เรื่องเด่น ดงพญาไฟ ประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 20 มกราคม 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    หลอน-1 พลังจิต.jpg

    "ป้าผ่อง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตำบลมวกเหล็กในอดีต

    สมัยก่อน ดิฉันเป็นเด็กอยู่ตลาดมวกเหล็ก สระบุรี ไข้มาลาเรียชุมมากค่ะ ชาวบ้านเรียกไข้ป่า มีคนเจ็บป่วยล้มตายมากๆ สมัยสงคราม เพราะขาดแคลนยาควินินที่ใช้ป้องกันและรักษา ป่าดิบดงดำที่นั่นจึงมีชื่อน่ากลัวว่า "ดงพญาไฟ"

    ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" ก็ยังไม่วายมีคนตายด้วยไข้ป่าตามเดิม

    เมื่อสงครามสงบ ความเจริญก็เริ่มต้นขึ้นช้าๆ เพราะการคมนาคมยังไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน มีรถไฟเป็นพาหนะอย่างเดียวเท่านั้น ที่ติดต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง

    ถนนมิตรภาพยังไม่ได้สร้าง คนที่ต้องไปค้าขายหรือติดต่อเยี่ยมเยียน ไปมาหาสู่กันก็ต้องขึ้นรถไฟระยะสั้นๆ อย่าง หินลับ-ทับกวาง-ผาเสด็จ หรือไม่ก็ล่องไปสระบุรีบ้าง ขึ้นโคราชบ้าง

    ไข้ป่ายังคร่าชีวิตคนไปบ่อยๆ เพราะยาควินินยังหายากและราคาแพง ชาวบ้านมักอาศัยหมอกลางบ้าน ใช้ยาหม้อบ้าง กินน้ำมนต์บ้าง เป็นไข้จับสั่นกันเสียส่วนมาก หน้าเหลืองตัวเหลืองกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่ต้องออกไปทำไร่ข้าวโพด และไร่น้อยหน่า มักจะหนีไข้ป่าไม่ค่อยพ้น

    ทำงานได้วันสองวันก็จับไข้นอนซม หนาวสะท้าน พอทุเลาก็ต้องออกไปทำไร่อีกแล้ว หลายๆ คนเป็นเรื้อรังนับปีกว่าจะตาย

    ขณะนั้น มีคนต่างถิ่นเข้าไปทำมาหากินกันหนาตาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งถางป่าทำไร่เลื่อนลอยก็มี ทั้งซื้อของป่าก็มี ไปซื้อสินค้าพวกของกินของใช้ อุปกรณ์ทำไร่จากสระบุรีมาขายบ้าง เป็นแม่ค้าในตลาดบ้าง

    มีแม่ลูกคู่หนึ่งอพยพจากโคราชมายึดอาชีพซื้อ-ขายของป่าที่นั่น บางทีก็ขนขึ้นรถไฟไปขายที่สระบุรี ตอนนั้นยังเรียกกันว่า "ปากเพรียว"

    แม่ชื่อนวล เป็นคนขาวสวย รูปร่างสูงโปร่ง อายุ 30 เศษ สามีตายแล้ว ลูกสาวชื่อจริงว่าอะไรไม่ทราบแน่ค่ะ เรียกกันแต่ชื่อเล่นคือ นก หรือ "ไอ้นก" อายุรุ่นเดียวกับดิฉันคือราว 10 ขวบ

    "ซิ้มไท" คนมวกเหล็กดั้งเดิม อาชีพค้าขายสนิทสนมกับสองแม่ลูกคู่นี้มาก บางคนก็บอกว่าซิ้มไทเป็นคนชักชวนน้านวลกับลูกสาวมาทำมาหากินที่มวกเหล็กด้วยซ้ำ...ไม่ช้าดิฉันกับเพื่อนๆ ก็ได้นกมาเป็นเพื่อนใหม่อีกคน

    น้ำตกมวกเหล็กเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพวกเราทั้งตำบลก็ว่าได้ เพราะสายน้ำกลายเป็นลำธารที่ใช้อาบกิน ตอนเช้าและเย็นจะมีคนไปตักน้ำ ซักผ้าและอาบน้ำ พวกเราก็ไปวิ่งเล่นกันแถวๆ นั้น ถ้าอาบน้ำก็ต้องรีบขึ้นค่ะ เพราะใครๆ ก็พูดตรงกันหมดว่า ผีดุ!

    เชื่อว่าในลำน้ำค่อนข้างเปลี่ยว ดูลึกลับ มีเจ้าพ่อสิงสู่อยู่ช้านานแล้ว ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบนบานศาลกล่าว ต้นไทรใหญ่ริมน้ำก็มีผ้าเขียวผ้าแดงผูกอยู่เต็ม ทั้งเก่าและใหม่ มีก้านธูปเกลื่อนกลาด ตอนเย็นเราเคยได้กลิ่นธูปอ้อยอิ่งมาเข้าจมูกบ่อยๆ

    มีเสียงลือว่าเจ้าพ่อจะเอาชีวิตผู้หญิงที่ถูกใจไปเป็นเมียปีละ 1 คน พ่อแม่ดิฉันก็เคยเล่าว่าจะต้องมีผู้หญิงจมน้ำตายเป็นประจำทุกปี!

    น้านวลกับไอ้นกมาอยู่มวกเหล็กได้ราว 6-7 เดือนก็เกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้น

    สองแม่ลูกไปซักผ้าและอาบน้ำที่นั่นบ่อยๆ วันหนึ่งก็เกิดเป็นไข้ทั้งคู่ เมื่อซิ้มไทกับชาวบ้านรู้ข่าวก็มาเยี่ยม หายามาให้กินตามมีตามเกิด อาการไข้ของสองแม่ลูกก็ทรุดลงทุกที คิดจะนำส่งสุขศาลาที่เมืองปากเพรียวก็สายเกินไปแล้ว

    น้านวลผ่ายผอมจนน่ากลัว ลูกสาวก็นอนแซ่วอยู่กับที่ มีคนพูดว่าเจ้าพ่อต้องมาเอาตัวไปแน่ๆ ไม่รู้ว่าแม่หรือลูก? เพราะถ้าเป็นไข้ป่าจะจับไข้วันเว้นวัน ไม่ใช่ทรุดหนักจนไม่ได้สติแบบนี้

    วันหนึ่ง พ่อแม่กับเพื่อนบ้านก็ไปเยี่ยมไข้ มีซิ้มไทคอยดูแลอยู่ น้านวลที่นอนหลับตาแน่นิ่งก็พลันลืมตาโพลง แผดร้องโหยหวนว่า...ไม่ไป! ฉันไม่ไปด้วยหรอก...เล่นเอาทุกคนสะดุ้งเฮือก หน้าตาซีดเซียวด้วยความหวาดกลัวไปตามๆ กัน

    ซิ้มไทน้ำตาไหล จุดธูปบอกกล่าวเสียงสั่นเครือว่า

    "ถ้าเจ้าพ่อต้องการจริงๆ ก็เอาคนลูกไปเถิด แม่ทำมาหากินได้แล้ว อย่าเอาชีวิตไปเลย ไหนจะมีลูกเล็กๆ ที่โคราชอีกสองคนต้องเลี้ยงดู"

    ชาวบ้านเพิ่งรู้ว่านกมีน้องที่อยู่กับยายอีกสองคน ข้างน้านวลลุกพรวดขึ้นโบกมือว่อน นัยน์ตาเหลือกลาน ร้องลั่นๆ ไล่ใครที่มองไม่เห็น จนเพื่อนบ้านขนลุกขนชัน เหลียวซ้ายแลขวาไปตามๆ กัน...

    ได้ยินเสียงลมพัดกราว ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่า ฟังเผินๆ เหมือนเสียงใครกำลังหัวเราะอย่างเบิกบานใจเหลือประมาณ

    เชื่อกันว่า ถ้ามีคนเจ็บหนักสองคนในบ้านจะต้องตายหนึ่งคน แม้ซิ้มไทจะวิงวอนเพียงไรก็ไร้ผล...วันรุ่งขึ้นน้านวลก็สิ้นลม ชาวบ้านช่วยกันจัดงานศพให้จนเสร็จสรรพเรียบร้อย

    นกหายดีแล้ว ซิ้มไทก็ส่งกลับไปอยู่กับยายและน้องๆ ที่โคราชตามเดิม...ไม่เคยได้พบปะกันอีกเลยจนถึงทุกวันนี้

    คอลัมน์ ขนหัวลุก
    โดย ใบหนาด
    - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 14 พค. 47
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 ตุลาคม 2017
  2. khordsanth

    khordsanth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +98
    เรื่องจริง ที่แต่งขึ้นหรือป่าว เคยอ่านคอลัมน์ ที่คนนี้เขียนแล้ว เหมือนเรื่องแต่งมากกว่าครับ
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,905
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    LikeThumbUp.jpg
     
  4. Nicky4441

    Nicky4441 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
  5. ek_ekarut

    ek_ekarut สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
     
  6. ek_ekarut

    ek_ekarut สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +1
    อันตรายจากเนื้อวัวและเนื้อหมูของอเมริกา

    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/712299

    http://www.liekr.com/post_138956.html
    เนื้อวัวอเมริกาบางส่วนที่ได้รับยาปฏิชีวนะ เกินกำหนด



    http://thaitribune.org/contents/detail/307?content_id=29130&rand=1502903489

    ร่วมต้านสารเร่งเนื้อแดงในหมูอเมริกา
    https://www.thairath.co.th/content/1094385


    https://www.matichon.co.th/news/691272
     

แชร์หน้านี้

Loading...