NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

การขึ้นเหนือสัญชาตญาณ หรือ เหนือธรรมชาติอันเป็นปกติ

มนุษย์ล้วนดำรงทั้งสองขั้วไว้ในตัวเองทั้งสิ้น สิ่งนี้เรียกว่าเป็น ธรรมชาติ หรือธรรมดาอันเป็นปกติเมื่อท่านทั้งหลายยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ภายใต้วัฏฏสังสาร อยู่ภายใต้แรงดึงดูด และแรงโน้มถ่วงของโลกที่ยังดึงดูดเราไว้ให้ติดกับโลก แห่งการ เกิด แก่ เจ็บตาย หรือ วัฏฏสังสารนี้ หากเรายังต้องติดอยู่กับสิ่งนี้ การเรียนรู้ที่จะดำรงไว้อย่างสมดุลย์ และสง่างามนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมอริยะ หรือ ยุคศรีวิไลที่จะมาถึง นั่นคือ การเปิดใจ เข้าใจ และ ให้อภัย อันเป็นคีย์สำคัญในการดำรงอยู่ของ 22.22

แต่เมื่อใดที่เราเรียนรู้ที่จะพลิกขั้วลบให้เป็นขั้วบวกได้ทั้งหมด เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายก็มิได้ดำรงอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ทำให้ท่านต้องยึดติดอยู่กับโลก หรือวัฏฏสังสารนี้อีกต่อไป เมื่อนั้นท่านย่อมได้ชื่อว่าขึ้นอยู่เหนือโลก เหนือกฏเกณฑ์ของวัฏฏสังสารตามธรรมชาติ (อันหมายถึงการดำรงอยู่ทั้ง 2 ขั้วอย่างสมดุลย์) เมื่อนั้น ท่านย่อมหลุดพ้นจาก "กาลเวลา" อันเป็นเครื่องพรางของโลกมนุษย์

เมื่อนั้นท่านย่อมหลุดออกจากกฏเกณฑ์ของโลกมนุษย์ไปดำรงอยู่ในสถานที่แห่งอื่น มิติอื่น ซึ่งเหมาะสมกับจิตสำนึกของท่าน ตามกฏเกณฑ์แห่งการดึงดูดของจักรวาล ซึ่งคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เหนือโลก" และนั่นก็คือความหมายของคำว่า "การขึ้นอยู่เหนือสัญชาติญาณ" ที่องค์สัมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าของ ท่านค้นพบในอดีตกาล

LOVE U

UNIVERSE<!-- google_ad_section_end -->

 

เหตุใดจึงต้องเป็น B กับ J

WHAT IS "J"

LOVE U

JINTAWADEE

 

ขอบคุณคุณ Sopasiri ที่มาตามหน้าที่ของท่าน ขอให้ท่านเจริญในธรรมต่อไป

เมื่อใดที่เราเรียนรู้ที่จะพลิกขั้วลบให้เป็นขั้วบวกได้ทั้งหมด เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายก็มิได้ดำรงอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ที่ทำให้ท่านต้องยึดติดอยู่กับโลก หรือวัฏฏสังสารนี้อีกต่อไป เมื่อนั้นท่านย่อมได้ชื่อว่าขึ้นอยู่เหนือโลก เหนือกฏเกณฑ์ของวัฏฏสังสารตามธรรมชาติ (อันหมายถึงการดำรงอยู่ทั้ง 2 ขั้วอย่างสมดุลย์) เมื่อนั้น ท่านย่อมหลุดพ้นจาก "กาลเวลา" อันเป็นเครื่องพรางของโลกมนุษย์

เมื่อนั้นท่านย่อมหลุดออกจากกฏเกณฑ์ของโลกมนุษย์ ไปสถิตอยู่ยังสถานที่แห่งอื่น มิติอื่น ซึ่งเหมาะสมกับจิตสำนึกของท่าน ตามกฏเกณฑ์แห่งการดึงดูดของจักรวาล ซึ่งคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า "เหนือโลก" และนั่นก็คือความหมายของคำว่า "การขึ้นอยู่เหนือสัญชาติญาณตามธรรมชาติอันเป็นปกติ" ที่องค์สัมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าของ ท่านค้นพบในอดีตกาล

 

อนุโมทนา สาธุ<!-- google_ad_section_end --> ใครๆก็อยากมีโลกใหม่ แต่โลกใหม่ของผู้ทำลาย(คน)จะอยู่ได้นานแค่ไหน

 

ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า มนุษย์ล้วนมี 2 ขั้วดำรงอยู่ในตัวเองตามธรรมชาติทั้งสิ้น เหตุใดมนุษย์จึงต้องเลือกที่จะเป็นผู้ทำลาย ทั้งที่สามารถ รักได้อย่างปราศจากเงื่อนไข


โลกมีเส้นทางความเป็นไปได้นับอนันต์ ท่านต้องการเส้นทางใด ประพฤติตนสอดคล้องกับเส้นทางใด ท่านย่อมดึงดูดเส้นทางสายนั้นมาสู่ตัวท่านตามกฏการดึงดูดของจักรวาลไม่มีกฏเกณฑ์อื่น

ข้าพเจ้าเคยบอกแล้วว่า โลกแห่งความเป็นจริงของท่านมีตัวท่านซึ่งก็คือ "ปัจจัยภายใน" อันได้แก่ "ภาวะจิต" ของท่านเป็นศูนย์กลาง

ปัจจัยภายในอันได้แก่ภาวะจิตของท่านเป็นเช่นใด ปัจจัยภายนอก หรือ สภาพแวดล้อมภายนอกของท่านย่อมเป็นฉันท์นั้น เพราะ ปัจจัยภายใน หรือ "ภาวะจิต" เป็นเป็นมูลเหตุซึ่งก่อให้เกิดปัจจัยภายนอก หรือ สภาพแวดล้อมภายนอก ดั่งเช่นกับการส่องกระจก ภาพภายในกระจก และภายนอกกระจกย่อมเหมือนกันเสมอ

เมื่อท่านประพฤติตนสอดคล้องกับเส้นทางความเป็นไปได้แห่งยุค 22.22 อันเต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ การเปิดใจ และการให้อภัย เมื่อนั้นท่านได้ดึงดูด เส้นทางความเป็นไปได้แห่ง 22.22 มาสู่ตัวท่าน

เมื่อท่านประพฤติตนสอดคล้องกับเส้นทางความเป็นไปได้แห่งยุค 11.11 (ภัยพิบัติ การทำลายล้าง) อันเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ความไม่เข้าใจ การปิดกั้นตัวเอง เมื่อนั้น ท่านได้ดึงดูดเส้นทางความไปได้แห่ง 11.11 นั้น เข้ามาสู่ตัวท่านเอง

และถึงแม้จิตสำนึกมวลรวมของโลกยังเต็มไปด้วย 11.11 ก็ตาม แต่บุคคลที่ประพฤติตนสอดคล้องกับเส้นทางความเป็นไปได้แห่งยุค 22.22 ก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยปราศจากผลกระทบจากภัยพิบัติ และการทำลายล้าง ยกเว้นเสียแต่ว่าท่านจะเป็นผู้ดึงดูดมันเข้ามาด้วยความคิดของตัวท่านเอง

ด้วยรัก

JINTAWADEE

 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสัจจธรรม โลกนี้ย่อมมีทวิคตินิยมแต่ความจริงไม่มีใครเจอ
เรามีภายในที่ธรรมดาคือไม่ข้องแวะเลือดเนื้อ ดับนิวรณ์ด้วยกัมมัฏฐาน พยายามไปเรื่อยๆ เราส่องกระจกดูแล้วว่าเรามีแต่ความสกปรกทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ได้แสดงออกมาเพื่อบอกว่ารังเกลียดในมนุษย์ แต่มองเห็นว่ามนุษย์ไม่เคยหยุดปราถนา อยากในความรักโลภโกรธหลง เมื่อสิ่งนี้มา สิ่งนี้ก็เก่า สิ่งใหม่ก็มา เป็นธรรมดา ผู้สร้าง ผู้รักษา ผู้ทำลาย ไม่ได้เกิดแก่ผู้มีธรรม แต่เกิดแก่ผู้ละธรรม

 

ขออนุโมทนากับข้อความข้างบน สมแล้วที่เป็น KEY ท่านหนึ่ง

สิ่งที่ท่านพูดถึงก็คือ กฏแห่งธรรมดา หรือ ธรรมชาติของการเกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

เกิดขึ้น เปรียบได้ ผู้สร้าง
ตั้งอยู่ เปรียบได้ ผู้รักษา
ดับไป เปรียบได้ ผู้ทำลาย

นั่นคือความเป็นธรรมดา อันดำเนินไปตามธรรมชาติอันเป็นปกติ

เมื่อใดที่เราขึ้นอยู่เหนือความเป็นธรรมดาตามธรรมชาติอันปกติ (การขึ้นเหนือสัญชาติญาณ) เมื่อนั้น สถานที่ที่ท่านมุ่งหวังย่อมเป็นความจริงตามการกระทำ หรือ ตัวกระทำ

ขอให้ท่านเจริญในธรรมต่อไป



ALL MY LOVE FOR U

JINTAWADEE

 

The Moon
To New AGE
.......................

 

<table id="post3192096" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> 15-04-2010, 02:24 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #269 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Little Duck<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_3192096", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: May 2008
ข้อความ: 533
Groans: 0
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,153
ได้รับอนุโมทนา 8,665 ครั้ง ใน 529 โพส
พลังการให้คะแนน: 116


</td> <td class="alt1" id="td_post_3192096" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Little Duck
<table id="post3068731" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> 13-03-2010, 06:26 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #97 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Little Duck<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_3068731", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: May 2008
ข้อความ: 521
Groans: 0
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,126
ได้รับอนุโมทนา 8,599 ครั้ง ใน 517 โพส
พลังการให้คะแนน: 112


</td> <td class="alt1" id="td_post_3068731" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร
Hanuman monkey monk.

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
</td> </tr> </tbody></table>
สวัสดีค่ะ คุณหนุมาน ผู้นำสาร

Hanuman = หนุมาน
=8+1+14+21+13+1+14=72 = 9 = I= Intellegent = สติปัญญา , ภูิมิปัญญา

monkey = ลิง ,
= 13+15+14+11+5+25 = 83 = 11 = K =Key = กุญแจ , คำเฉลย , รหัส

monk. = พระสงฆ์ นักบวช= 13+15+14+11 = 53 = 8 = H = Human = มนุษยชาติ

เมื่อนำความหมายมา รวมกัน จะเห็นว่าข้อมูลทั้งหมดสนับสนุนซึ่้งกันและกัน ซึ่้งหมายถึง ผู้ทรงภูิมิปัญญา และเป็นอีกผู้หนึ่งที่ถ่ายทอดทอดภูิมิัปัญญาต่อสาธารณะชน พระสงฆ์ เปรียบเหมือนตัวแทน หรือ รหัสเฉพาะบุคคล ทำหน้าที่เผยแผ่พุทธศาสนา .. หนุมาน ผู้นำสาร ..

ขออนุโมทนา ..

Little Duck
<!-- google_ad_section_end -->
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> <script type="text/javascript"> vbrep_register("3068731")</script> </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td></tr></tbody></table>

White Monkey = 23+8+9+20+5+13+15+14+11+5+25 = 148 = 14+8 = 22

White = 23+8+9+20+5 = 65 = 11
Monkey = 13+15+14+11+5+25 = 83 = 11
1111 = KK

Cut Habit = 3+21+20+8+1+2+9+20 = 84 = 12 =L
L = LOVE = V=VALENTINE = V = 22


Cut = 3+21+20 = 44
Habit = 8+1+2+9+20 = 40 = 4
444


โป รดสังเกตุผลลัพธ์จากข้อมูลอ้างอิง และผลลัพธ์อื่น ๆ ตามลำดับ หากดูตามแนวนอน ผลรวมคือ 22:22 NEW AGE และเมื่อดูผลรวมจากแนวตั้งหมายถึง KK444
KK = King of Key
444 = Doctor of Divinity Data ..

LOVE U..

Little Duck ..

</td> </tr> </tbody></table>

** KING OF KEY OF MONK **


WHITE MONKEY = KK = 1111

WHITE MONKEY = ลิงขาว , หนุมาน
1111 = รหัสเตือนภัย
KK = KING OF KEY = กุญแจหลัก , หัวใจของกุญแจทั้งหมด

เมื่อนำความหมายมารวมกัน หมายถึง ผู้ทีมีความสำคัญในการไขปริศนา , การถอดรหัสเตือนภัย จึงเป็นสัญลักษณ์ของ หนุมาน ผู้นำสาร ..

CUT HABIT = 444 =
DDD = Doctor of Devinity Data ข้อมูลของนักธรรมชั้นเอก , หมายถึง คำสอนของนักธรรม..

Cut = ตัด
HABIT = นิสัย , ความเคยชิน
หมายถึง ลด ตัดทอน วิสัย ..

เมื่อนำความหมายมารวมกันจึงหมายถึง ลด ตัดทอน วิสัย เป็นคำสอนของนักธรรม ซึ่งตรงกับคำสอนของหนุมาน ผู้นำสาร ที่มักกล่าวไว้เสมอ ..



UNIVERSE..

Little Duck..
<!-- google_ad_section_end -->
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> <script type="text/javascript"> vbrep_register("3192096")</script> </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td> </tr> </tbody></table>


หนุมาน ผู้นำสาร มีสัญลักษณ์ เปรียบดังพระสงฆ์ และความหมายอื่น ๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วตามข้อมูลอ้างอิงข้างต้น ..

FULL MOON = พระจันทร์เต็มดวง
6+21+12+12+13+15+15+14= 108 = 10+8 = 18= R
R= ROTARY = กงล้อ , การขับเคลื่อน, การหมุนรอบแกน ,

ในทางพุทธศาสนาจะเห็นว่า วันสำคัญทางพุทธศาสนามัก จะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ หรือ ที่เราเรียกกันว่าพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งได้เกิดปรากฎการณ์สำคัญขึ้นพร้อมกันในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ค่ำ คือ การประสูติ, ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ดังนั้น เมื่อนำความหมายมารวมกันแล้ว จึงหมายถึง การขับเคลื่อนพระธรรมคำสอน หรือ กงล้อแห่งพระธรรม โดยมีสัญลักษณ์คือธรรมจักร อันหมายถึง การประกาศพระุพุทธศาสนา

ธรรมจักร : กงล้อแห่งธรรม






UNIVERSE..

Little Duck..

 

*** สัตว์โลกต้องทำ สัจจะทำ จึงหลุดพ้นทุกข์ ****

การขับเคลื่อนวงล้อธรรม
โดยการตัดลดกิเลสนิสัย ด้วยสัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** โลกเที่ยงด้วยสัจจะ ****

สัจจะทำ...
คือ การนำสัจจะธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้เกิด การกระทำเที่ยง
เกิดเป็น ตัวกระทำเที่ยงที่ไม่ตาย ติดตัวเราไป
แล้วจะส่งผลตอบแทนเที่ยงให้กับตนเอง ต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ก่อเกิดเป็นกรรมดี ติดตัวเราไป

 

*** ผลการกระทำ ****

สิ่งที่ติดตัวเราไป...เป็นตัวตนที่ไม่ตาย
เรียกว่า ตัวกระทำ....ที่ล่องหนอยู่ตลอดเวลา
เป็นตัวตนที่มีผลตอบแทน
ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจทำ
ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนาทำ
ก็เกิดเป็นตัวกระทำทั้งสิ้น

ถ้าเราไปเบียดเบียนเขาโดยไม่เจตนา
ตัวกระทำ ก็จะส่งผลตอบแทนย้อนกลับมา แบบไม่เจตนาให้เกิด ไม่อยากให้เกิด
นี่เรากำลังพูดถึง ความหมายของสัจจะธรรม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<table id="post3215228" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> เมื่อวานนี้, 05:52 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #316 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Little Mermaid<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_3215228", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jun 2008
ข้อความ: 279
Groans: 0
Groaned at 9 Times in 4 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,492
ได้รับอนุโมทนา 1,981 ครั้ง ใน 285 โพส
พลังการให้คะแนน: 66


</td> <td class="alt1" id="td_post_3215228" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร
*** รู้เห็นมานานแสนนาน ****

ดวงจันทร์...
เห็นการกระทำของสัตว์โลกทุกตัวตน
เห็นการเวียนว่ายตายเกิดบนโลก
เห็นการกระทำของผู้ทำได้
เห็นทุกอย่าง

- " หนุมาน ผู้นำสาร ไ
</td> </tr> </tbody></table>
The Moon
To New AGE
.......................<!-- google_ad_section_end -->
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> <script type="text/javascript"> vbrep_register("3215228")</script> </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td> </tr> </tbody></table>
22/4/2553 = 22+4+2+5+5+3 = 41 = DA
DA = DATA AVAILABLE

22/4/2553 = 2+2+4+2+5+5+3 = 23 = W
W =WORLD = โลก , สรรพสิ่ง , มนุษยชาติ

The Moon = ดวงจันทร์
= 20+8+5+13+15+15+14 = 90 = 9
To New AGE = ยุคใหม่
20+15+14+5+23+1+7+5 = 90 = 9

The Moon + To New Age = 9+9 = 18 = R
R= Rotary = กงล้อ , การหมุนรอบแกน , การขับเคลื่อน

เมื่อนำความมารวมกัน หมายถึง การขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อเดินทางสู่ยุคใหม่.. ซึ่งการขับเคลื่อนนี้ เปรียบเหมือนการโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งเป็นบริวารดวงเดียวของโลกที่ หมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก จึงเห็นการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ของมวลมนุษยชาติ ..

UNIVERSE..

Little Duck ..

 

*** โลกุตตระ พระไตรปิฎก ****

การปรากฎ เป็นมนุษย์ ในรอบหมื่นปี
ยุคกึ่งพุทธกาลศาสนาพระโคดม
ศาสนาหักกลาง สัจจะคำสอนถูกบดบัง สัตว์โลกขาดหนทางหลุดพ้นทุกข์
จึงปรากฏเป็นผู้หญิง มาสอนสัจจะธรรม มาส่งสัจจะให้พิจารณา
เป็นมนุษย์เหนือโลก เพื่อสานต่อศาสนาที่หักกลาง
รู้ในทุกย่างก้าว ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ วัฎสังสาร
เวียน ว่าย ตาย เกิด คือ วัฏจักร
เปรียบดังกงล้อ ที่หมุนรอบแกนฉันใด
ความไม่สิ้นสุดฉันนั้น ..

กงเกวียน กงกรรม .

ดวงจันทร์ วันเพ็ญ
๑๕ ค่ำ เดือน ๖
๑๕ ค่ำ เดือน ๖
๑๕ ค่ำ เดือน ๖

ดวงจันทร์ หมุนรอบตัวเองอย่างไร
หมุนตามแกน หรือไม่ ..

อนุโมทนา สาธุการ ..
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

อนุโมทนา สาธุการ

 

ก้าวเดินไปข้างหน้าเถิด..
หนทางเปิดสว่างไสว..
สุขใจได้พบแล้ว ฤา
หรือเพียงเพื่อรอ แล้วจากไป..

..................................

 

คน ที่เป็น เพื่อน

ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาระดับเดียวกัน​

ไม่จำเป็นต้องมีฐานะเท่าเทียมกัน​

ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่การงานเท่าเทียมกัน​

ถ้าคิดแบบนั้น คุณจะไม่มีเพื่อนแท้ดีๆเลยสักคน​

คอยเตือน ยามเพื่อนพลั้ง​

คอยฟัง ยามเพื่อนขอ​

คอยรอ ยามเพื่อนสาย​

คอยพาย ยามเพื่อนพัก​

คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์​

คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ​

คอยง้อ ยามเพื่อนงอน​

คอยสอน ยามเพื่อนผิด​

คอยสะกิด ยามเพื่อนเผลอ​

คอยเจอ ยามเพื่อนหา​

คอยลา ยามเพื่อนกลับ​

คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน​

คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว​

คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น​

คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน​

คอยหอน ยามเพื่อนเห่า​

คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ​

คอยอุบ ยามเพื่อนปิด​

คอยคิด ยามเพื่อนถาม​

คอยปราม ยามเพื่อนหลง​

คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง​

คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด​

คอยอด ยามเพื่อนทาน​

คอยคาน ยามเพื่อนล้ม​

คอยชม ยามเพื่อนชนะ​

คอยสละ ยามเพื่อนชอบ​

 

*** เพื่อนแท้จริง ****

สัจจะ เป็นเพื่อนกิน
สัจจะ เป็นเพื่อนนอน
สัจจะ เป็นเพื่อนยามมีภัย
สัจจะ เป็นเพื่อนเกิด เพื่อนตาย
สัจจะ เป็นเพื่อนที่ติดตามเหมือนเงาตามตัว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<table id="post3212832" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> &nbsp-04-2010, 10:41 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #296 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_3212832", true); </script>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 8,642
Groans: 1
Groaned at 424 Times in 292 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 94
ได้รับอนุโมทนา 58,072 ครั้ง ใน 7,869 โพส
พลังการให้คะแนน: 4161


</td> <td class="alt1" id="td_post_3212832" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->JD
วันพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์วันเพ็ญ
เดือนเพ็ญ.......

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td> </tr> </tbody></table>

ธรรมจักร : กงล้อแห่งธรรม

กงล้อแห่งธรรม โดยมีสัญลักษณ์คือธรรมจักร อันหมายถึง การประกาศพระุพุทธศาสนา





วันพระจันทร์เต็มดวง = ๑๕ ค่ำ เดือน ๖
แสงจันทร์วันเพ็ญ = ๑๕ ค่ำ เดือน ๖
เดือนเพ็ญ....... = ๑๕ ค่ำ เดือน ๖


<table class="MsoNormalTable" style="width: 100%;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr style=""><td style="padding: 0cm;">วันวิสาขบูชา วันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน กับสิ่งแรก และสิ่งสุดท้ายในสมัยพุทธกาล<o></o>
</td> <td style="padding: 0cm;" valign="top">

<o>
</o>​

</td> </tr> </tbody></table> <o></o>
<table class="MsoNormalTable" style="width: 150pt;" align="left" border="0" cellpadding="0" width="200"> <tbody><tr style=""> <td style="padding: 0cm;"> <!--[if gte vml 1]><v:shapetype id="_x0000_t75" coordsize="21600,21600" o:spt="75" oreferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> <v:stroke joinstyle="miter"/> <v:formulas> <v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"/> <v:f eqn="sum @0 1 0"/> <v:f eqn="sum 0 0 @1"/> <v:f eqn="prod @2 1 2"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @0 0 1"/> <v:f eqn="prod @6 1 2"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="sum @8 21600 0"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @10 21600 0"/> </v:formulas> <vath o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"/> </v:shapetype><v:shape id="_x0000_i1025" type="#_x0000_t75" alt="" style='width:150pt; height:172.5pt'> <v:imagedata src="Visakhathai.files/image001.jpg" o:href="http://content.kapook.com/content/uploads/visakha3.jpg"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]--><!--[endif]--><o></o>
</td> </tr> </tbody></table> [FONT=&quot]วันวิสาขบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะหรือเดือน ๖ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซึ่งพุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งทางพุทธศาสนา ด้วยเหตุการณ์สำคัญๆที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์ได้บังเกิดขึ้นในวันและเดือน เดียวกันอย่างน่ามหัศจรรย์ กล่าวคือ[/FONT]<o></o>

[FONT=&quot]๑.เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ต่อมาได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อวันศุกร์ขึ้น๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ[/FONT][FONT=&quot] (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล)<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]๒.เป็นวันตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ[/FONT][FONT=&quot] (ปัจจุบัน อยู่ในเขตเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย) เมื่อวันพุธขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี คือ หลังจากที่เสด็จออกผนวชเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ได้ทรงบำเพ็ญเพียรอย่างหนักเป็นระยะเวลา ๖ ปี จนตรัสรู้เมื่อมีพระชนมายุ ๓๕ พรรษา (พุทธ ศักราชนับตั้งแต่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน เป็นพ.ศ.๑)<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]๓.เป็นวันปรินิพพาน หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดผู้ควรแนะนำสั่งสอนเพื่อให้บรรลุมรรคผล จนนับไม่ถ้วน เป็นเวลาถึง ๔๕ ปี ก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา[/FONT][FONT=&quot] (ปัจจุบันอยู่ในแคว้นอุตตรประเทศ ของอินเดีย) รวมสิริพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]ในเรื่องวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพานนี้ มีบางท่านได้เสนอข้อคิดเห็นว่า หากจะมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ก็อาจกล่าวได้ว่า ทั้งสามเหตุการณ์เกิดขึ้นในวัน เวลา และเดือนเดียวกัน คือวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา อันเป็นวันตรัสรู้เลยก็ได้ กล่าวคือ ทันทีที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญเพียรจนได้พระอนุตรสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า วินาทีนั้นนั่นเองที่พระพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นมาในโลก ถือเป็นการประสูติ และช่วงเวลาดังกล่าว ก็ยังเป็นวันเวลาแห่งการตรัสรู้หลักธรรมอันเป็นความเป็นจริงแห่งชีวิตด้วย และในขณะเดียวกัน ณ เวลานั้น พระพุทธองค์ก็ได้ดับกิเลสในตนจนหมดสิ้นถือว่าเป็นภาวะนิพพาน ดังนั้น การประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานจึงเกิดขึ้นในช่วงวันเวลาเดียวกัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]สำหรับหลักธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพาน ก็คือ ความกตัญญูรู้คุณ อริยสัจ ๔ และความไม่ประมาท ซึ่งความสำคัญและหลักธรรมในวันวิสาขบูชานี้ ส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนจะทราบกันดีอยู่แล้ว ดังนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงอยากจะขอนำเสนอเรื่องอื่นๆอันได้แก่ สิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล หรือสมัยที่พระพุทธองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่ อันได้แก่[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]-พระอาจารย์คนแรก เมื่อเสด็จออกผนวช [/FONT][FONT=&quot]คือ อาฬารดาบส กาลามโคตร[/FONT][FONT=&quot] เป็นหนึ่งในเจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีลูกศิษย์ลูกหามากมายขณะนั้น เจ้าชายสิทธัตถะจึงได้มอบตัวเป็นศิษย์ และศึกษาวิชาความรู้ด้วยความวิริยะ จนสิ้นความรู้อาจารย์ และเห็นว่ามิใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ก็อำลาไปแสวงหาธรรมวิเศษต่อไป[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-นางสุชาดา[/FONT][FONT=&quot] บุตรสาวคฤหบดีแห่งหมู่บ้านอุรุเวลา ตำบลเสนานิคม เป็นผู้ถวายข้าวมธุปายาส (ข้าวที่หุงกวนด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม) ในวันที่ทรงตรัสรู้ ด้วยเข้าใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะที่นั่งสงบอยู่ใต้ต้นไม้ คือรุกขเทวดาที่ช่วยให้นางได้ลูกชายสมปรารถนา จึงนำข้าวมธุปายาสใส่ถาดทองไปถวายแก้บน[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-นายโสตถิยะ[/FONT][FONT=&quot] เป็นพราหมณ์ที่ได้ถวายหญ้าคาจำนวนหนึ่งแก่พระองค์ จึงทรงใช้ปูเป็นอาสนะสำหรับประทับนั่งที่โคนต้นโพธิ์ เมื่อประทับแล้วก็ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่า [/FONT][FONT=&quot]“ถ้าเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด เราจักไม่ลุกขึ้นตราบนั้น แม้ว่าเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนัง เอ็นและกระดูกก็ตามที” <o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-ตปุสสะและภัลลิกะอุบาสกสองคนแรก ในสัปดาห์ที่ ๔ ที่ทรงตรัสรู้ ทรงประทับอยู่ใต้ต้นเกด มีพ่อค้าต่างเมือง ๒ คนชื่อ ตปุสสะ และ ภัลลิกะ เดินผ่านมาพบพระพุทธเจ้า เกิดความประทับใจในความสง่างามและถ้อยคำของพระองค์ จึงได้นำข้าวสัตตุก้อน สัตตุผงไปถวาย พร้อมทั้งขอให้พระองค์รับเป็นสาวกผู้นับถือพระพุทธองค์ สองคนนี้จึงนับเป็นอุบาสกสองคนแรกในโลก ที่ถึงสรณะ ๒ คือพระพุทธและพระธรรม ส่วนบิดาของพระยสะเป็นอุบาสกคนแรกที่ถึงสรณะครบ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ส่วนอุบาสิกาคนแรก คือ มารดาและภริยาของพระยสะ <o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]-ปฐมเทศนาที่ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ชื่อว่า “ธัมจักกัปปวัตตนสูตร” หรือเรียกสั้นๆว่า “ธรรมจักร” ซึ่ง หมายถึง พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป อันมีใจความย่อว่า บรรพชิตผู้ประสงค์จะบรรลุธรรมต้องไม่ปฏิบัติสุดโต่ง ๒ อย่างคือ ทรมานตนด้วยวิธีต่างๆ กับหมกมุ่นกับการแสวงหาความสุข ควรดำเนินตามหลักอริยมรรค ๘ คือทางสายกลาง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]-ขณะที่ทรงแสดงธรรมอยู่นั้น พระโกณฑัญญะ ก็เกิด [/FONT][FONT=&quot]“ดวงตาเห็นธรรม”[/FONT][FONT=&quot] สำเร็จพระอรหันต์ เป็นพระพุทธสาวกองค์แรกในพุทธศาสนา<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]-เวฬุวันวิหาร[/FONT][FONT=&quot] เป็นสวนไผ่ที่พระเจ้าพิมพิสาร แห่งกรุงราชคฤห์ ได้ถวายเพื่อให้เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ ถือเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]-พระอัครสาวก [/FONT][FONT=&quot]ขณะที่ประทับ อยู่เวฬุวันนี้ พระพุทธองค์ได้อัครสาวกสำคัญ ๒ องค์คือ พระสารีบุตร เป็นอัครสาวกเบื้องขวาที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีปัญญามาก และพระโมคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายที่ได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศในทางฤทธิ์ ซึ่งทั้งสององค์เป็นกำลังสำคัญยิ่งในการช่วยประกาศพุทธศาสนา [/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-พระราหุลกุมาร [/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นพระ โอรสของเจ้าชายสิทธัตถะกับพระนางยโสธรา ได้บวชเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา โดยพระสารีบุตรเป็นผู้บวชให้ และเป็นเหตุให้พระเจ้าสุทโธทนะ(ปู่)ทูลขอร้องต่อพระ พุทธเจ้าว่า ต่อไปถ้าจะบวชใคร ขอให้ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่เขาเสียก่อน พระองค์ก็ทรงรับตามที่พุทธบิดาทรงขอ เนื่องจากตอนบวชพระราหุล ทรงให้บวชโดยไม่ได้ขออนุญาต ทำให้พระเจ้าสุทโธทนะเสียพระทัยมาก เพราะลูกหลานออกบวชเกือบหมด ไม่มีใครอยู่สืบราชสมบัติ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]-พระนางมหาปชาบดีโคตมี[/FONT][FONT=&quot] เป็นพระแม่น้าของพระพุทธเจ้าได้ออกบวชเป็นภิกษุณีองค์แรกในพุทธศาสนา ซึ่งตอนแรกพระองค์ไม่ประสงค์จะให้สตรีออกบวช แต่พระนางก็ไม่ละความพยายาม จนในที่สุดพระอานนท์ได้กราบทูลขอร้อง จึงทรงอนุญาต แต่ทรงวางเงื่อนไขว่าจะบวชได้ต้องปฏิบัติครุธรรม อันหมายถึง ข้อปฏิบัติอันเคร่งครัด ๘ ประการ เช่น ภิกษุณีแม้บวชมาร้อยพรรษา ก็ต้องไหว้พระภิกษุที่แม้เพิ่งบวชวันเดียว เป็นต้น ซึ่งพระนางก็ยินยอมปฏิบัติ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]-พระกระยาหารมื้อสุดท้าย [/FONT][FONT=&quot]เมื่อทรงปลงอายุสังขารในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน ๓) ขณะทรงพระชนมายุ ๘๐ พรรษาแล้ว ได้เสด็จมุ่งหน้าไปยังเมืองกุสินารา ระหว่างทางได้เสด็จประทับพักผ่อนที่สวนมะม่วงของนายจุนทะ กัมมารบุตร ซึ่งนายจุนทะก็ได้ถวายอาหารปรุงพิเศษที่ชื่อว่า สูกรมัททวะ หลังจากเสวยภัตตาหารดังกล่าวแล้ว พระโรคได้กำเริบจนกระทั่งลงพระโลหิต แต่ทรงข่มทุกขเวทนาไว้ และเสด็จต่อไปยังเมืองกุสินารา จากนั้นก็ไม่ได้เสวยอาหารอื่นอีก[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-ปัจฉิมสาวก[/FONT][FONT=&quot] สุภัททะปริพาชก(นักบวชนอกพุทธศาสนานิกาย หนึ่ง)ทราบว่าพระพุทธองค์กำลังจะปรินิพพานก็รีบไปขอเฝ้าเพื่อถามปัญหาขัด ข้องใจของตน พระอานนท์ปฏิเสธ แต่เขาก็ยืนกราน จนพระพุทธเจ้าได้ยินการโต้ตอบกัน จึงมีพุทธบัญชาให้เฝ้าได้ เขาก็ได้ทูลถามปัญหาต่างๆจนเกิดความเลื่อมใสขอบวช พระองค์ก็บวชให้ ถือเป็นพุทธสาวกองค์สุดท้ายของพระพุทธเจ้า[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]-ปัจฉิมโอวาท [/FONT]ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานใต้ต้นรัง คู่ ณ สาลวันอุทยาน ในวันเพ็ญ เดือน ๖ ได้ตรัสปัจฉิมโอวาทไว้ว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย[FONT=&quot] เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม และความสลายไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงทำประโยชน์แก่ตนและประโยชน์แก่คนอื่นด้วยความไม่ประมาทเถิด[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]

สาธุ อนุโมทนา..

UNIVERSE..

Little Duck..