วิธีรักษาศีลแบบง่ายๆค่ะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย tsilawanno, 6 พฤษภาคม 2010.

  1. tsilawanno

    tsilawanno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +69
    แนะนำวิธีการักษาศีลแบบง่ายๆffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    วิธีนี้เป็นวิธีที่ทุกๆคนทำได้ และสามารถทำได้ทุกวันด้วย โดยทำได้ดังนี้ค่ะ<O:p></O:p>

    ทุกคืนหลังจากสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิแล้ว ให้เราตั้งจิตอธิฐานว่า เราจะรักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ เท่าชีวิตของเรา โดยเริ่มตั้งแต่ล้มตัวลงนอน จนกระทั่งตื่นนอนตอนเช้า การทำเช่นนี้โอกาสที่เราจะผิดศีลนั้นแทบจะไม่มี เพราะเราหลับตลอดเวลา ในขณะที่เราหลับนั้นศีลเราได้เต็มบริบูรณ์อย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำเต็มวันเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ในชีวิตประจำวันท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าท่านไม่ผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง ถ้าหากเราทำวิธีนี้ทุกๆวัน คืนหนึ่งๆเราหลับกันประมาณ ๘ ชั่วโมง ปีหนึ่งมี ๓๖๕ เราก็ได้รักษาศีล ได้ทั้งหมด ๒.๙๒๐ ชั่วโมง ถ้าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับเราเป็นผู้ไม่ประมาท หากเมื่อเราต้องเสียชีวิตในขณะนั้น เราย่อมพบสุขคติเป็นเบื้องหน้าอย่างแน่นอน(มีคนเคยถามว่าทำแบบนี้ เด็กทารกก็รักษาศีลเช่นกันซิ เพราะนอนตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำวิธีนี้จะต้องมีการอธิฐานก่อนและจะต้องทำด้วยแรงศรัทธาอันบริสุทธิ์และแน่วแน่ จึงจะทำให้ศีลเหล่านั้นครบบริบูรณ์ แต่เด็กทารกไม่ได้รู้จักสิ่งเหล่านี้ จึงทำให้การนอนของเด็กทารกไม่ได้เกิดศีลอย่างที่เราทำค่ะ) และเราขอเล่าถึงอานิสงค์ของการรักษาศีลในสมัยพุทธกาลเรื่องหนึ่งให้ลองอ่านดูนะค่ะ<O:p></O:p>

    สมัยหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงมีชีวิตอยู่ มีเศรษฐีท่านหนึ่งชื่อ อนาบิณฑกเศรษฐี เป็นผู้ที่ร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมาก ทั้งยังเป็นมหาอุบาสกซึ่งมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เขามีบริวารเป็นอันมาก ทุกๆวันที่เป็นวันพระ ท่านอนาบิณฑกเศรษฐีและบริวารจะต้องรักษาศีล ๘ อยู่เป็นเนือง แล้ววันหนึ่งมีคนงานใหม่เข้ามาขอทำงานที่บ้านของอนาบิณฑกเศรษฐี เขาทำงานอย่างขยันขันแข็ง จนกระทั่งถึงเวลาอาหารค่ำ เขาจึงได้เข้าไปในโรงครัวเพื่อหาอาหารรับประทาน แต่ก็เกิดความประหลาดใจว่ามิมีผู้ใดอยู่ในโรงครัวเลย ทั้งไม่มีผู้ใดจะมีแววเสาะหาอาหารรับประทานเช่นเดียวกับกับเขา เขาก็ได้แต่เฝ้ารอจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จนกระทั่งความหิวเข้ามาเบียดเบียนเป็นอันมาก เมื่อพบเพื่อนคนงานด้วยกันที่เคยอยู่กับท่านอนาบิณฑกเศรษฐีมาก่อน “จึงได้ถามว่า เหตุใดวันนี้จึงไม่มีการหุงหาอาหารตอนเย็น” เพื่อนจึงบอกว่า “ท่านผู้มาใหม่ท่านคงยังไม่ทราบว่าวันนี้เป็นวันพระ ทุกคนที่มาอยู่ในบ้านท่านอนาบิณฑกเศรษฐีจะต้องรักษาศีล ๘ ทุกคน เขาจึงไม่มีการรับประทานอาหารเย็นกัน” ชายผู้นั้นหลังจากฟังคำตอบแล้วก็เกิดความสงสัย อันคำว่า “ศีลแปด”นั้น เป็นคำที่เขาได้ยินเป็นครั้งแรก จึงสอบถามเพื่อนว่าศีลแปดคืออะไร เพื่อนจึงได้บอกให้ชายผู้นั้นไปถามท่านอนาบิณฑกเศรษฐีเองดีกว่า เพราะสามารถอธิบายความหมายได้กระจ่างชัดเจนกว่า เขาจึงรีบรุดไปหาท่านเศรษฐี หลังจากนั้นที่ท่านอนาบิณฑกเศรษฐีได้อธิบายความหมายและอานิสงค์ของการรักษาศีลแปดให้เขาฟัง ชายผู้นั้นเกิดความศรัทธาเป็นอันมากจึงตั้งใจว่าคืนนี้จะรักษาศีลแปดเท่าชีวิต แม้เขาจะหิวมากเพียงใดก็ตามก็จะไม่ยอมรับประทานอาหารโดยเด็ดขาด แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยอดอาหารมื้อเย็นมาก่อนประกอบกับตนเองได้ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งวัน เมื่อถึงเวลาเช้าเพื่อนคนงานได้ไปปลุกเขาเพื่อให้มาทำงาน ก็ปรากฏว่าเขาได้สิ้นชีวิตแล้ว เมื่อเขาได้สิ้นชีวิตแล้ว ถามว่าเขาได้ไปเกิดในที่ใด ก็ปรากฏว่าเขาได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็โดยเหตุแห่งการรักษาศีล ๘ เพียงคืนหนึ่งเท่านั้น<O:p></O:p>

    ดังนั้นแล้วหากเราได้รักษาศีลอยู่เป็นเนืองๆ ทุกๆคืน ไม่ว่าจะเป็น ศีล ๕ หรือศีลแปดแล้วไซร้ บังเอิญว่าเราหมดบุญและสิ้นชีวิตไปในขณะนั้น ที่ๆเราจะไปนั้นย่อมไม่ใช่ทุคติภูมิ แต่ต้องเป็นสุขคติภูมิ อันมีโลกสวรรค์และโลกมนุษย์เป็นเบื้องต้นอย่างแน่นอน<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2012
  2. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ทางที่ดีควรทำตลอดวัน ในสภาพที่มีสติสมบูรณ์จะดีมาก เราจะรับรูสภาวะต่าง ๆ ตามความเป็นจริงบาปบุญ สมาธิปัญญาจะเกิดขึ้น ตนมีสติรับรู้ครับ
     
  3. acspclubs

    acspclubs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +579
    ถ้าทำเป็นนิตย์แล้วจะไม่เรียกว่ารักษาศีลครับ

    เีรียกว่า "มีศีล" จะดีกว่า เพราะ เราไม่ต้องห้ามไม่ให้ทำสิ่งไม่ดีแต่เราจะไม่อยากทำเอง

    แค่มีศีล 5 ได้ ก็สามารถบรรลุโสดาบันได้แล้วครับ

    แต่ย้ำนะ ต้องเป็นศีลที่บริสุทธิ์

    อนุโมทนาครับ
     
  4. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    คุณบลสบายดีหนา ไม่ได้ข่าวเลยนานแล้ว
    สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้ว

    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
    และจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า
    ตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพยดาทั้งหลาย
    ที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า เทพยดาทั้งหลายทั่วสากลพิภพ
    และพระยายมราช ขอเทพยดาทั้งหลาย และพระยายมราช
    จงโมทนาส่วนกุศลนี้และจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศล
    ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

    และขอแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    ให้แก่ท่านทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ก็ดีที่ล่วงลับไปแล้วก็ดี
    ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี ที่เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี
    เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี อาทิ บิดามารดา เป็นต้น
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้
    พึงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้า
    จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    [COLOR=blue][COLOR=red]และขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]ทุก ๆ พระองค์[/COLOR][COLOR=red]ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน [/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]มีพระราชประสงค์สิ่งใดขอให้สำเร็จ[/COLOR][/COLOR]
    [COLOR=blue][COLOR=red]ตามพระราชประสงค์ทุกประการเทอญ[/COLOR][/COLOR]

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญมาแล้ว
    ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้
    อผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ในชาติปัจจุบันนี้เถิด หากไม่สามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ในชาติปัจจุบันนี้ได้ ขอให้คำว่า ไม่มี ไม่รู้ ไม่เป็น ไม่สำเร็จ
    จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้
    ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ นะ โม พุท ธา ยะ
    นิพพานัง ปะระมัง สุขขัง
    http://palungjit.org/forums/ขம.ml#post3146526[.179/B]ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคท่อส่งน้ำถวาย วัดเขาชี จ.พิษณุโลก
     
  5. Sawadruksa

    Sawadruksa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +90
    sathoe a noemo thana
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เป็นอุบายในการปฏิบัติที่ดีมากๆนะคะ เราเริ่มทีละนิดแบบง่ายๆก่อน แล้วค่อยเพิ่มเวลามากขึ้น จนได้เต็มวัน และหลายๆวัน
     
  7. Nuntiyagul

    Nuntiyagul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +687
    เห็นด้วยกับคุณ tsilawanno ค่ะ ทุกวันนี้ดิฉันก็ได้ทำอยู่ แต่จะเป็น ก่อนสวดมนต์จะเริ่มอาราธนาศึลก่อน แล้วก็สวดมนต์ แผ่เมตตาแล้วก็เข้านอนตามปกติ ตื่นเช้ามาถ้าไม่มีธุระแต่เช้า ก็จะอาราธนาศึลห้าก่อนต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ตามด้วยสวดมนต์ แล้วก็นั่งสมาธิ จากนั้นก็แผ่เมตตา แล้วก็ค่อยแต่งตัวไปทำงานค่ะ
     
  8. equalization@msn.com

    equalization@msn.com Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณจากใจครับ
     
  9. tsilawanno

    tsilawanno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +69

    สบายดีค่าคุณลุงชาลี คุณลุงสบายดีนะค่ะ ทำบุญต่อไปค่า
     
  10. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    คิด อีกมุมหนึ่ง...
    คำที่ว่าเรารักษาศีล แท้ที่จริงแล้ว ศีลต่างหาก ที่รักษาเรา..

    อนุโมทนา
     
  11. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ขอแย้งสักนิดนะครับ (คงไม่ว่ากัน )

    มีศีล 5 อย่างเดียว ไม่สามารถบรรลุพระโสดาบันได้
    ต้องเจริญวิปัสนาครับ จึงจะบรรลุพระอริยะได้
    (ถ้าจะเจริญวิปัสนาให้ได้ผล ก็ต้องมี ทาน ศีล เป็นพื้นฐานก่อน..)

    อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...