ทำไม ดร.สมิทธ, ดร.สุมิตร, ดร.อาจอง, ดร.ก้องภพ ถึงถูก Discredit ?

สัญญาณ! เตือน มีให้เห็นโดนรอบแล้วจริงๆค่ะ คานาดา ก็เจอแผ่นดินไหว กินบริเวณกว้าง ที่นี่ตื่นเต้นกันมาก ขนาดความแรง5.5 ริกเตอร์ เมื่อวานนี้เอง(23June) กำลังนั่งอยู่ชั้น 5 รู้สึกเหมือนนั่งเรือ กระทบคลื่น น่ากลัวเหมือนกันค่ะ หลายคนบอกอยู่ที่นี่ นานมาก ไม่เคยเจอ

 

มันเป็นรากฐานระบบการศึกษาของไทยที่ยึดมั่นกับDegreeมากกว่า ความรู้ความสามารถ
การจะหาความรู้เป็นเรื่องยากสําหรับสังคมคนส่วนใหญ่ในเมืองไทย ติดทางด้านภาษาและเทคโนโลยีในด้านการเข้าถึงข้อมูล รัฐมิได้เป็นรัฐสวัดดิการหวังแค่ผลได้ผลเสียของผลคะแนนเสียงทางการเมือง งานวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีแทบจะไม่มี ถ้าจใช้เทคโนโลยีก็เป็นแบบกินน้ำล้างเท้าฝรั่งอยู่
ระบบที่ถูกสร้างและหล่อหลอมในรั้วมหาวิทยาลัยไทยถูกสอนให้ ใช้ แต่ไม่ได้สอน คิด ให้กับเด็กไทย
credit อาจารย์ทั้ง4เขามีอยู่แล้ว สถานะทางสังคมผลงานบงบอกอยู่
alternative data มันเป็นแนวคิดหลากความคิดในเป้าหมายเดียวกันของนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นที่มองในมุมต่าง

อ.จุฬาบางท่านยังเห็นต่างกับเรื่องธารน้ำแข็งเลย งานวิจัยมหาวิทยาลัยTop10ของโลก{ไม่ใช้มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ ดร.ไทยจบมา} งานวิจัยสถาบันภาครัฐและอื่นๆ ถ้าอ่านอังกฤษออกก็คงจะเข้าใจมากขึ้น สําหรับงานวิจัยของรัฐหรือสถาบันทั่วโลก ข่าวต่างประเทศ ที่ให้ความเห็น
มีความเห็นบางอย่างไปในแนวทางเดียวกันอีกหลายเรื่องคนละมุมโลกเลย มันเป็นเรื่องของธรรมชาติแต่เราอาศัยกระบวนการทางวิทยศาสตร์เข้ามาหาเหตุผลและพยากรณ์ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ในโลกนี้เขามีองค์กรทํางานเรื่องนี้กันอยู่ มิใช่มีแต่บุคคลดังที่กล่าวมา ใช้ภาษาอังกฤษ Discredit ใช่แล้วหรือ
การสนใจเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวกล้อมเป็นเรื่องดี แต่ควรใส่แว่นตาเลนส์เว้าด้วย สายตาจะได้ไม่สั้น

 

น้ำท่วมโลกแล้วเราจะรอดมั๊ยอ่า ไงก็คงไปติดเกาะร้างกับ...ใครดีน๊า

 

ศาสนาพุทธยังอยู่แต่เหลือคนเพียงร่มโพธิ์เดียว(คือคนที่มีศีลธรรมเท่านั้น)

 

เพราะว่ามันมีโอกาสเกิดและไม่เกิดเหมือนๆนั้นนะซิครับ
คนส่วนมากเลยลังเลไม่เชื่อ แม้มีหลักฐานมากมายกล่าวอ้าง
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ การคำนวณต่างๆ สถิติ คำทำนายต่างๆมากมาย
แต่หลายครั้งมันก้อไม่เกิด และหลายครั้งมันก้อเกิด
ก้อเท่านั้นไม่มีอะไร อย่าไปใส่ใจให้มากเลยครับ
ปวดหัวเปล่าวๆๆ รัฐบาลมีปัญหาหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วยังแก้ไม่ได้เลย
เช่นภาคใต้ พวกเสื้อแดง ปัญหายากจนต่างๆไ และเหตุใดจะมาสนใจพวกนี้เรื่องนี้
นับว่าไกล้แต่ไกลจากความคิดผู้คนเป้นอันมาก ๆๆ
เป้นความคิดเห้นส่วนตัวนะครับ ผมเห้นอย่างนี้จริง ๆ

"ตถาตา" ผมชอบคำกล่าวนี้ของท่านพุทธทาสจริง ๆ

 

ถ้าที่ อ.ทั้ง4 ทำถูกมองว่าเป็นเรื่องของความหวังดี จริงๆเป็นเรื่องการกระทำตามหน้าที่ ตามความรู้ความสามารถ ของเขาที่ได้เรียนรู้ มีอะไรแปลกไปหรือ
และการที่มี ผู้คนเห็นต่าง มีข้อมูลสองด้านให้เสพ ทำไมคิดว่าเป็นการ
Discredit ถ้าเช่นนั้นวันหลังเกิดใครมีข้อมูลอะไรที่ไม่เหมือน ไม่ตรงกัน
การเอามาแลกเปลี่ยนกัน นั่นคือมาตรฐานการ Discredit ใช่หรือไม่
ถ้านักวิชาการไทยทั้งประเทศ แห่มาประโคมภัยพิบัติ ข่าวตามหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ ตามโต๊ะข่าวเล่าเรื่องโม้ ตามวาไรตี้แหกตากันเป็นแพชั่น ท่านคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น นึกออกใหมว่าจะพินาศย่อยยับกันเท่าไร ไอ้ที่พูดๆว่ารักษาผลประโยชน์นะใช่เพียงแต่ผลประโยชน์นี้รักษาไว้เพื่อคนไทย เพื่อเศรษกิจเมืองไทย และประเทศไทย นี่แหละผู้หวังดีตัวจริง ไม่ใช่แค่จะอยากดังก่อนตาย หรือหากินบนความพินาศย่อยยับ สิ่งใดๆที่จะเกิด กรรมของประเทศ มันหลีกเลี่ยงได้ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านั้นจริงหรือ ตรองดูเถิด ผู้เห็นธรรมทั้งหลาย

 

เป็นกำลังใจสำหรับคนไทย

ขอเป็นกำลังให้กับ ดร.ทั้ง 4 ท่าน นี้ค่ะ ที่ได้มีการเสียสละเพื่อประเทศชาติของเรา และมนุษยชาติทั่วโลก แต่ก็ต้องทำใจ พระพุทธองค์ยังมีผู้ติฉินนินทา เราเป็นเพียงแค่เศษละอองธุลีของพระองค์ท่าน มีหรือที่จะไม่ได้รับการนินทา **ขอเพียงแค่ท่านทั้ง 4 มีใจที่หนักแน่น ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม นั้นเท่ากับทั้งทั้งหลายได้ร่วมกันสร้างผลบุญแล้ว ทุกวันนี้ คนไทยเริ่มจะมีใจที่คับแคบ กลัวมีคนเด่นเกินหน้า สุภาษิตว่า ดี เด่น ดัง สุดท้ายดับ สุดท้ายผู้ที่ทำกรรมกับผู้อื่นเมื่อหมดอายุขัย ศาลในวิญญาณโลกจะเป็นผู้ตัดสินอย่างเที่ยงธรรม

 

ขอเป็นกำลังให้กับ ดร.ทั้ง 4 ท่าน นี้ค่ะ ที่ได้มีการเสียสละเพื่อประเทศชาติของเรา และมนุษยชาติทั่วโลก แต่ก็ต้องทำใจ พระพุทธองค์ยังมีผู้ติฉินนินทา เราเป็นเพียงแค่เศษละอองธุลีของพระองค์ท่าน มีหรือที่จะไม่ได้รับการนินทา **ขอเพียงแค่ท่านทั้ง 4 มีใจที่หนักแน่น ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม นั้นเท่ากับทั้งทั้งหลายได้ร่วมกันสร้างผลบุญแล้ว ทุกวันนี้ คนไทยเริ่มจะมีใจที่คับแคบ กลัวมีคนเด่นเกินหน้า สุภาษิตว่า ดี เด่น ดัง สุดท้ายดับ สุดท้ายผู้ที่ทำกรรมกับผู้อื่นเมื่อหมดอายุขัย ศาลในวิญญาณโลกจะเป็นผู้ตัดสินอย่างเที่ยงธรรม

 

ท่านทั้งสี่ทำถูกแล้วคนทำไม่ถูกคือคนที่โวยวายและไม่เชื่อ คนทำถูกคือคนที่ไม่โวยวายแต่เชื่อและไม่เชื่อเค้าไปนำออกมาสู่โลก

คือคำเตือน อย่าติดสุขโลกนี้สักวันต้องดับ ตัวสักวันก้อต้องตายไม่พ้นทุกคนรวมผู้พิมพ์นี้ด้วย อย่าลืมหมั่นสร้างความดีไว้ ยมฑูตเตือนมาตลอดแผ่นดินนี้จะดับหรือไม่ดับเป็นเรื่องของแผ่นดิน แผ่นดินนี้จะลอยอยู่ต่อไปหรือจะจมลงก้อเป็นเรื่องแผ่นดิน ความดีไม่มีทางสูญสิ้น ให้ทำซิ ความดีน่ะ ทำ ทำ ทำ จนสาแก่ใจแล้วจะรู้ว่า เรื่องนี้เล็กมาก

 

โมทนาบุญด้วยครับ
ขอบคุณท่านที่ออกมาเตือน แต่จะเกิดหรือไม่เกิดก็ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง รู้ไว้ก่อนก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
ผมมั่นใจว่า ประเทศไทยคงไม่เสียหายอะไรมากมายนัก เพราะเป็นแผ่นดินที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา
ขอให้เราตั้งมั่นและยึดคุณพระรัตนตรัยไว้เป็นที่พึ่งก็พอ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่บุคคลครับ

 

ไม่ต้องว่าไกลไปที่ไหนหรอกค่ะ แค่ดูภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ก็น่าจะเป็นอะไรที่บอกได้ลงต้ว เพราะเกิดเหตุอุทกภัยขึ้นยิบ แม้กระทั่งเรื่องบ้านเมือง ผู้คนจะแบ่งพัก แบ่งพวก ชุมนุม ประท้วง จนกระทั่งเสียชีวิตผู้คนไปก็ไม่น้อย เพราะอะไร ก็เพราะ คนเหล่านั้นไม่ถือธรรมมะในชีวิต ไม่มี ไมตรี ความเอื้อเฟื้อ ความคิดตนเป็นใหญ่ ชอบใช้กำลังตัดสินมากกว่าใช้ความคิด ร่วมปรองดอง ไม่มีใครยอมใคร ทำให้บ้านเมือง และประชาชนที่ไม่มีส่วนรู้เห็นต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน มันคุ้มแล้วหรือ อำนาจ บารมี การเงินสะดวกดีโดยไม่คิดว่าได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของใคร สุดท้ายก็ไม่มีใครพ้นความตายไปได้เลย นอกจากคนที่หนักแน่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า อยู่ใน ศีล สมาธิ ภาวนา สาธุ สาธุ

 

เรื่องภัยพิบัติคนรับรู้ข่าวสารก็จะรู้สึกกันคนละแบบ บางคนตื่นตัวเตรียมพร้อมไม่ประมาท
เร่งทำความดีทำกุศล บางคนก็ตื่นตระหนกเครียดทุกข์ใจกับสิ่งที่มาไม่ถึง บางคนก็ไม่เชื่อหรือไม่อยากจะเชื่อแล้วใช้ชีวิตเหมือนเดิมทั้งๆที่มันอาจจะเกิดกับตัวเมื่อไหร่ก็ได้
แล้วแต่เราจะเลือกเป็นแบบไหนครับ

 

ผมเห็นด้วยครับ แต่ขอติงเรื่องภาษาควรพิมพ์ให้ถูกต้อง เราคนไทยถ้าไม่รักษาไว้ใครจะมสรักษาให้ครับ มีไม่มีกี่ประเทศในโลกนี้หรอกครับที่มีภาษาเป็นของตัวเอง

 

อืมม..มันก็จริง ยกกรณี ปตท.เป็นพลังงานที่จำหน่ายจ่ายแจกได้อีกนานพอสมควร ถ้าเราจะหันหน้ามาใช้ H2O เศรษฐกิจด้านพลังงานคงต้องอาศัยการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ก็น่าศึกษาไปพร้อมๆกับการพัฒนาศักยาภาพของเครื่องจักร ซึ่งอาจจะนำมาใช้ตอนภาวะวิกฤติน้ำมันแพง หรือพลังงานเหลืออย่างจำกัด อาจจะต่อยอดไปจนถึงการนำเครื่องจักรดังกล่าวมาใช้ในครัวเรือน เมื่อประชากรประเทศเพิ่มมาขึ้นจนถึงขั้นวิกฤติ (แต่เป็นไปได้น้อยเพราะคนไทยเกิดเยอะแต่ก็ตายเยอะในเทศกาลลดประชากรประจำ ซึ่ง1ปีมี 2 รอบ(ปีใหม่ และ สงกรานต์) และเทศกาลลดประชากกรพิเศษอีก 1 รอบ(อายุของรัฐบาล) ต่อ 1 ครั้ง "ประท้วง" ยังไม่รวมคนที่ไม่ปราถนามีบุตรตลอดจนความผิดปกติทางเพศ)
ซึ่งการคิดค้นพลังงานทดแทนญี่ปุ่นนี่ก็ทำเช่นกัน อย่างสามัญประจำบ้านเลยคือแผงโซล่าเซล เพื่อทำน้ำอุ่นและหุงข้าว แต่ปัญหายังติดที่วัสดุที่มีราคาแพง

อย่างภัยพิบัตินี่ก็เช่นกัน ถ้าจะประโคมแต่เรื่องร้ายๆกันทั้งหมดทุกช่องทางการสื่อสารก็คงไม่ต้องอะไรกันแล้ว บางทีมันต้องวัดกันไปเลย เพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ


ในด้านความมั่นคง บางครั้งเราก็ต้องปิดเป็นความลับบ้าง เปิดเผยบ้าง
แต่เชื่อว่า ดร.ทั้ง4ท่าน คงมีความเข้าใจและหาทางแก้ไขพร้อมปรับสภาพของตัวเองได้ดีเช่นกัน

แถมอีกท่านนึง อ.ที่ติดต่อมนุษย์ต่างดาว ท่านทำดีมาตลอดมีความน่าเชื่อถือ
แต่ไปติดตรงที่ "การอ้อนวอนขอให้ลูกสอบได้" ทำให้เกิดความขัดแย้งในข้อมูลของตัวเองอย่างมาก จึงเป็นการนำไปสู่กระบวนการดิสเครดิตในที่สุด


ทั้งหลายนี้หากมองให้เป็นธรรมแล้วนั้น สังเกตุได้ว่าไม่ว่าหน่วยงานไหนๆ
หรือกลุ่มผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยล้วนเป็นการสร้างสมดุลหรือเรียกกว่าการถ่วงดุลอำนาจต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปแบบรอบคอบแลแม่นยำเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และเพื่อสังคมไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกๆด้าน

 

มีความดีอะไรให้ทำก็ทำกันเถิด ก่อนที่สัจธรรม คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จะมาเยือน เช่น ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย ดูแลครอบครัวให้ดี หมั่นเจริญทาน ศีล ภาวนา ให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ชีวิตคนนั้นสั้นนัก จะมัวประมาทกันอยู่ทำไม หมั่นพัฒนาสติปัญญาทางธรรมกันเถิด ทางโลกต่างคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเที่ยงหรือไม่เที่ยงกันอยู่แล้ว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


วางแผนรับมือกับปัญหาต่างๆ ล่วงหน้า ทั้งเรื่องที่อยู่และการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง


ไม่ตื่นข่าว แต่ตื่นตัวด้วยสติปัญญา


แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก ทำหน้าที่ของตนให้ดี อยู่ในศีล 5 และ กุศลกรรมบถ 10 เป็นอย่างน้อย เจริญพรหมวิหาร 4 ให้มาก โดยเฉพาะเมตตาพรหมวิหาร ไม่คิดร้ายไม่พูดร้ายกับใครไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ถ้ารู้สึกรับไม่ได้ก็ให้วางอุเบกขาเสีย ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปเปลี่ยนความคิดของใคร เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามเหตุตามผลนั้นแล


คนไทยส่วนใหญ่ มักจะ "วัวหายล้อมคอก" เสมอ


สมกับวลีที่ว่า "แต่ก็มิได้นำพา" ^_^


พุทโธ อนิจจัง ธัมโม ทุกขัง สังโฆ อนัตตา


นะโม โพธิสัตโต พรหมปัญโญ อาคันติมายะ อิติ ภควา

 

บ้าบอกับเรื่องธุรกิจ เศรษฐกิจ
ถ้าเชื่อในหลวงแต่แรก ประเทศก็คงไม่เป็นแบบนี้
ผมเชื่อว่าสิ่งที่ในหลวงทรงตรัส พระราชทานโอวาทมาทั้งหมด ถูก
แต่ไม่มีใครเชื่อพระองค์ท่าน เอาแต่เศรษฐกิจ ๆ
ทุกวันนี้รวยกี่คน อยู่ได้กี่คน ที่เหลือพินาศหมด
รำคาญจริง ๆ เวลาที่ใครพูดถึงเศรษฐกิจ ๆ ๆ บ้าตามก้นฝรั่งอยู่ได้ ถ้าเอาความรู้เขามาประยุกต์ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ลอกเขามา เขาพูดอะไรเชื่อ เอ้อ
เรื่องภัย เรื่องแผ่นดินไหว จะเกิดก็ช่างมัน ไม่เกิดก็ช่างมัน
แต่จะดูว่าถ้าเศรษฐกิจพังพินาศใครจะอยู่ได้ ระหว่างพวกห่วงเศรษฐกิจ(ของตัวเอง) กับพวกทำตามที่ในหลวงตรัส อย่ามาขอข้าวคนอื่นกินแล้วกัน เพราะในหลวงสอนให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง เกิดไม่เกิดภัยพิบัติ ก็มีกิน
ส่วนเรื่องประเทศไม่เจริญเพราะเศรษฐกิจพอเพียง ขอท้า ทั่วแผ่นดิน เศรษฐกิจแบบในหลวงเจริญอย่างเดียวครับ
อาจจะไม่ตรงประเด็นแต่อยาก

 

ผมว่านี่หละ ตรงประเด็น ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆผมก็ยังมั่นใจว่าคนไทยจะผ่านไปได้
และไม่คิดว่าเมื่อถึงเวลาจะเกิดภัยพิบัติจริงๆเราจะไม่ได้รับคำเตือน ขอให้เชื่อมั่นในประเทศไทย

 

ขอบคุณทุกท่านที่ ร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ครับ

ยอมรับผิดครับ ที่อาจจะมีอคติกับผู้เห็นต่างบ้าง ในตอนโพสต์กระทู้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายท่านที่ได้แสดงข้อมูลที่เห็นแย้งออกไป หลายท่านอาจมีความบริสุทธิ์ใจและไม่ต้องการให้สังคมแตกตื่น ต้องขออโหสิ มา ณ ที่นี้ด้วย การใช้คำว่า Discredit อาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่เป็นคำที่น่าจะเข้าใจได้ในวงกว้างครับ

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าการเห็นต่างเป็นการแสดงความเห็นอย่างหนึ่ง ที่เราต้องยอมรับครับ ว่าเราห้ามใครไม่ให้คิดต่างกับเราไม่ได้ แต่ผมเองเชื่อว่าความเห็นใด ๆ ในเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติอันมีสาเหตุเชื่อมโยงมาจากภาวะโลกร้อนนั้น อยู่ใกล้ตัวเรามากเกินกว่าที่เราจะมองข้ามไปได้

สิ่งที่ทำให้ผมนับถือท่าน ดร. ทั้ง 4 ท่าน นอกเหนือจากการออกมาเตือนเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ แล้ว นั้นคือ คำเตือนของท่านตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และทำให้เราเห็นถึงความเลวร้ายอันเกิดจากภาวะโลกร้อน เหนือสิ่งอื่นใด ดร. ทั้ง 4 ท่าน ได้ทำครับ ลงมือทำ ไม่ใช่ว่าออกมาให้คำเตือนแล้วก็นิ่งไปเหมือนหมอดู

ดร. สมิทธ ท่านเกษียณอายุนานแล้ว ปัจจุบันท่านอายุ 70 กว่า แต่ต้องมานั่งทำงานในตำแหน่งศูนย์อำนวยการภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เตือนภัยพิบัติ

ดร. สุมิตร ท่านคิดค้นรถยนต์พลังงานน้ำให้กับคนไทย โดยถ้าหากรถยนต์พลังงานน้ำที่มีแผนวางจำหน่ายในอีก 2 ปี ข้างหน้าทำได้จริง จะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หายจากโลกไปขนาดไหน

ดร.อาจอง นอกจากเป็นอาจารย์สอนหนังสือ แล้วท่านยังก่อตั้งโรงเรียนและโครงการเพื่อการศึกษาต่าง ๆ มากมาย โดยมีพื้นฐานอยู่บนการอนุรักษ์พลังงาน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

ดร. ก้องภพ เองถึงแม้อายุยังน้อยจึงยังไม่มีผลงานด้านการอนุรักษ์มากนัก แต่สิ่งที่งานวิจัยที่ท่านได้ทำการค้นคว้าได้สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์ด้วย “เครื่องวัดคลื่นสมองเพื่อรักษาผู้ป่วยลมชักและลมบ้าหมู”

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากจะบอกคือ "มันไม่สำคัญที่ท่านได้รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือเราได้ทำอะไรให้โลกใบนี้แล้วบ้าง"

สุดท้ายขอจบด้วยประโยคที่ท่าน ดร.สมิทธ ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้

“ถ้าทำไปเรื่อย ๆ โดนด่าก็ทำไป คนส่วนมากจะได้หนีตาย และรอดชีวิต” เป็นอีกคำกล่าวของ “สมิทธ ธรรมสโรช” เมื่อนึกย้อนถึงกรณีสึนามิถล่มไทย ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกด้วยสีหน้าปลง ๆ ว่า “คนตายไปเยอะแล้ว มาเป็นฮีโร่ตอนหลัง มันไม่รู้สึกภาคภูมิใจจากความตายของคน ไม่มีประโยชน์อะไร”

 

ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ///เชื่อมั่นในตนเอง แล้วจะไม่ปวดหัว