ฝึกมโนแล้วติดขัดขอความช่วยเหลืดครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย 26, 29 เมษายน 2010.

  1. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    คือปัจจุบันฝึกอยู่นะครับ
    นึกถึงศีล เคารพพระรัตนตรัย นึกว่าเราตาย รักพระนิพพานพรหมวิหาร4 อิทธิบาท4 บารมี10
    นึกถึงภาพพระ ไปดาวดึงเห็นท่านปู่ท่านย่าออกขาวขาวเเต่ทำไมไม่เห็นองค์อื่นเลยครับพอไปเเดนนิพพานมีวิมานของตัวเองนะครับนอนได้ไปวิมานหลวงพ่อได้ไปวิมานสมเด็จองค์ปฐมได้เเต่ทำไม่เห็นวิมานพระองค์อื่นเลยครับอีกอย่างคือยังคุยกับองค์อื่นไม่ได้ ตอนนี้เห็นเป็นเเบบขาวอยากเห็นเเบบชัดเหมือน
    คนคุยกันนะครับ

    ขอรุ่นพี่เเนะนำสงเคราะห์หน่อยนะครับ
    ตอนนี้ผมเริ่มฝึกอภิณญาได้3วันจากวันที่โพชจะเป็นการอาจเอื้อมเกินไปรึปล่าวครับ
     
  2. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    การเห็นเกิดจากคุณภาพจิต

    การเห็นของคุณเกิดจากการระงับนิวรณ์และวางใจสะอาดพิจารณาเฉพาะเวลาเจริญกรรมฐาน

    ก็เหมือนกับเด็กหัดใหม่จะให้คล่องหรือชัดแบบคนหมดกิเลสมันยากอยู่เพราะการเห็นที่ชัดต้องอาศัยกำลังความสะอาดของจิต
    จิตสะอาดแค่ใหนก็เห็นแค่นั้น

    การเห็นเป็นเครื่องมือวัดความสะอาดของใจ ว่าสะอาดและบริสุทธิ์เพียงไร ก็เห็น เทพ พรหม นิพพานตามคุณภาพจิตนั้น


    เหมือนกระจกส่องสะท้อนภาพได้ทุกอย่างแต่กระจกไม่เก็บภาพอะไรไว้ทำใจเหมือนกระจกได้แล้วยัง





    เจริญพร
     
  3. อริยฤทธิ์

    อริยฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +162
    คิดว่า สติยังไม่มั่นคงนะ ควรทำฝึกอานาปานสติ ทุกวันเช้า และก่อนนอน เวลาเดียวกัน จิตมีสภาพจำ จะทำให้ง่าย แล้วพยายามตัดนิวรณ์ เพื่อความชัดเจนแจ่มใสของจิต
     
  4. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    ขอบคุณรุ่นพี่มากเลยครับ
     
  5. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...ยังสงสัยอยู่....

    ...ศีล ดี(จะไม่กังวล)

    ...สมาธิ ดี(จะไม่สงสัย)

    ...ปัญญา ดี(จะเห็นภัยจากการเกิด)

    ...บารมี พร้อม(จะมั่นใจ)....+อธิษฐาน

    ...หมดสงสัย เมื่อใด (ใจ) ไปได้หมด...
     
  6. ฮุโต๋

    ฮุโต๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +44,568
    อาการแบบนี้ คือ ความละเอียดและความเป็นทิพย์ของจิต เพราะความเป็นทิพย์ของจิตมีเวลาจำกัด ไม่ต้องสงสัยและกังวลสิ่งใด ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวจิตมีกำลัง,ละเอียดและมีความเป็นทิพย์มากขึ้นเองฝึกฝนให้ชำนาญและคล่องก็จะดีเอง
    โมทนา
     
  7. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    ลองฝึกแบบ อ.คณานันท์ดีขึ้นมากเลยครับเห็นตัวเองสดใสขึ้น
    ชัดขึ้นเห็นที่อื่นได้เเล้วครับ
     
  8. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    นำมาฝากค่ะของอาจารย์คณานันท์

    <TABLE class=tborder id=post3285267 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_3285267 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">เราเกิดมาเพื่อใช้กรรม หรือเราเกิดมาเพื่อ"การสร้างบารมี"

    สนทนาในห้องสมาธิ


    ขอแก้ความเข้าใจเรื่องการที่เราตั้งใจไปพระนิพพานแล้วก็ดี หรือทำความดีแล้วจะ ถูกเจ้ากรรมนายเวรกระหน่ำนั้น
    แท้ที่จริงขึ้นกับการอธิษฐานของเราเอง เป็นประการที่ 1
    วาระกรรมให้ผล เปิดโอกาสให้เจ้ากรรมนายเวรเข้าสงเคราะห์เป็นประการที่ 2
    ซึ่งขออธิบายให้ฟังดังนี้
    การอธิษฐานเพื่อการเกิดของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปตามบุคคลาธิษฐาน
    คนที่มีบุญนั้นสามารถ อธิษฐานขอมาจุติก่อนหมดบุญเพื่อบำเพ็ญบารมี ได้
    ซึ่งท่านเหล่านั้น ล้วนอธิษฐาน ขอลงมาจุติ "เพื่อบำเพ็ญบารมี"ด้วยกันทั้งสิ้น
    บำเพ็ญบารมีคือ การทำงานจะเป็นงานเพื่อตัดกิเลสก็ดี หรืองานเพื่อโปรดสัตว์ รื้อขนมวลสรรพสัตว์เข้าสู่พระนิพพานก็ดี
    ต่างเป็นการ "ทำงาน สร้างบารมีทั้งสิ้น"

    การสร้างบารมี คือการสร้างกำลังใจในการทำความดีให้ยิ่งขึ้นไป

    หากการลงมาเกิด ตั้งใจเพื่อเสวยสุขเสพสุข ก็ไม่ต้องลงมาก็ได้ เสวยสรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ สบายกว่าสุขกว่าเยอะมาก กายเนื้อไม่มี นึกอะไรได้ดังใจ สมปรารถนาไปหมด
    หากการลงมาเกิด เพราะเข้าว่าว่าเพื่อเสวยกรรม ใช้กรรมให้หมดๆไปเสีย
    ก็ยิ่งเข้าใจผิดอีกมาก เพราะหากจะใช้หนี้กรรมฝ่ายอกุศลให้หมดจริง
    ก็โน้น ลองดูกรรมที่นรกดู อีกมากมายไหม อยากใช้ให้หมดไหม
    ดังนั้น ชาวธรรมเรานั้น
    หากตั้งใจว่าการเกิดเป็นมนุษย์เพราะเรามาเสวยบุญ มาเสพสุข ก็เป็นตัวหลง ในภพแห่งความเป็นมนุษย์ หลงชีวิต

    หากตั้งใจว่าเราเกิดมาใช้กรรม จะชดใช้กรรมให้หมด ก็ตั้งกำลังใจผิดอีก
    เนื่องจาก กรรมนั้นใช้กันไม่หมดสิ้น หากมีญาณทัศนะแจ่มใส จะพบว่า ใช้กันเป็นมหากัลป์ ก็ไม่หมดทั้งกรรมดีกรรมชั่ว
    มีเพียงทางเดียวคือ การพ้นอำนาจแห่งกรรมโดยการใช้ปัญญาตัดเข้าโลกุตระโคตร เท่านั้น
    แต่ระหว่างภพก็ต้องยอมรับเคารพในกฏของกรรม ใช้เศษกรรมไปโดยจิตไม่มีความเศร้าหมองหรือทุกข์ใจ แต่ประการใด
    ดังนั้นทัศนะแห่งการเกิด การเป็นมนุษย์นี้ก็เพื่อบำเพ็ญบารมี สร้างความดี เพื่อความพ้นทุกข์

    ทำดีให้ยิ่งขึ้นไป
    สะอาดยิ่งขึ้นไป
    บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไป
    จนจิตพบแต่สุขเป็นนิรทุกข์

    จิตบริสุทธิ์ผ่องใสปราศจากความทุกข์ มลทินเครื่องเศร้าหมองเครื่องหมักดองใจด้วยกิเลส
    เกิดมาบำเพ็ญบารมี
    เกิดมาสร้างความดี
    เกิดมาเพื่อปฏิบัติธรรม
    ปฏิบัติธรรมเพื่อดับทุกข์
    เมื่อดับทุกข์มากขึ้นย่อมพบสุข

    ปฏิบัติธรรมเพื่อจิตเป็นสุข

    จิตเป็นสุขคือ จิตอันผ่องแผ้วเบิกบาน งดงามในธารแห่งธรรมอันวิมุตร


    ดังนั้นเราตั้งใจไปพระนิพพานก็ดี เราปฏิบัติเพื่อตัดภพตัดชาติ เราก็ย่อมต้องตัดกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเรา
    และเราเป็นฝ่ายอโหสิกรรมตัดกรรมให้เราพ้นจากความเป็นเจ้ากรรมนายเวรผู้อื่นไปด้วย
    จะไปพระนิพพานแล้ว เราใช้หนี้กรรมด้วยบุญด้วยกุศล ด้วยสมาธิธรรม ด้วยวิโมกขธรรม
    แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล แบ่งบุญ ปรับภพภูมิ ให้เจ้ากรรมนายเวรเขา
    อานิสงค์แห่งพระนิพพานให้เขา
    สงสารเขาอย่าให้เขาก่อเวรวิบากขวางทางเรา จะเป็นกรรมกับเขา
    ให้บุญเขาแทน
    แผ่เมตตาให้เขา จนเขา สงบ เย็น เข้าถึงธรรม เข้าใจบุญ อิ่มในกุศล สิ้นความเร่าร้อน แห่งความอาฆาต พยาบาท

    ให้เขาทำร้ายขัดขวางการสร้างบารมีเรา เขาได้แค่ความสะใจ ได้บาป ได้วิบาก ต่อกรรม ต่อเวรของตัวเขา กรรมไม่จบ

    เราจบหากเขาไม่จบ เขาก็โดนวิบากกรรมต่อๆไป ด้วยอำนาจผลของกรรม อยู่ดี แม้เราไม่อยู่ไปพระนิพพานแล้ว

    เราพ้นจากผลของกรรมเมื่อเข้าพระนิพพาน

    แต่เขายังไม่พ้นกรรม ยิ่งเราจิตบริสุทธิ์ กรรม วิบากที่เขาต้องเจอยิ่งหนักไหม

    ทางสิ้นภพจบชาติตัดวิบากกรรมต่อกัน ก็ด้วย การแผ่เมตตา ตัดกรรมด้วยอโหสิกรรม ด้วยกำลังแห่งเมตตาอัปปัญนาณฌาน นั่นล่ะที่จะตัดกรรมวิบากได้ทั้งเรา ทั้งเขา


    บางกรณี กลับกลายเป็นว่า เจ้ากรรมนายเวร เรรากลับกลายมาเป็นเทวดาคุ้มครอง คอยโมทนาบุถญเราเสียอีก

    สร้างบารมีความดีกัน ทำให้ได้แบบนี้

    หากเขา ยังอโหสิกรรมเรายังไม่ได้ ก็ใจเย็นๆ แผ่เมตตา อโหสิกรรม ขมากรรมกันไปบ่อยๆ ทำเป็นธรรมดา สลายกระแสความโกรธ ความอาฆาตด้วยเมตตา ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ด้วยยิ้มแห่งเมตตา

    ทำจนที่สุดก็ไม่อาจมีผู้ใดใจแข็ง ทำร้าย กลั่นแกล้งเราได้ลงคอ

    มีแต่คนรัก คนเมตตา ทั้ง พระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า เทวดา พรหม ไปจนถึงสรรพสัตว์ทั้งปวง


    อย่างที่พูดไว้เสมอ


    หากปุถุชน ด่าว่า กล่าวโทษ ปรามาสเรา จงอุเบกขาแล้วตั้งสติพิจารณาว่าจริงไหม

    หากไม่จริงก็จงอุเบกขา อย่าใส่ใจในโลกธรรมทั้งแปดประการ

    หากจริงก็จงปรับปรุงตนให้ดีขึ้น ให้เขาเป็นกระจกส่องตัวเรา

    แต่หากถูกครูบาอาจารญ์ผู้ทรงคุณธรรมว่ากล่าว พระอริยะเจ้าท่านตำหนิ นั้นล่ะจงพึงระวังให้จงหนัก

    ดังนั้น จงอย่าหวั่นไหวใน วิบากเศษกรรม ที่อาจเข้ามาตามวาระวิบาก

    จงยิ่งทรงกำลังใจให้หนักแน่น ทำความดีให้ยิ่งขึ้นไป

    เอาแรงกระทบเป็นแรงผลักดันเราขึ้น

    อย่าให้เป็นแรงกดหัวเราจนจมทุกข์ จนไม่อาจทำความดีต่อไปได้

    ให้ดันเราให้พ้นน้ำ

    เป็นบัวพ้นน้ำ

    อย่าหวั่นไหวในวิบากเศษกรรม ที่อาจเข้ามาตามวาระ

    พอเข้าใจกันนะ

    หมั่นแผ่เมตตา ล้างกรรมการเป็นเจ้ากรรมนายเวร การขมาพระรัตนไตรการขมากรรมกันบ่อยๆล้างมิจฉาทิฐิ

    ตรงนี้ล่ะเป็นตัว ตัดภพ ตัดชาติ ตัดวิบาก ตัดกรรมตัวจริง

    ยิ่งทำบ่อย จิตเรายิ่งเบา

    ทำทุกวันได้ยิ่งดี

    ปฏิบัติเพื่อจิตเป็นสุข เพื่อนิรทุกข์ เพื่อพระนิพพาน

    นิพานนัง ปรมังสุญญัง

    พระนิพพานว่างจากกิเลส ว่างจากมลทินเครื่องเศร้าหมอง ว่างจากความโกรธความอาฆาต ว่างจากความความหนักความกังวลใจอย่างยิ่ง

    นิพพานนังปรมังสุขัง

    พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งที่สุด

    ดังนั้นยิ่งปฏิบัติยิ่งจิตเป็นสุขผ่องใส ยิ่งใกล้พระนิพพาน
    ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งทุกข์ยิ่งเศร้าหมอง จะยิ่งใกล้หรือไกลจากพระนิพพาน


    พระนิพพาน ทั้งปัจจุบันขณะ และพระนิิพพานเมื่อสิ้นจากร่างกายนี้ ล้วนมีจิตสะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส สะอาด สว่าง สงบ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    " จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "

    วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
    แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย

    บัญชี เพื่องาน พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภค
    บัญชี ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
    บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และ การสร้างพระเจ้าองค์แสน
    ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> http://palungjit.org/threads/วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ.44604/page-168</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. octavian

    octavian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +485
    ให้ลองพิจารณา ตัดขันธ์ 5 แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้าดูนะครับ

    ... หรือ อาจจะวางอารมณ์หนักไป
     
  10. 26

    26 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +374
    ขอบคุณครับ
     
  11. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

แชร์หน้านี้

Loading...