ประสบการณ์ ธุดงค์ .... ดาวน์โหลด รูปหลวงพ่ออีก ๑๐๐ รูป (ร้อยที่สอง)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 24 มิถุนายน 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    ธุดงค์ ภาคอิสาน
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ 20 พฤษภาคม 2534 การบันทึก วันนี้ ก็จะบันทึกเรื่องการธุดงค์ ธุดงค์ในตอนก่อน ได้พูดไปถึง เมืองกำแพงเพชร
    แต่ทว่า บรรดาท่านพุทธบริษัท ทีนี้เราก็มาพูดถึงว่า การออกธุดงค์ แต่ละวัด คณาจารย์ อาจจะสอนไม่เหมือนกันในตอนต้น คือ พิธีกรรม อย่าง การปักเสาอัพโภกาส (เสาสำหรับผูกเชือก ที่ผูกมาจากยอดกลด แล้วก็มาผูกกับหลัก) การตอกหลักนี่ บางวัดมีคาถาว่า ถ้าจะถามอาตมาว่า ว่าอย่างไร คาถาบทนั้น ก็ยังตอบว่า ไม่รู้ หลวงพ่อปานไม่ได้บอก
    เอาแต่เพียงว่า ขณะที่จะออกธุดงค์ อันดับแรก หลวงพ่อปานให้ร่วมกันบวงสรวง และชุมนุมเทวดา ขออำนาจท้าวมหาราชทั้ง 4 พร้อมไปด้วยบริวารทั้งหมด อินทกะทั้งหมด และอากาสเทวดาทั้งหมด แล้วก็นึกถึงบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอความปลอดภัยจากท่าน ขอความคุ้มครองจากท่าน



    เมื่อทำพิธีการบวงสรวงเสร็จ รุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง ทีนี้ก่อนทีจะออกเดินทาง ท่านก็สั่งว่าสิ่งที่มีความสำคัญก็คือ บท เมตตัญ จะ สัพพโลฯ คือ กรณีย์ฯบทเล็ก เมตตัญ จะ สัพพโลฯ นี่จะต้องว่าก่อนออกเดินทาง ขณะที่เดินทางอยู่ก็ว่า (คำว่า ว่า นี่หมายถึง นึกนะ) ขณะเดินทางอยู่ ถ้านึกมาได้ ก็นึกไปด้วย เมื่อเข้าที่พักก็ต้องสวดบทนี้ (คำว่า ว่า ก็คือ สวด สวด ก็คือ ว่า) ให้สวดด้วยความเคารพ เพราะว่าคาถาบทนี้เป็นคาถาที่มีความสำคัญมาก
    ด้วยเมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคมีพระชนม์อยู่ ได้บอกกับพระว่า การที่เข้าไปอยู่ในป่า ถูกเสียงสัตว์ก็ดี ผีหลอกก็ตาม ทำให้หวาดกลัวนั่นคือ เทวดา ที่เขาคิดว่า ท่านจะไปอยู่ 2-3 วัน แต่บังเอิญท่านไปอยู่ทั้ง 3 เดือน พวกรุกขเทวดาอยู่บนต้นไม้ ก็เกรงใจพระว่าอยู่สูงกว่าพระ ถ้าขืนปล่อยไว้ บรรดาพระพวกนี้ก็ไม่กลับ ก็ทำเสียงให้หวาดกลัว แต่ยังไม่ออกพรรษา พระก็กลับไม่ได้ พระก็ทนอยู่ถึงออกพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้ว ก็เข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็กราบทูลให้ทรงทราบถึงความเป็นมา ถึงเสียงน่ากลัวที่เกิดขึ้น พระพุทธเจ้าบอกว่า เธอเข้าป่า เธอไม่ถืออาวุธไปด้วย พระก็ถามว่า ในพระพุทธศาสนามีอาวุธหรือ พระพุทธเจ้าบอกว่า มี



    คำว่า อาวุธ ไม่ใช่หอก ไม่ใช่ดาบ นั่นคือบทเมตตา คือ พรหมวิหาร 4 ให้ภาวนาในบท เมตตัญ จะ สัพพโลฯ (คำว่า เมตตัญ จะ สัพพโลฯ หมายถึง การแผ่เมตตาจิตไปในคน ในสัตว์ ในอมนุษย์ทั้งหลายทั้งหมด) เมื่อพระทั้งหลายได้แล้วแบบนั้น ก็กลับไป
    พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าสวด เมตตัญ จะ สัพพโลฯ อยู่ ปฏิบัติตามนั้นด้วย เอาจิตนึกน้อมไปตามกระแสเสียง (ไม่ใช่สวดเฉย ๆ จิตต้องมีความเมตตาจริง ๆ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราทราบกันง่าย ๆ คือ พรหมวิหาร 4 แผ่เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยน ยินดีในความดีของท่าน อุเบกขา มีความวางเฉยในเมื่ออุปสรรคเกิดขึ้น อย่างนี้ ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย (คำว่า อมนุษย์ หมายถึงว่า สัตว์ก็ดี ผีก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ตาม เปรตก็ตาม เป็นอมนุษย์)


    [​IMG]


    บรรดาพระทั้งหลายเหล่านั้นกลับไปใหม่ก็ใช้ตามนั้น ก่อนออกเดินทางสวด เมตตัญจะ สัพพโลฯ ขณะที่เดินทางอยู่สวด เมตตัญ จะ สัพพโลฯ ตามที่พระพุทธเจ้าสั่ง เมื่อเข้าถึงที่ก็สวด เมตตัญ จะ สัพพโลฯ เมื่ออยู่ประจำแล้วก็ใช้ เมตตัญ จะ สัพพโลฯ เป็นเหตุให้บรรดาเทวดา นางฟ้าทั้งหลายมีความรัก นำภัตตาหารอันเป็นทิพย์มาถวาย พยายามมาปฏิบัติต่าง ๆ เท่าที่จะพึงทำได้ ให้ความสะดวกทุกอย่าง ถ้าไม่มีน้ำ ก็บันดาลน้ำให้ปรากฏขึ้น ผลไม้หายากก็บันดาลให้ผลไม้หาง่ายขึ้น อย่างนี้เป็นต้น พระพวกนั้นก็เป็นพระอริยเจ้า เหมือนกันหมด



    บทนี้หลวงพ่อปานบอกว่า จะลืมไม่ได้ ก่อนออกเดินทางต้องสวดก่อน เวลาสวดให้ใช้อารมณ์ของกรรมฐานสวด เห็นภาพเทวดา เห็นภาพอมนุษย์ทั้งหลาย ขณะที่เดินทางไปใกล้จะถึงสถานที่ก็สวด (นึกสวดในใจ) เมื่อถึงที่แล้วก็สวด ฉะนั้นในการเดินทางไปธุดงค์คราวนั้น จึงไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งหมด




    และอีกประการหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทาง ท่านบอกว่า ทุกองค์ให้มีสมุดดินสอติดไปด้วย (อันนี้ก็ต้องขอย้อนต้น) ที่ให้มีดินสอติดไปด้วยก็เพราะว่า ขณะที่เดินทางไปให้ใช้อตีตังสญาณ ดูว่า สถานที่ที่เราผ่านไปนี้มีอะไรบ้างในอดีต แต่ละองค์อาจจะมีความรู้สึกมีความรู้ไม่เสมอกัน ก็ไม่เป็นไร แต่ให้มันถูกก็แล้วกัน เพราะแผ่นดินผืนเดียว ก็มีสมัย หลายสมัย จุด ๆ เดียว อาจจะมีประเทศตั้งอยู่หลายสมัย หลายประเทศ หลายชาติ สลับกันไป เพราะแผ่นดินมีอยู่นาน คนมีอายุน้อย แผ่นดินมีอายุมาก บางที่ที่เป็นป่า เป็นพง อาจจะเคยมีบ้าน มีเมือง มีตึก มีราม มีบ้าน มีช่อง มีตลาด มาแล้วก็ได้



    รวมความว่า ท่านต้องการให้ทราบว่า มีอะไรบ้างในที่ที่เราผ่านมา ในสมัยอดีตและเมื่อถึงสถานที่พัก เมื่ออาบน้ำอาบท่าเสร็จ พักผ่อนดีแล้ว ท่านก็บอกว่าคืนนี้ทุกองค์ไปบันทึกสิ่งที่สัมผัสมา ที่เดินมาจากตอนต้น ถึงปลายทางว่า พบอะไรกันบ้าง วันพรุ่งนี้มาอ่านให้ฉันฟัง พวกเราก็ต้องปฏิบัติกันตามนั้น แต่การเห็น ความรู้สึกต่าง ๆ อาจจะคล้ายคลึงกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง แล้วแต่ว่า ใครเป็นใคร



    สำหรับอาตมาเองก็ขอพูดเล่าย่อ ๆ เท่าที่พอจะนึกได้เมื่อจะออกจากวัด แทนที่จะใช้อตีตังสญาณ เพราะความไม่มั่นใจในตัวเองว่า ถ้าใช้อารมณ์ของตัวเอง อาจจะมีอารมณ์เฝือหมายความว่า จะมีอุปาทานเกิดขึ้นได้ จึงไม่ใช้ สิ่งที่ใช้ก็คือ ถามเทวดา เพราะก่อนจะไปก็เชิญเทวดาเป็นผู้อารักขาไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทวดาชั้นจาตุมหาราชอยู่ใกล้ชิดมากเป็นหน้าที่โดยตรงของท่าน



    องค์ที่ถูกถามองค์แรกก็คือ ท่าวเวสสุวัณ อยากจะทราบว่า สถานที่กำลังผ่านอยู่นี้มีอะไรอยู่บ้างในอดีต ท่านท้าวเวสสุวัณก็มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอินทกะท่านหนึ่งเป็นผู้อธิบายให้ฟัง พร้อมกับแสดงภาพให้ดู ขณะที่เดินมาจากวัดบางนมโค ถึงสีกุกก็จะไม่ขอเล่าเรื่องให้ย่อย ๆ (คำว่า ย่อย ๆ คือ ไม่มีความสำคัญ)


    [​IMG]


    เมื่อถึง สีกุก ก็เจอะสถานที่นั้นมีขอบเขตมีรั้วเรียกว่า มีคันคู แสดงว่าเป็นค่ายของพม่าเก่าก็ถามท่านอินทกะว่า นี่เป็นอะไรท่านบอกนี่ค่ายพม่าที่มาตีกรุงศรีอยุธยาก็ขอดูภาพพม่าในสมัยนั้นเห็นภาพทหารพม่ามากมาย มีกำลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบื้องหลังค่ายพม่ามาเป็นของพม่าหมด ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะกองทัพเขาล้อมอยุธยาไว้หมด เขาตั้งค่ายล้อมทุกด้าน ทางอยุธยาก็มีทหาร เรียกคนเข้าไปประจำการภายในกำแพงเมือง เกณฑ์พืชพันธุ์ธัญญาหารเอาไปไว้ในกำแพงเมือง จะได้กินในนั้นออกมาหากินกันไม่ได้ (แค่สีกุก กับอยุธยา เวลานี้รถวิ่งประมาณแค่ 10 นาที ถ้าเดินก็เห็นจะเป็นประมาณสัก 2-3 ชั่วโมง) แล้วก็มาทุกด้าน ก็มีเขตพม่าล้อมรอบ



    ทีนี้ในค่ายของพม่า ก็มีคนไทยอยู่ด้วยก็ถามท่านว่า ในเมื่อพม่ามารบไทยทำไมจึงมีคนไทยอยู่ในค่ายพม่า ท่านก็บอกว่า หลังจากค่ายนี้ออกไป เป็นดินแดนของไทยก็จริงแล แต่ทว่าพม่ามีอำนาจ พม่ามีทหารมาก มีอาวุธมาก ชาวบ้านไม่สามารถจะสู้ทหารได้ ก็ต้องยอมทนมารับใช้พม่า ถ้าพม่าไปเกณฑ์มาใช้ ก็ต้องทำงานให้แก่พม่า พม่าใช้ทำงานบ้าง ใช้ทำนาบ้าง พืชพันธุ์ธัญญาหาร มีข้าวมีปลา พม่าเกณฑ์ ก็ต้องให้พม่า วัวควายที่มีอยู่ พม่าอยากจะกิน ก็ต้องให้พม่า ไม่ให้พม่า พม่าก็ฆ่าตาย ก็เป็นอันว่า ค่ายพม่า ก็มีคนไทยอยู่ด้วย มองเห็นภาพแล้วก็สลดใจ



    มองเข้าไปในกรุงศรีอยุธยา ดูภาพในกรุงศรีอยุธยา ก็มีแต่ความวุ่นวาย มีทหารตั้งอยู่บนเชิงเทินบ้าง บางครั้งก็มีทหารพม่าไปเดินรอบ ๆ กำแพงเมืองใกล้ ๆ กำแพงเมืองอยุธยา อยุธยาก็ส่งกำลังออกมาต่อตีกับพม่า บางทีคนไทยก็แพ้ บางครั้งพม่าก็แพ้ พม่าแพ้ พม่าก็เข้าค่าย ไทยแพ้พม่า คนไทยก็เข้าเมือง รวมความแล้วก็ไม่ได้เรื่อง ความจริงถ้าพม่าตั้งล้อมอย่างนั้นเฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องต่อตีเลย คนไทยภายในกำแพงเมืองไม่ช้าก็อดตาย วิธีรบแบบนี้เป็นวิธีรบที่เสียทีข้าศึกอย่างมาก ฉะนั้นในสมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์จึงไม่ยอมให้พม่าเข้าไปประชิดพระนคร ยกทัพกองทัพไปต่อสู้ข้าศึกกลางทาง ถ้าเขามาล้อมบ้านมันมีหวังตายแน่นอน เมื่อเห็นภาพในสมัยนั้น ก็มีความสลดใจก็บันทึกไว้จะไม่ขอพูดละเอียด



    ก็เดินต่อไปถึงอยุธยา แล้วเดินออกไปภายข้างนอก พอไปถึงเขตเลยอยุธยาออกไปไม่มากนัก ก็พบค่ายพม่าอีก ก็ขอดูภาพเดิม ก็เป็นตามเดิม เดินไปอีก ใกล้ถึง ชอนสรเดช ก็ปรากฏว่าพบพม่าค่ายใหญ่ตั้งอยู่นั้น เป็นค่ายของบุเรงนอง จึงถามท่านอินทกะว่า บุเรงนอง นี่เป็นแม่ทัพอยากจะดูภาพ ท่านก็ให้เห็นภาพ เห็นกำลังกองทัพ เห็นกองทัพเข้าโจมตีกัน อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็บันทึก และหลังจากนั้นก็ถามท่านต่อไปว่า ก่อนหน้านั้นมีอะไรบ้างไหม ท่านก็ให้ดูภาพ เป็นสมัย ๆ ไป แล้วท่านก็เล่าความเป็นมาให้ฟัง


    [​IMG]


    เมื่อถึงที่พัก อาตมาก็บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เท่าที่จะพอจำได้จากที่ท่านอินทกะบอก ถ้ามีอะไรสงสัย ก็ถามท่านอินทกะ ท่านอินทกะท่านก็บอกให้ บันทึกไปถวายหลวงพ่อปานปรากฏอีก 2 องค์เขาก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เขาบอกว่า ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะผมไม่เชื่อตัวผมเองว่า ผมดี เรายังไม่มีความดีพอที่จะรู้จริงได้ ต้องถามเทวดา ฉะนั้นการบันทึกจึงคล้ายคลึงกันมาก จะแตกต่างก็เพียงแค่ถ้อยคำเท่านั้น เรื่องราวต่าง ๆ ก็เหมือนกันหมด



    ทีนี้การที่หลวงพ่อปานสั่งว่า ทุกคนขณะที่เดินทางไป จะต้องใช้อตีตังสญาณ กำหนดสถานที่ทั้งหมดว่า ที่ตรงนี้ เดิมทีก่อนหน้านี้มีอะไรมาบ้าง สมัยไหนมีอะไรบ้าง อันนี้เป็นเหตุให้เกิดความสำรวม ก็เป็นอันว่า ทุกองค์ที่เดินไปทั้งหมด ไม่มีใครคุยกันเลย มันหาเวลาคุยไม่ได้ เพราะจิตต้องรู้ ต้องรู้ถึงภาพของคน รู้ถึงภาพของบ้านเมือง แต่ว่าการรู้ ไม่ใช่รู้เองถามเทวดาท่าน




    ก็ต้องเอาอารมณ์ตั้งไว้แค่อุปจารสมาธิ อันดับแรก ทำจิตให้ทรงฌานก่อน จิตจะได้มีความมั่นคง เมื่อจิตทรงฌานดีแล้ว ก็ลดมาถึงขั้นอุปจารสมาธิ เพราะความเป็นทิพย์อยู่ตรงนั้น เมื่อลดกำลังมาถึงขั้นอุปจารสมาธิ ความเป็นทิพย์ก็เกิด ก็เห็นภาพเทวดาชัด ก็เหมือนกับเห็นคนธรรมดา หลังจากนั้น ก็คุยกันไปคุยกันมา ตามเรื่องที่ท่านเล่าให้ฟัง เราต้องการอะไร ท่านก็พูดให้ฟังตามนั้น ก็จำเอาไว้ แล้วก็ไปบันทึกให้หลวงพ่อปานทราบ นี่เป็นการธุดงค์ครั้งแรก ที่หลวงพ่อปานนำ



    เมื่อตอนก่อนได้พูดว่าไปถึง จังหวัดกำแพงเพชร ตอนนั้นกลับหรือยังไม่กลับก็ไม่ทราบ หลังจากนี้ต่อไป ก็ขอเลี้ยวไปทางด้านภาคอีสาน กับภาคตะวันออกก่อน ถ้าจะถามว่า ที่ตรงไหน เขาเรียกว่าอะไร อันนี้ก็ตอบไม่ได้เพราะว่าเวลานั้นไม่มีป้ายบอก การเดินของคณะธุดงค์คณะนี้ เดินเฉพาะในป่าโดยตรง ถ้าได้ยินเสียงสุนัขเห่า แสดงว่ามีบ้าน เดินให้ห่างออกไป จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงสุนัขเห่า และต้องการความสงัดจริง ๆ (ไม่ใช่กลัวเสียงสุนัขแต่ว่ากลัวจิตจะไปติดบ้าน) เพราะว่าเป็นการธุดงค์แบบอุกฤษฏ์ ถือว่าไม่ดีพอก็ให้มันตายในป่าไปเสียเถอะ



    ความจริงการธุดงค์แบบนี้ก็ทำกันได้ ไม่ใช่ได้เฉพาะคณะอาตมาคณะเดียว หลาย ๆ คณะท่านก็ทำได้เหมือนกัน รุ่นก่อน ๆ ท่านก็ทำกันมาแล้ว ในสมัยเดียวกันก็มีหลายคณะ ท่านก็ทำเหมือนกัน คือ บางท่านก็ทำคนเหมือนฤาษี คือ กินผลไม้ในป่า ไม่กินอาหารจากบ้าน บางคณะก็อยู่ด้วยธรรมปีติ บางคณะก็บิณฑบาตกับเทวดา อย่างคณะของอาตมา เพราะยังไม่เก่งพอที่จะอยู่ด้วยธรรมปีติได้ ถ้าอยู่ด้วยธรรมปีติเป็นปีเป็นเดือนนี่ ต้องเก่งจริง ๆ และร่างกายจะไม่ทรุดโทรม


    [​IMG]


    ก็ขอเลี้ยวไปจุดหนึ่ง เอาแค่เป็นจุด ๆ ก็แล้วกันนะ ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นจังหวัดขอนแก่น หรือจังหวัดสุรินทร์ (อาจจะเป็นจังหวัดสุรินทร์) ขอโทษด้วยนะ เพราะว่ามีต้นลานมาก ขณะที่ไปถึงดงลาน ก็ถามท่านอินทกะว่า ที่นี่ปักกลดได้ไหม ท่านบอกว่า ที่ไหนก็ปักได้ ในเมื่อพวกกระผมคอยคุ้มครองท่านอันตรายย่อมไม่มี ก็ถามว่า ในเขตนี้ จวนจะหมดเขต ประเทศไทยหรือยัง ท่านก็บอกว่า ยัง ถ้าหมดเขต ประเทศ ต้องเดินไปอีกนานหน่อย แต่ใกล้จะถึงแม่น้ำโขงอยู่แล้ว



    ก็เป็นอันว่า ปักกลดที่นั้น เมื่อปักกลดตอนกลางคืน (ตอนนี้ไปเดี่ยว หลวงพ่อปานไม่ได้ไปด้วย หลวงพ่อปานท่านพาไปด้านเชียงตุง อาตมาขอเลี้ยวไปด้านนี้ก่อน ในปีต่อมา) ก่อนที่จะปักกลด ก็ชุมนุมเทวดา (บวงสรวง) ตามที่เคยปฏิบัติ แล้วก็อาบน้ำอาบท่ากันตามสบาย สิ่งที่พวกเราชอบใจมากก็คือ ช้าง ในเขตนั้นรู้สึกว่ามีช้างมาก ขณะที่กำลังปักกลดอยู่ ก็มีช้างโขลงหนึ่งประมาณ 60 ตัว มายืนมองอยู่ ไกลประมาณสัก 200 เมตร ไม่ห่างนัก แต่พวกเราก็มัวยุ่งอยู่กับการปักกลดไม่ได้ไปสนใจช้าง ไม่รู้ว่าช้างมา พอหันหน้าไปเห็นเข้า ช้างหัวหน้าโขลง ซึ่งเป็นช้างสีดอมีงาสั้น ตัวใหญ่มาก คุกเข่าลง ยกงวงขึ้นชู แสดงว่าทำความเคารพ ช้างทั้งโขลงก็ปฏิบัติตนเหมือนกันหมด ก็เบาใจ



    เมื่อปักกลดเสร็จก็ถามว่า พ่อปู่ (ย่าเคยบอกว่า ช้างนี่เขาชอบให้เรียกว่าพ่อปู่ ถ้าเรียกว่าพ่อปู่ จะเป็นที่พอใจของเขามาก) ถามว่า พ่อปู่ น้ำมีที่ไหนบ้าง ท่านสีดอท่านลุกขึ้น ท่านก็หันหน้าไปเดิน 2-3 ก้าว แล้วหันหน้ากลับมาใหม่ พวกเราก็เดินตามไป ท่านเดินนำไปข้างหน้าประเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงหนองน้ำใหญ่ น้ำใสสะอาดมาก ท่านก็เอางวงชี้ว่า ที่นี่มีน้ำ ในเมื่อพวกเราเห็นน้ำแล้ว ก็อาบน้ำ สรงน้ำกันแบบสบาย ๆ บรรดาช้างทั้งหลาย ก็มายืนล้อมบ่อ หันหน้าออกทั้งหมด แสดงว่าที่นั่นยังมีอันตรายมาก เพราะเป็นป่าทึบ อาบน้ำเสร็จก็ขอบใจท่าน ท่านก็เดินทางกลับ พวกเราก็เข้ากลด



    ตอนเข้ากลดแล้วนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็นั่งกรรมฐานกันตามธรรมดา ๆ อย่าลืมว่า พวกเราไม่ใช่พระอริยเจ้า จะเป็นพระอะไรนั้นไม่สำคัญ เป็นพระธุดงค์ก็แล้วกัน ความกลัว ถามว่า มีไหม ก็ต้องตอบว่า ทุกคนถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์ ต้องกลัว ถ้าไม่มีความกลัว ก็ต้องเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องไปธุดงค์ การไปธุดงค์ก็เป็นการฝึกเพื่อทำลายกิเลส แต่ว่าจะทำลายได้ขนาดไหน ก็เป็นเรื่องของจิตใจ


    [​IMG]


    เมื่อปักกลดไปแล้ว กลางคืนนั่งกรรมฐาน ปรากฎว่าเวลาประมาณตี 2 มีนกใหญ่ตัวหนึ่ง บินมาเกาะที่ยอดกลด ก็รู้สึกแปลกใจว่า ตามธรรมดานกอะไรจะมาตอนเวลาตี 2 จะว่าเป็นนกแร้งก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นนกกระเรียนก็ไม่ใช่ จะเป็นเหยี่ยวก็ไม่ใช่แน่ เพราะโตกว่าเหยี่ยวมาก ก็มีความเข้าใจว่า ที่นี่มีไสยศาสตร์มาก จึงถามท่านอินทกะว่า นกนั่นคืออะไร ท่านก็บอกว่า หนังควาย เขาทำมาเพื่อให้เข้าตัวพวกท่าน แต่ผมกันไว้ ถ้าท่านอยากจะรู้ ก็เอาไม้แหลม (มันมีไม้แหลมเล็ก ๆ อยู่ 2-3 อัน สำหรับไว้แคะเล็บบ้าง อะไรบ้าง เพราะมีมีดไปไม่ได้) แทงทะลุกลดขึ้นไปถูกนก นกก็กลายเป็นหนังควายผืนใหญ่หล่นลงมา เป็นอันว่า อีก 2 กลดก็เหมือนกัน เขาก็ถูกนกจับเหมือนกัน พร้อม ๆ กัน เขาก็ทำแบบเดียวกัน เขาก็ถามท่านอินทกะ เหมือนกัน



    พอตอนเช้า ก็ไม่ทราบว่าที่นั้นใกล้บ้าน เพราะเป็นป่าทึบ บังเอิญเป็นเขตใกล้บ้าน กำลังจะออกบิณฑบาตกับต้นไม้ ท่านอินทกะก็บอกว่า ไม่ต้องบิณฑบาตกับต้นไม้เพราะว่าที่นี่ ประเดี๋ยวคนจะมาทำบุญ ก็ถามท่านว่า คนเขารู้ได้อย่างไรว่า คณะของเรามา ท่านบอกว่า ไม่เป็นไร พวกผมบอกเขาเอง เขาอยู่ใกล้ ๆ แถบนี้ ให้รับบุญรับกุศลกับเขาหน่อยหนึ่ง แล้วท่านจะรู้ว่า เมื่อคืนนี้ที่นกบินมา นั่นคือใคร ใครเป็นคนทำให้นกบินมา แต่ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะบิน ตั้งใจจะเข้าตัว (ถ้าเข้าตัว ก็หมายถึง ตายทันที เพราะหนังควายผืนใหญ่) ก็นั่งรอคนไม่ไปบิณฑบาต คนเขาก็นำอาหารมา พวกเราทั้ง 3 คนก็เอาหนังควายที่ได้เมื่อคืนนี้ มารองนั่งเป็นพรมรองนั่ง



    แต่ว่าคนที่มาก่อนคณะอื่นทั้งหมด ก็มีคนแต่งตัวดี 2 คน นุ่งขาวห่มขาว ท่าทางเรียบร้อย มีข้าวสุกสีขาวมาก และมีต้มยำพุงกับไข่ปลา (ไม่ใช่อาหารขอภาคอีสาน เป็นอาหารของภาคกลาง) แต่คนอื่นทั้งหมดแต่งตัวรุงรังมากกว่า แต่ใช้อาหารของภาคอีสาน มีข้าวเหนียว แล้วก็มีปลาร้าปลาจ่อม และมีส้มตำ เป็นต้น เอามาถวาย ขณะที่นั่งฉันข้าว ท่านเจ้าของข้าวก็บอกว่า ท่านเป็นพระภาคกลาง นิมนต์ฉันข้าวเจ้าครับ ผมนำมาถวาย ข้าวสวยมาก นิมนต์ฉันต้มยำ



    ทั้ง 3 องค์ก็มองดูหน้ากัน สงสัยว่าคน 2 คนแต่งตัวเรียบร้อยมาก ลีลาดีกว่าคนอื่นทั้งหมด ก็ถามท่าอินทกะ อินทกะท่านบอกง่า ไอ้เจ้า 2 คนนี่แหละ ที่มันทำให้นกมาจับบนหลังคากลดของท่านเมื่อคืนนี้ และข้าวนั่น ท่านจะฉันไม่ได้นะ มันเป็นทราย และพุงปลากับไข่ปลา ก็ฉั นไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นหนาม หนามผูกไขว้กันไว้ ถ้าฉันเข้าไปลำไส้จะทะลุ เอาวางไว้เฉย ๆ ก่อน แล้วก็ฉันอาหารของคนอื่น เมื่อฉันอาหารของคนอื่นเสร็จ ท่านอินทกะ ท่านก็บอกว่า ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบ ว่า อิติปิโสฯ 1 จบ นึกถึงคุณพระพุทธเจ้า



    ขอย้อนหลังไปนิดหนึ่ง ขณะที่นั่ง ๆ อยู่ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ไอ้หนังที่รองนั่งมันค่อย ๆ เล็กมาทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงเข่า ท่านอินทกะก็เตือนบอกว่า นี่มันเริ่มทำแล้วนะ จะให้หนังเข้าตัว เอาน้ำสำหรับจะฉันมาพรมสิ ก็พรมน้ำลงไป ปรากฏว่าหนังยืดไปตามเดิม เมื่อฉันอิ่มเสร็จ ท่านอินทกะก็บอกว่า เอาน้ำที่ฉันนี่ไปพรมข้าว พอพรมข้าว ข้าวก็กลายเป็นทรายทั้งหมด พอพรมต้มยำ ต้มยำก็เป็นธรรมดา มีหนามผูกไขว้


    [​IMG]


    คนทั้งหลายพอเห็นเข้า อย่างนั้น ก็เข้าใจว่า คน 2 คนนี่ทำมาเพื่อจะฆ่าพระธุดงค์ เขาถือว่า ถ้าฆ่าพระธุดงค์ได้ เป็นความดีมาก เป็นคนเก่ง ชาวบ้านต่างคนก็ต่างโกรธ จะทำร้ายร่างกายสองคนนั่น อาตมาก็เลยขอร้องบอกว่า อย่าทำร้ายเขาเลย เป็นเรื่องของกฎของกรรมตามธรรมดา พระธุดงค์ต้องมีของป้องกันตัวเป็นของธรรมดา

    อ้างอิง จาก หนังสือ หลวงพ่อธุดงค์


    คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์ .. นักปฏิบัติ ควรทราบ<!-- google_ad_section_end -->​






    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->"สัมปจิตฉามิ"<O:p


    คาถาบทนี้ พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกหลวงพ่อในขณะที่หลวงพ่อพักอยู่ที่เมืองควีนทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๙ เวลา ๐๕.๐๐ น.
    <O:p
    ก่อนนอนหลวงพ่อนอนภาวนาเป็นปกติ ตื่นขึ้นมามีอาการปากขยับไม่ได้ มือขยับไม่ได้ รู้สึกอึดอัด คล้ายเป็นอัมพาต แต่ใจสบาย พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกว่า


    [​IMG]

    <O:p
    "เวลานี้มีคนคิดทำให้เธอเป็นแบบนี้"
    <O:p
    และท่านให้เห็นตัวผู้ทำชัดเจน พระ องค์ที่ ๑๐ ให้ภาวนาว่า "สัมปจิตฉามิ" จึงคลายตัว คาถาบทนี้ไม่ได้ให้ใช้เฉพาะหลวงพ่อเท่านั้น อนุญาตให้พุทธบริษัทศิษยานุศิษย์และลูกหลานหลวงพ่อใช้ได้ด้วย
    <O:p
    ก่อนนอนภาวนา ให้ตั้ง นะโม ๓ จบ และต่อด้วย
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ<O:p
    และสวด อิติปิ โส ฯ ๓ จบ จึงภาวนาเรื่อย ๆ ในขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบาย ๆ ผลของคาถาบทนี้ จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน<O:p
    ผลพิเศษ ถ้าตั้งใจรักษาศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือ ตั้งใจรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน สามารถระงับนิวรณ์ได้ ภาวนาวันละ ๑ ชั่วโมงเป็นเวลา ๓ เดือนติดต่อกัน จะมีผลคล้าย " อภิญญา"
    <O:p
    หมายเหตุ "สัมปจิตฉามิ" อ่านว่า สัม - ปะ - จิต - ฉา - มิ คาถาบทนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ไม่มีผลสำหรับผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระโมคคัลลาน์ท่านมายืนยันว่า คาถาบทนี้เป็นคาถาอภิญญา บอกว่าคนที่ได้อภิญญามาในชาติก่อน ถ้าใช้คาถาบทนี้ของเก่าจะรวมตัว คือว่า ทำไป ๆ ถ้าเข้าถึงผรณาปีติจะรู้สึกว่าตัวไม่มีเหลือแต่หน้า ต่อไปก็ไม่มีอะไรเหลือเลย หน้าก็ไม่มี ถ้าทำได้เช่นนี้บ่อย ๆ ไม่ช้าก็รวมตัวจะไปไหนก็ได้ เที่ยวต่างประเทศเรื่องเล็ก ฆราวาสทำได้ทุกอย่าง แต่พระห้ามแสดงต่อหน้าคน
    <O:p
    อย่างท่านปิณโฑลภารทวาชะ เป็นต้นบัญญัติ ถูกห้ามเพราะอะไร เพราะถ้าไปทำอย่างนั้น คนก็ไม่ต้องการธรรมะ ต้องการพระแสดงปาฏิหาริย์ ถ้าขอให้พระแสดงปาฏิหาริย์ พระทำให้ คนนั้นตายแล้วเกิดใหม่ต้องไปเป็นทาสเขา ๕๐๐ ชาติ ถ้าพระไม่ทำให้แล้วโกรธก็เลยลงนรก
    <O:p
    พระพุทธเจ้าจึงทรงห้าม แต่ว่าพระที่อยู่ในป่าท่านมีความจำเป็นก็ใช้ได้ แต่ต้องไม่ให้คนเห็น อย่างพระที่เข้านิโรธสมาบัติ ออกมาแล้วปั๊บร่างกายต้องการอาหารก็ต้องดู เราจะไปหาที่ไหน เห็นหน้าคนที่จะให้ปั๊บก็เหาะไปทันที แต่ต้องไม่ให้คนเห็น พอเห็นว่าคนจะเห็นก็ต้องลงเดิน ถ้าเหาะจริง ๆ แล้วไวมาก ตามบาลีว่าที่พระโมคคัลลาน์ขึ้นไปดาวดึงส์ในคราวนั้น บอกว่า "แค่ลัดนิ้วมือเดียว"ความจริงไวกว่านั้น แต่ศัพท์ภาษาไทยไม่รู้จะใช้อะไร ความจริงนึกก็ถึงเลย .. สวัสดี

    คำเตือน(โดยเฉพาะ สุภาพสตรี)
    ได้มีผู้ เล่น คุณไสย ปะปนมา มาในกลุ่ม สมาชิก ขอให้ทุกท่าน ระวังตัว จะแก้ไขลำบาก ..
    การสื่อ รูปแทนตัวเอง ของใช้ประจำตัวของเรา ของที่เขาส่งให้เราโดยมากตระกูลน้ำมัน ของขลังที่ไม่ได้พุทธาภิเศก ชื่อ สกุล วัน เดือน ปีเกิด
    การป้องกัน วัตถุมงคลหลวงพ่อ ฤาษี ฯ และ คณาจารย์ที่น่าเลื่อมใส พระคาถา ข้างต้น และบทอื่น ๆ

    ดาวน์โหลดรูปหลวงพ่อ ( พระราชพรหมยาน )
    หาดูยาก ชุดที่สอง จำนวน ๑๐๐ รูป
    คลิกไฟล์ พระราชพรหมยาน ด้านล่าง
    เลือก เปิด จะเห็นไฟล์โฟลเดอร์ พระราชพรหมยาน
    คลิกขวา ที่ไฟล์โฟลเดอร์ พระราชพรหมนาน
    เลือก Copy to ... (เลือกที่เก็บ)
    หมายเหตุ .. รูปนี้จัดทำกันเอง โดยกลุ่ม .... เพื่อเป็น ธรรมทาน และสังฆานุสสติ


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.950416/[/MUSIC]​

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 เมษายน 2011
  2. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    อภิวาทวันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    *
    [​IMG]

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่าน

    <IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 600px; HEIGHT: 300px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpages%2FBuddhaSattha%2F158726110822792&width=600&connections=20&stream=true&header=false&height=300" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>
    *<!-- google_ad_section_end -->
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    [​IMG]
    ...กราบอนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ...
     
  5. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

    หลวงพ่อจรัญ ก็สอนให้ท่อง เมตตัญจสัพโลกัสมิง มานะสัมพาวะเย อัปปะริมานัง
    ค่ะ
    เวลานั่งรถลงเรือ ท่านว่าจะปลอดภัย
     
  6. KOKOKING_<<0>>

    KOKOKING_<<0>> เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    813
    ค่าพลัง:
    +1,373
    กราบอนุโมทนาด้วยครับบบคุณลุง มีทีเด็ดเสมอเลยนะครับลุง อิอิ
     
  7. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  8. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    กราบ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอบพระคุณ ครับ ที่เทอดบารมี ครูบาอาจารย์ สู่อนุชนรุ่นหลัง

     
  9. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    "ฉะนั้นในสมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์จึงไม่ยอมให้พม่าเข้าไปประชิดพระนคร ยกทัพกองทัพไปต่อสู้ข้าศึกกลางทาง"

    สาธุช่างเป็นยุทธวิธีอันยอดเยี่ยมนัก ลูกขอกราบสดุดีในพระปรีชาสามารถและความกล้าหาญขององค์สมเด็จพ่อพระนเรศเป็นเจ้าพระพุทธเจ้าข้า
     
  10. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    อ่านแล้วสนุกจังเลย...
     
  11. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,412
    ค่าพลัง:
    +7,054
    พุทธคุณ ไม่มีเสื่อม ไสยศาสตร์เสื่อมได้
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  12. kosondesign

    kosondesign Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +66
    สาธุ การธุดง เป็นสิ่งที่ผมอยากปฏิบัติเหมือนกัน
    เพื่อหลีกหนี ความวุ่นวาย จากสภาพแวดล้อม
    สักวัน....
     
  13. เฒ่ายิ้มแย้ม

    เฒ่ายิ้มแย้ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +37
    กราบอนุโมทนาครับ

    เป็นบุญที่ชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนา
     
  14. tah-trial

    tah-trial เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +107
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ.:cool:
    ประสบการณ์ที่เป็นความรู้ ขอบคุณครับ
     
  15. ณัฐปพน

    ณัฐปพน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +416
    อนุโมทนบุญค่ะ

    แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว;k05
     
  16. ปฐมฌาน

    ปฐมฌาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +204
    ขออนุโมทนาครับ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เราใช้น้ำไว้ชำระกาย แต่ ใช้อะไรชำระจิต...หรือยัง<o:p></o:p>
    ปฐมฌาน <o:p></o:p>
    ประกันภัยราคาถูก ประเภท 1 แค่7,000บาท<o:p></o:p>
    http://www.insureintrend.com<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  17. ffslide

    ffslide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +225
    อัปมาโนพุทโธ อัปมาโนธัมโม อัปมาโนสังโฆ

    อนุโมทนาบุญ สาธุครับ....................
     
  18. Guide_Raito

    Guide_Raito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +2,990
    เป็นบทที่น่าท่องมากคับ เมตตัญ จะ สัพพะโล
    _____________________________________________________________________________________________________________________________
    มีบุญมาฝากคับทางกลุ่มพระพุทธศาสนา ม. สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ได้ จัดทำโครงการแจกสือ่ ธรรมะของสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำคับ เพราะ ที่นี่มีเด็กหลายคนสนใจมาฝึกมโนมยิทธิและหันมาทำความดีกัน เนื่องด้วย สื่อ ธรรมะ ของหลวงพ่อ ครับทางชมรมเลยจัดโครงการแจกสือ่ธรรมะเป็นสาธารณะประโยชน์ แก่ โรงเรียน ห้องสมุดต่างๆเพื่อ ชักจูง คนให้เป็นสัมมาทิฐิและเป็นกำลังพระศาสนา สืบต่อไปครับ
    ขอให้ชาวเวปพลังจิตทุกท่าน เจริญขึ้นทั้งทางโลก และทางธรรม เข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จฯ ได้โดยง่ายครับ
    [​IMG] [​IMG]
    เข้าชมรายละเอียดได้ที่http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญ-โครงการธรรมทานกับนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์-ภูเก็ต-218421.html<O:p></O:p>


    ขอเชิญร่วมสร้าง ถนน สายบุญ พระพุทธบาทสี่รอย ซึ่งเป็นที่น่าสักการะ และศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งด้วยพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในกัปเจริญนี้

    http://palungjit.org/.105/เชิญร่วมทำบุญสร้างถนนสายบุญ.235467/
     
  19. เก่งธรรม

    เก่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +142
    ขออนุโมทนาสาธุครับ มีความฝันว่าสักหนึ่งจะบวชและออกธุดงค์....ครับ
     
  20. เบองซูร์

    เบองซูร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +664

    ลูกขอระลึกนึกถึงพระคุณของ
    พระวิสุทธิ์พุทธรังสีบรมธรรมบิดา
    พระคุณของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทกๆพระองค์
    ลูกขออนุโมทนาบุญ
    กับทุกๆ ท่านนะครับ
    ขอบุญนี้เป็นบุญอัศจรรย์
    หมุนแผ่ไปตลอดเวลา
    ด้วยพลังแสงทิพย์อริยธรรม
    ด้วยพลังแสงฉัพพรรณรังสีรัสมีหกประการ
    หมุนตลอดเวลา
    ด้วยพระบารมีอันมิอาจประมาณ
    ของพระวิสุทธิ์พุทธรังสีบรมธรรมบิดา
    ด้วยพระบารมีของพระพุทธเจ้า
    ด้วยบารมีของพระเบื้องบนพระนิพพานทุกๆพระองค์
    ผลบุญใดที่ลูกได้กระทำมา
    จากชาติแรกถึงปัจจุบัน
    ทั้งทาน ศีล ภาวนา
    รวมกับบุญที่ลูกขออนุโมทนาสาธุ
    กับบุญทุกบุญในบ้านสวนพีระมิด
    รวมกับบุญที่ลูกขออนุโมทนา
    กับองค์พระเบื้องบนพระนิพพานทุกๆพระองค์
    รวมกับบุญที่ลูกอนุโมทนากับพระอริยเจ้าทุกพระองค์
    รวมกับบุญที่ลูกอนุโมทนากับพระมหาโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์
    รวมกับบุญที่ลูกอนุโมทนากับพรหมเทพเทวดาทุกๆ พระองค์
    รวมกับบุญทุกบุญของทุกท่าน
    ทั่วเขตแดนโกฏิจักรวาล
    อนันตจักรวาล
    ลูกขอน้อมถวายบูชาพระคุณ
    พระบรมธรรมบิดา
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระอรหันตเจ้าทุกๆพระองค์
    พระอริยเจ้าทุกๆพระองค์
    พระมหาโพธิสัตว์เจ้าพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆพระองค์
    พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์
    มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นที่สุด
    เทพไท้เทวดาพรหมทุกๆพระองค์
    คุณบิดามารดาทุกๆหลายแสนชาติ
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกๆพระองค์
    บรรพบุรุษไทยทุกๆ ท่าน
    สรรพสัตว์ทั่วทั้งสามโลก
    เจ้ากรรมนายเวร
    พี่น้องบ้านสวนพีระมิดทุกท่าน
    ผี สัมพเวสี เปรต อสูรกาย สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน
    ขอจงร่วมอนุโมทนาบุญดังกล่าว
    กรรมใดที่ลูกได้ประมาทพลาดพลั้งไป
    ตั้งแต่ชาติแรกถึงปัจจุบัน
    ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี
    รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี
    ทาง ใจ วาจา กาย
    ในคุณพระรัตนตรัย
    ในเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ทุกๆพระองค์
    ในคุณบิดามารดาครูอาจารย์ทุกๆพระองค์
    ในทุกๆท่าน
    ขอทุกท่านโปรดจงอโหสิกรรมให้ลูกด้วย
    ขอให้กรรมขาดจากกันบัดนี้
    กรรมใดที่ใครๆทำกับข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าอโหสิกรรม
    น้อมถวายเป็นอภัยทาน
    แด่พระเบื้องบนพระนิพพานทุกๆพระองค์
    ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้
    ขอให้ความไม่มี
    ไม่ได้ซื้อคือไม่ได้เรียนรู้ธรรมะ
    ไม่ได้ขายคือไม่ได้เผยแผ่ธรรมะ
    ไม่หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งกายและใจ
    ไม่ได้ช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์
    ไม่ได้ช่วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    จงอย่าบังเกิดปรากฎมีแก่ลูก
    สัมปติจฉามิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    นิพพานปัจจโยโหนตุ
    นิพพานปรมังสุขขัง
    บุญนี้ที่ลูกจะพึงได้รับเพียงใด
    ขอน้อมให้ทุกท่านและเทวดาประจำตัวท่านได้รับเช่นกัน
    รวมทั้งทุกท่านแม้ไม่ได้อ่านข้อความนี้ก็ตาม
    ขอให้ท่านและเทวดาประจำตัวท่านพึงได้รับเช่นกัน
    โดยอัตโนมัติ
    ฝากไปกับแสงทิพย์อริยทรัพย์
    และแสงฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการ
    ส่งไปทาง
    ทุกๆแสง สี และวัตถุธาตุที่ได้พบเห็น
    ทุกเสียงที่ได้ยิน
    สาธุ สาธุ สาธุ
    สัมปติจฉามิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    นิพพานปรมังสุขขัง
    อานิสงส์ของบุญดังกล่าวมีเพียงใด
    ลูกขอน้อมถวาย
    แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
    ทั้งหมดครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...