ขอคำแนะนำการฝึกกสินครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้ที่_, 9 มิถุนายน 2010.

  1. ผู้ที่_

    ผู้ที่_ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +83
    คือ ผมสับสนว่าการนิมิตกสินที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราเพ่งกสินสีไปแล้ว ในตอนต้นๆ มันจะต้องเป็นเงาที่เกิดขึ้นจากการเพ่ง หรือเป็นภาพดวงกสินสีที่เราจำได้แล้วนึกขึ้นมาเอง

    ช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณมาก
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ตามภูมิที่มีอันน้อยนิดของข้าพเจ้าคิดว่า

    ถ้าจะว่าตามตำรามีบอกไว้ว่าให้กำหนดอารมณ์ไปที่ดวงกสิณที่ทำกำหนดไว้
    แล้วก็เพ่งไปจนกว่าดวงกสิณจะเกิดเป็นนิมิตติดตา
    ให้ลองหลับตาว่านิมิตนั้นติดมาด้วยมั้ย ถ้าไม่ ก็เอาใหม่จนกว่าจะติดมา
    ถ้าทำได้แล้วก็ให้กำหนดเอาดวงกสิณที่ได้มานั้นมาพิจารณา ย่อ ขยาย ตามลำดับ คือฝึกควบคุมให้ได้ นี่คือเบื้องต้น

    ส่วนตามความคิดส่วนตัวนั้น
    ถ้าชำนาญแล้วจับอารมณ์ฺได้แล้วไม่ต้องใช้ดวงกสิณก็ได้ถ้าเป็นกสิณธาตุ ไม่ใช่กสิณสี
    เช่นจับอารมณ์ความร้อนที่มีในร่างกายมาเป็นอารมณ์ แล้วดวงกสิณจะตามมาเอง
    บางท่านใช้คำบริกรรม เช่น กำหนดอารมณ์ของไฟแล้วก็ภาวนา เตโชกสิณังๆๆ เหมือนบริกรรมพุทโธ
    ส่วนอานิสงฆ์ที่ต้องการเกี่ยวกับของเล่นนั้นแล้วแต่ว่าสั่งสมมามากน้อยเท่าไหร่
    กสิณไฟนั้น บางท่านใช้แก้หนาวได้ บางท่านใช้จุดไฟได้ อานิสงฆ์สูงสุดคือ ทิพย์จุกขุ โสตทิพย์อะไรประมาณนี้ แต่ขอแค่อย่าหลง อย่าทำกสิณเพื่อของเล่น มันไม่ใช่ทางหลุดพ้น
    ส่วนกสิณสีที่ท่านทำนั้นแต่ละกองจะมีสีเฉพาะของมันเองอยู่ อันนี้ขอให้ท่านไปศึกษากับท่านที่ฝึกมาทางนี้โดยตรงจะดีกว่า
    ขออนุโมทนาในความเพียรของท่าน
    สาธุ
     
  3. unchalee

    unchalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +104
    ทำไมไม่มีใครแนะนำเพิ่มเติม อยากรู้บ้าง
     
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ถ้าอยากไปสูงกว่านั้นใช้กสิณเข้าอัปปนาขั้นละเอียดให้ได้แล้วถอยออกมาที่อุปปจาระ
    กำหนดจิตตามอารมณ์กสินนั้นๆ แล้วจะเล่นของเล่นได้ อันนี้ตามแต่วาสนาบารมี
    รู้แล้วได้อะไรหรือ เพราะคนที่ทำได้แล้วจะเข้าใจเองรู้วิธีใช้เอง
    ที่อยากรู้เป็นกิเลสแล้วมันจะฉุดให้ไม่ก้าวหน้าเพราะมัวแต่เทียบเคียงหวังผล
    บางเรื่องไม่สมควรจะรู้ จนกว่าจะถึงเวลา
    ขออภัยถ้ากล่าวตรงไป
    ขออภัย
    สาธุ
     
  5. Krungchai

    Krungchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +115
    รบกวนถามผู้รู้ด้วยคนครับ ของผมเองมีตั้งแต่เกิดมีลักษณะแสงดาวระยิบระยับ พอเพ่งมันจะมีลักษณะหมุนวน ก่อนนอนผมมักจะเพ่งมัน ทำให่ผมสามารถเห็นภาพบางอย่าง แต่มันค่อนข้างมืดครับ รบกวนผู้รู้โปรดแนะนำด้วยครับ
     
  6. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    อย่าไปสนใจเลยครับ
    มันไม่มีอะไรมากมาย
    ฝึกสมาธิให้มีกำลัง+สติให้มีกำลังมากกว่านี้จะเข้าใจได้เองมากขึ้นครับ
    แต่ถ้าไม่ฝึกฝนต่อสิ่งที่ท่านมีก็ไม่ต่างอะไรจากเอาไว้คุยกับสงสัย
    เท่านั้นเอง
    ขอให้มีความเพียรยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
    โชคดี
    สาธุ
     
  7. อั ญ : ชั น

    อั ญ : ชั น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    ช่วงแรกๆ นิมิตรที่ได้จะเป็นสีตรงข้ามกับสีจริง เรียก อุคหนิมิตร

    ลองไปที่วัดยานนาวาดูครับ มีสอนกสินสี (วรรณะกสิน)
    ทุกวันอาทิตย์ บ่ายโมง ถึง สี่โมงเย็น ครับ
    มีปัญหาก็สอบถามพระอาจารย์หรืออาจารย์จรูญได้ครับ
     
  8. ผู้ที่_

    ผู้ที่_ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +83
    ขอบคุณครับ
    คือ ปกติผมน่ะสามารถนึกภาพกสินสีใดๆก็ได้โดยที่ไม่ต้องเพ่งหรือดูเพียงชั่วครู่ก็จำได้แล้วนั่นเอง และตอนนึกมันก็เป็นสีนั้นเลย แล้วก็เอามาเพ่งต่อไปเรื่อย

    ทีนี้ทางตำราและผู้แนะนำส่วนใหญ่บอกว่าให้เป็นภาพติดตา เหมือนเงาในตา ผมก็เลยสับสนน่ะครับ
     
  9. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    " มันจะต้องเป็นเงาที่เกิดขึ้นจากการเพ่ง หรือเป็นภาพดวงกสินสีที่เราจำได้แล้วนึกขึ้นมาเอง "

    "คือ ปกติผมน่ะสามารถนึกภาพกสินสีใดๆก็ได้โดยที่ไม่ต้องเพ่งหรือดูเพียงชั่วครู่ก็จำได้แล้วนั่นเอง
    และตอนนึกมันก็เป็นสีนั้นเลย แล้วก็เอามาเพ่งต่อไปเรื่อย"


    ตอบเท่าที่...จะช่วยตอบได้ครับ (จากที่ฝึกอยู่ !)

    บริกรรมนิมิตที่ใช้ คือภาพที่...ติดที่ใจ คือใจเห็น.....ไม่ใช้ตาเนื้อเห็น
    ให้ดับตาเนื้อ...ใช้ตาในหรือใจแทน ปิดหรือวางเฉยต่อตาเนื้อเสีย.....เมื่อคล่องในการนึก ตรึก ตรอง
    ภาพนิมิตกสิณด้วยใจนั้นแล้ว (ตาเนื้อก็จะปล่อยวาง หรือวางเฉยได้เอง...ไม่ต้องไปจดจ่อกังวล
    กับตาเนื้อนั้น.....ซึ่งจะใช้กรณีที่ฝึกตอนต้นเพื่อจดจำภาพเริ่มต้นเท่านั้น กรณีที่สามารถนึกภาพที่ใช้
    บริกรรมนิมิตได้แล้ว ก็ข้ามไปใช้ใจเห็นแทนได้เลย) โดยอย่าอยากจะมี อยากจะได้ อยากจะเป็น?
    ให้ปล่อยวาง วางอารมณกับใจให้สบายๆผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด แต่เคร่งครัด จดจ่อกับบริกรรม
    นิมิตกสิณที่ใช้ฝึกไปเรื่อยๆ อย่าสนใจกับสิ่งที่มาสัมผัสภายนอกต่างๆ และสัมผัสภายใน...ในแนบแน่นอยู่
    กับบริกรรมนิมิตเท่าที่จะทำได้ ทำไปเรื่อยๆ...ๆ ๆๆ แล้วผลก็จะปรากฏขึ้นกับตัวของเราเอง
    อย่าลังเล...สงสัย....กังวลหรือเที่ยวสอบถามสิ่งที่สัมผัสมาไปเรื่อยเปื่อย ให้สังเกต บันทึก จดจำ
    ผลจากการฝึกของตัวเราเองไว้ให้ดีแล้วปรับปรุง.....การวางจิตวางใจของเรากับสมาธินั้นไป
    ฝึกไป..พัฒนาไป....ถ้ามีบุญเก่า วาสนาเดิม ก็จะสามารถไปได้เร็วตามภูมิรู้ภูมิธรรมของเรา

    ก่อนฝึกศีลฯต้องครบ...และพิจารณาถึง รัก โลภ โกรธ หลงให้มีกำลังน้อยลงหรือหมดไป..
    หรือหนทางพ้นทุกข์...ก็จะทำให้ผลของการฝึกชัดเจน แจ่มใสและเบาสบายขึ้น...ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...