เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:: กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

หน้า 49 ของ 61

Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
จริงๆแล้ว ในความรู้สึกของผมนะครับ
ผมว่า ข้อความที่นายแมทธิวสื่อสารลงมาครั้งนี้
ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก

เพราะฉะนั้น ก็มีบ้างบางตอนที่ผมแปลข้ามไป

แต่ตอนที่ผมเลือกแปลและโพสต์ให้อ่านนี้
ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูแปลกประหลาด
และขัดแย้งกับความรู้ความเชื่อเดิมที่พวกเรามีอยู่ก็ตาม

โดยเฉพาะ เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย
ซึ่งนายแมทธิวเล่าเรื่องนี้ทีไร ก็จะออกมาในแนวๆนี้ทุกทีเลย
ผลก็เลยต้องมาออกตัว ให้ท่านทำใจก่อนอ่านแทบทุกครั้งไปด้วยเช่นกัน

เอาหนะ..คิดว่าอ่านเอาเพลินๆก็ได้นะครับ
อย่าเพิ่งไปเชื่อเขา..รอพิสูจน์เองตอนตายแล้วดีกว่านะครับ

ทั้งๆที่รู้ว่ามันแปลก และขัดแย้งกับความเชื่อเดิม อย่างที่ว่า
แต่ทำไมผมยังเอามาโพสต์ให้อ่านอีก..

..เหตุผลคือ..มันยังมีประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจ และแปลก
ให้น่าคิดตามอยู่หนะครับ

เอาหละครับ..เกริ่นมาเยอะแล้ว..ทั้งหมดนี้
ก็เพื่อที่จะให้ท่านเตรียมใจให้พร้อมก่อน
ก่อนที่จะอ่านโพสต์ต่อไปนี้หนะนะครับ

.....................................
แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 7 พฤษภาคม 2010

#961
- ถูกใจ x 4
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
Matthew Ward 26th April 2010 Channelling
การสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward – 26 เมษายน 2010

ผู้รับการสื่อ สาร: Suzy Ward

ที่มา: <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>http://www.matthewbooks.com/mm/anmviewer.asp?a=[FONT=&quot]119&z=[FONT=&quot]2[/FONT][/FONT]

ตอนที่ 13

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> คำถาม:

มันจะเป็นไปได้ไหม๊ ที่จะสามารถมีจำนวนทารกในครรภ์มากกว่าวิญญาณที่รอคอยการมาเกิดใหม่?

ตอบ:

เป็นไปไม่ได้ เพราะแม้ว่าวิญญาณทุกๆดวง ที่เพิ่งตายจากโลกมนุษย์ไปได้กลับคืนสู่แดนสุขาวดีหมด
นี่สมมุติว่าไม่นับรวมที่ไปที่อื่นๆด้วยนะครับ มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ผู้ที่อยู่ในแดนสุขาวดีเท่านั้น
ที่อาจจะกลับมาเกิดบนโลกมนุษย์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดวงวิญญาณทั่วทั้งจักรวาลนี้
ที่มีระดับพลังงานเหมาะสมกับโลกของพวกคุณ ก็สามารถที่จะเลือกมาเกิดบนโลกนี้ได้
เมื่อพวกเขาค้นพบผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ให้กำเนิดพวกเขาได้แล้ว และเมื่อสิ่งแวดล้อม
เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพวกเขามีพร้อมแล้ว

ดวงวิญญาณทั้งหลาย ที่ไปอยู่ในแดนสุขาวดี ก็เพื่อที่จะฟื้นฟูตัวเอง จากการที่ได้ไปเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก
ในการใช้ชีวิตในอารยธรรมต่างๆมาแล้วหลายภพชาติ แล้วต่อจากนั้นภพชาติต่อไปพวกเขา
ก็อาจจะเลือกที่จะไปเกิดบนโลกมนุษย์ก็ได้

เหล่าดวงวิญญาณที่เป็นผู้มาเยือนดินแดนสุขาวดีทั้งหลาย (ดวงวิญญาณทั้งหลาย
มักนิยมไปเที่ยวที่แดนสุขาวดี เพราะว่ามันเป็นสถานที่ๆสวยสดงดงามและมีความหลากหลาย)
ก็อาจจะต้องการลงไปเกิดยังโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ เหล่าดวงจิตวิญญาณอิสระทั้งหลาย ที่โผบินล่องลอยไปทั่วจักรวาลโดยปราศจากร่างกายใดๆ
แม้แต่กายทิพย์ ก็อาจจะเลือกลงไปเกิดบนโลกมนุษย์ได้ด้วย เพื่อหาความสำราญ
จากการมีชีวิตในแบบที่มีร่างกาย แบบที่ถ้าอยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณล้วนๆจะไม่อาจมีได้

ดวงวิญญาณชั้นสูงที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและทรงภูมิปัญญา บางพวก
จะปราศจากร่างกายในรูปแบบใดๆทั้งสิ้น แต่จะดำรงอยู่ในรูปแบบของไอที่ล่องลอยไปทั่ว
หรือในรูปแบบของลำแสงที่มีสีสันสวยงามระยิบระยับ หรือในรูปแบบของพลังงานที่มีความสวยสดงดงาม
หรือในรูปแบบของเสียงดนตรีแห่งสรวงสวรรค์ อย่างใดอย่างหนึ่ง

(ยังมีต่อครับ)
..............................


แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 7 พฤษภาคม 2010

#962
- ถูกใจ x 5
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
Matthew Ward 26th April 2010 Channelling
การสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward – 26 เมษายน 2010

ผู้รับการสื่อ สาร: Suzy Ward

ที่มา: <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>http://www.matthewbooks.com/mm/anmviewer.asp?a=[FONT=&quot]119&z=[FONT=&quot]2[/FONT][/FONT]

ตอนที่ 14

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> พวกเราได้พูดถึงมนุษย์โลกและเผ่าพันธุ์อื่นๆ รวมถึงดวงวิญญาณที่สุดยอดทั้งหลายมามากแล้ว
แต่เพื่อการมีประสบการณ์ที่หลากหลาย ดวงวิญญาณทั้งหลาย ก็สามารถที่จะแบ่งบางส่วน
ของพลังงานของตัวเอง ออกไปเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นๆได้ ซึ่งปกติก็จะแบ่งไปเกิดเป็นสัตว์ต่างๆ
ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมนุษย์มากๆ ในด้านใดด้านหนึ่ง

และเมื่อใดที่ถึงเวลาที่ดวงวิญญาณที่อยู่ในดินแดนสุขาวดีทั้งหลาย จะต้องไปเกิดใหม่
พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมาเกิดที่โลกอีกก็ได้ ดวงวิญญาณบางดวง ที่ต้องการมีประสบการณ์
ในโลกที่อยู่ในมิติที่ 3 แบบนี้เพิ่มมากขึ้นอีกสักหน่อย ก็อาจจะเลือกไปเกิดในที่อื่นๆ
ที่มีระดับพลังงานอยู่ในระนาบเดียวกันกับโลกในมิติที่ 3 นี้ก็ได้

ดวงวิญญาณดวงใดที่มีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณสูงแล้ว ปกติก็มักจะเลือกที่จะไปสู่อารยธรรม
ที่มีระดับวิวัฒนาการสูงขึ้นไปอีก ส่วนวิญญาณดวงใด ที่มีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณต่ำลงกว่าเดิม
ก็จะไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่เดิมต่อไป

ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของจักรวาล มอบโอกาสแห่งการเจริญเติบโตให้กับทุกดวงวิญญาณเสมอ

...อย่างไม่มีขีดจำกัด!...

(ยังมีต่อครับ)
.........................

แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 7 พฤษภาคม 2010

#963
- ถูกใจ x 7
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
Matthew Ward 26th April 2010 Channelling
การสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward – 26 เมษายน 2010

ผู้รับการสื่อ สาร: Suzy Ward

ที่มา: <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>http://www.matthewbooks.com/mm/anmviewer.asp?a=[FONT=&quot]119&z=[FONT=&quot]2[/FONT][/FONT]

ตอนที่ 15

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> มีหลายคนถามผมว่า

“ฉันจะผ่านพ้นความรู้สึกสลดหดหู่ และภาวะอารมณ์เฉยชา (immobility) ไปได้อย่างไร?”

ภาวะอารมณ์เฉยชา (immobility) เป็นสิ่งที่มาคู่กับความสลดหดหู่ หรือเป็นส่วนหนึ่งของความสลดหดหู่

และถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทั่วๆไปต่อระดับความถี่ที่สูงขึ้นก็ตาม
แต่พวกมันก็อาจเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของสารเคมีในร่างกายได้ด้วย ซึ่งถ้าผลการตรวจสุขภาพ
จากแพทย์ผู้เชื่อถือได้ ยืนยันว่าสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของสารเคมีในร่างกายหละก็
คุณสามารถทำให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยการหยุดจดจ่ออยู่กับเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจ

เพราะด้วยกฎแห่งการดึงดูด คุณจะไปทำให้สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนานั้นๆ
เกิดขึ้นกับคุณอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยการหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่แต่กับมัน

และถ้าคุณสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณได้เมื่อใด เมื่อนั้นคุณก็จะเป็นอิสระ

คุณต้องใช้ความพยายามในการปรับเปลี่ยนความคิดของคุณเอง จากด้านลบไปสู่ด้านบวก

เพราะฉะนั้น จงร้องขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจงให้ความร่วมมือกับผู้ที่มาช่วยเหลือคุณ

พวกเรามีความยินดีที่จะนำเสนอข้อแนะนำง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้คุณผ่านพ้น
ภาวะสลดหดหู่ที่เกิดจากสถานการณ์ต่างๆไปได้

จงนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

อย่าไปกินยาที่เขาโฆษณาสรรพคุณว่าแก้โรคหดหู่ซึมเศร้าได้ เพราะว่าสารเคมีของมัน
ถึงแม้ว่าจะสามารถลดอาการหดหู่ซึมเซาลงได้ชั่วคราวเล็กน้อย แต่มันอาจจะไปทำให้
เกิดอาการหดหู่ซึมเซาลึกลงไปอีก

ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้มากๆ

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกันบูดหรือสารเคมีเจือปน

การออกกำลังกาย เช่น การเดินเล่นในบริเวณที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
ก็เป็นสิ่งช่วยทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นได้อย่างดี

การคลุกคลีกับสัตว์ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับจิตวิญญาณขึ้นได้ด้วย

จงจดบันทึกรายการสิ่งต่าๆที่ทำให้คุณรู้สึกดีๆในชีวิตของคุณ โดยเริ่มจากการที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละก่อน

หลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับใครๆ

จงพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ การตอบสนองด้วยความสงบของคุณ จะสามารถลดความโกรธของผู้อื่นได้

หลีกเลี่ยงสื่อบันเทิงที่มีเรื่องราวของความรุนแรง หันไปดูตลก และรายการที่ทำให้เกิดความอบอุ่นชุ่มชื่นหัวใจแทน
หรือหันไปอ่านหนังสือที่ทำให้มีกำลังใจแทน

จงอาสาไปช่วยเหลือกิจกรรมด้านการกุศลสักแห่ง ในละแวกชุมชนของคุณ

จงเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆทุกๆวันๆละคำ

จงเปลี่ยนแปลงอะไรเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันของคุณบ้าง

ฟังดนตรีที่ทำให้จิตใจสงบ และหากว่าคุณพอจะมีพรสวรรค์ด้านดนตรีอยู่บ้าง ก็ร้องเพลงหรือหยิบไวโอลิน
หรือเมาท์ออแกนของคุณขึ้นมาเล่นซะ

จงยิ้มบ่อยๆ จงมองดูตัวเองในกระจกแล้วยิ้มให้กับตัวเอง จากนั้นก็หัวเราะ!

(ยังมีต่อครับ)
........................

แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 7 พฤษภาคม 2010

#964
- ถูกใจ x 6
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
Matthew Ward 26th April 2010 Channelling
การสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward – 26 เมษายน 2010

ผู้รับการสื่อ สาร: Suzy Ward

ที่มา: <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style>http://www.matthewbooks.com/mm/anmviewer.asp?a=[FONT=&quot]119&z=[FONT=&quot]2[/FONT][/FONT]

ตอนที่ 16 (ตอนจบ)

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><style>  </style> คำถาม:

มันมีบทสวดพิเศษ หรือบทสวดเฉพาะเจาะจงอะไรไหม๊ ที่เมื่อทุกคนสวดแล้ว จะนำแสงสว่างมาสู่พวกเรามากขึ้น?

ตอบ:

ความจริงแล้ว การทำสมาธิหมู่ และการสวดมนต์ร่วมกัน โดยการจดจ่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
เป็นสิ่งที่ให้ผลได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้น บทสวดมนต์ หรือมันตรา (mantra) นั้นๆ
ก็จะสามารถกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายพิเศษสำหรับคุณได้เหมือนกัน

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้แสงสว่างในจิตใจของทุกคนสว่างไสวขึ้นได้นั้น มันคือสิ่งที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคนต่างหาก
ที่เมื่อมารวมกันกลายเป็น “จิตใจมวลรวม” ของทุกๆคนแล้ว จึงทำให้เกิดผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ขึ้น

จริงๆแล้ว มันไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดพิเศษ หรือบทสวดพิเศษใดๆ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ที่ว่านี้เลย
แต่ว่าความรู้สึกรักและให้เกียรติตัวเองและผู้อื่นต่างหากที่เป็นสิ่งที่จำเป็น
พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอกภพนี้ คือพลังงานแสงสว่างแห่งความรัก ซึ่งเป็นพลังงานแก่นแท้อันบริสุทธิ์จากพระผู้สร้าง
ที่มีอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่มในวิญญาณทุกๆดวง

นี่คือความเป็นหนึ่งเดียวของทุกสรรพสิ่ง นี่คือความไม่แบ่งแยกของทุกๆดวงวิญญาณ
ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน หรืออยู่ที่ไหนของจักรวาลก็ตาม

นี่คือเหตุผลว่าทำไม พวกเราถึงรู้สึกทั้งรักและเสียใจกับพี่ๆน้องๆของพวกเรา ที่อยู่ท่ามกลางพวกคุณ
ที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้อื่น มันก็เหมือนกับครอบครัวของชาวโลกนั่นแหละ
ที่จะยังคงรักสมาชิกในครอบครัวของตนเองอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะก่อกรรมทำเข็ญไว้เลวทรามเพียงใดก็ตาม

(จบครับ)
.............................

แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 7 พฤษภาคม 2010

#965
- ถูกใจ x 6
- ดูรายการ
tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 กันยายน 2008

โพสต์:

218

ค่าพลัง:

+466
กฏแห่งการดึงดูด ไม่น่าเชื่อว่า นาย แมทธิว จะพูดเรื่องนี้ ผมก็เคยอ่านเหมือนกัน มันเป็นเรื่องหลักของ หนังสือ และ VCD ชื่อ The Secret

เราคิดอะไรเราก็ได้อย่างงั้น
tamm16, 7 พฤษภาคม 2010

#966
- ถูกใจ x 4
- ดูรายการ
chanwen Active Member

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤศจิกายน 2009

โพสต์:

9

ค่าพลัง:

+62
เรียนคุณชยุตครับ ไม่ค่อยได้เ้ข้ามาอ่านเท่าไรน่ะครับ พอดีีมาอ่านเจอตรงนี้พอดีน่ะครับเลยเห็นพอดีีน่ะครับ
ในส่วนที่คุณชยุตแปลตรงนี้น่ะครับ
"กษัตริย์มาตินลูเธอร์ (Martin Luther King)"
คุณชยุุตคงตั่งใจแปลจนบางทีอาจจะมึึนงงจากการอ่านตัวหนัังสืือมากๆน่ะครับ
เขาชื่อ มาร์ตินลูเธอร์คิง เลยครับ เขาคนนี้เป็นผู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของความเท่าเทียมกันระหว่างฝรั่งผิวขาวและคนผิวดำในอเมริกา แต่สุดท้ายแล้วก็โดนยิงเสียชีวิต
เหตุการณ์นี้ประมาณ40กว่าปีที่แล้วน่ะครับ และตอนหลังก็ได้นำสหรัฐก็ได้ทำการจัดตั่งวัน มาร์ตินลูเธอร์คิง เป็นวันหยุดของประเทศเพื่อรำลึกถึงสิ่งที่เขาต่อสู้

คุณชยุตครับรู้สึกดีใจที่ได้อ่านบทความที่คุณชยุตนำมาให้พวกเราได้อ่านครับ อย่างที่ได้บอกกับคุณชยุตก่อนหน้าด้วยครับ ยินดีแบ่งเบาภาระคุณชยุตในการแปลครับ ในการเรียบเรียงเนื้อหาหลังการแปลน่ะครับอาจจะต้องส่งเรื่องกลับให้คุณชยุตดูด้วยนะครับ เพราะผมเองบางทีแปลแล้วอ่านรู้เรื่องอยู่คนเดียวน่ะครับ คนอื่นมาอ่านจะไม่เข้าใจได้
ส่วนเรื่องโพสนั้นกระผมไม่ค่อยสันทัดสักเท่าไรน่ะครับ ก็จะพยายามศึกษาวิธีการและลูกเล่นต่อไปครับ

chanwen, 8 พฤษภาคม 2010

#967
- ถูกใจ x 7
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
chanwen said: ↑

เรียนคุณชยุตครับ ไม่ค่อยได้เ้ข้ามาอ่านเท่าไรน่ะครับ พอดีีมาอ่านเจอตรงนี้พอดีน่ะครับเลยเห็นพอดีีน่ะครับ
ในส่วนที่คุณชยุตแปลตรงนี้น่ะครับ
"กษัตริย์มาตินลูเธอร์ (Martin Luther King)"
คุณชยุุตคงตั่งใจแปลจนบางทีอาจจะมึึนงงจากการอ่านตัวหนัังสืือมากๆน่ะครับ
เขาชื่อ มาร์ตินลูเธอร์คิง เลยครับ เขาคนนี้เป็นผู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของความเท่าเทียมกันระหว่างฝรั่งผิวขาวและคนผิวดำในอเมริกา แต่สุดท้ายแล้วก็โดนยิงเสียชีวิต
เหตุการณ์นี้ประมาณ40กว่าปีที่แล้วน่ะครับ และตอนหลังก็ได้นำสหรัฐก็ได้ทำการจัดตั่งวัน มาร์ตินลูเธอร์คิง เป็นวันหยุดของประเทศเพื่อรำลึกถึงสิ่งที่เขาต่อสู้

คุณชยุตครับรู้สึกดีใจที่ได้อ่านบทความที่คุณชยุตนำมาให้พวกเราได้อ่านครับ อย่างที่ได้บอกกับคุณชยุตก่อนหน้าด้วยครับ ยินดีแบ่งเบาภาระคุณชยุตในการแปลครับ ในการเรียบเรียงเนื้อหาหลังการแปลน่ะครับอาจจะต้องส่งเรื่องกลับให้คุณชยุตดูด้วยนะครับ เพราะผมเองบางทีแปลแล้วอ่านรู้เรื่องอยู่คนเดียวน่ะครับ คนอื่นมาอ่านจะไม่เข้าใจได้
ส่วนเรื่องโพสนั้นกระผมไม่ค่อยสันทัดสักเท่าไรน่ะครับ ก็จะพยายามศึกษาวิธีการและลูกเล่นต่อไปครับ
Click to expand...

ขอบคุณมากนะครับคุณ Chanwen ที่กรุณาแก้ไขข้อผิดพลาดให้
เดี๋ยวผมจะกลับไปแก้ไขให้ถูกครับ

เพราะผมก็ไม่เคยรู้จักนายคนนี้มาก่อน เห็นมีคำว่า King
ก็เลยนึกว่าเป็นกษัตริย์ซะอีก

ส่วนเรื่องช่วยแปลนั้น ถ้ายินดีจะช่วยจริงๆ
ผมมีข้อความของนาย Mike Quinsey ให้ช่วยหนะครับ
เดี๋ยวผมจะส่งอีเมล์ให้นะครับ

ดีเหมือนกันครับ ที่มีคนช่วย เพราะว่าผมก็กำลังกังวลอยู่ว่า
งานเขียนที่ผมได้อ่านแล้ว รู้สึกอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รู้ด้วยมากๆเลยนี่
มันช่างมีเยอะเหลือเกิน ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนมาแปลและมาโพสต์ได้ทัน

ทุกวันนี้ผมอ่านเอกสารพวกนี้แทบทุกวัน มีเรื่องน่าสนใจมากมาย
แต่ไม่อาจจะแปลและโพสต์ให้อ่านได้ทัน
เพราะแปลและโพสต์ข้อความสื่อสารมาแต่ละครั้ง
ต้องใช้เวลารวมๆประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น

ที่ผมบอกว่า "อ่านแล้ว อยากให้คนอื่นๆได้อ่านด้วยมากๆเลย"
ก็เพราะว่า มันจะก่อให้เกิดกระแสความคิด และความหวัง ในด้านบวกขึ้น
มันจะก่อให้เกิดกำลังใจ และมุมมองชีวิตที่เข้าใจอะไรๆกว้างขึ้น
ไม่โทษฟ้าโทษดิน ไม่โทษชะตากรรม ไม่พึ่งพาหมอดู
ไม่ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความกลัว และวิตกกังวล

และด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีความคิดดังกล่าวนี้ "กฎแห่งการดึงดูด"
ก็จะทำงานของมันไปอย่างซื่อสัตย์ คือนำแต่สิ่งดีๆมาให้เรา

ซึ่งตรงข้ามกับการไปจดจ่อหรือหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่แต่กับเรื่องร้ายๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กลัววันโลกแตกเอย กลัวมนุษย์ต่างดาวจะมายึดครองโลกเอย
กลัวมารมาหลอกล่อเอย ฯลฯ

นั่นมันจะได้ประโยชน์อะไรจากการไปนั่งกลัวสิ่งเหล่านั้น ผมยังนึกไม่ออกเลย
กลัวแล้วคุณป้องกันหรือแก้ไขอะไรได้ไหม๊ ถ้าทำได้ ใยจะต้องมานั่งกลัวอยู่หละ
แต่ถ้าทำไม่ได้ เช่น กลัวมนุษย์ต่างดาวมายึดครองโลก หรือกลัวโลกแตก
ซึ่งถ้าเขาจะมายึดโลกจริง หรือถ้าโลกจะแตกจริง คุณจะทำอะไรได้??

คุณจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับเขา?

เพราะเมื่อเขาเดินทางข้ามมิติ ข้ามกาลเวลา ข้ามจักรวาลมาได้ขนาดนี้
คุณจะเอาสติปัญญาอะไรไปขัดขวางพวกเขา?
และถ้าเขาจะมายึดครองโลกจริงๆ ทำไมเขาไม่ทำซะเลยหละ? เขารออะไรอยู่?

ผมเคยอ่านในบางกระทู้ในห้องนี้แหละ เห็นมีคนบอกว่า ที่มนุษย์ต่างดาว
ยังไม่มายึดครองโลกนั้น เพราะอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง

ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับว่า เหตุผลที่ว่านั้นมันคืออะไร
เพราะเท่าที่ผมอ่าน ผมแปล ข้อความเหล่านี้มาร่วม 2 ปีแล้วนี่
จนบัดนี้เรียกได้ว่า กระจ่างชัดในเจตนารมณ์ของมนุษย์ต่างดาวพอสมควรแล้ว
ว่าเขา (ฝ่ายดีนะ ไม่รวมฝ่ายร้าย) ไม่ได้มาร้ายแน่นอน
เพราะถ้ามาร้าย เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องรอให้ถึงวันไหน หรือถึงปีไหนก่อน

อันนี้มีข้อความมากมายที่อธิบายตรงนี้ไว้เหมือนกัน แต่ผมแค่อ่านคนเดียวหนะนะครับ
ไม่ได้แปลและโพสต์ให้อ่านด้วย เพราะทำไม่ทันจริงๆครับ

ส่วนกรณีกลัวโลกแตกก็เช่นเดียวกันครับ
คุณจะเอาสติปัญญาอะไรไปขัดขวางไม่ให้โลกแตก
หรือว่าคุณจะไปฝากความหวังไว้กับนาซ่าของ USA
ว่าพวกเขาอาจจะพอมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขได้บ้าง เหมือนอย่างที่เราเห็นกันในหนัง
(อันนี้ผมเคยอ่านผ่านๆเจอที่ไหนซักแห่ง ว่าเขาขอฝากความหวังไว้กับ NASA หนะนะครับ)

แต่บางคนอาจจะคิดว่า กลัวไว้ก่อนแหละดี จะได้ไม่ประมาท
จะได้รีบทำบุญไว้เยอะๆ ทำความดีไว้เยอะๆ

ผมก็เห็นด้วย และก็เคยคิดแบบนั้นแหละครับ เมื่อประมาณหลายปีก่อน
ก็เลยทำบุญใหญ่เลย หวังว่าผลบุญจะช่วยให้ไม่ตกนรก เมื่อตายไปแล้ว
ทำบุญเสร็จแล้วก็อธิษฐานใหญ่เลย ขอให้ได้นั่นได้นี่ เป็นนั่นเป็นนี่

แล้วก็ เวลาจะทำบุญอะไร กับใคร ที่ไหน ด้วยความที่มีทรัพย์จำกัด
ก็เลยต้องเลือก และคำนวณตามหลักวิชาการเกี่ยวกับการทำบุญมาเป็นอย่างดีก่อนว่า
บุญไหนจะได้บุญมากที่สุด เช่น ทำบุญกับพระอริยเจ้าจะได้บุญมากกว่าทำกับคนธรรมดา
ทำบุญวิหารทาน จะได้มากกว่าการทำทานด้วยวัตถุทาน
และการภาวนา ก็จะได้บุญมากกว่าถือศีล และมากกว่าทำทาน ตามลำดับ เป็นต้น

ก็ดีครับ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ลึกๆในใจแล้ว ทุกกิจกรรมดีๆที่ผมทำเหล่านี้
มันก็ยังอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกหวาดกลัว และความอยากได้บุญอยู่
ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความอยากทำ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจริงๆ

อันนี้เฉพาะส่วนตัวผมนะครับ ไม่ได้หมายถึงคนอื่นๆด้วย ว่าต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน

แต่ตอนนี้เมื่อความคิดมันเปลี่ยนไปแล้ว สภาวะและเงื่อนไขต่างๆในชีวิตของผมมันก็เปลี่ยนไปด้วย
เรียกได้ว่า เปลี่ยนไปแทบทุกวัน ในทางที่ดีขึ้น เบาสบายขึ้น โล่งขึ้น

ตอนนี้ผมเงินเดือนประมาณหลายหมื่นบาท แบ่งทำบุญทุกเดือน
ทั้งในเวียดนามและในไทย รวมแล้วประมาณ 10,000 บาท
ไม่มีนโยบายเก็บเงินเอาไว้คนเดียว เพื่อที่จะได้ "รวย" ในวันข้างหน้า
เงินเดือนผมทุกวันนี้ จึงใช้เดือนต่อเดือน หรือเดือนชนเดือนเท่านั้น
ถ้าตายไปเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จบกัน ไม่ต้องมานั่งนึกเสียดายย้อนหลัง
ว่าอันนั้นก็ยังไม่ได้ทำ อันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ เพราะมัวห่วงแต่เก็บเงินไว้ก่อน

เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่มี comcept ว่า รวยแล้วค่อยทำบุญทำทาน เหมือนใครบางคน
เพราะถ้าวันใดวันหนึ่ง มันเกิดตายขึ้นมาก่อนหละ มันจะได้ทำไหม๊หละบุญหนะ

หรือว่าถ้าวันนั้น เกิดรวยขึ้นมาแล้วจริงๆ แต่กลับป่วยไข้ ไม่สบาย หรือแก่เฒ่าชราลงมากๆ
จนไปไหนมาไหน หรือทำอะไรเองไม่ได้หละ มันจะได้ใช้ไหม๊หละเงินหนะ
อุตส่าหามางกๆ ยากลำบาก เลือดตาแทบกระเด็น
แถมยังหวงแหน และตระหนี่ถี่เหนียว หรือ อดออมมาตลอดชีวิต
สุดท้าย ก็ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไร อย่างที่ควรจะเป็น

ความรู้สึกที่ว่า ทำเพื่ออยากได้บุญนั้น มันเบาบางลงมาก แทบไม่เหลือแล้ว
มีแต่ความรู้สึกว่า เออ..อันนี้เป็นประโยชน์กับคนโน้น อันนี้จะเป็นประโยชน์กับคนนี้
ก็ทำไป ไม่ค่อยใส่ใจว่าจะเป็นวัดไหน หรือไม่ อย่างไร

ชีวิตนี้มีแต่จะพยายามหาช่องทางใดก็ได้ เพื่อที่จะทำ
เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

มันไม่มีเหตุผลใดๆในการทำสิ่งเหล่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม
รู้แต่ว่ามันมีความสุขที่ได้ทำ มันสบายใจ มันชอบทำ อะไรแบบนั้น
ไม่ค่อยสนว่าใครจะคิด หรือ จะขัดแย้งยังไง หรือจะได้อะไรตอบแทนกลับมาหรือไม่

เอ่อ..พอเงยหน้าขึ้นมาดูข้อความที่ตัวเองกำลังพิมพ์อยู่นี่..
ก็..ป๊าดด โธ่..มันยาวยังงี้เลยเหรอเนี่ย..
กะว่าจะพิมพ์ตอบคุณ chanwen แค่นิดเดียว แค่แป็บๆนะเนี่ย
ไหงมันไปไกล เลยเถิดไปเล่าอะไร ต่อมิอะไร ให้ทุกๆคนฟังอย่างงี้ได้หละ

......................................

แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 8 พฤษภาคม 2010

#968
- ถูกใจ x 21
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
ขอต่ออีกนิดเถอะนะครับ ไหนๆก็ได้สาธยายมาเยอะแล้ว

ประเด็นเรื่องการคิดและจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่ดีๆนั้น
ศาสนาพุทธเราเองก็สอนนะครับ ไม่ใช่ไม่สอน
หรือไม่ใช่มีแต่หนังสือ The Secrete เท่านั้นที่กล่าวไว้

มนุษย์ต่างดาวกล่าวถึงเรื่องนี้บ่อยมาก และบอกให้เราจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งที่ดีเสมอ
รวมถึงบอกให้เราเชื่อมั่น และศรัทธาในตนเองและผู้อื่น
บอกให้เรามั่นใจว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
เพราะทุกอย่าง เน้นนะครับว่า ทุกอย่าง เกิดจากพลังงานความคิดทั้งหมด

และมนุษย์ต่างดาวก็สอนให้เรามองเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง
มองเห็นความไม่แบ่งแยกว่าเป็นเรา ว่าเป็นเขา ซึ่งอันนี้ก็ตรงกับพุทธเราเหมือนกัน

โดยลึกๆส่วนตัวผมแล้ว ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอด นานหลายปีแล้วก่อนหน้านี้
ว่า "อะไรคือความจริงกันแน่"

ความจริงที่ผมเฝ้าถามหาอยู่นี้ ก็เกี่ยวกับ คำสอนในศาสนาต่าง ทฤษฎีหรือกฏทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ
คำสอนหรือคำบอกเล่าจากครูบาอาจารย์ในสายปฏิบัติหรือในสำนักต่างๆ หลักปรัชญาต่างๆ และ ฯลฯ

เพราะว่าทุกๆประเด็นที่กล่าวมานี้ แทบจะไม่มีประเด็นไหนเลยที่ทุกๆคนบนโลกนี้
กล่าวตรงกันหมดทั้ง 100% แม้แต่เรื่องทางการแพทย์เองก็ตาม
ทั้งๆที่มันเกี่ยวกับของสิ่งเดียวกัน เรื่องเดียวกัน ไหงถึงมีคนพูดถึงมันต่างกันได้หละ

ตอนนั้นผมมักคิดว่า เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ใครก็ใครหละ ต้องเป็นคนพูดผิดซักคนแน่ๆหละ
เช่น ถ้าพุทธสอนถูก ก็แสดงว่าคริสต์สอนผิด เป็นต้น
มันจะออกมาในแนวๆที่ว่า ทุกอย่างมันจะต้อง ชัดเจน แจ่มแจ้ง แบบขาวกับดำแบบนั้น

แต่ทุกวันนี้ ความคิดผมเปลี่ยนไปแล้วครับ เพราะผมจะมองว่า ทุกคนมีส่วนถูกหมด
แต่ทุกคนก็มีส่วนผิดหมดด้วยในขณะเดียวกัน

มันคล้ายๆกับ concept ที่ว่ามันไม่มี absolute zero
หรือความเป็นศูนย์ที่จริงแท้ในทางคณิตศาสตร์หรอก
เพราะว่าถ้าขยายทศนิยมออกไปเรื่อยๆ มันก็อาจจะมีค่าอะไรอยู่ในนั้นก็ได้
และในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มี absolute perfection ในโลกแห่งมิติที่ 3
หรือโลกแห่งมายาการนี้ด้วย

ตราบใดที่ใครก็ตาม ศาสนาไหนก็ตาม สำนักไหนก็ตาม กระทรวง ทบวง กรมไหนก็ตาม
ที่ยังพูดหรือสอนอยู่บนพื้นฐานของความรู้ในมิติที่ 3 อยู่
ความจริงที่ได้มา ก็จะเป็นเพียงความจริงเสมือน หรือความจริงสัมพัทธ์เท่านั้น
มันจะยังไม่เป็นความจริงที่จริงแท้ หรือ Absolute truth อยู่ดี

เพราะว่า อย่างที่เราท่านทั้งหลายทราบกันดีแล้วว่า โลกทั้งโลกที่เรากำลังอยู่กันเนี่ย
มันเป็นเพียงภาพฉายของโลกทางมิติของพลังงานเท่านั้น
มันเป็นมายาการของมิติทางพลังงาน เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า
หรือว่ามันเป็นแค่สภาวะจิตหนึ่งของเราเท่านั้นเอง

เพราะทุกสิ่งที่เราสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 นี้
มันก็ใช่ว่าจะเชื่อได้ซะเมื่อไหร่หละ อย่างเช่นที่นักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกยุคใหม่
ซึ่งพวกเขาเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะสาขาที่เกี่ยวกับควอนตัม
และเป็นผู้ปฏิบัติจิตด้วยนี่ พวกเขาต่างงงงวยกับพฤติกรรมของควอนตัม
และพากันหาคำตอบกันใหญ่เลย และยิ่งได้คำตอบมากขึ้นเท่าไหร่
พวกเขาก็มีแนวโน้มปล่อยวาง และไม่เชื่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 มากขึ้นเท่านั้น

จนพวกเขาหลายๆคน หันมาปฏิบัติจิต หันมาเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย
หันมาศึกษาเรื่องปรจิตวิทยา จนหลายๆคนกลายเป็นนักปรจิตวิทยาไปด้วยในตัว

เพราะว่าในโลกของควอนตัม มันไม่มีพฤติกรรมอะไรที่จะสามารถคาดเดาได้
อย่างเที่ยงตรง แม่นยำ เหมือนกับสิ่งที่เราคุ้นเคยกันในชีวิตประจำวันเลย

พวเขาเคยทดลองตรวจจับคลื่นความถี่และคุณลักษณะบางอย่างของคลื่นสมองของมนุษย์
โดยการให้ผู้ถูกทดสอบ มองไปที่วัตถุชิ้นหนึ่ง แล้วก็ตรวจวัดคลื่นสมอง
จากนั้น ก็ให้ผู้ทดลองหลับตา แต่จินตนาการถึงวัตถุชิ้นนั้น ว่ามันยังอยู่ที่เดิม และเหมือนเดิม
ก็ปรากฎว่า คลื่นสมองที่วัดออกมาได้ทั้ง 2 เงื่อนไขนี้ ไม่มีอะไรที่ต่างกันเลย

จนพวกเขาพากันสงสัยว่า แล้วไอ้เจ้าสิ่งต่างๆที่พวกเราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี่
มันมีอยู่จริงหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นภาพจากสมองของเราเอง
เพราะสมองไม่อาจแยกแยะได้ว่า อันไหนภาพจริงหรือภาพจากจินตนาการ

ตัวอย่างหนึ่งที่พิสูจน์คำกล่าวนี้ก็คือ การทดลองนำนักโทษประหารมาปิดตา
แล้วสะกดจิตไปว่า ตอนนี้คุณกำลังถูกเชือดให้เลือดไหลออกมาเรื่อยๆ
โดยขณะสะกดจิตก็เปิดก็อกน้ำให้นักโทษคนนั้นได้ยินเสียงน้ำไหลด้วย
จนในที่สุดนักโทษคนนั้นก็ตายลงไปจริงๆ เพียงเพราะสมองของเขาสั่งการให้เชื่อว่า
เลือดของเขาไหลออกมาจนหมดตัวแล้ว

นี่ไงครับ แล้วอะไรหละที่มันจริง หรือไม่จริง ในมิติที่ 3 แห่งนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ศาสดาทั้งหลายของหลายศาสนา
ผมเชื่อว่าพวกท่านรู้แจ้งความเป็นจริงทั้งในมิติแห่งมายาแห่งนี้
และรู้แจ้งความเป็นจริงในระดับปรมัตถ์ด้วยนะ

แต่เพราะความที่ พวกท่านต้องมาสั่งสอนมนุษย์ปุถุชนที่อยู่ในมิตินี้
และกำลังหลงอยู่กับมายาการแห่งนี้ พวกท่านก็อาจจะสอนได้ พูดได้
แต่เฉพาะสิ่งที่ หรือในแบบที่ จะสามารถสื่อสารให้มนุษย์เหล่านั้นเข้าใจได้เท่านั้น

เพราะต่อให้พูดถึงอะไรที่มันเป็นปรมัตถ์ หรือความจริงแท้ ให้ฟังยังไง
มันก็คงจะไม่สามารถที่จะทำให้มนุษย์ปุถุชนเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง อย่างถ่องแท้เป็นแน่
เพราะว่าสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเหล่านั้น มันไม่มีอยู่ในมิติที่ 3 นี้
หรือไม่ก็ มันไม่สามารถอธิบายได้ ด้วยคำพูด หรือการยกตัวอย่างของสิ่งที่อยู่ในมิตินี้ให้ฟังได้

เอาตัวอย่างง่ายๆเลยนะครับ เช่น เรื่องกาลเวลา ถ้าในระดับปรมัตถ์แล้ว
กาลเวลามันไม่มีอยู่จริง กาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรง อย่างที่พวกเรารู้จักกันนี้
มันมีผลเฉพาะแต่กับโลกของเราในมิตินี้เท่านั้น ในมิติที่สูงๆกว่า มันไม่มี
เพราะว่าอดีต - ปัจจุบัน - อนาคต มันมีอยู่ และเป็นอยู่พร้อมกันหมด ที่นี่ และเดี๋ยวนี้
มันไม่ได้มีลำดับเป็นก่อน-หลังอย่างที่เราเข้าใจกัน

แค่นี้ พวกเราหลายคนก็จะงงแล้วว่า เอ๊า! คุณชยุต งั้นตอบผมทีว่า
ทำไมมันถึงมีตอนที่ผมเป็นเด็ก โตขึ้น และเป็นผู้ใหญ่หละ ?
ทำไมมันถึงมีเมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้หละ ?

ผมก็จะขอตอบคำถามนี้ โดยยกเอาคำอธิบายเทียบเคียงของคุณ Zipper
มาให้อ่านนะครับ เดี๋ยวตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปนะครับ

(เดี๋ยวขออนุญาตหาลิงค์นั้นก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเอามาลงให้ทีหลัง)

เพราะฉะนั้น ในความคิดผมคนเดียวนะครับ ผมว่า ใครก็ตาม ที่ศึกษาคำสอนในศาสนา
โดยยึดเอาตามตัวอักษร หรือ นำคำศัพท์ในตำรายกขึ้นมาอ้าง ยกขึ้นมาเถียงกันนั้น
มันก็อาจจะดูเท่ห์อยู่หรอกนะ เพราะดูเหมือนว่าเรารู้มาก

แต่ประทานโทษเถอะครับ ท่านลืมไปแล้วว่านั่นหนะ
เขาเขียนและอธิบายในแบบที่จะให้มนุษย์ที่อยู่ในมิติ 3 นี้อ่าน และเข้าใจได้เท่านั้น
ไม่ได้แปลว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้นทุกตัวอักษร
เพราะว่าบางอย่างมันอธิบายให้เข้าใจไม่ได้
จึงได้แค่เทียบเคียงให้พอนึกภาพออกเลาๆเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น อะไรที่มันไม่ได้ถูกระบุไว้ในตำรา หรือ ไม่ตรงตามที่ตำราเขียนไว้
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องไม่มีอยู่จริง

เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะบรรจุข้อเท็จจริงทั้งหมดที่มีอยู่ในจักรวาลนี้
ลงไปในหนังสือเพียงเล่มเดียว หรือหลายเล่ม หรือ 48 เล่มได้ครบถ้วนทั้งหมด

หรือใครคิดว่าได้ครับ ??

....................................

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 8 พฤษภาคม 2010

#969
- ถูกใจ x 16
- ดูรายการ
tar2199 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

22 มีนาคม 2010

โพสต์:

207

ค่าพลัง:

+565
ดีใจมากครับที่คุณชยุตกลับมาแล้ว ผมตามอ่านของคุณเกือบทุกเรื่องเลยครับ แต่ผมจะไปต่างจังหวัดคงไม่มีเวลาเข้าเน็ท เดี๋ยววันจันทร์มาอ่านต่อครับ ขอบคุณมากๆ

tar2199, 8 พฤษภาคม 2010

#970
- ถูกใจ x 9
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
พอดีในระหว่างที่เข้าไปค้นหาข้อความของคุณ zipper
ในกระทู้ "ความฝันฯ" ของคุณ mead อยู่ ก็พอดีไปเจอข้อความ
ที่คุณสงบระงับ (แต่เห็นคุณเดรดเรียกว่า "คุณหงบ" นะครับ
แหม ผมชอบชื่อที่คุณเดรดเรียกนี้จังเลยครับ ฟังดูแล้ว ขำๆไงไม่รู้)

เอ่อ..ต่อนะครับ..ข้อความที่คุณหงบโค๊ดมาเป็นของพี่นักเขียน
ซึ่งกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ผมเพิ่งโพสต์ไปข้างบนนั่นพอดีเลยครับ

...ลองอ่านกันดูนะครับ...

ที่มา: http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%9E-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-@%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2@-%5Bwriter%5D.86527/page-434

..........................................................

<table class="tborder" id="post734982" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255);" width="175">nova_analai<script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_734982", true); </script>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Aug 2007
สถานที่: Lawrence, Kansas, USA
ข้อความ: 809
Groans: 0
Groaned at 1 Time in 1 Post
ได้ให้อนุโมทนา: 1,883
ได้รับอนุโมทนา 11,224 ครั้ง ใน 788 โพส
พลังการให้คะแนน: 794

</td><td class="alt1" id="td_post_734982" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"><center>องค์ ความรู้ กับ ความเป็นหนึ่งเดียว

</center>
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">ผู้ที่ตระหนักถึงธรรมชาติความเป็นจริง ที่ฉันได้ถ่ายทอดให้
มักรับข้อมูลความรู้เหล่านี้ และนำไปปฏิบัติโดยปราศจากข้อข้องใจ
แต่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจมักจะยังข้องใจอยู่และไม่นำไปปฏิบัติ

หากเธอปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เธอจะไม่หยิบยกเพียงสาระอันเป็นประโยชน์
เพียงบางสาระ แล้วทิ้งสาระอื่นๆไปเสมือนเศษขยะไว้เบื้องหลัง ในทางตรงกันข้าม
เธอจะพบว่าทุกสาระมีความหมาย และมีความสำคัญเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งหมด
เธอจะใช้มันอย่างหมดจดไม่เหลือเศษ ไม่ว่าเธอจะได้รับมาจากทิศทางใด
หรือเรียกว่ารับมาจากศาสนาใด เธอก็จะมองเห็นคุณค่าและความกลมกลืน
ที่จะนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ทุกทิศทางอย่างเป็นอนันต์

และผู้ที่เข้าใจได้ถ่องแท้ จะมองไม่เห็นความแบ่งแยกของข้อมูลความรู้ ว่ามันมาจากต่างสาย
ต่างทิศทาง ต่างศาสนา หากแต่จะพบความเป็นหนึ่งเดียวของความหมายที่แท้จริง
และตระหนักได้ว่าต้นกำเนิดของข้อมูลความรู้ทัั้งหมด มาจากต้นกำเนิดอันเป็นหนึ่งเดียว

ความขัดแย้ง มักเกิดจากความไม่เข้าใจในความหมายที่แท้จริงของข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติ
ความเป็นจริงที่ได้รับจากต่างทิศทาง ต่างศาสนา หาใช่ความขัดแย้งที่มีอยู่ในตัวข้อมูลความรู้
เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในทิศทางต่างๆ หรือศาสนาต่างๆไม่

เธอจะตระหนักได้ไม่ยากว่า สิ่งที่เธอคิดว่าคือความรู้นั้น-ใช่ความรู้ความเข้าใจที่แท้จริง
หรือเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลของเธอ ที่ตีความหมายข้อมูลความรู้ และความเป็นจริงทั้งหลาย
บิดเบือนไป เพราะเมื่อเธอปราศจากความเข้าใจ เธอมักจะมองเห็นแต่ความแตกต่าง ความแตกแยก
ความขัดแย้ง

ความคิดในแง่ลบเป็นผลมาจากความเชื่อที่ผิด มักทำให้เธอรู้สึกถึงกระแสที่แตกต่างกัน
ซึ่งเกิดขึ้นในอารมณ์-จินตนาการ และความรู้สึกนึกคิด ซึ่งก่อให้เกิดความสะทกสะท้าน
และความสั่นคลอน เพราะสิ่งที่เธอเข้าใจว่าคือความรู้ที่แท้จริงของเธอ ที่เธอรับมาจากทิศทางต่างๆ
ดูเสมือนจะหาความมั่นคงไม่ได้แม้แต่ทิศทางเดียว

แทนที่มันจะเป็นพลังอันเป็นหนึ่งเดียว ที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกมั่นคง มันกลับกลายเป็นพลังต่างขั้่ว
ที่เสมือนพุ่งไปในทิศตรงกันข้าม บางครั้งพลังขั้วหนึ่งก็รุนแรงกว่าอีกขั้วหนึ่ง สลับกันไป
สุดแท้แต่ว่าความเชื่อของเธอจะคล้อยตามทิศทางใดมากกว่ากัน ทำให้เธอรู้สึกถึงการขาดความสมดุลย์
ซึ่งเป็นไปในอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเธอ

ข้อมูลความรู้อันเป็นธรรมชาติความเป็นจริง ล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกันทั้งสิ้น และเป็นพลังที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือเรียกอีกนัยหนึ่งได้ว่า-ครอบคลุมทุกทิศทาง
พลังของมันแผ่ขยายออกไป เสมอเหมือนกันหมดทุกทิศทาง มันจึงเป็นความสมดุลย์ ความมั่นคง
ที่ไม่อาจถูกลบล้างหรือทำให้สั่นคลอนได้ มันเป็นพลังที่เต็มไปด้วยความรัก ความสนับสนุนเกื้อกูล
ซึ่งกันและกันอย่างเป็นระบบ

ความเชื่อในทางที่ผิด มักเป็นอุปสรรคที่มาขวางกั้นการเรียนรู้เสมอ

ก้าวต่อไปสำหรับการพัฒนาจิตวิญญาณ ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้
คือการเตือนใจตนเองเสมอว่า สิ่งทั้งหลายที่เธอเชื่อ อาจจะไม่ใช่ความเป็นจริงเสมอไป
แม้เธอจะเชื่ออย่างหมดใจก็ตาม มันจะทำให้เธอเรียนรู้ที่จะปลดความเชื่อทั้งหลาย
ที่สรัางขีดจำกัดใหักับชีวิตของเธอทิ้งไป

ชื่อเป็นเพียงสัญญลักษณ์และเป็นสิ่งที่ไม่มีความสำคัญสำหรับฉันเลย แต่เมื่อพวกเธอใช้ชื่อ
เพื่อบ่งบอกถึงบุคิลกภาพจำเพาะ ฉันก็จะใช้ชื่อว่า โนวา อนาลัย ซึ่งหมายถึง เส้นทางใหม่
สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา โนวา อนาลัย บ่งบอกถึงบุคลลิกภาพของฉัน
บ่งบอกถึงหมวดความรู้ ซึ่งเป็นหนทางสู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา

---------------------------------------------------------------------
เมื่อพี่นักเขียนรับเอาบุคลิกภาพของท่านอาจารย์ อนาลัยมาแปลงเป็นคำนาม
หากแปลงตามความฝันที่จดบันทึกไว้ ท่านก็อาจจะมีชื่อว่า Freedom From Desire
หรือ Free Will หรือ Free Spirit หรือ นวอนาลัย ฯลฯ สุดแท้แต่จะเรียกตามความรู้สึกนึกคิด
และจินตนาการที่สัมผัสได้กับองค์ความรู้นั้นๆ และคำนามทั้งหลายก็เป็นไปเพื่อการสื่อความหมายเท่านั้น

ชื่อของพวกเราที่ใช้เป็น username ก็ล้วนแต่ไม่ใช่ชื่อจริงของเราเลย แต่ถึงกระนั้นเมื่อเรารู้จักกัน
การสื่อสารก็เกิดเพียงเพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงว่า ข้อมูลความรู้ที่นำมา post นั้นมาจากทิศทางใด
ไม่ใช่มาจากของใคร

แม้ข้อมูลความรู้ที่มาจาก username ว่า Mead ก็เป็นข้อมูลความรู้ที่มาจากทิศทางที่คุณ Mead
รวบรวมมาจากหลายแหล่งข้อมูลด้วยกัน
ข้อมูลความรู้ที่มาจาก username ว่า ชมภูเขา ก็เป็นข้อมูลความรู้ที่มาจากทิศทางที่คุณชมภูเขา
รวบรวมมาจากหลายแหล่งข้อมูลด้วยกัน
ข้อมูลความรู้ที่มาจาก username ว่า ขจรวรรณ ก็เป็นข้อมูลความรู้ที่มาจากทิศทางที่คุณขจรวรรณ
รวบรวมมาจากหลายแหล่งข้อมูลด้วยกัน
ข้อมูลความรู้ที่มาจาก username ว่า zipper ก็เป็นข้อมูลความรู้ที่มาจากทิศทางที่คุณ zip
รวบรวมมาจากหลายแหล่งข้อมูลด้วยกัน

เบื้องหลังของข้อมูลความรู้ทั้งหมดภายใต้ username เหล่านี้ หากจะเอ่ยถึงชื่อจริงของแต่ละคน
ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นจริงที่ว่า ข้อมูลความรู้ทั้งหมดปราศจากเจ้าของ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย
ชื่อจริง หรือ username ล้วนปราศจากความหมายต่อข้อมูลความรู้ ไม่ต่างไปจากกัน แต่อย่างไรก็ตามการสื่อสาร ทั้งหมด หรือการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากใจถึงใจ
หรือจากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณ ไม่ใช่จากชื่อถึงชื่อ ชื่อจึงปราศจากความหมาย
ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงยามตื่น ยามฝัน ในโลกทางกายภาพและโลกแห่งจิตวิญญาณ

หากเราพิจารณาธรรมชาติความเป็นจริงของข้อมูลความรู้ ที่ปรากฏในหนังสือทุกเล่มในโลก
ความเป็นเจ้าของ ของนักเขียน ก็ไม่ใช่การเป็นเจ้าของข้อมูลความรู้ เพราะข้อมูลความรู้ทั้งหมด
มาจากหลายสาย หลายแขนง เห็นได้จาก Bibliography หรืออ้างอิงท้ายเล่ม ซึ่งอาจอ้างอิง
หนังสืออื่นๆอีกหลายสิบหรือหลายร้อยเล่ม และความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงก็น่าจะอยู่เพียงแค่
การจัดหมวดหมู่ ข้อมูลความรู้ การใช้สำนวนเพื่อถ่ายทอดข้อมูลความรู้ และการรวบรวมข้อมูล
ความรู้เหล่านั้นมากกว่า แต่เราก็มักจะมองข้ามความเป็นจริงเหล่านี้ไปบ่อยๆ

เมื่อพี่นักเขียนกล่าวว่า ตนเองไม่ใช่เจ้าของข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือ ชุดนี้ คนจำนวนไม่น้อย
ก็มองข้ามธรรมชาติความเป็นจริงข้อเดียวกัน กับที่มองข้ามหนังสือเล่มอื่นๆไป
และเมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้หนังสือชุดนี้ไม่มี Bibliography
หรืออ้างอิงท้ายเล่มเป็นรายชื่อหนังสืออื่นๆอีก แต่กลับเป็น abstract หรือข้อความย่อจากหนังสือ 10 เล่ม
ก็ทำให้ผู้ที่มองข้ามความเป็นจริงของการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ เข้าใจไปในทิศทางต่างๆนานาไปอีก

เช่นว่า เมื่อไม่ใช่หนังสือแปล เมื่อไม่ใช่หนังสือที่พี่นักเขียนเป็นเจ้าของข้อมูลความรู้ เมื่อไม่มีอ้างอิงหนังสืออื่นๆ
นอกจากมีที่มาคือชื่อ โนวา อนาลัย พี่นักเขียนก็คงเป็นเสมือนหุ่นยนต์ที่รับข้อมูลความรู้มาโดยไม่รู้ว่า
ข้อมูลความรู้เหล่านี้มาจากไหน

ผู้ที่ยังไม่เข้าใจในคำว่าองค์ความรู้ มักยึดติดกับการเป็นบุคคลตัวตน ยึดติดกับคำว่าผู้รู้ซึ่งเป็นบุคคล
หากตระหนักได้ว่าองค์ความรู้คืออะไร ชื่อทัั้งหมดจากปราศจากความหมาย

องค์ความรู้ไม่ได้มาจากใคร แต่มาจากต้นกำเนิดที่เต็มไปด้วยความรัก อารมณ์รักอันปราศจากเงื่อนไข-
จินตนาการอันสร้างสรรค์เป็นอนันต์ และความรู้สึกนึกคิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
อย่างหาที่เปรียบมิได้ (rose)
__________________</td></tr></tbody></table>

แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 8 พฤษภาคม 2010

#971
- ถูกใจ x 14
- ดูรายการ
wanpos Active Member

วันที่สมัครสมาชิก:

4 เมษายน 2006

โพสต์:

20

ค่าพลัง:

+66
ช่วยคุณ Chayutt หา Link ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า
http://palungjit.org/posts/2846273"]

แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2010

wanpos, 8 พฤษภาคม 2010

#972
- ถูกใจ x 7
- ดูรายการ
LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

6 มีนาคม 2009

โพสต์:

755

ค่าพลัง:

+2,472
จากที่คุณชยุตพรรณนามาให้อ่าน อ่านแล้วยิ้มไป เพราะรู้สึกดีมากๆไปด้วย *0*

และไปเจอข้อความของท่านโนวา แจ่มจริงๆเลยล่ะ

"ทุกอย่าง มันอยู่ที่ใจ"

ขอมาส่งยิ้มนะคะ เพราะอ่านไปก็ยิ้มไปอ่ะ *0* *0* *0* *0*

I amar prestar aen, han mathon ne nen, han mathon ne chae a han noston ned 'wilith.

LadyOfLight, 8 พฤษภาคม 2010

#973
- ถูกใจ x 9
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
เจอแล้วครับ ...
ข้อความที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องกาลเวลา
ของคุณ zipper....

ที่มา: 8629 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> zipper <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2846820", true); </script>
ทีมงานเว็บพลัง จิต

วันที่สมัคร: Sep 2004
สถานที่: ดวงจันทร์
ข้อความ: 5,829
Groans: 0
Groaned at 3 Times in 3 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 159
ได้รับอนุโมทนา 18,244 ครั้ง ใน 2,762 โพส
พลังการให้คะแนน: 2328

</td> <td class="alt1" id="td_post_2846820" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> 
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;">
</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;">
</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;">
</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" height="32" width="689"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;">
</td> </tr> </tbody></table>
อืม.. มันจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับเวลามากกว่านะ แต่มันจะเกี่ยวกับช่องว่าง
และระยะทางหรือเปล่าหนอ

ตอนนี้เรายังอยู่ที่โลก 2D นะ และสมมติว่าเราจะเอาดินสอด้ามนึงที่มียางลบตรงปลายแทง
ทะลุผ่านโลก 2D นี้ อันนี้ต้องจินตนาการตามนะ

เราจะเอาหัวดินสอที่ใช้เขียนจิ้มลงไปก่อน จินตนาการว่าเราอยู่ในโลก 2D
เราก็จะเห็นอะไรที่เป็นวงเล็กๆ สีดำๆ เป็นคาร์บอนแล้ววงนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เป็นคาร์บอนสีดำก็เป็นไม้แล้วขนาดของวงก็คงที่ไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งจากไม้ก็กลายเป็นยาง แล้วก็หายไป

ดินสอ 1 แท่งคือช่วงชีวิตคนเรา หัวดินสอสมมติเป็นช่วงเด็ก ปลายดินสอสมมติเป็นช่วงชรา
เราที่อยู่ในโลก 2D ก็จะนึกว่าช่วงอนาคตยังไม่มี เพราะจะเห็นดินสอแค่ช่วงที่อยู่ในโลก 2D
แต่จริงๆ แล้วมันก็มีอยู่ของมันครบอยู่ก่อนแล้ว

ส่วนถ้าจะอธิบายอนาคตที่มีหลากหลายเส้นทาง ก็อาจจะเปรียบได้เหมือนกับว่า
เอากิ่งไม้ที่มีหลายแขนงจิ้มลงไป พอถึงจุดแยกก็เลือกได้ว่าจะเอาแขนงไหนจิ้มลงไป
ในโลก 2D นั้น

แต่ละแขนงเปรียบเหมือนอนาคตในแต่ละเส้นทาง แต่ละแขนงมีอยู่ของมันอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น

บางทีอาจจะนึกภาพเอากิ่งไม้ที่มีหลายๆ แขนงจิ้มลงไปในโลก 2D ลำบากหรือนึกภาพแล้วสับสน
ว่าจะเอากิ่งไม้นั้นพลิกไปพลิกมาจิ้มลงไปยังไง (มันต้องนึกเหมือนประมาณว่าเจ้า 2D นั้น
อยู่ข้างในวงที่จิ้มทะลุผ่านโลก 2D ยิ่งอธิบายยิ่งงงมั๊ยเนี่ย
จริงๆ มันต้องวาดรูปถึงจะเข้าใจง่ายขึ้น)

ก็ลองนึกใหม่เป็นว่า เป็นมดที่เดินบนเส้นลวดเล็กๆ แล้วเส้นลวดนั้นก็มีจุดที่เส้นลวดเส้นอื่น
มาพันอยู่ด้วยเหมือนแขนงกิ่งไม้ สมมติว่ามดตัวนั้นมองเห็นไม่ไกลมากสายตาไม่ดี
เท้ามันเดินไป แตะแขนงตรงไหน ก็เดินไปตามเส้นนั้น โดยไม่เห็นว่ามีแขนงอื่นเส้น ทางอื่นด้วย
เจ้ามดตัวนั้นก็จะรู้สึกเหมือนว่าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆเป็นเส้นตรง

แต่แท้จริงแล้ว เมื่อเรามองเจ้ามดตัวนั้นเดิน มันก็เดินข้ามไปมาจากแขนงโน้นไป แขนงนี้
เจ้ามดนั้นอาจจะลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลาว่าทางข้างหน้าจะมีหรือเปล่า
(เปรียบเหมือนที่เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง) แต่เราจะเห็นว่าทางเดินมันก็มีอยู่แล้วแหล่ะ
แต่แค่ว่าจะเดินไปเส้นไหนเท่านั้นเอง (อนาคตที่มีอยู่แล้ว และแต่ละแขนง แต่ละกิ่ง
ก็เป็นอนาคตของแต่ละเส้นทาง) 
__________________
</td></tr></tbody></table>

แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2010

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 8 พฤษภาคม 2010

#974
- ถูกใจ x 12
- ดูรายการ
kindred เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มิถุนายน 2008

โพสต์:

1,753

ค่าพลัง:

+5,897
โอ้!!!...อะไรกันนี่ เดรดกำลังอ่านๆแปลๆ เรื่อง Dimension อยู่
แต่ไม่ได้เน้นทางกายภาพ
เพราะเจตนาจริงๆจะโยงเข้าเรื่องมิติที่อยู่นอกเหนือกายเนื้อสัมผัส
ที่ตัวเอง กำลังมึนกับโลกหลากมิติอยู่
ว่าจะเอาไป อัพ ในกระทู้ Zero Point ซะหน่อย
มาเจอ โพสต์นี้...เดี๋ยว แปะมันแถวนี้แล้วกัน ท่าจะเข้ากัน
ขออนุญาติ คุณชยุต นะคะ

กะเข้าเวบมาส่งข่าว เรื่องหนังสือ พี่นักเขียนอย่างเดียว
ไหง กลายเป็นวนเวียนอยู่มาเป็นชั่วโมงแล้ว
คลิ๊กไปเจออะไร ก็สอดคล้องกันไปหมด ขอแว่บ ไปเรียบเรียง ก่อน

kindred, 8 พฤษภาคม 2010

#975
- ถูกใจ x 11
- ดูรายการ
Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

วันที่สมัครสมาชิก:

3 สิงหาคม 2005

โพสต์:

6,408

ค่าพลัง:

+50,772
kindred said: ↑

โอ้!!!...อะไรกันนี่ เดรดกำลังอ่านๆแปลๆ เรื่อง Dimension อยู่
แต่ไม่ได้เน้นทางกายภาพ
เพราะเจตนาจริงๆจะโยงเข้าเรื่องมิติที่อยู่นอกเหนือกายเนื้อสัมผัส
ที่ตัวเอง กำลังมึนกับโลกหลากมิติอยู่
ว่าจะเอาไป อัพ ในกระทู้ Zero Point ซะหน่อย
มาเจอ โพสต์นี้...เดี๋ยว แปะมันแถวนี้แล้วกัน ท่าจะเข้ากัน
ขออนุญาติ คุณชยุต นะคะ

กะเข้าเวบมาส่งข่าว เรื่องหนังสือ พี่นักเขียนอย่างเดียว
ไหง กลายเป็นวนเวียนอยู่มาเป็นชั่วโมงแล้ว
คลิ๊กไปเจออะไร ก็สอดคล้องกันไปหมด ขอแว่บ ไปเรียบเรียง ก่อน
Click to expand...

มันเป็นปรากฏการณ์ Synchronicity ครับ

"ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ"

.............................................

#Facebook: Chayutt Naowarat https://web.facebook.com/chayutt.deejaroen
#เพจขายหินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย: Alchemistic Power of Stones (https://facebook.com/chayutt.naowarat) สร้อยข้อมือ, สร้อยคอ, กำไลข้อมือ, แหวน (เครื่องประดับ), ต่างหู, หินแท้, หิน, คริสตัล, หยก, อัญมณี, ประคำ, ไข่มุก, เขี้ยวหนุมาน, แซฟไฟร์, ทับทิม (อัญมณี), มุกดา, หินออบซิเดี้ยน, โอปอล, ควอตซ์, อำพัน, มรกต, หินตาเสือ, ไคยาไนต์, โกเมน, อะซูไรต์, เบริล, ทัวร์มาลีน, Earing, Pendant, Bangle, Topaz, Jewellery Store

Chayutt, 8 พฤษภาคม 2010

#976
- ถูกใจ x 11
- ดูรายการ
kindred เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มิถุนายน 2008

โพสต์:

1,753

ค่าพลัง:

+5,897
Dimension
<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>

ที่มา...Dimensions[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

มิติ มาจากภาษาละติน แปลว่า "การตวง"<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cpcess%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>[FONT=&quot]("measured out") [/FONT]
โดยหลักๆแล้ว หมายถึง จำนวนองศาอิสระของการเคลื่อนไหว ไปในช่องว่าง(อวกาศ)
ในธรรมเนียมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป มิติทางวัตถุ เป็นการวัดค่าที่จำกัดความตามรูปร่างและขนาดของมัน
ซึ่งมีเกี่ยวข้องกับบทความนี้ ด้วย แต่ก็จะมีบางอย่างแตกต่างออกไป
การจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ "มิติ" หมายถึงถึงการสลับสับเปลี่ยน
จักรวาลหรือระนาบของการปรากฎอยู่ มีอยู่ ได้อีกด้วย
แต่ในบทความนี้จะไม่มีการให้คำนิยามในความหมายนี้[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
Physical dimensions[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
มิติทางกายภาพ

ช่องว่างและกาลเวลา ที่เราอาศัยอยู่นี้ ปรากฎเป็นสี่แง่มุม
เราพิจารณาสิ่งนี้ในฐานะที่มันเป็น พื้นที่ในขนาดช่องว่างของอวกาศทั้งสาม(กว้าง ยาว ลึก)
บนเส้นเวลาหนึ่งๆ เราสามารถเคลื่อนที่ ขึ้นหรือลง ไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้
ทิศตะวันออกหรือตะวันตก และการเคลื่อนไหวในทิศทางอื่นๆ
ที่สามารถแสดงให้เห็นภายใต้เงื่อนไขของมิติทั้งสามนี้

การเคลื่อนที่ลง คือการเคลื่อนที่ขึ้นเข้าไปยัง จำนวนที่เป็นลบ
(ในที่นี้อาจหมายถึงการรุกล้ำเข้าไปยังสิ่งตรงข้าม ทำให้ปริมาณนั้นลดทอนน้อยลง จึงเป็นลบ....ผู้แปล)
การเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เป็นเพียงแค่การเคลือนที่เพื่อเชื่อมต่อทิศเหนือและทิศตะวันตกเท่านั้น

[FONT=&quot]เวลา มักถูกอ้างอิง ให้เป็นมิติที่ 4 มันค่อนข้างจะแตกต่างจากช่องว่างอวกาศทั้งสาม
หมายถึง ในมิติที่4 หนึ่งๆมีช่องว่างของมิติทั้งสาม(ช่องของอวกาศ)
และการเคลื่อนที่น่าจะเป็นไปได้ เพียงเส้นทางใดเส้นทางเดียว ที่เราสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า เท่านั้น

กระบวนการทางกายภาพ จะไม่สมมาตรกันหากไม่ขึ้นอยู่กับเวลา
อย่างไรก็ตาม ในระดับ[/FONT][FONT=&quot] Planck ที่เล็กกว่าอะตอม

----------------------------------------------------------------------------------
อธิบายเสริม..[/FONT][FONT=&quot]ระดับที่สสารทั้งหลายประกอบด้วยส่วนย่อยๆ
เล็กถึงขนาดที่เรียกกันว่า พลังค์เสกล ([/FONT][FONT=&quot]Planck scale)
หรือประมาณ 10 ยกกำลังลบ 33 เซนติเมตร
คือ ในหนึ่งเซนติเมตรแบ่งออกเป็น หนึ่งพันล้านล้านล้านล้านล้าน
เรียกว่า Planck scale ที่ขนาดเล็กขนาดนี้เป็น สเกลที่แรงโน้มถ่วงมีผลมาก
[/FONT][FONT=&quot]------------------------------------------------------------------------------------[/FONT][FONT=&quot]

กระบวนการทางกายภาพเกือบทั้งมวลคือ เวลาที่สมมาตรกัน
(ie. สมการที่ถูกใช้ ในการอธิบายกระบวนการที่เหมือนกันเหล่านี้ โดยไม่คำนึงถึง ทิศทางของเวลา)
แม้ว่า สิ่งนี้จะไม่สามารถสื่อให้เห็นได้ว่าได้ว่า
อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม สามารถจะเคลื่อนย้อนกลับเข้ามาสู่เวลาได้<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]อย่างเช่น ทฤษฎี สตริง คาดการณ์ว่า
ข้อเท็จจริงคือ พวกเราอาศัยอยู่ในมิติที่มีหลากหลายมากมายนัก [/FONT][FONT=&quot](frequently 10, 11 or 26)
การวัดขนาดของจักรวาลตามวิธีนี้ จักรวาลจะเต็มไปด้วย มิติต่างๆที่มีขนาดที่เล็กกว่าอะตอม <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
การจัดวางโครงสร้าง ปริมาณทางกายภาพของมิติ ทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์
เป็นการแสดงออกของระดับชั้นต่างๆของหน่วยทางกายภาพ ณ ปริมาณนั้นๆ
คือการเทียบค่า ตัวอย่างเช่น มิติของความเร็วเป็นระยะทางที่ถูกหารจากเวลา

ในระบบการวัดแบบ[/FONT][FONT=&quot] SI[/FONT][FONT=&quot](ในระบบหน่วยมาตรฐานระหว่างชาติ) ได้กำหนด[/FONT][FONT=&quot] มิติ กำหนดค่าวัดไว้ 7ค่าวัด
ตาม[/FONT][FONT=&quot]ปริมาณพื้นฐาน ([/FONT][FONT=&quot]Fundamental quantities[/FONT][FONT=&quot]… ปริมาณในทางฟิสิกส์
ได้แก่
-ความยาว
-มวลสาร
-เวลา
-กระแสไฟฟ้า
-อุณหภูมิทางเทอร์โมไดนามิก
-ความเข้ม
-การส่องสว่างและปริมาณมวลสาร

ในการจัดปริมาณพื้นฐานหรือปริมาณอื่นใดก็ตาม
จะวัดเทียบกับมาตรฐานอันหนึ่ง ซึ่งตกลงเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า มีปริมาณ 1 หน่วย )<o></o>[/FONT]

kindred, 8 พฤษภาคม 2010

#977
- ถูกใจ x 11
- ดูรายการ
kindred เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มิถุนายน 2008

โพสต์:

1,753

ค่าพลัง:

+5,897
[FONT=&quot]...[/FONT][FONT=&quot]Metaphysics[/FONT][FONT=&quot] <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]มิติในทางอภิปรัชญา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ประสบการณ์การรับรู้ที่อยู่นอกกายเนื้อ[/FONT]
([FONT=&quot]out of body experiences[/FONT])[FONT=&quot]
เป็นมิติโลกทัศน์ทางจิต หมายถึงการเคลื่อนตัวของจิตสำนึก การตื่นรู้
ทะลุผ่านเข้าไปยังโครงข่าย(เครือข่ายจิตวิญญาณ...โลกหลากมิติ...ผู้แปล)
แห่งการสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริง ของพวกเรา

[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

[FONT=&quot]ประสบการณ์การรับรู้ที่อยู่นอกกายเนื้อ [/FONT][FONT=&quot] out-of-body experience (หรือ OBE หรือ OOBE)
เป็น การแสดงถึงคุณลักษณะพิเศษ ของการหยั่งรู้ด้วยจิตวิสัย(นามธรรม)ที่กว้างขวางขึ้น
จากจุดที่อยู่เพียงกายเนื้อ(สัมผัสทั้ง5) บางครั้งก็อาจรวมเอา ประสบการณ์เฉียดตาย
, ภวังค์ขณะใกล้จะตื่น(hypnopompic) หรือช่วงเคลิ้มๆใกล้หลับ(hypnagogic dreams)
, การตกภวังค์อันลึกลับ หรือปรากฎการณ์ที่ลี้ลับเหนือธรรมชาติ
และการใช้ยาที่มีฤทธิ์ทางจิตประสาท( psychoactive drugs)เข้าไปด้วย<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]OBE นั้นแตกต่างจากการถอดกายทิพย์ (astral projection)
ที่ไม่ได้ปรารถนาที่การหยั่งรู้นอกกายเนื้อของตนเอง

Astral projection ไม่ใช่รูปแบบการจัดวางอย่างธรรมดาๆ
ที่ทำให้จิตสำนึกหรือจิตวิญญาณนั้นๆ เป็นไปตามความเป็นจริง อย่างเป็นธรรมชาติ
การท่องเที่ยวของพวกเราเป็นไปอยู่ตลอดวันเวลา
OBE อาจแตกต่างจากความฝันแบบ lucid หรืออื่นๆ
ตรงที่มันเป็นส่วนที่เกิดจากความตระหนักรู้อย่างแรงกล้าที่จะตื่นขึ้น และ มีสติรู้ตัว
เห็นความจริงที่อยู่ในประสบการณ์(มักจะเป็นไปอย่างฉับพลัน)<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]ในทุกประสบการณ์[/FONT][FONT=&quot] OBE อาจจะมีลักษณะหลากหลายรูปแบบ
ที่สื่อถึงความหมายที่มีเหตุผลจำเพาะ บางครั้งอาจเป็นเพียงสัมผัสในแว่บแรก
ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก สัญชาติญาณ

OBEs เหล่านั้นไม่ใด้เป็น การตั้งโปรแกรมวางแผนที่จะเหนี่ยวนำ
หรือ มีอิทธิพลที่จะทำให้เกิดประสบการณ์
(การสัมผัสรับรู้ที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง คล้ายๆลางสังหรณ์ หรือความคิดที่แว่บผ่านเข้ามา...ผู้แปล) <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นในขณะที่ง่วงนอน ในช่วงสั้นๆของภาวะที่จวนเจียนที่จะหลับ
กรณีเหล่านี้ หมายถึง สภาวะที่เกิดการหลับ ที่ไม่ใช่การหลับลึกอย่างเฉพาะเจาะจง[/FONT][FONT=&quot]
(เพราะผลนี้เนื่องมาจาก ความเจ็บป่วย, เสียงรบกวน, อารมณ์ที่ตึงเครียด
ความเหนื่อยล้าจากการใช้กำลังมากเกินไป จากกถูกปลุกให้ตื่นบ่อยๆ เป็นต้น) <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]
[/FONT]

แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2010

kindred, 8 พฤษภาคม 2010

#978
- ถูกใจ x 12
- ดูรายการ
kindred เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มิถุนายน 2008

โพสต์:

1,753

ค่าพลัง:

+5,897
[FONT=&quot]ในบางกรณี ความรู้สึกที่อยู่นอกร่างกายเหมือนกับทำให้ระลึก ถึงบางสิ่งบางอย่าง ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หลังเกิดเหตุการณ์ พวกเขาพบเห็นตัวเองอย่างบังเอิญ
อีกกรณีหนึ่งพวกเขา ก็อาจพบตัวเองอยู่ข้างนอกร่างกาย หรือ กำลังหลุดออกจากกายเนื้อ อีกด้วย
[/FONT][FONT=&quot](อาการนี้มัก เกิดขึ้นตามมาหลังจากมีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายได้กลายเป็นกลายเป็น อัมพาตไปแล้ว) <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]OBE มักจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ไม่ยาวนานนัก
ผู้ที่ผ่านการมีประสบการณ์ OBE มักสังเกตุเห็นว่า
เรื่องราวที่ประสบ มักเกิดขึ้นเป็นเวลายาวนานกว่า เวลาที่ผ่านพ้นไปจริงๆ[/FONT]

[FONT=&quot]จากรายงานของผู้ที่มี ประสบการณ์ ใน [/FONT][FONT=&quot]OBE หลายๆคน บอกว่าอาจมีการเรียงลำดับ
หรือ การกระโดดไปมาของเรื่องราวทีดูแล้ว "รู้สึกว่าเสมือนจริง"
สลับกับการที่พวกเขาอาจค่อยๆคืนกลับเข้าสู่ ภาวะการรู้สึกตัว
ในขณะที่เกิด OBE เหมือนขณะกำลังฝัน หรือ อาจตื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
บางครั้ง [/FONT][FONT=&quot]OBE อาจจบลง ด้วยความรู้สึกกลัวที่ว่า การจะออกจากร่างกายไปไกลเกินไป <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]หลายกรณีของ[/FONT][FONT=&quot] OBEs จบลงด้วยความรู้สึก "popping" (เสียงเปิดจุ๊กก๊อก)
หรือ "snapping"( และกลับเข้ามาสู่ร่างกายโดยฉับพลัน <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]บางคนก็มีประสบการณ์แบบ[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]การสำแดงทางฝ่ายวิญญาณอย่างฉับพลัน[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]
(spiritual epiphanies …[/FONT][FONT=&quot]คำว่า [/FONT][FONT=&quot]“epiphany” [/FONT][FONT=&quot]มาจากคำภาษากรีกว่า [/FONT][FONT=&quot]“epiphaneia” [/FONT][FONT=&quot]
และภาษาละตินว่า [/FONT][FONT=&quot]“epiphania” [/FONT][FONT=&quot]แปลว่า[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]การปรากฏขึ้น[/FONT][FONT=&quot]” (an appearance) [/FONT][FONT=&quot]
ซึ่งมาจากรากศัพท์กรีกว่า [/FONT][FONT=&quot]“epiphainein” [/FONT][FONT=&quot]หมายถึง [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]การแสดงออกมาให้เห็น[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]
การสำแดง[/FONT][FONT=&quot]” (to show forth, manifest)[/FONT][FONT=&quot]
และคำว่า [/FONT][FONT=&quot]epiphany [/FONT][FONT=&quot]นี้เป็นคำผสมจากคำ [/FONT][FONT=&quot]2 [/FONT][FONT=&quot]คำคือ [/FONT][FONT=&quot]epi, “upon” ([/FONT][FONT=&quot]บน[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]เหนือ)[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]กับ [/FONT][FONT=&quot]phainein,
“to show” ([/FONT][FONT=&quot]แสดง[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]นำออกแสดง[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]เผยให้เห็น)[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งมีความหมายคล้ายๆกับคำว่า [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ลาง[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]หรือ[/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ลางสังหรณ์[/FONT][FONT=&quot]”
[/FONT][FONT=&quot]เช่น นกบินผ่านไป[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]นาฬิกาตีขึ้น[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]มีคนยิ้มให้ ฯลฯ[/FONT][FONT=&quot])
กับประสบการณ์อื่นๆโดยทั่วไป เช่น ความสุขสงบและความรัก
และก็ยังมีแบบที่เกิด ความกลัวและความกังวล แต่ในท้ายที่สุดนี้ OBE ด้วยตัวมันเองเพียงอย่างเดียว
ไม่ใช่หนทางที่จะก่อให้เกิดประสบการณ์แก่จิตวิญญาณได้โดยตรง<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]
ส่วนใหญ่[/FONT][FONT=&quot]OBE มักจบลง ด้วยการตื่นขึ้นแบบ [/FONT][FONT=&quot]Thuup[/FONT][FONT=&quot](เสียงเปิดผนึก เช่น เสียงเปิดจุ๊กก๊อก) <o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]หากเปรียบเทียบกับความฝัน แบบรู้ตัวชัดเจน([/FONT][FONT=&quot]lucid dreaming)[/FONT][FONT=&quot]OBE ให้ความรู้สึกเสมือนจริงมากกว่า <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]
[/FONT]

kindred, 8 พฤษภาคม 2010

#979
- ถูกใจ x 10
- ดูรายการ
kindred เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

3 มิถุนายน 2008

โพสต์:

1,753

ค่าพลัง:

+5,897
มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์จริงๆใน OBEs ว่า
มันคือการผสมผสาน มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติว่า
สิ่งที่รู้สึกนั้นมีจริง, วิญญาณ ออกจากร่างกายไปเพื่อการสำรวจ
มีข้อมูลด้านบวกของ OBEs อยู่มากมายที่บอกว่า มันเป็นประสบการณ์เหมือนความฝัน
แตไม่เพียงพอ(ความฝันมีระยะยาวนานกว่า)

และสามารถนำมาอ้างอิงได้บ่อยๆว่าเป็นประสบการณ์ที่มีผลทางจิตวิญญาณ
แม้จะมีการกล่าวอ้างของ "projectors"
(ผู้ฉายภาพ ในที่นี้อาจหมายถึง ผู้ที่สัมผัสจินตภาพ และข้อมูลข่าวสาร ใน OBE)

ยืนยันว่า สามารถเริ่มต้นทำประสบการณ์นี้ได้อย่างตามใจปรารถนา
ในทุกวันนี้ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ที่จะพิสูจน์ได้ว่า จินตภาพ และข้อมูลข่าวสาร
ที่ได้รับมาระหว่างการเกิดประสบการณ์ เหล่านี้
อาจจะไม่ได้ มาจากแหล่งที่มาปกติธรรมดาก็ได้

ในขณะที่การทดลองที่เป็นนามธรรมนี้ อาจกระต้นความสนใจได้มาก
ผู้ที่ช่างสงสัยส่วนมากลดทอนความคิดนี้ว่า ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ
มีการเชื่อมต่อด้วยเหตุผลบางประการ ไปยังการย้ายฐานของสติสัมปชัญญะในทางกายภาพซึ่งเป็นไปในเวลานั้น

พวกเขาสังเกตุว่า ในขณะที่ รูปแบบความเชื่อมั่นนั้นหายไป
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจริง ประสบการณ์เหล่านี้อาจเป็นความฝัน
และนั่นก็หาหลักฐานที่จะมาหักล้างลงไปได้ยาก
คำอธิบายสั้นๆคือ มันเป็นประสบการณ์ของความรู้สึกและอารมณ์ของความจริงที่ยิ่งกว่า
มีพลังอำนาจอย่างมหาศาล และเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล

ในการสนับสนุนแนวคิดนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา(neurologists)
บางคน ชี้ให้เห็นถึงการทดลอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมอง

ในการบำบัดรักษาอาการลมบ้าหมู เมื่อได้รับแรงกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้า
ในส่วนที่เฉพาะเจาะจง ที่รอยนูน angular ด้านขวา
(สมองส่วนที่ว่านี้ ทำหน้าที่ในการรวบรวมประสาทสัมผัสแล้วสร้างออกมาเป็นความรู้สึกเพื่อให้เกิดประสบการณ์)
ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณ สมองกลีบข้าง(parietal lobe)

การสัมผัสความจริงที่ยิ่งขึ้นไป และ การที่วิญญาณหลุดออกจากร่างอย่างรุนแรง
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องหมายที่แสดงออกของคุณลักษณะพิเศษของ OBE

ข้อพิสูจน์นี้ให้ผลลัพท์เหมือนกับการใช้ ยาเค(ketamine)
การสนับสนุนสมมติฐานในข้อนี้ ว่าอย่างน้อยที่สุด บาง OBEs
เกิดขึ้นด้วยเหตุที่ไม่ธรรมดา
แต่ทำให้ภาวะอย่างเป็นธรรมชาติภายในสมองรับรู้ และสัมผัสรู้แห่งความเป็นจริงนั่นเปลี่ยนไป

[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2010

kindred, 8 พฤษภาคม 2010

#980
- ถูกใจ x 10
- ดูรายการ

หน้า 49 ของ 61

สถานะของกระทู้:: กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...