ช่วยเรื่องการเรียนหน่อยครับ

คือผม อยากเรียนเก่งอยากชนะคนอื่น แล้วผมก็ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ แล้วผมก็ไม่เก่งกว่าคนอื่นซักที ทำไงดีครับ ขอธรรมช่วยให้เรียนเก่ง หรือว่าวิธี และก็ผมอยากชนะคนอื่น ผมจะเป็นบาปไหม

 

อยากเรียนเก่งชนะคนอื่น แต่ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ แล้วจะชนะคนอื่นได้อย่างไร ถ้าอยากชนะคนอื่นละก็ต้องชนะตัวเองให้ได้ก่อน ก็คือพยายามกำจัดความไม่อยากอ่านหนังสือออกไปให้ได้ก่อน แล้วก็ตั้งใจเรียนในห้องเรียนเวลาครูสอน ถ้าจะให้ดีๆเลยเวลาว่้างๆก็ควรปฏิบัติธรรมด้วย เช่น นั่งสมาธิ เป็นต้น ฝึกไปนานๆ พยายามนั่งทุกวัน วันละ 15 นาทีก็ได้ ให้จิตมันสงบเป็นสมาธิ พอทำไปบ่อยๆขึ้น จิตก็จะมีสมาธิมากขึ้น ความจำก็จะดีขึ้น แล้วก็จะมีความเข้าใจในบทเรียนต่างๆได้ง่ายด้วย เผลอๆทำไปทำมาบ่อยๆ พอเข้าห้องเรียนปุ๊ปตั้งใจฟังครูสอน เข้าใจแจ่มแจ้ง แทบจะไม่ต้องอ่านหนังสือเลยก็เป็นไปได้ เพียงแค่ทบทวนนิดหน่อยก่อนสอบก็ทำข้อสอบได้

 

ขอบคุณมากครับ ทำอย่างไรจะขยัดความไม่อยากอ่านออกไไปได้ครับ

 

การรู้จักคบเพื่อนที่เก่งกว่าย่อมเป็นมงคล

 

ลองใช้วิธีที่หลวงพ่อโตท่านแนะนำนะค่ะ...​

วิธีการอ่านตำราให้จำแม่น - 13 มิถุยาน 2514​

สมเด็จ : สมัยอาตมามีสังขารอยู่ เขาเรียกว่า อาตมานี่เป็นนักอ่าน ที่หาตัวจับยาก ทีนี้ ท่านจะเป็นนักเรียน ท่านจะอ่านให้จำได้ ท่านจะทำอย่างไร? นี่เผยเคล็ดลับให้หน่อย

ก่อนท่านจะอ่านตำรา ท่านต้องอาบน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วท่านต้องวางสรรพสิ่ง แล้วทำสมาธิสัก 15-20 นาที จึงดูตำรา
ถ้าตำรา ที่ท่านไม่เคยอ่าน ท่านต้องอ่านเร็วๆ "อ่านรู้ใจความ เป็นครั้งที่1".......

อ่านครั้งที่ 2 "อ่านจำ"

ครั้งที่ 3 "อ่านท่อง"

แล้วทีนี้อ่านคล่อง รับรองสอบได้ที่ 1 เรื่อย เพราะอาตมาสมัยนั้นอ่านแบบนี้ แล้วจะอ่านนี่ ท่านจะต้องอ่าน "ตอนเช้า" เช่น ตอนตี 5 ไม่ก็ตอน "ตื่นนอน"

แล้ว ก็ตื่นตอนตี 3 ตี 2 ร่งอรุณ อะไรนี่ สมองปลอดโปร่งดี อาตมาอ่านจนสังฆราชเขาบอกว่า เอ็งไปอ่านกับพระประธานในโบสถ์ดีกว่านะ.



(จากหนังสือ โต พรหมรังษี จอมปราชญ์แห่งกรุงสยาม -เกหลง พานิช รวบรวม)




โดยคุณ พุทธสาวก
ที่มา www.buddha-dhamma.com

อนุโมทนาสาธุค่ะ..<!-- google_ad_section_end -->

 

ผมว่า เราต้องพยายามบังคับตัวเราให้ได้ ให้คิดว่า ถ้าเราไม่อ่านหนังสือ เราก็จะทำข้อสอบไม่ได้ ผลสอบออกมา ตก! เราก็เสียใจ พ่อแม่ก็อาจจะว่าเราว่าทำไมไม่ตั้งใจเรียน เพื่อนก็อาจจะดูถูกเรา แต่ถ้าเราอ่้านหนังสือ แล้วทำความเข้าใจ เราก็ทำข้อสอบได้ ผลสอบออกมา คะแนนดี เราก็ดีใจ พ่อแม่ก็ดีใจที่มีลูกตั้งใจเรียน เพื่อนก็จะดูถูกเราไม่ได้(แต่เราอย่าไปดูถูกคนอื่นล่ะ)
การอ่านหนังสือ จำได้แต่ไม่เข้าใจก็มีประโยชน์น้อยกว่า จำได้และเข้าใจชัดเจน อันไหนที่ต้องจำก็จำไป เวลาอ่านถ้าเกิดตรงไหน อ่านแล้วคิดแล้วยังไงก็ไม่เข้าใจ ลองหยุดคิด แล้วทำสมาธิสักครู่นึง แล้วลองมาคิดใหม่ก็อาจจะเข้าใจได้ ก่อนอ่้านหนังสือทำสมาธิซักนิดให้รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่ง พร้อมที่จะใส่ความรู้เพิ่มเข้าไปก็ดีเหมือนกัน

เราต้องยอมลำบากก่อน เพื่อความสุขในวันข้างหน้า

 

เรื่อง ฉันหิวข้าววว ...

ทั้งๆที่มือเท้าและสมอง ฉันก็มีเหมือนทุกคนๆนั้นแหละ แต่ฉัน"ขี้เกียจ" ออกไปหาข้าวกินเอง ..ส่วนในใจคิดว่า ..ทะมะ ฉัน รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก ว่าความขี้เกียจไม่ดี แต่ฉันจะทำอะ มีอะไรป่ะ อะโด่ ...ใครก็ได้หาข้าวมาประเคนฉันที่ตรงปากหน่อย...

ซักพักพอข้าวมา
อืม ขี้เกียจกินข้าวอะ แต่ อยากอิ่ม...ใครก็ได้ เคี่ยวข้าวแทนฉันหน่อย....


ถ้าท่าน จขกท เจอ "ฉัน" อย่างที่ผมยกตัวอย่างข้างบน ท่านเจ้าของกระทู้ จะรีบไปเข้าไปช่วย"ฉัน" หรือท่าน จขกท จะรอให้ "ฉัน" ช่วยตัวเองก่อนอะ

 

แค่ความคิดก็แพ้เสียแล้ว

 

หาคู่แข่งครับ

ผมก็เป็นอาการขี้เกียจอ่านหนังสือเนี่ย

แต่พอมีคู่แข่งเมื่อไหร่ แรงฮึดมาแน่ๆ

แต่เพื่อนผมก็มีเยอะนะที่ไม่ต้องแข่งกับใครเค้าแข่งกับตัวเอง

อ่านหนังสือจนเป็นนิสัย วันไหนไม่อ่านไม่ได้ เก่งมากอะครับ

สรุปถ้าไม่เลือกวิธีเอาชนะคู่แข่ง ก็เลือกเอาวิธีเอาชนะตัวเอง

 

ขอบคุณมากครับแต่มันเกิดความท้อแท้อ่ะ ใน การเรียนรุ้ในรร. อะครับ ผมได้เกรด4ทุกวิชา แต่ว่า ตอนที่สอบที่อื่นอ่ะรู้สึกว่ามันยากมากเลย ครับ ทำไม่ได้เลยก็มีบางที่ รู้สึกท้อแท้มากกอ่ะครับ คงรู้การศึกษาไทยนะครับคงได้ยินกันว่าออกเกินเนื้อหา..T_Tแล้วทีนี้จะคิดยังไงดีครับ บางทีผมก็ร้องไห้ ว่าจะสู้ทำไหมอยู่แบบนี้ก็ดีอยุแล้ว พ่อแม่ก็ชมแล้ว แต้ผมอยากทำข้อสอบที่มันยากๆๆ และเพื่อนผู้หญิงต่างรร สอบด้วย สอบได้100 เต็มเลยผมได้ไม่ถึง10 ขอบคุณมากนะครับ

 

อีกเรื่องนึงผมรู้สึกว่า ในการอ่านหนังสือเพื่อการสอบ แข่งขันีที่มันยากๆๆกับการอ่านเพื่อทำเกรดมันต่างกันอ่ะครับ อ่านเพื่อทำเกรด ผมแบบรู้สึกเข้าไปอ่านได้ง่ายๆ(เพราะต้องทำรู้สึกอะครับ)แต่การอ่านอีกแบบนึงผมเข้าไปอ่านได้อยากมากเลย

 

แก้ปัญหาที่สาเหตุ
4.00 มิใช่ความเก่ง แต่เป็นความเพียร จำ แล้วนำมาสอบ
หลังจากนั้น กูก็เอาที่กูจำมาเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือ
หลังจากนั้น พ่อ แม่ เพื่อนก็เห็นว่ากูเก่ง (ตอนนี้จิตเริ่มมีมานะ ความถือตนแล้ว นึกว่าข้านี้เก่ง ใครจะมาว่าข้ามิได้)
หลังจากนั้นจะเป็นพวกใครมาติอะไรหน่อยจะรู้สึกเคือง
หลังจากนั้น กิเลสมิได้หายไป หรือลดลงมีแต่เพิ่มขึ้น แล้วคุณก็จะจมอยู่ในวังวนของความเก่ง

วิธีคิดหรืออุบายในการทำลายความรู้สึกแบบนี้
-ยิ่งกูเก่งกูยิ่งมีงานมาให้ทำเยอะ เวลาความเป็นส่วนตัวของกูหายไปไหน คอยแต่จะสอนคนอื่น คอยแต่จะรักษาภาพพจน์ คอยแต่จะเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าตัวกูดีกว่า ตัวกูเจ๋งกว่า จนไม่ได้พัฒนาจิตเลย มองให้เห็นข้อเสียของการเก่งกว่าคนอื่น ตัวอย่างตอนนี้ไง เก่งเกิน ตอนนี้เค้าคนนี้ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ คงรู้นะว่าใคร
-เสียเวลาไปกับการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ผมว่ามันไร้สาระนะ กูเก่ง เรื่องของกู กูโง่มันก็เรื่องของกูอีก กูกินข้าว กูก็ิอิ่ม ไม่กินก็ไม่ิอิ่ม คิดง่ายๆ
-มีลาภ วันหนึ่งมันก็เสื่อม มียศ วันหนึ่งมันก็เสื่อม คำสรรเสริญ นินทา วันหนึ่งมันก็เสื่อม แล้วจะยึดอะไร ยึดความเสื่อมเหรอ
-ต่อให้คุณได้ 8.00 มันก็ยังมีคนได้ 8.01 อยู่ดี แล้วจะเปรียบเทียบตัวคุณ กับคนอื่นทำไม แล้วไอ้คนที่ได้ 8.01 มันก็ยังแพ้คนที่ได้ 0.00 เพราะอะไรเหรอ คุณลองถามชาวนาเรื่องการปลูกข้าวสิ เข้าจะเล่าให้คุณฟังแบบที่ว่าสามารถจับมือสอนเลยยังได้ แต่ให้เค้าเปิดคอมสิเค้าทำไม่ได้หรอก ผมกำลังจะบอกว่า คนที่เก่งด้านหนึ่งอาจไม่รู้เรื่องอะไรเลยในอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ ไม่มีใครรู้ทุกอย่าง (กรณีที่ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่)

ต่อไปเป็น เทคนิคการจำ ของฝรั่งผมเคยใช้สอบ
1.เปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นภาพตลก รุนแรง น่ากลัว xxxบ้างในบางครั้ง เช่น คุณต้องการจำวิชาฟิสิกส์ คุณก็เปลี่ยนตัวหนังสือให้มันเป็นสิ่งที่ตลกแล้วโยงเรื่องเข้าหากัน จนเป็นเรื่องราวเหมือนหนังที่คุณจินตนาการในสมองของคุณ แล้วคุณก็จะจำมันได้แม้คุณจะอ่านมันเพียงรอบเดียว
ตัวอย่าง ให้คุณจำสิ่งของต่อไปนี้
สบู่ คอมฯ แปรงสีฟัน ดอกไม้ วิทยุ เหรียญ ผ้า โต๊ะ เทียนไข ผ้าอ้อมเด็ก ระเบิด
ขั้นแรก คิดเรื่องตลก เช่นคุณกำลังเอาเคสคอมมาถูตัว
2. เคสคอมอันเล็กเท่าแปรงสีฟันแล้วคุณก็กำลังเอามันมาแปรงฟันอยู่
3. แต่แล้วคุณเอาแปรงสีฟันไปให้แฟนคุณแทนดอกไม้
4. เธอปัดแปรงสีฟันคุณ มันล่วงลงบนพื้นแล้วกลายเป็นวิทยุที่แตกสลาย
5. หลังจากนั้นฝนตกแต่เม็ดฝนที่ตกลงมาเป็นเหรียญ
อะไรประมาณนี้ พอคุณโยงเืรื่องจนจบ (อ่านเพียงรอบเีดียว) แล้วคุณลองทบทวนหนังที่คุณสร้างขึ้นมาเมื่อกี๊นี้ จะพบความมหัศจรรย์ว่าสมองเรามันทำได้ ไม่ต้องอ่านหลายรอบก็ได้ครับหนังสือนะ เสียพลังสมองเอาไปใช้อย่างอื่น เราใช้ เทคนิคนี้ได้กับทุกกรณีครับ ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ จำหน้าคนให้ตรงกับชื่อของเขา จำวันเกิดแฟน

หลังจาำกที่ได้วิชาไปแล้วต้องลองของนะครับ ในช่วงแรกจะคิดเรื่องไม่่ค่อยออกต้องฝึกจินตนาการเอาครับ แล้วหากหนังจินตนาการของคุณมันไม่ work จริงนั่นแสดงว่าคุณต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่ครับให้มัน โหดขึ้น ตลกขึ้น xxxขึ้น ยิ่งถ้าเป็นวิชาที่จำมาสอบนะครับ ขอ 1 วันอ่าน แล้วสอบ ไม่เต็มให้มันรู้ไป

ผมใช้วิธีนี้ได้ผลครับ A เห็นๆ

 

ทุกครั้งที่คุณสวดมนต์ แผ่เมตตา หรือ นั่งสมาธิ
คุณได้รู้อะไรใหม่ๆ ที่คุณยังไม่ได้รู้ทุกครั้งครับ
นั่นคือ คุณจะมีสมาธิ และ สมาธิ จะเป็นตัวการ
ที่จะทำให้เราเรียนรู้บางอย่าง ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ แล้ววันๆหนึ่ง
คุณก็จะเป็นคนเก่งล่ะครับ

ปล.ผมว่าผมเป็นแบบนี้นะ ^^

 

ถ้าอยากชนะเค้าผมมีเคล็ดลับครับ สมัยผมเรียนผมก็คิดแข่งกับเพื่อนเนี่ยแหละคุณลองหาเพื่อนซักคนลองพิจารณาดูว่าเค้ามีสมองพอๆกับเราแต่จิงๆแล้วคนเรามีสมองเท่ากัน อยู่ที่ความพยายามมากกว่า ไปจับคู่กับเพื่อนคนนั้นเลยครับแข่งกันเรียนอ่านหนังสือด้วยกัน ทำการบ้านด้วยกัน(แบ่บจริงใจนะครับไม่ใช่ริษยาต่อกันอิจฉากัน)แล้วตั้งเป้าหมายเลยครับ ใครจะได้ที่หนึ่งคนนั้นชนะ ตอนผมเรียนก่อนที่จะใช้วิธีนี้นักเรียนทั้งห้องมี44คนผมได้ที่39 38 ตลอดพอลองแข่งกะเพื่อนดูผมติดอันดับท๊อปเท็นจนครูตกใจว่าทำได้ยังไงสุดท้ายเพื่อนผมชนะมันก็ได้ที่1สมใจอยากส่วนผมก็ถือว่าพอแล้วครับอย่างน้อยก็เลขตัวเดียว มาถึงตอนนี้ตอนเรียนแข่งกันแทบตายอ่านหนังสือกันหัวโต หนักกว่านั้นเสียเพื่อนเพราะเรื่องเรียนก็มี สุดท้ายทำงานแทบไม่ได้ใช้เลยครับใช้จริงๆไม่เกิน30%ของที่เรียนมา อย่าไปเครียสครับ พยายามเข้า

 

ทำไมต้องเป็นที่สุดด้วยล่ะ เป็นไรที่เราเป็นอ่ะ แข่งก็แข่งกับตัวเองดีกว่า ในเมื่อเกิดมาต่างกัน IQ ต่างกัน ความขยันต่างกัน ในเมื่อขยันไม่ได้ก็ทำใจยอมรับสภาพ ถ้ารับไม่ได้ก็ทุกข์

 

^_^ น้องเอยยย ... ความเก่งในตัวมีอยู่แล้ว ขาดอยู่ก็แต่ การจัดการ ที่ดี

นี้ๆ ลองคิดตามดูเล่นๆนะ...

สมมุติ สมองทั้งหมดที่น้องมี =100

-ใช้เพื่อคิดถึงและกังวลว่าเพื่อนคนอื่นว่ามันเก่งกว่าเรามั๊ย = 20

-ใช้เพื่อคิดถึงวิธีที่จะเดินทางลัดสำหรับอนาคต =10

-ใช้เพื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพลาดมาแล้วในอดีต = 25

-ใช้เพื่อสงสัย ว่า เราเดินมาถูกทางหรือเป่าหว่า วิธีนี้จะได้ผลจิงอะเป่า = 25

- ฟุ้งซ่านเรื่องเบ็ดเตล็ด อื่นๆ เช่น แฟน,เพื่อน, มือถือBB, ดาราเกาหลี , กระทู้ตรูจามีคนมาตอบมั๊ยว้า .. นู้นนี้นั้น = 15

- ดังนั้น เหลือ สมองไว้คิดในปัจจุบัน = 100-20-10-25-25-15 = 5

อ้าววว....เดิมมีตั้ง 100 แต่ไหง Utilize จริง ได้แค่ 5 เอง งะ ??

....นั่น นั่น นั่น.....

คนเราอะนะ ถ้าจะทำอะไรให้สำเร็จถึงพร้อมสักอย่าง สำคัญที่สุดคือ ต้องมีสติและเอาใจใส่ อยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน เพราะ ปัจจุบันคือการทำ อนาคตคือการรับผล


ที่นี้รู้แล้วใช่มะ ว่าต้องทำยังไงต่อ ..อิอิ.. โชคดีนะคับ...น้องเอยยยยย

 

ครับขอบคุณมากครับ เด๋วผมจะทำให้ไม่ผิดหวังตอนนี้ผมคิดได้แล้ว ว่าต้องทำอย่่างไร;41 ขอบคุณมากครับงั้นต้องไม่คิด อย่างอื่นใช่ไหม

บางทีอะครับ ผมอ่านๆๆไปเจอข้อที่ทำไม่ได้ละครับ ตอนนี้ก็ปปิดเทอมมิรุจะถามไคร ควรทำอย่างไร เกบไว้ไปถามเปิดเทอมไช่ไหมครับ แต่มันก็เพิ่มความงงในการอ่านเข้าไปอีก และก็ทท้ออีกละคับ บางทีก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะเรื่องแบบ นี้แต่ตอนนี้ก็สู้ใหม่ละครับ

 

อ่านและติวเพื่อนครับ

 

ผมก้เป้นคนไม่ค่อยอ่านหนังสือครับ

ผมก็เป็นคนไม่ค่อยอ่านครับ แต่อาศัยการปฏิบัติสติปัฎฐาน จาก มหาลัยปี ๑ ได้เกรด ๒.๘ มาปี ๓ หันมาปฏิบัติะรรมครับอย่างเต้มที่เกรดขึ้นครับ ๓.๘๕ ได้เกียรตนิยมครับ เวลานี้ผมเรียน ป.โทครับ ได้ตั้ง ๓.๗ ครับ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือครับแต่อาศัยสมาธิสติครับในการเรียนในห้องครับลองทำดุนะครับ