การสะสมพลังงานของจิต

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจยิ่งนักเมื่อเชื่อมโยงในทฤษฏีต่างๆ โดยเฉพาะทฤษฏีสัมพันธภาพและทฤษฎีควอนตัมที่เป็นพื้นฐานแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่นั้น เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์บรมศาสดาทรงเผยแพร่และสั่งสอนมาแล้วกว่า 2,500 ปี ในกฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ว่าสิ่งที่เห็น (รูป )สิ่งที่คิด(นาม)ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง ล้วนไม่จริง ทุกสิ่งไม่แน่นอน ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง แต่ถ้าหากท่านใดยังไม่ได้หันมาศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ท่านคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่พิลึกพิลั่น เหนือความคิด ความคาดหมาย ที่จะบอกว่า ทุกอย่างในโลกที่เราเห็นนั้น แท้ที่จริงแล้วคือคลื่นแห่งพลังงานที่ประกอบเข้าด้วยกัน ด้วยระดับคลื่นความถี่ที่ต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นและตัวตนของเราก็เป็นกลุ่มก้อนของพลังงาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในโลกใบนี้ไม่เป็นไปดังที่เราเห็น แม้แต่ตัวเราเอง ก็ไม่ใช่เราแม้จะมองเห็นอยู่แท้ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรา ไม่มีเราในกายที่เป็นธาตุนี้ ไม่มีเราในใจที่เป็นขันธ์นี้ ไม่มีเราที่ไหนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีเลย คน สัตว์ สิ่งของต่างๆ ก็ไม่มี ฯลฯ

 

ท่านคงเข้าใจแล้วว่า พระพุทธศาสนาที่เราเคารพนับถือนั้นเป็นหลักของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ซึ่งเป็นหลักแห่งวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเข้ามาภายใน

 

พลังธรรมชาติ สู่ พลังจิต

 

เทคนิคให้ก้าวหน้าในสมาธิไ้ด้เร็ว

ถ้าต้องการให้จิตขยะแขยงในกายเนื้อ มีกรรมฐานที่ทรงอารมณ์ควบกัน ที่ผู้ปฏิบัติจะก้าวหน้าในสมาธิได้ดี คือ

1. เริ่มที่การกำหนด ดูกาย ( กายานุปัสนากรรมฐาน )

2. แล้วแยกธาตุ ( จัตตุธาตุวัตฐาน 4 ประกอบไปด้วย ดินน้ำ ลม ไฟ ) ขั้นตอนนี้ แยกธาตุจากกายที

ละธาตุ จะเริ่มดึงธาตุไหนก่อนก็แล้วแต่ชอบ แต่เทคนิคคือ เมื่อดึงธาตุออกมาทีละธาตุกำหนดธาตุนั้นให้

อยู่ในท่าเดียวกับกายขณะที่เข้าสมาธิ เช่น ท่านั่ง ธาตุที่ดึงออกไปก็ต้องเป็นท่านั่ง และให้ดึงออกทีละ

ชิ้น ไม่ต้องรวบรัด ดึงช้าๆ เนิบๆ จิตมันจะได้พิจารณาตามไปด้วย ) เมื่อดึงธาตุออกจากกายเนื้อ จะเห็น

ธาตุทั้ง 4 อยู่ในท่าเหมือนกันกับเรา 4 คน แต่อยู่คนละธาตุ ตรงนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อไปต่อในกสิณ

ธาตุ

3. รวมธาตุเข้าหากันเป็นกายเดียว แล้ว กำหนดให้ธาตุเจริญวัย และ แก่ เจ็บ ตายไปในที่สุด ( มรณานุ

สติกรรมฐาน)

4. เมื่อเห็นก้อนธาตุที่ที่ปราศจาก จิตที่ครองร่างแล้ว ให้เริ่มปรงอสุภะกรรมฐาน 10 ต่อเลย จนกระดูกก็

เป็นเถ้าะธุลี ปลิวไปในอากาส

5. จากนั้นให้เริ่มต่อในสมาธิในกองที่ชอบ จะเป็นกสิณ 10 อาณาปานสติ 1และพรมวิหาร 4(ให้ถึง

อุเบกขา ) เพราะมีกรรมฐานแค่ 12 กองนี้ที่ไปถึง ฌาน 4 ...

นี่คือเทคนิค และวิธีการที่จะพาให้ท่านก้าวหน้าในสมาธิได้เร็ว ลองนำไปปฏิบัติดู พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

เถิด

ขอให้เจริญในธรรม..

 

วุ่นวายดีแท้

ถ้าจะให้ดีก็อยู่เฉยๆ ดีกว่า

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดแล้ว ดับไป

 

ธรรมของพระพุทธองค์บรมศาสดา ไม่วุ่นวาย

 

จิต นี้ วุ่นวาย หากไม่ขัดเกลา บำรุงรักษาแล้ว จะไปกี่ภพชาติ ก็วุ่นวาย

 

หลักแห่งวิทยาศาสตร์
ยังล้าหลังกว่าพุทธศาสนามาก ยังมีจริงและจริงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
สิ่งที่แท้จริงและไม่แบ่งแยกต่อได้อีกแล้ว คือ ไตรลักษณ์ และ อริยสัจ
จะอทิบายอย่างไรตามสภาวะใจตนที่มีสัญญาอย่างไรก้ได้แต่ความจริงมีเพียงสิ่งเดียวนั้นคือ ธรรม

 

จริงดั่งท่าน แต่ด้วยความก้าวหน้าแห่งวิทยาศาตร์ยังเข้าไม่ถึง และยากแท้ที่จะเข้าถึง ซึ่งเพื่อให้เข้าใจในหลักแห่งพุทธ จริงแล้วต้องใช้ใจนี้จึงจะเข้าถึง