เอารูปมาลงขอคำแนะนำครับ

เป็นรูปที่ถ่ายเมื่อตอนขึ้นเขาคิชกูฏ สังเกตว่าตั้งแต่เริ่มขึ้นเขา ก็จะมีวง ๆ คล้าย ๆ ฝุ่นติดมาเกือบทุกภาพ จะมีมากก็ตรงช่วงรอบพระพุทธบาท แต่พอลงมาข้างล่างถ่ายภาพปกติก็ไม่มีวง ๆ คล้ายฝุ่น บางคนก็บอกมีเทพ เทวดา คอยปกปักรักษา บ้างก็บอกกล้องไม่ดีมีฝุ่นหรือความเปลี่ยนแปลงของอากาศ เพราะตอนที่ถ่ายเป็นช่วงดึก ประมาณตี 1 - 3 ครับ เลยอยากเอามาลงถามความคิดเห็น ของเหล่ากูรูในบอร์ดกันหน่อย

ขอบคุณครับ

 

ภาพถ่ายระหว่างทางขึ้นเขา อีกภาพท่านพ่อเขียวครับ

 

แก้คำผิด ท่านพ่อเขียนครับ

 

อืมมมมม... ใช้ OLYMPUS ถ่ายรูปเปิดแฟลช....


1/30s , f3.5, ISO800

เดินขึ้นเขาคิชฌกูฏ มีคนเดินเยอะ ฝุ่นละอองจากทางเดินก็เลยแผ่กระจายทั่ว
พอถ่ายรูป แสงแฟลชยิงไปกระทบฝุ่นละอองในอากาศ หรือแมลง ตัวฝุ่นจะอมแสงไว้แล้วสะท้อนกลับเข้าเลนส์ ผลออกมาจะได้รูปในลักษณะนี้
(อธิบายตามความเข้าใจนะ).....

 

คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้งคะ
เพาะว่าดิฉันก็เคยถ่ายติดแบบนี้ตอนมืดๆเหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นแค่ทุ่งข้าวโพด

แต่ถ้ามีอะไรจริงๆก็ขออนุโมทนาด้วยนะคะ

 

ผมเชื่อว่าเทพเทวดามีจริง เพราะผมเชื่อในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านพูดถึงภพภูมิต่างๆนอกจากเมืองมนุษย์ครับ แม้ว่าวันนี้ผมจะยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยตาเนื้อของผมเองเพราะเทพเทวดา พรหม มีคลื่นไฟฟ้าที่ระดับพลังงานแตกต่างจากพลังงานไฟฟ้าในร่างกายมนุษย์ (ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ เซลล์ประกอบด้วยอะตอม อะตอมประกอบด้วยอิเล็กตรอน โปรตรอน และนิวเคลียส อิเล็คตรอนโคจรรอบนิวเคลียสให้อนุภาครังสีเบตามีความเร็วสูงต่างๆกันเกือบเท่าความเร็วแสง โปรตรอนรวมอยู่ในนิวเคลียสของอะตอมให้อนุภาครังสีแอลฟา มีความเร็วประมาณเศษ 1 ส่วน 17 ของความเร็วแสงและมีอำนาจผ่านทะลุวัตถุน้อยกว่ารังสีอื่น) เราอาจใช้กล้องถ่ายรูปที่มีความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสงจึงจะสามารถจับภาพของสิ่งที่อยู่คนละภพภูมิมนุษย์ได้ครับ ซึ่งภาพที่ได้ก็จะไม่ใช่เป็นภาพคนอย่างพวกเราหรอกครับเพราะท่านเหล่านั้นไม่มีกายซึ่งประกอบด้วยขันธ์ 5 อย่างพวกเรา
ภาพที่ได้จึงเป็นจุดแสงมีสีแตกต่าง(ขึ้นอยู่กับระดับบารมี) หรือเมื่อเรานั่งกรรมฐานจนถึงขั้นถอดจิตได้(เช่นพระสงฆ์ที่ท่านมีความสามารถ) กายทิพย์ที่ถูกถอดออกจากกายเนื้อเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นเทพเทวดา หรือภูติผี อสุรกายต่างๆได้ รูปถ่ายที่เห็นเป็นวงกลมจุดแสงนี้มักถ่ายติดเวลาพระเกจิกำลังปลุกเสกพระเครื่อง, พระบรมสารีริกธาตุ, เจดีย์ชเวดากอง ฯลฯ (หมายเหตุ ถ้าเลนส์กล้องถ่ายรูปมีผงฝุ่น แน่นอนครับว่าคุณจะถ่ายติดผงฝุ่นแป้งแน่ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกภาพที่คุณเห็นว่ามีจุดกลมๆเหล่านั้นจะเป็นผงฝุ่นเสมอไปนะครับ ต้องเปิดใจกว้างครับ)
มีรูปที่เพื่อนๆเราเอามาลงให้ดูเยอะเลยครับ เช่น
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%AA-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B0-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88.30034/page-22

 

ฝรั่งเรียกว่า Orb คนในเว็บพลังจิตเรียกว่า ผีขี้ฝุ่น

ปริศนาวงกลมบนภาพถ่าย ​

ปริศนาวงกลมบนภาพถ่าย
ปรากฎการณ์ "Orb"
ผศ.ดร.พรชัย พัชรินทร์ตนะกุล
อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

​

ได้ศึกษารวบรวมรูปวงกลม ปริศนาบนภาพถ่าย จากหลากหลายสถานที่ในประเทศไทยและพบว่า

วงกลมบนภาพถ่ายเหล่านี้ ส่วยใหญ่ไม่ได้เกิดจากสิ่งเร้นลับ เหนือธรรมชาติ แต่สามารถอธิบายได้ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

​

ซึ่งเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ว่านี้ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการถ่ายภาพ ในชื่อปรากฎการณ์ "Orb"

วงกลมบนภาพถ่าย หรือปรากฎการณ์ Orb ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่สามารถพบเห็นได้ทั่วโลก

ปรากฎการณ์ orb คือจุดสว่างกลมๆ ที่เราเห็นในภาพถ่ายทั่วๆ ไปเป็นเรื่องปกติ ที่เห็นอยู่เรื่อยๆ เห็นจุดสว่างกลมลอบไป

ลอยมาอยู่ในภาพถ่าย ที่เขาเรียกว่า Orb และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ที่ถ่ายภาพอาชีพ และในหมู่นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

รอบตัวเราเต็มไปด้วยเม็ดฝุ่นขนาดเล็ก ล่องลอยตลอดเวลา

โดยที่เราไม่สามารถสังเกตุเห็นด้วยตาเปล่า ฝุ่นเหล่านี้ก็คือ สาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดรูปวงกลมในภาพถ่าย



<script type="text/javascript" src="http://blip.tv/scripts/pokkariPlayer.js?ver=2007082501"></script><script type="text/javascript" src="http://blip.tv/syndication/write_player?skin=js&posts_id=395019&source=3&autoplay=true&file_type=flv&player_width=480&player_height=270"></script><script type="text/javascript" src="http://blip.tv/scripts/url.js"></script><script type="text/javascript" src="http://blip.tv/scripts/AC_OETags.js"></script>
Click To Play

 

มีหลายท่านที่ยังสงสัย เกี่ยวกับเรื่องราวภาพถ่ายว่า ถ่ายติด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนานา

ตอนนี้มีเว็บไซด์ ของ ตากล้องเขาเอามาอธิบายแล้วเลยนำมาฝากค่ะ

เพื่อเป็น ความรู้ติดตัวไป เพราะว่าจะได้ไปแนะนำไม่ให้คนงมงายได้

กลุ่มบุคคลที่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์กล่าวว่ามีดวงวิญญาณมากมายล่องลอยอยู่ รอบๆตัวเราตลอดเวลา

ซึ่งดวงวิญญาณเหล่านี้อยู่ในรูปของพลังงาน คนธรรมดาจึงไม่สามารถมองเห็นได้ แต่กล้องดิจิตัลสามารถบันทึกภาพได้

แม้ว่ามนุษย์จะไม่สามารถมองเห็นดวงวิญญาณ แต่ในบางครั้งบางโอกาส

ดวงวิญญาณจะเปล่งพลังงานออกมามากพอที่จะถูกบันทึกลงบนภาพถ่าย ทำให้เกิดภาพคล้ายลูกบอลสุกสว่าง (Orb)

Orb เป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติที่พบมากที่สุดในการถ่ายภาพและภาพ

ส่วนใหญ่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการถ่ายภาพว่าเป็นภาพที่ ไม่ผ่านการตบแต่งใดๆทั้งสิ้น

ดังนั้นภาพถ่ายชนิดนี้จึงมักถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงการมีอยู่จริงของ โลกวิญญาณบ่อยครั้ง

Orb มีหลายลักษณะ บ้างก็มีลักษณะกลมตัน บ้างก็โปร่งแสงและอาจมีสีสันที่แตกต่างกันไป

นักไสยศาสตร์เชื่อว่าการที่ดวงวิญญาณปรากฏกายให้เห็นในรูปของลูกบอลสุกสว่าง

เนื่องจากมันเป็นรูปแบบการปรากฏร่างที่ใช้พลังงานน้อยที่สุด

ซึ่งต่างกับการปรากฏร่างให้เห็นเป็นตัวเป็นตนที่ต้องใช้พลังงานมากเป็น

ที่เชื่อกันว่าวิญญาณกลัวแสงอาทิตย์ พวกเขาจะออกมาเพ่นพ่านก็เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ภาพถ่ายลูกบอลสุกสว่าง จะปรากฏให้เห็นเฉพาะภาพที่ถ่ายหลังพระอาทิตย์ตกดิน

น่าสังเกตว่าใน ปัจจุบันมีภาพถ่าย Orb ปรากฏให้เห็นมากกว่าเมื่อสมัย 10 ปีก่อน ที่กล้องดิจิตัล (Digital Camera)

ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ด้วยเหตุนี้เองทำให้นักจับผีกล่าวอ้างว่ากล้องดิจิตัลมีความสามารถพิเศษที่ ซ่อนเร้นอยู่

สามารถบันทึกพลังงานที่สายตามนุษย์มองไม่เห็นลงบนแผ่นรับภาพได้

 

Orb Zone

ผลพวงที่ตามมาของการมี “ระยะชัดลึก” คือมันจะทำให้ง่ายต่อการจับภาพวัตถุแปลกปลอมโดยเฉพาะฝุ่นละอองที่บังเอิญลอย

ผ่านมาหน้าเลนส์ขณะถ่ายภาพ แม้ว่ากล้องจะจับภาพฝุ่นละอองเหล่านี้ได้แต่ภาพที่เกิดขึ้นนั้นเป็นภาพเบลอ

เพราะว่ามันลอยอยู่นอกระยะโฟกัส นักวิเคราะห์ภาพถ่ายเหนือธรรมชาติ เรียกพื้นที่นอกระยะโฟกัสนี้ว่า Orb Zone

[

Come At Night

Orb ส่วนใหญ่จะปรากฏให้เห็นในเวลากลางคืน นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันคือดวงวิญญาณที่กลัวแสงอาทิตย์จะออกมาเพ่นพ่านเฉพาะ

หลังพระอาทิตย์ตกดิน แต่เป็นเพราะการถ่ายภาพในตอนกลางวันขาดปัจจัยสำคัญที่จะเอื้ออำนวยให้เกิด

ภาพลูกบอลสุกสว่างซึ่งมันคือ “แสงแฟลช” (Flash)

การถ่ายภาพตอนกลาง วันนั้นนักถ่ายภาพส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แฟลชเพราะปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์มาก

เพียงพอต่อการบันทึกภาพ ต่างกับการถ่ายภาพในตอนกลางคืนที่มีแสงน้อยจึงจำเป็นต้องใช้แฟลชช่วยในการ

ถ่ายภาพ แสงแฟลชจะไปกระทบกับฝุ่นละอองในอากาศที่ลอยอยู่ใกล้ๆแล้วสะท้อนกลับมายังเลนส์

เกิดเป็นภาพลูกบอลสุกสว่างแม้ว่าในตอนกลางวันจะมีฝุ่นละอองใน อากาศเช่นเดียวกัน

แต่การถ่ายภาพในตอนกลางวันใช้ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดแสง

ซึ่งตำแหน่งของดวงอาทิตย์อยู่ห่างไกลจากกล้องดังนั้นเมื่อแสงอาทิตย์กระทบ กับฝุ่นละอองมันจะสะท้อนไปในทิศทางต่างๆ

นอกจากว่าบังเอิญเม็ดฝุ่นทำมุมสะท้อนแสงอาทิตย์เข้ามาหาเลนส์พอดิบพอดี

ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นยากมากๆ ผิดกับแสงจากแฟลชที่อยู่ใกล้กับเลนส์

ทำให้มันสะท้อนกลับมาเข้าหน้าเลนส์ตามหลักฟิสิกส์ไม่ต้องอาศัยความบังเอิญ

ที่มา: ปาฎิหาริย์ หรือ ผีขี้ฝุ่น - kalyanamitra webkal.org

 

รูปนี้ถ่ายเองเลย กะเอาไว้อำพวกกันเล่นๆ แต่เดี๋ยวนี้เค้ารู้กันหมดแล้ว
เอาให้เห็นกัน จะ จะ ว่ามันเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ เลยให้ทำท่าเหมือนปล่อยออกมาจากมือซะเลย 5555แถมบางอันมีลวดลาย คล้าย จตุคามมากๆ

 

ขอบคุณ คุณสันโดษค่ะที่ให้ความกระจ่าง ในเรื่องนี้มีคนสงสัยกันเยอะค่ะ

 

รูปคู่ถ่ายกับเพื่อนนิ เพื่อนพรานใส่เสื้อสีฟ้าชิมิ

 

T-T พรานใหญ่ เป็นคนถ่ายดิท่าน ไอ้ทีนอนอยู่นั่น คุณบุญถนอม
โปรดสังเกตุ ควายบ้านพรานใหญ่ ไม่ สนตะพาย คือมันไม่ชอบให้ใครจูงจมูก
ใช้เชือกเส้นแค่นี้ คล้องคอไว้ ถ้ามันจะดิ้นจริงๆเอาไม่อยู่จ้า.... อ้อแล้วที่บ้านจะขายให้เฉพาะผู้ที่ต้องการเอาไปเลี้ยงขยายพันธ์เท่านั้นความหนุ่มๆสาวๆส่วนใหญ่ยัง ไม่ได้สนตะพาย ใครซื้อไปก็ไปอยากเจาะก็ไปเจาะเอาเอง

 

มีเหตุผล มีเหตุผล มีเหตุผล
ขออนุโมทนาเพื่อนธรรมทุกท่าน

 

มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ในเงื่อนไขเหล่านี้

1.เป็นพลังงาน มีเหล่าเทวดาโอปาติกะอยู่ ไม่ใช่ฝุ่น
2.เป็นผงฝุ่นและมีเทวดาอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
3.เป็นผงฝุ่นล้วน ๆ
4.มีอยู่จริงแต่มองไม่เห็นเพราะพลังงานละเอียดเกินกำลังของกล้อง

พิจารณาไป ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด
การมีอยู่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเห็นและจับภาพได้ด้วยกล้องทุกครั้ง

ในทางกลับกัน อย่ารีบสรุปภาพที่จับได้ด้วยกล้องเป็นเพียงฝุ่นอย่างเดียวเสมอไป


ลองพิจารณาภาพเหล่านี้ด้วยวิจารณาญาณ หรือใครที่มีวสีชำนาญเข้าออกฌานได้คล่องลองดูก็จะรู้ได้ด้วยตนเอง

ดวงกลมเหล่านี้ลอยสลับที่ด้วยความรวดเร็ว ขนาด สีสัน ความสว่างก็ต่างกันไป ถ่ายบนพื้นดินบ้านคนทั่วไปไม่ค่อยมีมาก พบเห็นลอยในงานบุญเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะงานบุญใหญ่
(ในภาพนี้คืองานพุทธาภิเษกฉลององค์พระที่ประตูโขงของวัดดอนนางหงษ์อ.ธาตุพนม ภาพเหล่านี้กดชัตเตอร์ห่างกันไม่เกิน10วินาที)

อย่างไรก็ตามเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ เพราะแม้แต่สิ่งที่เราเห็นก็ยังเป็นอนิจจังอยู่ดี และการเห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่สาระสำคัญที่จะสั่นคลอนลดทอนศรัทธาลงเป็นแต่เพียงส่วนเสริมเท่านั้น

 

ขออนุโมทนาสาธุด้วยคนค่ะ

มีรูปทำนองนี้เหมือนกัน เพิ่งถ่ายรูปที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ในวิหารแก้ว 100 เมตร วันที่ 11 มิ.ย.53 นี้เอง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ปาฏิหาริย์มีจริง ขอเพียงมีศรัทธาค่ะ