ่นมา
..................................................................
ในยุคกว่า 1 พันปี ที่ ผ่านมา..แถวๆๆสุวรรณ๓ูมิ มีผู้คนน้อยมาก
ทางตะวันตก มี พวก พยูห์ หรือ ชนพม่าโบราณ อยู่ทาง ตอนเหนือ
ค่อยๆๆอพยพลงมาทางใต้..โจมตี ยึดครองเมือง ของ มอญ
ยึดหงสาวดี ของ มอญไว้ได้...และ พยูห์ก็ใช้ หงสาวดี
เป็นฐานในการตี กรุงศรีอยุทธา ของ สยามแตกไป 2 ครั้ง
.......................................................................
ทางเหนือ ทางน่านเจ้า สิบสองปันนา..ไทยน้อย ค่อยๆๆ หนี ภัยลงมา
จนมาตั้งเป็นเมือง ครั้งแรก คือ ยุค กรุงสุโขทัย

ในยุคนั้น ขอม มีอำนาจมาก..แผ่มาถึง ลพบุรี..และเข้าไปแตะ กรุงสุโขทัย
พอดี ขอม สมัย นั้น เป็น ยุค ราชวงศ์ สุรียวรมัน..มีอำนาจ
จึงมีการ..ผ่องถ่ายอำนาจ โดยการแต่ง งาน ของ ราชวงศ์ทั้งสอง ฝ่าย
จึงไม่มีการ สู้รบต่อกัน..ระหว่าง สุโขทัย กับ ขอม

ทางด้านตะวันออกไกล สุด คือ จาม หรือ เวียตนามโบราณ
จาม กับ ขอบ รบกัน ตลอด..กรุงสุโขทัย ส่ง กอง ทหาร
ไป ช่วยขอม รบกับ จาม..ดังจะเห็น จาก รูป แกะสลัก ในนครวัด
ที่ เห็นแถวทหารสยาม..ตั้งแถว แนวรบ
.......................................................................

 

ในสมัย รัชกาล ที่ 2 ต่อ ที่ 3...มณฑลบุรพา ศรีโสภณ พระตะบอง และ เสียม ราช
เป็น ของ สยาม...เป็นที่รู้กันว่า ที่ เสียมราช มี ซาก หิน สลักหักพัง ของ นครโบราณ
โบราณ ที่ ล้ม ลงมากอง เนื่อง จากแผ่นดินไหว

รัชกาลที่ 2 ได้ให้ กองหมู่ คณะ ประมาณ 200 คน
ไป ศึก ษา หาทาง ขนย้าย กองหิน มายัง กรุงเทพ
จากการศึกษา พบ ว่า เป็น ไปได้ ยาก..จึงล้มเลิก การขนย้าย

ปล่อยให้ รกร้าง ไป ตามเดิม
ต่อมากว่า 100 ปี มี ฝรั่งนักโบราณคดี ชาวฝรั่งเศส เ้ดิน ทางสำรวจ
พบ นครธม และ นครวัด..ที่มีต้นไม้ใหญ่ อายุ นับ ร้อยปี ขึ้น ปกคลุม
จึงนำมาเผยแพร่ให้ โลก ได้ รู้....นครวัดก็เลยดัง มาตั้งแต่บัดนั้น
..........................................................................

 

เขาพระวิหาร ศรีษะเกศ...ที่เป็น ชง่อนผา ลอยในอากาศ เข้าไปในเขตเขมรต่ำ
ไม่มีทางขึ้น...ต้องเดินเข้าทางฝั่งไทย..ผ่านเขาอีมอ
ที่เคยไป สำรวจทางจิต และ โบราณคดี..เมื่อ กว่า 10 ปี ที่แล้ว

พบว่า เป็น วิหารค่อนข้างใหญ่..หินที่ สร้าง เป็น อาคารและ ปรางค์
และที่ปูทางเดิน ก็มีขนาดใหญ่...ฝีมือ หยาบมาก
เมื่อ เทียบกับ พิมาย และเขาพนมรุ้ง..ที่สร้างอย่า่งละเอียด และสวยงามกว่า มาก
ต้องคิดว่า ที่เรามีอยู่ ดี กว่าในด้านคุณภาพ และ ฝีมือ

ส่วนทางจิต วิญญาณ
พบว่า เทพ ที่ ประจำ อยู่..ก็จะอยู่ในพื้นที่..
ส่วนใหญ่ จะอยู่ที่ หน้า บัน เหนือ ประตูเข้าปรางค์
องค์ ท่าน ไม่เกี่ยวกับ ว่า สร้าง หยาบหรือ เลว..
ท่านก็ จะอยู่ ให้ผู้คนบูชา

สถานที่ใด ที่ไม่มีการบูชา..ต่อให้ ใหญ่ แค่ไหน ท่านก็จะไม่อยู่
..........................................................................

 

ติดตามอ่านของ อ. นี่ดีมาก ได้ความรุ้ทางประวัติศาสตร์ด้วย บางเรื่องเราลืม และบางเรื่องเรายังไม่รู้ คาราวะ อ. อีกหนึ่งจอกครับ เอิ๊ก ๆๆๆๆๆ

 

............................ว่าแต่ว่า องค์นี่ ท่านแรงจริง ๆ ครับ รัศมี สีม่วง แค่มองจากภาพ ก็เจิดจ้าครับ................อยากไปกราบองค์จริงจังเลยครับ..............

 

ดูดีๆๆๆๆ ใครหนอ ใส่เสื้อเขียวๆ
เล่นคีย์บอร์ดด้านหลังนะครับ เจ้านาย....
ขอให้ขายดีๆๆๆๆ นะครับ...



<embed src="http://embed.pleng.com/flash/player_emb.swf" type="application/x-shockwave-flash" flashvars="clip_id=00000003748&from=emb" quality="high" allowfullscreen="true" width="450" height="338">"><object width="450" height="338">

<embed src="http://embed.pleng.com/flash/player_emb.swf" type="application/x-shockwave-flash" flashvars="clip_id=00000003748&from=emb" quality="high" allowfullscreen="true" width="450" height="338"></object>

 

พี่ชยาหาเวลามาเขียนเรื่องเล่าบ้างนะคะ หลายคนรออ่านอยู่
อาจารย์สามตาไปต่างประเทศ คงไม่มีโอกาสล็อคอินมาเล่าสดๆแน่ ง่ะ ถ้าได้คงดีน้อ

 

นำภาพบ่อสระก้ว ,พระพุทธทราวดี ,ภาพลายพระหัต
มาเพิ่มเติมให้ครับ

 

ขอบคุณสำหรับรูปค่ะพี่เห็ดหอม ...
ว่าแต่ว่า สระแก้วนี่เวลาไม่มีน้ำ อย่างนะหน้าผาเลย กึ๋ย ถ้าเดินเลยหญ้าไป หัวโหม่งโลกเลยนะนั่น รึว่า เขาถ่ายให้น่ากลัวไปอย่างนั้นเอง

พอพูดถึง คำว่า ทวาราวดี ก็คิดถึง สมัยเรียนค่ะ ตอนเด็กเป็นคนที่เครดิตดีมากกกก(โตมาก็ดีนะ เขาเอาบัตรมาให้ทำแยะ 55555)
อาจารย์ใหญ่บอกเพื่อนนักเรียนหน้าเสาธงว่า ให้เอาอย่างด.ญ.ทะ-วา-รา-วะ-ดี (ฮือ...จะชมที เรียกซะเพื่อนไม่รู้ว่าเป็นใคร)
อาจารย์สามตาว่าื ชื่อเดิมไม่แรง เลยให้เป็น สุริยฉัตร หุๆ เพราะดีเนาะ

 

สระแก้วที่เห็นมีความลึกประมาณ 10 -15เมตรโดยประมาณ
ครับและขอบสระไม่มีอะไรเป็นผนังกั้นนะครับสุดสนามก็เป็นบ่อเลยครับ
สังเกตุจากตัวคุณ sid 2 ที่ยืนอยู่ปากบ่อครับ