OOนโม โพธิสัตวา / พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์OO

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ?????????, 2 มกราคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  2. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893

    <CENTER>ภวจักรมุทรา </CENTER>



    เมื่อพูดถึงความศรัทธาต่อศาสนาของปวงชนในโลกนี้ ทิเบตนับเป็นชนชาติหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเปี่ยมด้วยแรงศรัทธาต่อศาสนาอย่างน่าชื่นชมและน่าทึ่ง
    การทำความเคารพแบบอัษฎางคประดิษฐ์
    การพร่ำบ่นมนตรา สวดมนต์ภาวนา
    การนับลูกประคำ ทำใจให้เป็นสมาธิ
    การหมุนกงล้อมนตรา การประดับประดาธงมนตรา ช่วยให้สายลมช่วยโอมอ่านมนตรา
    การเรียงก้อนหิน การโปรยแผ่นกระดาษสีเพื่อความโชคดีในการเดินทาง และอื่น ๆ
    ทุกอย่างล้วนใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นพิธีกรรมที่ชวนพิศวง น่าค้นหาและน่าเลื่อมใส

    ในคำสอนตามหลักศาสนาพุทธ
    มีความเหมือนกัน ไม่ว่าหีนยานหรือมหายาน ซึ่งรวมลัทธิวัชรยานไว้ด้วย
    ฉันสะดุดตากับภาพกงล้อแห่งสังสารวัฏ
    จึงขอนำเสนอให้ทุกท่านได้ชมกัน

    ภวจักรมุทรา หรือสังสารวัฏ (แบบทิเบต)
    แสดงให้เห็นภัยแห่งสังสารวัฏ ทำเป็นรูปกงล้อหรือกงจักรซึ่งกักขังปวงสัตว์ให้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมาน

    ภาพวงกลมใหญ่ทั้งหมด มีวงกลมเล็กซ้อนกันอยู่ ๔ ชั้น

    วงกลมเล็กในสุด แสดงถึงวัฏฏะซึ่งกักขังสัตว์ทั้งหลายไว้ในอุ้งมือ ทำให้ปวงสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิด สังสารวัฏแปลว่าหมุนต่อเนื่องกันไปไม่สิ้นสุด ภาพ งูกำลังกัดหางไก่ ไก่กำลังจิกหางหมู หมูกำลังกัดหางงู
    งู (กิเลสวัฏฏะ)การหมุนไปด้วยอำนาจกิเลสหรือความอยากด้วยอำนาจกิเลส
    ไก่ (กรรมวัฏฏะ) การกระทำที่ทำไปตามอำนาจกิเลส
    หมู (วิปากวัฏฏะ) ผลกรรมที่สำเร็จมาจากกรรม เป็นความทุกข์ครั้งหนึ่ง ๆ



    แยกส่วนให้เห็นกงล้อในสุด จนถึงยักษ์(กาลเวลา)ที่กัดกินกงจักร
    [​IMG]

    วงกลมเล็กถัดออกมาแบ่งไว้เป็นซีกขาวและซีกดำ หล่อเลี้ยงให้วัฏสงสารหมุนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ซีกดำ(บาป นรก ความชั่ว ความทุกข์) แสดงไว้ด้วยรูปสัตว์ประหลาดเปลือยร่าง ล้มลุกคลุกคลาน หมายถึงสัตว์ที่ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป สัตว์เหล่านี้กำลังถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
    ซีกขาว (บุญ สวรรค์ ความดี ความสุข) แสดงไว้ด้วยภาพมนุษย์ที่มีนุ่งห่มพัสตราภรณ์ หมายถึงสัตว์ที่มีความที่มีความละอายบาป เกรงกลัวบาป


    <CENTER>ภาพเขียนกงล้อแห่งสังสารวัฏ
    </CENTER>[​IMG]


    วงกลมถัดออกมา(ที่ 3 จากวงในสุด) แสดงถึงสัตว์ในภูมิต่าง ๆ กัน
    ภูมิมนุษย์ แสดงถึงพฤติกรรมมนุษย์
    ภูมิเปรต เป็นสัตว์ประหลาด ปากเท่ารูเข็ม ท้องโตเท่าเท่าภูเขา
    ภูมินรก เป็นสัตว์ที่ถูกต้ม ถูกเคี่ยวอยู่ในน้ำเดือดบ้าง ในวังน้ำอันเชี่ยววนบ้าง
    ภูมิเดรัจฉาน เป็นรูปหมู่สัตว์เดรัจฉาน เอาแต่คึกคะนอง
    ภูมิเทวดา เป็นภาพหมู่เทวดาในสวรรค์

    วงกลมนอกสุด แบ่งเป็นห่วง ๆ รวม 12 ห่วง ต่อเนื่องกัน แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้สัตว์ยอมตกจมอยู่ในสังสารวัฏ (ดูจากภาพบนขวา เป็นห่วงที่ 1 แล้วเวียนขวาไปตามลำดับ)
    ห่วงที่ 1 อวิชชา ภาพคนตาบอดจูงคนตาบอด คือ ความไม่รู้ ไม่รู้จักโลก คือไม่รู้อริยสัจ
    ห่วงที่ 2 สังขาร ภาพคนกำลังปั้นหม้อ หมายถึงอำนาจปรุงแต่งซึ่งเป็นลักษณะแห่งสังขาร
    ห่วงที่ 3 วิญญาณ ภาพลิงได้แก้ว กำลังกระโจนเข้าบ้าน
    ห่วงที่ 4 นามรูป ภาพคน 2 คนอยู่ในเรือลอยอยู่กลางทะเล
    ห่วงที่ 5 อายตนะ ภาพเรือน 6 หลัง หมายถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
    ห่วงที่ 6 ผัสสะ ภาพคนกอดกัน
    ห่วงที่ 7 เวทนา ภาพคนถูกลูกศรเสียบเข้าที่ตาทั้งสองข้าง ทำให้เกิดทุกขเวทนา
    ห่วงที่ 8 ตัณหา ภาพคนดื่มของมึนเมาอยู่
    ห่วงที่ 9 อุปาทาน ภาพลิงเกาะบนต้นไม้ แสดงถึงความยึดมั่น
    ห่วงที่ 10 ภพ ภาพหญิงท้องแก่ใกล้คลอด
    ห่วงที่ 11 ชาติ ภาพหญิงกำลังคลอดบุตร
    ห่วงที่ 12 มรณะ ภาพคนแก่เดินทาง

    ภาพยักษ์ที่กัดกินกงจักร หมายถึงกาลเวลา
    หัวกะโหลก 5 หัว ที่ประดับเศียรยักษ์ หมายถึง ขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ หมายรวมได้ว่า กาลเวลาอันมีขันธ์ 5 ประกอบอยู่ ไปไหนไปด้วยกันตลอดเวลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cycle01.jpg
      cycle01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      217.7 KB
      เปิดดู:
      1,425
  3. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]

    [​IMG]

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    <CENTER>องค์พระโพธิสัตว์
    [​IMG]</CENTER>
     
  4. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ภวจักรแห่งวัฏฏะสงสาร

    หมุนได้ครบวงจร เพราะ จิตเข้าไปติดด้วย อวิชชา ตัณหา อุปาทาน

    จนเกิด วงจรปฏิจจสมุปบาท ครบ การเกิดหนึ่งรอบ ที่จิตใจเราเอง



    มนตราแห่งพุทธะทั้งหลาย จะบรรเทาทุกข์ เมื่อสวด
    โดยให้กงล้อมารนี้หมุนช้าลง

    สติปัญญามีกำลังเพิ่มขึ้น
    ทุกข์จะน้อยลง
    </EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  5. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
    <!--coloro:#0000FF-->
    <!--/coloro-->จากการที่ได้หาโอกาสศึกษาและมีวาสนาได้กราบไหว้ใกล้ชิด พระอัจฉริยเถราจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงจำนวนมาก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ได้รับการบอกกล่าวถึงเรื่องอันพิเศษๆเป็นอันมาก ที่นอกเหนือจากสามัญมนุษย์ทั่วไป ซึ่งไร้ซึ่งญาณปรีชาจะพึงทราบชัด ให้ถูกถ้วนตามความเป็นจริงได้เป็นอันเอนกปริยาย ดังที่ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ และความรู้รอบตัวต่างๆเป็นธรรมวิทยาทานมาโดยลำดับ ความย่อมเป็นที่แจ้งใจอยู่โดยทั่วไปแล้วนั้น
    บัดนี้ เป็นกาลอันสมควรแล้ว ที่จะได้นำเอาเรื่องราวที่บรรดาพระอริยคณาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแสดง เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งประชาชาติไทยพระองค์นั้น และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่ง ให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินและมหาชนทั้งหลายสืบไปตราบชั่วจิรัฏฐิติกาล…<!--colorc--><!--/colorc-->

    [​IMG]
    <!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#008000--><!--/coloro-->“ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ..!!!!”<!--colorc--><!--/colorc-->
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร<!--sizec--><!--/sizec-->
    สำหรับปฐมเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า
    <!--coloro:#008000--><!--/coloro-->“การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ..!!?!”<!--colorc--><!--/colorc-->
    [​IMG]
    <!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#008000--><!--/coloro-->“พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย..”<!--colorc--><!--/colorc-->
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่<!--sizec--><!--/sizec-->
    [​IMG]
    ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึง”ผู้ยิ่งใหญ่”ระดับประเทศบางท่านให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองว่า“เป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์เบื้องหน้า”ฟัง สังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่าน“เฉย”มากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า
    <!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#008000--><!--/coloro-->“เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก..!!!!!”<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->
    [​IMG]
    <!--sizeo:5--><!--/sizeo-->ในหลวงสนทนาเรื่อง”พุทธภูมิ”กับหลวงตามหาบัว<!--sizec--><!--/sizec-->
    “…เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวง ตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้..
    วันนั้นเป็นวันที่ 7 มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษกที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใด ในประวัติ ศาสตร์ไทย ท่านนิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิ ท่านให้เราควบคุมดูแลญาติโยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น
    เมื่อขบวนพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯ สายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถวรอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบนซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินี พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัวเพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง
    พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก ( พระเจ้าอยู่หัวเรียกหลวงตาว่า “หลวงปู่” )
    <!--coloro:#4169E1--><!--/coloro--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->“หลวงปู่… สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร”<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc--> โอ้… พระเจ้าอยู่หัวถามปัญหาหลวงตาขนาดนี้
    <!--sizeo:3-->
    <!--/sizeo-->หลวงตาตอบว่า…
    <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“พุทธภูมิ ก็เหมือน ดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละ…สาวกภูมิ เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการ นำคนไปได้เยอะ ๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คน หรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง”<!--colorc--><!--/colorc-->
    พระเจ้าอยู่หัวฯ ตอบหลวงตาว่า <!--coloro:#4169E1--><!--/coloro-->“เข้าใจแล้วหลวงปู่ แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะ หลวงปู่”<!--colorc--><!--/colorc-->
    หลวงตาตอบ : <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน”<!--colorc--><!--/colorc-->
    และเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่ หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า… <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้”<!--colorc--><!--/colorc--> ท่านว่างั้นนะ… <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เอง”<!--colorc--><!--/colorc--> ท่านบอกไปเลยนะว่า… <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->ให้พระเจ้าอยู่หัวขอเอง จัดการเอง จัดการเองอาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก<!--colorc--><!--/colorc-->
    พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้กราบลาว่า <!--coloro:#4169E1--><!--/coloro-->“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว ท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม”<!--colorc--><!--/colorc-->
    หลวงตาท่านได้เทศน์สั้น ๆ ว่า
    <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“การเป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้า แล้ว พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่… ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน..เอาล่ะ ๆ … อาตมาจะให้พร”<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--sizec--><!--/sizec-->
    พอฟังมาถึงตรงนี้นะ เรายังจำได้แม่น เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านถามเรื่องพุทธภูมิ เสร็จแล้วพอท่านจะลากลับ หลวงตาท่านสรุปให้เสร็จสรรพเลย… ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทยทำงานปรารถนาความเป็นอะไร… ทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน… เอาล่ะ ๆ …อาตมาจะให้พร
    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จลงมา ท่านก็ตรัสว่า <!--coloro:#4169E1--><!--/coloro-->อยากให้ท่านอาจารย์อยู่กับหลวงตาไปนาน ๆ<!--colorc--><!--/colorc--> …เราก็ได้ตอบท่านว่า <!--coloro:#808000--><!--/coloro-->เจริญพร…มหาบพิตร อาตมาก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่อาตมาจะต้องเอา ตัวเองให้รอด อาตมาก็ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถึงเวลาไปก็ต้องไปเหมือนกัน<!--colorc--><!--/colorc--> แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็บอกขอทำบุญกับหลวงตา 200,000 ถวายอาจารย์ 20,000 แล้วท่านก็ถามว่าพระที่อยู่ในวัดนี้กี่รูป เราก็ตอบท่านทั้งหมด 29 รูปรวมหลวงตานั่นแหละ… ท่านจึงถวายให้รูปล่ะ 2,000 <!--coloro:#4169E1--><!--/coloro-->“แล้วปัจจัยจะให้ไว้กับใคร” <!--colorc--><!--/colorc-->ท่านถาม…ท่านหยิบออกมาให้เลยนะ ท่านผู้ว่าฯ ยังรับมือสั่น พระเจ้าอยู่หัวไม่เพียงมากราบหลวงตา ท่านมาที่วัดท่านยังมาทำบุญกับพระด้วยปัจจัยที่เตรียมพร้อมจากพระหัตถ์ของ ท่านเอง จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เสด็จออกไปเยี่ยมประชาชนแล้วก็ขึ้นรถไป
    นั่นแหละเราได้ฟังมา เรื่องของพุทธภูมิ เรื่องของพระโพธิสัตว์ สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วพอตอนจบขอพร หลวงตาท่านก็สรุปและให้พร จึงบอกได้ว่าเป็นบทสนทนาของจอมปราชญ์…
    ที่มานิตยสาร น่านฟ้า ปีที่1 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนธันวาคม 2550 หน้า18
    [​IMG]
    เมื่อต้นปีพ.ศ. 2498 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย(ในหลวง)บ้าง..??”<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->
    เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่ คุณแม่บุญเรือนก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า
    <!--sizeo:3--><!--/sizeo--><!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ” <!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->(ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุหรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)
    เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวงให้ทรงพระเจริญและแคล้วคล
    ดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมจึงได้กำหนดที่จะไปเข้า”นิโรธสมาบัติ” คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา(เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย”สร่างซา”ลงไป) ของนางสาววาย(เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง”วาย”หายสูญ ไป) วิทยานุกรณ์ (น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยองเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยช่วงนั้น คุณแม่บุญเรือนได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้นเป็นอันเด็ดข
    ด..!!!!
    ที่มา,หนังสืออนุสรณ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง พ.ศ. 2551
    [​IMG]
    <!--sizeo:4--><!--/sizeo--><!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“มีแต่คนที่ไม่ฉลาดเท่านั้น ที่จะไม่รู้ว่า ในหลวงพระองค์นี้ดีอย่างไร.???”<!--colorc--><!--/colorc-->
    (พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร)<!--sizec--><!--/sizec-->
    [​IMG]
    เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ถูกลอบปลงพระชนม์ ถึงเสด็จสวรรคต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา เคยเล่าว่าท่านเกิดความสลดสังเวชมาก ว่าคนไทยหลายคน ยังขาดกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อพระเจ้าอยู่หัว ท่านคิดอยู่เสมอว่า จะให้คนไทยมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร..???
    [​IMG]
    สำหรับองค์ของหลวงปู่ดู่เองนั้น ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้กาลเวลาล่วงเลยไป หลายสิบปี กิจวัตรอันหนึ่งที่ท่านทำอยู่มิได้ขาด คือ การสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงทุกวันตลอดมา ขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป
    หลวงพ่อยังได้กล่าวไว้อีกว่า <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->เพราะพระเจ้าแผ่นดิน(ร.9) ท่านปฏิบัติ(ธรรม) ต่อไปพุทธศานาในเมืองไทยจะเจริญขึ้น เพราะท่านเป็นผู้นำเป็นแบบอย่าง<!--colorc--><!--/colorc-->
    สมัยหนึ่งเมื่อหลวงปู่ดู่ ยังทรงสังขารอยู่นั้นบ่ายของวันที่แดดร่มลมตก จู่ ๆ ท่านก็เปรยกับคณะศิษย์ที่ประกอบด้วย “คนตาดี” หลายคนว่า
    <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“พวกแกลองดูทีซิว่า มีพระรูปไหนอยู่กับในหลวงบ้าง”<!--colorc--><!--/colorc-->
    เข้าใจว่าท่านคงหมายถึง กายทิพย์หรือบารมีที่พระมหาเถระแต่ละองค์อธิษฐานพิทักษ์รักษาในหลวง
    ศิษย์ท่านหนึ่งก็ “เข้าที่” ตามหลวงปู่สั่ง พักหนึ่งก็ลืมตาแล้วตอบว่า
    “หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปางครับ”
    หลวงปู่ยิ้มแล้วว่า <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“นั่นองค์หนึ่งละ มีใครอีก”<!--colorc--><!--/colorc-->
    ศิษย์แสนซนคนหนึ่งตอบทันที “หลวงพ่อนั่นแหละครับ”
    ท่านมองหน้าแล้วถาม <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“ทำไมแกจึงว่าอย่างนั้น”<!--colorc--><!--/colorc-->
    ศิษย์อธิบายว่า
    <!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro-->“อ้าว ก็หลวงพ่อรู้ได้ว่ามีองค์นั้น องค์นี้อยู่กับในหลวง แสดงว่าหลวงพ่อก็ต้องไปมาด้วยน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไง”<!--colorc--><!--/colorc-->
    เมื่อเข้าเนื้อท่านโบกมือให้ยุติเรื่องทันที ศิษย์ก็ถึงที่ยิ้มไป…
    [​IMG]
    เราอย่าเห็นสิ่งปลีกย่อยดีกว่าส่วนรวมส่วนใหญ่นะ ส่วนใหญ่นั่นละเป็นของสำคัญ พ่อกับแม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อะไรที่เป็นหลักของชาติ เป็นหัวใจของชาติให้พากันรักกันสงวน อย่าพากันทำลาย ลูกเต้าจะอวดดีกว่าพ่อกว่าแม่มันไม่ดีละ
    คิดดูในพุทธศาสนาพระเจ้าอาชา ตศัตรูทำลายพระราชบิดา ก็ไม่เห็นเจริญอะไร ท่านว่า เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมึ พวกสัตว์ทั้งหลายถ้านึกลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเทิดทูนในสิ่งที่ดีงามที่มีคุณมีประโยชน์ทั้งหลายแล้วผู้นั้นเจริญ ผู้ใดไปทำลายหลักใหญ่แล้วจะเอาให้ส่วนเล็กๆนี้ขึ้นครองบ้านครองเมืองมันก็ไม่ดี ให้พากันรักษาหลักใหญ่เอาไว้
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือหัวใจของชาติไทยเรา นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้วสกุลนั้นไม่เจริญ สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวมผู้นั้นเป็นผู้ดี
    นี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของพวกเราคือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี
    ดังที่ท่านว่าอึ่งอ่างกับวัวนั่นละ เราก็เห็นในนิทานอีสปแต่ก่อนเรียนหนังสือ อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้นนี่ วัวมันตัวขนาดไหน ลูกอยู่ในรู แม่ไปหากิน ลืมแล้วนิทานอีสป มันเป็นอย่างไรละทีนี้ (ลูกเห็นวัว พอแม่กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มาก แม่ก็พองตัว ลูกว่าใหญ่กว่านี้อีกค่ะ) ได้ไหมๆ สุดท้ายสิ่งที่ได้คือพุงแตก นี่ระวังนะ ตัวเล็กๆ อย่าไปพองตัว มันไม่สมควรจะพอง อึ่งอ่างกับวัว วัวมันตัวใหญ่ขนาดไหน อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น มาพอง มันตัวเท่านี้ไหมๆ เรื่อย สุดท้ายเลยตาย เข้าใจไหม นี่อึ่งอ่างกับวัวมันไม่ดีอย่างนั้นละ
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
    [​IMG]
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา เคยบอกกับผมเมื่อสมัยที่บวชอยู่กับท่านว่า…
    <!--coloro:#9ACD32--><!--/coloro--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->“วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก”<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
    หลวงพ่อมองหน้าผมแล้วย้ำว่า…
    <!--coloro:#9ACD32--><!--/coloro--><!--sizeo:4--><!--/sizeo-->“ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ”<!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
    [​IMG]
    [​IMG]



    มีใครสวดมนต์ และอัญเชิญบารมีพระมหาโพธิสัตว์ ถวายแก่องค์พระเจ้าอยูหัวทุกวันบ้างครับ.................................................................................
     
  6. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [MUSIC]http://www.amitabha-gallery.org/chantDZ_stream1.m3u[/MUSIC]
     
  7. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    अनुमोदना साधु साधु साधु
     
  9. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    สาธุ

    ขอนอบน้อมกราบไหว้วันทาในความเมตตาของ อาจารย์
     
  10. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [MUSIC]http://www.ompramanidanisoha.com/audio/dizang_mdy3.mp3[/MUSIC]
     
  11. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์”

    เป็นคาถาที่สำคัญมากที่สุดคาถาหนึ่งของพุทธศาสนามหายาน เนื่องจากเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มากคาถาหนึ่ง จึงเป็นที่รู้จักกันเป็นที่แพร่หลาย คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์” ออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางดังนี้


    “อม ปอลอมิลิงทอนิง ซอพอเฮอ”

    ซึ่งมาจากภาษาสันสกฤตดังนี้ “อม ปรามารตะเน สวาหา”


    [​IMG]


    พระคาถานี้มีอานุภาพมหาศาล เมื่อเจริญพระคาถาให้กระทำกษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปมุทรา แล้วจินตภาพว่า กษิติครรภมหาโพธิสัตว์ปรากฏพระองค์อยู่บนนภากาศ พระรัศมีแห่งพระองค์สาดส่องไปทั่วสรรพโลกธาตุอนันตมหาจักรวาล สาดส่องไปยังสรรพชีวิตทุกคนทุกตนทุกภพภูมิ พระรัศมีพาดร่างกายแห่งสรรพชีวิต ยังบาปกรรมที่รัศมีสีดำให้สลายไปจากทุกอณูแห่งร่างของสรรพชีวิต เหลือไว้แต่รัศมีอันเรืองรองสุกใส อันเป็นรัศมีแห่งปัญญา และมหากรุณา เมื่อจินตภาพดังนี้ และภาวนาเนิ่นนานไปบาปกรรมแห่งผู้ภาวนาจะค่อยๆเบาบางและสลายไปในที่สุด คนจำนวนไม่น้อยสำคัญผิด คิดว่าจะภาวนาคาถานี้ด้วยความโลภ เพื่อลบล้างบาปตนที่ได้กระทำมา ให้ตนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งการสวดสาธยายมนต์และธารณีในพุทธศาสนามหายานเพื่อตน จะได้ผลน้อยและเนิ่นช้า ทั้งยังขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานและบทสวดเสียงเพลงอันไพเราะด้วยครับ



    .
     
  13. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00093_472.jpg
      00093_472.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198.9 KB
      เปิดดู:
      5,190
  14. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    <TABLE class=tborder id=post2907473 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2907473 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">บรรดาเหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่หลุดพ้นนั้น จิตใจยังไม่มั่นคง จึงสร้างกรรมก่อเวรแปรผันไปตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสงสารวัฏฏ์อันยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด เปรียบได้กับมัจฉาที่ถูกแหอวนล้อมไว้ แต่หลงเข้าใจผิดคิดว่าได้ว่ายอยู่ในกระแสชลที่กว้างใหญ่แม้จะมีบ้างที่พึ่งสามารถหลุดรอดออกมาได้ใหม่ ๆ แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ประเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องกลับลงไปอยู่ในวงล้อมของแหอวนนั้นซ้ำอีก จนไม่มีวันหลุดรอดออกมาได้เป็นคำรบสอง ปุถุชนที่มีความดื้อรั้นฝังแน่นในกมลสันดานเหล่านี้เป็นผู้ที่พรหม เทพ เทวา ยมโลก จิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องที่ต้องการฉุดช่วยหนักใจยิ่งนัก

    ..... แต่เนื่องด้วยยังมีเหล่าผู้ดำเนินมรรคแห่งมหาโพธิสัตว์อยู่ ด้วยปณิธานที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ในอันจะฉุดช่วยเวไนยสัตว์ทั้งปวงให้พ้นทุกข์


    ...พระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ท่านพร้อมจะเข้ามรรค ผล แต่หยุดตัวเองไว้
    ทั้งที่เราทราบนาม และไม่ทราบนาม

    เราอาจระลึกไม่ได้ถึงสัมพันธ์ในอดีตกับท่านในวัฏฏะอันยาวนานนี้


    ทรงเป็นศูนย์กลางที่จะเจรจา ตกลง ต่อรอง การชำระหนี้กรรม การผ่อนชำระหนี้สินทางจิตวิญญาณ ฯลฯ

    เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ในข่ายของพระรัตนตรัย


    เราต้องสำนึกออกมาจากใจ ว่าจะไม่ทำกรรมเลวที่เคยผิดพลาดอีก

    จะตั้งใจบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา ปัญญา
    แล้ว ปล่อยใจให้เข้าสู่ความศรัทธาในเมตตาโพธิสัตว์

    อย่างน้อย ...จะสัมผัสกระแสเย็น อบอุ่น ในจิตใจได้บ้าง

    ช่วงแรกขอให้อดทนที่จะสวดภาวนา ให้มากที่สุดจะมากได้
    ไม่ว่าอิริยาบถใด แล้วต้องแผ่บุญกุศลจากการสวดภาวนาให้กับ
    เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณให้ได้ทุกวัน ก่อนนอนหลับไป

    .....เมื่อหนี้สินกรรมท่วมท้น.... ต้องอาศัยคนกลาง ที่มีกำลังมากพอ...

    ขอให้ศรัทธาในพระรัตนตรัย



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์”

    เป็นคาถาที่สำคัญมากที่สุดคาถาหนึ่งของพุทธศาสนามหายาน เนื่องจากเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มากคาถาหนึ่ง จึงเป็นที่รู้จักกันเป็นที่แพร่หลาย คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์” ออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางดังนี้



    “อม ปอลอมิลิงทอนิง ซอพอเฮอ”

    ซึ่งมาจากภาษาสันสกฤตดังนี้ “อม ปรามารตะเน สวาหา”


    [​IMG]


    พระคาถานี้มีอานุภาพมหาศาล เมื่อเจริญพระคาถาให้กระทำกษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปมุทรา แล้วจินตภาพว่า กษิติครรภมหาโพธิสัตว์ปรากฏพระองค์อยู่บนนภากาศ พระรัศมีแห่งพระองค์สาดส่องไปทั่วสรรพโลกธาตุอนันตมหาจักรวาล สาดส่องไปยังสรรพชีวิตทุกคนทุกตนทุกภพภูมิ พระรัศมีพาดร่างกายแห่งสรรพชีวิต ยังบาปกรรมที่รัศมีสีดำให้สลายไปจากทุกอณูแห่งร่างของสรรพชีวิต เหลือไว้แต่รัศมีอันเรืองรองสุกใส อันเป็นรัศมีแห่งปัญญา และมหากรุณา เมื่อจินตภาพดังนี้ และภาวนาเนิ่นนานไปบาปกรรมแห่งผู้ภาวนาจะค่อยๆเบาบางและสลายไปในที่สุด


    คนจำนวนไม่น้อยสำคัญผิด คิดว่าจะภาวนาคาถานี้ด้วยความโลภ เพื่อลบล้างบาปตนที่ได้กระทำมา ให้ตนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    ซึ่งการสวดสาธยายมนต์และธารณีในพุทธศาสนามหายานเพื่อตน จะได้ผลน้อยและเนิ่นช้า ทั้งยังขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    [​IMG]




    หรือ กดฟัง เสียงสวด บทสลาย ลดทอนแรงกรรม สำเนียงทิเบตข้างล่างนี้
    พร้อมกับทำมุทรา

    [​IMG]



    <TABLE id=table1 width="68%" border=0><TBODY><TR><TD>Om Pra Ma Ni Da Ni So Ha
    Click Here To Listen (mp3)
    This is Ksitigabha Bodhisattva Tibetan Mantra
    for Eradicating Fixed Karma.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    หมายเหตุ มีสามสำเนียง เลือกสวดตามความพอใจ<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    ...แรกๆ ต้องอดทนมากหน่อย

    เพราะ เหมือนเรากวาดบ้านใหม่ๆ ฝุ่น ( ความคิด นึก เรื่องเก่าๆในจิต )

    ย่อมฟุ้งกระจายขึ้นมาเป็นธรรมดา


    ...แสดงว่า เราทำได้ผลแล้ว....จำไว้


    ให้อดทนสวด ภาวนา ต่อไป


    กรรม และบาป จะค่อยๆถูกชำระ ไปทีละเปลาะ....


    ใช้กรรมขณะทำกรรมฐาน ขณะสวด จะเบากว่า ใช้กรรมในชีวิตโดยไม่ภาวนา

    หลายเท่านัก.......อดทน อดทน...พากเพียร....<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    เราพระพุทธกษิติครรภ์

    อยู่ในยมโลกได้รับฏีกามากมาย ได้ลบล้างหนี้กรรมของชนทั้งหลายไปมากแล้ว
    แต่ชนทุกท่านยังต้องระมัดระวังและจดจำไว้ ยังมีหนี้ของพวกท่านอีกจำนวนมาก ยังลบล้างไม่หมดสิ้น
    ดังนั้น จะต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลบล้างหนี้กรรมไปเรื่อยๆ
    เพราะอดีตชาติที่ได้ก่อหนี้กรรมไว้ไม่รู้สักเท่าไหร่

    นอกจากนั้นยังทำร้ายชีวิตคน ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้อย่างไร
    ดังนั้น ทุกเวลานาที มีจิตสำนึกขอขมาอยู่ตลอด
    สำนึกขอขมาที่อดีตชาติได้กระทำความผิดไว้
    สำนึกขอขมาที่ในชาตินี้ได้กระทำความผิดไว้

    วจีกรรมจะต้องระมัดระวัง วจีสุจริต แต่ละคำ แต่ละประโยคจะต้องตรึกตรองโดยรอบคอบก่อน แล้วจึงค่อยพูด
    ลองคิดตามคำพูดของตัวเองว่า ถ้าพูดออกมาแล้ว

    จะให้ร้ายกับใครบ้างหรือเปล่า
    จะทำให้อาณาจักรธรรมเสียหายหรือเปล่า
    คำพูดนี้ไม่น่าจะพูดออกมาเลย

    คำพูดแต่ละคำต้องระมัดระวังให้มาก
    ถ้อยคำเพียงคำเดียว หากพูดได้ดี สามารถสร้างชาติได้ หากพูดให้เสียหาย ก็ก่อให้เกิดสงครามทำลายไปหลายชาติ
    มีคำกล่าวว่า

    หนึ่งคำพูดสร้างชาติ
    หนึ่งคำพูดทำให้สูญเสียชาติ

    ในอาณาจักรธรรม

    หนึ่งคำให้กำลังใจ ช่วยให้คนท้อแท้สูญเสียกำลังใจ กลับมามีความเชื่อมั่นอีก
    ทำให้หนทางการบำเพ็ญของเขาเต็มไปด้วยความหวัง มีความหวังในการเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป
    นี่เท่ากับขยายต่อปัญญาญาณของผู้บำเพ็ญ

    หากแต่หนึ่งคำพูด ทำให้เกิดความโกรธแค้น อาจทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของเขาขาดไป
    ทำให้เขาหมดหวังกับอาณาจักรธรรม รู้สึกว่าอาณาจักรธรรมไม่อบอุ่น
    ไม่ให้ความสนใจ จึงเหินห่างอาณาจักรธรรม

    คำพูดไม่ถูกใจเกิดความโกรธแค้น ทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของคนอื่นขาดไป
    ทำให้เขาระเหเร่ร่อนไปบนเส้นทางเวียนว่าย บาปกรรมนี้หนักหนามาก
    ดังนั้น เมธีทุกท่านต้องระมัดระวังและเข้มงวดกับคำพูด
    ทุกอย่างจงคิดแล้วคิดอีก จึงค่อยพูดค่อยทำ
    คำที่จะกล่าวออกมา ควรตรองแล้วตรองอีก
     
  18. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
  19. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    งานมุฑิตา สักการะ หลวงปู่บุญฤทธิ์อายุ 96 ปี 2553 นี้


    จัดที่สวนทิพย์ ฯ ปากเกร็ด นนทบุรี



    วันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ เป็นวันพฤหัส และ ศุกร์

    วันพฤหัสฯ สวดพระพุทธมนต์ และนิมนต์ครูอาจารย์เทศน์

    วันศุกร์ ตักบาตร และ สรงน้ำหลวงปู่ฯ


    อ่านธรรมเนียมการปฏิบัติ การแต่งตัว การสำรวมฯ และ รายละเอียดการทำบุญ

    ได้ที่เว็บวัดป่า http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=2829


    [​IMG]



    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    <EMBED height=344 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/kxj8Pokp6nQ allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...