นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ว่าแล้ว ก็ขอนำเสนอ วีรกรรม ของท่านหญิงการ์ฟิลด์ มิ่งขวัญของสมาคมพระนางบัวเกรียน
    แห่งหลุมดำไฮโซไซตี้ ซะหน่อย

    มาฟ้องอาเหล่าฮู 555
    ท่านหญิงการ์ฟิลด์ เป็นวีรสตรีท่านแรกที่โดนเว็บแอนตี้ละมุด แบนเป็นการถาวร
    เป็นคนแรกของเว็บนั้นเลยนะ แถมยัง ลบทุกโพสต์ออกอีกด้วย
    ไม่เหลือให้เป็นอนุสรณ์สถานใดๆเลย ไร้เมตตากรุณา ต่อสัตว์โลกตาบ้องแบ๊วส์ ซะจริงๆ ไม่ไหว
    เว็บซังกะบ๊วย 555

    แถมนะ ท่านหญิงการ์ฟิลด์ ยังมิสาแก่ใจ อุส่า เด็จไปสมัครที่เว็บดราม่า ไปตั้งกระทู้
    ออกมาดูโลกได้แค่ 2 ชม. ก็โดนมอดเว็บ มันแบนไอดี แล้วก็ ลบกาทู้ทิ้งอีก ช่างโหดร้าย
    ป่าเถื่อนกับสาวงามอันดับ1ของจักรวาลทางช้างเผือก ซะจริง

    โลกหนอโลก ทำไมถึงไร้ความเมตตาปราณี ขาดความเอ็นดูสัตว์โลกที่น่าร๊ากกกที่สุด
    ในจักรวาลนี้ไปได้อย่างไร

    แม๊....พูดถึงแล้ว ก็อดชื่นชมเจ้าหญิงยอดยิ่งมิ่งขวัญของสมาคมหลุมดำของเรามิได้
    จะหาใครทำได้เยี่ยงพระนาง มิมีอีกแล้ว ในจักรวาลโลกเบี้ยวๆ นี้ 555

    ช๊อบ ชอบ จริงๆ เรย วีรกรรมดีเด่นสะท้านยุทธภพ 555

    ปล.เกิดการเข้าใจผิดเล็กน้อย พระนางการ์ฟิลขอแก้ข่าวจิ๊ดนุง นะ
    [SIZE=-1]เออ แก้ข่าวจิ๊ดนุงส์ นะเจ้
    อิฉันปล่าวโดน เวบมาม่า แบนไอดี นะ
    ยังใช้ไอดีเดิม ไปโพสเพ่นพ่านแถวนั้นได้อยู่
    อิฉันแค่โดน โยนกาทู้เด้งเข้าโกดัง เฉย ๆ อ่ะ
    ( โกดัง เป็นสุสาน มาม่าแนวฮาร์ดคอร์
    ต้องบรรดาตัวพ่อตัวแม่ ในเวบมาม่าเท่านั้นจึงจะเข้าได้
    ( อาทิเช่น คุณจ่า ก๊ะ บรรดามอดแทะไม้ อิอิ )
    [/SIZE][SIZE=-1]ประมาณว่า มาม่า ที่อิฉันปรุงไปถวาย
    มันคงแซ่บหลายโคตร ๆ มั้ง
    พวกมอดมันเรยเกิดอาการ จี๊ดจ๊าดดด ยั้งใจไว้ไม่ไหว
    ต้องเอาไปเก็บไว้ในโกดัง
    งุบงิบไว้เสพเองง่ะ งิงิ


    นี่ ๆ ไว้ ครึ้ม ๆ พอกรึ่ม ๆ ก็ว่าจาเขียน
    " เดอะ เลตเตอร์ : จ.ม. เปิดผนึก
    ถึง คุณจ่าที่ร้ากก แล บรรดาทั่นมอด เอ๊ย ม็อด นักอุ้ม "


    ให้อ่านนะเจ้ อิการ์ฟิลด์ มันเกิด ไอเดียบรรเจิด อีกแระ
    สะกิดชวนยิก ๆ เรย บอกว่า

    เฮ่ย นู๋บีจะกัวอาไร๊ กะอีแค่เรื่องโดนยิงไอพี
    คอมพ์ที่ใช้ ไวรัสก็เพรียบ อยู่แระ
    เพิ่มมาอีกสักตัว จะเป็นไรไป
    ถ้ามันเดี้ยงเจง ๆ ค่อยไปหว่านเสน่ห์
    ออดอ้อนให้พี่ อ. ( แอดมินที่โรงบาล )
    มาช่วยแก้ปัญหาให้ก็ได้นิ
    ( ปกติเธอว์ก็ทำแบบนี้บ่อยๆ อยู่แร้ว นิ เหอ ๆ )


    นี่ ก็เรยหลงคารม
    ว่าจะลองพ่นน้ำหมาก
    ใส่แอดมินกะตัวมอด อีก จั๊ก ดอกส์
    ถ้าโพสกาทู้เมื่อไร จะมาบอกนะเอย งิงิ[/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2010
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พญาช้างผู้เสียสละ​

    นิทานชาดก จากพระไตรปิฎก
    บรรจบ บรรณรุจิ เรียบเรียง
    จัดพิมพ์โดย ธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม


    คนอกตัญญูเห็นแก่ได้
    แม้ใครยกแผ่นดินทั้งหมด
    ให้เขาครอบครอง
    ก็ไม่ทำให้เขาหยุดโลภได้


    บริเวณป่าหิมพานต์ มีช้างป่าอยู่โขลงหนึ่งจำนวนนับเป็นแสนเชือกอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
    ชาตินั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นช้างขาวปลอดทั้งตัวมองดูแล้วเหมือนกองเงิน ตาทั้งสองข้างกลมเหมือนก้อนแก้วมณีหน้าแดงระเรื่อเหมือนผ้ากัมพลแดง งวงยาวย้วยเหมือนพวงเงินที่ประดับด้วยหยดทองคำขาว เท้าทั้ง 4 แดงเหมือนทาด้วยน้ำครั่งและมีชื่อว่า “พญาสีลวะ” เนื่องจากเป็นช้างถือศีล พระเทวทัตเกิดเป็นพรานป่า
    พญาช้างสีลวะมีรูปร่างสวยงามมาก ถึงคราวเติบโตเป็นช้างหนุ่ม ก็มีช้าง 80,000 เชือกเป็นบริวารห้อมล้อม ต่อมาเกิดเพื่อหน่ายโขลงช้างที่รับผิดชอบดูแล จึงปลีกตัวไปอยู่ตามลำพัง
    ต่อมา มีพรานป่าชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งเดินทางไปบริเวณป่าหินพานต์เพื่อหาเก็บผักผลไม้และล่าสัตว์เลี้ยงชีพ เขาเดินไปเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่าลึก และจำไม่ได้ว่าทิศไหนเป็นทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ทิศเหนือ หรือทิศใต้ จึงหลงทางกลับเมืองพาราณสีไม่ถูก ตะวันคล้อยต่ำลงทุกขณะป่าที่มืดครึ้ม เริ่มหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น เขาหวาดกลับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเมื่อไม่เห็นทางที่จะช่วยตนเองได้ ก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่กลางป่านั้นเอง
    พญาช้างสีลวะได้ยินเสียงคร่ำครวญของพรานป่าแล้วเกิดสงสารคิดจะช่วยเขา จึงเดินตามเสียงเขามา และพบเขากำลังยืนร้องไห้คร่ำครวญดูน่าเวทนา
    “ชายคนนี้กำลังประสบทุกข์ เราจะต้องช่วยเขา”
    พญาช้างคิด พลางค่อยๆ เดินเข้าไปหาพรานป่า

    ฝ่ายพรานป่าเห็นพญาช้างเดินมาใกล้ก็รู้สึกกลัวจึงถอยหนี พญาช้างเห็นพรานป่าถอยหนีก็หยุดยืนมองอยู่เฉยๆ พรานป่าเห็นช้างหยุดจึงหยุดบ้าง และขยับถอยหนีอีก เมื่อช้างขยับเดินเข้าหา พญาช้างเห็นพรานป่าถอยหนีก็หยุดยืนมองอยู่เฉยๆ อีก
    “เอ๊ะ...ช้างตัวนี้มีท่าทางแปลกประหลาดนัก” พรานป่าเริ่มคิดได้ “เวลาเราหนีมันกลับหยุด เวลาเราหยุดมันกลับเดินเข้ามาสงสัยจะมาช่วยเรา”
    ครั้งคิดได้ดังนี้ จึงรวบรวมความกล้ายืนคอยช้างซึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ทุกขณะ พญาช้างเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ แล้วส่ายสายตามองดูพรานป่าชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจึงถามไปว่า
    “ท่านผู้เจริญ ท่านเดินร้องไห้คร่ำครวญอยู่ทำไม”
    พรานป่ารู้สึกดีใจที่ได้ยินเสียงช้างถามอย่างอ่อนโยน จึงตอบไปว่า
    “พญาช้าง ข้าพเจ้าร้องไห้คร่ำครวญก็เพราะกลับบ้านไม่ถูก ข้าพเจ้าหลงทางหลงทิศ คงตายอยู่กลางป่านี้เองเป็นแน่”
    “ท่านมาจากไหน”
    “จากเมืองพาราณสี”
    “ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้จักหรอกว่าเมืองพาราณสีอยู่ที่ไหน แต่จะพาท่านออกไปให้พ้นป่าก็แล้วกัน จากนั้นท่านก็ค่อยหาทางกลับบ้านเอง”
    “ขอบคุณท่านมาก พญาช้าง”
    พญาช้างสีลวะ นอกจากแสดงความกรุณาจะพาพรานป่าไปส่งแล้ว ยังแสดงความเอื้อเฟื้อด้วยการให้พรานป่าขึ้นขี่หลังของงตนแล้วพาไปที่อยู่เลี้ยงน้ำและผลไม้อย่างอิ่มหมีพีมัน แล้วจึงพาออกมาส่งนอกเขตป่าหิมพานต์
    พญาช้างสีลวะชำนาญเส้นทางมาก เดินลัดเลาะภูเขาและป่าไม้มาได้ครึ่งวันก็ถึงบริเวณชายป่าหิมพานต์ แล้วค่อยๆ ย่อตัวลงเพื่อให้พรานป่าลงได้อย่างสะดวก เมื่อพรานป่าลงมายืนบนพื้นดินแล้ว พญาช้างสีลวะก็พูดขึ้นว่า
    “ท่านผู้เจริญ เลยป่านี้ไปหน่อยหนึ่งก็เป็นทางใหญ่ที่มนุษย์เดินไปมากัน ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทางสายนี้คงจะมีทางแยกไปเมืองพาราณสี”
    “ข้าพเจ้าช่วยท่านครั้งนี้มิได้หวังอะไรตอบแทน” ช้างพูดขึ้น “มีอยู่อย่างเดียวที่จะขอท่าน ท่านจะให้ข้าพเจ้าได้หรือเปล่า”
    “ท่านขออะไรว่ามาเลย”
    “ขอให้ท่านอย่าบอกเรื่องที่มาพบข้าพเจ้า และอย่าบอกเรื่องที่ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่”
    “เท่านี้เองหรือ” พรานป่าแสดงท่ารับคำขอร้องได้ “ได้ซี่ ข้าพเจ้าจะไม่บอกใครเลยถึงเรื่องที่มาพบท่านและเรื่องที่อยู่ของท่าน”
    “ขอบคุณท่านมาก” พญาช้างพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าป่าลึกไป
    ฝ่ายพรานป่า ตลอดเวลาที่นั่งหลังพญาช้างออกมาจากป่านั้น ก็คอยสังเกตหนทาง โดอาศัยภูเขาเล็กๆ และต้นไม้เป็นเครื่องหมาย
    “สักวันหนึ่งเราจะกลับมาอีก” เขาคิดอยู่ในใจ “ช้างตัวนี้งาสวย ถ้าใครต้องการซื้อเราจะมาตัดไปขาย”
    แม้จะรับปากกับพญาช้างแล้ว แต่พรานป่าก็ไม่เคยคิดจะรักษาสัจจะ เพราะคิดแต่เพียงว่าพญาช้างเป็นสัตว์ ดังนั้นเมื่อกลับไปถึงเมืองพาราณสีแล้ว วันหนึ่งขณะเดินทางไปตามท้องถนน เห็นพวกช่างงากำลังเอาช้างมาทำเป็นรูปแปลกๆ ก็พลันคิดถึงพญาช้างสีลวะ เขาจึงเดินเข้าไปถามพวกช่างงาว่า
    “ท่านอยากได้งาช้างเป็นกันไหม”
    “พูดเป็นเล่นไป” พวกช่างงาแสดงท่าทางอยากได้
    “งาช้างเป็นมีค่ามากกว่างาช้างตายอีก”
    “ถ้าพวกท่านอยากได้ ข้าพเจ้าจะไปหามาให้”
    “ไปเอามาเลย เอามาเดี๋ยวนี้ได้ยิ่งดี”
    เมื่อพวกช่างงายืนยันว่ารับซื้อแน่นอน พรานป่าก็รีบกลับมาบ้าน เตรียมเลื่อยเหล็กและเสบียง แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปป่าหิมพานต์ที่อยู่ของพญาช้างสีลวะทันที เขาชำนาญการเดินทางและจำเครื่องหมายได้ดี เดินทางอยู่ไม่กี่วันก็ไปถึงที่อยู่ของพญาช้าง
    “ท่านผู้เจริญ ท่านกลับมาทำไมล่ะ” พญาช้างสีลวะถามเขา ซึ่งบัดนี้มายืนอยู่เบื้องหน้า
    “พญาช้าง” พรานป่าตอบละล่ำ
    “ข้าพเจ้ามาหาท่านนั่นแหละ”
    “มีเรื่องอะไรหรือ”
    “พญาช้าง ข้าพเจ้าเป็นคนจน อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง แถมยังหากินฝืดเคือง มาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาของาท่านสักสองท่อนเพื่อเอาไปขาย”
    “ได้ ถ้างาของข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านเลี้ยงชีวิตอยู่ได้”
    “พญาช้างสีลวะพูดด้วยความเต็มใจ จากนั้นก็หมอบลง

    พรานป่าดีใจมากที่จะได้งาช้างเป็นไปขาย ซึ่งจะทำให้เขาได้ราคางาม จึงรีบเอาเลื่อยออกมาเลื่อยตรงบริเวณส่วนปลายงาทั้งสองข้าง ทันทีที่งาขาดตกลงถึงพื้นดิน พญาช้างสีลวะก็เอางวงจับงาทั้งสองนั้นขึ้นมาทำไว้แน่นพร้อมกับกล่าวว่า
    “ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าให้งาทั้งสองนี้แก่ท่าน ไม่ใช่เพราะว่าข้าพเจ้าไม่รัก ตรงกันข้าม ข้าพเจ้ารักมันมาก เพราะมันทำให้เรือนร่างของข้าพเจ้าสวยงาม แต่ยังมีงาอีกชนิดหนึ่งที่ข้าพเจ้ารักยิ่งกว่า เพราะเป็นงาที่จะทำให้ข้าพเจ้าได้รู้แจ้งธรรมทั้งปวง นั่นคือ พระสัพพัญญุตญาณ และยังช่วยโลกให้พ้นจากความทุกข์ได้อย่างใหญ่หลวง

    ครั้งแล้ว พญาช้างสีลวะก็ชูงวงตั้งจิตปรารถนาขอให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แล้วยื่นงาให้พรานป่ารับไป
    พรานป่าได้งาแล้วก็รีบเดินทางกลับไปเมืองพาราณสี นำงาช้างไปขายให้พวกช่างงาได้ราคางามมากทีเดียว เขาเป็นอยู่อย่างสุขสบายได้ระยะหนึ่ง เงินก็หมด จึงเดินทางกลับมาขอตัดงาส่วนที่ยังเหลืออีก
    “พญาช้าง งาสองท่อนที่ท่านให้ไปขายได้ราคาเพียงแค่ใช้หนี้เท่านั้น ข้าพเจ้ามาครั้งนี้ก็เพื่อจะมาของาที่ยังเหลือไปขายอีก” พรานป่าโอดครวญ
    “เชิญท่านตัดเลย” พญาช้างสีลวะบอกพรานป่า พลางหมอบลง
    พรานป่าก็ตัดเอางาไปอีก 2 ท่อน รายได้จากงา 2 ท่อนนั้นช่วยให้เขาเป็นอยู่อย่างสบายได้ระยะหนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับมาขอตัดงาส่วนที่ยังเหลืออยู่อีก จนครั้งสุดท้ายมาขอตัดเอาโคนงาส่วนที่ยังฝังอยู่ในเนื้อ
    “เชิญตัดเลย” พญาช้างสีลวะเสียสละให้เหมือนอย่างเคย
    พรานป่ารีบเหยียบงวงแล้วปีนขึ้นไปเหยียบกระพองแล้วเอาสันเท้ากระทืบไปที่ปลายงาทั้งสองที่เหลือกุดอยู่จนเนื้อฉีกมองเห็นโคนงา จากนั้นจึงลงมาเอาเลื่อยแล้วปีนขึ้นไปตัดจนขาด
    ครั้นได้ตามต้องการแล้วก็รีบจากไปด้วยความดีใจ
    ขณะที่เขาเดินจากพญาช้างสีลวะไปด้วยความดีใจนั้น ก็พลันเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น คือ แผ่นดินตรงที่เขาเดินอยู่นั้น ได้แยกออกแล้วสูญเขาจมหายไป แล้วทันใดนั้นเองก็มีเปลวไฟจากอเวจีมหานครลุกท่วมร่างของเขาแดงฉาบเหมือนห่มคลุมด้วยผ้าสีแดง
    เทวดาตนหนึ่งสถิตอยู่บริเวณป่านั้น เห็นพฤติกรรมของพรานป่ามาตลอดจนกระทั่งถึงเวลาที่ถูกแผ่นดินสูบ จึงพูดขึ้นเสียงดังว่า “คนอกตัญญูเห็นแก่ได้ แม้ใครยกแผ่นดินทั้งหมดให้เขาครอบครอง ก็ไม่ทำให้เขาหยุดโลภได้”
    ฝ่ายพญาช้างสีลวะ แม้บัดนี้จะไม่มีงาแล้ว แต่ก็สู้ข่มความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน โดยมิได้เจ็บแค้นพรานป่าเลยแม้แต่น้อยแล้วล้มไปเมื่อถึงอายุขัย

    ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

    คนอกตัญญูนั้น แม้ตอนแรกจะดูรุ่งเรือง แต่สุดท้ายก็จะพบกับความวิบัติ เหมือนพรานป่าอกตัญญูต่อพญาช้างสีลวะแล้วพบกับความวิบัติ ฉะนั้น

     
  3. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    5!

    จินๆน่ะรึ
    แอนตี้ละมุดอีแบนสหายเฒ่าของเรารึ
    แล้วทำไมถึงแอนตี้ละมุด ดีนะที่เป็นละมุด

    (แอนตี้ละมุดก็ยังพอมีลำไย มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟัก แฟง แตงโม ไชโย โห่ฮิ้ว..........อ่ะ)

    สหายในนุ๊นที่จินเหล่าฮูเชื่อว่าเค้ามีความปราถนาดีนะ เชื่อมากๆ
    และว่าจะไปเที่ยวสมาคมกะเค้าด้วยซ้ำ สอบถามแก้สงสัยบางประการ
    แต่ไหงมาแบนป้าๆได้ล่ะ
    (ที่จินเค้าน่าจะรู้จักกันมานานด้วยซ้ำมะใช่รึ ประหลาดจินๆ อย่างอาเกิด อาซับซ้น อะไรเนี่ย ประมาณสหายคุ้นๆทั้งนั้นนี่นา)

    แต่ไม่ได้ติดตามมานาน เลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพียงเคยเห็นพวกไม่ชอบละมุดเค้าตอบเจืออารมณ์โกรธไปนิด แต่เข้าใจในสิ่งที่เค้าพยายามสื่อ
    (เหล่าฮูเคยเป็นแบบเค้าหล่ะตอนนุ๊น เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว เหนื่อยเปล่า)


    แต่หากใช้อารมณ์มากไป ใครเข้าไปแล้วมีข้อขัดข้องมีหวังแบนแต๊ดแต๋ แล้วจะคุยกันรู้เรื่องได้ไง แล้วนี่ดันไปลบข้อความทิ้งซะอีก เลยเป็นอันไม่รู้กันว่าคุยอะไรกัน หมดหนุก

    ไม่ชอบให้เค้าลบ อุตส่าห์ไปเปิดเว็บไว้เผยข้อมูล แต่กลับมาลบคนอื่นซะเองแบบนี้

    เสียดาย เสียดายจินๆ เลยติดภาพลบเพราะชอบลบไปด้วย

    เจตนาที่คิดว่าเค้าตั้งใจดี โสงสัยต้องถอยกรูดไปตั้งหลักดูห่างๆสักหน่อยน่ะ ต้องขึ้นปัญญาปราสาท
    ขืนเข้าไปคงพูดได้สักแอะสองแอะ เค้าคงลบ เสร็จแล้วเผาพริกเผาเกลืออวยพรให้ด้วย

    ว่าแต่ อาป้าการ์ฟิลด์เค้าหายไปจากยุทธภพพักใหญ่ เห็นว่าปฎิบัติมีความก้าวหน้าดี เลยคิดว่า เฝ้่ารออาป้ามาเล่า เผื่อมีทีเด็ดมาเผื่อแผ่มั่งจากการปฎิบัติ เลยรอดูเงียบๆน่ะ

    อย่ากระนั้นเลย จำเราจะต้องย้อนไปดูแอนตี้ละมุดซักหน่อย มะแน่เค้าอาจชอบมะกอกก็ได้

    หึๆๆ
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอ้า ไปช่วยซ้ำเติม เอ๊ย ไปช่วยปลอบประโลมขวัญ พระนางการ์ฟิลด์ ได้ที่
    พระราชวัง รังนู๋ราชนิเวช ตามสะดวกเน้อ (นางหนองพะโอด มาช่วยเรียกแขก 555)

    http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=kitisako&id=170

    เรื่องอื้อฉาวววววว ของคุณป้าบัวเกรียน
    กับการติดโทษแบน 4 เวบ รวดดดด


    ไอ้พวกมอด มัน ม่ะให้โพสในเวบดราม่า
    ตรูเอามาโพสที่รังหนู ก็ได้ฟระ
    ลองอ่านดูนะเจ้ เผื่อจะลู้ว่า อะไรคือเหตุปัจจัย
    ให้อิฉันโดน เวบ แอนตี้ ฯ แบน
    สงสัยมันกัวโดน หมาบร้าาา อย่างอิฉันกัด เหอ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    5!

    จินๆน่ะรึ
    แอนตี้ละมุดอีแบนสหายเฒ่าของเรารึ
    แล้วทำไมถึงแอนตี้ละมุด ดีนะที่เป็นละมุด
    +++++++++++

    แหะ แหะ

    ไขข้อข้องใจ เรื่องของละมุด
    ละมุด เป็นศัพท์แสลง หมายถึงคนเมาเหล้ากลิ่นปากจะเหม็นกลิ่นเหล้า
    แล้วมีคนเรียกกลิ่นนั้นว่าละมุด ก็เลยกลายเป็นว่า ละมุด = กลิ่นของคนเมาเหล้า

    ก็ไม่อยากเรียกชื่อเว็บเขาตรงๆ ให้เป็นอัปมงคล ง่ะ
    ชื่อเว็บ ไม่เป็นมงคล การไปข้องเกี่ยวอาจทำให้ตัวอัปมงคลมาเกาะเอาได้
    เห็นว่าละมุด ก็พอจะใกล้เคียง ก็เลยกล้อมแกล้ม เรียกมั่วๆไปงั้นแหละ
    อีกอย่าง ชื่อก็ค่อยเป็นมงคลขึ้นมาหน่อย แอนตี้ละมุด หมายถึง ไม่เอาของมอมเมาไง

    ที่มาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ
     
  6. ไข่น้อย

    ไข่น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +348
    เข้าไปเห็นแล้วฮา
    เคยบอกว่าไม่มีการลบ
    ไหงดันแบนและลบป้าบัวเกรียนซะได้ อิอิ
    ...
    “เอกา อิร วคฺคุลี” ยังมีค้างคาวตัวหนึ่ง แลเห็นต้นมะทรางมีกิ่ง ๕ กิ่งก็ดีใจ สำคัญว่าต้นไม้อันนั้นเห็นทีจะมีดอกมีผลบริบูรณ์หนักหนา อาตมะจะไปจับอยู่ที่ต้นไม้ต้นนั้นเถิด เพลาราตรีวันนี้อาตมะจะได้บริโภคซึ่งดอกแลผลตามความปราถนา ดำริฉะนี้แล้วก็บินไปจับอยู่ที่ต้นมะทรางอันมีกิ่ง ๕ กิ่ง ครั้นเพลาราตีนั้นก็บินออกจากที่อันตนจับอยู่ลูบดูกิ่งอันหนึ่งก็ไม่เห็นดอก ผลที่ตนควรจะถือเอาเป็นอาหารนั้น จะมีแต่สักหน่อยหนึ่งหาบ่มิได้ค้างคาวจึงบินไปลูบดูกิ่งอันเป็นคำรบ ๒ นั้นเล่า ก็เปล่าไปไม่เห็นดอกแลผลอันใดอันหนึ่ง ค้างคาวจึงบินไปลูบดูกิ่งเป็นคำรบ ๓ คำรบ ๔ คำรบ ๕ นั้นเล่า ก็เปล่าไปไม่เห็นผลอันใดอันหนึ่ง ที่ตนควรจะถือเอาเป็นอาหาร ค้างคาวนั้นก็มาดำริว่าอนิจจาเอ๋ย อาตมานี้เฝ้าอยู่ที่ต้นไม้นี้วันหนึ่งยันค่ำคิดว่าจะได้รับประทานอาหารอันใด อันหนึ่งบ้าง มิรู้ก็เฝ้าเล่นเปล่า ๆ ทีเดียวไม่ได้ดอกไม่ได้ผลสักหน่อย ก็อาตมาจะมาเฝ้าอยู่ที่ต้นไม้ต้นนี้ จะต้องการอันใดเล่าอาตมาจะไปสู่ต้นไม้ต้นอื่นเถิดดำริฉะนี้แล้วค้างคาวนั้น จึงสละละเสียซึ่งอาลัยในต้นไม้นั้นแล้ว ก็บินขึ้นไปสู่กิ่งยอดแหวนดูเบื้องบนแล้ว ก็บินไปในอากาศไปจับในต้นไม้ต้นอื่นที่มีผล “ยถา” อันนี้แลมีอุปมาฉันใดอุปไมยดังพระโยคาพจรเจ้าอันจำเริญซึ่งวิปัสสนาญาณแล้ว แลได้ซึ่งมรรคแลผล แลพระโยคาพจรนั้นเปรียบเหมือนดังค้างคาว ต้นมะทรางอันมีกิ่งนั้นเปรียบเหมือนเบญขันธ์ทั้งห้า ขณะเมื่อค้างคาวบินไปจับอยู่ในต้นไม้มะทรางด้วยสำคัญว่าจะได้รับประทานดอกแล ผลเป็นอาหารนั้น เปรียบเหมือนดังว่าพระโยคาพจรอันมีปัญญายังมิได้แก่กล้า ยังสำคัญอยู่ในขันธ์ทั้ง ๕ ว่าเป็นตน ว่าเป็นของแห่งอาตมา ขณะเมื่อค้างคาวบินออกจากที่ตนจับดูซึ่งกิ่งมะทรางอันเป็นปฐม แลมิได้เห็นดอกแลผลอันใดอันหนึ่งที่ควรถือเอาเป็นอาหารนั้น เปรียบดุจพระโยคาพจรอันพิจารณาซึ่งรูปขันธ์นั้นหาแก่นสารบ่มิได้ ไม่เป็นผลประโยชญ์อันใดอันหนึ่งขณะเมื่อค้างคาวลูบดูกิ่งอันเป็นคำรบ ๒ คำรบ ๓ คำรบ ๔ คำรบ ๕ แลเห็นว่าหาดอกหาผลมิได้นั้นเปรียบดุจพระโยคาพจรอันพิจารณาเห็นซึ่งเวทนา ขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ว่าหาแก่นสารบ่มิได้ ไม่เป็นผลไม่เป็นประโยชญ์ ขณะเมื่อค้างคาวสละละเสียซึ่งอาลัยในต้นมะทราง มิได้ปรารถนาที่จะอยู่ในต้นมะทรางนั้น เปรียบดังพระโยคาพจรอันได้ซึ่งมุญจิตุกามยตาญาณ แลปฏิสังขาญาณ แลปฏิสังขารุเบกขาญาณ แลปรารถนาจะไปให้พ้นจากสังขาร คิดอ่านอุบายจะไปให้พ้นจากสังขารเป็นอุเบกขา มัธยัสถ์มิได้เอื้อเฟื้ออยู่ในสังขารธรรมทั้งหลายนั้น

    ขณะเมื่อค้างคาวบินไปสู่กิ่งยอดกิ่งตรงขึ้นไปนั้น เปรียบประดุจพระโยคาพจรอันได้อนุโลมชวนะ

    ขณะเมื่อค้างคาวแหงนดูในเบื้องบนอากาศนั้น เปรียบดุจพระโยคาพจรอันได้ซึ่งโคตรภูชวนะ

    ขณะเมื่อค้างคาวบินไปในอากาศนั้น เปรียบประดุจพระโยคาพจรอันได้ซึ่งมรรคญาณ

    ขณะเมื่อค้างคาวบินไปอยู่ที่ต้นไม้อันมีผล เปรียบดุจพระโยคาพจรอันได้ซึ่งผลญาณ
     
  7. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ละมุดมีแสลงแบบนี้ด้วยรึ พอดีเหล่าฮูไม่ดื่ม ไม่รู้จักศัพท์แสงพวกนี้
    ส่วนพวกแอนตี้ละมุดนั้น เหล่าฮูรู้จ้า ว่าเป็นที่สุมหัวของเพื่อนๆที่ออกจะใจร้อนไปนิด
    ตามไปที่มาคมแระ เลยตามย้อนอ่านจนตาแฉะ สนุกจินๆ ไม่ได้อ่านยาวๆมาพักใหญ่เลย

    เนี่ย พอคนเรามึดมนด้วยกิเลสตัวใดก็ตาม ดูเหมือนมันทำให้เราพลอยตาพร่ามัวไปซะหมด ป้าการ์ฟิลด์แกไปทักทายสหายเล่นแท้ๆ ทั้งยังไม่ได้เอ่ยปากเชิงแสดงความเห็นต่อท่าทีของเค้า ไหงลบซะหมดเกลี้ยง
    ช่างให้เกียรติกันเกินไปจินๆ
    ใครหลงไปพูดผิดแปลกนิดหน่อย พลอยเป็นฝั่งตรงข้ามไปซะหมด

    เห็นแล้วกลัวใจตัวเองจัง หวังว่าเมื่อถึงคราวของตัวเอง คงมีสติพอที่จะไม่พร่ามัวมึดมนแบบที่เห็น ไม่ผลักไสผู้คนเป็นฝ่ายตรงข้ามเสียหมด
    เสียหมด

    ดูหนังดูละคร แล้วย้อนดูตัวเรา

    เป็นเรื่องยาก ที่จะเท่าทันใจของเราเอง จินๆเนอะ
     
  8. ไข่น้อย

    ไข่น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +348
    ผมว่าเป็นที่อโคจรเลยฮะ
    อัตตาหนาและแรง
    จะเอาอาจาริยวาท
    ไม่เอาพระไตรปิฏก
    เหอๆ

    ไปบอกในพันธ์ทิพว่า ไม่มีคำหยาบ ส่อเสียด ไม่มีลบ
    เฮ้ออออ

    ดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่กัลยาณมิตร เหอะๆ
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    ชาวโลกละมุด น่ารัก ปะคะ อิอิ
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    C e y l o n says:
    เค้าบอกว่า 1 กระเปาะ (เค้าเรียกงี้มั้ง) มี 16-24 ตัว หรือมากสุดก็ 30 อะ
    5555555555+


    Big City Life! says:
    ตัวนึงออกกี่กระเปาะอะ T___T


    C e y l o n says:
    แม่ตัวนึงมี 4-5 กระเปาะ ทำนองนั้น


    Big City Life! says:
    o['>o!!!!

    สี่ สาม สิบสอง.... ToT


    C e y l o n says:
    แล้วมันมหัศจรรย์มาก เค้าบอกว่าเวลาที่คุณคิดว่าคุณเหยียบแมลงสาบแบนติดรองเท้าก็ไม่ได้หมายความว ่ามันตาย


    Big City Life! says:
    ทำไมอะ!!!!!!!!!!!!


    C e y l o n says:
    เพราะมันแกล้ง
    มันฉลาดพอๆ กะหมา


    Big City Life! says:
    มันแบนติดรองเท้าแล้วยังไม่ตายอีกเหรอ!?


    C e y l o n says:
    ใช่ กระเพาะแตก ดังแป๊บบบบบบ ก็ไม่ตาย เพราะอวัยวะในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้


    Big City Life! says:
    กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด T[]T!!!


    C e y l o n says:
    มันจะมีกระเพาะใหม่


    Big City Life! says:
    มันไม่มีวันตายเลยเหรอวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


    C e y l o n says:
    มีๆๆ ตามอายุไขราวๆ 300 วัน
    ตายเอง
    แต่โดนฆ่าตายก็ได้
    แต่ต้องฆ่าหลายขั้นเพื่อความชัวร์

    อย่างที่เราเคยได้ยินว่ามันหัวขาดก็ยังอยู่ต่อได้อีกหลายวันใช่มะ
    แต่เค้าบอกว่าที่จริงส่วนหัวของมัน ถ้าเอามาใส่ตู้เย็น แล้วป้อนอาหารดีๆ มันก็อยู่ได้เหมือนกัน (แค่หัวนะ)


    Big City Life! says:
    กุอยู่บ้านคนเดียว
    ตอนนี้กัวแมงสาบมากกว่าผีอีก


    C e y l o n says:
    โหยยยยยยยยยยยยยยยยย
    จิงเหรอเนี่ย

    ระวังดีๆ นะ อาหารอีกอย่างที่มันชอบ คือ
    การแทะนิ้วหัวแม่เท้าคนอะ


    Big City Life! says:
    แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    *ยกเท้าขึ้นกะทันหัน*

    แก๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    ตอนนี้ชั้นเอาเท้าขึ้นมาพาดโต๊ะวางคอม
    และจับหลังตัวเองตลอดเวลา


    C e y l o n says:
    ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    จิงเหรอวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


    Big City Life! says:
    เออ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


    C e y l o n says:
    ได้อารมณ์สุดอะ
    555555555555555555555555555555555555+
    ที่บ้านเจอบ่อยเหรอ


    Big City Life! says:
    ไม่บ่อย
    แต่กุกัวววววววววววว


    C e y l o n says:
    อ้อ มันจะโผล่มาแค่ตอนกลางคืน แต่ถ้าครั้งไหนที่คุณเจอมันตอนกลางวัน แปลว่า มันเยอะมากจนเล็ดลอดออกมา


    Big City Life! says:
    กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดดดดดดดดดดดด

    กุเคยเจอตอนกลางวันปะวะ!!!!!!!!!!!!!!!?


    C e y l o n says:
    55555555555555555555555555555555555555555+


    Big City Life! says:
    จาบร้าตาย o[]o!!!


    C e y l o n says:
    ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก


    Big City Life! says:
    คิดใหญ่แล๊วววววววววววววว


    C e y l o n says:
    ที่จิงมันก็ไม่อยากเสวนากะคนหรอก
    มันรู้ว่าคนอยู่ที่ไหนเพราะมันได้ยินเสียงลมหายใจงะ (มันหูดีมาก ดังนั้นจะหลบเลี่ยง)


    Big City Life! says:
    แล้วมันออกมาทำไมฟะ!!!!!!!!


    C e y l o n says:
    มันออกมาตอนกลางวันหรือกลางคืน


    Big City Life! says:
    ไม่รู้
    ก็ที่มันโผล่มาอะ


    C e y l o n says:
    ถ้ากลางคืนเพราะมองไม่เห็น
    ถ้ากลางวันก็แปลกอยู่ เออ แต่เค้าบอกว่ามันเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น ชอบย่องออกมาดูโน่นดูนี่
    มีคนทำวิจัยด้วยนะ ว่ามันสมองไม่แล่นตอนเช้า ขี้เซาเหมือนคนนะหละ
    แต่จะระริกระรี้ช่วงหัวค่ำจนถึงดึกดื่น


    Big City Life! says:
    เออ เหมือนคนเลยหวะ
    กรูกลัววววววววววววววววววววววววว


    C e y l o n says:
    เฮ้ย แต่แมงสาบดั้งเดิมเค้าอาศัยในป่าชื้นๆ นะ
    ประมาณว่าอยู่ตามซากไม้ เหมือนปลวก มด น่ะแหละ


    Big City Life! says:
    แล้วมาอยู่นี่ได้ง๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย


    C e y l o n says:
    ที่มันแพร่กระจายทั่วโลกเพราะว่าบังเอิญไข่มันตามซากไม้ไปอยู่บนเรือบรรทุกส ินค้า


    C e y l o n says:
    มันก็เลยกระจายมาบ้านเรา
    ที่เห็นในบ้านเรามาจากแอฟริกา รึ อเมริกาใต้ไม่แน่ใจ
    รู้แค่ตัวที่เจอบ่อยเป็นสายพันธุ์อเมริกัน แล้วก็สายพันธุ์เยอรมัน


    Big City Life! says:
    ลูกครึ่งซะด้วย ToT
    มิน่า ไล่ไม่ไป
    ฟังกรูไม่ออก ToT


    C e y l o n says:
    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เมื่อคืนหมกมุ่นมากไปหน่อย โดยแมงสาบ (ตัวเล็ก) กัดที่หัวเข้าด้วย
    ตอนไปดักรอมันในห้องน้ำ


    Big City Life! says:
    แล้วแกไปดักรอมันทำม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    C e y l o n says:
    เฮ้ยยยยยย เมื่อคืนหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่นี่อะ เค้าบอกว่ามันไม่ชอบอากาศหนาวหนิ เลยจะรอดูว่ามันจะมาไหม
    แต่มันไม่มา
    เห็นตัวเล็กตัวนึง


    Big City Life! says:
    เห้ย!? เวลามันนอนนิ่ง ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันตายใช่ปะ
    ตอนเด็ก ๆ เหยียบแมงสาบจนตายกัน พอมันนอนนิ่ง ๆ ก็หยิบมันขึ้นมา (หยิบหนวด) แล้ววิ่งไล่เพื่อน
    มันยังไม่ตายใช่ไม๊ o[]o!!!!!!!!


    C e y l o n says:
    แหวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
    อี๊


    Big City Life! says:
    กรูหยิบแมงสาบที่ยังไม่ตายใช่ไม๊ o[]o!!!!!


    C e y l o n says:
    เออออออออออออออออออออออออออออออออออ
    มันแค่สลบ


    Big City Life! says:
    กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดดดดดดดดดดดดดดด
    หนูผิดไปแล๊ววววววววว ToT


    C e y l o n says:
    นี่ มีเรื่องที่เด็ดกว่าคือศัตรูของแมลงสาบน่ะ โหดกว่ามันมาก


    Big City Life! says:
    ไควะ


    C e y l o n says:
    เป็นตัวต่อ สายพันธุ์ไรไม่รู้ไม่มีในไทย
    เค้า บอกว่ามันใช้วิธีเกาะที่หลังแมลงสาบแล้วเอาปากแหลมๆ ของมันเจาะเข้าไปในสมองของแมลงสาบเพื่อเปลี่ยนระบบประสาทบางอย่าง ทำให้แมลงสาบไม่มีสติ ไม่ตาย ไม่เป็น ไม่อัมพาต
    เหมือนซอมบี้ ทำนองนั้น


    Big City Life! says:
    เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    C e y l o n says:
    แล้วก็ปล่อยสารไรสักอย่าง หลอกให้แมลงสาบเดินตามมันมาที่รัง
    เพราะว่ามันตัวเล็กกว่าแมลงสาบเลยเอามันมาตอนปกติไม่ได้ ต้องจิ้มหัวมันก่อน
    พอมาถึงรังแล้ว มันจะเข้าไปวางไข่ในกระเพาะแมลงสาบเพื่อให้ลูกๆ ของมันกินกระเพาะแมลงสาบเป็นอาหาร ก่อนที่จะฟักออกมา
    พอโตเต็มที่ลูกๆ ตัวต่อก็จะฉีกร่างแมลงสาบออกแล้วโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

    ฮิ้วววววววววววววววววว


    Big City Life! says:
    กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    ใครก็ได้บอกให้ข้าวโพดหยุดทำสารคดีเรื่องนี้ที!!!!!!!!!!!!

    กั๊วววววววววววววววววววววววว T[]T~!!!!]
    บทความ ความลับของแมลงสาบ
    บทความอื่นๆเกี่ยวกับแมงสาบ
    บทความ [คลายเครียด]ปู่แมลงสาบ
    รูป ผมมานเป็นแมลงสาบ
    คลิป หุ่นยนตร์แมลงสาบ
    ข่าว แมลงสาบ มุดเข้ารูหูตอนหลับ
    ตัวต่อใช้แมลงสาบเป็นที่วางไข่!!!!!
    บทความ ตะลึง แมลงสาบเป็นมนุษย์ต่างดาว
    คลิป ความอึดของแมงสาป
    รูป แมลงสาบบุก‏
    คลิป เพลง แมลงสาบ (วงเวตาล่า)
    รูป มาส์คหน้าใส...ด้วยแมลงสาบ
    บทความ วิ ธี ก า ร กำ จั ด แ ม ง ส า บ แ บ บ บ้ า น ๆ
    บทความ วิธีเล่นสนุกกับ แมลงสาบ!!!
    คลิป ศิลปะแมลงสาบ
    บทความ วิธีการกำจัดแมงสาบแบบบ้าน ๆ (เน้นประหยัดและง่าย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2010
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    เจ้ายั่วแย้มรอยยิ้มที่ริมแก้ม
    สีม่วงแซมกลีบประดับกับเรือนผม
    ทิ้งชม้ายชายมาเจ้าตาคม
    พี่สุดข่มใจคิดด้วยติดตรึง


    เพียงแค่รอยยิ้มยั่วก็มัวเมา
    ร รอยยิ้มเจ้าเจือพิษให้คิดถึง
    ดอกสวาทสีม่วงมัดเข้ารัดรึง
    ใจคำนึงสเน่หาสุดอาวรณ์


    ดอกไม้งามหนามไหน่นั้นร้ายกาจ
    ใครจะคาดพิษร้ายปลายเกสร
    ยิ้มที่ยวนยั่วใจให้ขาดรอน
    อาจเร้นซ่อนคมคอยเชือดอย่างเลือดเย็น

    ปล.ก๊อปมา อิอิ บทชมโฉมพระนางการ์ฟิลด์ เวอร์ชั่น น้องต๊ะ เอ๋ จาก พี่ก๊วยเจ๋ง เอิ๊กๆ

    [​IMG]
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    วงศ์เหี้ย

    Family Varanidae


    อุ๊ย !!!....แรงไปรึเปล่าครับ ผมกำลังจะพูดถึง “เหี้ยจริงๆ” ....ใจเย็นๆครับ ผมหมายถึง.....อะ “ตัวเงินตัวทอง” หรือ Water Moniter (Varanus salvator) และ ผองเพื่อน น่ะครับ กลับมาถึง เหี้ย อีกที และก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ผมขออนุญาตใช้คำว่าเหี้ยแล้วกันนะครับ เพราะมันเป็นชื่อจริงๆ สัตว์ชนิดนี้ ส่วนชื่อ “ตัวเงินตัวทอง” เป็น ชื่อที่ตั้งภายหลังเพื่อหลีกเลี่ยงชื่อจริงของมันที่กลายเป็นคำไม่สุภาพที่ ใช้ด่า หรือเป็นคำนำหน้าชื่อของเพื่อนสนิท หรือคนที่คุณ......ไม่น่าจะต้องจะอธิบายเพิ่มถึงคำนี้มากนัก สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือ “เหี้ย” กลายมาเป็นคำด่าได้อย่างไร คำด่าที่นำมาจากชื่อสัตว์นั้นก็มีที่มาจากลักษณะประจำตัวของสัตว์ชนิดนั้นๆ เช่นฝรั่งมักจะใช้ PIG เป็นคำด่า เนื่องจากด้วยนิสัยของหมูที่ชอบคลุกโคลนเพื่อใช้โคลนเคลือบผิวป้องกันแมลง และคลายร้อน จนดูสกปรก หรือ Chicken ซึ่ง หมายถึงนิสัยของไก่ที่ขี้ตกใจจนนำไปใช้ว่าคนที่ขี้ขลาด ส่วนสัตว์ไทยที่โชคร้ายก็มีหลายชนิดทั้งหมา ทั้งควาย และหนึ่งในนั้นก็ ตัวเอกและผองเพื่อนของเราในวันนี้ครับ “เหี้ย”


    เหี้ย กลายมาเป็นคำด่าได้อย่างไร ที่มาที่ไป และใครเป็นคนริเริ่มเอาชื่อสัตว์ชนิดนี้มาเป็นคำด่านั้นผมไม่อาจทราบ แต่แนวคิดที่ผมคิดว่าสมเหตุสมผลที่สุดผมได้ฟังจาก อ.วิโรจน์ นุตพันธุ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานของเมืองไทย จากรายการเกมโชว์เกี่ยวกับสัตว์ เมื่อนานมากๆ แล้ว ท่านได้ให้ความเห็นไว้ซึ่งมีใจความว่า ....คนไทยนั้นมักจะสร้างที่อยู่อาศัยริมน้ำ เพื่อความสะดวกในการคมนาคม การประกอบอาชีพเช่นการประมง การเกษตรกรรม และส่วนใหญ่หรือแทบจะเรียกได้ว่าทุกหลังคาเรือนจะเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ กันอยู่ในบริเวณบ้าน เผอิญว่า เหี้ย (Varanus salvator) ซึ่งด้วยที่อยู่อาศัยและพฤติกรรมของมันนั้น แทบจะซ้อนทับกับผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำเลยทีเดียว นั่นคือ เหี้ย ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำหรือบริเวณใกล้เคียง กินสัตว์ และซากสัตว์ ซึ่งในธรรมชาติคือหนู นก รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก เป็นอาหารโดยธรรมชาติอยู่แล้ว พอคนเข้ามาตั้งรกรากอยู่ ทับพื้นที่อาศัยดั้งเดิมของเหี้ย มันก็ไม่รู้จะไปไหน แถมคนก็เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไว้ เหี้ยก็เลยจับกินเป็นอาหารซะ ....ซึ่งไม่ใช่การล้างแค้นที่คนมาแย่งที่อยู่ แต่เป็นสัญชาติญาณตามธรรมชาติของสัตว์ที่มีอะไรอยู่ตรงหน้าก็ต้องกิน มีไก่ กินไก่ มีเป็ดกินเป็ด ลูกหมาลูกแมว มีก็กิน แต่คนซึ่งเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ก็ไม่พอใจ จึงโกรธ เกลียดสัตว์ชนิดนี้ที่มาขโมยสัตว์กินเป็นธรรมดา จึงถือว่าเป็นตัวซวย แถมได้ชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า “ตัวกินไก่” อีกทั้งยังมีความเชื่อว่า ถ้า เหี้ย เข้าบ้านจะนำพาความโชคร้ายมาให้ต้องทำบุญล้างซวยกันยกใหญ่ แต่ต่อมาก็คงเป็นการแก้เคล็ดโดยเปลี่ยนชื่อมันซะใหม่เป็น ตัวเงินตัวทอง นัยว่าถ้าพบเจอหรือเข้าบ้านจะนำพาโชคมาให้ (ง่ายๆ แบบนั้นเลย)แต่อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ เหี้ย และใช้คำว่าเหี้ย เป็นคำด่าคนที่ไม่ชอบ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคำสร้อยนำหน้าชื่อคนสนิท.... แปลกดีนะครับ ใช้กับคนที่สนิท และคนที่เกลียด ดูขัดแย้งกันจริงๆ

    ก่อนที่จะกลายเป็นบทความด้านภาษาไปซะก่อน ขอกลับมาถึง เหี้ยและผองเพื่อน ก่อนครับ เหี้ย หรือ Moniter Lizard อยู่ใน Family : Varanidae


    ลักษณะโดยทั่วไป


    Monitor Lizard เป็น กิ้งก่าขนาดเล็กถึงใหญ่มาก หัวเล็ก คอยาว ผิวหนังหยาบหนา เกล็ดเล็ก ทรงกลม ลำตัวเป็นทรงกระบอกยาว แขน-ขา แข็งแรง วิ่งได้รวดเร็ว หางยาวถึงยาวมากและแข็งแรงอาจใช้หางฟาดศัตรูที่จะทำร้าย สายตาดี ลิ้นมีปลาย 2 แฉกลึก แลบลิ้นได้ยาว โดยมันจะแลบลิ้นออกมาเป็นระยะเพื่อรับกลิ่นที่ลอยมาทางอากาศ สามารถว่ายน้ำได้ดี

    Monitor Lizard ที่เล็กที่สุดคือ Pygmy Goanna (Varanus brevicauda) ซึ่งมีความยาวเมื่อโตเต็มที่แล้ว เพียง 12 เซนติเมตร ตั้งแต่หัวถึงช่องทวาร(SVL) ความยาวทั้งหมดหัวถึงปลายหาง(TL) 23 เซนติเมตร ส่วนชนิดที่ใหญ่ที่สุดนั้นก็คงพอจะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว นั่นคือมังกรโคโดโหมะ.....เอ๊ยไม่ใช่ครับ มังกรโคโมโด หรือ Komodo Dragon (Varanus komodoensis) ซึ่งมีความยาวทั้งหมดหัวถึงปลายหาง(TL) ถึง 310 เซนติเมตร น้ำหนักมากว่า 200 กิโลกรัม อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Monitor Lizard เป็นสัตว์ที่ล่ากินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร(Canivore) อีกทั้งยังกินซากสัตว์ (Scavenger) อีกด้วย แต่ก็มีบางชนิดที่กินผลไม้เป็นอาหารคือ Philippine Butaan (Varanus olivaceus) Monitor Lizard ส่วนใหญ่จะอาศัยบนพื้นดิน(Terrestrial)และอาจปีนป่ายหากินบนต้นไม้บ้าง แต่บางชนิดก็อาศัยบนต้นไม้เป็นหลัก(Arborial) เช่น Varanus doreanus อีกทั้งยังมีพวกที่หากินอยู่ใกล้แหล่งน้ำมากจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยห่างไกลจากแหล่งน้ำเกิน 1 เมตรเลย นั่นคือ Australian bulliwallah (VARANUS mertensi)

    Monitor Lizard ทั้งหมดออกลูกเป็นไข่ (Oviparous) ตั้งแต่ 5 - 42 ฟอง ขึ้นอยู่กับชนิด ไข่ใช้เวลาในการฟักนาน ตั้งแต่ประมาณ 3 เดือน จนถึง 1 ปีซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดเช่นกัน

    การแพร่กระจาย

    Monitor Lizard มี การแพร่กระจาย อยู่ในเขตอบอุ่น และเขตร้อน ของทวีปเอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลีย สำหรับในเมืองไทย มีสมาชิกอยู่ 5 ชนิด + 1 ที่ไม่พบแล้วคือ









    เหี้ย,เหี้ยลายดอก Water Monitor (Varanus salvator)












    1.เหี้ย,เหี้ยลายดอก Water Monitor (Varanus salvator)

    เป็น ชื่อที่แทบปฏิเสธไม่ได้ว่าคุ้นหู....แต่คงจะเป็นแง่ที่ไม่ดีนักใช่รึเปล่า ครับ ก็ด้วยความที่มันกลายเป็นคำด่าไปแล้ว เจ้าตัวนี้มันเลยมีชื่อเล่นให้เรียกเพื่อลดความกระดากปาก ทั้ง “ตัวเงินตัวทอง” ซึ่งเราคุ้นเคยกันดี และยังมี “ตัวกินไก่” “จระเข้น้อย” และอื่นๆ อีกมากมายแล้วแต่จะคิดได้แต่ เหี้ยยังเป็นตัวอย่างที่ใช้เป็นสุภาษิตที่ว่า “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” โดยคำว่า “ตัว” ในที่นี้หมายถึง เหี้ย ซึ่งมีแต่คนเกลียด แต่คนจะชอบเอาไข่ของเหี้ยมากิน ซึ่งหมายถึง เกลียดตัวเขา แต่อยากได้ประโยชน์จากเขา


    ลักษณะโดยทั่วไป

    สี พื้นลำตัวสีน้ำตาลเข้มหรือเทาเข้มเกือบดำ มีสายสีเหลือง เป็นวงๆ และจุดอยู่ตามลำตัว รูจมูกกลมค่อนไปทางปลายปาก ความยาวปลายปากถึงปลายหางเต็มที่ความยาวปลายปากถึงปลายหาง(TL) ประมาณ 302 เซนติเมตร โดยเฉลี่ย(TL)ประมาณ 260 เซนติเมตร ปลายปากถึงทวาร(SVL) ประมาณ 100 เซนติเมตร ลำตัวยาว ขาสั้นแต่แข็งแรง มีกรงเล็บแหลมและแข็งแรง หากินใกล้แหล่งน้ำ สามารถพบได้ตั้งแต่อินเดีย ศรีลังกา และทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยพบทุกภาคตั้งแต่แถบชายฝั่งทะเล ป่าโกงกาง ป่าจาก ชายหาด ตามห้วยหนอง พื้นที่การเกษตร จนถึงในป่าเขาที่มีความสูง 1200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเลยทีเดียวครับ ออกหากินเวลา กลางวันโดยอาจรอนอนเหยื่ออยู่บริเวณริมน้ำ ในบริเวณน้ำตื้นหรือพุ่มไม้ อาจปีนขึ้นต้นไม้เพื่อหาหาร อาหารโดยทั่วไปมีทั้ง ปู กบ ไข่นก ไข่ไก่ ลูกนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆ สัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ รวมทั้งซากสัตว์ ส่วนพวกตัวเล็กๆ จะกินแมลงเป็นอาหารหลัก เหี้ยวางไข่คราวละประมาณ 15 - 30 ฟอง

    เห็นมั้ยครับ ไม่ยักมี “ยาคูลท์” อยู่ในเมนูของมันเลย ผมเคยได้ยินข่าวคนเอา เหี้ย มาเลี้ยงเพราะคิดว่าเป็นลูกกลับชาติมาเกิด ให้กินยาคูลท์ และอาบน้ำประแป้งให้ซะขาวจั๊วะ....จำได้ว่าในที่สุดก็ตาย.... ทำไมไม่ไปเชื่อว่าเกิดเป็นนกพิราบ นกปรอท กระรอก กระแต นะ เชื่อว่าเกิดใหม่เป็นเหี้ยเนี่ยนะ....



    ตะกวด , แลน Clouded Monitor (Varanus begalensis)


    ตะกวดจะชอบปีนป่ายต้นไม้






    2. ตะกวด , แลน Clouded Monitor (Varanus begalensis)

    บ่อย ครั้งที่คนทั่วไปเข้าใจผิด ก็เพราะด้วยความที่ไม่อยากให้คำว่าเหี้ยหลุดออกจากปาก เลยเรียกแทนเหี้ยว่าตะกวด ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เหี้ยกับตะกวดคนละตัวกัน ตะกวดพื้นที่อาศัยค่อนข้างแตกต่างจากเหี้ย แม้ว่าหน้าตาอาจจะดูคล้ายกันบ้างก็ตามครับ แต่สิ่งที่ต่างคือ

    ลักษณะโดยทั่วไป

    สี พื้นลำตัวเป็นสีน้ำตาล มีจุดประสีเหลืองเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วตัว รูจมูกทรงรีอยู่ค่อนมาทางตา อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่แห้งกว่า ออกหากินเวลากลางวัน ปีนต้นไม้ได้ดี ขนาดความยาวปลายปากถึงทวาร (SVL) 75 เซนติเมตร ความยาวรวม(TL) 175 เซนติเมตร ในเวลากลางคืนตะกวดมักหลบอยู่ตามโพรงไม้หรือโพรงดิน หาอาหารโดยขุดคุ้ยตามกองใบไม้แห้ง ขอนไม้ผุ หรือตามกองมูลวัวเพื่อหาแมลง รวมถึงสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร พบตั้งแต่ปากีสถาน ชวา และทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป โดยจะวางไข่คราวละประมาณ 20 ฟอง



    เห่าช้าง Rough-Necked Monitor (Varanus rudicollis)









    3. เห่าช้าง Rough-Necked Monitor (Varanus rudicollis)

    ชื่อ นี้เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่ามันมีพิษเหมือนงูเห่าสามารถกัดช้างตายได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นความเชื่อครับ เพราะกิ้งก่าที่มีพิษปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดคือ Gila Monster กับ Beaded Lizard ซึ่ง ผมหมายถึงกิ้งก่าซึ่งสามารถผลิตน้ำพิษได้ด้วยตัวเอง ส่วนพิษที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปากอย่างอุดมสมบูรณ์ แบบพี่โคโมโด นั้นไม่นับเพราะในปากคนก็มีแบคทีเรีย...(แต่อาจไม่มากและไม่รุนแรงเท่า) แต่ชื่อเห่าช้างนั้นคาดกันว่าได้มาจากเสียงขู่เวลาตกใจกลัว ซึ่งฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูเห่า เลยได้ชื่อนี้มา


    ลักษณะโดยทั่วไป

    สีพื้นลำตัวเป็นสีดำ มีแถบใหญ่สีครีมเหลืองพาดขวางลำตัว และมีจุดสีเดียวกันกระจายทั่วตัว หัวรูปทรงยาว เกล็ดคอ (nuchal scale) มีลักษณะเป็นหนามสั้นๆ 10 - 12 แถว ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของชนิดนี้ รูจมูกรูปทรงรี อยู่ค่อนมาทางตา ปีนต้นไม้ได้ดี ขนาดความยาวจากปลายปากถึงทวาร (SVL) ประมาณ 50 เซนติเมตร ความยาวรวม(TL)ประมาณ 150 เซนติเมตร พบอาศัยอยู่บนต้นไม้เป็นหลัก (arborial) อาศัยอยู่ตามป่าดิบชื้นและป่าโกงกาง แถบประเทศพม่า ภาคตะวันตก และภาคใต้ของไทยและตามหมู่เกาะต่างๆของไทย ประเทศมาเลเซีย หมู่เกาสุมาตรา บอเนียว ของอินโดนิเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ อาหารการกิน ก็คล้ายกับเพื่อนพ้องคือ กินแมลง กบ ปู โดยหากินตามพื้นดิน และบนต้นไม้ วางไข่คราวละ 2 - 13 ฟอง ใช้เวลาในการฟักประมาณ 180 วัน



    ตุ๊ดตู่ Harlequin Monitor , Dumeril's Monitor (Varanus dumerilii)




    ตุ๊ดตู่จะปีนต้นไม้ได้
    4. ตุ๊ดตู่ Harlequin Monitor , Dumeril's Monitor (Varanus dumerilii)

    ตุ๊ด ตะละลุ๊ด ตุ๊ดตู่ ...... ตุ๊ดตู่เป็นชื่อสัตว์ชนิดนี้จริงๆ ครับอยู่ในเอกสารทางราชการเลยทีเดียว ลักษณะโดยทั่วไปของตุ๊ดตู่ จะคล้ายกับเห่าช้าง รูจมูก เป็นรูปทรงรีอยู่ค่อนมาทางลูกตาเช่นกัน จุดเด่นมากๆ ของตุ๊ดตู่คือ ตอนเด็กจะมีสีส้มแป๊ด ที่บริเวณหัว และคอ มีลายพาดขวางเป็นแถบสีส้มบนพื้นสีดำ ส่วนบริเวณหัวจะมีแถบสีดำลากตัดบริเวณหางตา เรียกได้ว่าสวยมากๆ แต่ทว่าเมื่อโตขึ้นสีส้มดังกล่าวจะค่อยๆจางหายไปกลายเป็นสีครีมธรรมดาๆ ขนาดความยาวทั่วไปจากปลายปากถึงทวาร(SVL) ประมาณ50 เซนติเมตร ความยาวรวมหาง(TL) ประมาณ 125 เซนติเมตร และอาจยาวรวมได้ถึง 150 เซนติเมตร (Sprackland 1976) พบอาศัยอยู่ในป่าดิบชื้น ป่าโกงกาง และตามเกาะแก่ง อาศัยอยู่ทั้งบนพื้นดินและบนต้นไม้ พบทางภาคใต้ของประเทศไทย พม่า มาเลเซีย เกาะสุมาตราและ บอร์เนียวของอินโดนิเซีย




    เหี้ยดำ (Varanus salvator komaini)



    5. เหี้ยดำ (Varanus salvator komaini)

    เป็น ชนิดย่อยของเหี้ยอีกทีครับ รูปร่างลักษณะโดยทั่วไป จึงคล้ายกับเหี้ย เพียงแต่เมื่อโตเต็มวัย ตัวจะเล็กกว่าเหี้ยธรรมดา ความยาวปลายปากถึงทวาร (SVL) ประมาณ 50 เซนติเมตร ยาวรวม (TL) ประมาณ 110 เซนติเมตร และมีสีดำทั้งตัวไม่มีลาย....เลยได้ชื่อว่า “เหี้ยดำ” ซะเลย ซึ่งนิสัยทั่วไปรวมทั้งอาหารการกินก็จะคล้ายกับเหี้ย พบแถบชายฝั่งทะเลทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกของไทย รวมทั้งเกาะแก่งต่างๆ ....เป็นเหี้ยที่สวยจริงๆ ว่ามั้ยครับ


    +1 . แลนดอน Yellow Monitor (Varanus flavescens)

    เป็น ที่บอกกล่าวต่อๆ กันมาว่า เคยพบในประเทศไทยแถวๆ ชายแดนซึ่งติดกับประเทศมาเลเซีย แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่สามารถอ้างอิงและยืนยันได้ แหล่งแพร่กระจายของแลนดอนปัจจุบัน อยู่แถบประเทศบังคลาเทศ เนปาล ทางตอนเหนือของอินเดีย และปากีสถาน (SMITH 1932, MINTON 1966, AUFFENBERG et al. 1989) อีกทั้งยังมีการสำรวจเพิ่มเติมในพม่า ก็ยังไม่พบว่ามีตัวอย่างสัตว์ หรือแม้กระทั่งเอกสารที่รายงานการพบแลนดอนในพม่า (Bennett 1997) แลนดอนมีขนาดความยาวจากปลายปากถึงทวาร(SVL) ประมาณ 41เซนติเมตร ความยาวรวม(TL) ประมาณ 100 เซนติเมตร หัวแบนป้อมสั้น ลำตัวสีน้ำตาล มีลายคาดขวางที่หลังเป็นจุดหรือแถบ สีเหลือง และมีจุดสีเหลืองกระจายอยู่ทั่วตัว


    สัตว์ วงศ์เหี้ยในไทย ทั้ง 5 ชนิด(ไม่รวมแลนดอน)ที่ได้กล่าวถึงรายละเอียดข้างต้น เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิด ถึงแม้ว่าในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง จะไม่มีเหี้ยดำ (Varanus salvator komaini) แต่มันก็ได้รับความคุ้มครองด้วยเนื่องจาก เหี้ย (Varanus salvator) ได้รับความคุ้มครองอยู่แล้ว เหี้ยดำเป็นชนิดย่อย(subspecies)จึงได้รับความคุ้มครองไปด้วยโดยปริยายครับ


    ขอ ย้อนกลับไปถึง คำด่าที่ยืมชื่อสัตว์มาใช้อย่างเสียๆ หายๆ อีกที ไม่ว่าจะยืม เหี้ย หรือควาย มาใช้ ครูสอนวิชาภาษาไทย ของผมตอน ม.ต้น(ถ้าจำไม่ผิด) เคยสอนโคลงโลกนิติบทนี้กับผม


    โคควายวายชีพได้ เขาหนัง

    เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้

    คนเด็ดดับสูญสัง ขารร่าง

    เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ายกับดี


    รวม ถึงครูสอนวิชาพุทธศาสนาที่หยิบยกโคลงบทนี้ขึ้นมาสอนอีกที ว่า วัว ควาย ถึงแม้มันตาย มันก็ยังทิ้ง เขา ทิ้งหนังไว้ให้ได้ใช้ ทิ้งเนื้อไว้ให้กินและแม้แต่จะเอาไปทำปุ๋ยพืชก็งอกงามดี แต่คนพอตายก็นำไปเผาไปฝังตามพิธีกรรมทางศาสนา จนไม่เหลือซาก พวกที่ใช้การฝังก็ฉีดยา ใส่โลงเทปูน สร้างกันอย่างแข็งแรง มด แมลง รากต้นไม้ก็มาเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อคนเราไม่สามารถใช้ร่างกายให้เกิดประโยชน์แก่โลกนี้ได้ ก็ควรสร้างประโยชน์สร้างความดีไว้ให้ แก่โลกและคนข้างหลังได้ใช้ ได้กล่าวถึงบ้าง.....เฮ้อออ สงสัยผมจะกินยาผิด สวัสดีครับ : )


    ปล. ในบทความนี้ผมขออนุญาตใช้คำว่าเหี้ย ซึ่งหมายความถึงสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อจริงๆ และดั้งเดิมของสัตว์ชนิดนี้ อีกทั้งยังใช้ในเอกสารทางราชการ เช่นบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่มีความหมายแฝง และไม่มีเจตนาใดๆ ที่จะใช้คำไม่สุภาพในนิตยสารเล่มนี้


    ขอขอบคุณ

    สวนสัตว์นครราชสีมา (สวนสัตว์โคราช) เอื้อเฟื้อภาพถ่ายประกอบบทความ

    บทความ เรื่องเหี้ย เหี้ย
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
    เลื้อยเอนทรีนี้ออกมาได้อย่างเชื่องช้าตามอารมณ์ของเรื่องและคนเขียน
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ก็ มีคนเกิดอยากรู้เรื่องของเหี้ยและเลื้อยๆทั้งหลาย ทั้งที่มันไม่ชวนให้พิสมัยเลยสักนิด ยิ่งหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา เสียงเรียกร้องดูจะเซ็งแซ่มากขึ้น (ที่จริงก็เสียงเดียวนั่นแหล่ะ บอกให้ดูน่าสนใจไง ฮ่าๆๆ) สงสัยจะค้างคาใจมา เลยหาเรื่องให้สวนสัตว์มาช่วยระบายแทน แทนที่จะผรุสวาทออกมาเอง เขียนในนามสวนสัตว์ยังไงก็ดูไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นะคะ ...รึเปล่าเนี่ย...อิอิ ไปอ่านเรื่องเลื้อยๆกันได้เลยค่ะ [/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ณ หนองน้ำแห่งหนึ่ง มีฝูงสัตว์เลื้อยคลานที่ล้วนเป็นเครือญาติเกี่ยวพันธุ์กันทางกายวิภาคและ นิสัยการใช้ชีวิต(สันดาน)มารวมตัวกัน พวกเลื้อยกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย[/FONT]
    "ตัวเหี้ย" / "ตะกวด " / "เห่าช้าง" / "ตุ๊ดตู่" / "แลนดอน"
    พวกห้าเลื้อยมีชื่อที่เรียกอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศว่า Monitor ที่แปลว่าผู้ดูแล ผู้เฝ้ามอง อาจเนื่องมาจากท่าทางสอดรู้ที่พวกมันชอบชะเง้อคอยาวๆ เพื่อมองในมุมกว้างๆก็เป็นได้
    [​IMG]
    ชะเง้อ....
    [​IMG]
    ต้นนี้ใครจองรึยัง ฮื้อ
    [​IMG]
    อ่ะ เล็งให้ดีนะก๊าบพี่น้อง...นี่มันดูลาดเลา รึมันฉี่กันแน่อ่ะ
    [​IMG]
    ฮี่ๆ งานมอนิเตอร์คืองานของเรา ยืด...
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]
    ห้า เลื้อยมักนัดหมายมาคุยกันเพื่อหาข่าวและขยับขยายลู่ทางการหากิน เนื่องจากช่วงนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง จะหยิบจับ ขโมย ดอด โกงอะไรก็ติดขัดไปหมด[/FONT]
    [​IMG]
    นายใหญ่ นายหญิง ว่ายคลอเคลียในน้ำ สังเกตตาไม่ตกเลยดูดาวไม่หยุด อย่าถามตัวไหนผู้ตัวไหนเมียนะคะ เพราะไม่รู้เหมือนกัน...ฟิ้ว
    ตัวเหี้ยคู่ หนึ่ง นอนเลื้อยแช่น้ำอยู่ที่ริมตลิ่งมองทอดสายตาไปที่กลางหนองน้ำที่ลูกๆเหี้ยของ มันดำผุดดำว่ายอยู่ น้ำเริ่มเน่าเพราะเศษซากอาหารที่มันเก็บกักตุนไว้กิน ไม่หมดก็เอามาซุกไว้ใต้น้ำซะงั้น กลิ่นเหม็นโชยคละคลุ้งแต่มันและลูกๆก็ทนอยู่ได้ มันว่ายน้ำเก่งเลยมีชื่อว่า Water Monitor [​IMG]
    ดำผุด ดำว่ายและเกยตื้นค่ะ สังเกตลิ้นสองแฉก เอาไว้รับกลิ่นและสัญญาณสิ่งมีชีวิตค่ะ
    เบื่อน้ำก็ย้ายขึ้นบนซะมานอนอาบแดดให้ตัวอุ่น พวกริ้นเหลือบไรก็ถลามากินเศษอาหารที่ติดตามตัวตามฟันแบ่งๆกันไป
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ฝูง ลูกน้องเหี้ยกระจายประปราย ตามพื้นดินบ้าง ต้นไม้บ้าง พวกเหี้ยนี่ถือว่าพวกมันเป็นพี่ใหญ่แถวนี้เพราะตัวมันใหญ่ที่สุด ตัวโตยาวเกือบ 2 เมตร [/FONT]
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]มัน ภูมิใจในลายดอกที่พาดขวางตามลำตัวของมันมาก เพราะดอกดวงที่ว่าทำให้หนังของมันดูมีราคาค่างวดขึ้นมาบ้างถึงขนาดเคยมีคน คิดจะทำฟาร์มเลี้ยงเหี้ย เพื่อขายเนื้อ หนังและไข่เหี้ยกันเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็มองว่าไม่คุ้มเพราะว่ามันดันกินจุ โตช้า และมักกัดกันเหวอะหว่ะ จนหนังเสียราคา ต้องล้มเลิกโครงการกันไป[/FONT]
    [​IMG]
    พวกเหี้ยเป็นสัตว์เลือดเย็นค่ะอุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม หนาวไปก็มาอาบแดด
    [​IMG]
    ในเมืองเค้าก็อยู่ได้ เหลียวซ้ายแลขวาก่อนข้ามถนนค่ะ
    [​IMG] ต้นไม้เค้าก็ปีนเก่ง ดูเล็บที่ใช้เกาะเวลาปีนป่ายสิคะ
    [​IMG]
    รูปนี้เห็นแล้วคิดถึงเรื่องจูแรสซิค ปาร์ค ตอนคุณไดโนเสาร์เคาะเล็บรอเหยื่อ สายตาคาดคะเนและรอคอย

    บทความ เรื่องของเหี้ย และก๊วนเลื้อยคลาน
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหี้ย

    (ลิงก์ย่อ : http://bit.ly/9ULdlw)จากไร้สาระนุกรมเสรี - อนึ่งบทความนี้ถูกแก้ไขได้โดยผู้ใช้ทั่วไป หากแป้กหรือเสื่อมประการใดทางเราไม่ขอรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น


    <TABLE style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    </TD><TD>บทความติดเรทดีเยี่ยม </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บทความนี้ ลอกเลียนมาจาก วิเกรียนพีเดียไทยเกือบทั้งดุ้น <S>(ก่อนถูกลบ :)</S> และไม่สนใจว่าจะละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่
    [​IMG] [​IMG]
    เมื่อก่อนท่านเรียกว่า เหี้ย ต่อมาท่านเรียกว่า ตัวเงินตัวทอง ปัจจุบัน คตส. ให้เรียกว่า ไอ้หลังลายกินไก่


    เหี้ย เป็นชื่อที่ถูกต้องของคนชนิดหนึ่ง ซึ่งมักใช้เป็นคำด่าทอ บางครั้งตามสื่อต่างๆ จึงเรียกว่า "ไอ้หัว/หน้า..." (รูปทรงต่างๆ) หรือ "ไอ้คนจาบจ้วง" หรือ "ทรชน" หรือ "อมนุษย์" หรือ "ไอ้พูดมาก" แทน โดยจะขึ้นอยู่กับว่าสื่อนั้นๆ จะเข้าข้างผู้ใด
    ในเชิงการใช้คำศัพท์แบบที่ใช้กับคน มักจะใช้กับเพื่อนสนิทมากๆ พูดเป็นคำสร้อยนำหน้าชื่อ ก็มี
    ลักษณะ
    [​IMG] [​IMG]
    เควี่ย เหี้ยพันธุ์ใหม่ (เหี้ย + ควาย)


    มีหน้าตาคล้ายคน แต่มีสองขา มีสมองคล้ายควาย มีความสูง 1 - 2.5 เมตร เหี้ยโดยทั่วไปจะมีอำนาจล้นฟ้า สั่งการได้แทบทุกอย่าง จะขายสิ่งต่างๆ ที่เป็นของชาติตัวเองให้กับใครก็ได้ เหี้ยที่ไม่มีอำนาจบางตัว จะมีลิ้นแยกเป็นสองแฉกคล้ายงู หรือ มีรู และ/หรือ วัตถุแปลกปลอมฝังติด อยู่ที่ลิ้น
    ลักษณะนิสัยชอบจับกลุ่มนินทากันตามเว็บไซต์ มักหลงเชื่ออะไรง่าย ไม่ค่อยตั้งคำถามกับข้อมูล ไม่ชอบมองอะไรหลายมุม ชอบคิดว่าการปกป้องผู้หญิงที่อยู่ในควบคุมของตัว โดยการทำร้ายเพศหญิงที่ไม่ยอมจำนนต่อตนเป็นวิถีของสุภาพบุรุษ
    บ่อยครั้งจะพูดอะไรเหี้ย ๆ ออกไปโดยคิดไม่ทัน เพียงแต่ต้องการสร้างภาพ และพาตัวเองหนีออกมาจากสถานการณ์ที่บีบคั้น (แต่หลังจากพูดไปแล้ว อาจจะกลายเป็นบีบคั้นมันมากขึ้นไปอีกก็ได้)
    [แก้ไข] การหากิน

    • ชอบอวัยวะเบื้องล่าง ใต้สะดือ ของเพศตรงข้าม แม้ว่าจะมีสภาพเน่าเปื่อยแล้วก็ตาม
    • เหี้ยที่อยากมีอำนาจ หรือมีแล้ว แต่โลภมาก มักจะชอบกินเศษเงินของผู้อื่น
    • สำหรับเหี้ยตัวเมีย ในบางครั้งก็จะกินเสี่ยเป็นๆ โดยการ "มอมยารูดทรัพย์" ซึ่งจะกินเฉพาะทรัพย์สมบัติที่เสี่ยมีอยู่ โดยจะแกล้งทำทีเป็นว่าอยากผสมพันธุ์ด้วย แต่ก็มอมยาเสี่ย ทำให้เสี่ยได้แค่เล้าโลมเท่านั้น ไม่สามารถผสมพันธุ์ได้ แล้วฉกทรัพย์หนีไป
    [แก้ไข] การผสมพันธุ์

    [​IMG]
    เหี้ย ในประวัติศาสตร์


    ผสมพันธุ์ในทุกฤดู ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยจะจับคู่กันโดยไม่เลือกว่าคู่จะต้องเป็นตัวเดิม บางครั้งอาจมีการต่อสู้รุนแรงระหว่างตัวผู้เพื่อแย่งชิงตัวเมีย หรืออาจการต่อสู้รุนแรงระหว่างตัวเมียเพื่อแย่งชิงตัวผู้ ก็ได้ พบได้มากตามละครน้ำจากโรงงานอุตสาหกรรมตอนเย็นและตอนค่ำหลังข่าว
    เหี้ย ออกลูกเป็นไข่ หรือในบางครั้งอาจออกลูกครอกก็ได้
    ไข่จะมีลักษณะรียาว บางครั้งจะสีขาวขุ่น วางไข่ประมาณ 600-50000 ฟอง ในแต่ละปีจะสามารถวางไข่ได้ 1-2 ครั้ง หรืออาจมากกว่านั้น ไข่จะถูกนำไปไว้ในถังขยะ หรือในห้องน้ำ หรือที่หน้าคฤหาสน์ต่างๆ รวมไปถึงที่หน้าโรงพยาบาล ฯลฯ เวลาในการฟักขึ้นกับชนิดและสภาพแวดล้อม
    [แก้ไข] ที่มาของคำด่าทอ

    • คนไทยในอดีต เชื่อว่าถ้าเหี้ยขึ้นบ้านใคร บ้านนั้นจะมีแต่ความโชคร้าย จึงเปลี่ยนชื่อเรียกให้ฟังมีสิริมงคล โดยเรียกว่า "ตัวเงินตัวทอง"
    • กล่าวกันว่า สำหรับการเมืองไทยในยุคปฏิวัติ (2550 - 2599) นั้น นักการเมือง เมื่อไม่ชอบหน้าใคร ก็มักจะนำเหี้ยไปปล่อยไว้ที่หน้าห้องทำงานฝ่ายตรงข้าม หรือที่หน้าบ้านของฝ่ายตรงข้าม
    [แก้ไข] เหี้ยด่าคน

    [​IMG] [​IMG]
    ถึงจะเหี้ย แต่ก็รักชาตินะจ๊ะ


    ในพระสุตตันปิฎก ขุททกนิกายชาดก เล่ม 19 หน้า 45 โคธชาดก ว่าด้วย ฤๅษีหลอกกินเหี้ย เล่าว่า<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP>
    พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดเหี้ย อาศัยอยู่ที่จอมปลวกแห่งหนึ่ง ใกล้ที่จงกรมของดาบส และมักไปหาดาบสเป็นประจำทุกวัน เพื่อฟังธรรม ไหว้ดาบส
    ต่อมามีดาบสโกงเข้ามาอาศัยแทนดาบสคนเดิมที่ออกจากหมู่บ้านไป ชาวบ้านทำอาหารปรุงจากเนื้อเหี้ยให้รับประทาน ถึงกับติดใจในรสชาติ และวางแผนฆ่าเหี้ยตัวที่มักมาหาดาบสทำเป็นอาหาร แต่เหี้ยรู้ทันจึงหนีพ้นมาได้ และกล่าวติเตียนดาบสว่า
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse; BACKGROUND-COLOR: transparent" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-TOP: 10px" vAlign=top width=20>[​IMG] </TD><TD style="PADDING-TOP: 10px">นี่เจ้าผู้โง่เขลา จะมีประโยชน์อะไรแก่เจ้า ด้วยชฎาและการนุ่งห่มหนังเสือเหลือง ภายในของเจ้าแสนจะรกรุงรัง เจ้าดีแต่ขัดสีภายนอกเท่านั้น </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px" vAlign=bottom width=20>[​IMG] </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 20px; FONT-SIZE: 90%; PADDING-BOTTOM: 10px; TEXT-ALIGN: right" colSpan=3></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [แก้ไข] แนวคิดเปลี่ยนชื่อเป็นวรนุช

    เจ้าหน้าที่กระทรวงผลาญทรัพยากรธรรมชาติและทำลายสิ่งแวดล้อม เล่นมุกตลกกันเป็นวงในว่า จะเปลี่ยนชื่อจากตัวเหี้ยเป็น "วรนุช", "วรนุส" หรือ "วรนัส" (สกุล Varanus อ่านเป็นภาษาละตินว่า วารานุส ซึ่งคล้ายกับคำว่า วรนุช) และได้หลุดเป็นข่าวออกมาอยู่ช่วงหนึ่งในเดือนกรกดมคา 255200 แต่ภายหลังท่านรัฐมีตรนได้ออกมาสัมภาษณ์แก้ข่าวว่าไม่มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนชื่อ เป็นเพียงมุกตลกอันหยาบโลนของเจ้าหน้าที่กระทรวงบางตัว [ไม่ต้องการแหล่งอ้างอิง] แต่เนื่องจากข่าวดังกล่าวได้รายงานขึ้นมาอย่างละเอียดครบถ้วน และระบุที่มาของคำได้อย่างชัดเจน ทำให้มีผู้เห็นดีเห็นงามด้วย แล้วใช้คำว่าวรนุชในการด่าทอในอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ซึ่งส่งผลกระทบแต่บุคคลที่มีชื่อหรือนามสกุลเป็นคำเหล่านี้ไปโดยปริยาย
    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อหรือบัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ แต่ปัจจุบัน ก็มีคนหันมาใช้คำนี้แทนคำว่าเหี้ยมากขึ้น โดยนำไปเขียนลงเว็บต่าง ๆ เช่นเดียวกับการใช้คำในภาษาวิบัติ หรือแม้แต่การพาดหัวข่าว ก็หันมาใช้คำว่า วรนุช เช่นกัน ทั้งนี้สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำเช่นนั้น ก็คือเพื่อลดความหยาบ หรือหลีกเลี่ยงระบบการเซ็นเซอร์ในเว็บบอร์ดต่าง ๆ นั่นเอง ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ, อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร หรือยังไม่ได้บัญญัติไว้ในพจนานุกรม แต่ในทางปฏิบัติก็ถือได้ว่าว "วรนุช", "วรนุส" หรือ "วรนัส" มีความหมายเดียวกันกับเหี้ยแล้วอย่างสมบูรณ์
    [แก้ไข] อื่นๆ

    • ว่ากันว่า สมัยก่อน "ไดโนเสาร์" นั้นถูกเรียกว่า "เหี้ยยักษ์"
    • สมัยนี้ นักการเมืองบางคนยังถูกเรียกว่า "ไดโนเสาร์"
      • ดังนั้น........
    [แก้ไข] อ้างอิง

    1. กรุงเทพธุรกิจ, 2008, "ความตายของตะกวด",อ่านเมื่อ ๑๗ กย ๕๑, http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/17/news_295215.php
    เหี้ย - ไร้สาระนุกรม
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0 padding="0"><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center" vAlign=top width=50>19
    คะแนน




    </TD><TD width=6> </TD><TD vAlign=top width=auto>บทความ ความลับของชาวโลก

    [​IMG]

    สิ่งที่ท่านได้อ่านต่อไปนี้ คัดลอกมาจากบางส่วนของ วิทยานิพนธ์ของมนุษย์ต่างดาว จากดาว M 71 ผู้หนึ่ง ที่แฝงกายมาทำวิจัยลับๆ เกี่ยวกับมนุษย์โลก

    นี่คือสิ่งที่เขาเขียนในวิทยานิพนธ์ระดับด็อกเตอร์ ซึ่งมีชื่อในภาษา M71 ว่า "อาบากาตุ เซโส มนุษโลกุถัง" หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "พฤติกรรมมนุษย์โลก"

    1. มนุษย์โลกเพศผู้ มีลักษณะทางกายภาพอ่อนแอ กว่ามนุษย์เพศเมีย มีข้อพิสูจน์ดังต่อไปนี้

    - มนุษย์โลกเพศผู้ ต้องสวมใส่เครื่องปกป้องร่างกายอย่างมิดชิด ในขณะที่มนุษย์โลกเพศเมียสามารถ เปิดเผยผิวเนื้อได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

    - เมื่อมีการต่อสู้ มนุษย์โลกเพศเมียจะหลั่งสาร บางอย่างออกมาจากนัยน์ตา เมื่อนั้น มนุษย์โลกเพศผู้ จะยอมแพ้ทันทีโดยไม่คิดต่อสู้ต่อ

    - ส่วนใหญ่มนุษย์โลกเพศผู้จะหวั่นเกรงมนุษย์ เพศเมียเสมอ

    - ในการสืบพันธุ์ของมนุษย์ พบว่ามนุษย์โลกเพศผู้บางคน จำเป็นต้องสวมเกราะป้องกันด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

    - ถึงแม้จะแข็งแรงปานนี้ แต่มนุษย์โลกเพศเมีย บริโภคอาหารในปริมาณที่ต่ำมากต่อวัน แต่กลับมีน้ำหนัก เพิ่มขึ้นได้รวดเร็วกว่ามนุษย์เพศผู้

    - เมื่อประสงค์จะยุติความสัมพันธ์ใดๆ บางครั้งมนุษย์เพศเมียจะตัดหางที่อยู่ด้านหน้าใต้ท้องของมนุษย์เพศผู้ ซึ่งอาจจะทำให้มนุษย์เพศผู้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน


    2. มนุษย์โลกแม้จะนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่มนุษย์โลกจะประดับเครื่องรางของขลังเหมือนๆ กัน โดยเครื่องรางนี้มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีปุ่มเรียงกันอยู่ประมาณ 15 - 18 ปุ่ม มีแสงและเสียงออกมาบางครั้ง โดยมนุษย์โลกบางคนศรัทธามาก จะห้อยคอ บ้างก็ใส่กล่อง หรือถุงอย่างดี ใส่ไว้ในกระเป๋าอีกชั้นหนึ่ง

    บางครั้งมนุษย์จะทำความเคารพเครื่องรางนี้ ด้วยการนำมาทัดหูเพื่อรับฟังเสียงบางอย่างคาดว่าเป็นการติดต่อกับพระเจ้า ในบางเวลามนุษย์จะนำเครื่องรางนี้ตั้งบูชาไว้บนแท่นขนาดเล็ก เพื่อสักการะก่อนเข้านอน


    3. นอกจากนั้น มนุษย์โลกส่วนใหญ่นั้นเชื่อในเวทย์มนตร์คาถา ถึงกับพกพาเอาตำราคาถาเวทย์มนตร์ต่างๆ ติดตัวไว้ตลอดเวลา ขนาดหนาบ้างบางบ้างตามสะดวก

    4. มนุษย์โลกสามารถฆ่ากันได้ง่ายๆ แม้จะนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน

    5. มนุษย์โลกเชื่อว่า ยานเหล็กที่หุ้มตัวเวลาเดินทาง สามารถบ่งบอกสถานะทางสังคมได้

    6. มนุษย์โลกสามารถหัวเราะ ร้องไห้ โกรธเคือง คลั่งแค้น หรือกระทั่งสำเร็จความใคร่ได้ ด้วยการมองจ้องจอสี่หลี่ยมเท่านั้น

    7. มนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อในหลักการปกครองด้วยเสียงข้างมาก แต่น่าแปลกที่มนุษย์ส่วนใหญ่นับล้าน อาจจะพบกับความลำบากอย่างยิ่ง จากน้ำมือของคนกลุ่มเล็กกว่า หากว่าคนกลุ่มเล็กนั้นเป็น "นักการเมือง"

    8. มนุษย์ทุกคนต้องกินอาหาร แต่มนุษย์กลุ่มที่มีหน้าที่ผลิตอาหาร ส่วนใหญ่มักจะยากจน และอดอยาก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    บทความ ความลับของชาวโลก
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    มะกัน เปิดตัว "Vivos บังเกอร์หรู" ...ทางรอดของมนุษย์ฺในวันสิ้นโลกหรือ?

    « เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 08:17:57 AM »



    [​IMG]


    อเมริกาเปิดตัว “วีโวส” บังเกอร์สุดหรูใต้ดินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ที่มีความแข็งแกร่งทนทานสามารถต้านทานภัย พิบัติร้ายแรงทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและน้ำมือมนุษย์ แต่ละบังเกอร์รองรับประชาชนได้มากสุดถึง 200 คน ภายในมีอาหาร ยา ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างครบครัน จึงช่วยให้ผู้ที่อยู่ภายในสามารถใช้ชีวิตแบบสบายๆ ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องออกจากบังเกอร์


    [​IMG]

    [​IMG]


    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าภาพยนตร์เรื่อง “2012 วันสิ้นโลก” และ “The Da y A fter Tomorrow” (วิกฤติวันสิ้นโลก) นำเสนอภาพภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์แบบโหดร้ายเกินจริง อาจรู้สึกว่าแนวคิดในการก่อสร้างบังเกอร์ “วีโวส”ของบริษัท Vivos ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นแค่จินตนาการและเรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นไปได้ (ในเชิงพาณิชย์)



    แต่สำหรับคนบางกลุ่มที่เชื่อเรื่องวันโลกา วินาศอย่างจริงจังและต้องการเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรง… บังเกอร์ใต้ดิน “วีโวส” ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ ที่ไม่ประมาท (หรือแม้แต่ภาครัฐบาล) เตรียมตัวรับสถานการณ์ร้ายแรงทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ได้อย่าง มั่นใจ
    ที่ผ่านมา แนวทางหนึ่งที่มักถูกหยิบยกมากล่าวถึงในกรณีที่เกิดภัยพิบัติก็คือ “การหาที่กำบังใต้ดิน” เพราะบริเวณใต้พื้นโลกสามารถต้านทานหายนะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก เหตุการณ์ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิดครั้งร้ายแรงหรือซูเปอร์โวลคาโน (ครบกำหนด 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเองในปี 2012) การระเบิดหรือลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (solar flares) เหตุแผ่นดินไหวร้ายแรง สึนามิ และมหันตภัยจากกลุ่มดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้าชนโลก


    [​IMG]

    ภาพจำลองการระเบิดหรือ ลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (solar flares)


    รวมทั้งภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ เช่น ระเบิดนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ สงครามเคมี ตลอดจนการกลับมาอีกครั้งของ Planet X หรือที่รู้จักกันในนาม “ดาวนิบิรุ” ซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาล อันจะส่งผลให้เกิดการรบกวนระบบสุริยะ (วงโคจรของดาวที่ว่าจะมาถึงในปี 2012)

    และด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทวีโวส จึงมีแนวคิดในการออกแบบบังเกอร์หรูสไตล์คอมเพล็กซ์ที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน ภายใต้ระบบอากาศแบบปิด (ไม่ให้มีอากาศเข้า-ออก) โดยออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบพึ่งพาตนเอง สามารถต้านทานภัยพิบัติร้ายแรงทุกชนิดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (รวมทั้งช่วยให้หลีกหนีจาก สังคมอนาธิปไตย ที่มีเหตุการณ์จราจล ประชาชนไม่เคารพกฏหมายและกติกาบ้านเมือง) เพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายในไม่เพียง “รอดชีวิต” แต่ยังสามารถ “ดำรงชีวิต” อยู่ได้เป็นอย่างดี และมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายหลังเกิดภัยพิบัติร้ายแรงอีกด้วย

    “วีโวส” เป็นสถานที่กำบังที่สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้นราว 172-200 คน ทุกคนสามารถดำรงชีวิตแบบสบายๆ ภายในบังเกอร์ได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องเตรียมตัวหรือวางแผนใดๆ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวก็คือ เดินทางมาถึง “วีโวส” ให้ทันตามกำหนดเวลา ก่อนที่ระบบจะปิดล็อกเพื่อดำเนินมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัย

    ระบบกำบังของ “วีโวส” มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษ ได้รับการออกแบบให้สามารถต้านทานแรงระเบิดขนาด 50 เมกะตัน (เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 50 ล้านตัน) ภายในประกอบด้วยส่วนของที่พักอาศัย (ในบริเวณที่มีลักษณะคล้ายท่อ) จำนวน 10 จุดที่อยู่รายรอบและเชื่อมต่อกับโถงกลางรูปทรงกลมหรือโดม 2 ชั้นขนาด 60 ฟุต ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่อยู่กลาง
    ที่พักอาศัยแต่ละโซน จะมีระบบผลิตพลังงาน ธนาคารแบตเตอรี่สำรอง บ่อกักเก็บน้ำ ระบบกรองอากาศ (สามารถป้องกันและกำจัดการปนเปื้อนของเชื้อโรค สารเคมี และรังสีชนิดต่างๆ) ระบบบำบัดน้ำเสีย ตลอดจน คลังเก็บเสบียง เสื้อผ้า ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน (รวมทั้งรถยนต์ออฟโรด) เป็นของตัวเองอีกด้วย



    ผู้ที่อาศัยอยู่ใน “วีโวส” จะมีพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวคนละ 100 ตารางฟุต ( 9 ตารางเมตร) ในขณะที่กาชาดสากลระบุว่าที่กำบังหรือสถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 40 ตารางฟุต (เกือบ 4 ตารางเมตร) ส่วนหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของสหรัฐอเมริกา หรือ FEM A ระบุว่า สถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 50 ตารางฟุต (เกือบ 5 ตารางเมตร)

    ช่วงที่ยังไม่มีการใช้งาน ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ตรวจสอบ บำรุงรักษา ซ่อมแซม และรักษาความปลอดภัยบังเกอร์หลบภัยใต้ดินให้เจ้าของร่วม (ลูกค้า) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

    ปัจจุบัน บริษัท “วีโวส” กำลังเตรียมก่อสร้างสถานที่หลบภัยใต้ดิน 20 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เป็นบ้านของประชาชนราว 4 พันคน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ประมาทและเชื่อในคำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลกได้เข้า ร่วมลงทุนและจับจองพื้นที่ เพื่อเตรียมตั้งรับภัยพิภัติร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ทั้งในอนาคต อันใกล้หรืออีกหลาย 10 ปีข้างหน้า โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งในเบื้องต้นมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบังเกอร์แต่ละแห่งมีมูลค่าราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300 ล้านบาทเลยทีเดียว


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    ขอบคุณ : terravivos และ bsnnews
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1060
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/lA2I84199wA&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/lA2I84199wA&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/sArFZGQC_MU&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/sArFZGQC_MU&color1=0xb1b1b1&color2=0xd0d0d0&hl=en_US&feature=player_embedded&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="385"></embed></object>
     

แชร์หน้านี้

Loading...