ชมภาพและความรู้อิทธิพลังของโป่งข่าม-หินแก้วกายสิทธิ์

ประเทศพม่าเคยขุดค้นพบก้อนหินแก้วกายสิทธิ์ขนาดใหญ่
ต่อมาพระเจ้าจักรพรรดิ์จีนได้ไป
ทรงเจียรนัยเป็นดวงแก้วกลมใหญ่ที่สุดในโลก
มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง ๑๒ นิ้ว
ต่อมาราชบัลลังก์จีนหมดบุญล่มสลาย
ดวงแก้วจักรพรรดิ์ดวงนี้จึงตกทอดไปเป็นสมบัติของ
พิพิธภัณฑ์สมิชโชเนียนในประเทศสหรัฐอเมริกา
และทุกวันนี้ท่านสามารถไปชมของจริงได้ที่สถาบันสมิชโชเนี่ยน สหรัฐอเมริกา

และในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ประเทศพม่าขุดพบก้อนหินแก้วใหญ่ได้
ในบ่อทับทิมที่เมืองโมก๊ก
ได้นำมาเจียรนัยเป็นดวงแก้วใส
มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง ๕ นิ้วครึ่ง ๑ ดวง
และขนาดรองลงมาอีกหลายดวง
ดวงแก้วขนาดใหญ่สุด ปัจจุบันศิษย์วัดพระธรรมกาย
เป็นนายแพทย์หญิงคนเก่าแก่ที่ปฏิบัติธรรมเป็นประจำที่วัดพระธรรมกาย
ได้ซื้อไปในราคาแสนเศษ

ปัจจุบันพม่าได้มีการขุดค้นหยก ทับทิม พลอยต่างๆกัน
ลึกลงไปในแผ่นดินในภูเขา ได้พบหินแก้วใสเหมือนน้ำแข็ง
ปะปนอยู่กับพลอยทับทิมบ้าง หยกบ้าง
ภาษาพม่าเรียกว่า "สลิงเจ้า" แปลว่าหินใสเหมือนน้ำ เหมือนแก้ว
และบางครั้งพบก้อนหยกแก้วที่ใสเหมือนน้ำแข็ง เรียกว่า "โปหลี่ตา"

 

บรรดาเจ้านายพม่า พ่อค้า ได้นำหินแก้วใสมาถวายให้
เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นหลวงพ่อชื่อดัง วัดพุทธชายแดนไทย-พม่า
ชาวพุทธทั้งไทยและพม่าล้วนเคารพนับถือ
มาทำบุญปฏิบัติธรรมร่วมกัน
และพระในวัด ก็มีทั้งไทยและพม่ามาจำพรรษาปฏิบัติธรรมร่วมกัน
ดังนั้นจึงพร้อมใจเป็นศูนย์เผยแพร่พุทธศาสนาสัมพันธ์ไทยพม่า
และเป็นศูนย์เผยแพร่หนังสือปฏิบัติธรรมวิชาธรรมกาย
สายสัมมาอรหัง หลวงพ่อวัดปากน้ำ เพื่อชาวพุทธไทยและต่างประเทศ

โดยมีศิษย์เก่าแก่ผู้เชี่ยวชาญในวิชาธรรมกายขั้นสูงสุด
เป็นวิทยากรวิปัสสนาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสมถะวิปัสสนา
คือวิชาสะสางธาตุธรรม(วิชาปราบมารอันหาศิษย์อื่นใดที่เชี่ยวชาญสามารถทำวิชาในระดับขั้นปราบมารได้ ปัจจุบันแทบไม่มีแล้ว)

 

เจ้านายพม่าได้นำก้อนหินแก้วกายสิทธิ์ก้อนใหญ่ที่สองมาจากเมืองโมก๊กพม่า
และหยกแก้วสีชมพูจากมัณฑะเลย์ ถวายวัดชายแดนฝั่งไทย
ทางวัดให้ช่างเจียรนัยเป็นดวงแก้วกลมใสเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๕ นิ้ว
ใสบริสุทธิ์เป็นดวงที่สอง จากพม่าสู่ไทย
และก้อนหยกแก้วสีชมพูเท่าลูกแตงโม มอบให้อาจารย์การุณย์
นำไปเพื่อช่วยทำวิชาปราบมาร ช่วยเหลือธาตุธรรมวิชาธรรมกายต่อไป

นับเป็นคู่บุญบารมีของนักปฏิบัติธรรมวิชาธรรมกายโดยเฉพาะก็ว่าได้
เพราะมาพิจารณาดูจากหลักฐานสมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำเมื่อท่านมีชีวิตอยู่
ท่านได้ดวงแก้วกลมใสใหญ่เจียรนัยมาจากหินแก้วขนาดใหญ่ถึงสามดวง
บรรจุเก็บไว้ในรูปหล่อยืนหลวงพ่อวัดปากน้ำที่วัดปากน้ำ
จึงทำให้วัดปากน้ำเจริญมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ไปหมดในปัจจุบัน
เป็นเพราะหลวงพ่อท่านใช้ดวงแก้วจักรพรรดิ์กายสิทธิ์ช่วยเหลือนั่นเอง

 

บรรดาดวงแก้วกายสิทธิ์จักรพรรดิ์นั้น เขาจะมาอยู่กับคนผู้มีบุญวาสนา
มีความดีมีคุณธรรมเท่านั้น
ถ้าเป็นคนบาปหนา คนอาภัพ คนชั่วช้าสามานย์
คนที่มีบุญวาสนาไม่เพียงพอ จะไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
และเป็นเจ้าของดวงแก้วกายสิทธิ์เด็ดขาด

คนบาปหนาที่มีบุญไม่เพียงพอ คนที่สร้างบาปไว้มาก
จะมีวาสนาอย่างมาก แค่เจอแต่ของเทียม ของปลอม
ดวงแก้วกระจก แก้วพลาสติก ปลอมๆ แก้วหลอมหล่อ
ของพวกนี้เป็นของเทียม ในวิชาธรรมกายไม่จัดว่า
เป็นดวงแก้วจักรพรรดิ์กายสิทธิ์
เพราะองค์พุทธจักรพรรดิ์ องค์กายสิทธิ์ จะอยู่ในเฉพาะดวงแก้ว
ที่เจียรนัยมาจากหินแก้วแท้ๆ ที่ขุดมาจากภูเขา
จากใต้ดิน หรือจากใต้น้ำเท่านั้น

ในไตรภูมิโลกวินิจฉัย กล่าวว่า
แก้วกายสิทธิ์มีชั้นน้อย ชั้นใหญ่
กลมก็มี เหลี่ยมก็มี ยาวก็มี สั้นก็มี

 

หมายความว่า แก้วกายสิทธิ์เป็นหินแก้วที่มีรูปร่างธรรมชาติ
ทรงกลมก็มีเพราะอยู่ในมหาสมุทรถูกน้ำทะเลพัดกลิ้งไปมา หรือถูกเม็ดทรายมาขัดเกลาจนกลมเกลี้ยงใสแจ๋วไปเลยก็มี
เรียกว่า แก้วกายสิทธิ์สำเร็จ (จุยเจียสำเร็จ)
และชนิดเป็นเหลี่ยมยาวก็มี สั้นก็มี ได้แก่
หินแก้ว ร็อค คริสตัล ควอทซ์
ซึ่งนำมาเจียรนัย เป็นดวงแก้วใสกลม นั่นเอง

วันหลังค่อยมาต่อ เรื่อง แก้วกายสิทธิ์ในประเทศไทย นะครับ

 

__________แก้วกายสิทธิ์ในประเทศไทย____________

มีพบและขุดค้นมากที่ อ.เถิน จ.ลำปาง
รู้จักกันโด่งดังในนามของ แก้วโป่งข่าม
ในสมัยโบราณ คำว่า "แก้ว" แปลว่าสิ่งประเสริฐเลอเลิศ
มีค่าและมีคุณยิ่ง เช่นคำยกย่องว่า
นางแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว
คำว่า แก้ว ยังหมายถึง รัตน หรือ มณีมีค่า
ที่มีลักษณะใส หรือค่อนข้างใส เช่น
แก้วมณี แก้ววิเชียร(เพชร) แก้วก๊อ(ทับทิม)
แก้วแดง แก้วไพฑูรย์ แก้วนพรัตน์ ๙ ประการ เป็นต้น
คำว่าแก้ว จึงมีความหมายโดยรวมว่า
หินแก้วใสบริสุทธิ์(จุยเจีย) โป่งข่าม
ลงไปถึงเพชรพลอยทุกชนิด

มาในสมัยปัจจุบัน คำว่าแก้วในภาษาไทยเรา
ใช้ในความหมายตกจ่ำลงไป
เพราะเอาคำว่าแก้วที่สูงค่าในสมัยโบราณ
มาใช้เรียกขวดแก้ว แก้วน้ำ กระจกแก้ว กันเสียแล้ว
จึงทำให้มีความสับสนไขว้เขว

คำว่าแก้ว ในความหมายเดิมที่แท้จริง แปลว่า
รัตนที่มีค่ามาก เช่นคำโบราณที่ว่า
แก้ว แหวน เงิน ทอง โบราณถือว่า แก้ว เป็นของมีค่ากว่าเงินทอง
ดังนั้นสมัยก่อน จึงให้รัตนชาติ เป็นของที่ระลึกอันชอบใจสูงส่ง
เช่นมีเรื่องปรากฏในพงศาวดาร สมัยกรุงศรีอยุธยาว่า
ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์นั้น มีพระบารมีมาก
เจ้าเมืองมิลลา มีความสวามิภักดิ์
แต่งจานแก้วหุ้มแสรกทอง ประดับมรกตและแหวนแดงทั้งปวง
ร้อยยี่สิบพลอย เข้ามาถวาย
ในปีเดียวกัน พระยาตุกสาก์ ก็แต่งพลอยมรกตลูกโตมาถวาย
นอกขากนั้น นางพระยาอาแจ ก็แต่งแหวนแก้วกายสิทธิ์ขาวใส เท่าผลมะนาว
มาถวาย นับว่าปีนั้นมีชาวต่างประเทศ
ทูลเกล้าถวายแก้วมณีมีค่าเป็นประวัติการณ์

 

เหตุที่รัตนชาติหรือแก้วมณีเป็นของมีคุณค่า
เพราะเป็นกายสิทธิ์ให้คุณคือ ให้ความสุขใจ
บำรุงอุดมสมบูรณ์พูนสุขให้แก่ชีวิตมนุษย์
และเป็นเครื่องบำรุงจิตใจ เกิดความอิ่มเอิบปลาบปลื้มใจ
แก่มนุษย์ผู้พบเห็นครอบครอง
อีกทั้งยังช่วยคุ้มกันภัยแก่มนุษย์ได้เช่น
หินแก้วกายสิทธิ์ จุยเจีย ขาวใส เชื่อว่า
คุ้มครองป้องกันไฟไหม้
ได้มีหลักฐานที่ลำปาง ไฟไหม้ป่า ไม่ไหม้บนเขาที่มีหินแก้วใสอยู่
ดังนั้นคนโบราณจึงนำมาบูชาคุ้มครองบ้านเรือน

ในสมัยพระนางจามเทวี นางพญากษัตริย์ ผู้มีบุญบารมีมาก
ได้ขุดพบหินแก้วใสในสมัยของพระนาง
และเจียรนัยเป็นพระแก้วขาวใส
ทรงประดิษฐานไว้ที่หอพระเป็นไม้สักทั้งหลัง
ในพระราชวังเมืองลำพูน ในสมัยนั้น

ต่อมาในสมัยยุคหลังพระนางจามเทวี
กษัตริย์เชียงใหม่ ทรงยกทัพมาตีเมืองลำพูน
และเผาเมืองปราสาทราชวังลำพูนทิ้ง
ปรากฏว่าบรรดาปราสาทที่สร้างด้วยไม้สัก ไหม้ไฟไปหมดทุกหลัง
เหลือแต่หอพระที่ประดิษฐานพระแก้วใส หลังเดียวไม่ยอมไหม้ไฟ
เจ้าเมืองเชียงใหม่เห็นเป็นอัศจรรย์
จึงอัญเชิญพระหินแก้วใส ไปประดิษฐาน ณ คุ้มเชียงใหม่
ปัจจุบัน พระแก้วใสนั้นคือ
" พระเสตังคมณี "
อยู่ ณ วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
เคยก่อปาฏิหาริย์ เป็นดวงแก้วสว่างไสว ลอยขึ้น-ลง
ที่หลังคาพระวิหารบ่อยครั้ง มีผู้พบเห็นยืนยัน

 

พระแก้วขาว

 

นอกจากนี้เทวรูปโบราณที่กำแพงเพชร
มีร่องรอยฝังแก้วกายสิทธิ์ไว้
พระพุทธรูปสมัยอยุธยาหลายองค์
ก็ฝังแก้วกายสิทธิ์ ประดับเป็นพุทธบูชาหลายองค์
และในรัชกาลที่ ๔ ได้ฝังแก้ววิเชียรขาวใส เม็ดใหญ่
ที่พระนลาฎพระแก้วมรกต

ประวัติเดิมพระแก้วมรกตนั้น กล่าวว่า
เจียรนัยมาจากดวงแก้วกายสิทธิ์กลมสีเขียวทึบ
และยังมีพระแก้วเขียวอีกองค์ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง
ตามประวัติกล่าวว่า เจียรนัยมาจากดวงแก้วกลมที่พบในลูกมะเต้า(แตงโม)
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ มีผู้ค้นพบพระพุทธรูปที่เจียรนัยมาจาก
หินแก้วใส องค์ใหญ่ขนาดหน้าตัก ๙ นิ้ว
ปัจจุบันนำมาประดิษฐานในพระราชวัง

นอกจากนี้ยังมีหลักฐาน ที่ขุดพบในกรุเจดีย์เก่าแก่ของเชียงใหม่
พบพระแก้วหินใส ดวงกลมใส
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ
และที่ลำปาง ค้นพบพระแก้วหินใส สมาธิเกศบัวตูม
และดวงแก้วในวัดร้างเก่าแก่
และยังพบว่า ตามยอดเจดีย์พระธาตุ
เจดีย์สำคัญในภาคเหนือ คือ
เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย เชียงแสน
ล้วนมีหินแก้วกายสิทธิ์เจียรนัยกลมใส
ประดิษฐานบนยอดฉัตรเจดีย์ทุกองค์
และบางเจดีย์ ก็เจียรนัยเป็นรูปดอกบัว
หรือ "รัตนปทุมกายสิทธิ์" นั่นเอง

แก้วกายสิทธิ์เหล่านี้จะปาฏิหาริย์เป็นดวงใส
ลอยไปมาหากัน ในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ
หรือวันสำคัญ ชาวบ้านจะพบเห็นยามกลางคืนเป็นประจำ
มาตั้งแต่โบราณ เรียกว่า "แก้วเสด็จ"

 

ในสมัยที่มีการก่อสร้างถนนพหลโยธินผ่าน อ.เถิน
ชาวบ้านนำแก้วหินกายสิทธิ์โป่งข่าม
เจียรนัยเป็นหัวแหวนนูนหลังเบี้ย
ไปขายแก่วิศกรชาวเกาหลีที่มาคุมการสร้างทาง
ต่อมาวิศกรคนนี้ถูกลอบยิง กระสุนไม่เข้า
โดยที่ทั้งตัวเขามีเพียง แก้วโป่งข่ามเม็ดเดียว

ตั้งแต่นั้นมา แก้วโป่งข่ามก็โด่งดัง จนทำรายได้
แก่ชาวบ้านที่ขุดมาขายกัน หลายสิบล้านบาท ในปี พ.ศ. 2513-14
จนต่อมา ทางราชการสั่งงดขุดหาแก้วกายสิทธิ์
เพราะเป็นเขตป่าสงวน เรื่องแก้วกายสิทธิ์โป่งข่ามเลยจางลงไป

แต่ทุกวันนี้ประชาชนยังคงสนใจและเสาะหามาขายอยู่
ต่อมาทางวัดพระธรรมกาย ได้กว้านซื้อไปเจียรนัยเป็นรูปพระธรรมกาย
รูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ รูปดวงแก้ว ดวงใส
เพื่อแจกจ่าย หารายได้เผยแพร่วิชาธรรมกาย
ที่ราชบุรีและวัดปากน้ำ

ความศักดิ์สิทธิ์และคุณประโยชน์ของแก้วกายสิทธิ์โป่งข่าม...................
๑. ป้องกันอุบัติเหตุได้ดีเยี่ยม
๒. ป้องกันไฟ
๓. ส่งผลในทางแคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ
๔. อยู่ยงคงกระพันต่อศาสตราวุธ
๕. ให้คุณทางเมตตามหานิยม
๖.ให้ผลทางโชคลาภ

 

บ่อแก้วโป่งข่าม อ.เถิน

 

หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านบอกว่า แก้วกายสิทธิ์นั้น
ถ้าตกอยู่กับผู้ใด ก็จะคุ้มครองรักษาตัวผู้นั้น
ดังนั้นควรนำติดตัวอยู่ตลอดเวลา ให้เนื่องกายเนื้อ
เพื่อจะได้สัมพันธ์ทางกาย แล้วใจก็สัมพันธ์ด้วย
เป็นการเปิดอายตนะรับสิ่งที่เป็นมงคล
ช่วยเสริมบุญบารมีของเจ้าของด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยในการทำสมาธิ
การกำหนดดวงอุคคหนิมิต
เพราะตามปกติ คนส่วนมากจะกำหนดดวงอุคคหนิมิตไม่เป็น
แต่ถ้าเรามีดวงแก้วกายสิทธิ์ในครอบครัว
เราจะรู้จักลักษณะของดวงอุคคหนิมิต จะทำให้กำหนดได้ง่ายขึ้น

กายสิทธิ์เหล่านี้ หลวงพ่อวัดปากน้ำบอกว่า เป็นสิริมงคลทั้งสิ้น
ควรมีติดตัวทุกคน อย่างน้อยก็ดวงเล็กๆ นำมาเลี่ยมห้อยคอ
จะเกิดผลดีแก่ตัวเรา ทั้งทางโลกทางธรรมอย่างประเสริฐสุด
ดังนั้นดวงแก้วกายสิทธิ์ดวงเล็กๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นควรรีบแสวงหา
และเก็บรักษาติดตัวด้วยกันทุกคน
และเก็บเป็นสมบัติล้ำค่าแก่บุตรหลานเหลน ญาติมิตรสหายต่อๆไป
<O</O
หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านอธิบายยืนยันว่า
แก้วกายสิทธิ์ มีหน้าที่ดูแลและเลี้ยงรักษามนุษย์
ให้สมบัติเกิด และให้ความสุข ความเจริญ แก่หมู่มนุษย์
ป้องกันสรรพภัยอันตรายต่างๆ
บันดาลให้อาหารเครื่องบริโภคและอุปโภค
เครื่องใช้สอยต่างๆ บังเกิดขึ้น เป็นความสุขแก่หมู่มนุษย์
คอยป้องกันพิทักษ์มนุษย์ และทรัพย์สมบัติมนุษย์ ไม่ให้เป็นอันตราย
ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้เบียดเบียนแก่หมู่มนุษย์<O</O

 

แก้วกายสิทธิ์เป็นของหายากยิ่งนัก
เมื่อหมดแล้วไม่สามารถทำขึ้นมาได้อีก
ส่วนแก้วพลาสติก แก้วกระจกนั้น หาง่ายมากมายเกลื่อนกลาด
เช่น ลูกแก้วกระจก ที่เด็กๆนำมาเล่นเป็นลูกหินแก้วปลอม
ลูกหินแก้วปลอม หล่อหลอมแก้ววิทยาศาสตร์ จากญี่ปุ่น
จีนแดง ยุโรป ไม่เรียกและไม่จัดเป็นกายสิทธิ์ และมีจำนวนมาก
จะเอาเท่าไรก็ได้ มีเกลื่อนตามริมถนน
หรืออยู่ในประเภทสีสเปรย์ที่ใช้แล้วทิ้งตามถังขยะมีมากมาย
<O</O
ส่วนดวงแก้วกลมบริสุทธิ์ ที่ซื้อกันมาจากญี่ปุ่นนั้น
ก็ไม่จัดเป็นแก้วกายสิทธิ์ แต่เป็นหินแก้ววิทยาศาสตร์(หินเทียมจริง)
คือเพาะเลี้ยงให้เกิดเป็นแก้วใสขึ้นมา ด้วยกรรมวิธีเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์
จนเป็นหินแก้วขาวใสบริสุทธิ์
ประเทศญี่ปุ่น จีนแดง ยุโรป มีความชำนาญในการทำแก้วชนิดนี้มาก
มีลักษณะใสสะอาด ดีกว่าของแท้ธรรมชาติ
ราคาก็แพงมาก คนไทยก็เอาเงินไปซื้อมาลูกละเป็นหมื่นเป็นแสน

 

สรุปดวงแก้วกายสิทธิ์ที่พบและหาได้จากขุนเขาในประเทศไทย มี 3 อย่าง คือ
๑. ดวงแก้วกายสิทธิ์ชนิดขาวใสบริสุทธิ์ดุจน้ำค้าง เช่น โป่งข่าม จุยเจีย
๒. ดวงแก้วกายสิทธิ์ชนิดมีหมอกฝ้า สีขุ่นขาวภายใน คล้ายหมอกควัน ไอน้ำ
๓. ดวงแก้วขุ่นใสและมีประกายวาววับภายในคล้ายรอยร้าว
ดวงแก้วกายสิทธิ์ทั้ง ๓ ชนิดนี้ ล้วนเป็นของดีวิเศษทั้งนั้น
หากผู้ใดได้ไปครอบครองนับว่าเป็นโชคลาภอันประเสริฐ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์มีวาสนา
<O</O
ในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่น ได้กว้านซื้อหินแก้วกายสิทธิ์โป่งข่าม
ของไทยไปตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ จนบัดนี้
และในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ก็มีชาวยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มากว้านซ้อหินแก้วกายสิทธิ์ของไทย
ชนิดกวาดหมด มีเท่าไรเอาหมด เพื่อส่งเข้าประเทศของเขา
โดยนำไปบดละเอียด และเพาะเลี้ยงขึ้นใหม่
ตามกรรมวิธีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอันสูงส่ง
ก็จะได้หินแก้วที่เพาะเลี้ยงขึ้นใหม่ มีลักษณะใสแจ๋วบริสุทธิ์
มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีคุณสมบัติความแข็งเท่าเดิม
คุณภาพของเนื้อหินที่ใสบริสุทธิ์นั้น นำมาใช้ทางวิทยาศาสตร์
เช่น ทำเลนส์หน้ากล้อง ทำลูกแก้วกลมขนาดใหญ่ๆ
หลอกขายคนไทยในนาม คริสตัล มีราคาแพงมาก
ซึ่งมีคนไทยตลอดจนวัดใหญ่ๆ ในเมืองไทย
ไปหลงกลซื้อแก้วหินเพาะเลี้ยงจากญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ยุโรป มาแล้ว
ของพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมชาติ ไม่มีองค์กายสิทธิ์
ไม่มีคุณสมบัติความศักดิ์สิทธิ์ใดๆเลย
เสียเงินออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะราคาแพงมาก<O</O
<O

 

ส่วนหินแก้วแท้กายสิทธิ์ ของไทยนี้ มีลักษณะ.ใสมาก
สำหรับดวงเล็กๆ ส่วนดวงขนาดใหญ่เท่ามะพร้าวก็ใสบ้าง
และมีลายฝ้า ลายม่านน้ำแข็ง ตามธรรมชาติของหินบ้าง
มีคล้ายรอยร้าวภายในบ้าง เป็นกาบหินฝ้า หินลายหินตามธรรมชาติ
แท้จริงมีองค์กายสิทธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์และมีอายุเกิดเองตามธรรมชาติ
นับเป็นล้านๆปี ตามข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นจริง
<O</O
ดังนั้น แก้วกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ ที่ศักดิ์สิทธิ์แท้จริง
ล้วนจะต้องมาจาก ไทย พม่า
<O</O
ในอเมริกามีดวงแก้วจักรพรรดิของ ยีน ดิกซั่น
ซึ่งเธอได้รับมาจากชาวยิปซี
และทำให้ ยีน ดิกซั่น โด่งดังมีชื่อเสียงมากในอเมริกา
เพราะเธอสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆในอนาคตได้
จากแก้วกายสิทธิ์ของเธอ
<O</O
ส่วนในจีนนั้น ตำนานเซียนทั้ง ๘ ของจีน
ได้กล่าวถึงหลีเล่ากุน มีดวงแก้ววิเศษ ขนาดเท่าผลส้ม
มีแสงเปล่งออกมา เป็นฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ
และเมื่อวางดวงแก้วนี้ลงอธิษฐาน ขอดูภาพ
ก็จะเห็นภาพต่างๆ ในดวงแก้วตามความเป็นจริง
นอกจากนี้ศาสนาพุทธมหายานในจีน มีพระพุทธรูปตรีกาย
องค์กลางจะนั่งสมาธิในพระหัตถ์พระพุทธรูปจะมี
ดวงแก้วขนาดใหญ่ไว้เสมอ ในท่าบำเพ็ญพรตภาวนา<O</O

 

ในอดีตประเทศจีน ได้หินแก้วจุยเจีย และหยกเกรดดีๆ
ไปจากประเทศพม่า เพราะจีนมีพื้นที่ติดต่อพม่า
จีนมีฝีมือเจียรนัยหินแก้วและหยก
ดวงแก้วที่ใหญ่ที่สุดในโลก เจียรนัยจากประเทศจีน
แต่ได้หินแก้วใสจากประเทศพม่า
<O</O
...........วิธีสังเกตลักษณะดวงแก้วจากหินแก้วใสแท้...................
ดวงแก้วใสที่เจียรนัยจากหินแก้วแท้ๆนั้น มี ๔ ลักษณะใหญ่ คือ

๑. ดวงแก้วบางดวงที่เป็นหินแท้ จะใสบริสุทธิ์จริงๆ ไม่มีฟองอากาศไม่มีจุดฟองอากาศ มีแต่ความใสสะอาดบริสุทธิ์ เป็นดวงแก้วเกรดดีชั้นหนึ่ง
ส่วนดวงแก้วที่ทำจากแก้วกระจก แก้วหล่อหลอมนั้น เนื้อแก้วจะมีฟองอากาศปะปนในเนื้อแก้ว และเนื้อแก้วมีลักษณะคล้ายเนื้อวุ้นกวน เห็นได้ชัด

๒. ดวงแก้วกายสิทธิ์แท้บางดวง หรือส่วนมากจะมีลักษณะมีฝ้า มีหมอก มีลายหิน ม่านหิน กายหินเป็นแผ่นฝ้าขาว หรือคล้ายแผ่นปรอท บางดวงมีลักษณะมีหมอกขุ่นฝ้าขาวภายใน จนสะท้อนแสงเป็นประกายขาว ประกายรุ้ง อยู่ภายใน จัดว่าเป็นของดีตามธรรมชาติของหินแก้ว และล้วนแต่วิเศษศักดิ์สิทธิ์ มีกายสิทธิ์สามารถนำมาเจริญวิชาได้ผลศักดิ์สิทธิ์เท่ากันกับดวงแก้วใสบริสุทธิ์ทุกประการ

๓. ดวงแก้วบางดวง เจียรนัยมาจากหินแก้วธรรมชาติสีต่างๆ เช่นสีขาวใสปนสีน้ำชา สีชมพู สีม่วง สีขาวขุ่นนวล สีขาวใสมีเส้นสีทอง สีนาคภายใน หรือสีเงินภายใน หรือมีลักษณะคล้ายตะไคร่น้ำภายใน ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติเป็นแก้วกายสิทธิ์

๔. แก้วกายสิทธิ์บางดวงเจียรนัยกลม บางดวงเจียรนัยเป็นรูปดอกบัว เรียกว่า รัตนปทุมกายสิทธิ์ มีรูปร่างคล้ายดอกบัวตูม หรือเรียกอีกอย่างว่า กายสิทธิ์เกศพระธรรมกาย มีลักษณะคล้ายรูปทรงไข่ไก่ หรือดอกบัวตูม

นอกจากนี้แก้วกายสิทธิ์บางดวง อาจมีรูปร่างรีคล้ายไข่เต่า ไข่นก ไข่ไก่ คล้ายลูกหรือเมล็ดผลไม้ แก้วกายสิทธิ์บางดวง ก็ขุ่นทึบเหมือนก้อนกรวด ก้อนหิน แต่ภายในศักดิ์สิทธิ์มีองค์กายสิทธิ์<O</O

 

สรุปท้ายเรื่อง

" ทองคำ ถึงแม้จะมีค่า แต่ก็หาได้ง่ายเกลื่อนกลาด
ส่วนดวงแก้วกายสิทธิ์ ดวงแก้วจักรพรรดิ์นั้น
บางคนมีเงินเป็นล้านๆ ก็ยังไม่มีวาสนาได้พบได้ครอบครองเลย
แม้แต่ดวงเล็กนิดเดียว ก็ไม่มี "


ขอให้ทุกท่านโชคดี มีสุขภาพสมบูรณ์ ร่ำรวยๆ นะครับ
สวัสดีครับ

นำมาจากหนังสือ แก้วมณีมีค่า ภาค 2